แชร์

๓ คำหวานและอดีต

คำหวานและอดีต

แม้จะล่วงเลยเวลาทำงานมามากพอสมควรแล้วแต่ร่างบางก็ยังวุ่นอยู่กับเอกสารตรงหน้าที่เคลียร์ไม่เสร็จเสียที

หลังจากกลับมาจากส่งเอกสาร ปนิธิก็เรียกประชุมงานเพราะเกิดข้อผิดพลาดบางอย่างขึ้น ข้อมูลบัญชีดูจะไม่สมบูรณ์เมื่อดูจากตาราง เธอจึงต้องนั่งแก้ไขใหม่และเมื่องานยังไม่เสร็จเธอถึงยังไม่ได้กลับบ้านแม้ว่าคนอื่นจะทยอยกันกลับหมดแล้วจนเหลือเพียงเธอและปนิธิเท่านั้น

“ขวัญกลับเถอะพรุ่งนี้ค่อยมาทำใหม่”

ดวงตากลมโตจ้องไปที่หน้าคอมพิวเตอร์มั่น

“ขวัญขอทำให้เสร็จก่อนนะคะ พี่ปันกลับก่อนได้เลย”

“ไม่ละ พี่รอกลับพร้อมขวัญดีกว่า” และเขาก็ปฏิเสธ ชายหนุ่มนั่งรอร่างบางไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างเลยสักนิด

ปนิธิเดินไปเดินมาดูบรรยากาศข้างนอกก็พบว่าท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝนเขาจึงพกร่มมาตลอด

“เหมือนฝนจะตกเลย” ชายหนุ่มเดินมานั่งที่โต๊ะของดาหวันแล้วเอ่ยขึ้น

จอมขวัญไม่ได้พูดอะไรเธอตั้งใจทำงานต่อไป จนมีเสียงโทรศัพท์ของปนิธิดังขึ้น

“ครับแม่ อ้อ จริงเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบกลับไป” เสียงตื่นตระหนกเรียกความสนใจของหญิงสาวคนขยันได้ทันที

“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่ปัน”

“พอดีว่าป้าข้างบ้านพี่แกตกบันได ไม่มีใครพาไปโรงพยาบาลพี่เลยต้องรีบกลับ ขวัญอย่ากลับดึกนะพี่คงต้องไปแล้ว” พูดจบเขาก็วิ่งจากไปทันทีโดยถือร่มไปด้วยทั้งๆ  ที่ในใจคิดว่าจะเอาให้จอมขวัญแท้ๆ 

แต่เมื่อมาถึงชั้นล่างเขาจึงเพิ่งคิดออก แม้ใจจะอยากเอาขึ้นไปให้แต่ก็ห่วงคนทางบ้านจึงฝากยามแถวนั้นเอาไว้ให้จอมขวัญแทน

ล่วงเลยเวลางานมาแล้วสามชั่วโมง ในที่สุดงานของเธอก็เสร็จเสียที จอมขวัญบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยล้าจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน เธอเก็บสัมภาระแล้วลงมาข้างล่างก็พบว่าตอนนี้ฝนตกแรงมากพอสมควรและดูท่าว่า  จะตกหนักมากอีกด้วย

“คุณขวัญครับ คุณปันฝากร่มไว้ให้ครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยที่สนิทกันเดินมาพร้อมกับร่ม

จอมขวัญยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะคิดไปถึงรุ่นพี่ที่สนิท

..ขนาดตัวไม่อยู่ก็ยังคงห่วงใยเธอเสมอ แต่ว่าตอนนี้ฝนตกหนักมาถึงเธอกางร่มไปก็คงไม่แคล้วเปียกฝนอยู่ดี

ร่างบางจึงติดสินใจว่าจะรอให้ฝนซาลงกว่านี้เสียก่อนถึงจะออกไป

“ลุงยามคะ ขวัญขอรอด้วยได้ไหมคะ ให้ฝนซาก่อน ถ้าออกไปตอนนี้มีหวังได้เปียกหมดตัวแน่”

ลุงยามใจดีพยักหน้า ร่างบางจึงเดินไปนั่งรอฝนหยุดที่โซฟาสำหรับแขกทั่วไปที่มาติดต่องานยังชั้นล่าง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดปิดเพราะได้ยินเสียงฟ้าร้อง

..บรรยากาศเย็นสบายแบบนี้ถ้าอยู่บ้านเธอคงกินข้าวกับครอบครัวแล้วนอนอย่างสบายอารมณ์

เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ ฝนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก ตอนนี้ลุงยามไปดูท่อน้ำที่ดูเหมือนจะตันจากการที่น้ำพัดเอาขยะมาด้วยปิดทางเดินน้ำจึงต้องไปเอา ขยะที่ติดรูออก น้ำก็เพิ่มระดับสูงขึ้นเพราะฝนตกหนักและไม่มีที่ระบายมากเท่าที่ควร

“ทำไมยังไม่กลับบ้าน”

เสียงขรึมทรงพลังทำให้จอมขวัญที่เหม่อลอยสะดุ้งทันที เธอเงยหน้ามอง ก็พบกับท่านประธานของบริษัทที่ยืนหน้านิ่งมองเธออยู่

“คือว่าฝนตกค่ะ ฉันเลยจะรอให้ฝนหยุดก่อน” กว่าจะเรียบเรียงคำพูดได้เธอก็อึ้งไปหลายวินาที จนเขาต้องมองเธอราวกับจะย้ำให้ตอบโดยเร็ว จอมขวัญจึงมีสติตอบเขาได้

ชนวีร์มองเธอแล้วดูบรรยากาศข้างนอกที่ฝนยังคงตกหนัก อันที่จริงเขาก็รีบกลับบ้านเพราะน้องสาวบอกให้กลับไปกินข้าวด้วยแต่เพราะงานที่ยังไม่เสร็จเลยต้องเคลียร์ให้เสร็จเสียก่อนจึงล่วงเลยเวลาไปมากโข

“ตามมา”

“คะ” ดูเหมือนว่าจอมขวัญจะงงกับคำพูดของชนวีร์เพราะเขาไม่ได้เติมคำให้ประโยคนั้นสมบูรณ์ขึ้น

ชายหนุ่มมองเธออย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แล้วโน้มตัวลงไปจับข้อมือของเธอ ใช้แรงเพียงนิดเดียวก็สามารถดึงร่างบางให้ลุกขึ้นได้

“ฉันจะไปส่ง ตามมา”

นั่นยิ่งทำให้เธองงเป็นไก่ตาแตกเพราะชนวีร์ต่างจากอดีตเป็นอย่างมาก แม้จะมีแววว่าเขาไม่ชอบเธอแต่ก็ไม่ระรานกลับดูเหมือนจะมีน้ำใจมากกว่าเมื่อก่อนเสียด้วยซ้ำไป ใจสาวน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะและเมื่อมองไปที่ข้อมือเธอก็ยิ่งหน้าแดงมากยิ่งขึ้น

ชนวีร์เดินออกมานอกบริษัทคุยกับยามสักครู่ก็พาจอมขวัญเดินไปที่จอดรถซึ่งอยู่ด้านข้างทันที เขาพาเธอเดินหลบฝนโดยที่ยังจับข้อมือเล็กไว้แน่น ทำเอาร่างบางถึงกับต้องแอบมองอยู่หลายครั้งด้วยความเขินอาย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการออกไปให้ดูน่าเกลียด

เมื่อถึงรถจอมขวัญก็ขึ้นไปนั่งข้างคนขับทันที ชนวีร์ออกรถด้วยความเร็วที่พอเหมาะ พ้นจากบริษัทรถก็ติดยาวเป็นหางว่าวเพราะเกิดอุบัติเหตุขึ้นนั่นเอง

ชนวีร์สบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะพยายามหาช่องทางลัด เขาหันไปถามที่อยู่ของจอมขวัญแล้วก็พาเธอซิกแซ็กออกมาจากการจราจรที่ติดขัดมาได้

“คงติดไฟแดงอีกนาน” เมื่อมาถึงอีกทางแยกเขาก็เอ่ยขึ้นมา

จอมขวัญมองดูทางข้างหน้าก็เห็นจะจริงเพราะรถยาวมากแถมไฟเขียวก็ไม่กี่วินาทีเท่านั้น

“เอ่อ อันที่จริงฉันกลับเองก็ได้นะคะ” จอมขวัญบอกด้วยความเกรงใจ

“ไม่เป็นไรฉันไม่ได้จะไปไหนอยู่แล้ว” เขาบอกแบบสบายๆ

จอมขวัญนั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไรต่อ บรรยากาศในรถเงียบพอสมควรเพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีอะไรจะพูด

“คิดยังไงถึงมาทำงานที่นี่” คำถามที่ดูสบายๆ และชนวีร์เองก็ถามเหมือนชวนคุย

“ว่างงานมานานค่ะ เลยอยากหางานทำ” เขาพยักหน้าเข้าใจ

“เอ่อ คุณวีร์คะ” เมื่อบรรยากาศเงียบจอมขวัญก็ทนไม่ไหวเรื่องที่เธอยังคงค้างคาใจ เธอคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะถามเขาแล้ว

“มีอะไรเหรอ”

“เรื่องเมื่อสามปีก่อนนั้น คุณหายโกรธฉันแล้วหรือคะ” เกริ่นเรื่องขึ้น  

ชนวีร์ก็หน้านิ่งทันทีถึงแม้ว่าจะนิ่งอยู่แล้วก็ตาม มือที่ปล่อยสบายกำแน่นโดยที่จอมขวัญไม่ทันเห็น หญิงสาวมองเขาอย่างรอคำตอบแต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะเงียบอยู่นาน

จอมขวัญจึงก้มหน้าลงมองมือที่ประสานกันอยู่บนตัก พยายามสะกดกลั้นความเสียใจที่ก่อตัวขึ้นมาเงียบๆ

“ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่...”

“โกรธ ฉันยังโกรธเธออยู่”

จบคำพูดของร่างสูง จอมขวัญก็นิ่งไปราวกับถูกน้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือสาดซัดมาที่ร่าง ความเสียใจพุ่งขึ้นมาจนจุกอกและมันกำลังจะกลั่นออกมาทางตา จอมขวัญหันไปมองข้างนอกแล้วแอบปาดน้ำตาออก

“แต่กำลังพยายาม...พยายามที่จะลืมเรื่องทั้งหมด ในเมื่อทรายไปสบายแล้ว” เงียบอยู่นานชนวีร์จึงพูดขึ้น และคำพูดนั้นดูเหมือนจะเรียกความสนใจจากจอมขวัญได้เป็นอย่างดี

เธอหันหน้ามาทางเขาทั้งๆ ที่ขอบตายังคงแดง ดีที่ตอนนี้ค่ำพอควรจึงมองไม่เห็นเท่าไหร่

“ฉันไม่อยากยึดติด เธอช่วยฉันให้ลืมได้ไหม”

ดวงตาเรียวทรงเสน่ห์มองมาที่เธอนิ่ง จนจอมขวัญต้องเสมองไปทางอื่นแก้เขิน ดวงตาของเขามีเสน่ห์เกินกว่าที่เธอจะมองนานได้ ยิ่งแววตานั้นดูเหมือนจะแฝงคำเว้าวอนเอาไว้ด้วย ร่างบางยิ่งใจสั่นเข้าไปใหญ่

“ไฟเขียวแล้วค่ะ” เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ออกรถเธอเลยบอก

ชนวีร์ขับตามคันข้างหน้าไปทันทีแล้วก็ติดอีกเหมือนเดิม เวลาผ่านไปเรื่อยๆ โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ได้พูดอะไรกันอีก กว่าจะผ่านการจราจรที่แน่นของเมืองหลวงมาได้ก็ร่วมสองชั่วโมงเลยทีเดียว

ชนวีร์มาจอดยังหน้าที่พักตามคำบอกของคนข้างกายบนรถในตอนนี้ รถของเขาไม่ใช่ยี่ห้อหรูแต่ทำไมในความรู้สึกของจอมขวัญมันช่างนิ่มและอบอุ่นเหลือเกิน เธอลงจากรถเพราะฝนหยุดตกไปนานแล้ว ชนวีร์เดินลงจากรถมาเช่นกัน

“คำตอบของฉันล่ะ” เขาทวงถามคำตอบจากเธอหลังจากที่ใช้เวลาคิดเสียนาน

“คะ”

“ก็ที่ฉันถามว่าให้เธอช่วยทำให้ฉันลืมเรื่องราวเมื่อสามปีก่อนได้ไหม เธอยังไม่ให้คำตอบเลยว่าได้หรือเปล่า”

ไม่พูดเปล่าร่างสูงก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าของจอมขวัญด้วยระยะที่ใกล้พอสมควรในความคิดของร่างบาง เธอก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นสบตาเขาเพราะมันดูทรงพลังและพานจะทำให้เธออ่อนระทวยไปเสียทุกที

“ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกันหน่อยหรือ”

..น้ำเสียงที่อ่อนโยนนั้นมันคืออะไร จอมขวัญคิดว่าเธอคงจะไม่มีโอกาสได้ยินเขาพูดแบบนั้นกับเธอเป็นแน่

“ฉัน” เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับสายตาที่ทำเอาแข้งขาอ่อนไปในทันที ระยะที่ห่างกันไม่เกินสิบเซนติเมตรแน่นอนเธอมั่นใจ

“ขวัญ”  

“คะ”

ชนวีร์รุกหนักมาจนจอมขวัญไปไม่เป็น

“เมื่อก่อนยังแทนตัวเองว่าขวัญอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” คำเฉลยของชนวีร์ยิ่งทำให้จอมขวัญหน้าแดงเข้าไปใหญ่

เธอไม่กล้าพูดอะไรอีกและใบหน้าก็แดงก่ำเสียจนเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งที่อากาศเย็นสบายแท้ๆ แต่จอมขวัญกลับร้อนที่ใบหน้า ยิ่งจ้องดวงตาเรียวของเขาด้วยแล้วยิ่งทำให้แข้งขาพานจะอ่อนแรงไปเสียดื้อๆ

“เอาละ พรุ่งนี้มาให้คำตอบฉันด้วยนะ แล้วเจอกัน”

ดูท่าว่าจอมขวัญจะยังไม่ได้สติเพราะเมื่อชนวีร์เดินไปขึ้นรถแล้วขับกลับบ้าน เธอก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลย

จอมขวัญใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น

“ขวัญอย่างนั้นหรือ” ให้เธอแทนตัวเองว่าขวัญได้ใช่ไหม

ยิ่งคิดแก้มใสก็ยิ่งแดงเข้าไปอีกก่อนที่เธอจะเอามือมาจับสร้อยที่ห้อยคออยู่ เป็นสร้อยที่เธอเก็บไว้อย่างดีเพราะมันมีความหมายสำหรับเธอมาก เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ดีในสายตาของใครคนหนึ่ง

จอมขวัญในอดีตไม่ได้เป็นแบบนี้สักนิด หญิงสาวผอมจนแทบจะปลิวลมได้ ผิวก็เป็นสีแทนไม่ได้ขาวอย่างเช่นปัจจุบัน ผมก็เสียและชี้ฟูแถมฟันเธอก็เหยินออกมาอีกต่างหาก หญิงสาวไม่มีส่วนไหนที่น่าพิสมัยเลยสักนิด โดนล้อบ่อยด้วยซ้ำไปว่าเป็นหญิงอัปลักษณ์ไม่สวย จนกระทั่งเมื่อตอนเธออยู่มัธยมศึกษาชั้นที่หก หญิงสาวไปเรียนพิเศษที่ในตัวเมืองกลับบ้านค่ำ ระหว่างทางนั้นเองมีโจรมากระชากกระเป๋าขณะที่เธอรอรถเมล์อยู่

“ช่วยด้วยค่ะ โจรกระชากกระเป๋าค่ะ ช่วยด้วย!” เพราะคนโดยรอบไม่ค่อยมีหญิงสาวจึงส่งเสียงตะโกนออกไปก่อนจะวิ่งตามโจรไปไม่คิดชีวิต กระเป๋าใบนั้นมีโทรศัพท์ที่พ่อเพิ่งซื้อให้และเธอก็หวงมันมากเสียด้วย

โจรเร็วจนเธอตามไม่ทัน หญิงสาวหอบหายใจเหนื่อยเพราะไม่ค่อยออกกำลังกาย ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอมองไปข้างหน้าไม่เห็นโจรแล้ว มันวิ่งหายลับไปพร้อมกับกระเป๋าของเธอ

..ไม่นะ เธอเพิ่งได้มือถือมาใหม่โดยแท้ ถ้าเธอเอาไปโรงเรียนเพื่อนต้องเข้ามาขอดูและเล่นกับเธอแน่นอน ทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้นะ

“ฮึก จะทำยังไง” ตอนนี้ทั้งตัวเธอมีเงินแค่ยี่สิบบาทค่ารถเท่านั้น ของสำคัญทั้งหมดอยู่ในกระเป๋า

จอมขวัญนั่งร้องไห้ก่อนจะพยายามลุกขึ้นทั้งที่ใจอ่อนแรงเหลือเกิน

“ร้องไห้ทำไม พี่เอากระเป๋ามาให้แล้วนะ” เสียงอันอ่อนโยนและอบอุ่นปลุกให้จอมขวัญตื่นจากฝันร้าย เธอมองผู้ชายตรงหน้าอย่างอึ้งๆ หล่อราวกับเทพบุตรยิ่งตอนนี้เขากลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวสำหรับเธอ ร่างบางนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกยิ่งชนวีร์ยิ้มให้เธอก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกราวกับต้องมนต์สะกดของเทวดาตนนี้เสียแล้ว

“เอากระเป๋าไปสิครับ” เขาบอกพร้อมกับยัดกระเป๋าใส่มือเธอเพราะรู้ว่าหญิงสาวคงยังไม่หายจากอาการตกใจ

“อย่าร้องไห้อีกนะคนเก่ง ร้องไห้แล้วจะไม่สวยนะ พี่ไปแล้ว” ก่อนไปเขายีผมเธออย่างเอ็นดู

ดวงตากลมมองตามแผ่นหลังของเขาที่เดินไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม จอมขวัญมองเขานิ่งอยู่นานจนรถคันนั้นเคลื่อนออกไป ความอบอุ่นยังติดอยู่ เธอเอามือจับที่ศีรษะทันที ความอบอุ่นนี้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใจ ใบหน้าหล่อที่เธอจำได้แม่นยำ เขาคือรักแรกของเธอ

“เอ๊ะ! นั่น” กระดุมเม็ดสีดำตกอยู่บนพื้นและถ้าเธอเดาไม่ผิดมันคงเป็นของเขาอย่างแน่นอน ร่างบางก้มลงไปเก็บกระดุมนั้นทันที เธอยิ้มออกมาเมื่อมองพิจารณามัน

“พี่กระดุมจ๋า ไปอยู่กับขวัญดีกว่านะ” สาวน้อยนำกระดุมติดตัวกลับไปด้วย เธอโบกรถกลับบ้าน

หลังจากนั้นเป็นต้นมาจอมขวัญก็ปฏิวัติตัวเองใหม่จากคนขี้เหร่ของห้องกลายเป็นสาวสวยที่ผู้ชายต่างมาขายขนมจีบกันและแน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจพวกเขาสักนิด

วันประกาศผลสอบมาถึง จอมขวัญนั่งลุ้นเพราะเธอส่งคะแนนไปที่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ และลงคณะที่มีคนลงสมัครเป็นจำนวนมากแถมคะแนนยังสูงมากอีกด้วย จอมขวัญนั่งลุ้นผลและเมื่อเปิดมาดู เธอก็ต้องกระโดดไปกอดแม่อย่างดีใจเพราะเธอติดตามที่หวัง หญิงสาววิ่งไปหาตากับยายแล้วไปกอดพร้อมทั้งผละมากอดพ่อและน้องชาย ใบหน้าหวานยิ้มออกมาอย่างยินดี

..ในที่สุดเธอก็ทำได้ แล้วตอนไหนนะจะได้เจอกับเขาอีก พี่ชายใจดีคนนั้น

ในรั้วมหาวิทยาลัย จอมขวัญถือเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งมีผู้ชายมาจีบเธอไม่ซ้ำหน้าแต่สาวสวยก็เพียรปฏิเสธไปทุกคน จอมขวัญได้เป็นตัวแทนคณะไปประกวดดาวมหาลัยแต่เธอไม่ได้ตำแหน่ง จอมขวัญได้ตำแหน่งขวัญใจมหาชนมาแทน ซึ่งทุกคนต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอสวยมากและควรจะได้มากกว่าอีกคนเสียด้วยซ้ำไปแต่เพราะเธอไม่มีเส้นสายจึงมาไกลได้เพียงเท่านี้

“ขวัญสวยที่สุดเลยรู้ไหม” ทรายทิพย์เพื่อนสนิทของจอมขวัญเอ่ยอย่างร่าเริงในขณะที่ช่วยเพื่อนรักหอบดอกไม้ลงมาจากเวทีการประกวด

“ไม่หรอก คนอื่นสวยกว่าขวัญตั้งเยอะ”

“ไม่ ในความรู้สึกของทรายนะ ขวัญสวยมากกว่าอีก เสียดายอะ”

สองสาวช่วยกันถือดอกไม้ออกมายังลานกว้างที่คนไม่ค่อยมี

“ขวัญ ทรายโทรบอกพี่ชายของทรายมารับแล้วนะ” เพื่อนสนิทบอกแถมยังหน้าแดงอีกด้วย

จอมขวัญมองอย่างรู้ทันแล้วอดแซ็วไม่ได้

“พี่ชายที่ทรายคิดไม่ซื่อด้วยใช่ไหมล่ะ”

ทรายทิพย์ตีไหล่เพื่อนไปหนึ่งทีเบาๆ

“บ้า ไม่ใช่สักหน่อย” บ่นอุบอิบอยู่คนเดียวก่อนจะยิ้มร่าดีใจเมื่อพี่ชายเดินส่งยิ้มมาให้แต่ไกล

จอมขวัญหันหลังไปมองก็ต้องอึ้งเมื่อพบว่าพี่ชายของทรายทิพย์คือคุณกระดุม ผู้ชายที่ช่วยเธอคนนั้น! หญิงสาวนิ่งอึ้งไปและเมื่อเห็นเขาเดินมาหาเพื่อนรักของเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา

..ทรายทิพย์ชอบผู้ชายคนนี้ และดูเหมือนว่าเขาเองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากทรายทิพย์สักเท่าไหร่

“พี่วีร์คะ นี่จอมขวัญเพื่อนของทรายเองค่ะ” ทรายทิพย์เอ่ยแนะนำให้พี่ชายรู้จักกับเพื่อนสนิทของตัวเอง

ชนวีร์มองก่อนจะยิ้มให้เพียงน้อยนิดเพราะด้วยนิสัยของเขาแล้วชายหนุ่มมักไม่ชอบยิ้มให้ใครพร่ำเพรื่อเท่าไหร่

“ขวัญ นี่พี่วีร์พี่ชายของทรายเอง”

แนะนำกันเสร็จทรายทิพย์ก็ให้พี่ชายช่วยขนของ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้หรือตุ๊กตาที่จอมขวัญได้รับเอาไปไว้หอของพวกเธอสองคน ทรายทิพย์อาศัยอยู่กับจอมขวัญที่หอพักในมหาวิทยาลัย เพราะอยากสัมผัสชีวิตเด็กหอตลอดระยะเวลาสี่ปีในการเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้

ชนวีร์ขับรถไปส่งสองสาวก่อนจะชวนทรายทิพย์ออกไปกินข้าวด้วยกันสองคน หลังจากไม่ได้เจอกันมาเกือบจะสองปีแล้วเพราะเขาไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ

ชายหนุ่มพาน้องสาวที่ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าคิดกับเธอมากกว่าน้องมาที่ร้านอาหารหรูบนดาดฟ้าของโรงแรมชื่อดัง

“พี่วีร์คะ ทำไมพาทรายมาที่นี่ล่ะ”

“ทำไมครับ ทรายไม่ชอบเหรอ” ถามกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลา

“ชอบค่ะ แต่มันแพงนะ”

“แพงแค่ไหนสำหรับทรายพี่เงินจ่ายเสมอ”

คำหวานนั้นทำเอาสาวเจ้าอายม้วน เธอหันไปสั่งเมนูที่ต้องการทันทีพร้อมกับสั่งให้ชนวีร์ด้วย

บรรยากาศโรแมนติกจนทรายทิพย์อดเขินไม่ได้ สองหนุ่มสาวรับประทานอาหารใต้แสงจันทร์และแสงเทียนที่ส่องสว่าง

“ทราย พี่มีของจะให้ด้วย” กล่องกำมะหยี่ถูกยื่นมาตรงหน้าทรายทิพย์

หญิงสาวหยิบมาก่อนจะเปิดดูก็พบแหวนเงินเรียบที่มีตัวอักษรสลักข้างในว่า CS เป็นชื่อย่อที่ชนวีร์มักจะใช้บ่อยจนเธอสงสัย

“ชนวีร์กับทรายทิพย์ไงครับ ชื่อของพี่กับของทราย พี่รักทรายนะ เป็นแฟนกับพี่ได้ไหม”

คำเอ่ยขอตรงๆ ทำให้น้องน้อยถึงกับพูดไม่ออก มันตื้นตันเพราะความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาไม่ใช่แค่รักข้างเดียวอีกต่อไปแล้ว

..เขาขอเธอเป็นแฟน  เขารักเธอเหมือนกัน

“ค่ะ” ทรายทิพย์ตอบกลับไปทันที

ชนวีร์เดินมากอดเธอแน่นในที่สุด หัวใจของเขาถูกเติมเต็มด้วยผู้หญิงคนนี้ เขาสาบานว่าจะดูแลเธออย่างดีไปตลอดชีวิต

หลังจากกลับมา ทรายทิพย์ก็พูดให้จอมขวัญฟังทุกเรื่องและนั่นทำให้หญิงสาวจุกจนพูดไม่ออก

..คนที่เธอแอบรัก รักแรกของเธอเป็นแฟนกับเพื่อนรักของเธอ แล้วแบบนี้เธอจะทำอะไรได้อีกละนอกจากอยู่เฉยๆ และให้เขารักกัน

คืนนั้นจอมขวัญนอนร้องไห้จนตอนเช้าตื่นมาตาบวม เธอไม่ไปเรียนบอกกับทรายทิพย์ว่าไม่สบายแล้วนอนคลุมโปง หัวใจดวงน้อยรวดร้าวเพราะทุกสิ่งที่เธอทำมาเพื่อเขาแต่เหมือนว่าเขาจะจำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ

..เจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอกลายไปเป็นของคนอื่นเสียแล้ว คนอื่นที่เป็นเพื่อนที่เธอรักมากที่สุดนั่นเอง

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จอมขวัญใช้ชีวิตส่วนมากอยู่กับทรายทิพย์และก็ต้องเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อชนวีร์มาหาคนรัก ทั้งสองแสดงถึงความรักที่มีต่อกันจนจอมขวัญอิจฉา บางครั้งเธอก็อยากเดินแทรกกลางระหว่างทั้งคู่แต่ก็ไม่กล้า เธอทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะทรายทิพย์คือเพื่อนของเธอ เพื่อนรักที่หาได้ยาก

เวลาไปกินข้าวกันสามคนแม้จะมีทรายทิพย์อยู่ด้วยแต่ก็ดูเหมือนเธอเป็นส่วนเกิน จนเดี๋ยวนี้เธอไม่ไปกับทรายทิพย์ถ้ามีชนวีร์อยู่ด้วย และอีกอย่างที่ทำให้เธอเจ็บปวดคือชนวีร์แทบจะไม่คุยอะไรกับเธอเลย เขาหวานใส่แฟนสาวแต่กับจอมขวัญแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขา เมื่ออยู่ด้วยกันสองคนเขาก็เงียบหรือไม่ก็ถามไถ่เธอนิดหน่อยก่อนจะทำอย่างอื่นไป ใจของเธอเจ็บจนอยากจะร้องไห้แต่เพราะร้องมันเสียทุกคืนจนน้ำตาจะไม่เหลือแล้ว

ในคืนหนึ่งที่จอมขวัญไม่สบาย หญิงสาวมานอนที่ห้องของทรายทิพย์เพราะเพื่อนสนิทบังคับว่าจะได้ดูแลกันสะดวกก่อนที่อีกฝ่ายจะออกจากห้องไปซื้อยาให้เธอ ระหว่างที่หลับนั้นเองจอมขวัญรู้สึกเหมือนมีคนมานอนกอดก่อนจะจูบที่แก้มนวลเบาๆ  เธอพยายามขัดขืนแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะเขาช่างแข็งแรงเหลือเกิน

“พี่เอง คนดี” เสียงที่คุ้นเคยทำให้เธอหยุดดิ้นนั่นทำให้ชนวีร์โจมตีด้วยการจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากของเธอ เขากอดเธอไว้แน่นและรู้สึกว่าคนใต้ร่างกำลังไม่สบายเพราะอุณหภูมิตัวที่ร้อนมากนั่นเองแต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะแตะต้องร่างกายของเธอเพราะคิดว่าคือทรายทิพย์

ชนวีร์จูบเธออย่างดูดดื่มราวกับจะสูบวิญญาณออกจากร่างกายสาว เขาลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอและยิ่งลุ่มหลงเพราะมันช่างยั่วยวนยิ่งนัก เขาสอดมือเข้าไปภายในเสื้อยืดตัวบางลูบหน้าท้องเนียนที่แบนราบไม่มีไขมันและขึ้นสูงไปยังดอกบัวคู่งามและก่อนที่เขาจะทำอะไรไปมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียก่อน

“ขวัญ! ทรายมาแล้วนะ เดี๋ยวเอาโจ๊กใส่ถ้วยเข้าไปให้นะ” และนั่นทำให้ชนวีร์รีบดีดตัวออกมาทันที

ชายหนุ่มเดินไปเปิดไฟมองจอมขวัญที่นอนหน้าแดงด้วยแววตาวาวโรจน์ ผู้หญิงคนนี้คิดจะอ่อยเขาและปลอมตัวเป็นทรายทิพย์อย่างนั้นหรือ

“ไม่” จอมขวัญพูดไม่ออกเพราะเจ็บคอและร่างกายอ่อนเพลียด้วย

ชนวีร์เปิดประตูห้องออกไปเจอกับแฟนสาวทรายทิพย์ก็ตกใจ

“พี่มาหาเราแต่เห็นเพื่อนเราไม่สบายเลยอยู่ดูรอเรา” ยังไม่ทันที่ทรายทิพย์จะได้พูดอะไรร่างสูงก็พูดโดยไม่ฟังอะไรแล้วเดินไปนั่งรอข้างนอกทันที

“เขาเป็นอะไรของเขา”

เพราะไม่ได้คิดอะไรมากทรายทิพย์จึงเดินเอาโจ๊กไปให้เพื่อนพร้อมกับยาและน้ำก่อนจะเดินไปหาชนวีร์ที่นั่งรออยู่

จอมขวัญกินโจ๊กไปแล้วก็รู้สึกผิดที่เธอรู้สึกดีกับจูบของเขาเมื่อครู่ มันรู้สึกร้อนไปทั่วร่าง ไม่อยากให้เขาหยุดแต่เมื่อเห็นดวงตาวาวโรจน์ก็เจ็บจนอยากร้องไห้ มือบางปาดน้ำตาออกอีกครั้งเมื่อน้ำตาไหลลงมาอย่างคนอ่อนแอ

“ไม่ร้องนะขวัญ” เธอปลอบตัวเองแล้วกินโจ๊กจนหมดแล้วตามด้วยยาก่อนจะนอนหลับไปในเวลาค่ำ

ในความฝันเธอฝันว่าเขาเดินมากอดเธอไว้ด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่น เช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบาพร้อมกับกระซิบที่ข้างหูของเธอว่ารักมากมาย

ใช่..นั่นมันก็แค่ฝันเพราะเมื่อตื่นมาพบกับความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด

“เธอมันเป็นผู้หญิงน่ารังเกียจและขยะแขยงที่สุด!” เมื่อเขาอยู่กับเธอสองคนเขาก็พูดขึ้น

จอมขวัญไม่ได้โต้ตอบอะไรไปเธอนิ่งเงียบ

“ขอโทษค่ะ” จอมขวัญเอ่ยเบาๆ ก่อนจะเดินหนีออกไประหว่างที่รอเพื่อนไปสั่งอาหารอยู่ เธอเดินร้องไห้ออกมาแล้วหลบมานั่งอยู่ริมสระน้ำที่ไม่ค่อยมีคน ร่างบางสะอื้นจนตัวโยนใจยิ่งเจ็บเมื่อเขาเกลียดเธอเข้าไปเสียแล้ว

“ขวัญไปไหนคะ” ทรายทิพย์มาถึงโต๊ะก็ถามหาเพื่อน

“เขาว่ามีธุระเลยให้เรากินข้าวกันสองคน ทรายซื้ออะไรมาให้พี่กินครับ” ชนวีร์ตัดบทหวานใส่แฟนสาว

เขานั่งเล่นอยู่คณะของทรายทิพย์จนค่ำถึงกลับบ้าน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาอาลัยอาวรณ์มองอยู่

จอมขวัญมองเขาอย่างตัดพ้อเพราะตอนนั้นเขาคือเทพบุตรสำหรับเธอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเทพบุตรจะกลายร่างเป็นซาตานเสียแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status