๕
แผนการ
“คุณวีร์!” ใบหน้าคมเข้มที่คุ้นเคยตอนนี้มีเลือดไหลลงมาเป็นทาง
จอมขวัญมองเขาอย่างเป็นห่วง พยายามประคองให้ร่างสูงไปนอนข้างเตียงของเธอ ร่างบางวิ่งวุ่นหาผ้าขนหนูขนาดเล็กและกะละมังใส่น้ำเพื่อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา จอมขวัญเช็ดหน้าที่มีเลือดเปื้อนให้ชนวีร์ก่อนจะเห็นว่าแผลไม่ใหญ่ถึงขั้นต้องเย็บแต่ที่เลือดไหลเยอะอาจเพราะโดนฝนด้วยก็เป็นได้
“หนะ หนาว” เสียงเข้มเอ่ยแผ่วเบาเต็มที
“ทนหน่อยนะคะ”
ฝนยังคงตกไม่หยุด ร่างบางเข้าไปเปลี่ยนน้ำแล้วมาถอดเสื้อให้ชายหนุ่มทันที แม้ใจจะเต้นแรงแต่ถ้าให้เขานอนเปียกแบบนี้ก็กลัวว่าจะเป็นปอดบวมไปเสียก่อน เมื่อเสร็จที่ท่อนบนท่อนล่างยิ่งสร้างความกังวลใจให้เธอเข้าไปอีก
“ขอโทษนะคะ ขวัญทำด้วยใจบริสุทธิ์นะ” ก่อนจะถอดกางเกงให้เขาจอมขวัญก็บอกก่อน กลั้นใจรูดซิปแล้วพยายามดึงลงมาแต่มันค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร
“คุณวีร์ช่วยยกสะโพกขึ้นหน่อยได้ไหมคะ” ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่าที่เธอพูดแต่ก็บอกไปแล้ว ดูเหมือนว่าชนวีร์จะรู้ว่าเธอพูดอะไรเพราะเขายกสะโพกขึ้นทำให้ผ่านช่วงทุลักทุเลไปได้ ตอนนี้ทั้งร่างหนาจึงมีเพียงแค่กางเกง บ๊อกเซอร์เท่านั้น
จอมขวัญพยายามไม่มองแล้วหากางเกงขนาดใหญ่ให้เขาแต่ค้นทั่วตู้ก็ไม่พบ เธอจึงตัดสินใจให้เขาใส่เพียงเสื้อยืดของพ่อเธอที่ทิ้งไว้เพราะลืม
“หนาว” ปากของชนวีร์ตอนนี้ซีดจนเธออดเป็นห่วงไม่ได้
จอมขวัญเช็ดตัวให้เขาแล้วใส่เสื้อพร้อมกับพันผ้าขนหนูให้ก่อนจะพยายามอุ้มร่างสูงให้ขึ้นไปนอนบนเตียง
“คุณลุกไหวไหมคะ” ไร้เสียงตอบรับจากเขา เธอจึงต้องพยุงเขาลุกขึ้นให้ได้ ชนวีร์ก็ช่วยเธอโดยไม่ทิ้งน้ำหนักใส่เธอมากนัก จนเขาขึ้นมานอนบนที่นอนของเธอได้สำเร็จแต่ก็ทำเอาจอมขวัญถึงกับหอบ
“ถอด ให้ หมด” เหมือนไร้เรี่ยวแรงแต่เขาก็พยายามพูดออกมา
จอมขวัญฟังแล้วถึงกับตาโตกับสิ่งที่เขาบอก
..ถอดให้หมดของเขาคงไม่ได้หมายความว่าให้เธอถอดชั้นในของเขาออกหมดหรอกนะ
“แต่ว่า”
“ฉันอึดอัด” เขาพยายามสื่อสารออกมาแม้ไม่ลืมตาก็ตาม
จอมขวัญทำสีหน้าลำบากใจแต่ก็ต้องทำตาม ร่างบางมองไปทางอื่นแล้วสอดมือเข้าไปถอดกางเกงบ๊อกเซอร์ให้เขา พยายามอย่างยิ่งไม่ให้มือสัมผัสโดนแก่นกลางของร่างกายหนา
“ให้ตายเถอะ มันลำบากจริงๆ นะคะ” บ่นพึมพำแต่ก็ต้องถอดให้เขา จอมขวัญพยายามทำให้ดีที่สุดก่อนที่ปราการชิ้นสุดท้ายจะหลุดออกจากตัวเขา เธอถึงกับต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อเสร็จภารกิจไปจอมขวัญก็ห่มผ้าให้เขาแล้วเก็บกวาดห้อง เธอเปิดตู้เสื้อผ้าหาเสื้อแขนยาวใส่พร้อมกับหยิบประเป๋าเพื่อจะไปซื้อยามาทำแผลให้เขา ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลไปแล้ว
จอมขวัญตรวจดูเขาก่อนจะออกไปซื้อของข้างนอกโดยไม่ลืมพกร่มไปด้วย เมื่อลงมาข้างล่างเธอก็พูดคุยกับเจ้าของหอพอไม่ให้เป็นที่ผิดปกติก่อนจะเดินเข้าอีกซอยเพื่อซื้อยา
ได้ของครบจอมขวัญก็กลับทันที เธอซื้อยาทำแผลและยาลดไข้ด้วย แม้จะสงสัยว่าเขาไปโดนอะไรแต่ห่วงอาการเจ็บของเขามากกว่าเธอจึงไม่อยากจะถามเขาตอนนี้รอให้อาการดีขึ้นเสียก่อนถามตอนนั้นก็ไม่เสียหาย
ถึงหอร่างบางก็เดินขึ้นห้องไปหาเขาที่ยังคงนอนเหมือนก่อนที่เธอจะออกไป
ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียว เท้าของเขาเกินเตียงของเธอออกมานิดหน่อยก็เพราะเขาตัวสูงมากนั่นเอง ขนาดว่าเตียงเธอยาวมากแล้วก็ตาม ร่างบางวางยาไว้ข้างหัวเตียงแล้วนั่งทำแผลให้เขาก่อนจะติดพลาสเตอร์ให้เสร็จแล้วก็ไปที่ครัวทำโจ๊กให้เขาก่อนกินยา
“กินสักคำสองคำนะคะ จะได้กินยา” กลัวเขาไม่มีแรงจะลุกขึ้นกินก็กลัวแต่ดีที่ชนวีร์อ้าปากรับโจ๊กที่เธอป้อนเสียก่อน เขากินไปสามคำก็หยุด จอมขวัญจึงป้อนยาให้เขาแล้วเก็บของทั้งหมด ช่วงเย็นเธอยังไม่ได้กินข้าวจึงทำโจ๊กกิน
กินเสร็จแล้วจอมขวัญก็ล้างจานก่อนจะมาปูที่นอนข้างเตียงเพื่อเฝ้าเจ้านายของหล่อนเอง ดีที่แม่บอกให้ซื้อเครื่องนอนไว้อีกชุดเธอจึงปูนอนได้ จอมขวัญไม่ได้ถอดเสื้อแขนยาวเพราะคิดว่าใส่เสื้อกล้ามอยู่กับผู้ชายสองคน ไม่เหมาะสมแม้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอก็ตาม
ก่อนนอนร่างบางก็มองหน้าของคนที่เธอแอบรักมานาน ตอนเขาหลับดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรกำลังนิทรา เธอไม่อาจถอนสายตาจากเขาได้เลย เขาหล่อตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเจอจนกระทั่งวันนี้ เธอจำเขาได้แต่เขากลับจำเธอไม่ได้แถมยังรังเกียจอีกต่างหาก เขาเกลียดผู้หญิงอย่างเธอที่สุดเธอรู้ เกลียดจนไม่อยากมองหน้าแต่ทำไมตอนนี้เขากลับหวานใส่เธอ มันกะทันหันจนบางครั้งเธอก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ฝันไปหรือไม่ ถ้าเป็นฝันเธอก็คงไม่อยากตื่น แต่มันไม่ใช่เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือความจริง เขาคือความจริง
“คุณหลอกขวัญหรือเปล่าคะ หลอกขวัญหรือเปล่า” สมองยังคงกังวลแต่ใจของเธอกลับบอกว่ายอมให้เขาหลอก เพียงแค่ได้อยู่ใกล้เขาเท่านั้น เธอรักเขา รักเสียจนไม่คิดว่าจะรักใครคนหนึ่งได้ขนาดนี้ เขาคือรักแรกและอาจจะเป็นตลอดไป เธอพยายามตัดใจจากเขาแล้วแต่ดูเหมือนยิ่งทำเธอก็ยิ่งเจ็บเอง
“ฝันดีนะคะ” บอกเสร็จเธอก็ล้มตัวนอนพยายามหลับตาก่อนจะหลับไปในที่สุดด้วยความเพลีย
โดยไม่รู้เลยว่าดวงตาที่หลับสนิทของชายหนุ่มบนเตียงเมื่อกี้ค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ ชนวีร์แสยะยิ้มมุมปากเหมือนวายร้ายในตัวละครไม่มีผิด ดวงตาของเขาเต็มไปความเย้ยหยัน
..นี่แค่แผนการเล็กน้อยเท่านั้น เขาจะทำให้เธอเหมือนเจ้าหญิงที่อยู่ในปราสาททองก่อนจะผลักให้เธอลงมาสู่โคลนตมอย่างไม่ปรานีเชียวละ!
วันต่อมา
จอมขวัญตื่นแต่เช้า เธอเอามืออังหน้าผากชนวีร์ ระดับความร้อนลดลงแล้วแต่ยังตัวรุมๆ อยู่ เธอลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วซื้ออาหารเช้ามาให้เขาโดยไม่ได้แวะไปที่สวนสาธารณะเพื่อออกกำลังกายเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
กลับเข้ามาภายในห้องยังคงเห็นร่างสูงนอนเหยียดตัวยาวอยู่บนเตียงเธอเดินเข้าไปเอามืออังหน้าผากเขาดูอีกครั้งและแปลกที่ตัวกลับร้อนขึ้นมากกว่าเดิมอีก จอมขวัญตกใจวางของไว้บนโต๊ะอาหารเข้าไปภายในห้องน้ำเพื่อเอากะละมังขนาดเล็กและผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้เขา
“ไม่เอา” ผลักมือเธอออกแล้วตะแคงตัวไปอีกทางทันที
“ถ้าไม่เช็ดตัวจะร้อนมากกว่านี้นะคะ” พยายามกล่อมเขาแต่ดูจะไม่นำพาเพราะอีกฝ่ายไม่พูดจาอะไรเลย ไม่ตอบรับเธอสักนิด
“คุณวีร์คะ” จอมขวัญจับแขนเขากลับแปลกที่ดูเหมือนว่าแขนเขาจะไม่ร้อนสักเท่าไหร่ เธอเอามืออังหน้าผากมันกลับร้อนจนรู้สึกแปลกใจ
“อื้อ” ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวเขาหันหน้ากลับมาแล้วรวบเอวบางเข้ามากอดทันทีจนเธอไม่ทันจะได้ตั้งตัว
“นอนด้วยกันนะ” น้ำเสียงออดอ้อนนั้นทำเอาใจเธอสั่นไหว อยากจะผลักใสแต่ใจกลับค้าน ความคลางแคลงใจเมื่อครู่ดูเหมือนจะมลายไปสิ้น
“ไม่ได้นะคะ”
“ฉันไม่อยากนอนคนเดียว” เอ่ยเสียงอู้อี้ก่อนจะกระชับกอดเอวบางแน่นขึ้น เขาเอาหัวมาหนุนที่ตักเธอแทนหมอน
ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อ มองหน้าคมสันที่สองตาหลับพริ้มแต่ยังคงน่ามอง
“นอนด้วยกันนะ”
น้ำเสียงของเขาที่ทำเอาใจเธอแทบละลายนั้น ทลายกำแพงที่เธอสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองจากเขาให้ทลายลงไป
จอมขวัญกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิดก่อนจะตัดสินใจขึ้นไปนอนเคียงข้างเขาในที่สุด
ชนวีร์ลืมตาขึ้นมายิ้มมุมปากให้เธอก่อนจะกอดกระชับร่างบางเข้าหาตนเอง ลมหายใจร้อนเป่ารดศีรษะของหล่อนจนใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ
ในอ้อมกอดแข็งแรงนี้ช่างอบอุ่นยิ่งนัก เธอเฝ้ารอคอยมาแสนนานว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นระหว่างเธอกับเขา มันอาจจะเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวแต่ว่าเธอรักเขา อยากให้เขากอด เป็นที่รักของเขา ซึ่งตอนนั้นเธอก็ได้เพียงแค่คิดต่างจากตอนนี้ยิ่งนัก ใบหน้าหวานอมยิ้มก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ต่างจากชนวีร์ที่ตายังคงลืมอยู่ แววตานิ่งลึกที่ไม่อาจคาดเดาก่อนที่เขาจะหลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกคน
จอมขวัญตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเที่ยง ร่างบางพยายามเอามือของชนวีร์ออกก่อนจะลุกขึ้นไปอุ่นอาหารแล้วล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำแต่งตัวออกมาจัดสำรับกับข้าวโดยไม่ลืมเก็บของให้เข้าที่ แม้ตอนนี้ร่างสูงยังคงหลับสนิทแต่เขาก็มีอาการดีขึ้นมากแล้วเพราะตัวไม่ร้อนเท่าเมื่อเช้า จนเธอเบาใจได้ว่าเขาคงจะหาย ร่างบางสำรวจดูที่บริเวณศีรษะก็ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรแล้วแต่เธอก็ดึงพลาสเตอร์ออกพยายามเบามือที่สุด
“ตื่นแล้วเหรอคะ” จอมขวัญถาม อีกฝ่ายรู้สึกตัวจอมขวัญจึงเอามือออกมา
ร่างสูงชันตัวขึ้นนั่งมองไปรอบห้องอีกครั้ง
“ฉันมานอนห้องเธอเหรอ” ดูเหมือนจะหายป่วยแล้วเพราะอาการเขาตอนนี้แทบจะเป็นปกติทุกอย่าง ชนวีร์มองสำรวจตัวเอง เมื่อพบว่าทั้งตัวมีแค่เสื้อยืดและผ้าเช็ดตัวพันบริเวณด้านล่างเท่านั้นเอง
“ชุดของคุณฉันเอาไปซักแห้งให้แล้วนะคะ ถ้าดีขึ้นแล้วก็อาบน้ำแล้วมากินข้าวเถอะค่ะ” เห็นเขาสำรวจร่างกายตัวเองแล้วจึงบอกขึ้น
“โอ๊ย!” มือหนาจับที่ศีรษะตัวเองจนร่างบางต้องรีบเข้าไปดู ใบหน้าเรียบนิ่งแสดงความเจ็บออกมา
“ทำแผลใหม่อีกไหมคะ” ไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน จอมขวัญจึงเอาอุปกรณ์ทำแผลมาทำให้เขาใหม่อีกรอบ โดยที่มีสายตาคมมองอยู่ตลอดเวลาจนเธอมือสั่นทำอะไรแทบไม่ถูก เมื่อทำเสร็จก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก “คุณวีร์เข้าไปอาบน้ำเถอะค่ะ จะได้มากินข้าว”
เขาพูดง่ายเมื่อหล่อนพูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าตัวเองที่วางไว้ตรงชั้นวางเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำทันที รอเพียงไม่นานร่างสูงก็ออกมาด้วยชุดเมื่อวานนี้
จอมขวัญเรียกให้เขามานั่งกินข้าวที่โต๊ะขนาดพอดีมีเก้าอี้สองตัว
“ทำไมคุณถึงเจ็บตัวคะ ไปทำอะไรมา” เริ่มลงมือรับประทานอาหาร จอมขวัญก็ถามขึ้น
“ฉันขับรถไปแล้วมีคนวิ่งตัดหน้ารถเสียหลักนิดหน่อย ขับรถกลับบ้านไม่ไหวเลยมาหาเธอที่ห้อง ไม่รู้จะให้ใครช่วยแถมตอนนั้นฝนก็ตก เลือดก็ไหล ฉันเลยอ่อนแอไปหน่อย” น้ำเสียงอ่อนนั้นเหมือนอ้อนอยู่ในที
จอมขวัญพยักหน้าเข้าใจกับสิ่งที่เขาพูด
“ขวัญแค่ตกใจน่ะค่ะ นึกว่าโจรขึ้นมาเสียอีก”
“ฉันก็เป็นโจรนะ”
ร่างบางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามก่อนที่ชายหนุ่มจะยักคิ้วให้เธอ
“โจรขโมยหัวใจน่ะ”
คำตอบนั้นทำเอาหล่อนไปไม่เป็น จอมขวัญก้มหน้ากินข้าวด้วยใบหน้าแดงซ่าน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะไม่คิดว่าเขาจะรุกเธอได้รวดเร็วแบบนี้
“ฉันจะออกไปทางหน้าต่าง เจอกันข้างล่างนะ ไปทำงานพร้อมกัน” ที่จริงวันนี้เธอคิดว่าจะลา
“แต่ขวัญว่าจะลา”
“ไม่อนุญาต ออกไปพร้อมกัน เปลี่ยนชุดซะ ฉันจะลงไปรอข้างล่าง” กินข้าวเสร็จเขาก็บังคับเธอแล้วออกไปทางระเบียงโดยที่มีจอมขวัญลุ้นช่วยให้เขาหลบไปได้
เมื่อชนวีร์ถึงข้างล่างเธอก็รีบเปลี่ยนชุดแต่งหน้านิดหน่อยแล้วลงไปหาเขาที่รถด้านล่างทันที
..ทำไมเธอไม่สังเกตเห็นรถของเขาเลยนะ
“ไปกันเถอะ”
สองคนนั่งรถออกไปด้วยกันโดยไม่รู้เลยว่ามีพนักงานของบริษัทที่ออกมาทำธุระแถวนั้นเห็นพอดี และสองสาวก็ถึงกับควักโทรศัพท์ออกมาเก็บภาพเมื่อจอมขวัญขึ้นรถไปกับท่านประธานไว้ได้ด้วย เรื่องนี้มีให้คุยต่ออีกยาวแน่โดยที่จอมขวัญไม่รู้เลยว่าชื่อเสียงของเธอเสียไปแล้ว
เมื่อถึงบริษัทชนวีร์ก็ให้จอมขวัญขึ้นไปก่อน เขาจะไปจอดรถโดยที่ไม่ลืมบอกให้เธอกลับพร้อมเขาตอนเย็นนี้อีกด้วย
จอมขวัญยิ้มทักทายเพื่อนร่วมงานแต่กลับไม่มีใครยิ้มตอบเธอเลยสักคนแถมมีหลายคนมองเธอแล้วหันไปซุบซิบกันจนหญิงสาวเริ่มใจเสีย เธอเดินขึ้นมายังแผนกของตนเองในขณะที่ทุกคนไปกินข้าวกันที่แคนทีน
“ขวัญ พี่นึกว่าจะไม่มาเสียอีก” ดาหวันขึ้นมาเป็นคนแรกเอ่ยทักรุ่นน้อง
จอมขวัญยิ้มให้พร้อมกับสวัสดี
“ตอนแรกก็ว่าจะไม่มาแหละค่ะ พอดีเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน” หล่อนไม่ได้ต่อความให้ยาวและดาหวันก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีกจอมขวัญจึงค่อนข้างสบายใจ
“อ้าว ขวัญสวัสดีจ้ะ” สองสาวคู่หูเดินยิ้มมาแต่ไกลทักทายจอมขวัญ แล้วรีบลากเก้าอี้ของตนเองมานั่งขนาบข้างจอมขวัญทั้งสองข้างทันที
“ขวัญจ๋า พี่ได้ข่าวมาว่าวันนี้ขวัญมากับท่านประธานเหรอ”
“แล้วท่านประธานสุดหล่อของเราไปรับขวัญที่หอด้วยจริงไหม”
คำถามนั้นทำเอาจอมขวัญอึ้ง เธอไม่คิดว่าจะมีใครรู้เรื่องนี้ และรู้สึกละอายเป็นอย่างยิ่งที่ทำเรื่องไม่สมควรแบบนี้ขึ้นในบริษัท
“พี่ๆ รู้มาจากไหนคะ”
“ก็เขาเล่าต่อๆ กันมา ว่ามีคนไปเห็นท่านประธานไปรับขวัญช่วงเที่ยงที่หอ แถมมีรูปด้วยนะ เดี๋ยวพี่เปิดให้ดู”
รูปในจอโทรศัพท์ก็ทำเอาเธอพูดไม่ออกเพราะมันเป็นความจริง จอมขวัญมองพี่ทั้งสามก่อนจะพยักหน้า
“คือว่าเรื่องทั้งหมดมันแค่เรื่องบังเอิญนะคะ ขวัญไม่อยากให้พี่ๆ เข้าใจผิดแต่ก็ไม่อยากแก้ตัวว่ามันไม่ใช่ขวัญ”
รุ่นน้องพูดจบวานิสาและอพิญญาต่างก็ร้องกรี๊ดด้วยความดีใจเพราะเธอเชียร์ให้น้องสาวคนสวยรักกับท่านประธานหนุ่มสุดหล่อแบดบอย
“พี่ว่านะ ท่านประธานต้องชอบขวัญแน่เลยละ”
ทั้งสองฟันธงจนจอมขวัญเขินอายแก้มแดงไปหมดยิ่งสร้างความเอ็นดูให้ทั้งสามยิ่งนักจนกระทั่ง
“ได้เวลาทำงานแล้วครับ” ปนิธิเดินเข้ามาเอ่ยเสียงเข้มไม่มองหน้าใครก่อนจะผลักประตูเข้าห้องไปแล้วปิดเสียงดังทำให้สาวทั้งสี่มองหน้ากันด้วยความงงงวยก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
จอมขวัญมองเข้าไปในห้องของหัวหน้าแผนกอย่างปนิธิแล้วถอนหายใจก้มดูเอกสารของตัวเองต่อ
ตอนเที่ยงจอมขวัญได้รับโทรศัพท์จากชนวีร์ว่าเขาต้องไปหาลูกค้าตอนเย็นอาจจะอยู่ถึงดึกเลยบอกให้เธอกลับเอง ซึ่งตัวจอมขวัญก็ไม่ได้ขัดข้องอยู่แล้วเธอบอกให้เขาทำงานให้เต็มที่ก่อนจะลา มิวายที่ชายหนุ่มจะหยอดคำหวานให้คนร่างบางเขินอาย
“ขวัญ เย็นนี้ไปบ้านพี่ไหม” ดาหวันเดินมาที่โต๊ะทำงานของจอมขวัญแล้วเอ่ยชวน
“บ้านพี่ดาหรือคะ ไปค่ะ ขวัญอยากไป” รอยยิ้มหวานส่งให้รุ่นพี่ก่อนที่ดาหวันจะพยักหน้าแล้วบอกว่าเดี๋ยวตอนเย็นแฟนเธอจะมารับ
ทั้งสองแยกย้ายกันไปทำงานจนกระทั่งถึงตอนเย็น
“ไปกันเถอะขวัญ” เก็บของเสร็จดาหวันก็เอ่ยชวนจอมขวัญที่เก็บของเสร็จพอดีจึงพยักหน้าส่งยิ้มให้
แต่ก่อนที่สองสาวจะออกไปปนิธิก็เดินออกมาสมทบพอดี
“จะกลับบ้านกันแล้วเหรอ” น้ำเสียงติดแววขรึมใบหน้าหล่อก็เรียบตึงไม่ยิ้มแย้มเหมือนเคยจนจอมขวัญอดกลัวไม่ได้
“ใช่ค่ะ แต่ขวัญจะไปบ้านพี่ดาก่อน” คำบอกเล่านั้นสร้างความสงสัยให้กับชายหนุ่มที่มาใหม่
“คุณปันไปด้วยกันไหมคะ” ดาหวันเอ่ยชวนทันทีเพราะดูเหมือนบรรยากาศอึมครึมของเจ้านายตนเองวันนี้ อาจจะมีรุ่นน้องสาวสวยคนข้างเธอเป็นเหตุก็ได้
“ไปได้เหรอ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไปด้วยนะ” และแน่นอนว่าดาหวันไม่ปฏิเสธทั้งสามเดินไปที่ลิฟต์ด้วยกันในเวลาเลิกงาน
คนเต็มลิฟต์จนเบียดกันจอมขวัญอยู่ใกล้ปนิธิและถูกเบียด ดีที่เขาจับไหล่เธอไว้ประคองไม่ให้ร่างบางล้มไปเพราะแรงเบียดเสียก่อน ถึงชั้นล่างคนก็ออกมากันเยอะ
“ขวัญไปกับพี่นะ” เพราะเห็นว่าจอมขวัญจะเดินไปกับดาหวันร่างสูงเลยพูดขึ้นก่อนที่เธอจะได้เดินไปกับรุ่นพี่ในแผนก
“ก็ได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณปันก็ขับรถตามมานะคะ”
ปนิธิโค้งรับแล้วพาจอมขวัญเดินไปยังที่จอดรถทันที เขาเปิดประตูให้เธอก่อนจะอ้อมมาทางคนขับ บรรยากาศบนรถเงียบจนจอมขวัญอึดอัด ปนิธิขับรถตามหลังรถของดาหวัน เขาไม่พูดอะไรและใบหน้าก็เคร่งขรึม
“ขวัญขอเปิดเพลงได้ไหมคะ” เอ่ยเสียงกล้าๆ กลัวๆ
ปนิธิเปิดเพลงให้เธอทำให้บรรยากาศไม่อึดอัดจนเกินไป
“เอ่อ ขวัญไม่รู้ว่าขวัญคิดไปเองหรือเปล่า แต่ว่าพี่ปันมีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ” เมื่อทนไม่ไหว รุ่นน้องร่วมสถาบันจึงเอ่ยถามขึ้นมาระหว่างติดไฟแดง
“พี่ก็ปกติ”
“ไม่ค่ะ พี่ปันไม่ขรึมขนาดนี้ พี่ปันโกรธขวัญหรือเปล่า ขวัญไปทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่าคะ” ถามไปแบบนั้นเธอก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน
ปนิธินิ่งเงียบก่อนจะถอนหายใจออกมาราวกับยอมจำนนต่อคำพูดของจอมขวัญ
“ปล่อยพี่ไว้แบบนี้สักพักเถอะ เดี๋ยวพี่ก็หาย พี่แค่คิดไปเอง” รุ่นพี่หนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วแล้วตั้งใจขับรถต่อไป
จอมขวัญเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกจนมาถึงยังบ้านจัดสรรขนาดกลางที่บริเวณโดยรอบตกแต่งด้วยไม้ดอกและไม้ประดับดูร่มรื่น
“ยังไม่ได้แนะนำเลย นี่คุณสินธร สามีของพี่เอง” หญิงสาวแนะนำสามีของตนเองที่ยืนยิ้มอยู่ข้างกายให้ทั้งสองคนรู้จัก
“คุณธรคะ นี่คุณปันเจ้านายของฉันเอง ส่วนนี่น้องขวัญเป็นน้องในแผนก” ทั้งสามทำความรู้จักกันสักพัก ก่อนที่ดาหวันเชิญทั้งสองคนเข้าบ้านพอดีกับที่ลูกชายคนโตวิ่งมากอดมารดาของตนเอง
“แม่ฮับบบบบ นายวาดฮารูโตะสวยไหมฮับ” ยังไม่ทันที่จะถึงตัวบ้านเด็กผู้ชายตัวเล็กก็วิ่งเข้ามากอดแม่เสียก่อนพร้อมยื่นสมุดวาดรูปให้ดู
“อวดแต่คุณแม่ไม่อวดคุณพ่อหรือครับ” ชายร่างอวบถามลูกชายเหมือนน้อยใจแต่แววตาแฝงไปด้วยความเอ็นดู
“คุณพ่อออ น้องนายวาดรูปสวยไหม” เด็กน้อยประจบพ่อตัวเองทันทีก่อนที่จะหันมาเจอแขกใหม่สองคน ดวงตากลมโตใสแจ๋วมองพี่สาวอย่างเขินอายก่อนจะหยิบสมุดแล้ววิ่งมาหลบข้างหลังคุณแม่ แก้มยุ้ยของเด็กน้อยออกสีแดง
“เป็นอะไรครับเจ้านาย”
ร่างเล็กส่ายหัวแอบอยู่หลังแม่แล้วโผล่หัวออกมาดู พอสบสายตากับพี่สาวเข้าก็รีบหลบสายตาแล้วอยู่ข้างหลังคุณแม่อีก
“ฮ่าๆ เขินพี่ขวัญเขาหรือลูกชาย” คุณสินธรถามลูกแล้วเข้ามาอุ้มเอาเจ้าตัวเล็กเข้าไปในบ้าน
จอมขวัญมองอย่างยิ้มๆ แล้วเดินเคียงคู่ไปกับปนิธิ บ้านของดาหวันภายในคล้ายกับบ้านจัดสรรทั่วไป มีรูปครอบครัวเต็มไปหมดและการจัดบ้านก็เน้นธรรมชาติเป็นส่วนมาก
จอมขวัญเข้าไปเล่นกับลูกคนเล็กของดาหวันซึ่งเป็นเด็กตัวน้อยยิ้มง่ายและหัวเราะเก่งที่นอนหัวเราะเอิ้กอ้ากให้เธออยู่ในเปล กลางวันที่ดาหวันและ สินธรไม่อยู่จะมีป้าของสินธรมาเลี้ยงให้เพราะเธอว่างและอยู่ซอยถัดไปเท่านั้นเอง
“เจ้าตัวน้อยน่าชังจังเลยค่ะ” ร่างบางเอ่ยชมเมื่อเล่นกับเด็กน้อยเสร็จ
“ค่ะ แกเลี้ยงง่ายด้วย ตัวอ้วนจ้ำม่ำ ผิวก็ข๊าวขาว” อวดลูกตัวเองแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ดาหวันหันไปกอดลูกชายคนโตเมื่ออีกฝ่ายนั่งเกาะแม่ไม่ปล่อยแล้วมองพี่สาวคนสวยตาเยิ้ม
ตอนนี้สินธรกับปนิธิเดินออกไปดูต้นไม้กัน ปนิธิชอบต้นกล้วยไม้ที่สินธรปลูกจึงเดินไปดูวิธีการปลูกและเลี้ยงดู
“เจ้านายครับ มาหาน้าขวัญเร็ว” จอมขวัญมองดูหนุ่มน้อยแล้วเรียกอย่างเอ็นดู แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ส่ายหน้าแล้วกอดแขนคุณแม่ไว้อย่างเขินอายเท่านั้น
“ไปหาน้าขวัญเร็วลูก”
“มาครับ เดี๋ยวน้าขวัญจะพาไปทำขนม ไปไหม” จอมขวัญคุยกับรุ่นพี่แล้วว่าจะทำเค้กกล้วยหอมให้กินและพอดีกับที่บ้านของดาหวันมีอุปกรณ์ทำขนมหญิงสาวจึงไม่พลาดที่จะขอทำ
“นายชอบกินฮับ ชอบกินเค้กกล้วยหอม” เด็กน้อยออกจากคุณแม่แล้ววิ่งมาหาพี่สาวคนสวย
“โอเคครับ งั้นเราไปทำเค้กกันเนอะ” จอมขวัญจูงมือลูกชายของดาหวันเข้ามาภายในครัว เธอจัดการหาของโดยมีดาหวันมาช่วย
ทั้งสามช่วยกันทำขนมเค้กกล้วยหอมอย่างพิถีพิถัน เจ้านายไม่ห่างน้าสาวคนสวยที่เพิ่งสนิทกัน มักจะเดินไปกอดแขนหรือไม่ก็อยู่ใกล้จอมขวัญเสมอ
ปนิธิยืนมองคนที่ตนแอบรักมานานด้วยแววตาเอ็นดู รอยยิ้มของ จอมขวัญเขาชอบยิ่งนักมันช่างอ่อนหวานจนอยากจะเก็บเอาไว้ดูคนเดียวแต่เขารู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์และเขาก็ได้แค่คิดและเพ้อฝันไปเท่านั้นเอง
ร่างสูงยืนพิงประตูเหม่อมองคนทั้งสามก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงหวานของรุ่นน้อง
“พี่ปันเสร็จพอดีเลย มาชิมไหมคะ”
เขาไม่ปฏิเสธ เดินไปชิมเค้กกล้วยหอมแล้วก็ชมเปาะทันที จอมขวัญกับเจ้านายช่วยกันยกเค้กกล้วยหอมออกมานั่งกินกันไปคุยกันไปโดยที่เจ้านายอยู่ติดน้าขวัญคนสวยตลอดเวลา แถมยังหวงมากอีกด้วยเมื่อมีใครมาแย่งตนเองคุยกับน้าขวัญ
จอมขวัญและปนิธิอยู่กินข้าวกับครอบครัวของดาหวันจนเสร็จจึงขอตัวกลับบ้าน เจ้านายงอแงไม่อยากให้ไปแต่น้าขวัญคนสวยก็บอกจะมาหาอีกบ่อยๆ เด็กน้อยเลยจำต้องพยักหน้าอย่างเหงาหงอย ก่อนกลับจอมขวัญก็หอมแก้มนิ่มแล้วยิ้มลาทำเอาเด็กน้อยยิ้มร่าเริงและโบกมือหย่อยๆ พลางกระโดดส่งจอมขวัญ
ระหว่างทางกลับหอจอมขวัญ ปนิธิก็ชวนเธอคุยบรรยากาศกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งจนถึงหอพักของเธอ
“ขอบคุณมากนะคะพี่ปันที่มาส่ง เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” จอมขวัญโบกมือลาแล้วลงจากรถไป
“เดี๋ยวก่อนขวัญ” ร่างสูงเปิดประตูแล้ววิ่งลงไปหาจอมขวัญอย่างรวดเร็วเมื่อตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
ร่างบางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“คือพี่” มองใบหน้าหวาน ความกลัวก็เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย ทั้งที่เมื่อกี้ตัดสินใจจะบอกอยู่แล้วเชียว
“มีอะไรคะ”
“พี่.. พี่จะบอกว่า... พี่รัก.. รักน้องเจ้านายเหมือนกันนะ แกน่ารักพี่จะบอกแค่นี้แหละ” บอกไปก็หัวเราะแห้งๆ
จอมขวัญอมยิ้มอย่างขำขันกับความตลกของพี่ชายร่วมสถาบันคนนี้ เธอพยักหน้าเข้าใจ
“ค่ะ ขวัญรู้ขวัญก็เอ็นดูแกเหมือนกัน”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปแล้ว เจอกันพรุ่งนี้” ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเขาหันหลังกลับเดินไปขึ้นรถที่จอดไว้ทันที โดยมีจอมขวัญยืนส่งอยู่
เมื่อเข้ามาในรถได้ปนิธิก็โมโหตัวเองที่ขี้ขลาดอีกแล้ว ไม่กล้าที่จะบอกว่าตัวเองรักเธอมากแค่ไหน
..แค่บอกรักเขายังทำไม่ได้เลย เขามันขี้ขลาดเกินไปจริงๆ
ภายในห้องรับแขกสุดหรูของบ้านหลังใหญ่ในย่านคนรวยบุษบามินตรากำลังนั่งรอพี่ชายอยู่แม้ว่าในขณะนี้จะเป็นเวลากว่าหกทุ่มแล้วก็ตาม พี่ชายเธอมักจะกลับบ้านค่ำและเมื่อวานก็ไม่ได้กลับมาเป็นห่วงก็เป็นห่วงแต่อีกฝ่ายกลับปิดมือถือตัดขาดการติดต่อเสียอย่างนั้น
วันนี้เธอจึงต้องมานั่งรอถามว่าไปไหนมาและข่าวลือที่บริษัทนั้นจริงแค่ไหน
“มินทำไมยังไม่นอน” เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกทำให้ร่างบางเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้พี่ชาย
“ก็รอพี่ชายน่ะสิคะ กลัวว่าวันนี้จะไม่กลับอีก”
ร่างสูงถอดเน็กไทออกแล้ววางเสื้อสูทพาดไว้ที่ผนักโซฟาแล้วเดินมานั่งข้างน้องสาว
“เมื่อคืนพี่วีร์ไปไหนมาคะ”
“พี่ติดธุระนิดหน่อย”
“ไม่จริงหรอก แต่ช่างเถอะสิ่งที่มินอยากรู้คือเรื่องที่พนักงานเขาลือกันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ”
ชนวีร์มองน้องสาวแล้วเอามือลูบหัวเธอแผ่วเบา
“ดึกแล้วไปนอนเถอะ พี่ก็จะขึ้นนอนแล้วเหมือนกัน” อีกฝ่ายตัดบทไม่ตอบและหยิบเสื้อสูทลุกขึ้น
“เดี๋ยวสิคะ ตอบก่อนว่าเรื่องที่เขาลือว่าพี่วีร์กำลังจีบพี่ขวัญเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” รั้งแขนเขาเอาไว้พลางถามเสียงออดอ้อนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
“ไม่รู้สิ พี่ง่วงแล้ว ขอตัวนะ” เขาปลดมือน้องออกอย่างสุภาพแล้วเดินขึ้นห้องไปโดยมีสายตาไม่พอใจของบุษบามินตรามองตาม
..ไม่มีคำตอบอะไรจากพี่ชายของเธอเลย ถ้าอย่างนั้นเธอควรทำอย่างไรดีล่ะ คงต้องถามจากอีกคนแล้วสินะคิดแล้วเธอก็กดโทรศัพท์โทรออกทันที
“ฮัลโหล”
ชนวีร์เดินขึ้นมาบนห้องของตนเอง เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ชีวิตแสนน่าเบื่อของเขาไม่มีอะไรมาเป็นสีสันเลยสักนิด ร่างสูงนั่งนิ่งคิดไปถึงเมื่อเช้าที่ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มของจอมขวัญ มันรู้สึกดีแปลกๆ
“ไม่มีทาง แกไม่มีทางรู้สึกดีกับผู้หญิงมารยาแบบนั้นหรอก” เขาบอกตัวเองแล้วเข้าห้องน้ำเพื่อดับอารมณ์ เขาต้องทำให้เธอรักเขาจนโงหัวไม่ขึ้น รักจนสุดหัวใจหลังจากนั้นเขาก็จะทิ้งเธอไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย และตอนนี้เขาก็เริ่มทำสำเร็จแล้วด้วยเพราะดูเหมือนว่าจอมขวัญจะรักเขามาแล้วแสนนานและยังคงรักอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
“หึ! เธอจะรู้จักคำว่าตกนรกทั้งเป็นอีกไม่นาน จอมขวัญ”
๖เมารักร่างบางส่องกระจกเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองหลังได้รับโทรศัพท์จากบุษบามินตราช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าจะมารับเธอไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าที่ตนเองดูแลร้านเพชรอยู่ มีเรื่องราวมากมายที่ต้องการจะคุยด้วย จอมขวัญก็ตอบรับปากไป ทั้งสองสาวจึงนัดกันเวลาสิบโมงครึ่งที่ห้างดังระหว่างที่เดินออกมาจากห้องเพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่ตอนนี้คนก็เยอะพอสมควร สองเท้าเดินไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะเธอกะเวลาแล้วว่าอย่างไรก็ไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาอย่างแน่นอน“สวัสดีค่ะแม่”“เป็นอย่างไรบ้างขวัญ ไม่ค่อยโทรหาแม่เลยนะ”ร่างบางอมยิ้มก่อนจะออดอ้อนแม่บอกถึงสาเหตุที่ไม่ค่อยได้โทรไปหา“ขอโทษนะคะแม่ ขวัญยุ่งมากงานเต็มโต๊ะเลยจริงๆ น้า” เสียงหวานตอบกลับไปจนมารดาที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่คิดว่าถ้าลูกสาวอยู่ด้วยตอนนี้ต้องกอดเธอเป็นแน่แท้“จ้า งานเยอะก็อย่าหักโหมนะลูก พักบ้างนะ เดี๋ยวถ้าพ่อกับแม่ว่างจะลงไปหานะ ตาก็บ่นถึงเราตลอดเวลาเลย จนยายต้องปรามบ้าง”หล่อนหัวเราะออกมาด้วยความขำ ตามักจะเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่สมัยที่เธอมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพแล้ว ตาของเธอมักจะหวงหลานเสมอเพราะหลานสาวออกจะสวยปานนั้น“ฝากบอกตาด้
๗คำหวานแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในบ้านทำให้ร่างสูงที่นอนหลับตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียก่อนจะรับรู้ได้ว่าข้างกายตนตอนนี้ว่างเปล่าและเย็นชืด..เธอหายไปไหนชนวีร์มองรอบกายก็ไม่พบร่างที่ตนกกกอดเมื่อคืน คิดแล้วเขาก็แสยะยิ้มอย่างสมใจถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะไม่ได้อยู่ในแผนการของเขาแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะทำให้แผนของเขาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นร่างสูงลุกขึ้นจากที่นอน ค้นเสื้อผ้าที่จะใส่แล้วเข้าไปอาบน้ำข้างนอกที่ตอนนี้บรรยากาศเย็นกำลังดี เขาใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เสร็จ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ออกมาข้างนอก ชนวีร์เข้าไปตากผ้าขนหนูและเก็บที่นอนส่วนของตนเองตรวจดูความเรียบร้อยแล้วค่อยออกมาจากบ้าน ไปยังบ้านของนายฮุง เมื่อมาถึงเขาก็พบนายฮุงกำลังนั่งรับประทานอาหารกับผู้หญิงที่อายุค่อนข้างมาก“สวัสดีคุณชนวีร์ กินข้าวด้วยกันไหม” เรียกตามคนอัธยาศัยดีร่างสูงจึงเดินมานั่งร่วมวงด้วย“ก็ดีเหมือนกันครับ แล้วคุณเห็นแฟนผมไหม” มองไปโดยรอบก็ยังไม่พบร่างบางที่คุ้นตาจึงเอ่ยถามขึ้นมานายฮุงอมยิ้มกับแม่ของตนแล้วหันมามองผู้ชายที่นั่งทำหน้างง“เมียคุณไปเดินเล่นในหมู่บ้านกับเมียผมตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกเมื่อคืนคงเพลียสิท่
๘แค่ละครหรือความรู้สึกจริงสองสัปดาห์แล้วที่ชนวีร์ไม่เข้าบริษัทเคเคโภคภัณฑ์เพราะว่าเกิดปัญหาที่บริษัทส่งออกรถยนต์ขึ้น ทำให้เขาต้องไปที่ต่างประเทศเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่ว่าที่เขาหายไปก็ไม่ได้ตัดขาดการติดต่อกับเธอ ชายหนุ่มมักจะโทรมาหาเธอทุกวันคุยกันเป็นชั่วโมงแม้บางครั้งอาจจะเงียบไปแต่เธอก็ไม่ได้อึดอัดแต่อย่างใด“ขวัญ พี่ขอดูเอกสารรายรับของสัปดาห์ที่แล้วหน่อย” ดาหวันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารที่กำลังตรวจจอมขวัญหาเอกสารก่อนจะยื่นให้ทันทีแล้วกลับมาคำนวณรายได้ของสัปดาห์นี้ต่อ งานของเธอต้องใช้ตัวเลขทั้งวัน กลับหอไปบางครั้งต้องกินยาแก้ปวดหัวไว้ทุกทีบริษัทวันนี้วุ่นวายพอสมควร เพราะชนวีร์สั่งการมาว่าหลังจากที่เขากลับ มาจากต่างประเทศจะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาดูบริษัทจึงต้องทำรายงานเตรียมไว้ช่วงบ่ายจอมขวัญก็ทำงานจนแทบไม่มีเวลาได้หายใจหายคอเลย เมื่อเลิกงานเธอก็เดินออกจากบริษัทเพื่อที่จะขึ้นรถเมล์กลับหอแต่ระหว่างทางก็เจอกับปนิธิเมื่อจะทักเขาอีกฝ่ายก็เดินผ่านเธอไปราวกับมองไม่เห็น ทำเอาจอมขวัญชะงักหน้าเสียสองสัปดาห์มานี้ปนิธิไม่พูดคุยกับเธอเลยก็ว่าได้หรือถ้าคุยก็เป็นเรื่องงานเท่านั้น แม้ว่าจอมขวัญ
๙จุดสำคัญรถคันหรูขับเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้เปิดไฟไว้เพียงหน้าบ้านเท่านั้น ภายในตัวบ้านถูกปิดไว้แต่ไม่ได้ลงกลอน ชนวีร์ลงจากรถไปประเปิดประตูให้หญิงสาวที่ตอนนี้หลับอยู่ในรถด้วยความเพลีย ร่างบางถูกเขาอุ้มขึ้นเพราะไม่อยากจะรบกวน“ตายแล้วคุณวีร์นั่นใครเป็นอะไรคะ” แม่บ้านที่นั่งรอเจ้านายเดินออกมาจากห้องพักหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดและเสียงรถ “ตายแล้ว! นี่มันคุณขวัญนี่คะ” เมื่อมองดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นจอมขวัญเพื่อนสนิทของคุณหนูทรายทิพย์ที่ลาจากโลกนี้ไปแล้วนั่นเองชนวีร์ไม่พูดอะไรมากเขาหันมาสั่งให้แม่บ้านเตรียมน้ำใส่กะละมังเล็กและผ้าขนหนูขนาดเล็กเพื่อไปเช็ดตัวให้เธอ ซึ่งคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็รีบทำตามเมื่อมาถึงชั้นสองของบ้านชนวีร์ก็พาร่างบางไปนอนยังห้องของตัวเอง ไม่นานนักคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็ตามขึ้นมา ชนวีร์จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหล่อนในการดูแลเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาวเพราะว่าถ้าเป็นเขาคงไม่ควรเท่าไหร่นัก“พี่วีร์ พี่ขวัญเป็นอย่างไรบ้างคะ” บุษบามินตรามาถึงบ้านพร้อมกับพีรยศก็ถามถึงพี่สาวคนสนิททันที ชนวีร์เลยบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรแล้วตอนนี้ป้าหอมจันทร์ก็กำลังดูแลอยู่ น้อ
๑๐เจ็บปวดร่างบางที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวยังคงหลับใหลหลังจากที่เมื่อคืนทำกิจกรรมจนดึก เขาไม่ปล่อยให้เธอนอนเลยจนกระทั่งตีสอง ด้วยความเหนื่อย จอมขวัญหลับไปตอนไหนไม่รู้และตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ เสียด้วยร่างสูงซึ่งกำลังใส่นาฬิกาอยู่มองไปที่คนบนเตียงแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เกมรักได้จบลงไปแล้ว ต่อไปนี้เขาจะมอบเกมแค้นให้เธอเอง หลังจากแต่งตัวเสร็จชนวีร์ก็เดินออกไปจากห้องโดยไม่เหลียวแลกลับมาดูคนบนเตียงเลยสักนิดแต่เขาก็ยังมีกะใจสั่งอาหารเช้าขึ้นมาให้เธออยู่เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นปลุกให้คนที่กำลังอยู่ในนิทราลืมตาตื่นขึ้นมา เธอยกมือบังแสงอาทิตย์ที่สาดมายังเตียงนอนก่อนจะมองไปรอบกายทันที ข้างกายที่เมื่อคืนเคยอุ่นตอนนี้กลับเย็นชืดจนน่าใจหาย“สวัสดีค่ะพี่ดา”เป็นดาหวันที่โทรมาหาเธอเพราะสายมากแล้วแต่ ก็ยังไม่เห็นจอมขวัญเข้ามาที่บริษัท‘ขวัญอยู่ไหนจ๊ะ พอดีพี่เห็นสายมากแล้วเรายังไม่เข้ามาเลยเป็นห่วง’ในขณะที่คุยโทรศัพท์จอมขวัญก็พยายามสอดส่ายสายตาหาคนที่นอนด้วยเมื่อคืน“เอ่อ พอดีมีธุระนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวขวัญเข้าไปนะคะพี่ดา” บอกลาเสร็จเธอก็กดวางสายแล้วหยิบชุดคลุมมาสวมปิดร่างกา
๑๑ทำร้ายใจกลับลงมาจากห้องของท่านประธาน จอมขวัญก็เดินมายังแผนกพยายามที่จะไม่ร้องไห้แต่ก็กลั้นไว้ได้ยากเหลือเกิน ใจดวงน้อยเจ็บไปหมดจนเธอคิดว่าอย่างไรวันนี้ก็คงทำงานไม่ได้แน่นอน เมื่อมาถึงยังแผนกบัญชีร่างบางก็เดินเข้าไปขอลางานกับปนิธิโดยมีสายตาทั้งสามคู่มองอยู่“พี่วีร์คะ ขวัญขอลางานช่วงเช้านะคะ” บอกเสียงสั่นในขณะที่ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาพร้อมจะไหลลงมาทุกเมื่อจนปนิธิสงสารเขาพอจะรู้เรื่องของเธอจากข่าวที่แพร่ไปอย่างรวดเร็ว“พี่อนุมัติ แต่มีข้อแม้ว่าขวัญต้องให้พี่ไปด้วยนะ” อยากจะปฏิเสธแต่ดูเหมือนว่าหัวหน้าของเธอจะเก็บของทันทีที่พูดจบโดยที่ไม่เปิดทางให้เธอได้ปฏิเสธเลยปนิธิเก็บของเสร็จก็สะพายกระเป๋าเดินจับมือจอมขวัญออกมาข้างนอกห้องโดยมีสายตาทั้งสามคู่มองอยู่“ผมออกไปทำธุระกับขวัญนะ เดี๋ยวตอนบ่ายจะเข้ามา” ทั้งสามตอบรับร่างสูงจึงให้รุ่นน้องไปเก็บของแล้วเดินตามเขาออกไปข้างนอก ทั้งสองเดินออกมาด้วยกันทำให้เป็นเป้าสายตาอย่างมากเพราะมีข่าวว่าปนิธิเมินจอมขวัญช่วงหนึ่งในขณะที่ฝ่ายหญิงตัวติดกับท่านประธาน และก็มีข่าวมาอีกว่าท่านประธานทิ้งฝ่ายหญิงทำให้ลือกันไปต่างๆ ว่าจอมขวัญจะหันมาหาปนิธิ“นั่นไง ฉันว่า
๑๒สับสนใจช่วงค่ำของวันแรกที่มาถึงยังเกาะเคพีคซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของเคเคกรุ๊ป พนักงานทั้งหลายต่างรื่นเริงกับงานยามเย็นที่อยู่ริมหาด ตอนนี้ถูกเนรมิตให้เป็นปาร์ตี้ขนาดเล็กที่มีทั้งเวที ซึ่งมีนักดนตรีมาบรรเลงเพลงสบายๆ อาหารทะเลที่มีเชฟฝีมือดีทำมาบริการ โต๊ะนั่งสีขาวมีดอกไม้ประดับกลางโต๊ะ ซุ้มถ่ายรูปที่ทำขึ้นอย่างสวยงาม เหล่าพนักงานบริษัททั้งชายหญิงต่างแต่งตัวด้วยชุดที่คัดสรรกันมาแล้วว่าเหมาะกับการมาเที่ยวทะเล“ขวัญน่ารักมากเลย” แพรวพริ้งเดินมายังงานพร้อมกับจอมขวัญ ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวผ้าชีฟองสีขาวยาวกรอมเท้า มีผ้าคลุมไหล่สีฟ้าปิดไหล่มนไว้ ผมถูกมัดขึ้นอย่างลวกๆ ก่อนจะผูกด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนบางพร้อมกับแต่งหน้าเบาบาง แค่นี้จอมขวัญก็ดูสวยหวานน่ารักน่าทะนุถนอมแล้ว“พี่พริ้งก็น่ารักค่ะ” สองสาวเอ่ยชมกันก่อนจะเดินมาถึงงานแพรวพริ้งขอตัวแยกไปหาเพื่อนๆ ของเธอ จอมขวัญจึงยืนอยู่คนเดียว เธอมองหาปนิธิก่อนจะยิ้มให้เมื่อเขาหันมามองและกำลังเดินตรงมายังที่ที่เธอยืนอยู่“ขวัญสวยมาก” ชมพร้อมกับยิ้มหวานให้ ปนิธิหวังว่าการมาทะเลครั้งนี้จะทำให้ทั้งเขาและจอมขวัญพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้น เมื่อร่างบางได
๑๓โกหกทั้งเพใจดวงน้อยสั่นไหวด้วยความกลัวเมื่อคนตัวใหญ่ทั้งสองจับเธอกดลงบนพื้นหาดทรายโดยใช้แรงที่มีทั้งหมดบังคับจอมขวัญพยายามดิ้นรนหาทางสู้ แต่มีหรือที่เธอจะสู้แรงยักษ์ของทั้งสองได้“อย่าดิ้นดีกว่านะน้องสาว ปล่อยตามสบาย” มันว่าพร้อมกับแสยะยิ้มให้อย่างหื่นกระหายน้ำตาไหลลงมาเป็นสายด้วยความกลัวใจ เธอภาวนาอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มีคนมาช่วยเธอ“ถอดออกให้หมดเลยมึง”มือบางพยายามปัดมือมันออกแต่ก็ไร้ผล กระโปรงตัวยาวถูกมันถลกขึ้นมาพร้อมกับลูบไล้ขาเรียวเนียนอย่างหยาบคายจอมขวัญร้องไห้เมื่อสัมผัสได้ถึงความหยาบกระด้างของมัน“มึงถอดกางเกงออกเลยเร็ว กูจับมันไว้ให้” บอกพรรคพวกก่อนจะจับจอมขวัญไว้แน่น ไอ้คนตัวใหญ่กว่ารีบลุกขึ้นถอดกางเกงอย่างรวดเร็วทำให้เห็นอวัยวะที่ตั้งแข็งขึ้นชัดเจนใบหน้าหวานเบือนหนีอย่างรังเกียจพร้อมกับดิ้นรนหาทางหนีแต่ไร้หนทาง มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดเข้าปกคลุม ใจดวงน้อยเต้นเร็วเมื่อมันเดินมาหาเธอพร้อมกับกระชากชุดออก“กรี๊ดดดด! !”ผิวขาวสะท้อนแสงจันทร์ทำเอาทั้งสองถึงกับมองตาวาว มันรอคอยมานานกับคนสวยแบบนี้จอมขวัญดิ้นหนีแต่ไม่สามารถไปไหนได้“มึงรีบถอดกางเกงเร็ว กูจะไม่ไหวแล