แชร์

๑ จุดเริ่มต้น

จุดเริ่มต้น

ภายในลิฟต์ที่มีผู้ใช้บริการเพียงคนเดียวกำลังยืนพิงผนังแล้วเอามือสอดในกระเป๋ากางเกงสแล็กยี่ห้อหรู ภายในสมองคิดคำนวณถึงผลกำไรที่บริษัทจะได้จากการเทกโอเวอร์

วันนี้เป็นวันแรกที่ ชนวีร์ กิจขจรไพศาล ได้เข้ามาที่บริษัทอภิวัฒน์เจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกข้าวและกาแฟรายใหญ่ของประเทศที่กำลังจะล้มละลาย แต่ดีที่ชนวีร์ได้เข้ามาซื้อกิจการเสียก่อน

เมื่อถึงชั้นผู้บริหาร เขาก็ได้เข้าไปทำการคุยเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้น ธุรกิจในเครือกิจขจรไพศาลหรือภายใต้ชื่อ KK group มีทั้งการส่งออกรถยนต์ของประเทศและการส่งออกจิวเอลรีที่ดีที่สุด จนล่าสุดตอนนี้มีเพิ่มข้าวและกาแฟ ทำให้ชนวีร์เป็นที่กล่าวถึงมากในเรื่องการทำงานที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว และมีเครือข่ายอยู่ที่ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้บิดาของเขาและแม่เลี้ยงกำลังดูแลอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อการตกลงเป็นไปด้วยดีชายหนุ่มจึงเริ่มทำงานที่บริษัทโดยเริ่มจากการเปลี่ยนชื่อเป็นเคเคโภคภัณฑ์ทันที ในวันพรุ่งนี้ชนวีร์จะเข้ามาบริหารงานอย่างจริงจังหลังจากที่ได้ยกบริษัทจิวเอลรีให้น้องสาวที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงดูแลคือ บุษบามินตรา กิจขจรไพศาล

เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงสาวช่างเม้าธ์ก็รวมตัวกันทันทีเพราะจะไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน วานิสาเริ่มเปิดประเด็นระหว่างเก็บของเพื่อไปกินข้าวกลางวัน

“พี่ดา ได้ยินข่าวไหมว่าผู้บริหารใหม่หล่อมากกกก”

“ไม่รู้สิ ไม่เห็นได้ยิน” ดาหวันเป็นรองหัวหน้าแผนกบัญชี เธอเป็นหญิงวัยกลางคนที่ร่างท้วมเพราะเพิ่งผ่านการคลอดลูกมาเป็นครั้งที่สองเมื่อหกเดือนที่แล้ว

“งั้นกิ๊ฟจะเล่าให้ฟัง เขาว่ากันว่าคนนี้ชื่อคุณชนวีร์เป็นผู้ชายที่หล่อมาก สูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเป็นลูกครึ่งไทยฮ่องกงจีน สุขุม เยือกเย็น ตางี้ดุ๊ดุแต่ว่านั่นแหละเสน่ห์ของผู้ชายที่แท้จริง” สาวช่างฝันอย่างกิ๊ฟพูดพร้อมกับเอามือแนบแก้มอย่างเพ้อหาเจ้าชายรูปหล่อในนิยาย

“อืมมม แล้วหัวหน้าเราล่ะ ไม่หล่อแล้วเหรอ” สองสาวส่ายหน้าพร้อมกันทันที

“หล่อสิ ยังหล่ออยู่แต่ว่าหัวหน้าเราเจอบ่อยแล้ว ตอนนี้ของใหม่เพิ่งมาเราก็ต้องเห่อของใหม่เป็นธรรมดา” สองสาวเล่าอย่างสนุกสนานก่อนจะถึง    แคนทีน

ดาหวันเพียงแค่รับฟังแต่ไม่ได้วิจารณ์อะไรต่อ เธอเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเรื่องคนอื่นหรือนินทาอยู่แล้วนอกจากจะเป็นเรื่องที่เธอทนไม่ไหวจริงๆ ซึ่งก็ยากมากเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีความอดทนสูงพอตัว

สั่งข้าวเสร็จสามสาวก็มานั่งกินข้าวกัน สักพักก็มีหนุ่มหล่อเดินถือข้าวยิ้มออร่ามาแต่ไกลขอนั่งด้วย

“ขอนั่งกินข้าวด้วยนะครับสาวๆ ”

และแน่นอนว่าสองสาวนั้นรีบพยักหน้ายิ้มอย่างยินดีทันที

“หัวหน้าไม่ไปกินกับพี่เสกหรือคะ” กิ๊ฟหรืออพิญญาถามขึ้น

ปนิธิ ถนอมศักดิ์ หรือหัวหน้าแผนกบัญชีส่ายหน้า

“พี่เสกไปกินข้าวกับแฟนของเขาน่ะ ผมไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอ”

คำพูดคำจาช่างน่ารักจนทำเอาสาวสองคนถึงกับกรี๊ดอยู่ในใจ ดาหวันได้แค่ยิ้มอย่างเอ็นดูให้สาวช่างเพ้อฝันปลื้มหนุ่มหล่อคนนี้อย่างขำๆ

“พี่ปันคะ นิต้านั่งด้วยนะ” สาวสวยแห่งแผนกการตลาดยิ้มหวานที่มอบให้ปนิธิโดยเฉพาะถามขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าสุภาพบุรุษอย่างเขาไม่ปฏิเสธเธออยู่แล้วหรือจะให้พูดอีกนัยหนึ่งคือปฏิเสธไม่ได้เพราะไม่อย่างนั้นองค์เจ้าแม่จะลงทันทีและเป็นเขาเองที่ขี้เกียจจะฟังเสียงอันแหลมแสบแก้วหูของเธอ

เมื่อมีแขกรับเชิญคนใหม่เข้ามาสามสาวก็นั่งเงียบและผู้กุมบทสนทนาทั้งหมดก็คือณัฐนิตา สิริรัฐ หญิงสาวผู้ที่สวยครบสูตรและเป็นพนักงานสาวที่สวยสุดในบริษัท มีหนุ่มๆ จากแผนกต่างๆ มาขายขนมจีบให้เธออยู่เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าคนที่เธอสนใจจะมีแค่ปนิธิ หนุ่มรุ่นพี่มหาลัยเดียวกันเท่านั้น ทำเอาหนุ่มทั้งหลายถึงกับเศร้าใจเพราะสาวเจ้าไม่เล่นด้วย

วันต่อมา

ชนวีร์เข้ามาดูแลบริษัท เขาเดินผ่านพนักงานโดยมีสายตานับสิบคู่มองตามจนเหลียวหลังตะลึงในความหล่อราวกับนายแบบของผู้บริหารคนใหม่

วันนี้ไม่มีคณะมาต้อนรับเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมาเช้าขนาดนี้ ชายหนุ่มกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นของผู้บริหารทันที ก่อนจะเข้าห้องทำงานของตัวเองไปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม รอยยิ้มบนหน้าหายไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว สามปีที่คนรักจากไป

เนื่องจากที่เขาเข้ามาดูงานเมื่อวาน ทำให้รู้ว่าบริษัทได้เปิดรับสมัคร พนักงานใหม่แม้ว่าจะขาดทุนทำให้เขาต้องปฏิเสธไป แต่เมื่อเปิดเอกสารดูกลับมีบางอย่างที่ทำให้เขาสนใจ แฟ้มรับสมัครงานถูกเปิดขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะหยุดอยู่ที่หน้าของผู้สมัครสาวคนหนึ่ง

นางสาวจอมขวัญ จิดากุล หึ!  เราจะได้เจอกันแน่จอมขวัญ” แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ไม่เคยลืมว่ากฎหมายไม่สามารถเอาผิดคนเลวได้ ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นวางแผนทุกอย่าง แต่กลับมีหลักฐานไม่เพียงพอและโดนปล่อยไปในที่สุด เขาทนไม่ได้ เขาให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่อย่างสุขสบายมานานเกินไปแล้ว

..ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเขาสัญญาเลยว่าผู้หญิงที่ชื่อจอมขวัญจะได้รู้จักกับคำว่านรกอย่างแท้จริง!

“พี่จะแก้แค้นให้ทรายเอง พี่สัญญา”

ปนิธิได้รับคำสั่งให้รับพนักงานใหม่เข้ามาในแผนกนั่นก็คือจอมขวัญ โดยที่ไม่มีการสัมภาษณ์แม้ว่าใจเขาจะสงสัยแต่ก็มีความดีใจมากกว่าที่รุ่นน้องร่วมสถาบันจะได้มาทำงานที่เดียวกับตน และรุ่นน้องคนนั้นยังเป็นคนที่นั่งอยู่ในใจเขาตลอดเวลาเสียด้วย ไม่รอช้าปนิธิหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาแล้วโทรหาสาวน้อยที่ตอนนี้อยู่ที่บ้านเกิดตัวเองทันที

“สวัสดีค่ะพี่ปัน” น้ำเสียงร่าเริงตอบกลับมาทำเอาใบหน้าหล่ออมยิ้ม

“พี่มีข่าวดีจะบอก”

“ข่าวดี ข่าวดีอะไรคะ” คำพูดที่ติดจะสงสัยยิ่งทำเอาเขายิ้มแก้มแทบปริเมื่อจินตนาการถึงรุ่นน้องคนสวยว่าจะได้มาทำงานเคียงข้างกัน

“บริษัทรับขวัญเข้าทำงานแล้วนะ”

“พี่ปันว่าอะไรนะคะ!  รับเข้าทำงาน หมายความว่าไง แล้วไม่สัมภาษณ์เหรอคะ” จากที่เธอนั่งกินขนมอยู่ริมระเบียงของบ้านอย่างสบายอารมณ์สาวสวยก็ผุดลุกขึ้นอย่างตกใจ

“พี่ก็ไม่รู้พอดีเบื้องบนเขาว่ามาอย่างนี้ สัปดาห์หน้ามาเริ่มงานได้เลยนะ”

“พูดจริงเหรอคะ พี่ปันไม่โกหกให้ขวัญดีใจเล่นแน่นะ” ใจเต้นตึกตักอย่างยินดี เมื่อรุ่นพี่บอกว่าไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน

เธอรีบวางสายไป ก่อนจะวิ่งลงไปข้างล่างเห็นตานั่งสานกล่องข้าวอยู่ส่วนยายก็เย็บผ้า สาวน้อยไม่รอช้าวิ่งไปกอดยายกับตาแล้วบอกด้วยความตื่นเต้น

“ตาจ๋ายายจ๋า ขวัญได้งานแล้วนะ” สาวน้อยของบ้านบอกก่อนจะกอดยายแน่น ทำให้คนแก่ดีใจไปกับหลานรักด้วย ยายขิมกอดตอบหลานสาวที่รักทันที

“ยายดีใจด้วยนะ”

แล้วจอมขวัญก็หอมแก้มยายทันที

“แล้วได้งานที่ไหนล่ะ” ตาวางมือจากงานที่ทำมาสนใจเรื่องที่หลานสาวนำมาบอก แม้ตาเม่นจะเป็นคนนิ่งๆ ดวงตาออกแววดุแต่ก็รักและหวงหลานสาวมาก

“เอ่อ ที่กรุงเทพฯ จ้ะตา”

คำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจตาเม่นทำหน้านิ่งก่อนจะก้มลงสานกล่องข้าวต่อ ทำเอาหญิงสาวใจเสียทันที เธอผละจากยายมานวดแขนตาผู้เป็นที่รักก่อนจะออดอ้อน

“ตาจ๋า ตาจ๊ะตาจ๋า ให้ขวัญไปนะ” สาวน้อยที่อายุเลยวัยเบญจเพสมาแล้วหนึ่งปีซบไหล่ตาแล้วอ้อนเสียงหวานจนยายที่มองอยู่ต้องยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าสามีตนเองไม่สามารถทนลูกอ้อนแสนน่ารักของหลานสาวคนนี้ได้หรอก

“ไปทำไมตั้งไกล บ้านเราก็มีงานมากมายให้ทำ”

“แต่ว่าขวัญสมัครไปแล้วนี่จ๊ะ แถมทางนั้นก็ให้เงินเยอะด้วย”

ตาเม่นหันมามองหลานสาวแม้ไม่พอใจแต่พอเห็นหลานทำตาปริบๆ  กับน้ำเสียงออดอ้อนท่านก็ถอนหายใจ

“ไปอยู่ก็ระวังด้วยแล้วกัน อย่าลืมโทรหาตาบ่อยๆ ”

“จ้ะ ตาจ๋าของขวัญน่ารักที่สุดเลย” จอมขวัญกอดตาก่อนจะหันไปกอดผู้เป็นยายและขอตัวไปบุคคลอันเป็นที่รักอีกสองคนซึ่งตอนนี้อยู่ไร่ข้าวโพด

สาวสวยขับมอเตอร์ไซค์ไปเพื่อบอกข่าวดี เมื่อมาถึงเธอก็รีบไปบุพการีที่ดูแลคนงานอยู่ทางท้ายไร่ทันที

“พ่อจ๋า แม่จ๋า”

ทั้งสองหันมาเห็นลูกสาวก็ตกใจเพราะร้อยวันพันปีไม่เห็นจอมขวัญจะมาหาพ่อกับแม่ที่ไร่ อันที่จริงลูกสาวเธอก็ชอบไร่แต่มันติดตรงที่มาทีไรมักจะมีคนงานชายมองตามเสมอ จนพ่อกับแม่กลัวลูกสาวคนสวยไม่ปลอดภัยเลยไม่อนุญาตให้มาอีก

“ขวัญว่าไงลูก แล้วมาหามีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า”

“ด่วนมากเลยแม่ ขวัญมีข่าวดีมากมาบอก”

คำพูดของลูกสาวทำให้ทั้งสองหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย

“ข่าวอะไรจะดีขนาดที่ให้ลูกสาวคนสวยของพ่อทนไม่ไหวต้องมาบอกพ่อถึงนี่หือ?”

“ขวัญได้งานแล้วนะจ๊ะเย้ๆ ข่าวดีมากใช่ไหมล่ะ” น้ำเสียงสดใสร่าเริงและใบหน้าลูกสาวที่บ่งบอกความดีใจทำให้บุพการีทั้งสองยิ้มออกมา

“แม่ดีใจด้วยนะลูก ข่าวดีอย่างนี้ต้องฉลองซะหน่อยแล้ว เย็นนี้แม่จะจัดเนื้อย่างชุดพิเศษให้เลยดีไหม” สาวน้อยพยักหน้าอย่างดีใจก่อนจะพูดคุยกับพ่อแม่สักพักค่อยขับรถกลับบ้าน

บ้านของจอมขวัญทำไร่ทำสวนทั่วไปมีคนงานที่จ้างมารายวัน กำไรก็มีเข้ามาบ้างแต่ไม่มากเพราะไม่มีการแปรรูปผลไม้นอกจากลูกสาวคนสวยของท่านจะเอามาทำเป็นขนมซึ่งก็ขายดี แต่หลังๆ  มาจอมขวัญไม่ค่อยว่างเพราะมีงานแปลหนังสือเข้ามาทำให้เธอต้องเลิกการทำขนมแต่หลังจากว่างหญิงสาวก็หยุดพักยาวไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นอัน

จอมขวัญอยู่จังหวัดขอนแก่น ครอบครัวจิดากุลมีสมาชิกทั้งหมดเจ็ดคนมีตาเม่น ยายขิม แม่ยิ้ม พ่อตูมตาม จอมขวั และกองทัพซึ่งเป็นน้องชายของจอมขวัญที่ตอนนี้ไปเป็นทหารอยู่ชายแดนประเทศลาว กลับบ้านมาเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น และอีกคนคือสมชายเป็นเด็กที่ตาเก็บมาเลี้ยงเพราะพ่อแม่ของเด็กชายเสียชีวิตไปหมดแล้ว ตาสงสารเลยนำมาเลี้ยงไว้ตอนนี้อายุสิบสามขวบ วัยกำลังซนแต่ก็เป็นเด็กที่ดี มีความรับผิดชอบพอสมควรช่วยงานตายายตลอดเวลา

บ้านจิดากุลฉลองกันอย่างมีความสุขเมื่อลูกสาวได้งานแล้วก่อนที่วันต่อมาบิดาและมารดาของจอมขวัญจะลงไปส่งเธอที่กรุงเทพฯ และหาหอพักให้เธอ เป็นหอหญิงที่อยู่ติดถนนไม่น่ากลัวมากและเป็นแหล่งชุมชนด้วย ค่าเช่ารายเดือนไม่แพงแถมห้องยังสะอาดทำให้ท่านตกลงให้ลูกสาวอยู่ทันที

“ไม่คิดว่าจะได้มาส่งอยู่กรุงเทพฯ อีก” คุณแม่พูดขึ้นเมื่อกำลังจะกลับไปที่ขอนแก่น จอมขวัญยิ้มให้ก่อนจะจับมือแม่ของตนไว้

“ขวัญจะโทรหาบ่อยๆ  นะคะ”

“จ้ะ หนูอยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”

เธอพยักหน้าตอบรับแล้วกอดผู้เป็นมารดา ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่คิดถึงบุพการีแต่เพราะไม่อยากแสดงด้านอ่อนแอออกมาต่างหาก ยิ่งครั้งนี้เธอต้องอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนรู้ใจอย่างทรายทิพย์อยู่ด้วยทำให้ยิ่งเขวไปใหญ่

“ไม่กอดพ่อหน่อยเหรอ”

จอมขวัญผละออกจากแม่แล้วเข้ากอดพ่อทันทีโดยที่คุณพ่อก็ลูบผมลูกสาวและผลักลูกออก มองใบหน้าที่ดวงตาเริ่มแดงก่ำ

“มีอะไรบอกพ่อได้ตลอดนะ ถ้าใครมารังแกรีบโทรหาพ่อจะเอาปืนมายิงมันถึงนี่เลย”

คำพูดนั้นทำให้เธอหัวเราะออกมาก่อนจะพยักหน้าตกลง สามพ่อแม่ลูกหัวเราะด้วยกัน

หลังจากนั้นบิดามารดาของจอมขวัญก็ขึ้นรถขับออกไปโดยมีสายตาอาลัยอาวรณ์ของลูกสาวมองตามไปจนรถกระบะคันใหญ่ลับสายตาเธอจึงเดินขึ้นหอพักขนาดกลางที่มีห้องไม่เยอะ

ห้องของจอมขวัญไม่กว้างเท่าไหร่นักมีโซนเตียงนอนและห้องน้ำขนาดพอดี มีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทีวีเท่านั้น แต่แม่ของเธอเอาเครื่องครัวที่ขนมาจากบ้านนิดหน่อยทำให้หญิงสาวมีโซนครัวขนาดเล็กอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ดูแล้วก็ไม่เล็กมากนัก

จอมขวัญจัดห้องให้ดูดีด้วยการประดับตกแต่งที่ประตูด้วยลูกปัดที่เธอทำมา แล้วติดรูปภาพสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เธอชอบไว้ข้างผนัง มีมุมทำงานขนาดพอดีอยู่ข้างหัวเตียง มีของอีกนิดหน่อยแต่พอหญิงสาวทำไปเรื่อยก็เลยเวลาอาหารเย็นมานานพอสมควรแล้ว เธอจึงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายออกมานอนพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้จะต้องเข้าบริษัทเพื่อไปรายงานตัวแล้ว

เช้าวันต่อมาจอมขวัญตื่นแต่เช้าเพื่อออกมาวิ่งกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้หอตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เธอไปรำไทเก็กกับคนแก่แถวนั้นจนสนิทสนมกับคุณตาคุณยายได้รับความเอ็นดู เธอเดินกลับหอพักไม่ลืมแวะซื้อปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้กลับมากินอีกด้วย

หลังจากเสร็จภารกิจจอมขวัญก็มองความเรียบร้อยตัวเองในกระจกอีกครั้ง เธอใส่ชุดเดรสยาวคลุมเข่าสีครีมทับด้วยเสื้อสูทสำหรับผู้หญิงสีขาวดำแล้วสวมรองเท้าส้นสูงขนาดพอดี กระเป๋าสะพายเรียบร้อยก่อนจะรวบผมยาวสลวยสีดำแบบหางม้าแล้วจึงออกมาจากห้อง

เวลาเช้าตรู่แบบนี้แต่รถภายในเมืองหลวงก็ยังแออัด จอมขวัญขึ้นรถโดยสารเพียงต่อเดียวก็ถึงที่บริษัท เธอลงจากรถแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหารุ่นพี่ที่ไม่ได้เจอกันนาน

ปนิธิเป็นปู่รหัสของเธอเพราะเมื่อเธอขึ้นปีหนึ่งเขาก็อยู่ปีสี่แล้วแต่ก็ยังคงติดต่อกันตลอดมาแม้เขาจะจบไปนานแล้วก็ตาม

“พี่ปัน ขวัญอยู่หน้าบริษัทนะคะ” หญิงสาวบอกทันทีและดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังรีบอยู่จึงพูดเพียงแค่ให้รออยู่ก่อนแล้วตัดสายไป

จอมขวัญเดินเข้าไปภายในแล้วนั่งรออยู่ที่โซนพักผ่อนด้านหน้า ไม่นานก็เห็นรุ่นพี่ที่คุ้นเคยเดินมาหาด้วยความเร่งรีบ แน่นอนว่าชายหนุ่มพึ่งมาถึงบริษัท

“ทำไมมาเช้าจังเลย ดีนะพี่รีบออกมาไม่อย่างนั้นเราได้รอนานแน่”

“ก็ขวัญตื่นเต้นนี่คะ ตั้งแต่จบมาขวัญเพิ่งมาบริษัทนี้เป็นที่แรก” แม้จะจบมาแล้วสี่ปีแต่เธอก็ไม่ได้ไปสมัครงานที่ไหนนอกจากไปทำงานที่บ้าน

จอมขวัญจบปริญญามาสองใบคือคณะบัญชีของมหาลัยชื่อดังและอักษรศาสตร์เอกภาษาอังกฤษของมหาลัยเปิดที่เธอไปลงเรียนไว้ หลังเรียนจบจึงกลับบ้านแล้วรับงานแปลมาทำที่บ้าน แต่เมื่อเริ่มเบื่อเธอจึงมาสมัครงานที่นี่ตามคำแนะนำของรุ่นพี่

“พี่เข้าใจ เข้าไปรายงานตัวกับแผนกบุคคลก่อนแล้วกันนะ”

แม้จะเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแต่ก็มีพนักงานมาบ้างแล้วบางส่วน ระหว่างทางเดินไปขึ้นลิฟต์ทำให้มีคนมองตลอดทาง เมื่อหนุ่มหล่อหัวหน้าแผนกเดินคู่มากับสาวหน้าหวานที่ไม่คุ้นหน้า

“ใครหรือพี่” ประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยกระซิบเบาๆ  ถามเพื่อนทำงานคู่ใจในขณะที่ทั้งสองเดินผ่านหน้าล็อบบีเพื่อไปยังชั้นทำงานด้านบน

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าอาจจะเป็นพนักงานใหม่ แล้วทำไมคุณปันสุดหล่อถึงต้องยิ้มให้ขนาดนั้นแถมยังมารับด้วยตัวเองอีก ไม่นะ สุดหล่อของพี่” สองสาวพร่ำเพ้อถึงหนุ่มหล่อของบริษัทก่อนจะอ้าปากค้างทันทีเมื่อเจอของจริงเข้าให้

 ชนวีร์เดินเข้ามาภายในบริษัทในเวลาเช้าตรู่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิมและแน่นอนว่าสาวแถวนั้นละลายไปตามๆ กัน

“พี่ หนูว่านะถ้าคุณปันหล่ออบอุ่น เจ้านายคนใหม่ของเราก็หล่อแบดบอยสุดๆ เลยละ”

“ใช่ แล้วเธอชอบแบบไหนมากกว่ากันล่ะ”

“ถ้าให้หนูเลือกนะ หนูชอบแบบคุณชนวีร์มากกว่า คนอะไรไม่รู้หล่อแบดบอยสุดๆ  เห็นแล้วอยากถวายชีวิตให้เลย ยอมอยู่ใต้บัญชาตลอดไป” ทำท่าเพ้อจนคนเป็นพี่ต้องห้ามปรามแล้วเริ่มทำงานทันที

ปนิธิพารุ่นน้องมารายงานตัวที่แผนกบุคคลแล้วจึงขึ้นไปยังแผนกบัญชีด้วยกัน เขาแนะนำให้คนในแผนกรู้จักกับจอมขวัญแล้วให้ดาหวันเป็นพี่เลี้ยงดูแลหญิงสาวในการทำงาน ซึ่งดาหวันก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะรู้สึกเอ็นดูสาวน้อยคนนี้

การทำงานเริ่มต้นขึ้น โต๊ะของจอมขวัญอยู่ข้างๆ ดาหวัน โต๊ะทำงานของแต่ละคนจะเป็นโต๊ะติดกันขนาดสี่โต๊ะโดยมีผนังขนาดบางกั้นไว้และแซมด้วยกระจกใส ภายในโต๊ะจะมีคอมพิวเตอร์และเอกสารหรือของจิปาถะแล้วแต่เจ้าของโต๊ะจะจัดหามาตกแต่ง

“ทำงานดีใช้ได้เลยนะ” ดาหวันเปิดเอกสารดูผลสรุปงบประมาณกลางปีที่แล้วที่จอมขวัญทำแล้วเอ่ยปากชม หญิงสาวยิ้มรับจนตาปิด

“ขอบคุณค่ะ”

เวลาพักพนักงานทุกคนก็หยุดงานที่ตัวเองทำแล้วต่างชวนกันไปรับประทานอาหารเที่ยงที่แคนทีน[1]ชั้นสามของบริษัท

ปนิธิเดินออกจากห้องทำงานตรงมายังสาวสวยที่เก็บของเพื่อเตรียมไปกินข้าวกับดาหวัน พร้อมด้วยวานิสาและอพิญญา

“ไปกินข้าวกันเถอะ”

จอมขวัญหันมายิ้มให้พี่ชายคนสนิทแล้วเดินไปพร้อมกันทั้งห้าคน โดยมีสามสาวรั้งท้ายปล่อยให้จอมขวัญเดินเคียงข้างไปกับปนิธิ

“พี่ดา กิ๊ฟว่านะสองคนนั้นต้องมีซัมติงกันแน่นอน” หญิงสาวช่างเม้าธ์เอ่ยขึ้นและแน่นอนว่าเพื่อนก็เห็นด้วย

“ว่านเห็นด้วย แล้วน้องขวัญก็แสนจะสวย สวยกว่ายายนิต้าอะไรนั่นด้วย นิสัยก็ดีนะถ้าได้กับคุณปันก็เหมาะสมกันที่สุดเลยละ” คำชื่นชมที่เอ่ยมาจาก    ใจจริงของวานิสาทำให้อพิญญาพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเธอชอบจอมขวัญค่อนข้าง  มากทีเดียวกับนิสัยนอบน้อมและยิ้มง่ายนั้น

เดินมาถึงยังแคนทีน ปนิธิก็พาจอมขวัญไปซื้อข้าวแล้วมานั่งรอสามสาวที่โต๊ะ เมื่อครบแล้วจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข โดยมีสองสาวช่างพูดอย่างวานิสาและอพิญญาเป็นผู้กุมการสนทนาทั้งหมดไปโดยปริยาย พร้อมทั้งถามเรื่องราวตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยที่ปนิธิเป็นตัวแทนเดือนคณะแต่พลาดวันประกวดเดือนมหาวิทยาลัย เพราะชายหนุ่มท้องเสียอย่างหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลย ทำให้พลาดตำแหน่งนั้นไปอย่างน่าเสียดาย ว่ากันว่าเขาเป็นตัวเก็งของตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว

“คุยอะไรกันท่าทางสนุกเชียว ขอนิต้าคุยด้วยได้ไหมคะ” แขกไม่ได้รับเชิญพูดขึ้นก่อนจะมองไปที่จอมขวัญ

“อ้าว!  นิต้าก็ว่าคุ้นๆ ที่แท้ก็ขวัญนี่เอง มาทำงานที่นี่หรือจ้ะ”

น้ำเสียงที่เอ่ยทักทำเอาสองสาวช่างพูดต้องหันมามองหน้ากันแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายทันที

“ใช่ เราไม่นึกเลยว่าจะได้เจอนิต้าที่นี่”

“อ่อ แน่นอนสิจ้ะ ก็พอจบมาบริษัทก็เรียกตัวนิต้ามาทำงานเลยไม่เหมือนขวัญได้ข่าวว่าไม่มีงานทำไปอยู่บ้านให้พ่อแม่เลี้ยงหรือเปล่านะ” แม้สีหน้าที่พูดจะออกตลกแต่แววตาและน้ำเสียงพ่วงด้วยคำพูดเต็มไปด้วยการจิกกัดเต็มที่ทำให้บรรยากาศโต๊ะเปลี่ยนไปในทันที

“ไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า ขวัญอิ่มแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ” ปนิธิกล่าวเสียงเข้มแล้วลุกขึ้นนำจานข้าวของตนเองและจอมขวัญเดินไปเก็บโดยที่รุ่นน้องคนสวยทำเพียงเดินตามมาเงียบๆ เท่านั้น

จอมขวัญไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร เธอเลยไม่คิดที่จะโต้แย้งอะไร ถ้าทรายทิพย์อยู่ด้วยก็คงดีเพราะอีกฝ่ายคงแก้ต่างให้เธอไปแล้ว แต่ตอนนี้เพื่อนของเธอไม่อยู่แล้ว

“ขวัญอย่าไปใส่ใจเลยนะ”

“ไม่หรอกพี่ปัน ขวัญไม่คิดมากอยู่แล้วค่ะ ก็ขวัญไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดเสียหน่อย”

ทำไมปนิธิจะไม่รู้ว่าแม้รุ่นน้องจะบอกไม่คิดมากแต่เธอก็ยังเก็บเอาไปคิดอยู่ดี เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่พาเธอมาซื้อของที่ช็อปของบริษัทด้านปีกซ้ายของชั้นเดียวกันกับแคนทีน

“ขวัญ ท่านประธานเรียกพบตอนบ่ายนะ” ดาหวันเดินมาบอกรุ่นน้องหลังจากได้รับสายจากเลขาหน้าห้องของท่านประธาน

จอมขวัญแม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเลือกซื้อขนมปังและนมไว้กินตอนหิวในช่วงบ่ายเท่านั้น

กลับไปยังห้องที่ทำงานจอมขวัญก็วางสัมภาระของตนเองไว้ก่อนจะเดินไปขึ้นลิฟต์กดชั้นสูงสุดของอาคาร เพื่อที่จะเข้าพบท่านประธาน เธอมาถึงก็เจอเลขาหน้าห้องที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจเอกสารที่ได้รับมอบหมายอยู่

“ขอโทษนะคะ มาหาท่านประธานค่ะ”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเลขาที่อายุกลางคนก็ขยับแว่นสายตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำเอาจอมขวัญรู้สึกเหมือนมีครูปกครองมาตรวจเครื่องแต่งกายสมัยมัธยม

“คุณจอมขวัญใช่ไหมคะ”

“ค่ะ”

“เชิญในห้องเลยค่ะ”

จอมขวัญก้มหัวให้แล้วเคาะประตูสามครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปภายในห้องที่ดูเรียบง่ายแต่ก็หรูหราในแบบฉบับของผู้ชาย ผนังเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างชัดเจน

ตอนนี้ท่านประธานก็กำลังยืนมองดูตึกไล่ระดับต่ำสูงภายนอกอยู่ เขาสวมสูทสีเทากับกางเกงสแล็กเนื้อดี รองเท้าถูกขัดเงาวับ

“เชิญนั่ง”

น้ำเสียงที่ทรงพลังทำให้จอมขวัญเริ่มเกร็ง เธอนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่นั่งของประธานบริษัท

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ จอมขวัญ”

สิ้นเสียงคนพูด ใบหน้าหวานก็ตกใจเพราะเมื่อชายหนุ่มหันมาใบหน้าที่คุ้นเคยมานานนับหลายปีก็ปรากฏขึ้น

“คุณวีร์” เธอเอ่ยแผ่วเบา

เขามองมาที่จอมขวัญหน้านิ่งจนไม่อาจจะคาดเดาความรู้สึกได้ ชายหนุ่มยังจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนเธอทำอะไรไว้กับคนรักของเขาบ้าง

“ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกนะ”

แววตาของเขานิ่งจนจอมขวัญอดรู้สึกกลัวไม่ได้ ถ้าเขาแสดงอารมณ์ออกมาอีกสักนิดเธอคงจะคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าจะเจอกับอะไร แต่ตอนนี้เขากลับนิ่งราวกับยอมจำนนกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

“ค่ะ ฉันก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอคุณที่นี่” เพราะเธอจำได้ว่าธุรกิจของเขาไม่ได้เกี่ยวกับสินค้าการส่งออกทางการเกษตรเลยแม้แต่น้อย

“ฉันเป็นประธานบริษัทและหวังว่าเธอจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทเจริญ รุ่งเรืองขึ้น”

“ค่ะ”

การพบกันครั้งนี้ไม่มีประโยคสนทนาอะไรต่อ ชนวีร์นั่งลงที่เก้าอี้ของตำแหน่งประธานบริษัท ชายหนุ่มมองผู้หญิงหน้าสวยที่ใจเหี้ยมตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมาเพียงน้อยนิด

“ดีใจที่ได้ร่วมงานกัน เธอคงไม่โกงบริษัทฉันแน่ใช่ไหม”

“แน่นอนค่ะ”

เมื่อหญิงสาวรับคำด้วยท่าทางแข็งขันเขาก็พยักหน้าช้าๆ  ก่อนจะบอกให้เธอกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี

จอมขวัญค้อมตัวก่อนจะเดินออกไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกของเธอตอนนี้มันผสมกันไปหมดจนแยกแทบไม่ออก ทั้งกลัว ทั้งคิดถึง ทั้งกังวล มันเป็นไปด้วยอารมณ์ที่เธอไม่เคยพบพานมาก่อน

ต่างจากอีกคนที่นั่งในห้องเขามีความรู้สึกเดียวเท่านั้นที่มีต่อเธอตอนนี้

“แล้วเธอจะได้เจอนรกที่แท้จริง จอมขวัญ”

[1] Canteen โรงอาหาร

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status