กรงรักในมือซาตาน
ตอนที่ 26
(เจ็บซ้ำ)
"ท่านมันบ้า!!" ฟาตินออกแรงผลักจนเธอนั้นหลุดพ้นจากอ้อมแขนแกร่ง ตะเบ็งเสียงแข็งใส่หน้า ใช้มือเช็ดปากแรงอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ แล้วเดินจ้ำเท้าเร็วหนีออกมาอย่างไม่คิดหันไปมองกลับหลัง จากความชังที่มีเป็นทุนยิ่งเพิ่มพูลทวีมากกว่าเดิม
"หนีไม่พ้นหรอกฟาติน" อานัสยืนนิ่งมือกอดอกมองตามหลังเธอ พึมพำเพียงลำพังด้วยรอยยิ้มอ่อนดั่งคนมีแผนการ
"ไอ้คนเลว! รังแกได้แม้กระทั่งคนไม่มีทางสู้ อย่าหวังเลยว่าฉันจะมีใจ เชคฮป่าเถื่อน! ....อ๊ะ!!" ฟาตินที่เดินพึมพำโดยไม่คิดสนใจสิ่งรอบข้าง เดินพร่ำบ่นตลอดทางจนก้าวขาเข้ามาในห้อง บางอย่างทำให้เธอต้องชะงักหยุดเดินทันที
"โอ๊ะ!! เจ็บ" เธอเดินย้ำเท้าลงพื้นพรมที่ฟูนุ่ม ฝ่าเท้าที่เหยียบเข้ากับเศษแก้วจนเลือดไหลเต็มพื้น
"เศษแก้ว? ทำไมมีเศษแก้วอยู่บนพรม" เท้าที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดไหลไม่ยอมหยุด ยิ่งเธอขยับขาเดินยิ่งทำให้เลือดไหลมากกว่าเดิม
ความเจ็บปวดทำให้เธอนั้นค่อย ๆ เขย่งเท้าเดินด้วยความระมัดระวัง เพราะหากย้ำเท้าหนักอาจจะทำให้เศษแก้วฝังลึกลงอีก
"ฮาน่า ซาดียะห์ อยู่แถวนี้ไหม? ช่วยฉันด้วย" ฟาตินที่เริ่มเหงื่อตก ความเจ็บปวดฝ่าเท้า เศษแก้วที่ฝังลึกลงเนื้อผิวความกล้าที่จะดึงออกนั้นหดหายไป เธอได้แต่ค่อย ๆ พยุงตัวเองให้เดินไปนั่งตรงโซฟาหรู รอยเลือดที่เลอะเทอะตามพื้นไปรายทางแดงฉานภายในห้อง
"อื้อ เจ็บจังทำไมมีเศษแก้วบนพรมได้" เธอเอ่ยขึ้นอย่างฉงนใจทั้งที่ภายในคฤหาสน์นั้นถูกจัดการทำความสะอาดเป็นอย่างดี ทำไมถึงได้มีคนบกพร่องเช่นนี้ทั้งที่มีแม่บ้านมากมาย
"ซาดียะห์" เธอร้องเรียกขานอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครโผล่มาช่วยเหลือสักคน ยามคับขันที่ต้องการให้ช่วยกลับไร้เงาของสาวรับใช้ทั้งสองคน
"อดทนไว้ฟาติน แค่นี้ไม่ทำให้ตายหรอก" เธอพร่ำบอกกับตัวเอง สายตาจ้องมองบาดแผลที่ยังมีเศษแก้วแหลมคมปักอยู่กลางเท้า จะถึงออกก็ไม่กล้าพอ จนต้องนิ่วหน้างอเพราะเจ็บปวด
...เธอพยายามหยัดตัวลุกยืน แล้วพยุงตัวเองเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการล้างชำระบาดแผล แม้จะเดินไปด้วยความลำบากแต่เธอก็ยังพยายามที่จะฝืนเดินต่ออย่างไม่คิดท้อ
เพล้ง!!!!
เสียงเครื่องแก้วหล่นตกแตกเมื่อมือของฟาตินนั้นพลาดไปโดนกับแจกันดอกไม้ แรงขาที่ก้าวเดินทำให้เธออ่อนแรงล้า จนทำให้เข่าทรุดกระแทกกับพื้นอยู่ในท่าคลาน เธอหันมามองบาดแผลที่ยังคงมีเลือดสีแดงสดไหลจนเต็มเท้า กัดฟันแน่นอย่างอดทนแม้จะเจ็บแสบเพียงใด
"นายหญิง!!" เสียงของซาดียะห์เรียกขานอย่างตกใจ
"ระวัง ตรงพรมนั้นมีเศษแก้ว" ฟาตินรีบบอกเตือนก่อนที่ซาดียะห์จะเหยียบย่ำลงพื้นพรมนุ่ม
"เศษแก้วอย่างนั้นหรือคะ? เป็นไปไม่ได้แน่เพราะแม่บ้านเพิ่งมาทำความสะอาดออกไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว" ซาตียะห์ค่อย ๆ ก้าวข้ามแล้วปรี่ประชิดตัวผู้หญิงของนายทันที
"เศษแก้วปักเท้าของฉัน เหมือนจะเข้าลึก" ฟาตินบอกกล่าวสีหน้าที่บ่งบอกว่าเธอนั้นเจ็บปวดตรงเท้าเหลือแสน
"แล้วฮาน่าไปไหนเนี้ย ...ค่อย ๆ นะคะนายหญิง" ซาดียะห์บ่นอุบพร้อมกับประคองร่างของฟาตินให้ลุกยืน แล้วเอ่ยเตือนด้วยความห่วงใย
"ซาดียะห์ฉันเจ็บแผลมาก มันเริ่มเจ็บแสบและปวด" ฟาตินที่เริ่มต้านทานความเจ็บปวดไม่ไหว เธอบอกออกไปจากความรู้สึกจริง ๆ อย่างสื่อความหมาย
"เดี๋ยวซาดียะห์จะไปตามคุณอัมกาสนะคะ นายหญิงอดทนหน่อย พอไหวไหมคะ?" ซาตียะห์ที่มีสติเธอรีบบอกกล่าวทันที พร้อมกับเดินไปยังโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะต่อสายหาคนสนิทของผู้เป็นนายอย่างร้อนรนใจ เพราะเลือดของผู้หญิงของนายก็ไหลไม่หยุด
(คุณอัมกาสคะ นายหญิงได้รับบาดเจ็บต้องการหมอด่วนเลยค่ะ) ซาดียะห์รีบรายงานทันที
((นายหญิงเป็นอะไร...)) อัมกาสย้อนถามผ่านเครื่องมือสื่อสาร
(นายหญิงเหยียบเศษแก้วค่ะ มันเข้าลึกมากเลือดไหลไม่หยุด ต้องรีบรักษาทันที สีหน้านายหญิงเริ่มซีดเพราะสีเลือด) ซาดียะห์รายงานต่อ พร้อมกับมองมาทางผู้หญิงของนายอย่างห่วงใย (รีบหน่อยนะคะคุณอัมกาส นายหญิงดูท่าจะไม่ไหวแล้ว)
((โอเค ฉันรายงานนายท่านให้ทราบแล้วจะรีบตามไปที่นั่น))
(ค่ะ)
ซาดียะห์วางสายโทรศัพท์ แล้วรีบเดินมายังฟาตินที่นั่งนิ่งบนโซฟา
"นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ อดทนอีกนิดนะคะเดี๋ยวนายท่านก็คงมาพร้อมกับหมอ" ซาดียะห์นั่งลงกับพื้นยกเท้าของฟาตินวางลงขาของเธอ ไหลสีแดงสดไหลเปรอะเปื้อนไม่หยุดหย่อน
"อย่าทำแบบนั้น ฉันไม่เป็นไร" ฟาตินกัดฟันพูดเพราะเกรงใจซาดียะห์ แม้เธอจะเป็นสาวรับใช้แต่การวางเท้าบนกายเธอเช่นนั้นฟาตินก็ไม่เห็นตาม
"แต่นายหญิงก็เหมือนเจ้านายอีกคน อย่าคิดมากไปเลยค่ะมันเป็นหน้าที่ของซาดียะห์ที่ต้องดูแลให้ดี" ซาดียะห์พูดอย่างเคารพ แม้จะได้รับใช้ฟาตินไม่นานแต่เธอก็จงรักภักดีไม่ต่างไป
"ขอบใจนะ"
"ยินดีค่ะ...เดี๋ยวซาดียะห์ไปเก็บเศษแก้วก่อนนะคะ เดี๋ยวมีใครเหยียบเข้าอีก" เธอค่อย ๆ วางเท้าของฟาตินให้หมอนอิงรองให้เธอ ก่อนจะเดินไปจัดการเก็บทำความสะอาดของมีคมที่อันตรายตรงพื้นพรมนุ่ม
"ฟาติน!!" เสียงเข้มดังลั่นเมื่อทราบข่าวว่าเธอนั้นได้รับบาดเจ็บ จึงรีบปรี่มาหาทันทีอย่างไม่คิดรีรอ
สายตาคมกวาดมองตามพื้น เลือดสีแดงสดที่เลอะเทอะตามพื้นทำให้อานัสตกใจไม่น้อย
"ทำไมมีเศษแก้วในห้องของเธอ ใครเข้ามาทำความสะอาดห้องนี้ สะเพร่านัก!" อานัสหันไปถามซาดียะห์ที่กำลังเก็บกวาด ความโมโหที่เขาแสดงตอนนี้ดุเสือร้ายที่จ้องทำลายศัตรูให้พินาศ สายตาคมดุที่ใครเห็นเป็นต้องหลบสายตาเพราะเกรงกลัว
"ไม่ทราบค่ะท่าน แต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่นายหญิงจะเข้ามา ห้องได้ถูกทำความสะอาดหมดแล้วค่ะ" ซาดียะห์รีบรายงานตามสิ่งที่เธอนั้นตรวจสอบจนมั่นใจว่าไม่มีอะไรสะเพร่าแน่นอน
"ทำความสะอาดแบบไหน ทำไมถึงเป็นแบบนี้!!" อานัสตะเบ็งเสียงลั่นทำเอาคนที่อยู่รอบกายสะดุ้งตัวโหยงอย่างเกรงกลัว "หมอจะยืนบื้อยู่ทำไม ไปดูเธอสิ!" หมอที่ยืนตกใจนิ่งต้องคืนสติเพราะน้ำเสียงแข็งกร้าวตะเบ็งลั่น
((หึ สมน้ำหน้า เหยียบเบาไปนะแกน่าจะเอาให้เท้าขาดไปเลย))
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 27(ช่วยเหลือ)"ตามคนทุกคนที่ทำความสะอาดห้องนี้ไปรอเราข้างล่าง!..." อานัสสั่งการเสียงเข้มดุดัน สีหน้าแสดงถึงความเกรี้ยวโกรธสุดแสน"ค่ะ" ซาดียะห์รับคำแล้วเดินจากไปด้วยอาการสั่นกลัว...ใครก็รู้หากว่านายเหนือหัวผู้นี้ได้เกรี้ยสโกรธ คฤหาสน์หลังนี้คงเหมือนฟ้าพิโรธเป็นแน่แท้"เจ็บมากไหม?" น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากจากก่อนหน้า วาจาที่ทำเอาคนฟังนั้นต้องปรายตามอง อานัสยืนจ้องหน้าฟาตินด้วยแววตาห่วงใย ในขณะที่หมอกำลังทำการรักษาบาดแผลในห้องที่มีเครื่องมือพร้อม คฤหาสน์ที่พร้อมด้วยเครื่องมือแพทย์มากมาย จนแทบไม่ต้องไปโรงพยาบาลหากไม่หนักหนาจริง ๆ"อืม" เธอแค่นเสียงตอบรับสั้น ๆ เท่านั้น โดยไม่มองหน้าคนถาม ทำเพียงก้มมองบาดแผลของตัวเองที่หมอกำลังกระทำ แม้จะเจ็บแสบแต่ยังคงกัดฟันแน่นอย่างอดทน"จะทำการเอาเศษแก้วออกค่ะ...อาจจะเจ็บสักนิดนะคะ" หมอที่ทำการรักษาเอ่ยบอก"ค่ะ" ฟาตินหลับตาปี๋ กำมือเกร็งแน่นด้วยความกลัว ทันทีเมื่อรู้ว่ามือของหมอสัมผัสลงเนื้อผิว ยิ่งทำให้เธอนั้นเกร็งจนต้องยกแขนตัวเองขึ้นมากัดไว้เพื่อเบี่ยงเบน...คนที่ยืนมองทุกอิริยาบถของหญิงสาว การที่เธอจะเกิดบาดแผลและเห็นว่าเธอ
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 28(คิดผิด)"อย่าได้พูดคำว่า ตาย อีกเพราะเราไม่ชอบหากมันหลุดจากปากสวย ๆ ของเธอ" อานัสที่เคืองหูกับคำพูดที่เหมือนการพลัดจาก และไม่ชอบใจมากเป็นทวีเพราะออกจากปากของผู้หญิงตรงหน้า"น่าจะเป็นคำที่เหมาะกับฉันมากที่สุด""ถ้ายังไม่หยุดพูดเช่นนี้อย่าหาว่าเราไม่เตือน!"อานัสที่เริ่มทนไม่ไหวกับคำพูดที่แสนจะประชดประชันของเธอ ดีดตัวลุกยืนเต็มความสูง จ้องมองหน้าเธอด้วยแววตาที่เกรี้ยวโกรธ แต่ยังคงสีหน้าที่เรียบนิ่ง ทุกอย่างสื่อออกมาทางแววตาดุดันเท่านั้น"ทำไม? หากฉันพูดท่านจะเฉือดเฉือนฉันด้วยวิธีใดอย่างนั้นหรือ""อย่าหือกับเราฟาติน เพราะในตอนนี้เรายังควบคุมตัวเองได้"ฟาตินที่ไม่ยอม เธอต่อต้านด้วยการเถียงอย่างไม่คิดยอมปรน จนอานัสนั้นเอ่ยวาจาสุขุมอย่างควบคุมสติเพราะไม่อยากทำร้ายเธออย่างที่เคยทำ พร้อมสีหน้าที่นิ่งเรียบที่สื่อไปยังเธออย่างแอบแฝงความหมาย แต่คนที่ได้ฟังและนั่งให้หมอทำแผลไม่ได้คิดเกรงกลัวแม้แต่น้อย เพราะชีวิตเธอที่เหลือนั้นไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป"............." เธอเงียบไม่ต่อปากและเบือนหน้าหนีไปอีกทาง"ให้หมอรักษาบาดแผล และอย่าคิดจะดื้อดึงอีกเพราะนั่นคือสิ่งที่เธอค
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 29(เลวก็มีหัวใจ)"ใครเป็นคนทำสะอาดห้องของนายหญิง" ใบหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงกร้าวดุดัน เอื้อนเอ่ยต่อเหล่าบริวารที่ยืนก้มมองต่ำเรียงหน้ากระดาน เพราะเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้หญิงของนายเหนือหัวนั้นได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออก"ดิฉันกับซาติย่าค่ะ" หญิงรับใช้ที่ได้รับมอบหมายยกมือเสนอตัว เพราะเธอคือคนที่ทำความสะอาดห้องนั้นจริง ๆ"ทำงานภาษาอะไรทำไมในห้องของฟาตินยังมีเศษแก้วแหลมคมอยู่บนพื้นพรม จนเธอเหยียบย่ำได้รับบาดเจ็บเพียงนี้!!" อานัสตะเบ็งเสียงแข็งดังลั่นก้องกังวานทั่วคฤหาสน์ต่อว่าด้วยความเกรี้ยวโกรธ กล่าวตำหนิอย่างดุดัน น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแทบเฉือนคนฟังให้สั่นกลัว"ดิฉันทำความสะอาดอย่างดี มั่นใจว่าไม่มีอะไรที่เป็นดั่งนายท่านว่าแน่นอนค่ะ ดิฉันกับซาติย่าสาบานได้ค่ะ""จริงค่ะนายท่านพวกเราทำจนสะอาดเรียบร้อยจริง ๆ ค่ะ"หญิงรับใช้ทั้งสองคนเข่าทรุดกับพื้น โค้งตัวก้มหัวอย่างหวาดกลัว รีบบอกเล่าในสิ่งที่กระทำด้วยความมั่นใจ แต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับไร้ความเชื่อมั่นในสิ่งที่หญิงรับใช้กล่าวอ้าง"ทำงานได้สะเพร่าขนาดนี้ ก็ไม่ควรที่จะได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป และต้องได้รับโทษหนัก" อานัสว่าด้ว
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 30(จัดการ)"พี่สาวของท่าน แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน!" ฟาตินที่ได้ยินดังนั้น ย้อนถามทันใดอะไรชายตรงหน้าถึงได้ป้ายสีเธอเชื่อมโยงไปเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัว"อย่ามาแกล้งไขสือ เธอคือต้นเหตุของเรื่องราวแสนอนาถนี้!" อานัสกำแน่นต้นแขนเล็กสองข้าง จ้องมองหน้าเธออย่างดุดัน ยิ่งภาพการเสียชีวิตของพี่สาวนั้นฉายวับเข้ามาในห้วงความคิด ทุกอย่างติดตาชายหนุ่มไม่รู้ลืม"ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านกล่าวหา...ปล่อยนะฉันเจ็บ!" ฟาตินตอบกลับและทำสีหน้าอย่างเจ็บปวด เพราะแรงมือที่เขาจับแน่นจนเนื้อแขนล้นง่ามมือ"เจ็บอย่างนั้นเหรอ...เรานี่ต้องเจ็บกว่า ต้องสูญเสียพี่สาวที่เรารักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ...มานี่!" อานัสพูดพร่ำด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะช้อนตัวหญิงสาวอุ้มลอยสู่อากาศแนบชิดกับอกแกร่ง"ท่านจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้"ตุบ! ตับ! ตุบตับ! ฟาตินทุบตีลงอกแกร่งเท่าที่แรงจะมี แต่ชายชาตรีอย่างอานัสก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ก้าวขาเดินว่องไวไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดนิ่ง"เอารถออก...ไปบ้านพักส่วนตัวที่ชาร์จาห์" อานัสออกคำสั่งกับเหล่าบอร์ดี้การ์ด"ครับท่าน""ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ไอ้คนป่าเถื่อน! คนบ้าจะพาฉัน
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 31(กำราบ)เขาทาบทับร่างบอบบางจนไม่สามารถไหวติงได้ ทุกอย่างอยู่ใต้อาณัติอย่างแยบยล คนที่เคยขัดขืนก็ไม่อาจฝืนแรงชายชาตรีได้ ปล่อยให้เขาซุกไซ้ตามเรือนกายของเธออย่างจำนน มีเพียงหยาดน้ำตาเท่านั้นที่รินไหลอย่างสื่อความหมายว่าเธอนั้นเจ็บปวดอยู่ในอกเหลือแสน..."ท่านมันคนใจร้าย ฮึก ฮึก" ฟาตินได้แต่พึมพำพร้อมกับสายธารน้ำตาที่รินไหล เมื่อไม่อาจฝืนแรงห้ามเขาได้จึงทำได้เพียงต่อว่าอย่างจำนนเท่านั้น"น้ำตาก็ไม่ช่วยอะไรได้ในยามนี้" อานัสทำเมินเฉยต่อความเสียใจที่หญิงสาวถ่ายทอดออกมา ใบหน้าที่แปดเปื้อนน้ำสีใสแม้จะไหลรินต่อเนื่อง ก็ไม่อาจจะทัดทานแรงราคะตอนนี้ให้มอดลง...ดวงตากลมหลับพริ้มอย่างจำยอมด้วยความทุกข์ระทม ปล่อยให้เขาระดมจูบซับตามเรือนกายอย่างช้า ๆ เสื้อผ้าที่สวมใส่ค่อย ๆ หลุดหายจนร่างกายของเธอนั้นเปลือยเปล่า ฝ่าเท้าที่ได้รับบาดเจ็บถูกกระทำด้วยความระมัดระวัง"ฮึก อึก..." เธอสะอื้นร่ำไห้นอนนิ่งบนเบาะหนังนุ่มนิ่มในรถยนต์ คนตัวใหญ่จัดการเปลื้องอาภรณ์ห่มกายจนหมดสิ้น ไม่คิดสนใจต่อสภาพของฟาตินที่เป็นอยู่ตอนนี้"เราจะไม่รุนแรงนะ สัญญา" อานัสให้คำมั่นต่อการกระทำ...ใบหน้าคมที่มีไ
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 32(อดีตที่เจ็บปวด)"โอ๊ะ!" ร่างกายที่เจ็บร้าว กลางกายสาวที่เจ็บปวด ฟาตินขยับตัวบางเบาเมื่อเธอนั้นรู้สึกตัวสายตากลมโตกวาดมองโดยรอบ เตียงนอนขนาดใหญ่ ห้องหับที่แปลกตาไม่คุ้นชิน ความสงสัยประเดประดังเข้ามา เธอขยับตัวนั่งหลังพิงกับหัวเตียง ใช้สมองประมวลเหตุการณ์ก่อนหน้าอย่างพินิจ"ที่ไหนกันนะ" เธอพึมพำและค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียงนอนช้า ๆ เดินมุ่งหน้าไปยังประตูบานใหญ่"นายหญิงจะไปไหนครับ" ทันทีที่เปิดประตูออกมา ก้าวขายังไม่พ้นธรณีประตู อยู่ ๆ เสียงก็เอ่ยขึ้น"อัมกาสที่นี่คือที่ใด ทำไมถึงเงียบสงัดเพียงนี้" ฟาตินเอ่ยถามด้วยความสงสัย ไม่คิดรีรอใด ๆ ให้ยืดเยื้อ"ชาร์จาห์ คฤหาสน์อีกหลังของนายท่านครับ" อัมกาสบอกเล่าเท่าที่จำเป็น"พาฉันมาทำไม?" ฟาตินย้อนถามเสียงเย็น ไม่คิดสนใจต่อสิ่งใดในตอนนี้"กระผมไม่ทราบครับ...นายหญิงคงต้องถามนายท่านด้วยตนเอง" อัมกาสคนสนิทของอานัสกล่าวปฏิเสธพร้อมชี้แนะในสิ่งที่เธอถาม แม้จะรู้ความแก่ใจแต่ก็ไม่อยากพูดมากเพราะรู้ดีในสิ่งที่ควรหรือไม่"ท่านอานัสอยู่ไหน?""ท่านรอนายหญิงตื่น ตอนนี้ยืนอยู่เรือนเล็กด้านหลังคฤหาสน์...เดี๋ยวกระผมจะพาไป""อืม"ฟาติ
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 34(เจ็บแทน)เสียงของกรอบรูปหล่นแตกกระจาย ทั้งเครื่องปั้นและเครื่องแก้วมากมายที่อยู่ใต้กรอบรูปนั้น เพราะกรอบรูปบานใหญ่ร่วงหล่นลงมาใส่คนที่อยู่ใต้กรอบภาพนั้น...แต่ความเจ็บที่ควรได้รับกลับมีน้อยนิด เหมือนสิ่งของนั้นแทบไม่ได้โดนคนที่สมควรโดนแม้แต่น้อย"ท่านอานัส!""ไม่เจ็บใช่ไหม?"ฟาตินที่ลืมตามอง แล้วร้องขึ้นด้วยความตกใจ ร่างกายของเธอที่ถูกโอบกอดแน่นปกป้องให้พ้นภัย แต่อีกคนนั้นร่างกายแน่นิ่ง ดวงตาปรือแต่ก็ยังเอ่ยถามเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกห่วงใย เลือดสีแดงไหลเต็มหัวและขมับ ลำตัวถูกทางทับด้วยกรอบรูปสีทองที่หนักอึ้ง...เธอค่อย ๆ ผลักกรอบภาพนั้นออกจากตัว พลิกร่างคนที่บาดเจ็บหนักให้หนุนตักแทน"ท่านอานัสคะ...ท่านอานัส อย่าหลับนะคะ" เธอตั้งสติแล้วเอ่ยเรียกเขา ตบหน้าเบา ๆ ให้รู้สึกตัวตลอดเวลา แต่ว่าเพียงสิ้นรอยยิ้มอ่อน เขากลับหลับตานิ่งทันทีพร้อมกับเลือดที่ไหลต่อเนื่อง"ท่านอานัส!! ฟื้นสิ" ฟาตินเรียกขานและตบแก้มเขาอีกครั้งหวังให้ฟื้นมีสติแต่ก็ไร้วี่แวว"ช่วยด้วย!! อัมกาส!" ฟาตินที่ได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า ตะโกนเสียงดังเรียกขานขอความช่วยเหลือ"ท่านอานัสได้ยินฉันไหม...ฟื้นสิไ
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 35(เส้นขนาน)"อย่าไป...ฉันไม่เหลือใคร ไม่เหลือใครจริง ๆ" เสียงนิ่งดังขึ้น ข้อมือถูกจับรั้งแม้ยืนหันหลังให้ ใบหน้าที่แปดเปื้อนด้วยคราบน้ำตาหันไปมอง ขยับสองขาให้เอี้ยวตัวหันกลับ แต่เจ้าของเสียงนั้นยังหลับตานิ่ง สิ่งที่แสดงออกมาทางใบหน้าคือความเพ้อละเมอไม่ตั้งใจจะพูดออกมา"........." ฟาตินได้แต่ยืนนิ่งมองหน้า พร้อมกับหยาดน้ำตาที่เริ่มไหลรินอีกครั้งอย่างไม่อาจห้ามได้ ชายที่ได้รับบาดเจ็บยังคงขยับปากพูดแผ่วเบา สีหน้าคละเคล้าความเศร้าที่เธอนั้นสัมผัสได้จากสีหน้าของเขาที่เป็น"ไม่เหลือใคร..." อานัสยังคงเพ้อต่อ"ท่านอานัส" ฟาตินเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตากลมโตสั่นระริกด้วยความเห็นใจ รับรู้ได้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพบเจอนั้นคงเจ็บปวดไม่ต่างกัน การสูญเสียพี่สาวที่รัก ภาพน่าอนาถเหล่านั้นคงฝังอยู่ในใจด้วยความเจ็บเจียนแหลก"อย่าไป..." เขายังคงพูดออกมาด้วยอาการละเมอไม่หยุด วกวนคำเดิมจนฟาตินนั้นทรุดเข่านั่งลงกับพื้นด้วยความน่าสงสาร ความสงสารที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดของคนทั้งสอง หัวใจที่ไม่คิดจะปรองดองกันเพราะสิ่งที่เคียดแค้นชิงชังนั้นฝังรากลงลึกสู่ขั้วหัวใจ"ฮึก ๆ ฮือ...ขอโทษ ขอโทษที่ทำให้
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา
พิเศษ : ปลอดภัยแต่..."ท่านอานัสปลอดภัยแล้วครับ"อัมกาสรายงาน แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นไม่สู้ดี นั่นทำให้ฟาตินนั้นไม่อาจวางใจได้"ปลอดภัยแล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น" ฟาตินย้อนถาม"หมอบอกว่า...ท่านอานัสอาจจะเสียความทรงจำชั่วคราว เนื่องจากว่าหัวได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง""....."สิ่งที่ได้ยินทำเอาฟาตินถึงกับนิ่งงันไป ทำไมชีวิตของเธอเมื่อจะถึงเวลามีความสุข จะต้องมีอะไรมาบั่นทอนให้เสียใจ คนที่คิดว่าจะรักก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่เธอนั้นกำลังจะเปิดใจ แต่ไหนถึงได้เป็นเช่นนี้"ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรืออัมกาส" ฟาตินถามย้ำให้ชัดต่อสิ่งที่ได้รับฟัง บ่อน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที แต่ไม่มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เหมือนเธอนั้นช้ำอยู่ในอก จนร้องไห้ออกมาไม่ได้ นอกจากหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินโดยไม่อาจสั่งให้หยุดได้"ครับนายหญิง...ซึ่งหมอบอกว่าคงต้องใช้เวลา ตอนนายท่านพลัดตกน้ำ น่าจะกระแทกกับหินอย่างแรง บาดแผลที่ถูกยิงหมอจัดการผ่ากระสุนออกเรียบร้อยแล้วครับ""......"อัมกาสเล่าอาการต่อไป ส่วนคนที่เศร้าใจก็นิ่งงัน มีเพียงหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินเป็นสาย "เราเข้าไปหาเขาได้ไหมอัมกาส""ได้ครับ...ซาดียะห์เอาชุดมาให้นายหญิงสวม"
พิเศษ : จบลงฟาตินถูกพามายังที่พักอย่างปลอดภัย แต่อีกคนไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ แม้เหล่าบอร์ดี้การ์ดก็ไม่ทราบข่าวคราวหลายชั่วโมงกับการที่หญิงสาวนอนไม่ได้สติ จนเวลาผ่านพ้นคืนนั้นไป ยามเช้าที่แสงแดดอ่อนสาดทอเข้ามากระทบกับม่านตาให้รู้สึกตัว อาการมึนศีรษะก็เริ่มมี เธอค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่งหลังพิงกับหัวเตียงช้า ๆ“นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ ซาดียะห์ดีใจมากเลยค่ะ อึก ฮึก...”หญิงรับใช้ที่ถูกสั่งมา เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เธอต้องดูแล ก็มีอาการดีใจ เพราะความผูกพันที่มีต่อกัน แม้จะระยะเวลาสั้น ๆ มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีต่อฟาตินได้“ซาดียะห์เหรอ”คนที่เพ่งพิศจ้องมอง ภาพตรงหน้าที่เลือนราง เพราะการหลับทำให้วิสัยทัศน์ในการมองพร่าเบลอ“ค่ะ...ซาดียะห์เอง นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนไหม หรือว่าปวดหัวบ้างไหมคะ?”ซาดียะห์ไล่สายตามอง แล้วรีบถามด้วยความห่วงใย น้ำตาของเธอที่รินไหล ก็เพราะว่าห่วงใยนายหญิงของคฤหาสน์เหลือแสน“เราเจ็บท้ายทอยแล้วก็ปวดหัว” ฟาตินบอกด้วยรอยยิ้มที่ฝืน ๆ“เดี๋ยวซาดียะห์จะไปเอาประคบมาให้นะคะ นายหญิงรอสักครู่”“ขอบใจนะ”เมื่อได้ยินถึงอาการ หญิงรับใช้ที่จงรักภักดีก
พิเศษ : รักฟาติน เสียงปืนก็ยังคงดังต่อเนื่อง ด้วยไหวพริบและความเร็วที่อานัสมี เขาพาฟาตินวิ่งลัดเลาะไปตามชายป่ารกทึบ ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และขวากหนามมากมาย แต่สุดท้ายก็พาเธอมาถึงที่หมายได้สำเร็จ“ไม่ต้องร้องนะฟาติน เธอจะปลอดภัย เราไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรไปแน่”เขาพูดปลอบคนที่ร้องไห้หนักเพราะหวาดกลัว ไล้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แตะจูบชิดริมฝีปากอวบอิ่มนั้นด้วยความรัก สายตาที่จ้องมองแม้จะอาทรห่วงใย แต่หน้าที่ของลูกผู้ชายที่เป็นบุตรก็ย่อมสำคัญเช่นกัน ความรักและหน้าที่ที่สำคัญไม่ต่างกัน เขาจะต้องฝ่าฟันมันไปให้จงได้“แล้วอัมกาสจะมาตอนไหนคะ...ท่านอานัสอย่าทิ้งฉันนะคะ ฉันกลัวจริง ๆ”“จะทิ้งได้ยังไงล่ะ กว่าจะตามหาและได้ยินคำว่ารัก มันยากเย็นแค่ไหนไม่รู้หรือไง หื้ม เรายังใช้มันไม่คุ้มเลยนะ...นั่นอัมกาสมาพอดี”อานัสพยายามยิ้มให้ แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาจะได้กลับไปหาเธออีกไหม เพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ค่อนข้างรุนแรง กระสุนปืนที่ไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้จะฝังลงจุดใดบ้าง"ท่านครับ""อืม ทำตามที่เราบอกไว้ ให้คนคุ้มกันฟาตินให้ดี ไปในที่ที่เราบอกไว้ ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน"เมื่อคนสนิทและเหล่าบอร์ดี้การ์ดฝีมือ