Share

๔ รุก

รุก

เช้าต่อมาบรรยากาศโดยรอบมีเมฆหนาพอสมควร ท้องฟ้าไม่มีแสงแดดเลยแม้แต่น้อยเพราะเมฆมาบดบัง ร่างบางเดินออกมาจากหอพักด้วยความเร่งรีบตอนนี้เธอสายมากแล้วกว่าที่จะขึ้นรถเมล์แล้วไปถึงบริษัทคงได้ลงชื่อสายแน่นอน

ใบหน้าหวานมีเหงื่อผุดขึ้นบริเวณไรผม เธอเช็ดอย่างเร่งรีบแล้วเดินออกมาโดยเร็วก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ

“ขึ้นมาสิ” แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่ารถที่มาจอดเทียบริมฟุตปาธแล้วกดแตรใส่เธอนั้นคือเจ้านายของเธอนั้นเอง

“คุณวีร์” ดูเหมือนการที่ชนวีร์จอดรถโดยไม่ได้เลี้ยวหลบทำให้เกิดปัญหาขึ้นเพราะตอนนี้ข้างหลังรถเริ่มติด เสียงแตรบีบดังเพราะความรีบของรถด้านหลัง

“ขึ้นมาเร็ว รถข้างหลังเขาบีบแตรไล่ฉันอยู่นะ”

ไม่ทันจะได้ขึ้นเพราะเขาจ้องเธอด้วยสายตาบังคับ จอมขวัญขึ้นรถมานั่ง ชนวีร์ก็ขับออกไป

“คุณวีร์มาทำอะไรแถวนี้คะ” ขึ้นรถมาได้เธอก็ถามเขา

ชนวีร์หันมามองคนข้างกายแล้วมองไปตรงทางข้างหน้า

“ก็แค่ผ่านมา เห็นพนักงานเดินข้างทางดูคุ้นๆ สงสารเลยรับมา ทำไมเหรอ” หญิงสาวส่ายหน้า แม้จะแอบคาดหวังสักนิดว่าเขามารับเธอแต่ก็คงเป็นได้แค่ความหวังเพราะความจริงไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เธอคิดแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำ

บนรถตกอยู่ในความเงียบจนกระทั่งชนวีร์เลี้ยวรถไปที่ร้านอาหารเรียบหรูที่เปิดอยู่ในซอยตรงข้ามบริษัท

“คุณวีร์จะไปไหนคะ ไม่เข้าบริษัทเหรอ”

“บริษัทเข้าตอนไหนก็ได้ แต่ตอนนี้ท้องฉันถ้าไม่ได้กินข้าวมันต้องประท้วงแน่เลย”

ดูแล้วสายตาเขาออกจะเว้าวอนจนเธอปฏิเสธไม่ลง โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยเสียหน่อย ถ้าเธอคว้าเอาไว้คงไม่เสียหาย

“ก็ได้ค่ะ” จอมขวัญตอบรับ

ชนวีร์จึงจอดรถแล้วพาเธอลงไปรับประทานอาหารเช้าด้วยกันโดยไม่สนใจสายตาของพนักงานบางคนที่มากินข้าวที่นี่เลยแม้แต่น้อย เป็นจอมขวัญเองที่ดูจะเกร็งเมื่อพบว่ามีคนในบริษัทอยู่ด้วย

“คุณวีร์คะ มากินแบบนี้มันจะดีหรือ คนอื่นจะไม่เอาคุณวีร์ไปนินทาแย่หรือคะ”

“ฉันไม่กลัวนะ” ได้โต๊ะนั่งชนวีร์ก็บอกจอมขวัญอย่างไม่ยี่หระกับเรื่องพวกนี้ ชายหนุ่มจัดแจงสั่งอาหารของตนก่อนจะถามจอมขวัญ เธอเอาเพียงแค่ข้าวต้มเท่านั้นเพราะก่อนออกมาดื่มโอวัลตินไปแล้วหนึ่งแก้ว

รอไม่นานอาหารก็พร้อมเสิร์ฟ ทั้งสองนั่งกินโดยที่ชนวีร์ไม่ได้ใส่ใจต่อคนรอบข้าง

เมื่อเห็นข้าวผัดที่ยื่นมาตรงหน้าจอมขวัญก็เลิกคิ้วสงสัยก่อนส่งเสียงออกไป

“คะ”

“ทำไมชอบสงสัย ยื่นให้ขนาดนี้ก็ให้กิน อ้าปากแล้วกิน” คนพูดก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย ชายหนุ่มเอาข้าวจ่อที่ปากของจอมขวัญทำเอาร่างบางถึงกับเขินแต่ก็กินข้าวที่เขาป้อนให้

“อร่อยไหม” เคี้ยวเสร็จหญิงสาวจึงพยักหน้าให้ ชนวีร์ก้มลงกินข้าวต่อแล้วตักข้าวผัดใส่กุนเชียงที่เขาสั่งป้อนเธออีกจนจอมขวัญแสนจะอาย ใบหน้าหวานแดงก่ำ

“พอแล้วมั้งคะ”

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ตอบรับ เขายื่นช้อนมาใกล้เธออีกจอมขวัญจึงต้องกินอีกคำอย่างเสียไม่ได้

“อร่อยก็กินเยอะๆ สิ แค่ข้าวต้มมันไม่อิ่มหรอก”

“แต่ว่าคุณวีร์จะอิ่มหรือคะ”

“ก็ถ้าเธออิ่มฉันก็อิ่มแล้วละ”

ไม่รู้ว่านั้นคือประโยคจีบหรือเปล่าแต่มันก็ทำเอาเธอเขินได้เหมือนกัน แม้ดวงตาของเขาจะไร้แววหวานอย่างที่ควรจะเป็นก็ตาม จอมขวัญก้มหน้ากินข้าวต้มโดยพยายามไม่สนใจคนรอบข้างและคนตรงหน้าที่เธอสัมผัสได้ว่าเขากำลังจ้องเธออยู่

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จชนวีร์จึงพาจอมขวัญไปทำงาน เขาขับรถเข้าไปจอดแล้วเดินเข้าบริษัทพร้อมกับพนักงานใหม่ที่กำลังถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก

จอมขวัญกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจที่สุดตอนนี้ เธอเดินเข้าบริษัทพร้อมประธานหนุ่มที่หล่อเหลาทำเอาสาวหลายคนต้องอิจฉาตาร้อนก่อนจะนำเอาเรื่องของเธอไปพูดต่อๆ  กันไปโดยไม่สนใจว่าเรื่องราวก่อนหน้ามันจะเป็นอย่างไรและจริงเท็จแค่ไหนก็ตาม

“สวัสดีค่ะทุกคน” ถึงที่ทำงานจอมขวัญก็กล่าวทักทายเพื่อนร่วมงานทันที

ดาหวันยิ้มให้เธอแล้วก้มลงดูรายละเอียดงานต่อ ส่วนสองสาวก็นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเพราะเมื่อวานเธอกลับก่อนทำให้งานที่ได้รับยังไม่เสร็จและกองพะเนินจนหายใจแทบไม่ออก

“คุณจอมขวัญ เข้ามาพบผมด้วย” ปนิธิเดินออกมาจากห้องเรียกน้องสาวร่วมสถาบันเสียงขรึม ใบหน้าหล่อที่มักจะยิ้มแย้มเรียบสนิท จนสามคนที่ทำงานอยู่ต้องเงยขึ้นมามองแล้วก็ขนลุกไปตามๆ กันไม่เว้นแม้แต่จอมขวัญ

โหมดโหดของเจ้านายยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้งและคิดว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเต็มตาว่าปนิธิก็มีบทโหดกับเขาเหมือนกัน

“ค่ะ” ร่างบางเก็บของไว้ที่โต๊ะ เดินตามหัวหน้างานเข้าไปในห้องของเขาทันที

ห้องของหัวหน้าแผนกขนาดพอดีไม่ใหญ่เกินไปแต่มีมุมให้นั่งพักหรือคุยงานไว้อย่างน่ารักทางด้านขวาของห้อง

“ทำไมวันนี้มาสาย”

วันนี้แม้จอมขวัญจะไม่ได้เข้าเลตแต่ก็ช้ากว่าเวลาที่เธอมักมาปกติมากนัก ยิ่งเมื่อเช้าที่เขามาถึงบริษัทก็ได้ยินเรื่องของเธอกับท่านประธานยิ่งทำให้ชายหนุ่มร้อนใจ

“ขวัญขอโทษนะคะที่มาสาย ถ้าจะบอกว่าตื่นสายมันก็ดูจะเป็นการแก้ตัวแต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ คือขวัญตื่นสาย ขวัญขอโทษนะคะ คราวหน้าขวัญจะไม่มาสายอีกแล้ว”

สิ่งที่จอมขวัญบอกไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากรู้สักนิด อันที่จริงปนิธิอยากถามใจจะขาดว่าทำไมถึงไปกินข้าวกับประธานบริษัทอย่างชนวีร์ได้

“เอาเถอะ พี่ก็แค่ห่วง ขวัญกลับไปทำงานได้แล้ว” มีเรื่องอยากจะถามมากมายแต่ถ้าเขาถามไปมากกว่านี้มันจะก้าวล้ำคำว่าพี่ชายหรือเปล่านั่นคือสิ่งที่ปนิธิคิด

..เขามีสิทธิ์อะไรที่จะไปหวงเธอในเมื่อเธอให้เขาเป็นได้แค่พี่ชายร่วมสถาบันเท่านั้น

จอมขวัญยิ้มให้ปนิธิแล้วเดินออกจากห้องไป วานิสาและอพิญญาที่เอาหูแนบประตูถึงกับผงะเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปิดออกมาเร็วขนาดนี้ สองสาวรีบกลับไปนั่งโต๊ะทำงานของตนเองทันที

จอมขวัญมองทั้งสอง โดยไม่ได้ว่าอะไรแล้วเริ่มทำหน้าที่ของตนเองไปเรื่อยๆ งานใหม่เริ่มมา ดีที่เธอทำงานเก่าเสร็จแล้วจึงไม่มีงานค้างต้องให้สะสาง เมื่อถึงเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบนาทีงานที่เธอทำก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

“พี่ดาคะ ขวัญทำงบประมาณปีนี้ให้เสร็จแล้วนะคะ”

ดาหวันที่กำลังตรวจเอกสารต้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วเรียกตรวจเอกสาร

“พี่เกือบลืมไปเลย เมื่อกี้พี่วิไลโทรมาหาพี่บอกว่าท่านประธานอยากดูงบประมาณปีนี้ ขวัญทำเสร็จแล้วก็เอาขึ้นไปให้ท่านดูเลยนะ” เธอยื่นเอกสารส่งกลับให้รุ่นน้องแล้วทำงานต่อ

จอมขวัญที่ได้รับคำสั่งก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เธอไม่คิดว่าจะต้องเจอเขาบ่อยขนาดนี้ หญิงสาวถือแฟ้มเอกสารออกไปจากแผนกและเมื่อลับหลังร่างบางวานิสาและอพิญญาก็เลื่อนเก้าอี้หากันโดยอัตโนมัติ

“ฉันว่าท่านประธานต้องแอบชอบขวัญอยู่แน่เลย”

“ใช่ ฉันเห็นด้วย และฉันว่าน้องขวัญของเราก็ต้องแอบมีใจให้ท่านประธานชัวร์” สองเสียงต่างเห็นไปในทิศทางเดียวกัน

“ทำงานได้แล้ว กองพะเนินเป็นภูเขาอยู่เที่ยงนี้คงไม่ได้กินข้าวแล้วมั้ง” แม้ว่าตาจะจ้องเอกสารแต่ดาหวันก็พูดขึ้นเสียงดัง ทำให้สองสาวสปริงตัวออกจากกันอย่างรวดเร็วแล้วกลับมาทำงานตามหน้าที่ของตัวเองต่อไป

ดาหวันเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารพลางคิดในใจ

‘หวังว่าเรื่องที่ได้ยินคงเป็นแค่ข่าวลือที่ไม่เป็นจริงเถอะนะ’

มาถึงหน้าห้องท่านประธานอย่างชนวีร์ เธอก็เคาะประตูเมื่อได้ยินเสียงเขาอนุญาตก็เปิดเข้าไป ตอนนี้ร่างสูงก็ยังคร่ำเคร่งกับเอกสารตรงหน้าอยู่โดยไม่ได้มองยังคนมาใหม่เลยด้วยซ้ำ

จอมขวัญเดินไปยื่นเอกสารก่อนจะนั่งลงเมื่อเขาผายมือเชิญนั่งแล้วเปิดดูเอกสาร

“เธอแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าตรวจสอบถูก” ดวงตาเรียวไล่มองตามตัวอักษร  บนกระดาษอย่างละเอียด

“ค่ะ”

ชนวีร์พยักหน้าแล้วเปิดเอกสารดู พร้อมกับดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของเขาด้วย ชายหนุ่มเจอข้อสงสัยบางอย่างก็ให้จอมขวัญช่วยดูพร้อมกับให้เธอแก้ไขส่วนที่ผิด หญิงสาวจะลงไปแก้ไขที่โต๊ะทำงานของเธอแต่ชนวีร์บอกให้ทำในห้องเขาแทนเธอจึงขัดคำสั่งไม่ได้

 ทั้งสองต่างเคร่งกับการทำงานของตนเองจนเมื่องานเสร็จสมบูรณ์จอมขวัญจึงเก็บเอกสารเตรียมกลับแผนกทันที

“เดี๋ยวก่อน” เสียงเรียกนั้นทำให้เธอชะงัก

ชนวีร์จัดการปิดคอมพิวเตอร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาหาเธอ

“เที่ยงครึ่งแล้วไม่หิวหรือ ไปกินข้าวกัน”

ไม่ใช่ประโยคคำถามหรือขอร้องแต่ดูแล้วจะเป็นประโยคคำสั่งเสียมากกว่าและเธอก็ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วยเมื่อเขาคว้าแฟ้มหนาไปวางบนโต๊ะแล้วจูงมือเธอออกมาจากห้องทำงานพอดีกับที่คุณวิไลกลับมาจากรับประทานอาหารเที่ยง

“คุณวิไลผมอาจจะเข้าบริษัทช้านะ จะไปกินข้าว” สั่งเสร็จชายหนุ่มก็พาเธอเดินไปยังลิฟต์กดไปชั้นหนึ่ง

เมื่อออกมาทั้งคู่ก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งบริษัทและลูกค้าที่เข้ามาติดต่อด้วยเพราะความสวยหล่อและเหมาะสมกันนั่นเอง พนักงานบริษัทผู้หญิงหลายคนเริ่มจับกลุ่มคุยกันเมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว

“คุณวีร์ ขวัญไม่ได้เอากระเป๋าลงมาด้วย”

“ช่างมัน ไม่หายหรอก”

เขาเดินมายังลานจอดรถแล้วบังคับให้เธอขึ้นไปก่อนจะขับพาเธอไปรับประทานอาหารเที่ยงที่โรงแรมซึ่งห่างจากบริษัทไม่มากนัก จอดรถเสร็จชนวีร์ก็พาเธอเข้ารับประทานอาหาร ซึ่งเขาได้โทรจองโต๊ะไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

“จะกินอะไร”

นั่งดูเมนูอาหารที่ละลานตาทำเอาจอมขวัญเลือกไม่ถูก

“เอาสเต็กปลาแซลมอนแล้วกันค่ะ” เธอสั่งเสร็จชนวีร์ก็หันไปสั่งบ้าง

พนักงานเก็บเมนูแล้วเสิร์ฟไวน์สำหรับคุณผู้ชายและน้ำส้มของคุณผู้หญิง

“คุณวีร์ไม่น่าลำบากพาขวัญมาเลยนะคะ”

“ก็ไม่ได้ลำบากตรงไหน ฉันจะมาอยู่แล้ว และการที่เธอมาด้วยมันก็ดีมากกว่าที่ฉันจะมาคนเดียว นอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังอิ่มใจอีกต่างหาก” มาอีกแล้วกับมุกหน้านิ่งของเขา

จอมขวัญเสมองไปทางอื่นพลางกัดริมฝีปากแก้เขิน เธอพยายามที่จะกลั้นยิ้มไว้อย่างสุดความสามารถ

“หน้าแดงนี่ไม่สบายหรือเขิน”

คำถามที่เถรตรงจนจอมขวัญต้องค้อนใส่เขาไปหนึ่งที

“ฮ่าๆ  ล้อเล่นน่ะ” รอยยิ้มของเขาผุดขึ้นทำเอาใจสาวกระตุก

..นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้หัวเราะให้เธอ มันนานมากเธอแทบจะจำรอยยิ้มของเขาไม่ได้แล้ว รอยยิ้มที่เขามอบให้เพียงเธอเท่านั้น

“อาหารมาแล้ว กินเถอะ” เมื่ออาหารมาเสิร์ฟชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะชวนเธอกิน ราวกับโลกทั้งสองมีเพียงเธอและเขาเท่านั้น

จอมขวัญมองไปยังเทพบุตรตรงหน้าของเธอ ผู้ชายขี่ม้าขาวที่เธอรู้จักเมื่อเจ็ดปีก่อน แม้ต่อมาเขาจะกลายเป็นซาตาน ที่เขากำลังจะกลายร่างเป็นเทพบุตรของเธออีกครั้ง อาจจะยังไม่สมบูรณ์และเธอก็ยังไม่เชื่อสนิทใจว่าเขาจะดีกับเธอจริงหรือเปล่า

..แต่ว่าเป็นแบบนี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ

หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จชนวีร์ก็พาจอมขวัญกลับมายังบริษัทและตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบสามนาฬิกายี่สิบนาทีแล้ว จอมขวัญวิ่งขึ้นไปยังแผนกแล้วก็ต้องพบว่าเธอลืมเอาเอกสารมาด้วย มันอยู่ที่ห้องของชนวีร์นั้นเอง เธอเดินขึ้นมาเอาเอกสาร

“ขอโทษนะคะ ขวัญลืมเอกสารไว้”

ชนวีร์พยักหน้าให้แล้วก้มลงทำงานต่อ และก่อนออกจากห้องไปร่างสูงก็พูดกับเธอ

“ทำงานเสร็จ ขึ้นมาหาฉันก่อนนะ จะไปส่ง”

ประโยคสุดท้ายทำให้เธอก้าวขาแทบไม่ออกยิ่งเมื่อมองดวงตาเขาเธอก็ทำอะไรไม่ถูก จอมขวัญก้มศีรษะลงโค้งให้ก่อนจะออกจากห้องไป หัวใจเต้นรัวราวกับกลอง เข้าลิฟต์มาได้จอมขวัญก็เอามือทาบหัวใจ

“ทำไมเต้นแรงจังนะ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหมดหรอกว่าเราตื่นเต้นแค่ไหนน่ะจอมขวัญ” พร่ำบอกตัวเองอย่างนั้นแต่ยิ่งทำให้ใจเต้นเร็วเข้าไปอีก

..เขารุกเธอหนักเกินไปแล้วและดูท่าว่าครั้งนี้เธอจะเต็มใจให้เขารุกเสียด้วย

“ถ้าขวัญจะทำตามคำสัญญาตอนนี้จะทันไหมทราย ถ้าขวัญจะขอพี่วีร์ ทรายจะอนุญาตไหม” ถามแผ่วเบาอย่างรู้สึกผิดแต่ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้จริงๆ 

ติ๊ง!

เสียงลิฟต์เปิดจอมขวัญจึงออกมา ต่อจากนี้ไปให้เวลาและหัวใจเป็นตัวกำหนดทุกอย่างก็แล้วกัน

ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง บุษบามินตรากำลังตรวจร้านอยู่เพราะได้ยินมาว่าช่วงนี้ที่ร้านสาขาใหญ่กำลังมีปัญหาเรื่องมีเพชรปลอมเข้าปะปนจนลูกค้าไม่ไว้ใจและไม่มาซื้อเพชรกับทางร้านอีก ปัญหานี้ทำให้ร่างบางต้องลงมาดูแลเองอย่างใกล้ชิด เธอตรวจสอบเพชรน้ำงามแทบทุกเม็ดและก็ตอนนี้กำลังตรวจดูกล้องวงจรปิดอยู่

“มอง มองเธอมาแสนนาน” หลังจากไม่ได้ความคืบหน้าเธอจึงเดินออกมาหน้าร้านแล้วก็เห็นชายหนุ่มเพื่อนสนิทของพี่ชายยืนถือดอกกุหลาบสีขาวเพียงดอกเดียว ส่งยิ้มหวานมาให้พร้อมกับเดินตรงมายังเธอ

“ไม่ได้เจอนาน น้องมินคิดถึงพี่พีร์ไหมครับ”

ใบหน้าอันหล่อเหลาไม่ได้ทำให้บุษบามินตราหลงเลยสักนิด หญิงสาวยิ้มให้เขาแต่ไม่ได้ตอบคำถาม

“พี่พีร์ไม่ทำงานหรือคะ” เมื่อเขายื่นดอกไม้ให้เธอก็รับเอาไว้แล้วถามกลับทันที

พีรยศ อมรกุล หนุ่มหล่อที่ปีนี้ถูกยกให้เป็นขวัญใจสาวๆ ของวงการไฮโซชื่อดังกลับทำหน้างอเมื่อคนที่ตนหลงรักตอกกลับมาหน้าแทบหงาย

“พี่ทำงานเสร็จแล้ว งานไม่มี ว่างพอจะเป็นคนรู้ใจข้างกายน้องมินตลอดวันและตลอดไป” ตามสเต็ปเดิมของเขาหยอดคำหวานลงไปอีกด้วย

สาวน้อยไม่ได้เขินเธอกลับแสยะยิ้มให้เขา

“ถ้าอย่างนั้นเชิญเข้าไปดื่มน้ำก่อนไหมคะ”

“ดีเลย พี่คอแห้งมากเลยครับ” แน่นอนว่าไม่มีทางที่หนุ่มหล่อจะปฏิเสธ เขาเดินเข้าไปภายในที่รับรองแขกกับเธอ

พีรยศเป็นเพื่อนสนิทของชนวีร์และเจอกับบุษบามินตราเมื่อไปทำงานที่อังกฤษ ซึ่งตอนนั้นเธอไปเรียนที่นั่น ชนวีร์พาเขาไปแนะนำให้รู้จักกับน้องสาวของตนเอง หลังจากนั้นเป็นต้นมาผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขาก็กลายเป็นทาสรักของเธอ

ร่างสูงนั่งคุยกับเจ้าของหัวใจได้สักครู่ก็ต้องกลับเพราะได้รับโทรศัพท์จากเลขาว่าลูกค้าที่ญี่ปุ่นมาคุยงาน เขาเลยต้องล่ำลาจากสาวน้อยหน้าหวาน อดเสียดายไม่ได้แต่ก็คิดว่าไม่นานก็ได้มาหาอีก ในเมื่อห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นของเขา

“เฮ้อ” เมื่อลับร่างสูง บุษบามินตราก็แอบถอนหายใจเพราะเธอไม่ได้คิดอะไรกับเขาไปมากกว่าเพื่อนของพี่ชายเลยสักนิดแต่ก็ไม่อยากตัดสัมพันธ์ไปจึงทำเพียงแค่แบ่งรับแบ่งสู้เท่านั้นและเธอก็บอกเขาไปแล้วว่าให้ได้แค่สถานะเพื่อนของพี่ชายเท่านั้นซึ่งดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจเท่าไหร่เลย

ปนิธิเดินถือกระเป๋าออกมาจากห้องด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว เมื่อตอนเที่ยงวันเขาตั้งใจที่จะชวนจอมขวัญไปกินข้าวด้วยกันแต่ปรากฏว่าเธอไม่อยู่และบ่ายนั้นเองเขาก็ได้เห็นกับตาว่าเธอเดินเข้าบริษัทมาพร้อมกับท่านประธานหรือก็คือชนวีร์นั่นเอง

..ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าจอมขวัญแอบหลงรักชนวีร์ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว

วันนั้นที่เขาตั้งใจจะสารภาพรักกับจอมขวัญก่อนที่เขาจะเรียนจบ ทำให้ได้รู้ว่าคนที่อยู่ในใจของเธอคือชนวีร์ เพราะไดอารี่ที่หญิงสาวเขียนถึงแฟนหนุ่มของเพื่อนได้ตกที่พื้นหลังจากที่เธอชนกับเขา จอมขวัญคงรีบเกินไปจนไม่รู้ตัวว่าของสำคัญหายไปและเขาเองก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะคืนเธอไป

..เขาคิดว่าในเมื่อสิ่งที่เรียกว่าบันทึกความทรงจำของเธอหายไป เธออาจจะลืมผู้ชายคนนั้น แต่ไม่เลย เธอไม่เคยลืม

“กลับนะครับทุกคน” ปนิธิบอกลาแล้วยิ้มให้อย่างทั่วถึง จอมขวัญยิ้มให้เขาก็ยิ้มกลับแต่เป็นรอยยิ้มที่มีความเจ็บปวดเคลือบแฝงอยู่

หลังจากนั้นไม่นานผู้คนต่างก็ทยอยกลับทั้งแผนก จึงเหลือเพียงจอมขวัญคนเดียว หญิงสาวทำงานเสร็จก็ปิดคอมพิวเตอร์เก็บของเดินไปขึ้นลิฟต์กดชั้นสูงสุดของตึกมายังห้องประธานหนุ่มสุดหล่อ

คุณวิไลยิ้มให้เธอก่อนที่หญิงสาวจะเข้าไปในห้อง ชนวีร์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเพราะเขากำลังยุ่งอยู่กับเอกสารกองโตที่ต้องดู

“นั่งรอก่อนนะ ฉันขอทำงานแป๊บเดียว” พูดแม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ

จอมขวัญจึงไปนั่งโซฟารับรองแขกภายในห้องแทน เธอนั่งอ่านนิตยสารรอเป็นการฆ่าเวลา ในขณะที่เงยหน้ามองเขาทำงานเป็นระยะ ร่างบางอดชื่นชมเขาในใจไม่ได้เพราะรูปร่างสูงใหญ่นั้นช่างสง่างามยิ่งนัก ใบหน้าคมเข้มที่มีไรนวดขึ้นพอประมาณปรับลุกให้ดูเป็นเพลย์บอยยิ่งชวนให้หลงใหล ตาเรียวราวกับเหยี่ยวมองทีไรพานทำให้แข้งขาอ่อนร่ำไป จมูกโด่ง ริมฝีปากที่ไม่หนารับกับจมูกโด่งทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเครื่องหน้าที่ชวนหลงใหล

“มองขนาดนี้เอาฉันห่อกลับบ้านด้วยเลยดีไหม” พูดจบประโยคเขาก็เงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาที่แม้ไม่หวานแต่ก็มีความรู้สึกละมุนจนเธอต้องรีบก้มหน้าลงอ่านนิตยสารโดยไม่ได้ตอบคำถามนั้น จึงไม่เห็นแววตาเขาที่มองเธออย่างสมเพช

..ใช่ ทุกอย่างมันก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง

ผ่านไปสามสิบนาทีร่างบางนั่งปิดปากหาวมาตลอดจนชนวีร์ปิดแฟ้มงานลุกขึ้นเดินมาหาเธอ ชายหนุ่มจับข้อมือบางแล้วดึงให้ลุกขึ้นจนอีกฝ่ายที่ไม่ทันได้ตั้งตัวสะดุ้ง

“กลับกันเถอะ”

สองคนเดินออกมาจากบริษัทในเวลาหกโมงกว่า ตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มฟ้าร้องเสียงดังจนจอมขวัญรู้สึกราวกับว่าแผ่นดินสะเทือนไปตามเสียง

ชนวีร์เปิดประตูให้หญิงสาวก่อนจะเดินอ้อมมาฝั่งคนขับ ช่วงเวลานี้รถมักจะติดเสมอและเขาก็ยังไม่ชินเสียที

“คุณวีร์คะ ขวัญขอเปิดเพลงได้ไหม” เพราะรู้สึกว่าบนรถเงียบเกินไปเธอจึงคิดว่าเพลงน่าจะช่วยได้

“เอาสิ” เขาจัดการเปิดวิทยุให้ก็เจอกับเพลงสากลที่ความหมายช่างหวานเสียเหลือเกินจนคนฟังต้องเสมองออกไปนอกหน้าต่างทันที

“คุณวีร์ชอบเพลงแนวนี้หรือคะ”

“ก็ไม่เชิง แค่ฟังได้”

แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงชอบเพราะว่าคนรักชอบฟังเพลงสากล แนวเพลงอาร์แอนด์บี ทรายทิพย์ชอบยิ่งนักเขาจำได้ เธอชอบเพลงอะไรมักจะชวนเขาฟังเสมอและซื้ออัลบั้มเพลงเก็บไว้ ตอนนี้ในห้องของเธอเขายังคงเก็บไว้ให้อยู่

“เธอล่ะ ชอบไหม”

“ก็ไม่เชิงเหมือนกันค่ะ ขวัญฟังได้” ร่างสูงมองหน้าหวานก่อนจะพยักหน้าถามต่อ

“แล้วเธอชอบเพลงแนวไหนล่ะ”

“ขวัญไม่มีแนวหรอกค่ะ แค่ฟังแล้วรู้สึกว่าเพราะขวัญก็ชอบแล้ว”

ทั้งสองแลกเปลี่ยนความชอบเรื่องเพลงกันไปเรื่อยก่อนที่ชายหนุ่มจะฝ่าด่านรถติดมาส่งเธอถึงหอพักได้

จอมขวัญส่งยิ้มให้เขาจนตาหยีแล้วยกมือไหว้ขอบคุณ

“ขอบคุณค่ะที่มาส่ง”

“เต็มใจ” เขาพูดแค่นั้นแต่ทำเอาใบหน้าหวานซับสีเลือดทันที

..ช่วงนี้ทำไมเขาขยันพูดให้หัวใจเธอเต้นแรงเหลือเกินนะ

ซ่า!

“โอ๊ะ! ฝนตกแล้ว” เพียงไม่นานเม็ดฝนก็หล่นลงมาเม็ดใหญ่

ชนวีร์มองหาร่มทันทีแต่ไม่มีเลย ก่อนที่เขาจะนึกได้ว่ามันอยู่ที่บ้านเพราะเขาเพิ่งเอาลงเมื่อวานนี้เอง

“ฉันไม่มีร่มด้วย เอาอย่างนี้เดี๋ยวฉันเดินลงไปส่ง”

“คุณจะลงไปได้อย่างไรคะ ฝนตกขนาดนี้เดี๋ยวก็เปียกหรอก” เธอค้านอย่างไม่เห็นด้วยสักนิดด้วยความเป็นห่วงเขา

“เอาเถอะน่า ฉันไปได้แล้วกัน รอก่อนนะ” ชนวีร์หยิบเสื้อสูทของตัวเองแล้วเปิดประตูรถลงมา ชายหนุ่มยกเสื้อสูทขึ้นมาบังเม็ดฝนวิ่งตรงไปหาจอมขวัญเปิดประตูให้เธอลงมา

“มาเร็ว ฉันจะไปส่งข้างใน”

ร่างบางอึ้งสักพักก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วลงไปอยู่ภายใต้เสื้อสูทตัวหนาของเขาทันที ชนวีร์กดรีโมตล็อกรถแล้ววิ่งไปส่งหญิงสาวที่หน้าหอพัก ระหว่างทางจอมขวัญใจเต้นแรงไม่คิดว่าจะได้ใกล้ชิดกับเขาถึงเพียงนี้

“ฉันเข้าไปไม่ได้ใช่ไหม มันเป็นหอหญิง” จอมขวัญพยักหน้าให้เขา   ชายหนุ่มตอนนี้เปียกไปหมดทั้งตัวจนเธออดสงสารเขาไม่ได้

“ขอบคุณนะคะคุณวีร์ แล้วคุณจะกลับสภาพแบบนี้หรือคะ” และคำตอบของเขาก็คือการพยักหน้า แต่ดีที่มีชุดลำลองอยู่ภายในรถอยู่เขาคิดว่าคงจะไปจอดเปลี่ยนชุดที่ปั๊มน้ำมันเสียก่อน

“คงเป็นอย่างนั้น เธอขึ้นห้องได้แล้ว เจอกันพรุ่งนี้” พูดจบร่างสูงก็วิ่งกลับไปที่รถโดยมีเสื้อสูทเป็นร่มชั้นดีให้ตนเอง

จอมขวัญมองตามเขาไปด้วยดวงตาที่ทอประกายแห่งรักอย่างเต็มเปี่ยม

..เธอตกหลุมรักเขาอีกแล้วละ และดูเหมือนว่าครั้งนี้มันจะเป็นไปได้ด้วยดี

เมื่อเห็นรถคันหรูหายไปลับตาจอมขวัญจึงเดินขึ้นไปบนห้องตนเอง

..ความรักครั้งนี้เหมือนกับที่เธออ่านในนิยายเลย พระเอกโกรธนางเอกแต่เมื่อเวลาผ่านไปความโกรธจางหายความรักก็ปรากฏ เธอหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น หวังว่าเธอจะเป็นนางเอกที่โชคดีคนนั้น

ร่างบางคิดอย่างยิ้มๆ  ไขกุญแจเข้าห้องอย่างมีความสุข

เมื่ออาบน้ำและเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อกล้ามสีเทากับกางเกงขายาวเสร็จแล้วจอมขวัญก็ชงโอวัลตินดื่ม เธอไม่ชอบกินข้าวเย็นเสียเท่าไหร่เพราะมันจะแน่นท้องทำให้นอนไม่ค่อยหลับจึงกินอะไรที่มันเบาท้องแทน ผมที่ยังไม่แห้งเธอก็ไปนั่งผึ่งพัดลมเป็นการเป่าผมไปในตัว ใบหน้าหวานแต้มรอยยิ้มบางเมื่อคิดถึงเรื่องราวของเธอและชนวีร์ ก่อนจะสลดลงเมื่อคิดถึงทรายทิพย์เพื่อนรักของเธอ ใช่ว่าจะไม่รู้สึกผิดต่อเพื่อนแต่ตอนนี้เธอขอดื่มด่ำไปกับความรักครั้งนี้ได้หรือไม่

กุกกัก ตุ้บ!

เสียงที่ระเบียงห้องทำให้จอมขวัญชะงัก ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นเงาตะคุ่มที่ระเบียงนั้น ใบหน้าหวานมองรอบห้องเพื่อหาอาวุธป้องกันตัวก่อนจะเจอโคมไฟขนาดพอดีที่ข้างหัวเตียง ร่างบางเดินไปหยิบโคมไฟมาถือไว้แล้วย่องไปที่ระเบียงห้อง เธอระมัดระวังตลอดและมองไปที่เงาของคนข้างนอก จอมขวัญค่อยๆ เลื่อนประตูเปิดและยกโคมไฟขึ้นสูงเตรียมจะทุบไปที่ศีรษะของโจรร้ายแต่กลับต้องอึ้งเมื่อพบว่าเงานั้นล้มเข้ามาในห้องเธอ

“ขะ คนใช่ไหม” เอ่ยเสียงสั่นก่อนจะจิ้มไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายก็ต้องโล่งอกเมื่อพบว่าเป็นคนแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่คนร้ายหรือไม่ เธอค่อยๆ พลิกเขากลับมาก็ต้องตาโตด้วยความตกใจ

“คุณวีร์!”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status