๔
รุก
เช้าต่อมาบรรยากาศโดยรอบมีเมฆหนาพอสมควร ท้องฟ้าไม่มีแสงแดดเลยแม้แต่น้อยเพราะเมฆมาบดบัง ร่างบางเดินออกมาจากหอพักด้วยความเร่งรีบตอนนี้เธอสายมากแล้วกว่าที่จะขึ้นรถเมล์แล้วไปถึงบริษัทคงได้ลงชื่อสายแน่นอน
ใบหน้าหวานมีเหงื่อผุดขึ้นบริเวณไรผม เธอเช็ดอย่างเร่งรีบแล้วเดินออกมาโดยเร็วก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ
“ขึ้นมาสิ” แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่ารถที่มาจอดเทียบริมฟุตปาธแล้วกดแตรใส่เธอนั้นคือเจ้านายของเธอนั้นเอง
“คุณวีร์” ดูเหมือนการที่ชนวีร์จอดรถโดยไม่ได้เลี้ยวหลบทำให้เกิดปัญหาขึ้นเพราะตอนนี้ข้างหลังรถเริ่มติด เสียงแตรบีบดังเพราะความรีบของรถด้านหลัง
“ขึ้นมาเร็ว รถข้างหลังเขาบีบแตรไล่ฉันอยู่นะ”
ไม่ทันจะได้ขึ้นเพราะเขาจ้องเธอด้วยสายตาบังคับ จอมขวัญขึ้นรถมานั่ง ชนวีร์ก็ขับออกไป
“คุณวีร์มาทำอะไรแถวนี้คะ” ขึ้นรถมาได้เธอก็ถามเขา
ชนวีร์หันมามองคนข้างกายแล้วมองไปตรงทางข้างหน้า
“ก็แค่ผ่านมา เห็นพนักงานเดินข้างทางดูคุ้นๆ สงสารเลยรับมา ทำไมเหรอ” หญิงสาวส่ายหน้า แม้จะแอบคาดหวังสักนิดว่าเขามารับเธอแต่ก็คงเป็นได้แค่ความหวังเพราะความจริงไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เธอคิดแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำ
บนรถตกอยู่ในความเงียบจนกระทั่งชนวีร์เลี้ยวรถไปที่ร้านอาหารเรียบหรูที่เปิดอยู่ในซอยตรงข้ามบริษัท
“คุณวีร์จะไปไหนคะ ไม่เข้าบริษัทเหรอ”
“บริษัทเข้าตอนไหนก็ได้ แต่ตอนนี้ท้องฉันถ้าไม่ได้กินข้าวมันต้องประท้วงแน่เลย”
ดูแล้วสายตาเขาออกจะเว้าวอนจนเธอปฏิเสธไม่ลง โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยเสียหน่อย ถ้าเธอคว้าเอาไว้คงไม่เสียหาย
“ก็ได้ค่ะ” จอมขวัญตอบรับ
ชนวีร์จึงจอดรถแล้วพาเธอลงไปรับประทานอาหารเช้าด้วยกันโดยไม่สนใจสายตาของพนักงานบางคนที่มากินข้าวที่นี่เลยแม้แต่น้อย เป็นจอมขวัญเองที่ดูจะเกร็งเมื่อพบว่ามีคนในบริษัทอยู่ด้วย
“คุณวีร์คะ มากินแบบนี้มันจะดีหรือ คนอื่นจะไม่เอาคุณวีร์ไปนินทาแย่หรือคะ”
“ฉันไม่กลัวนะ” ได้โต๊ะนั่งชนวีร์ก็บอกจอมขวัญอย่างไม่ยี่หระกับเรื่องพวกนี้ ชายหนุ่มจัดแจงสั่งอาหารของตนก่อนจะถามจอมขวัญ เธอเอาเพียงแค่ข้าวต้มเท่านั้นเพราะก่อนออกมาดื่มโอวัลตินไปแล้วหนึ่งแก้ว
รอไม่นานอาหารก็พร้อมเสิร์ฟ ทั้งสองนั่งกินโดยที่ชนวีร์ไม่ได้ใส่ใจต่อคนรอบข้าง
เมื่อเห็นข้าวผัดที่ยื่นมาตรงหน้าจอมขวัญก็เลิกคิ้วสงสัยก่อนส่งเสียงออกไป
“คะ”
“ทำไมชอบสงสัย ยื่นให้ขนาดนี้ก็ให้กิน อ้าปากแล้วกิน” คนพูดก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย ชายหนุ่มเอาข้าวจ่อที่ปากของจอมขวัญทำเอาร่างบางถึงกับเขินแต่ก็กินข้าวที่เขาป้อนให้
“อร่อยไหม” เคี้ยวเสร็จหญิงสาวจึงพยักหน้าให้ ชนวีร์ก้มลงกินข้าวต่อแล้วตักข้าวผัดใส่กุนเชียงที่เขาสั่งป้อนเธออีกจนจอมขวัญแสนจะอาย ใบหน้าหวานแดงก่ำ
“พอแล้วมั้งคะ”
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ตอบรับ เขายื่นช้อนมาใกล้เธออีกจอมขวัญจึงต้องกินอีกคำอย่างเสียไม่ได้
“อร่อยก็กินเยอะๆ สิ แค่ข้าวต้มมันไม่อิ่มหรอก”
“แต่ว่าคุณวีร์จะอิ่มหรือคะ”
“ก็ถ้าเธออิ่มฉันก็อิ่มแล้วละ”
ไม่รู้ว่านั้นคือประโยคจีบหรือเปล่าแต่มันก็ทำเอาเธอเขินได้เหมือนกัน แม้ดวงตาของเขาจะไร้แววหวานอย่างที่ควรจะเป็นก็ตาม จอมขวัญก้มหน้ากินข้าวต้มโดยพยายามไม่สนใจคนรอบข้างและคนตรงหน้าที่เธอสัมผัสได้ว่าเขากำลังจ้องเธออยู่
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จชนวีร์จึงพาจอมขวัญไปทำงาน เขาขับรถเข้าไปจอดแล้วเดินเข้าบริษัทพร้อมกับพนักงานใหม่ที่กำลังถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก
จอมขวัญกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจที่สุดตอนนี้ เธอเดินเข้าบริษัทพร้อมประธานหนุ่มที่หล่อเหลาทำเอาสาวหลายคนต้องอิจฉาตาร้อนก่อนจะนำเอาเรื่องของเธอไปพูดต่อๆ กันไปโดยไม่สนใจว่าเรื่องราวก่อนหน้ามันจะเป็นอย่างไรและจริงเท็จแค่ไหนก็ตาม
“สวัสดีค่ะทุกคน” ถึงที่ทำงานจอมขวัญก็กล่าวทักทายเพื่อนร่วมงานทันที
ดาหวันยิ้มให้เธอแล้วก้มลงดูรายละเอียดงานต่อ ส่วนสองสาวก็นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเพราะเมื่อวานเธอกลับก่อนทำให้งานที่ได้รับยังไม่เสร็จและกองพะเนินจนหายใจแทบไม่ออก
“คุณจอมขวัญ เข้ามาพบผมด้วย” ปนิธิเดินออกมาจากห้องเรียกน้องสาวร่วมสถาบันเสียงขรึม ใบหน้าหล่อที่มักจะยิ้มแย้มเรียบสนิท จนสามคนที่ทำงานอยู่ต้องเงยขึ้นมามองแล้วก็ขนลุกไปตามๆ กันไม่เว้นแม้แต่จอมขวัญ
โหมดโหดของเจ้านายยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้งและคิดว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเต็มตาว่าปนิธิก็มีบทโหดกับเขาเหมือนกัน
“ค่ะ” ร่างบางเก็บของไว้ที่โต๊ะ เดินตามหัวหน้างานเข้าไปในห้องของเขาทันที
ห้องของหัวหน้าแผนกขนาดพอดีไม่ใหญ่เกินไปแต่มีมุมให้นั่งพักหรือคุยงานไว้อย่างน่ารักทางด้านขวาของห้อง
“ทำไมวันนี้มาสาย”
วันนี้แม้จอมขวัญจะไม่ได้เข้าเลตแต่ก็ช้ากว่าเวลาที่เธอมักมาปกติมากนัก ยิ่งเมื่อเช้าที่เขามาถึงบริษัทก็ได้ยินเรื่องของเธอกับท่านประธานยิ่งทำให้ชายหนุ่มร้อนใจ
“ขวัญขอโทษนะคะที่มาสาย ถ้าจะบอกว่าตื่นสายมันก็ดูจะเป็นการแก้ตัวแต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ คือขวัญตื่นสาย ขวัญขอโทษนะคะ คราวหน้าขวัญจะไม่มาสายอีกแล้ว”
สิ่งที่จอมขวัญบอกไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากรู้สักนิด อันที่จริงปนิธิอยากถามใจจะขาดว่าทำไมถึงไปกินข้าวกับประธานบริษัทอย่างชนวีร์ได้
“เอาเถอะ พี่ก็แค่ห่วง ขวัญกลับไปทำงานได้แล้ว” มีเรื่องอยากจะถามมากมายแต่ถ้าเขาถามไปมากกว่านี้มันจะก้าวล้ำคำว่าพี่ชายหรือเปล่านั่นคือสิ่งที่ปนิธิคิด
..เขามีสิทธิ์อะไรที่จะไปหวงเธอในเมื่อเธอให้เขาเป็นได้แค่พี่ชายร่วมสถาบันเท่านั้น
จอมขวัญยิ้มให้ปนิธิแล้วเดินออกจากห้องไป วานิสาและอพิญญาที่เอาหูแนบประตูถึงกับผงะเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปิดออกมาเร็วขนาดนี้ สองสาวรีบกลับไปนั่งโต๊ะทำงานของตนเองทันที
จอมขวัญมองทั้งสอง โดยไม่ได้ว่าอะไรแล้วเริ่มทำหน้าที่ของตนเองไปเรื่อยๆ งานใหม่เริ่มมา ดีที่เธอทำงานเก่าเสร็จแล้วจึงไม่มีงานค้างต้องให้สะสาง เมื่อถึงเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบนาทีงานที่เธอทำก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
“พี่ดาคะ ขวัญทำงบประมาณปีนี้ให้เสร็จแล้วนะคะ”
ดาหวันที่กำลังตรวจเอกสารต้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วเรียกตรวจเอกสาร
“พี่เกือบลืมไปเลย เมื่อกี้พี่วิไลโทรมาหาพี่บอกว่าท่านประธานอยากดูงบประมาณปีนี้ ขวัญทำเสร็จแล้วก็เอาขึ้นไปให้ท่านดูเลยนะ” เธอยื่นเอกสารส่งกลับให้รุ่นน้องแล้วทำงานต่อ
จอมขวัญที่ได้รับคำสั่งก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เธอไม่คิดว่าจะต้องเจอเขาบ่อยขนาดนี้ หญิงสาวถือแฟ้มเอกสารออกไปจากแผนกและเมื่อลับหลังร่างบางวานิสาและอพิญญาก็เลื่อนเก้าอี้หากันโดยอัตโนมัติ
“ฉันว่าท่านประธานต้องแอบชอบขวัญอยู่แน่เลย”
“ใช่ ฉันเห็นด้วย และฉันว่าน้องขวัญของเราก็ต้องแอบมีใจให้ท่านประธานชัวร์” สองเสียงต่างเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
“ทำงานได้แล้ว กองพะเนินเป็นภูเขาอยู่เที่ยงนี้คงไม่ได้กินข้าวแล้วมั้ง” แม้ว่าตาจะจ้องเอกสารแต่ดาหวันก็พูดขึ้นเสียงดัง ทำให้สองสาวสปริงตัวออกจากกันอย่างรวดเร็วแล้วกลับมาทำงานตามหน้าที่ของตัวเองต่อไป
ดาหวันเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารพลางคิดในใจ
‘หวังว่าเรื่องที่ได้ยินคงเป็นแค่ข่าวลือที่ไม่เป็นจริงเถอะนะ’
มาถึงหน้าห้องท่านประธานอย่างชนวีร์ เธอก็เคาะประตูเมื่อได้ยินเสียงเขาอนุญาตก็เปิดเข้าไป ตอนนี้ร่างสูงก็ยังคร่ำเคร่งกับเอกสารตรงหน้าอยู่โดยไม่ได้มองยังคนมาใหม่เลยด้วยซ้ำ
จอมขวัญเดินไปยื่นเอกสารก่อนจะนั่งลงเมื่อเขาผายมือเชิญนั่งแล้วเปิดดูเอกสาร
“เธอแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าตรวจสอบถูก” ดวงตาเรียวไล่มองตามตัวอักษร บนกระดาษอย่างละเอียด
“ค่ะ”
ชนวีร์พยักหน้าแล้วเปิดเอกสารดู พร้อมกับดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของเขาด้วย ชายหนุ่มเจอข้อสงสัยบางอย่างก็ให้จอมขวัญช่วยดูพร้อมกับให้เธอแก้ไขส่วนที่ผิด หญิงสาวจะลงไปแก้ไขที่โต๊ะทำงานของเธอแต่ชนวีร์บอกให้ทำในห้องเขาแทนเธอจึงขัดคำสั่งไม่ได้
ทั้งสองต่างเคร่งกับการทำงานของตนเองจนเมื่องานเสร็จสมบูรณ์จอมขวัญจึงเก็บเอกสารเตรียมกลับแผนกทันที
“เดี๋ยวก่อน” เสียงเรียกนั้นทำให้เธอชะงัก
ชนวีร์จัดการปิดคอมพิวเตอร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาหาเธอ
“เที่ยงครึ่งแล้วไม่หิวหรือ ไปกินข้าวกัน”
ไม่ใช่ประโยคคำถามหรือขอร้องแต่ดูแล้วจะเป็นประโยคคำสั่งเสียมากกว่าและเธอก็ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วยเมื่อเขาคว้าแฟ้มหนาไปวางบนโต๊ะแล้วจูงมือเธอออกมาจากห้องทำงานพอดีกับที่คุณวิไลกลับมาจากรับประทานอาหารเที่ยง
“คุณวิไลผมอาจจะเข้าบริษัทช้านะ จะไปกินข้าว” สั่งเสร็จชายหนุ่มก็พาเธอเดินไปยังลิฟต์กดไปชั้นหนึ่ง
เมื่อออกมาทั้งคู่ก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งบริษัทและลูกค้าที่เข้ามาติดต่อด้วยเพราะความสวยหล่อและเหมาะสมกันนั่นเอง พนักงานบริษัทผู้หญิงหลายคนเริ่มจับกลุ่มคุยกันเมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว
“คุณวีร์ ขวัญไม่ได้เอากระเป๋าลงมาด้วย”
“ช่างมัน ไม่หายหรอก”
เขาเดินมายังลานจอดรถแล้วบังคับให้เธอขึ้นไปก่อนจะขับพาเธอไปรับประทานอาหารเที่ยงที่โรงแรมซึ่งห่างจากบริษัทไม่มากนัก จอดรถเสร็จชนวีร์ก็พาเธอเข้ารับประทานอาหาร ซึ่งเขาได้โทรจองโต๊ะไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
“จะกินอะไร”
นั่งดูเมนูอาหารที่ละลานตาทำเอาจอมขวัญเลือกไม่ถูก
“เอาสเต็กปลาแซลมอนแล้วกันค่ะ” เธอสั่งเสร็จชนวีร์ก็หันไปสั่งบ้าง
พนักงานเก็บเมนูแล้วเสิร์ฟไวน์สำหรับคุณผู้ชายและน้ำส้มของคุณผู้หญิง
“คุณวีร์ไม่น่าลำบากพาขวัญมาเลยนะคะ”
“ก็ไม่ได้ลำบากตรงไหน ฉันจะมาอยู่แล้ว และการที่เธอมาด้วยมันก็ดีมากกว่าที่ฉันจะมาคนเดียว นอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังอิ่มใจอีกต่างหาก” มาอีกแล้วกับมุกหน้านิ่งของเขา
จอมขวัญเสมองไปทางอื่นพลางกัดริมฝีปากแก้เขิน เธอพยายามที่จะกลั้นยิ้มไว้อย่างสุดความสามารถ
“หน้าแดงนี่ไม่สบายหรือเขิน”
คำถามที่เถรตรงจนจอมขวัญต้องค้อนใส่เขาไปหนึ่งที
“ฮ่าๆ ล้อเล่นน่ะ” รอยยิ้มของเขาผุดขึ้นทำเอาใจสาวกระตุก
..นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้หัวเราะให้เธอ มันนานมากเธอแทบจะจำรอยยิ้มของเขาไม่ได้แล้ว รอยยิ้มที่เขามอบให้เพียงเธอเท่านั้น
“อาหารมาแล้ว กินเถอะ” เมื่ออาหารมาเสิร์ฟชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะชวนเธอกิน ราวกับโลกทั้งสองมีเพียงเธอและเขาเท่านั้น
จอมขวัญมองไปยังเทพบุตรตรงหน้าของเธอ ผู้ชายขี่ม้าขาวที่เธอรู้จักเมื่อเจ็ดปีก่อน แม้ต่อมาเขาจะกลายเป็นซาตาน ที่เขากำลังจะกลายร่างเป็นเทพบุตรของเธออีกครั้ง อาจจะยังไม่สมบูรณ์และเธอก็ยังไม่เชื่อสนิทใจว่าเขาจะดีกับเธอจริงหรือเปล่า
..แต่ว่าเป็นแบบนี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จชนวีร์ก็พาจอมขวัญกลับมายังบริษัทและตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบสามนาฬิกายี่สิบนาทีแล้ว จอมขวัญวิ่งขึ้นไปยังแผนกแล้วก็ต้องพบว่าเธอลืมเอาเอกสารมาด้วย มันอยู่ที่ห้องของชนวีร์นั้นเอง เธอเดินขึ้นมาเอาเอกสาร
“ขอโทษนะคะ ขวัญลืมเอกสารไว้”
ชนวีร์พยักหน้าให้แล้วก้มลงทำงานต่อ และก่อนออกจากห้องไปร่างสูงก็พูดกับเธอ
“ทำงานเสร็จ ขึ้นมาหาฉันก่อนนะ จะไปส่ง”
ประโยคสุดท้ายทำให้เธอก้าวขาแทบไม่ออกยิ่งเมื่อมองดวงตาเขาเธอก็ทำอะไรไม่ถูก จอมขวัญก้มศีรษะลงโค้งให้ก่อนจะออกจากห้องไป หัวใจเต้นรัวราวกับกลอง เข้าลิฟต์มาได้จอมขวัญก็เอามือทาบหัวใจ
“ทำไมเต้นแรงจังนะ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหมดหรอกว่าเราตื่นเต้นแค่ไหนน่ะจอมขวัญ” พร่ำบอกตัวเองอย่างนั้นแต่ยิ่งทำให้ใจเต้นเร็วเข้าไปอีก
..เขารุกเธอหนักเกินไปแล้วและดูท่าว่าครั้งนี้เธอจะเต็มใจให้เขารุกเสียด้วย
“ถ้าขวัญจะทำตามคำสัญญาตอนนี้จะทันไหมทราย ถ้าขวัญจะขอพี่วีร์ ทรายจะอนุญาตไหม” ถามแผ่วเบาอย่างรู้สึกผิดแต่ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้จริงๆ
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์เปิดจอมขวัญจึงออกมา ต่อจากนี้ไปให้เวลาและหัวใจเป็นตัวกำหนดทุกอย่างก็แล้วกัน
ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง บุษบามินตรากำลังตรวจร้านอยู่เพราะได้ยินมาว่าช่วงนี้ที่ร้านสาขาใหญ่กำลังมีปัญหาเรื่องมีเพชรปลอมเข้าปะปนจนลูกค้าไม่ไว้ใจและไม่มาซื้อเพชรกับทางร้านอีก ปัญหานี้ทำให้ร่างบางต้องลงมาดูแลเองอย่างใกล้ชิด เธอตรวจสอบเพชรน้ำงามแทบทุกเม็ดและก็ตอนนี้กำลังตรวจดูกล้องวงจรปิดอยู่
“มอง มองเธอมาแสนนาน” หลังจากไม่ได้ความคืบหน้าเธอจึงเดินออกมาหน้าร้านแล้วก็เห็นชายหนุ่มเพื่อนสนิทของพี่ชายยืนถือดอกกุหลาบสีขาวเพียงดอกเดียว ส่งยิ้มหวานมาให้พร้อมกับเดินตรงมายังเธอ
“ไม่ได้เจอนาน น้องมินคิดถึงพี่พีร์ไหมครับ”
ใบหน้าอันหล่อเหลาไม่ได้ทำให้บุษบามินตราหลงเลยสักนิด หญิงสาวยิ้มให้เขาแต่ไม่ได้ตอบคำถาม
“พี่พีร์ไม่ทำงานหรือคะ” เมื่อเขายื่นดอกไม้ให้เธอก็รับเอาไว้แล้วถามกลับทันที
พีรยศ อมรกุล หนุ่มหล่อที่ปีนี้ถูกยกให้เป็นขวัญใจสาวๆ ของวงการไฮโซชื่อดังกลับทำหน้างอเมื่อคนที่ตนหลงรักตอกกลับมาหน้าแทบหงาย
“พี่ทำงานเสร็จแล้ว งานไม่มี ว่างพอจะเป็นคนรู้ใจข้างกายน้องมินตลอดวันและตลอดไป” ตามสเต็ปเดิมของเขาหยอดคำหวานลงไปอีกด้วย
สาวน้อยไม่ได้เขินเธอกลับแสยะยิ้มให้เขา
“ถ้าอย่างนั้นเชิญเข้าไปดื่มน้ำก่อนไหมคะ”
“ดีเลย พี่คอแห้งมากเลยครับ” แน่นอนว่าไม่มีทางที่หนุ่มหล่อจะปฏิเสธ เขาเดินเข้าไปภายในที่รับรองแขกกับเธอ
พีรยศเป็นเพื่อนสนิทของชนวีร์และเจอกับบุษบามินตราเมื่อไปทำงานที่อังกฤษ ซึ่งตอนนั้นเธอไปเรียนที่นั่น ชนวีร์พาเขาไปแนะนำให้รู้จักกับน้องสาวของตนเอง หลังจากนั้นเป็นต้นมาผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขาก็กลายเป็นทาสรักของเธอ
ร่างสูงนั่งคุยกับเจ้าของหัวใจได้สักครู่ก็ต้องกลับเพราะได้รับโทรศัพท์จากเลขาว่าลูกค้าที่ญี่ปุ่นมาคุยงาน เขาเลยต้องล่ำลาจากสาวน้อยหน้าหวาน อดเสียดายไม่ได้แต่ก็คิดว่าไม่นานก็ได้มาหาอีก ในเมื่อห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นของเขา
“เฮ้อ” เมื่อลับร่างสูง บุษบามินตราก็แอบถอนหายใจเพราะเธอไม่ได้คิดอะไรกับเขาไปมากกว่าเพื่อนของพี่ชายเลยสักนิดแต่ก็ไม่อยากตัดสัมพันธ์ไปจึงทำเพียงแค่แบ่งรับแบ่งสู้เท่านั้นและเธอก็บอกเขาไปแล้วว่าให้ได้แค่สถานะเพื่อนของพี่ชายเท่านั้นซึ่งดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจเท่าไหร่เลย
ปนิธิเดินถือกระเป๋าออกมาจากห้องด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว เมื่อตอนเที่ยงวันเขาตั้งใจที่จะชวนจอมขวัญไปกินข้าวด้วยกันแต่ปรากฏว่าเธอไม่อยู่และบ่ายนั้นเองเขาก็ได้เห็นกับตาว่าเธอเดินเข้าบริษัทมาพร้อมกับท่านประธานหรือก็คือชนวีร์นั่นเอง
..ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าจอมขวัญแอบหลงรักชนวีร์ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว
วันนั้นที่เขาตั้งใจจะสารภาพรักกับจอมขวัญก่อนที่เขาจะเรียนจบ ทำให้ได้รู้ว่าคนที่อยู่ในใจของเธอคือชนวีร์ เพราะไดอารี่ที่หญิงสาวเขียนถึงแฟนหนุ่มของเพื่อนได้ตกที่พื้นหลังจากที่เธอชนกับเขา จอมขวัญคงรีบเกินไปจนไม่รู้ตัวว่าของสำคัญหายไปและเขาเองก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะคืนเธอไป
..เขาคิดว่าในเมื่อสิ่งที่เรียกว่าบันทึกความทรงจำของเธอหายไป เธออาจจะลืมผู้ชายคนนั้น แต่ไม่เลย เธอไม่เคยลืม
“กลับนะครับทุกคน” ปนิธิบอกลาแล้วยิ้มให้อย่างทั่วถึง จอมขวัญยิ้มให้เขาก็ยิ้มกลับแต่เป็นรอยยิ้มที่มีความเจ็บปวดเคลือบแฝงอยู่
หลังจากนั้นไม่นานผู้คนต่างก็ทยอยกลับทั้งแผนก จึงเหลือเพียงจอมขวัญคนเดียว หญิงสาวทำงานเสร็จก็ปิดคอมพิวเตอร์เก็บของเดินไปขึ้นลิฟต์กดชั้นสูงสุดของตึกมายังห้องประธานหนุ่มสุดหล่อ
คุณวิไลยิ้มให้เธอก่อนที่หญิงสาวจะเข้าไปในห้อง ชนวีร์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเพราะเขากำลังยุ่งอยู่กับเอกสารกองโตที่ต้องดู
“นั่งรอก่อนนะ ฉันขอทำงานแป๊บเดียว” พูดแม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ
จอมขวัญจึงไปนั่งโซฟารับรองแขกภายในห้องแทน เธอนั่งอ่านนิตยสารรอเป็นการฆ่าเวลา ในขณะที่เงยหน้ามองเขาทำงานเป็นระยะ ร่างบางอดชื่นชมเขาในใจไม่ได้เพราะรูปร่างสูงใหญ่นั้นช่างสง่างามยิ่งนัก ใบหน้าคมเข้มที่มีไรนวดขึ้นพอประมาณปรับลุกให้ดูเป็นเพลย์บอยยิ่งชวนให้หลงใหล ตาเรียวราวกับเหยี่ยวมองทีไรพานทำให้แข้งขาอ่อนร่ำไป จมูกโด่ง ริมฝีปากที่ไม่หนารับกับจมูกโด่งทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเครื่องหน้าที่ชวนหลงใหล
“มองขนาดนี้เอาฉันห่อกลับบ้านด้วยเลยดีไหม” พูดจบประโยคเขาก็เงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาที่แม้ไม่หวานแต่ก็มีความรู้สึกละมุนจนเธอต้องรีบก้มหน้าลงอ่านนิตยสารโดยไม่ได้ตอบคำถามนั้น จึงไม่เห็นแววตาเขาที่มองเธออย่างสมเพช
..ใช่ ทุกอย่างมันก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง
ผ่านไปสามสิบนาทีร่างบางนั่งปิดปากหาวมาตลอดจนชนวีร์ปิดแฟ้มงานลุกขึ้นเดินมาหาเธอ ชายหนุ่มจับข้อมือบางแล้วดึงให้ลุกขึ้นจนอีกฝ่ายที่ไม่ทันได้ตั้งตัวสะดุ้ง
“กลับกันเถอะ”
สองคนเดินออกมาจากบริษัทในเวลาหกโมงกว่า ตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มฟ้าร้องเสียงดังจนจอมขวัญรู้สึกราวกับว่าแผ่นดินสะเทือนไปตามเสียง
ชนวีร์เปิดประตูให้หญิงสาวก่อนจะเดินอ้อมมาฝั่งคนขับ ช่วงเวลานี้รถมักจะติดเสมอและเขาก็ยังไม่ชินเสียที
“คุณวีร์คะ ขวัญขอเปิดเพลงได้ไหม” เพราะรู้สึกว่าบนรถเงียบเกินไปเธอจึงคิดว่าเพลงน่าจะช่วยได้
“เอาสิ” เขาจัดการเปิดวิทยุให้ก็เจอกับเพลงสากลที่ความหมายช่างหวานเสียเหลือเกินจนคนฟังต้องเสมองออกไปนอกหน้าต่างทันที
“คุณวีร์ชอบเพลงแนวนี้หรือคะ”
“ก็ไม่เชิง แค่ฟังได้”
แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงชอบเพราะว่าคนรักชอบฟังเพลงสากล แนวเพลงอาร์แอนด์บี ทรายทิพย์ชอบยิ่งนักเขาจำได้ เธอชอบเพลงอะไรมักจะชวนเขาฟังเสมอและซื้ออัลบั้มเพลงเก็บไว้ ตอนนี้ในห้องของเธอเขายังคงเก็บไว้ให้อยู่
“เธอล่ะ ชอบไหม”
“ก็ไม่เชิงเหมือนกันค่ะ ขวัญฟังได้” ร่างสูงมองหน้าหวานก่อนจะพยักหน้าถามต่อ
“แล้วเธอชอบเพลงแนวไหนล่ะ”
“ขวัญไม่มีแนวหรอกค่ะ แค่ฟังแล้วรู้สึกว่าเพราะขวัญก็ชอบแล้ว”
ทั้งสองแลกเปลี่ยนความชอบเรื่องเพลงกันไปเรื่อยก่อนที่ชายหนุ่มจะฝ่าด่านรถติดมาส่งเธอถึงหอพักได้
จอมขวัญส่งยิ้มให้เขาจนตาหยีแล้วยกมือไหว้ขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะที่มาส่ง”
“เต็มใจ” เขาพูดแค่นั้นแต่ทำเอาใบหน้าหวานซับสีเลือดทันที
..ช่วงนี้ทำไมเขาขยันพูดให้หัวใจเธอเต้นแรงเหลือเกินนะ
ซ่า!
“โอ๊ะ! ฝนตกแล้ว” เพียงไม่นานเม็ดฝนก็หล่นลงมาเม็ดใหญ่
ชนวีร์มองหาร่มทันทีแต่ไม่มีเลย ก่อนที่เขาจะนึกได้ว่ามันอยู่ที่บ้านเพราะเขาเพิ่งเอาลงเมื่อวานนี้เอง
“ฉันไม่มีร่มด้วย เอาอย่างนี้เดี๋ยวฉันเดินลงไปส่ง”
“คุณจะลงไปได้อย่างไรคะ ฝนตกขนาดนี้เดี๋ยวก็เปียกหรอก” เธอค้านอย่างไม่เห็นด้วยสักนิดด้วยความเป็นห่วงเขา
“เอาเถอะน่า ฉันไปได้แล้วกัน รอก่อนนะ” ชนวีร์หยิบเสื้อสูทของตัวเองแล้วเปิดประตูรถลงมา ชายหนุ่มยกเสื้อสูทขึ้นมาบังเม็ดฝนวิ่งตรงไปหาจอมขวัญเปิดประตูให้เธอลงมา
“มาเร็ว ฉันจะไปส่งข้างใน”
ร่างบางอึ้งสักพักก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วลงไปอยู่ภายใต้เสื้อสูทตัวหนาของเขาทันที ชนวีร์กดรีโมตล็อกรถแล้ววิ่งไปส่งหญิงสาวที่หน้าหอพัก ระหว่างทางจอมขวัญใจเต้นแรงไม่คิดว่าจะได้ใกล้ชิดกับเขาถึงเพียงนี้
“ฉันเข้าไปไม่ได้ใช่ไหม มันเป็นหอหญิง” จอมขวัญพยักหน้าให้เขา ชายหนุ่มตอนนี้เปียกไปหมดทั้งตัวจนเธออดสงสารเขาไม่ได้
“ขอบคุณนะคะคุณวีร์ แล้วคุณจะกลับสภาพแบบนี้หรือคะ” และคำตอบของเขาก็คือการพยักหน้า แต่ดีที่มีชุดลำลองอยู่ภายในรถอยู่เขาคิดว่าคงจะไปจอดเปลี่ยนชุดที่ปั๊มน้ำมันเสียก่อน
“คงเป็นอย่างนั้น เธอขึ้นห้องได้แล้ว เจอกันพรุ่งนี้” พูดจบร่างสูงก็วิ่งกลับไปที่รถโดยมีเสื้อสูทเป็นร่มชั้นดีให้ตนเอง
จอมขวัญมองตามเขาไปด้วยดวงตาที่ทอประกายแห่งรักอย่างเต็มเปี่ยม
..เธอตกหลุมรักเขาอีกแล้วละ และดูเหมือนว่าครั้งนี้มันจะเป็นไปได้ด้วยดี
เมื่อเห็นรถคันหรูหายไปลับตาจอมขวัญจึงเดินขึ้นไปบนห้องตนเอง
..ความรักครั้งนี้เหมือนกับที่เธออ่านในนิยายเลย พระเอกโกรธนางเอกแต่เมื่อเวลาผ่านไปความโกรธจางหายความรักก็ปรากฏ เธอหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น หวังว่าเธอจะเป็นนางเอกที่โชคดีคนนั้น
ร่างบางคิดอย่างยิ้มๆ ไขกุญแจเข้าห้องอย่างมีความสุข
เมื่ออาบน้ำและเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อกล้ามสีเทากับกางเกงขายาวเสร็จแล้วจอมขวัญก็ชงโอวัลตินดื่ม เธอไม่ชอบกินข้าวเย็นเสียเท่าไหร่เพราะมันจะแน่นท้องทำให้นอนไม่ค่อยหลับจึงกินอะไรที่มันเบาท้องแทน ผมที่ยังไม่แห้งเธอก็ไปนั่งผึ่งพัดลมเป็นการเป่าผมไปในตัว ใบหน้าหวานแต้มรอยยิ้มบางเมื่อคิดถึงเรื่องราวของเธอและชนวีร์ ก่อนจะสลดลงเมื่อคิดถึงทรายทิพย์เพื่อนรักของเธอ ใช่ว่าจะไม่รู้สึกผิดต่อเพื่อนแต่ตอนนี้เธอขอดื่มด่ำไปกับความรักครั้งนี้ได้หรือไม่
กุกกัก ตุ้บ!
เสียงที่ระเบียงห้องทำให้จอมขวัญชะงัก ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นเงาตะคุ่มที่ระเบียงนั้น ใบหน้าหวานมองรอบห้องเพื่อหาอาวุธป้องกันตัวก่อนจะเจอโคมไฟขนาดพอดีที่ข้างหัวเตียง ร่างบางเดินไปหยิบโคมไฟมาถือไว้แล้วย่องไปที่ระเบียงห้อง เธอระมัดระวังตลอดและมองไปที่เงาของคนข้างนอก จอมขวัญค่อยๆ เลื่อนประตูเปิดและยกโคมไฟขึ้นสูงเตรียมจะทุบไปที่ศีรษะของโจรร้ายแต่กลับต้องอึ้งเมื่อพบว่าเงานั้นล้มเข้ามาในห้องเธอ
“ขะ คนใช่ไหม” เอ่ยเสียงสั่นก่อนจะจิ้มไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายก็ต้องโล่งอกเมื่อพบว่าเป็นคนแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่คนร้ายหรือไม่ เธอค่อยๆ พลิกเขากลับมาก็ต้องตาโตด้วยความตกใจ
“คุณวีร์!”
๕แผนการ“คุณวีร์!” ใบหน้าคมเข้มที่คุ้นเคยตอนนี้มีเลือดไหลลงมาเป็นทางจอมขวัญมองเขาอย่างเป็นห่วง พยายามประคองให้ร่างสูงไปนอนข้างเตียงของเธอ ร่างบางวิ่งวุ่นหาผ้าขนหนูขนาดเล็กและกะละมังใส่น้ำเพื่อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา จอมขวัญเช็ดหน้าที่มีเลือดเปื้อนให้ชนวีร์ก่อนจะเห็นว่าแผลไม่ใหญ่ถึงขั้นต้องเย็บแต่ที่เลือดไหลเยอะอาจเพราะโดนฝนด้วยก็เป็นได้“หนะ หนาว” เสียงเข้มเอ่ยแผ่วเบาเต็มที“ทนหน่อยนะคะ”ฝนยังคงตกไม่หยุด ร่างบางเข้าไปเปลี่ยนน้ำแล้วมาถอดเสื้อให้ชายหนุ่มทันที แม้ใจจะเต้นแรงแต่ถ้าให้เขานอนเปียกแบบนี้ก็กลัวว่าจะเป็นปอดบวมไปเสียก่อน เมื่อเสร็จที่ท่อนบนท่อนล่างยิ่งสร้างความกังวลใจให้เธอเข้าไปอีก“ขอโทษนะคะ ขวัญทำด้วยใจบริสุทธิ์นะ” ก่อนจะถอดกางเกงให้เขาจอมขวัญก็บอกก่อน กลั้นใจรูดซิปแล้วพยายามดึงลงมาแต่มันค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร“คุณวีร์ช่วยยกสะโพกขึ้นหน่อยได้ไหมคะ” ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่าที่เธอพูดแต่ก็บอกไปแล้ว ดูเหมือนว่าชนวีร์จะรู้ว่าเธอพูดอะไรเพราะเขายกสะโพกขึ้นทำให้ผ่านช่วงทุลักทุเลไปได้ ตอนนี้ทั้งร่างหนาจึงมีเพียงแค่กางเกง บ๊อกเซอร์เท่านั้นจอมขวัญพยายามไม่มองแล้วหากางเกงขนา
๖เมารักร่างบางส่องกระจกเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองหลังได้รับโทรศัพท์จากบุษบามินตราช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าจะมารับเธอไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าที่ตนเองดูแลร้านเพชรอยู่ มีเรื่องราวมากมายที่ต้องการจะคุยด้วย จอมขวัญก็ตอบรับปากไป ทั้งสองสาวจึงนัดกันเวลาสิบโมงครึ่งที่ห้างดังระหว่างที่เดินออกมาจากห้องเพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่ตอนนี้คนก็เยอะพอสมควร สองเท้าเดินไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะเธอกะเวลาแล้วว่าอย่างไรก็ไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาอย่างแน่นอน“สวัสดีค่ะแม่”“เป็นอย่างไรบ้างขวัญ ไม่ค่อยโทรหาแม่เลยนะ”ร่างบางอมยิ้มก่อนจะออดอ้อนแม่บอกถึงสาเหตุที่ไม่ค่อยได้โทรไปหา“ขอโทษนะคะแม่ ขวัญยุ่งมากงานเต็มโต๊ะเลยจริงๆ น้า” เสียงหวานตอบกลับไปจนมารดาที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่คิดว่าถ้าลูกสาวอยู่ด้วยตอนนี้ต้องกอดเธอเป็นแน่แท้“จ้า งานเยอะก็อย่าหักโหมนะลูก พักบ้างนะ เดี๋ยวถ้าพ่อกับแม่ว่างจะลงไปหานะ ตาก็บ่นถึงเราตลอดเวลาเลย จนยายต้องปรามบ้าง”หล่อนหัวเราะออกมาด้วยความขำ ตามักจะเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่สมัยที่เธอมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพแล้ว ตาของเธอมักจะหวงหลานเสมอเพราะหลานสาวออกจะสวยปานนั้น“ฝากบอกตาด้
๗คำหวานแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในบ้านทำให้ร่างสูงที่นอนหลับตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียก่อนจะรับรู้ได้ว่าข้างกายตนตอนนี้ว่างเปล่าและเย็นชืด..เธอหายไปไหนชนวีร์มองรอบกายก็ไม่พบร่างที่ตนกกกอดเมื่อคืน คิดแล้วเขาก็แสยะยิ้มอย่างสมใจถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะไม่ได้อยู่ในแผนการของเขาแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะทำให้แผนของเขาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นร่างสูงลุกขึ้นจากที่นอน ค้นเสื้อผ้าที่จะใส่แล้วเข้าไปอาบน้ำข้างนอกที่ตอนนี้บรรยากาศเย็นกำลังดี เขาใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เสร็จ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ออกมาข้างนอก ชนวีร์เข้าไปตากผ้าขนหนูและเก็บที่นอนส่วนของตนเองตรวจดูความเรียบร้อยแล้วค่อยออกมาจากบ้าน ไปยังบ้านของนายฮุง เมื่อมาถึงเขาก็พบนายฮุงกำลังนั่งรับประทานอาหารกับผู้หญิงที่อายุค่อนข้างมาก“สวัสดีคุณชนวีร์ กินข้าวด้วยกันไหม” เรียกตามคนอัธยาศัยดีร่างสูงจึงเดินมานั่งร่วมวงด้วย“ก็ดีเหมือนกันครับ แล้วคุณเห็นแฟนผมไหม” มองไปโดยรอบก็ยังไม่พบร่างบางที่คุ้นตาจึงเอ่ยถามขึ้นมานายฮุงอมยิ้มกับแม่ของตนแล้วหันมามองผู้ชายที่นั่งทำหน้างง“เมียคุณไปเดินเล่นในหมู่บ้านกับเมียผมตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกเมื่อคืนคงเพลียสิท่
๘แค่ละครหรือความรู้สึกจริงสองสัปดาห์แล้วที่ชนวีร์ไม่เข้าบริษัทเคเคโภคภัณฑ์เพราะว่าเกิดปัญหาที่บริษัทส่งออกรถยนต์ขึ้น ทำให้เขาต้องไปที่ต่างประเทศเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่ว่าที่เขาหายไปก็ไม่ได้ตัดขาดการติดต่อกับเธอ ชายหนุ่มมักจะโทรมาหาเธอทุกวันคุยกันเป็นชั่วโมงแม้บางครั้งอาจจะเงียบไปแต่เธอก็ไม่ได้อึดอัดแต่อย่างใด“ขวัญ พี่ขอดูเอกสารรายรับของสัปดาห์ที่แล้วหน่อย” ดาหวันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารที่กำลังตรวจจอมขวัญหาเอกสารก่อนจะยื่นให้ทันทีแล้วกลับมาคำนวณรายได้ของสัปดาห์นี้ต่อ งานของเธอต้องใช้ตัวเลขทั้งวัน กลับหอไปบางครั้งต้องกินยาแก้ปวดหัวไว้ทุกทีบริษัทวันนี้วุ่นวายพอสมควร เพราะชนวีร์สั่งการมาว่าหลังจากที่เขากลับ มาจากต่างประเทศจะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาดูบริษัทจึงต้องทำรายงานเตรียมไว้ช่วงบ่ายจอมขวัญก็ทำงานจนแทบไม่มีเวลาได้หายใจหายคอเลย เมื่อเลิกงานเธอก็เดินออกจากบริษัทเพื่อที่จะขึ้นรถเมล์กลับหอแต่ระหว่างทางก็เจอกับปนิธิเมื่อจะทักเขาอีกฝ่ายก็เดินผ่านเธอไปราวกับมองไม่เห็น ทำเอาจอมขวัญชะงักหน้าเสียสองสัปดาห์มานี้ปนิธิไม่พูดคุยกับเธอเลยก็ว่าได้หรือถ้าคุยก็เป็นเรื่องงานเท่านั้น แม้ว่าจอมขวัญ
๙จุดสำคัญรถคันหรูขับเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้เปิดไฟไว้เพียงหน้าบ้านเท่านั้น ภายในตัวบ้านถูกปิดไว้แต่ไม่ได้ลงกลอน ชนวีร์ลงจากรถไปประเปิดประตูให้หญิงสาวที่ตอนนี้หลับอยู่ในรถด้วยความเพลีย ร่างบางถูกเขาอุ้มขึ้นเพราะไม่อยากจะรบกวน“ตายแล้วคุณวีร์นั่นใครเป็นอะไรคะ” แม่บ้านที่นั่งรอเจ้านายเดินออกมาจากห้องพักหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดและเสียงรถ “ตายแล้ว! นี่มันคุณขวัญนี่คะ” เมื่อมองดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นจอมขวัญเพื่อนสนิทของคุณหนูทรายทิพย์ที่ลาจากโลกนี้ไปแล้วนั่นเองชนวีร์ไม่พูดอะไรมากเขาหันมาสั่งให้แม่บ้านเตรียมน้ำใส่กะละมังเล็กและผ้าขนหนูขนาดเล็กเพื่อไปเช็ดตัวให้เธอ ซึ่งคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็รีบทำตามเมื่อมาถึงชั้นสองของบ้านชนวีร์ก็พาร่างบางไปนอนยังห้องของตัวเอง ไม่นานนักคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็ตามขึ้นมา ชนวีร์จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหล่อนในการดูแลเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาวเพราะว่าถ้าเป็นเขาคงไม่ควรเท่าไหร่นัก“พี่วีร์ พี่ขวัญเป็นอย่างไรบ้างคะ” บุษบามินตรามาถึงบ้านพร้อมกับพีรยศก็ถามถึงพี่สาวคนสนิททันที ชนวีร์เลยบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรแล้วตอนนี้ป้าหอมจันทร์ก็กำลังดูแลอยู่ น้อ
๑๐เจ็บปวดร่างบางที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวยังคงหลับใหลหลังจากที่เมื่อคืนทำกิจกรรมจนดึก เขาไม่ปล่อยให้เธอนอนเลยจนกระทั่งตีสอง ด้วยความเหนื่อย จอมขวัญหลับไปตอนไหนไม่รู้และตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ เสียด้วยร่างสูงซึ่งกำลังใส่นาฬิกาอยู่มองไปที่คนบนเตียงแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เกมรักได้จบลงไปแล้ว ต่อไปนี้เขาจะมอบเกมแค้นให้เธอเอง หลังจากแต่งตัวเสร็จชนวีร์ก็เดินออกไปจากห้องโดยไม่เหลียวแลกลับมาดูคนบนเตียงเลยสักนิดแต่เขาก็ยังมีกะใจสั่งอาหารเช้าขึ้นมาให้เธออยู่เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นปลุกให้คนที่กำลังอยู่ในนิทราลืมตาตื่นขึ้นมา เธอยกมือบังแสงอาทิตย์ที่สาดมายังเตียงนอนก่อนจะมองไปรอบกายทันที ข้างกายที่เมื่อคืนเคยอุ่นตอนนี้กลับเย็นชืดจนน่าใจหาย“สวัสดีค่ะพี่ดา”เป็นดาหวันที่โทรมาหาเธอเพราะสายมากแล้วแต่ ก็ยังไม่เห็นจอมขวัญเข้ามาที่บริษัท‘ขวัญอยู่ไหนจ๊ะ พอดีพี่เห็นสายมากแล้วเรายังไม่เข้ามาเลยเป็นห่วง’ในขณะที่คุยโทรศัพท์จอมขวัญก็พยายามสอดส่ายสายตาหาคนที่นอนด้วยเมื่อคืน“เอ่อ พอดีมีธุระนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวขวัญเข้าไปนะคะพี่ดา” บอกลาเสร็จเธอก็กดวางสายแล้วหยิบชุดคลุมมาสวมปิดร่างกา
๑๑ทำร้ายใจกลับลงมาจากห้องของท่านประธาน จอมขวัญก็เดินมายังแผนกพยายามที่จะไม่ร้องไห้แต่ก็กลั้นไว้ได้ยากเหลือเกิน ใจดวงน้อยเจ็บไปหมดจนเธอคิดว่าอย่างไรวันนี้ก็คงทำงานไม่ได้แน่นอน เมื่อมาถึงยังแผนกบัญชีร่างบางก็เดินเข้าไปขอลางานกับปนิธิโดยมีสายตาทั้งสามคู่มองอยู่“พี่วีร์คะ ขวัญขอลางานช่วงเช้านะคะ” บอกเสียงสั่นในขณะที่ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาพร้อมจะไหลลงมาทุกเมื่อจนปนิธิสงสารเขาพอจะรู้เรื่องของเธอจากข่าวที่แพร่ไปอย่างรวดเร็ว“พี่อนุมัติ แต่มีข้อแม้ว่าขวัญต้องให้พี่ไปด้วยนะ” อยากจะปฏิเสธแต่ดูเหมือนว่าหัวหน้าของเธอจะเก็บของทันทีที่พูดจบโดยที่ไม่เปิดทางให้เธอได้ปฏิเสธเลยปนิธิเก็บของเสร็จก็สะพายกระเป๋าเดินจับมือจอมขวัญออกมาข้างนอกห้องโดยมีสายตาทั้งสามคู่มองอยู่“ผมออกไปทำธุระกับขวัญนะ เดี๋ยวตอนบ่ายจะเข้ามา” ทั้งสามตอบรับร่างสูงจึงให้รุ่นน้องไปเก็บของแล้วเดินตามเขาออกไปข้างนอก ทั้งสองเดินออกมาด้วยกันทำให้เป็นเป้าสายตาอย่างมากเพราะมีข่าวว่าปนิธิเมินจอมขวัญช่วงหนึ่งในขณะที่ฝ่ายหญิงตัวติดกับท่านประธาน และก็มีข่าวมาอีกว่าท่านประธานทิ้งฝ่ายหญิงทำให้ลือกันไปต่างๆ ว่าจอมขวัญจะหันมาหาปนิธิ“นั่นไง ฉันว่า
๑๒สับสนใจช่วงค่ำของวันแรกที่มาถึงยังเกาะเคพีคซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของเคเคกรุ๊ป พนักงานทั้งหลายต่างรื่นเริงกับงานยามเย็นที่อยู่ริมหาด ตอนนี้ถูกเนรมิตให้เป็นปาร์ตี้ขนาดเล็กที่มีทั้งเวที ซึ่งมีนักดนตรีมาบรรเลงเพลงสบายๆ อาหารทะเลที่มีเชฟฝีมือดีทำมาบริการ โต๊ะนั่งสีขาวมีดอกไม้ประดับกลางโต๊ะ ซุ้มถ่ายรูปที่ทำขึ้นอย่างสวยงาม เหล่าพนักงานบริษัททั้งชายหญิงต่างแต่งตัวด้วยชุดที่คัดสรรกันมาแล้วว่าเหมาะกับการมาเที่ยวทะเล“ขวัญน่ารักมากเลย” แพรวพริ้งเดินมายังงานพร้อมกับจอมขวัญ ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวผ้าชีฟองสีขาวยาวกรอมเท้า มีผ้าคลุมไหล่สีฟ้าปิดไหล่มนไว้ ผมถูกมัดขึ้นอย่างลวกๆ ก่อนจะผูกด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนบางพร้อมกับแต่งหน้าเบาบาง แค่นี้จอมขวัญก็ดูสวยหวานน่ารักน่าทะนุถนอมแล้ว“พี่พริ้งก็น่ารักค่ะ” สองสาวเอ่ยชมกันก่อนจะเดินมาถึงงานแพรวพริ้งขอตัวแยกไปหาเพื่อนๆ ของเธอ จอมขวัญจึงยืนอยู่คนเดียว เธอมองหาปนิธิก่อนจะยิ้มให้เมื่อเขาหันมามองและกำลังเดินตรงมายังที่ที่เธอยืนอยู่“ขวัญสวยมาก” ชมพร้อมกับยิ้มหวานให้ ปนิธิหวังว่าการมาทะเลครั้งนี้จะทำให้ทั้งเขาและจอมขวัญพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้น เมื่อร่างบางได