๑
จุดเริ่มต้น
ภายในลิฟต์ที่มีผู้ใช้บริการเพียงคนเดียวกำลังยืนพิงผนังแล้วเอามือสอดในกระเป๋ากางเกงสแล็กยี่ห้อหรู ภายในสมองคิดคำนวณถึงผลกำไรที่บริษัทจะได้จากการเทกโอเวอร์
วันนี้เป็นวันแรกที่ ชนวีร์ กิจขจรไพศาล ได้เข้ามาที่บริษัทอภิวัฒน์เจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกข้าวและกาแฟรายใหญ่ของประเทศที่กำลังจะล้มละลาย แต่ดีที่ชนวีร์ได้เข้ามาซื้อกิจการเสียก่อน
เมื่อถึงชั้นผู้บริหาร เขาก็ได้เข้าไปทำการคุยเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้น ธุรกิจในเครือกิจขจรไพศาลหรือภายใต้ชื่อ KK group มีทั้งการส่งออกรถยนต์ของประเทศและการส่งออกจิวเอลรีที่ดีที่สุด จนล่าสุดตอนนี้มีเพิ่มข้าวและกาแฟ ทำให้ชนวีร์เป็นที่กล่าวถึงมากในเรื่องการทำงานที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว และมีเครือข่ายอยู่ที่ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้บิดาของเขาและแม่เลี้ยงกำลังดูแลอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมื่อการตกลงเป็นไปด้วยดีชายหนุ่มจึงเริ่มทำงานที่บริษัทโดยเริ่มจากการเปลี่ยนชื่อเป็นเคเคโภคภัณฑ์ทันที ในวันพรุ่งนี้ชนวีร์จะเข้ามาบริหารงานอย่างจริงจังหลังจากที่ได้ยกบริษัทจิวเอลรีให้น้องสาวที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงดูแลคือ บุษบามินตรา กิจขจรไพศาล
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงสาวช่างเม้าธ์ก็รวมตัวกันทันทีเพราะจะไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน วานิสาเริ่มเปิดประเด็นระหว่างเก็บของเพื่อไปกินข้าวกลางวัน
“พี่ดา ได้ยินข่าวไหมว่าผู้บริหารใหม่หล่อมากกกก”
“ไม่รู้สิ ไม่เห็นได้ยิน” ดาหวันเป็นรองหัวหน้าแผนกบัญชี เธอเป็นหญิงวัยกลางคนที่ร่างท้วมเพราะเพิ่งผ่านการคลอดลูกมาเป็นครั้งที่สองเมื่อหกเดือนที่แล้ว
“งั้นกิ๊ฟจะเล่าให้ฟัง เขาว่ากันว่าคนนี้ชื่อคุณชนวีร์เป็นผู้ชายที่หล่อมาก สูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเป็นลูกครึ่งไทยฮ่องกงจีน สุขุม เยือกเย็น ตางี้ดุ๊ดุแต่ว่านั่นแหละเสน่ห์ของผู้ชายที่แท้จริง” สาวช่างฝันอย่างกิ๊ฟพูดพร้อมกับเอามือแนบแก้มอย่างเพ้อหาเจ้าชายรูปหล่อในนิยาย
“อืมมม แล้วหัวหน้าเราล่ะ ไม่หล่อแล้วเหรอ” สองสาวส่ายหน้าพร้อมกันทันที
“หล่อสิ ยังหล่ออยู่แต่ว่าหัวหน้าเราเจอบ่อยแล้ว ตอนนี้ของใหม่เพิ่งมาเราก็ต้องเห่อของใหม่เป็นธรรมดา” สองสาวเล่าอย่างสนุกสนานก่อนจะถึง แคนทีน
ดาหวันเพียงแค่รับฟังแต่ไม่ได้วิจารณ์อะไรต่อ เธอเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเรื่องคนอื่นหรือนินทาอยู่แล้วนอกจากจะเป็นเรื่องที่เธอทนไม่ไหวจริงๆ ซึ่งก็ยากมากเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีความอดทนสูงพอตัว
สั่งข้าวเสร็จสามสาวก็มานั่งกินข้าวกัน สักพักก็มีหนุ่มหล่อเดินถือข้าวยิ้มออร่ามาแต่ไกลขอนั่งด้วย
“ขอนั่งกินข้าวด้วยนะครับสาวๆ ”
และแน่นอนว่าสองสาวนั้นรีบพยักหน้ายิ้มอย่างยินดีทันที
“หัวหน้าไม่ไปกินกับพี่เสกหรือคะ” กิ๊ฟหรืออพิญญาถามขึ้น
ปนิธิ ถนอมศักดิ์ หรือหัวหน้าแผนกบัญชีส่ายหน้า
“พี่เสกไปกินข้าวกับแฟนของเขาน่ะ ผมไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอ”
คำพูดคำจาช่างน่ารักจนทำเอาสาวสองคนถึงกับกรี๊ดอยู่ในใจ ดาหวันได้แค่ยิ้มอย่างเอ็นดูให้สาวช่างเพ้อฝันปลื้มหนุ่มหล่อคนนี้อย่างขำๆ
“พี่ปันคะ นิต้านั่งด้วยนะ” สาวสวยแห่งแผนกการตลาดยิ้มหวานที่มอบให้ปนิธิโดยเฉพาะถามขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าสุภาพบุรุษอย่างเขาไม่ปฏิเสธเธออยู่แล้วหรือจะให้พูดอีกนัยหนึ่งคือปฏิเสธไม่ได้เพราะไม่อย่างนั้นองค์เจ้าแม่จะลงทันทีและเป็นเขาเองที่ขี้เกียจจะฟังเสียงอันแหลมแสบแก้วหูของเธอ
เมื่อมีแขกรับเชิญคนใหม่เข้ามาสามสาวก็นั่งเงียบและผู้กุมบทสนทนาทั้งหมดก็คือณัฐนิตา สิริรัฐ หญิงสาวผู้ที่สวยครบสูตรและเป็นพนักงานสาวที่สวยสุดในบริษัท มีหนุ่มๆ จากแผนกต่างๆ มาขายขนมจีบให้เธออยู่เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าคนที่เธอสนใจจะมีแค่ปนิธิ หนุ่มรุ่นพี่มหาลัยเดียวกันเท่านั้น ทำเอาหนุ่มทั้งหลายถึงกับเศร้าใจเพราะสาวเจ้าไม่เล่นด้วย
วันต่อมา
ชนวีร์เข้ามาดูแลบริษัท เขาเดินผ่านพนักงานโดยมีสายตานับสิบคู่มองตามจนเหลียวหลังตะลึงในความหล่อราวกับนายแบบของผู้บริหารคนใหม่
วันนี้ไม่มีคณะมาต้อนรับเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมาเช้าขนาดนี้ ชายหนุ่มกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นของผู้บริหารทันที ก่อนจะเข้าห้องทำงานของตัวเองไปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม รอยยิ้มบนหน้าหายไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว สามปีที่คนรักจากไป
เนื่องจากที่เขาเข้ามาดูงานเมื่อวาน ทำให้รู้ว่าบริษัทได้เปิดรับสมัคร พนักงานใหม่แม้ว่าจะขาดทุนทำให้เขาต้องปฏิเสธไป แต่เมื่อเปิดเอกสารดูกลับมีบางอย่างที่ทำให้เขาสนใจ แฟ้มรับสมัครงานถูกเปิดขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะหยุดอยู่ที่หน้าของผู้สมัครสาวคนหนึ่ง
“นางสาวจอมขวัญ จิดากุล หึ! เราจะได้เจอกันแน่จอมขวัญ” แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ไม่เคยลืมว่ากฎหมายไม่สามารถเอาผิดคนเลวได้ ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นวางแผนทุกอย่าง แต่กลับมีหลักฐานไม่เพียงพอและโดนปล่อยไปในที่สุด เขาทนไม่ได้ เขาให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่อย่างสุขสบายมานานเกินไปแล้ว
..ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเขาสัญญาเลยว่าผู้หญิงที่ชื่อจอมขวัญจะได้รู้จักกับคำว่านรกอย่างแท้จริง!
“พี่จะแก้แค้นให้ทรายเอง พี่สัญญา”
ปนิธิได้รับคำสั่งให้รับพนักงานใหม่เข้ามาในแผนกนั่นก็คือจอมขวัญ โดยที่ไม่มีการสัมภาษณ์แม้ว่าใจเขาจะสงสัยแต่ก็มีความดีใจมากกว่าที่รุ่นน้องร่วมสถาบันจะได้มาทำงานที่เดียวกับตน และรุ่นน้องคนนั้นยังเป็นคนที่นั่งอยู่ในใจเขาตลอดเวลาเสียด้วย ไม่รอช้าปนิธิหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาแล้วโทรหาสาวน้อยที่ตอนนี้อยู่ที่บ้านเกิดตัวเองทันที
“สวัสดีค่ะพี่ปัน” น้ำเสียงร่าเริงตอบกลับมาทำเอาใบหน้าหล่ออมยิ้ม
“พี่มีข่าวดีจะบอก”
“ข่าวดี ข่าวดีอะไรคะ” คำพูดที่ติดจะสงสัยยิ่งทำเอาเขายิ้มแก้มแทบปริเมื่อจินตนาการถึงรุ่นน้องคนสวยว่าจะได้มาทำงานเคียงข้างกัน
“บริษัทรับขวัญเข้าทำงานแล้วนะ”
“พี่ปันว่าอะไรนะคะ! รับเข้าทำงาน หมายความว่าไง แล้วไม่สัมภาษณ์เหรอคะ” จากที่เธอนั่งกินขนมอยู่ริมระเบียงของบ้านอย่างสบายอารมณ์สาวสวยก็ผุดลุกขึ้นอย่างตกใจ
“พี่ก็ไม่รู้พอดีเบื้องบนเขาว่ามาอย่างนี้ สัปดาห์หน้ามาเริ่มงานได้เลยนะ”
“พูดจริงเหรอคะ พี่ปันไม่โกหกให้ขวัญดีใจเล่นแน่นะ” ใจเต้นตึกตักอย่างยินดี เมื่อรุ่นพี่บอกว่าไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน
เธอรีบวางสายไป ก่อนจะวิ่งลงไปข้างล่างเห็นตานั่งสานกล่องข้าวอยู่ส่วนยายก็เย็บผ้า สาวน้อยไม่รอช้าวิ่งไปกอดยายกับตาแล้วบอกด้วยความตื่นเต้น
“ตาจ๋ายายจ๋า ขวัญได้งานแล้วนะ” สาวน้อยของบ้านบอกก่อนจะกอดยายแน่น ทำให้คนแก่ดีใจไปกับหลานรักด้วย ยายขิมกอดตอบหลานสาวที่รักทันที
“ยายดีใจด้วยนะ”
แล้วจอมขวัญก็หอมแก้มยายทันที
“แล้วได้งานที่ไหนล่ะ” ตาวางมือจากงานที่ทำมาสนใจเรื่องที่หลานสาวนำมาบอก แม้ตาเม่นจะเป็นคนนิ่งๆ ดวงตาออกแววดุแต่ก็รักและหวงหลานสาวมาก
“เอ่อ ที่กรุงเทพฯ จ้ะตา”
คำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจตาเม่นทำหน้านิ่งก่อนจะก้มลงสานกล่องข้าวต่อ ทำเอาหญิงสาวใจเสียทันที เธอผละจากยายมานวดแขนตาผู้เป็นที่รักก่อนจะออดอ้อน
“ตาจ๋า ตาจ๊ะตาจ๋า ให้ขวัญไปนะ” สาวน้อยที่อายุเลยวัยเบญจเพสมาแล้วหนึ่งปีซบไหล่ตาแล้วอ้อนเสียงหวานจนยายที่มองอยู่ต้องยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าสามีตนเองไม่สามารถทนลูกอ้อนแสนน่ารักของหลานสาวคนนี้ได้หรอก
“ไปทำไมตั้งไกล บ้านเราก็มีงานมากมายให้ทำ”
“แต่ว่าขวัญสมัครไปแล้วนี่จ๊ะ แถมทางนั้นก็ให้เงินเยอะด้วย”
ตาเม่นหันมามองหลานสาวแม้ไม่พอใจแต่พอเห็นหลานทำตาปริบๆ กับน้ำเสียงออดอ้อนท่านก็ถอนหายใจ
“ไปอยู่ก็ระวังด้วยแล้วกัน อย่าลืมโทรหาตาบ่อยๆ ”
“จ้ะ ตาจ๋าของขวัญน่ารักที่สุดเลย” จอมขวัญกอดตาก่อนจะหันไปกอดผู้เป็นยายและขอตัวไปบุคคลอันเป็นที่รักอีกสองคนซึ่งตอนนี้อยู่ไร่ข้าวโพด
สาวสวยขับมอเตอร์ไซค์ไปเพื่อบอกข่าวดี เมื่อมาถึงเธอก็รีบไปบุพการีที่ดูแลคนงานอยู่ทางท้ายไร่ทันที
“พ่อจ๋า แม่จ๋า”
ทั้งสองหันมาเห็นลูกสาวก็ตกใจเพราะร้อยวันพันปีไม่เห็นจอมขวัญจะมาหาพ่อกับแม่ที่ไร่ อันที่จริงลูกสาวเธอก็ชอบไร่แต่มันติดตรงที่มาทีไรมักจะมีคนงานชายมองตามเสมอ จนพ่อกับแม่กลัวลูกสาวคนสวยไม่ปลอดภัยเลยไม่อนุญาตให้มาอีก
“ขวัญว่าไงลูก แล้วมาหามีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า”
“ด่วนมากเลยแม่ ขวัญมีข่าวดีมากมาบอก”
คำพูดของลูกสาวทำให้ทั้งสองหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย
“ข่าวอะไรจะดีขนาดที่ให้ลูกสาวคนสวยของพ่อทนไม่ไหวต้องมาบอกพ่อถึงนี่หือ?”
“ขวัญได้งานแล้วนะจ๊ะเย้ๆ ข่าวดีมากใช่ไหมล่ะ” น้ำเสียงสดใสร่าเริงและใบหน้าลูกสาวที่บ่งบอกความดีใจทำให้บุพการีทั้งสองยิ้มออกมา
“แม่ดีใจด้วยนะลูก ข่าวดีอย่างนี้ต้องฉลองซะหน่อยแล้ว เย็นนี้แม่จะจัดเนื้อย่างชุดพิเศษให้เลยดีไหม” สาวน้อยพยักหน้าอย่างดีใจก่อนจะพูดคุยกับพ่อแม่สักพักค่อยขับรถกลับบ้าน
บ้านของจอมขวัญทำไร่ทำสวนทั่วไปมีคนงานที่จ้างมารายวัน กำไรก็มีเข้ามาบ้างแต่ไม่มากเพราะไม่มีการแปรรูปผลไม้นอกจากลูกสาวคนสวยของท่านจะเอามาทำเป็นขนมซึ่งก็ขายดี แต่หลังๆ มาจอมขวัญไม่ค่อยว่างเพราะมีงานแปลหนังสือเข้ามาทำให้เธอต้องเลิกการทำขนมแต่หลังจากว่างหญิงสาวก็หยุดพักยาวไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นอัน
จอมขวัญอยู่จังหวัดขอนแก่น ครอบครัวจิดากุลมีสมาชิกทั้งหมดเจ็ดคนมีตาเม่น ยายขิม แม่ยิ้ม พ่อตูมตาม จอมขวั และกองทัพซึ่งเป็นน้องชายของจอมขวัญที่ตอนนี้ไปเป็นทหารอยู่ชายแดนประเทศลาว กลับบ้านมาเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น และอีกคนคือสมชายเป็นเด็กที่ตาเก็บมาเลี้ยงเพราะพ่อแม่ของเด็กชายเสียชีวิตไปหมดแล้ว ตาสงสารเลยนำมาเลี้ยงไว้ตอนนี้อายุสิบสามขวบ วัยกำลังซนแต่ก็เป็นเด็กที่ดี มีความรับผิดชอบพอสมควรช่วยงานตายายตลอดเวลา
บ้านจิดากุลฉลองกันอย่างมีความสุขเมื่อลูกสาวได้งานแล้วก่อนที่วันต่อมาบิดาและมารดาของจอมขวัญจะลงไปส่งเธอที่กรุงเทพฯ และหาหอพักให้เธอ เป็นหอหญิงที่อยู่ติดถนนไม่น่ากลัวมากและเป็นแหล่งชุมชนด้วย ค่าเช่ารายเดือนไม่แพงแถมห้องยังสะอาดทำให้ท่านตกลงให้ลูกสาวอยู่ทันที
“ไม่คิดว่าจะได้มาส่งอยู่กรุงเทพฯ อีก” คุณแม่พูดขึ้นเมื่อกำลังจะกลับไปที่ขอนแก่น จอมขวัญยิ้มให้ก่อนจะจับมือแม่ของตนไว้
“ขวัญจะโทรหาบ่อยๆ นะคะ”
“จ้ะ หนูอยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”
เธอพยักหน้าตอบรับแล้วกอดผู้เป็นมารดา ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่คิดถึงบุพการีแต่เพราะไม่อยากแสดงด้านอ่อนแอออกมาต่างหาก ยิ่งครั้งนี้เธอต้องอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนรู้ใจอย่างทรายทิพย์อยู่ด้วยทำให้ยิ่งเขวไปใหญ่
“ไม่กอดพ่อหน่อยเหรอ”
จอมขวัญผละออกจากแม่แล้วเข้ากอดพ่อทันทีโดยที่คุณพ่อก็ลูบผมลูกสาวและผลักลูกออก มองใบหน้าที่ดวงตาเริ่มแดงก่ำ
“มีอะไรบอกพ่อได้ตลอดนะ ถ้าใครมารังแกรีบโทรหาพ่อจะเอาปืนมายิงมันถึงนี่เลย”
คำพูดนั้นทำให้เธอหัวเราะออกมาก่อนจะพยักหน้าตกลง สามพ่อแม่ลูกหัวเราะด้วยกัน
หลังจากนั้นบิดามารดาของจอมขวัญก็ขึ้นรถขับออกไปโดยมีสายตาอาลัยอาวรณ์ของลูกสาวมองตามไปจนรถกระบะคันใหญ่ลับสายตาเธอจึงเดินขึ้นหอพักขนาดกลางที่มีห้องไม่เยอะ
ห้องของจอมขวัญไม่กว้างเท่าไหร่นักมีโซนเตียงนอนและห้องน้ำขนาดพอดี มีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทีวีเท่านั้น แต่แม่ของเธอเอาเครื่องครัวที่ขนมาจากบ้านนิดหน่อยทำให้หญิงสาวมีโซนครัวขนาดเล็กอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ดูแล้วก็ไม่เล็กมากนัก
จอมขวัญจัดห้องให้ดูดีด้วยการประดับตกแต่งที่ประตูด้วยลูกปัดที่เธอทำมา แล้วติดรูปภาพสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เธอชอบไว้ข้างผนัง มีมุมทำงานขนาดพอดีอยู่ข้างหัวเตียง มีของอีกนิดหน่อยแต่พอหญิงสาวทำไปเรื่อยก็เลยเวลาอาหารเย็นมานานพอสมควรแล้ว เธอจึงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายออกมานอนพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้จะต้องเข้าบริษัทเพื่อไปรายงานตัวแล้ว
เช้าวันต่อมาจอมขวัญตื่นแต่เช้าเพื่อออกมาวิ่งกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้หอตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เธอไปรำไทเก็กกับคนแก่แถวนั้นจนสนิทสนมกับคุณตาคุณยายได้รับความเอ็นดู เธอเดินกลับหอพักไม่ลืมแวะซื้อปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้กลับมากินอีกด้วย
หลังจากเสร็จภารกิจจอมขวัญก็มองความเรียบร้อยตัวเองในกระจกอีกครั้ง เธอใส่ชุดเดรสยาวคลุมเข่าสีครีมทับด้วยเสื้อสูทสำหรับผู้หญิงสีขาวดำแล้วสวมรองเท้าส้นสูงขนาดพอดี กระเป๋าสะพายเรียบร้อยก่อนจะรวบผมยาวสลวยสีดำแบบหางม้าแล้วจึงออกมาจากห้อง
เวลาเช้าตรู่แบบนี้แต่รถภายในเมืองหลวงก็ยังแออัด จอมขวัญขึ้นรถโดยสารเพียงต่อเดียวก็ถึงที่บริษัท เธอลงจากรถแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหารุ่นพี่ที่ไม่ได้เจอกันนาน
ปนิธิเป็นปู่รหัสของเธอเพราะเมื่อเธอขึ้นปีหนึ่งเขาก็อยู่ปีสี่แล้วแต่ก็ยังคงติดต่อกันตลอดมาแม้เขาจะจบไปนานแล้วก็ตาม
“พี่ปัน ขวัญอยู่หน้าบริษัทนะคะ” หญิงสาวบอกทันทีและดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังรีบอยู่จึงพูดเพียงแค่ให้รออยู่ก่อนแล้วตัดสายไป
จอมขวัญเดินเข้าไปภายในแล้วนั่งรออยู่ที่โซนพักผ่อนด้านหน้า ไม่นานก็เห็นรุ่นพี่ที่คุ้นเคยเดินมาหาด้วยความเร่งรีบ แน่นอนว่าชายหนุ่มพึ่งมาถึงบริษัท
“ทำไมมาเช้าจังเลย ดีนะพี่รีบออกมาไม่อย่างนั้นเราได้รอนานแน่”
“ก็ขวัญตื่นเต้นนี่คะ ตั้งแต่จบมาขวัญเพิ่งมาบริษัทนี้เป็นที่แรก” แม้จะจบมาแล้วสี่ปีแต่เธอก็ไม่ได้ไปสมัครงานที่ไหนนอกจากไปทำงานที่บ้าน
จอมขวัญจบปริญญามาสองใบคือคณะบัญชีของมหาลัยชื่อดังและอักษรศาสตร์เอกภาษาอังกฤษของมหาลัยเปิดที่เธอไปลงเรียนไว้ หลังเรียนจบจึงกลับบ้านแล้วรับงานแปลมาทำที่บ้าน แต่เมื่อเริ่มเบื่อเธอจึงมาสมัครงานที่นี่ตามคำแนะนำของรุ่นพี่
“พี่เข้าใจ เข้าไปรายงานตัวกับแผนกบุคคลก่อนแล้วกันนะ”
แม้จะเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแต่ก็มีพนักงานมาบ้างแล้วบางส่วน ระหว่างทางเดินไปขึ้นลิฟต์ทำให้มีคนมองตลอดทาง เมื่อหนุ่มหล่อหัวหน้าแผนกเดินคู่มากับสาวหน้าหวานที่ไม่คุ้นหน้า
“ใครหรือพี่” ประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยกระซิบเบาๆ ถามเพื่อนทำงานคู่ใจในขณะที่ทั้งสองเดินผ่านหน้าล็อบบีเพื่อไปยังชั้นทำงานด้านบน
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าอาจจะเป็นพนักงานใหม่ แล้วทำไมคุณปันสุดหล่อถึงต้องยิ้มให้ขนาดนั้นแถมยังมารับด้วยตัวเองอีก ไม่นะ สุดหล่อของพี่” สองสาวพร่ำเพ้อถึงหนุ่มหล่อของบริษัทก่อนจะอ้าปากค้างทันทีเมื่อเจอของจริงเข้าให้
ชนวีร์เดินเข้ามาภายในบริษัทในเวลาเช้าตรู่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิมและแน่นอนว่าสาวแถวนั้นละลายไปตามๆ กัน
“พี่ หนูว่านะถ้าคุณปันหล่ออบอุ่น เจ้านายคนใหม่ของเราก็หล่อแบดบอยสุดๆ เลยละ”
“ใช่ แล้วเธอชอบแบบไหนมากกว่ากันล่ะ”
“ถ้าให้หนูเลือกนะ หนูชอบแบบคุณชนวีร์มากกว่า คนอะไรไม่รู้หล่อแบดบอยสุดๆ เห็นแล้วอยากถวายชีวิตให้เลย ยอมอยู่ใต้บัญชาตลอดไป” ทำท่าเพ้อจนคนเป็นพี่ต้องห้ามปรามแล้วเริ่มทำงานทันที
ปนิธิพารุ่นน้องมารายงานตัวที่แผนกบุคคลแล้วจึงขึ้นไปยังแผนกบัญชีด้วยกัน เขาแนะนำให้คนในแผนกรู้จักกับจอมขวัญแล้วให้ดาหวันเป็นพี่เลี้ยงดูแลหญิงสาวในการทำงาน ซึ่งดาหวันก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะรู้สึกเอ็นดูสาวน้อยคนนี้
การทำงานเริ่มต้นขึ้น โต๊ะของจอมขวัญอยู่ข้างๆ ดาหวัน โต๊ะทำงานของแต่ละคนจะเป็นโต๊ะติดกันขนาดสี่โต๊ะโดยมีผนังขนาดบางกั้นไว้และแซมด้วยกระจกใส ภายในโต๊ะจะมีคอมพิวเตอร์และเอกสารหรือของจิปาถะแล้วแต่เจ้าของโต๊ะจะจัดหามาตกแต่ง
“ทำงานดีใช้ได้เลยนะ” ดาหวันเปิดเอกสารดูผลสรุปงบประมาณกลางปีที่แล้วที่จอมขวัญทำแล้วเอ่ยปากชม หญิงสาวยิ้มรับจนตาปิด
“ขอบคุณค่ะ”
เวลาพักพนักงานทุกคนก็หยุดงานที่ตัวเองทำแล้วต่างชวนกันไปรับประทานอาหารเที่ยงที่แคนทีน[1]ชั้นสามของบริษัท
ปนิธิเดินออกจากห้องทำงานตรงมายังสาวสวยที่เก็บของเพื่อเตรียมไปกินข้าวกับดาหวัน พร้อมด้วยวานิสาและอพิญญา
“ไปกินข้าวกันเถอะ”
จอมขวัญหันมายิ้มให้พี่ชายคนสนิทแล้วเดินไปพร้อมกันทั้งห้าคน โดยมีสามสาวรั้งท้ายปล่อยให้จอมขวัญเดินเคียงข้างไปกับปนิธิ
“พี่ดา กิ๊ฟว่านะสองคนนั้นต้องมีซัมติงกันแน่นอน” หญิงสาวช่างเม้าธ์เอ่ยขึ้นและแน่นอนว่าเพื่อนก็เห็นด้วย
“ว่านเห็นด้วย แล้วน้องขวัญก็แสนจะสวย สวยกว่ายายนิต้าอะไรนั่นด้วย นิสัยก็ดีนะถ้าได้กับคุณปันก็เหมาะสมกันที่สุดเลยละ” คำชื่นชมที่เอ่ยมาจาก ใจจริงของวานิสาทำให้อพิญญาพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเธอชอบจอมขวัญค่อนข้าง มากทีเดียวกับนิสัยนอบน้อมและยิ้มง่ายนั้น
เดินมาถึงยังแคนทีน ปนิธิก็พาจอมขวัญไปซื้อข้าวแล้วมานั่งรอสามสาวที่โต๊ะ เมื่อครบแล้วจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข โดยมีสองสาวช่างพูดอย่างวานิสาและอพิญญาเป็นผู้กุมการสนทนาทั้งหมดไปโดยปริยาย พร้อมทั้งถามเรื่องราวตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยที่ปนิธิเป็นตัวแทนเดือนคณะแต่พลาดวันประกวดเดือนมหาวิทยาลัย เพราะชายหนุ่มท้องเสียอย่างหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลย ทำให้พลาดตำแหน่งนั้นไปอย่างน่าเสียดาย ว่ากันว่าเขาเป็นตัวเก็งของตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว
“คุยอะไรกันท่าทางสนุกเชียว ขอนิต้าคุยด้วยได้ไหมคะ” แขกไม่ได้รับเชิญพูดขึ้นก่อนจะมองไปที่จอมขวัญ
“อ้าว! นิต้าก็ว่าคุ้นๆ ที่แท้ก็ขวัญนี่เอง มาทำงานที่นี่หรือจ้ะ”
น้ำเสียงที่เอ่ยทักทำเอาสองสาวช่างพูดต้องหันมามองหน้ากันแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายทันที
“ใช่ เราไม่นึกเลยว่าจะได้เจอนิต้าที่นี่”
“อ่อ แน่นอนสิจ้ะ ก็พอจบมาบริษัทก็เรียกตัวนิต้ามาทำงานเลยไม่เหมือนขวัญได้ข่าวว่าไม่มีงานทำไปอยู่บ้านให้พ่อแม่เลี้ยงหรือเปล่านะ” แม้สีหน้าที่พูดจะออกตลกแต่แววตาและน้ำเสียงพ่วงด้วยคำพูดเต็มไปด้วยการจิกกัดเต็มที่ทำให้บรรยากาศโต๊ะเปลี่ยนไปในทันที
“ไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า ขวัญอิ่มแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ” ปนิธิกล่าวเสียงเข้มแล้วลุกขึ้นนำจานข้าวของตนเองและจอมขวัญเดินไปเก็บโดยที่รุ่นน้องคนสวยทำเพียงเดินตามมาเงียบๆ เท่านั้น
จอมขวัญไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร เธอเลยไม่คิดที่จะโต้แย้งอะไร ถ้าทรายทิพย์อยู่ด้วยก็คงดีเพราะอีกฝ่ายคงแก้ต่างให้เธอไปแล้ว แต่ตอนนี้เพื่อนของเธอไม่อยู่แล้ว
“ขวัญอย่าไปใส่ใจเลยนะ”
“ไม่หรอกพี่ปัน ขวัญไม่คิดมากอยู่แล้วค่ะ ก็ขวัญไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดเสียหน่อย”
ทำไมปนิธิจะไม่รู้ว่าแม้รุ่นน้องจะบอกไม่คิดมากแต่เธอก็ยังเก็บเอาไปคิดอยู่ดี เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่พาเธอมาซื้อของที่ช็อปของบริษัทด้านปีกซ้ายของชั้นเดียวกันกับแคนทีน
“ขวัญ ท่านประธานเรียกพบตอนบ่ายนะ” ดาหวันเดินมาบอกรุ่นน้องหลังจากได้รับสายจากเลขาหน้าห้องของท่านประธาน
จอมขวัญแม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเลือกซื้อขนมปังและนมไว้กินตอนหิวในช่วงบ่ายเท่านั้น
กลับไปยังห้องที่ทำงานจอมขวัญก็วางสัมภาระของตนเองไว้ก่อนจะเดินไปขึ้นลิฟต์กดชั้นสูงสุดของอาคาร เพื่อที่จะเข้าพบท่านประธาน เธอมาถึงก็เจอเลขาหน้าห้องที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจเอกสารที่ได้รับมอบหมายอยู่
“ขอโทษนะคะ มาหาท่านประธานค่ะ”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเลขาที่อายุกลางคนก็ขยับแว่นสายตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำเอาจอมขวัญรู้สึกเหมือนมีครูปกครองมาตรวจเครื่องแต่งกายสมัยมัธยม
“คุณจอมขวัญใช่ไหมคะ”
“ค่ะ”
“เชิญในห้องเลยค่ะ”
จอมขวัญก้มหัวให้แล้วเคาะประตูสามครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปภายในห้องที่ดูเรียบง่ายแต่ก็หรูหราในแบบฉบับของผู้ชาย ผนังเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างชัดเจน
ตอนนี้ท่านประธานก็กำลังยืนมองดูตึกไล่ระดับต่ำสูงภายนอกอยู่ เขาสวมสูทสีเทากับกางเกงสแล็กเนื้อดี รองเท้าถูกขัดเงาวับ
“เชิญนั่ง”
น้ำเสียงที่ทรงพลังทำให้จอมขวัญเริ่มเกร็ง เธอนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่นั่งของประธานบริษัท
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ จอมขวัญ”
สิ้นเสียงคนพูด ใบหน้าหวานก็ตกใจเพราะเมื่อชายหนุ่มหันมาใบหน้าที่คุ้นเคยมานานนับหลายปีก็ปรากฏขึ้น
“คุณวีร์” เธอเอ่ยแผ่วเบา
เขามองมาที่จอมขวัญหน้านิ่งจนไม่อาจจะคาดเดาความรู้สึกได้ ชายหนุ่มยังจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนเธอทำอะไรไว้กับคนรักของเขาบ้าง
“ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกนะ”
แววตาของเขานิ่งจนจอมขวัญอดรู้สึกกลัวไม่ได้ ถ้าเขาแสดงอารมณ์ออกมาอีกสักนิดเธอคงจะคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าจะเจอกับอะไร แต่ตอนนี้เขากลับนิ่งราวกับยอมจำนนกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“ค่ะ ฉันก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอคุณที่นี่” เพราะเธอจำได้ว่าธุรกิจของเขาไม่ได้เกี่ยวกับสินค้าการส่งออกทางการเกษตรเลยแม้แต่น้อย
“ฉันเป็นประธานบริษัทและหวังว่าเธอจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทเจริญ รุ่งเรืองขึ้น”
“ค่ะ”
การพบกันครั้งนี้ไม่มีประโยคสนทนาอะไรต่อ ชนวีร์นั่งลงที่เก้าอี้ของตำแหน่งประธานบริษัท ชายหนุ่มมองผู้หญิงหน้าสวยที่ใจเหี้ยมตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมาเพียงน้อยนิด
“ดีใจที่ได้ร่วมงานกัน เธอคงไม่โกงบริษัทฉันแน่ใช่ไหม”
“แน่นอนค่ะ”
เมื่อหญิงสาวรับคำด้วยท่าทางแข็งขันเขาก็พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะบอกให้เธอกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี
จอมขวัญค้อมตัวก่อนจะเดินออกไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกของเธอตอนนี้มันผสมกันไปหมดจนแยกแทบไม่ออก ทั้งกลัว ทั้งคิดถึง ทั้งกังวล มันเป็นไปด้วยอารมณ์ที่เธอไม่เคยพบพานมาก่อน
ต่างจากอีกคนที่นั่งในห้องเขามีความรู้สึกเดียวเท่านั้นที่มีต่อเธอตอนนี้
“แล้วเธอจะได้เจอนรกที่แท้จริง จอมขวัญ”
[1] Canteen โรงอาหาร
๒แสนดีแม้จะเป็นเวลาเช้าแต่จอมขวัญก็มาถึงบริษัทแล้ว หญิงสาวเป็นคนตรงต่อเวลาพอสมควรตัวตึกที่สูงยี่สิบสามชั้นทำให้ไม่ดูโดดเด่นมากนักเพราะตึกโดยรอบก็มีความสูงประมาณนี้ ตึกทำด้วยกระจกใสเกือบทั้งหมดและทุกชั้นของตึกนี้เป็นของบริษัทเคเคโภคภัณฑ์ เพราะชนวีร์ได้ทำการซื้อจากผู้บริหารรายอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“สวัสดีค่ะป้าแม้น”เพราะมาเช้าเกือบทุกวันตั้งแต่เข้าบริษัท สัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ที่สองแล้วที่เธออยู่มาทำให้ได้รู้จักกับแม่บ้านและยามหน้าตึก เธอมักจะซื้อโจ๊กหรือไม่ก็ผลไม้มาฝากเสมอจนทุกคนต่างหลงรักเธอจอมขวัญเป็นที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ด้วยเพราะเธอคุ้นเคยกับผู้ใหญ่และยายก็สอนเสมอให้เป็นเด็กที่อ่อนน้อมตลอดเวลา“สวัสดีค่ะ หนูขวัญมาเช้าจริง”“พอดีขวัญกลัวรถติดน่ะค่ะ ป้าแม้นคะ ขวัญซื้อผลไม้มาฝากค่ะ พอดีตอนเช้าไปจ่ายตลาด ป้าแม้นชอบฝรั่งกับส้มใช่ไหมคะ” หญิงสาวยื่นถุงให้ทำเอาคนแก่ปลื้ม“ใช่ค่ะ แต่ไม่ต้องซื้อให้ป้าก็ได้ เกรงใจเปล่าๆ”“ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ ไม่ได้ลำบากอะไร ขวัญไปก่อนนะคะ”ออกจากห้องชงกาแฟจอมขวัญก็เดินไปยังแผนกของตัวเอง เธอนั่งทำงานที่คั่งค้างซึ่งก็มีไม่มากเพราะหญิงสาวไม่ชอบทำอะไรให้ค้า
๓คำหวานและอดีตแม้จะล่วงเลยเวลาทำงานมามากพอสมควรแล้วแต่ร่างบางก็ยังวุ่นอยู่กับเอกสารตรงหน้าที่เคลียร์ไม่เสร็จเสียทีหลังจากกลับมาจากส่งเอกสาร ปนิธิก็เรียกประชุมงานเพราะเกิดข้อผิดพลาดบางอย่างขึ้น ข้อมูลบัญชีดูจะไม่สมบูรณ์เมื่อดูจากตาราง เธอจึงต้องนั่งแก้ไขใหม่และเมื่องานยังไม่เสร็จเธอถึงยังไม่ได้กลับบ้านแม้ว่าคนอื่นจะทยอยกันกลับหมดแล้วจนเหลือเพียงเธอและปนิธิเท่านั้น“ขวัญกลับเถอะพรุ่งนี้ค่อยมาทำใหม่”ดวงตากลมโตจ้องไปที่หน้าคอมพิวเตอร์มั่น“ขวัญขอทำให้เสร็จก่อนนะคะ พี่ปันกลับก่อนได้เลย”“ไม่ละ พี่รอกลับพร้อมขวัญดีกว่า” และเขาก็ปฏิเสธ ชายหนุ่มนั่งรอร่างบางไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างเลยสักนิดปนิธิเดินไปเดินมาดูบรรยากาศข้างนอกก็พบว่าท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝนเขาจึงพกร่มมาตลอด“เหมือนฝนจะตกเลย” ชายหนุ่มเดินมานั่งที่โต๊ะของดาหวันแล้วเอ่ยขึ้นจอมขวัญไม่ได้พูดอะไรเธอตั้งใจทำงานต่อไป จนมีเสียงโทรศัพท์ของปนิธิดังขึ้น“ครับแม่ อ้อ จริงเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบกลับไป” เสียงตื่นตระหนกเรียกความสนใจของหญิงสาวคนขยันได้ทันที“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่ปัน”“พอดีว่าป้าข้างบ้านพ
๔รุกเช้าต่อมาบรรยากาศโดยรอบมีเมฆหนาพอสมควร ท้องฟ้าไม่มีแสงแดดเลยแม้แต่น้อยเพราะเมฆมาบดบัง ร่างบางเดินออกมาจากหอพักด้วยความเร่งรีบตอนนี้เธอสายมากแล้วกว่าที่จะขึ้นรถเมล์แล้วไปถึงบริษัทคงได้ลงชื่อสายแน่นอนใบหน้าหวานมีเหงื่อผุดขึ้นบริเวณไรผม เธอเช็ดอย่างเร่งรีบแล้วเดินออกมาโดยเร็วก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ“ขึ้นมาสิ” แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่ารถที่มาจอดเทียบริมฟุตปาธแล้วกดแตรใส่เธอนั้นคือเจ้านายของเธอนั้นเอง“คุณวีร์” ดูเหมือนการที่ชนวีร์จอดรถโดยไม่ได้เลี้ยวหลบทำให้เกิดปัญหาขึ้นเพราะตอนนี้ข้างหลังรถเริ่มติด เสียงแตรบีบดังเพราะความรีบของรถด้านหลัง“ขึ้นมาเร็ว รถข้างหลังเขาบีบแตรไล่ฉันอยู่นะ”ไม่ทันจะได้ขึ้นเพราะเขาจ้องเธอด้วยสายตาบังคับ จอมขวัญขึ้นรถมานั่ง ชนวีร์ก็ขับออกไป“คุณวีร์มาทำอะไรแถวนี้คะ” ขึ้นรถมาได้เธอก็ถามเขาชนวีร์หันมามองคนข้างกายแล้วมองไปตรงทางข้างหน้า“ก็แค่ผ่านมา เห็นพนักงานเดินข้างทางดูคุ้นๆ สงสารเลยรับมา ทำไมเหรอ” หญิงสาวส่ายหน้า แม้จะแอบคาดหวังสักนิดว่าเขามารับเธอแต่ก็คงเป็นได้แค่ความหวังเพราะความจริงไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เธอคิดแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำบนรถต
๕แผนการ“คุณวีร์!” ใบหน้าคมเข้มที่คุ้นเคยตอนนี้มีเลือดไหลลงมาเป็นทางจอมขวัญมองเขาอย่างเป็นห่วง พยายามประคองให้ร่างสูงไปนอนข้างเตียงของเธอ ร่างบางวิ่งวุ่นหาผ้าขนหนูขนาดเล็กและกะละมังใส่น้ำเพื่อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา จอมขวัญเช็ดหน้าที่มีเลือดเปื้อนให้ชนวีร์ก่อนจะเห็นว่าแผลไม่ใหญ่ถึงขั้นต้องเย็บแต่ที่เลือดไหลเยอะอาจเพราะโดนฝนด้วยก็เป็นได้“หนะ หนาว” เสียงเข้มเอ่ยแผ่วเบาเต็มที“ทนหน่อยนะคะ”ฝนยังคงตกไม่หยุด ร่างบางเข้าไปเปลี่ยนน้ำแล้วมาถอดเสื้อให้ชายหนุ่มทันที แม้ใจจะเต้นแรงแต่ถ้าให้เขานอนเปียกแบบนี้ก็กลัวว่าจะเป็นปอดบวมไปเสียก่อน เมื่อเสร็จที่ท่อนบนท่อนล่างยิ่งสร้างความกังวลใจให้เธอเข้าไปอีก“ขอโทษนะคะ ขวัญทำด้วยใจบริสุทธิ์นะ” ก่อนจะถอดกางเกงให้เขาจอมขวัญก็บอกก่อน กลั้นใจรูดซิปแล้วพยายามดึงลงมาแต่มันค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร“คุณวีร์ช่วยยกสะโพกขึ้นหน่อยได้ไหมคะ” ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่าที่เธอพูดแต่ก็บอกไปแล้ว ดูเหมือนว่าชนวีร์จะรู้ว่าเธอพูดอะไรเพราะเขายกสะโพกขึ้นทำให้ผ่านช่วงทุลักทุเลไปได้ ตอนนี้ทั้งร่างหนาจึงมีเพียงแค่กางเกง บ๊อกเซอร์เท่านั้นจอมขวัญพยายามไม่มองแล้วหากางเกงขนา
๖เมารักร่างบางส่องกระจกเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองหลังได้รับโทรศัพท์จากบุษบามินตราช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าจะมารับเธอไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าที่ตนเองดูแลร้านเพชรอยู่ มีเรื่องราวมากมายที่ต้องการจะคุยด้วย จอมขวัญก็ตอบรับปากไป ทั้งสองสาวจึงนัดกันเวลาสิบโมงครึ่งที่ห้างดังระหว่างที่เดินออกมาจากห้องเพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่ตอนนี้คนก็เยอะพอสมควร สองเท้าเดินไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะเธอกะเวลาแล้วว่าอย่างไรก็ไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาอย่างแน่นอน“สวัสดีค่ะแม่”“เป็นอย่างไรบ้างขวัญ ไม่ค่อยโทรหาแม่เลยนะ”ร่างบางอมยิ้มก่อนจะออดอ้อนแม่บอกถึงสาเหตุที่ไม่ค่อยได้โทรไปหา“ขอโทษนะคะแม่ ขวัญยุ่งมากงานเต็มโต๊ะเลยจริงๆ น้า” เสียงหวานตอบกลับไปจนมารดาที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่คิดว่าถ้าลูกสาวอยู่ด้วยตอนนี้ต้องกอดเธอเป็นแน่แท้“จ้า งานเยอะก็อย่าหักโหมนะลูก พักบ้างนะ เดี๋ยวถ้าพ่อกับแม่ว่างจะลงไปหานะ ตาก็บ่นถึงเราตลอดเวลาเลย จนยายต้องปรามบ้าง”หล่อนหัวเราะออกมาด้วยความขำ ตามักจะเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่สมัยที่เธอมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพแล้ว ตาของเธอมักจะหวงหลานเสมอเพราะหลานสาวออกจะสวยปานนั้น“ฝากบอกตาด้
๗คำหวานแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในบ้านทำให้ร่างสูงที่นอนหลับตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียก่อนจะรับรู้ได้ว่าข้างกายตนตอนนี้ว่างเปล่าและเย็นชืด..เธอหายไปไหนชนวีร์มองรอบกายก็ไม่พบร่างที่ตนกกกอดเมื่อคืน คิดแล้วเขาก็แสยะยิ้มอย่างสมใจถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะไม่ได้อยู่ในแผนการของเขาแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะทำให้แผนของเขาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นร่างสูงลุกขึ้นจากที่นอน ค้นเสื้อผ้าที่จะใส่แล้วเข้าไปอาบน้ำข้างนอกที่ตอนนี้บรรยากาศเย็นกำลังดี เขาใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เสร็จ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ออกมาข้างนอก ชนวีร์เข้าไปตากผ้าขนหนูและเก็บที่นอนส่วนของตนเองตรวจดูความเรียบร้อยแล้วค่อยออกมาจากบ้าน ไปยังบ้านของนายฮุง เมื่อมาถึงเขาก็พบนายฮุงกำลังนั่งรับประทานอาหารกับผู้หญิงที่อายุค่อนข้างมาก“สวัสดีคุณชนวีร์ กินข้าวด้วยกันไหม” เรียกตามคนอัธยาศัยดีร่างสูงจึงเดินมานั่งร่วมวงด้วย“ก็ดีเหมือนกันครับ แล้วคุณเห็นแฟนผมไหม” มองไปโดยรอบก็ยังไม่พบร่างบางที่คุ้นตาจึงเอ่ยถามขึ้นมานายฮุงอมยิ้มกับแม่ของตนแล้วหันมามองผู้ชายที่นั่งทำหน้างง“เมียคุณไปเดินเล่นในหมู่บ้านกับเมียผมตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกเมื่อคืนคงเพลียสิท่
๘แค่ละครหรือความรู้สึกจริงสองสัปดาห์แล้วที่ชนวีร์ไม่เข้าบริษัทเคเคโภคภัณฑ์เพราะว่าเกิดปัญหาที่บริษัทส่งออกรถยนต์ขึ้น ทำให้เขาต้องไปที่ต่างประเทศเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่ว่าที่เขาหายไปก็ไม่ได้ตัดขาดการติดต่อกับเธอ ชายหนุ่มมักจะโทรมาหาเธอทุกวันคุยกันเป็นชั่วโมงแม้บางครั้งอาจจะเงียบไปแต่เธอก็ไม่ได้อึดอัดแต่อย่างใด“ขวัญ พี่ขอดูเอกสารรายรับของสัปดาห์ที่แล้วหน่อย” ดาหวันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารที่กำลังตรวจจอมขวัญหาเอกสารก่อนจะยื่นให้ทันทีแล้วกลับมาคำนวณรายได้ของสัปดาห์นี้ต่อ งานของเธอต้องใช้ตัวเลขทั้งวัน กลับหอไปบางครั้งต้องกินยาแก้ปวดหัวไว้ทุกทีบริษัทวันนี้วุ่นวายพอสมควร เพราะชนวีร์สั่งการมาว่าหลังจากที่เขากลับ มาจากต่างประเทศจะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาดูบริษัทจึงต้องทำรายงานเตรียมไว้ช่วงบ่ายจอมขวัญก็ทำงานจนแทบไม่มีเวลาได้หายใจหายคอเลย เมื่อเลิกงานเธอก็เดินออกจากบริษัทเพื่อที่จะขึ้นรถเมล์กลับหอแต่ระหว่างทางก็เจอกับปนิธิเมื่อจะทักเขาอีกฝ่ายก็เดินผ่านเธอไปราวกับมองไม่เห็น ทำเอาจอมขวัญชะงักหน้าเสียสองสัปดาห์มานี้ปนิธิไม่พูดคุยกับเธอเลยก็ว่าได้หรือถ้าคุยก็เป็นเรื่องงานเท่านั้น แม้ว่าจอมขวัญ
๙จุดสำคัญรถคันหรูขับเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้เปิดไฟไว้เพียงหน้าบ้านเท่านั้น ภายในตัวบ้านถูกปิดไว้แต่ไม่ได้ลงกลอน ชนวีร์ลงจากรถไปประเปิดประตูให้หญิงสาวที่ตอนนี้หลับอยู่ในรถด้วยความเพลีย ร่างบางถูกเขาอุ้มขึ้นเพราะไม่อยากจะรบกวน“ตายแล้วคุณวีร์นั่นใครเป็นอะไรคะ” แม่บ้านที่นั่งรอเจ้านายเดินออกมาจากห้องพักหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดและเสียงรถ “ตายแล้ว! นี่มันคุณขวัญนี่คะ” เมื่อมองดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นจอมขวัญเพื่อนสนิทของคุณหนูทรายทิพย์ที่ลาจากโลกนี้ไปแล้วนั่นเองชนวีร์ไม่พูดอะไรมากเขาหันมาสั่งให้แม่บ้านเตรียมน้ำใส่กะละมังเล็กและผ้าขนหนูขนาดเล็กเพื่อไปเช็ดตัวให้เธอ ซึ่งคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็รีบทำตามเมื่อมาถึงชั้นสองของบ้านชนวีร์ก็พาร่างบางไปนอนยังห้องของตัวเอง ไม่นานนักคุณแม่บ้านคนเก่าแก่ก็ตามขึ้นมา ชนวีร์จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหล่อนในการดูแลเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาวเพราะว่าถ้าเป็นเขาคงไม่ควรเท่าไหร่นัก“พี่วีร์ พี่ขวัญเป็นอย่างไรบ้างคะ” บุษบามินตรามาถึงบ้านพร้อมกับพีรยศก็ถามถึงพี่สาวคนสนิททันที ชนวีร์เลยบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรแล้วตอนนี้ป้าหอมจันทร์ก็กำลังดูแลอยู่ น้อ