Share

My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท
My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท
Author: Siesta

My Husband - 1 การนัดบอดที่ไม่ได้เต็มใจ

Author: Siesta
last update Huling Na-update: 2025-02-21 22:56:39

ร้านเสริมสวยริมถนนย่านกลางเมืองที่เต็มไปด้วยรถสัญจรไปมา อาจจะเพราะย่านนี้เป็นย่านที่มีร้านอาหารและร้านชื่อดังติดกันอยู่หลายร้านทำให้รถค่อนข้างจะหนาแน่นเป็นพิเศษ ฉันได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า พลางทอดสายตามองออกไปนอกกระจก ด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่ายต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเย็นนี้

ใช่...เย็นนี้แล้วสินะ ที่ฉันจะได้พบกับชายคนหนึ่งที่ทางบ้านจัดหามาให้เป็นคู่นัดบอด

ในขณะที่ใกล้จะถึงเวลานัดหมายแต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกรีบร้อนอะไรเลย ได้แต่ปล่อยเวลาให้ช่างทำเล็บทำผมอะไรกับของฉันได้เต็มที่อาจจะเพราะส่วนหนึ่งฉันไม่ได้คาดหวังให้ผู้ชายคนนั้นประทับใจในการนัดบอดครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ

ฉันคิดไปไกลถึงกับว่า หากเย็นนี้ได้เจอเขาแล้ว เราอาจจะไม่ประทับใจกันและกัน จนบางทีเขาก็อาจจะเป็นฝ่ายที่ปฏิเสธฉันแทนก็ได้มั้ง แต่ก็นั่นละต่อให้ฉันไม่ตกลงใจกับผู้ชายที่จะมานัดบอดในวันนี้ สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องถูกทางบ้านจับให้ไปดูตัวกับคนอื่นอยู่ดี ซึ่งฉันเองก็ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงอยากจะให้ฉันแต่งงานไวนัก ทั้งที่ฉันเพิ่งจะเรียบจบมาไม่นานนี่เอง

เฮ้อ...ชีวิตลูกผู้หญิงมีแค่นี้เองเหรอ

ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

-------

“อะไรนะคะ คุณพ่อจะให้เฟิร์นดูตัว”

ฉันอดไม่ได้ที่จะโวยวายเสียงดัง ในขณะที่คุณพ่อแทบจะคล้ายขอร้องให้ฉันรับนัดการดูตัวครั้งนี้

“ไม่เอาค่ะ เฟิร์นเพิ่งจะเรียนจบ ขอเฟิร์นทำงานก่อนไม่ได้หรือคะ นะคะคุณแม่ช่วยคุยกับคุณพ่อให้เฟิร์นหน่อยได้ไหมคะ”

ฉันรีบถลาเข้าไปโอบกอดคุณแม่ที่เอว และคาดหวังเล็ก ๆ ว่าคุณแม่อาจจะเป็นคนเดียวที่ช่วยฉันได้ในเรื่องนี้

“โธ่ใบเฟิร์นลูกแม่ คือคุณพ่อเขาสัญญากับเพื่อนเขาตั้งนานแล้ว ว่าถ้าหนูเรียนจบเมื่อไหร่จะให้ลูกชายเขากับหนูแต่งงานกันทันที”

“แต่...แต่งงานกันทั้งที่ไม่ได้รักเนี่ยนะคะ มันจะรักกันได้ยังไงคะ เฟิร์นไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ไม่เอาค่ะ เฟิร์นไม่ยอม เฟิร์นยังอยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่เหมือนเดิมนี่คะ นะคะคุณแม่ นะคะคุณพ่อ” ฉันอ้อนสุดฤทธิ์เพราะคาดหวังที่จะโน้มน้าวใจท่านทั้งสองให้สำเร็จ

แต่...ก็นั่นแหละ สุดท้ายฉันที่เป็นลูกสาวคนเดี๋ยวจะขัดคุณพ่อคุณแม่ที่รักได้อย่างไร เมื่อท่านทั้งสองยืนกรานว่าไม่สามารถผิดคำพูดกับเพื่อนของท่านได้ และอย่างไรเสียเย็นพรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปพบกับผู้ชายคนนั้น

“ถ้าเฟิร์นเจอเขาแล้วเฟิร์นไม่ถูกชะตา เฟิร์นปฏิเสธเขาก็ได้ใช่ไหมคะ”

ถึงกระนั้นฉันก็ยังยื่นข้อเสนอที่ฟังดูดื้อ ๆ ต่อท่านทั้งสองอยู่ดี

“พ่อไม่อยากให้เราปฏิเสธเขา”

ดูคุณพ่อพูดเขาสิ ฉันทำหน้างอเล็กน้อยก่อนหันไปทำสายตาวิงวอนอ้อนคุณแม่ต่อ

“คุณแม่ขา...”

“แม่ก็ไม่อยากให้ใบเฟิร์นปฏิเสธเขาเหมือนกันลูกเห็นใจพ่อเขาเถอะ พ่อเกรงใจเพื่อนคนนี้มากแล้วสัญญานี้ก็คุยกันมาตั้งแต่ก่อนหนูเกิดอีก”

ฉันรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก เพราะคุณพ่อกับคุณแม่พูดเหมือนกับว่า...เลือกที่จะแคร์ความรู้สึกของเพื่อนเขามากกว่าลูกสาวคนเดียวอย่างฉัน

งื้อ....แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้างเนี่ย ความรู้สึกเหมือนตัวเองจะร้องไห้ออกมาให้ได้ ก็นะ...คิดแล้วก็น่าน้อยใจชะมัดที่ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เดิมที่ครอบครัวของเราอยู่ที่เชียงใหม่ แต่อยู่ ๆ คุณพ่อก็บอกฉันกับคุณแม่ว่า พวกเราต้องย้ายมาทำธุรกิจที่กรุงเทพกะทันหัน ด้วยเหตุนี้เลยทำให้ทันทีที่ฉันเรียบจบครอบครัวของเราจึงย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่กัน และแค่เพียงไม่ถึงสามเดือนท่านก็มาบอกจะให้ฉันดูตัวทั้ง ๆ ที่ฉันเพิ่งไปสมัครงานมาไม่นานนี้เองไม่ถึงสัปดาห์

“ค่ะ หนูคงทำอะไรไม่ได้งั้นก็ตามใจคุณพ่อคุณแม่เห็นสมควรแล้วกันค่ะ” ฉันทำได้เพียงแค่นี้ เพียงแค่นี้จริง ๆ ฉันเห็นทั้งสองมองหน้ากันอย่างโล่งอกปนดีใจ แต่ฉันสิกลับรู้สึกเหมือนตอนนี้ก้อนหินทั้งภูเขากำลังทับอยู่ในอก

“พี่เขาชื่อคุณภีมม์ อายุยี่สิบเจ็ดเป็น....” พ่อพยายามจะบอกประวัติของเขานี้อย่างคร่าว ๆ ให้กับฉันตอนที่ฉันยอมรับปากแบบไม่เต็มใจแต่ก็ยอมทำตามที่คุณพ่อคุณแม่ขอร้อง

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูค่อยทำความรู้จักเขาเอง”

ฉันยอมรับว่าเสียมารยาทมากที่พูดแทรกท่านขึ้นมา แต่ก็นะ...ก็คนไม่ได้อยากไปนัดบงนัดบอดอะไรนั่นเลยสักนิด นี่มันพ.ศ.ไหนแล้วเหอะ ฉันเองยังแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะถูกคลุมถุงชนในตอนอายุยี่สิบพอดิบพอดีแถมเพิ่งจะเรียนจบ นี่พวกท่านทั้งสองกะจะไม่ให้ฉันมีชีวิตอิสระกันเลยใช่ไหมเนี่ย

ฉันกลับมาที่ห้องนอนของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ก่อนทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วถอนหายใจออกมาเพื่อระบายอารมณ์ วันพรุ่งนี้แล้วสินะที่ฉันต้องเตรียมตัวไปนัดดูตัวกับเขาในตอนอาหารมื้อเย็น และถึงแม้ต่อให้ฉันอยากปฏิเสธแทบขาดใจแน่นอนว่าก็คงทำไม่ได้อยู่ดี

ฉันเชื่อว่า เขาคนนั้นก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน พอเขารู้ว่าจะโดนบังคับให้ดูตัวเพื่อแต่งงานกับฉัน เขาเองก็คงไม่ยอมและคงจะโวยวายเหมือนอย่างที่ฉันเป็นในตอนนี้

ประวัติส่วนตัวของเขาถูกส่งมาทางอีเมล์ แต่เชื่อไหมว่าฉันไม่แม้แต่คิดจะเปิดเข้าไปอ่าน เพราะถึงต่อให้อ่านแล้วไม่ประทับใจในโปรไฟล์ของเขา แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหมล่ะ ก็คงไม่ได้

ทันทีเมื่อเห็นมีเมล์เด้งเข้ามา ความนอยด์ทำให้ฉันกดลบอีเมล์ประวัติของเขาลงไฟล์ถังขยะในทันที

My Husband 1

การนัดบอดที่ไม่ได้เต็มใจ

ร้านเสริมสวยริมถนนย่านกลางเมืองที่เต็มไปด้วยรถสัญจรไปมา อาจจะเพราะย่านนี้เป็นย่านที่มีร้านอาหารและร้านชื่อดังติดกันอยู่หลายร้านทำให้รถค่อนข้างจะหนาแน่นเป็นพิเศษ ฉันได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า พลางทอดสายตามองออกไปนอกกระจก ด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่ายต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเย็นนี้

ใช่...เย็นนี้แล้วสินะ ที่ฉันจะได้พบกับชายคนหนึ่งที่ทางบ้านจัดหามาให้เป็นคู่นัดบอด

ในขณะที่ใกล้จะถึงเวลานัดหมายแต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกรีบร้อนอะไรเลย ได้แต่ปล่อยเวลาให้ช่างทำเล็บทำผมอะไรกับของฉันได้เต็มที่อาจจะเพราะส่วนหนึ่งฉันไม่ได้คาดหวังให้ผู้ชายคนนั้นประทับใจในการนัดบอดครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ

ฉันคิดไปไกลถึงกับว่า หากเย็นนี้ได้เจอเขาแล้ว เราอาจจะไม่ประทับใจกันและกัน จนบางทีเขาก็อาจจะเป็นฝ่ายที่ปฏิเสธฉันแทนก็ได้มั้ง แต่ก็นั่นละต่อให้ฉันไม่ตกลงใจกับผู้ชายที่จะมานัดบอดในวันนี้ สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องถูกทางบ้านจับให้ไปดูตัวกับคนอื่นอยู่ดี ซึ่งฉันเองก็ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงอยากจะให้ฉันแต่งงานไวนัก ทั้งที่ฉันเพิ่งจะเรียบจบมาไม่นานนี่เอง

เฮ้อ...ชีวิตลูกผู้หญิงมีแค่นี้เองเหรอ

ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

-------

“อะไรนะคะ คุณพ่อจะให้เฟิร์นดูตัว”

ฉันอดไม่ได้ที่จะโวยวายเสียงดัง ในขณะที่คุณพ่อแทบจะคล้ายขอร้องให้ฉันรับนัดการดูตัวครั้งนี้

“ไม่เอาค่ะ เฟิร์นเพิ่งจะเรียนจบ ขอเฟิร์นทำงานก่อนไม่ได้หรือคะ นะคะคุณแม่ช่วยคุยกับคุณพ่อให้เฟิร์นหน่อยได้ไหมคะ”

ฉันรีบถลาเข้าไปโอบกอดคุณแม่ที่เอว และคาดหวังเล็ก ๆ ว่าคุณแม่อาจจะเป็นคนเดียวที่ช่วยฉันได้ในเรื่องนี้

“โธ่ใบเฟิร์นลูกแม่ คือคุณพ่อเขาสัญญากับเพื่อนเขาตั้งนานแล้ว ว่าถ้าหนูเรียนจบเมื่อไหร่จะให้ลูกชายเขากับหนูแต่งงานกันทันที”

“แต่...แต่งงานกันทั้งที่ไม่ได้รักเนี่ยนะคะ มันจะรักกันได้ยังไงคะ เฟิร์นไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ไม่เอาค่ะ เฟิร์นไม่ยอม เฟิร์นยังอยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่เหมือนเดิมนี่คะ นะคะคุณแม่ นะคะคุณพ่อ” ฉันอ้อนสุดฤทธิ์เพราะคาดหวังที่จะโน้มน้าวใจท่านทั้งสองให้สำเร็จ

แต่...ก็นั่นแหละ สุดท้ายฉันที่เป็นลูกสาวคนเดี๋ยวจะขัดคุณพ่อคุณแม่ที่รักได้อย่างไร เมื่อท่านทั้งสองยืนกรานว่าไม่สามารถผิดคำพูดกับเพื่อนของท่านได้ และอย่างไรเสียเย็นพรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปพบกับผู้ชายคนนั้น

“ถ้าเฟิร์นเจอเขาแล้วเฟิร์นไม่ถูกชะตา เฟิร์นปฏิเสธเขาก็ได้ใช่ไหมคะ”

ถึงกระนั้นฉันก็ยังยื่นข้อเสนอที่ฟังดูดื้อ ๆ ต่อท่านทั้งสองอยู่ดี

“พ่อไม่อยากให้เราปฏิเสธเขา”

ดูคุณพ่อพูดเขาสิ ฉันทำหน้างอเล็กน้อยก่อนหันไปทำสายตาวิงวอนอ้อนคุณแม่ต่อ

“คุณแม่ขา...”

“แม่ก็ไม่อยากให้ใบเฟิร์นปฏิเสธเขาเหมือนกันลูกเห็นใจพ่อเขาเถอะ พ่อเกรงใจเพื่อนคนนี้มากแล้วสัญญานี้ก็คุยกันมาตั้งแต่ก่อนหนูเกิดอีก”

ฉันรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก เพราะคุณพ่อกับคุณแม่พูดเหมือนกับว่า...เลือกที่จะแคร์ความรู้สึกของเพื่อนเขามากกว่าลูกสาวคนเดียวอย่างฉัน

งื้อ....แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้างเนี่ย ความรู้สึกเหมือนตัวเองจะร้องไห้ออกมาให้ได้ ก็นะ...คิดแล้วก็น่าน้อยใจชะมัดที่ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เดิมที่ครอบครัวของเราอยู่ที่เชียงใหม่ แต่อยู่ ๆ คุณพ่อก็บอกฉันกับคุณแม่ว่า พวกเราต้องย้ายมาทำธุรกิจที่กรุงเทพกะทันหัน ด้วยเหตุนี้เลยทำให้ทันทีที่ฉันเรียบจบครอบครัวของเราจึงย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่กัน และแค่เพียงไม่ถึงสามเดือนท่านก็มาบอกจะให้ฉันดูตัวทั้ง ๆ ที่ฉันเพิ่งไปสมัครงานมาไม่นานนี้เองไม่ถึงสัปดาห์

“ค่ะ หนูคงทำอะไรไม่ได้งั้นก็ตามใจคุณพ่อคุณแม่เห็นสมควรแล้วกันค่ะ” ฉันทำได้เพียงแค่นี้ เพียงแค่นี้จริง ๆ ฉันเห็นทั้งสองมองหน้ากันอย่างโล่งอกปนดีใจ แต่ฉันสิกลับรู้สึกเหมือนตอนนี้ก้อนหินทั้งภูเขากำลังทับอยู่ในอก

“พี่เขาชื่อคุณภีมม์ อายุยี่สิบเจ็ดเป็น....” พ่อพยายามจะบอกประวัติของเขานี้อย่างคร่าว ๆ ให้กับฉันตอนที่ฉันยอมรับปากแบบไม่เต็มใจแต่ก็ยอมทำตามที่คุณพ่อคุณแม่ขอร้อง

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูค่อยทำความรู้จักเขาเอง”

ฉันยอมรับว่าเสียมารยาทมากที่พูดแทรกท่านขึ้นมา แต่ก็นะ...ก็คนไม่ได้อยากไปนัดบงนัดบอดอะไรนั่นเลยสักนิด นี่มันพ.ศ.ไหนแล้วเหอะ ฉันเองยังแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะถูกคลุมถุงชนในตอนอายุยี่สิบพอดิบพอดีแถมเพิ่งจะเรียนจบ นี่พวกท่านทั้งสองกะจะไม่ให้ฉันมีชีวิตอิสระกันเลยใช่ไหมเนี่ย

ฉันกลับมาที่ห้องนอนของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ก่อนทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วถอนหายใจออกมาเพื่อระบายอารมณ์ วันพรุ่งนี้แล้วสินะที่ฉันต้องเตรียมตัวไปนัดดูตัวกับเขาในตอนอาหารมื้อเย็น และถึงแม้ต่อให้ฉันอยากปฏิเสธแทบขาดใจแน่นอนว่าก็คงทำไม่ได้อยู่ดี

ฉันเชื่อว่า เขาคนนั้นก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน พอเขารู้ว่าจะโดนบังคับให้ดูตัวเพื่อแต่งงานกับฉัน เขาเองก็คงไม่ยอมและคงจะโวยวายเหมือนอย่างที่ฉันเป็นในตอนนี้

ประวัติส่วนตัวของเขาถูกส่งมาทางอีเมล์ แต่เชื่อไหมว่าฉันไม่แม้แต่คิดจะเปิดเข้าไปอ่าน เพราะถึงต่อให้อ่านแล้วไม่ประทับใจในโปรไฟล์ของเขา แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหมล่ะ ก็คงไม่ได้

ทันทีเมื่อเห็นมีเมล์เด้งเข้ามา ความนอยด์ทำให้ฉันกดลบอีเมล์ประวัติของเขาลงไฟล์ถังขยะในทันที

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Kaugnay na kabanata

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 2 - พลาสเตอร์สีหวาน

    และ....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นที่มาของเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้ตอนนี้ฉันมานั่งทำผมทำเล็บอยู่ตรงนี้ เหลือเวลาอีกตั้งเป็นชั่วโมงก่อนที่จะถึงเวลานัด ความรู้สึกเบื่อ ๆ ทำให้ฉันหาข้ออ้างออกจากบ้านก่อนเวลานัด อย่างน้อยก็เอิ่ม...ควรไปทำผมทำเล็บฆ่าเวลาเล่น ๆ ถึงจะเป็นการนัดบอดที่ไม่ได้เต็มใจแต่อย่างไรแล้วคนเราก็ต้องทำตัวให้ดูดีนิดหนึ่งไหมฉันเลือกร้านทำผมที่ไม่ไกลจากร้านที่ได้นัดบอดกับผู้ชายคนนั้น เพราะรู้ดีว่าการทำผมทำเล็บแต่ละครั้งกินเวลาเป็นชั่วโมง การได้ทำอะไรแบบนี้เป็นการระบายความเครียดได้เป็นอย่างดีเลยละในขณะที่สายตาฉันมองทอดออกไปนอกกระจกแบบเรื่อยเปื่อย พลันสายตาของฉันบังเอิญไปที่เด็กน้อยคนหนึ่งในวัยไม่ถึงเจ็ดขวบที่กำลังวิ่งอยู่ที่ริมถนนและตอนนี้เด็กน้อยคนนั้น กำลังวิ่งตามลูกบอลกลิ้งออกไปทางม้าลาย“ตายแล้ว! เด็กนั่น” ฉันเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ พร้อม ๆ กับเสียงหวีดร้องของคนที่เห็นเหตุการณ์อีกหลายต่อหลายคนที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์นั้นด้วยเช่นกัน“ไม่น่ะ!!”เอี๊ยดดดดดเสี้ยววินาทีที่ฉันกลั้นหายใจ ฉันได้ยินเหมือนเสียงเบรกรถดังสนั่นท้องถนนพร้อมกับเสียงหวีดร้องของผู้คน และ

    Huling Na-update : 2025-02-21
  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท    My Husband 3 - ว่าที่เจ้าบ่าว

    “อ่อค่ะ แต่คุณมาสายไปสิบนาที ไม่สิสิบห้านาทีจากเวลานัด” ฉันรีบยกข้อมือที่สวมนาฬิกาให้เขาดู เพราะถึงต่อให้เขาดูหล่อและดูดีมากก็ตามเถอะ แต่การนัดบอดแบบนี้เขาควรต้องให้ความสำคัญ ไม่ใช่ให้ฝ่ายหญิงแบบฉันต้องมารอ“ขอโทษที่มาช้านะครับพอดีผมเกิดเอ็กซิเดนท์นิดหน่อย”เขาโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขออภัยดูจากรูปลักษณ์ภายนอก เขาดูค่อนข้างเป็นคนสุภาพและจัดว่าดูดีมากคนหนึ่ง จะผิดก็แต่การแต่งตัวที่ดูเหมือนไม่ค่อยเรียบร้อยสำหรับการนัดบอดแบบนี้ ปกติการนัดบอดทั่วไปผู้ชายควรจะใส่เสื้อสูทและแต่งตัวกันมาค่อนข้างเนี๊ยบ แต่กลับผู้ชายคนนี้เขากลับเลือกใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดา อืมแต่ก็นะ...ไหน ๆ เขาก็มาแล้วลองให้โอกาสคุย ๆ ดูก่อนคงไม่เสียหายอะไรงั้นก็…“โอเคค่ะ งั้นเชิญนั่งก่อนสิคะ”“ขอบคุณครับ”“คุณจะสั่งเครื่องดื่มอะไรดีคะ” ฉันส่งเมนูอาหารให้กับเขา ก่อนจะสังเกตเห็นแผลถลอกที่หลังมือของเขาที่มีเลือดออกซิบ ๆ นี่นะเหรอที่เขาบอกว่าเพิ่งเกิดเอ็กซิเดนท์มา“หลังมือของคุณมีเลือดออก ฉันมีพลาสเตอร์ยาค่ะ”แผลของเขาที่เหมือนคนที่เพิ่งไปล้างมือมาใหม่ ๆ เพราะแทบไม่มีรอยฝุ่นติดหลงเหลืออยู่ แสดงว่าเขาอาจจะไปล้างแผลที่ห้องน

    Huling Na-update : 2025-02-21
  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 4 - แทนตัวเองแบบนี้น่ารักดี

    “โห บริษัทนำเข้ารถยนต์ชื่อดังด้วย คุณทำงานเป็นเซลล์หรือคะ งั้นเอาไว้ถ้าฉันมีเพื่อนคนไหนสนใจจะออกรถ ฉันจะแนะนำไปให้” ก็ถ้าดูจากการแต่งตัวฉันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย เขาใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดาไม่ได้ใส่สูทอย่างผู้บริหารระดับสูงหรือระดับเมเนเจอร์ เพราะงั้นเขาก็คงเป็นเซลล์นะแหละคงไม่ใช่ช่างซ่อมในอู่รถหรอกมั๊ง หุ่นสูง ๆ ผิวขาว ๆ ดูเจ้าสำอางมันทำให้ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเดาไม่ผิด“อืม ครับ งั้นถ้าคุณมีเพื่อนสนใจจะออกรถจริงก็ติดต่อมาได้เลยครับ ผมยินดี”“ได้เลยค่ะ ว่าแต่คุณมีนามบัตรไหมล่ะ เผื่อมีเพื่อนสนใจออกรถ ฉันจะได้ให้ติดต่อคุณไป”“เออ...พอดีนามบัตรของผมน่าจะติดไปกับเสื้ออีกตัว”“ไม่ได้นะคะ ทีหลังต้องพกไว้ตลอด คุณเป็นเซลล์และนามบัตรเป็นสิ่งสำคัญ” ฉันเผลอตำหนิเล็กน้อยเพราะแทนที่มานัดบอดแบบนี้เขาควรจะเตรียมความพร้อมให้มากกว่านี้ แต่พอรู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรออกไปก็ถึงกับเม้มปากสำนึกผิด“ขอโทษด้วยนะครับ”“มะ ไม่เป็นไรค่ะ คนเราลืมกันได้แหละ” ฉันหัวเราะแหะ แหะ แก้เก้อก่อนจะพยายามชวนคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปTalk ภีมม์ผมรู้ว่าเธอคู่นัดบอดของผม ไม่ได้เปิดอ่านประวัติของผมจากเมล์ที่ส่งไปให้เลย ไม่เหมือน

    Huling Na-update : 2025-02-21
  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 5 - ผู้ชายคนนั้น

    Talk เฟิร์นเมื่อกี้ฉันรู้สึกเหมือนหูฝาดที่เขาตกลงทุกข้อที่ฉันขอ ใช่มันง่ายกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก และเมื่อฉันขออะไรเขาก็โอเคหมดไม่มีค้าน อย่างว่าอะเนอะเพราะเขาก็ไม่ได้เต็มใจกับการแต่งงานนี้เลยยอมตกลงกับข้อเสนอของฉันอย่างง่าย ๆ อย่าลืมสิว่าเราสองคนแค่ตกลงยอมแต่งงานเพราะหลีกเลี่ยงสัญญาของพวกผู้ใหญ่ไม่ได้จากตอนแรกที่ฉันลำบากใจเรื่องแต่งงาน แต่เพราะพี่ภีมม์ดูเป็นคนสุภาพและพูดง่ายกว่าที่คิดไว้ เลยทำให้ฉันรู้สึกโล่งอก โล่งอกที่เขาไม่ได้เป็นคนน่ากลัวอย่างที่ฉันกลัวในตอนแรก ที่สำคัญคือเอ่อ...นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเขาที่มองมา มันทำให้หัวใจของฉันสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่...ฉันคงไม่ได้ตกหลุมรักเขาในครั้งแรกหรอกใช่ไหม หรือบางทีที่ฉันใจสั่นอย่างตอนนี้อาจจะเป็นเพราะว่าเขาดูหล่อมาก ๆ เท่านั้นเองเมื่อเราสองคนตกลงเรื่องการแต่งงานกันเรียบร้อยก่อนที่จะแยกย้ายไปบอกผู้ใหญ่ของกันและกัน ฉันเลยขอเป็นฝ่ายขอตัวแยกกับเขาก่อน แม้เขาจะอาสามาส่งฉันก็ตามที“เฟิร์นว่าจะแวะไปหาเพื่อนก่อนเข้าบ้านค่ะ”“ให้พี่ไปส่งบ้านเพื่อนไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อนเฟิร์นอยู่แค่คอนโดตรงนี้เองไม่ไกลเท่าไหร่”เราเอ่ยปากลากัน ก่อนที่เ

    Huling Na-update : 2025-02-21
  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท    My Husband 6 - คืนเข้าหอ

    ไหน ๆ เราสองคนก็แต่งงานกันแล้ว แต่ไม่ได้เกิดจากความรัก เพราะงั้นเรื่องอันตรายอะไรคงไม่มีทางเกิดขึ้น (หรอกมั้งนะ) ฉันพยายามบอกตัวเองไม่ก็กำลังหลอกตัวเองอยู่นั่นแหละเอาแค่ตอนนี้ พี่ภีมม์ถอดเสื้อสูทแล้วแขวนไว้ที่แขน ตามด้วยปลดกระดุมแขนเสื้อออกที่ละเม็ด เท่านี้ฉันก็เริ่มหายใจติดขัดแล้ว คนอะไรไม่รู้ขนาดท่าปลดกระดุมยังเท่ห์“เราอาบน้ำก่อนไหมเดี๋ยวพี่ค่อยอาบทีหลังก็ได้” เขาเงยหน้าขึ้นมามองอย่างกับรู้ตัวว่าฉันกำลังนั่งแอบมองการกระทำของเขาอยู่“พี่ภีมม์อาบก่อนเลย เฟิร์นรอได้ เฟิร์นอาบน้ำนาน”“พี่ก็อาบน้ำนาน หรือเราจะอาบพร้อมกันเลย”“หา...” ฉันถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินที่พี่ภีมม์พูดออกมา ส่วนเขาก็ยกยิ้มออกมาน้อย ๆ เหมือนพูดแกล้งยั่วให้ฉันกลัว“ว่าไงครับ จะอาบพร้อมกันหรือเราจะอาบก่อนพี่” พอเขายื่นข้อเสนอมาอีก คราวนี้ฉันไม่กล้าลีลาเลยรีบตอบตกลงทันที ขืนไม่รีบฉันกลัวต้องอาบน้ำด้วยกันอย่างที่พี่ภีมม์ว่าแต่...อื้อ ชุดแต่งงานทำไมมันถอดยากแบบนี้นะ ฉันเอื้อมแขนหมายจะรูดซิปที่อยู่ตรงแผ่นหลังออก แต่รูดมาได้ครึ่งเดียวมือก็เอื้อมไม่ถึงแล้ว ก็ตอนแต่งตัวมีช่างแต่งหน้าแต่งตัวมาให้นี่นา ใครจะไปรู้ว่าชุดแต่ง

    Huling Na-update : 2025-02-21
  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท    My Husband 7 - ฝันหวาน

    โชคดีที่ฉันเตรียมชุดนอนแบบกางเกงลายการ์ตูนรูปเป็ดสีเหลืองมาด้วย ชนิดที่ว่าไม่ได้มีความเซ็กซี่ที่พอจะยั่วยวนให้ใครเกิดอารมณ์ได้ แต่กระนั้นพอพี่ภีมม์ไปอาบน้ำ ฉันก็รีบกระโดดขึ้นเตียงนอนก่อนเอาผ้าห่มพันตัวเองจนแทบไม่เหลืออากาศให้หายใจพี่ภีมม์อาบน้ำร่วมครึ่งชั่วโมง เขาอาบน้ำนานจริง ๆ อย่างที่เขาบอกไว้ นี่สินะที่มีคนบอกกันว่าคนที่มีอาชีพเซลล์มักจะพิถีพิถันเสมอ“ทำไมเฟิร์นนอนแบบนั้นล่ะครับ ไม่อึดอัดแย่เหรอ” เสียงพี่ภีมม์ที่เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูพันรอบเอวแค่ผืนเดียว ในขณะที่ฉันมีสภาพเหมือนดักแด้“ดะ เดี๋ยวทำไมพี่ภีมม์แต่งตัวแบบนี้ค่ะ”“ปกติพี่ใส่แต่บ็อกเซอร์นอนครับ มันสบายดี”“แต่...”“ไม่ต้องคิดมากครับ แค่นอนเตียงเดียวกัน ถึงวันนี้เราจะเพิ่งแต่งงานกันแต่พี่ไม่ชอบทำอะไรใครถ้าอีกฝ่ายไม่เต็มใจ”หืม...คำพูดของพี่ภีมม์ฟังแล้วดูดี เป็นสุภาพบุรุษเอามาก ๆ แต่ใจฉันสิมันเต้นแรงจนแทบจะเป็นบ้า คิดเอาเถอะฉันผู้เวอร์จิ้นไม่เคยคบกับผู้ชายเลยแม้แต่คนเดียว แต่ตอนนี้ฉันต้องนอนกับผู้ชายที่มีซิกแพคขาว ๆ ลอนเป็นลูก ๆ ราวกับปั้นมาตรงกล้ามท้องแน่นนั่น ทำเอาหัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ ขนาดเวลาไปว่ายน้ำฉันก็เห็นผู้

    Huling Na-update : 2025-02-21
  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 8 - ผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน

    คืนเข้าหอที่ไม่ได้มีความโรแมนติกอย่างที่คู่รักทั่วไปควรจะเป็นเพราะเรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ฉันเผลอเปลือยอกให้เขาดู และไหนจะเรื่องที่ฉันเผลอนอนก่ายเข้าแบบแนบชิดตอนตื่นนอนตอนเช้าอีก มันทำให้วันนี้ฉันไม่กล้าเริ่มที่จะชวนเขาคุยอะไร เพราะพอจะคุยก็อดคิดไปถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้เช้าแรกของวันแต่งงานเราสองคนเลยอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างกระอักกระอ่วน และเพราะตอนนี้เราสองคนได้อยู่ร่วมกันเรียกว่าน่าจะครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว เลยทำให้ฉันได้รู้ว่าพี่ภีมม์เจ้าบ่าวของฉันดูเป็นคนพูดน้อยกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก มากจนฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาเป็นแค่เซลล์ขายรถธรรมดาคือปกติคนเราถ้าเป็นเซลล์ก็ต้องพูดจาขายของเก่ง หรือโน้มน้าวใจเก่งมาก ๆ แต่นี่พี่ภีมม์ดูเป็นคนพูดน้อย น้อยแบบน้อยเว่อร์ แล้วพูดน้อยแบบพี่ภีมม์อะนะจะเป็นเซลล์ หรือว่าเวลาที่เขาขายรถ เขาจะใช้แต่ใบหน้าหล่อ ๆ มองลูกค้าให้ลูกค้าหลง แล้วก็สั่งซื้อรถแบบงง ๆ โดยที่เขาไม่ต้องพูดอะไรออกมางี้เหรอ...ไม่มั๊งอ่อ อีกเรื่องหนึ่งหลังจากที่เราสองคนแต่งงานกัน คือเรามีแพลนที่จะต้องเดินทางไปฮันนีมูนที่มิลานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทำให้ในตอนนี้

    Huling Na-update : 2025-02-21
  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 9 - เขามีแฟนอยู่ก่อนแล้ว

    ก๊อก ก๊อก“ขอโทษค่ะพี่ภีมม์ พอดีพี่ภีมม์ลืมโทรศัพท์ไว้ในห้อง” ฉันเคาะประตูห้องทำงานของพี่ภีมม์ก่อนเดินเข้าไปเอาโทรศัพท์มือถือไปส่งให้เขาที่โต๊ะทำงาน ดูเขามีสีหน้าเอาจริงเอาจังมากเวลาอยู่ต่อหน้าคอมพิวเตอร์ของเขา“อ่อครับ ขอบคุณ” เขายอมละสายตาจากงานของเขาก่อนเงยหน้าขึ้นมามองฉัน แต่กลับไม่ยอมกดรับสายในทันที ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกสงสัยมากขึ้น“เพื่อนเหรอคะ สวยจัง” ดูเป็นการเสียมารยาทมากสินะที่ฉันพูดประโยคนี้ออกไปเพราะนอกจากพี่ภีมม์จะไม่ตอบคำถามฉัน แถมยังเลิกคิ้วหนา ๆ มองฉัน คล้ายจะถามว่าทำไมฉันยังไม่ออกไปมากกว่าเออ...ออกไปก็ได้วะ ฉันก็ไม่อยากรู้สักเท่าไหร่หรอก แค่เห็นสายตาก็พาลให้หงุดหงิด ฉันเลยเดินงอน ๆ ออกไปแบบไม่พูดอะไรต่อเหมือนกันสุดท้ายตอนนี้ฉันต้องกลับออกมาดูทีวีที่หน้าโซฟาตามเดิม ได้แต่เอาคางเกยหมอนอิงแล้วกดเปลี่ยนรีโมตทีวีไปมา บอกตรง ๆ เลยว่าฉันดูไม่รู้เรื่องเอาซะเลย เพราะฉันไม่ได้สนใจภาพจากจอในทีวีเลยสักนิดนี่ฉันไม่ได้หึงเขาเลยนะ สาบานได้แต่...แค่รู้สึกไม่พอใจเฉยๆถึงเราจะไม่ได้รักกันแต่อย่างน้อยเราสองคนก็เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายถึงจะไม่ได้รักกันก็เถอะผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง บังเ

    Huling Na-update : 2025-02-21

Pinakabagong kabanata

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   ตอนพิเศษ เจอกันครั้งที่สอง

    น้องเกิด 1 กุมภาพันธ์ วั้นนั้นเขายังไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเพราะคุณแม่น้องเพิ่งคลอดใหม่ๆและเขาเจอน้องครั้งแรกในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั่นเป็นครั้งแรกที่ภีมม์เจอกับใบเฟิร์นทั้งสองบ้านสนิทกันมากไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ จนกระทั่งครอบครัวของภีมม์ ย้ายไปทำธุรกิจที่เมืองอเมริกา ภีมม์เลยไม่ได้มาหาใบเฟิร์นอีกแต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยลืมที่ตัวเองมีเจ้าสาว…#ภีมม์ตอน 9 ขวบ“แม่ครับ มีผู้หญิงเอาดอกกุหลาบมาให้ภีมม์ แต่ภีมม์ไม่รับไว้ ผิดไหมครับ”“อ้าว ทำไมละลูก”“ภีมม์บอกเขาว่าภีมม์มีเจ้าสาวแล้ว ภีมม์รับดอกไม้จากใครไม่ได้อีก ภีมม์ไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาทำแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้บ่อย ๆ ภีมม์ขอแต่งงานกับน้องเฟิร์นเลยได้ไหมครับ”ตอนนี้ภีมม์โตขึ้นพอที่จะรู้ความหมายของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่หมายถึงคนที่ต้องแต่งงานอยู่ด้วยกัน“ไม่ได้ลูก น้องเพิ่ง 2-3 ขวบเอง เอาไว้ให้น้องเรียนจบมหาวิทยาลัยก่อนนะลูก”“งั้นถ้าจบ คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ใบเฟิร์นเป็นเจ้าสาวของภีมม์เลยนะครับ”“น้องภีมม์ครับ การเป็นเจ้าบ่าวคนไม่ใช่แค่เราไปขอเขาแต่งงานแล้วแต่งงานกันได้เลยนะครับ ก่อนอื่นลูกต้องตั้งใจเรียนหนังสือให้เก่ง ให้ได้ทำงานดี ๆ เป็นผู้นำคน มีอาชีพแ

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   ตอนพิเศษ : เจอกันครั้งแรก

    “ภีมม์เข้ามาดูน้องสิลูก”เสียงผู้เป็นแม่หันมาเรียกลูกชายวัยเจ็ดขวบ เดินเข้ามาที่เตียงทารกตัวน้อยจิ้มลิ้มตัวแดง ๆ แก้มจ้ำม้ำที่ขยับตัวดุกดิ๊กไปมาอยู่บนเตียง“น่ารักจัง ตุ๊กตาหรือครับหม่าม๊า”“น้องเป็นคนจ๊ะ ไม่ใช่ตุ๊กตา”ภีมม์ขยับเข้าไปใกล้ด้วยความสนใจ สองมือจับขอบเตียงเด็ก จ้องมองทารกตัวน้อยที่ลืมตาแป๋วแหว๋ว ก่อนที่เด็กน้อยจะยิ้มหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมาอย่างไม่รู้ภาษา มือน้อยควานสะเปะสะปะไปทั่ว ส่งผลให้ภีมม์ลองยื่นนิ้วชี้เข้าไปให้เด็กตัวน้อยจับด้วยความอยากรู้หมับ!มือเล็ก ๆ ของเธอนุ่มนิ่ม แต่จับเขาเอาไว้แน่นมาก“หม่าม๊าครับ น้องจับมือภีมม์แน่นเลย” ภีมม์ยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนใช้นิ้วชี้อีกข้างที่ว่างอยู่ จิ้มแก้มซาลาเปาของเด็กตัวน้อยเพราะดูนุ่มหยุ่นไปหมด“จับแน่นแบบนี้ แสดงว่าน้องจองภีมม์ไว้เป็นเจ้าบ่าวแน่ ๆ เลย” เสียงคุณน้าที่นอนอยู่บนเตียงและเป็นแม่ของเด็กทารกน้อยเอ่ยขึ้น“เจ้าบ่าว? เจ้าบ่าวคืออะไรครับ”“เจ้าบ่าวก็คือคนที่ต้องอยู่กับน้องไปตลอดชีวิตยังไงคะ”“หมายถึง ให้น้องใช้มือนุ่ม ๆ จับมือภีมม์แบบนี้ไปตลอดแบบนี้เลย นะเหรอครับ?”“ใช่จ๊ะ จับมือกันไปตลอดจนแก่เฒ่า”“แล้วปล่อยได้ไหมครับ”“

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 58 - ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว (END)

    หลังจากที่เราปรับความเข้าใจกัน ถึงตอนนี้ฉันก็ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาอะไรนั่นอีกแล้ว นอกจากจะเอาตัวเองมุ่งมั่นกับงานที่ทำ อย่างน้อยก็เพื่อให้งานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของพี่ภีมม์ดีที่สุด และเพื่อเป็นลบคำสบประมาทที่ใครต่อใครอาจจะนินทาฉันได้อีก ยิ่งตอนนี้พอมีพี่ภีมม์คอยให้กำลังใจและสนับสนุนงานฉันเต็มที่ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองมีพลังบวกเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่าถึงตอนนี้แม้คนจะยังคงซุบซิบเรื่องเดิม ๆ ของเรา แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันให้ความสนใจกับมันอีกต่อไป เพราะตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันควรให้ความสนใจและสำคัญที่สุด คือความรักของฉันกับพี่ภีมม์มากกว่าที่มันมีมากขึ้นทุกวันต่างหากวันงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัททีเคยนต์มาถึงแน่นอนว่าเพราะเป็นรถนำเข้าหรูราคาหลายสิบล้าน ทำให้งานนี้เหล่าบรรดาเซเลปและสื่อมวลชนต่างให้ความสนใจกับงานวันนี้เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงคุณเจนนี่ที่ถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษมาร่วมงาน แต่กลับชอบทำตัวเสนอหน้าไปยืนอยู่ข้างพี่ภีมม์ทำเสมือนเป็นคนสำคัญข้างกายเขาเฮ้อ...จะว่าไปเธอก็น่าสงสารนะพยายามทำทุกอย่างก็แล้ว ก็ยังเป็นได้แค่เพื่อนฉันพยายามบอกกับตัวเองแบบนั้นแต่สุดท้า

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 57 - ปรับความเข้าใจ

    อึก...พออ่านถึงตรงนี้ น้ำตาฉันก็ไหลออกมาหนักกว่าเก่า(เห็นโน้ตที่พี่เขียนเอาไว้ไหมครับ) เสียงพี่ภีมม์แทรกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าฉันเงียบไปมีแต่เพียงสะอื้นที่แทรกเข้าไปในปลายสายเบา ๆ“ฮือ เห็นแล้วค่ะ ฮือ...พี่ภีมม์เฟิร์นขอโทษ”ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาเข้ามาในหัวใจ สุดท้ายแล้วพี่ภีมม์เองต่างหากที่เป็นฝ่ายรอรับสายโทรศัพท์มือถือจากฉัน ส่วนตอนนั้นที่ฉันโทรหาเขาไม่ติด ใช่ว่าพี่ภีมม์จะปิดเครื่องหนีแต่ความจริงแล้วตอนนั้นเขาอาจกำลังอยู่บนเครื่องบินเลยไม่ได้เปิดมือถือก็เป็นได้บ้าที่สุด ฮือ....(เฟิร์นครับ ถ้าพี่ทำให้เฟิร์นร้องไห้พี่ขอโทษนะ)“เฟิร์นต่างหากที่ควรขอโทษพี่ภีมม์”พี่ภีมม์วางสายไปแล้ว ในขณะที่ฉันหยิบกระดาษที่พี่ภีมม์ขึ้นมาอ่านซ้ำไปซ้ำมาน้ำตามันไหลออกมาไม่หยุดเลย มีแต่ฉันที่คิดเองเออเองไปคนเดียวทั้งนั้นแล้วตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ฉันนั่งเสียใจและคิดมากอยู่เป็นคนเดียวทั้งเดียวล่ะ คืออะไรหลังจากที่ฉันวางสายจากพี่ภีมม์น้ำตามันก็ไหลออกมาราวกับทำนบแตก ครั้งนี้ฉันถึงได้ตระหนักเสียงหัวใจของตัวเองว่า ในเวลาที่ฉันไม่มีเขาหรือถ้าต้องเลิกกับเขาฉันคงทนไม่ไหวแน่ นี่สินะที่ใครๆ บอกไว้ว่าเราจะรู้ค่าขอ

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 56 - รอจนกว่า...

    ฉันรู้สึกจุกนิดหน่อยที่พวกเอ่ยถึงคุณเจนนี่ ดูเหมือนคุณเจนนี่น่าจะมีอิทธิพลต่อคนกลุ่มนี้พอสมควร ความจริงมันก็ไม่แปลกนักหรอกเพราะคุณเจนนี่มาหาพี่ภีมม์มากกว่าฉันที่เป็นภรรยาตัวจริงเสียอีก ซึ่งฉันไม่แปลกใจอะไรเลยสักนิดเมื่อคิดขึ้นได้ว่าพวกหล่อนอาจจะสนิทกับคุณเจนนี่มากพอสมควร“ถ้าพวกคุณว่างมากน่าจะไปทำงานกันนะคะ ถ้าคุณภีมม์รู้ว่าจ้างคนแบบพวกคุณมาทำงานเขาคงไม่ค่อยโอเค เห็นทีฉันคงต้องรายงานพี่ภีมม์บ้างแล้วละ”“แหมทำตัวเนียนเหมือนเป็นภรรยาเจ้าของบริษัทตัวจริงเลยนะ โน้นจ๊ะคุณภีมม์กับภรรยาตัวจริงเขาตอนที่อยู่ที่วอชิงตันดีซี” ไม่พูดเปล่าผู้หญิงคนนั้นยังเปิดรูปจากไอจีคุณเจนนี่ ที่เช็กอินอยู่ที่รัฐวอชิงตันดีซีมาให้ฉันดูแน่นอนในรูปมีพี่ภีมม์อยู่ในรูปของเธอจริง ๆภาพที่เห็นแม้สองคนจะไม่ได้ยืนใกล้ชิดกันแบบสนิทสนมแต่ก็ทำให้รู้ว่าทั้งสองคนอยู่ที่เดียวกันนี่สินะ...สาเหตุของการไม่โทรหาฉันเลยตลอดอาทิตย์นี้หัวใจมันชาจนแทบไม่มีความรู้สึก เมื่อเห็นว่าพี่ภีมม์อยู่กับคุณเจนนี่ที่อเมริกา ถึงจะเป็นรูปที่เธอเช็กอินเมื่อสองสามวันก่อน แต่มันทำให้มั่นใจได้เลยว่าคุณเจนนี่กับพี่ภีมม์คงเดินทางไปด้วยกันจากที่ตั้งใจจะ

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 55 - หัวใจที่หายไป

    น้ำตามันไหลออกมาจากไหนมากมายหนักก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันร้องไห้จนเผลอหลับไปบนที่นอน จนตอนเช้าของอีกวันเช้าที่ไม่มีพี่ภีมม์อยู่ข้าง ๆ ฉันต้องลากตัวเองเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวทั้งที่ตายังบวมเป่งจนเกือบจะปิด ดูตลกมากเสียจนต้องหาอะไรเย็น ๆ มาประคบเปลือกตาให้ยุบลงก่อนไปทำงาน“คุณเฟิร์น” ในขณะที่ฉันยืนเรียกรถ TAXI อยู่หน้าตึกก็พบว่าคนขับรถของพี่ภีมม์มารออยู่ก่อนแล้ว“อ้าว! สวัสดีค่ะคุณโจ มารับพี่ภีมม์เหรอคะพี่ภีมม์ไม่อยู่หรอกค่ะ น่าจะติดธุระ”“อ่อทราบแล้วครับ เมื่อวานผมเพิ่งไปส่งคุณภีมม์ขึ้นเครื่อง”“คะ...ขึ้นเครื่อง?”“คุณภีมม์ได้บอกคุณเฟิร์นเหรอครับ เห็นว่ามีประชุมด่วนกับบอร์ดบริหารของรถยนต์”“ออค่ะ เฟิร์นไม่ทราบเลย” ฉันพูดเพราะไม่รู้จริง ๆ พี่ภีมม์ไม่ได้บอกอะไรฉันเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะไปไหน อย่าว่าแต่เปิดเครื่องรับสายฉันหรือโทรมาเขายังไม่โทรมาด้วยซ้ำคุณโจทำสีหน้างง ๆ ก่อนจะเปิดประตูรถให้ฉันขึ้นไปนั่งบนรถ“เมื่อวานคุณภีมม์บอกว่าคุณน่าจะไม่สบายเลยให้นอนพักครับ ผมก็นึกว่าคุณจะไม่ออกไปทำงานเลยไม่ได้กลับมารอรับ”“อ่าค่ะ” ฉันซึ่งยังมึนงงอยู่เพราะไม่รู้ว่าพี่ภีมม์ไปไหนเลยยังสับสนอยู่เล็กน้อยจริงสินะเมื่อ

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 54 - กว่าจะรู้ใจตัวเอง

    ลีโอมาส่งฉันกลับบ้าน เขาบอกกับฉันแค่ว่าตอนแรกก็ว่าจะกลับบ้านไปแล้ว แต่เห็นฉันยังไม่ลงมาสักทีเค้าเลยตัดสินใจนั่งรอหน้าบริษัท และที่ไม่ขึ้นไปข้างบนก็เพราะกลัวคนจะนินทาว่าเราสองคนอยู่ทำงานด้วยกันจนดึกดื่นตามลำพังแค่สองคน ดูเหมือนเขาจะพอได้ยินข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับฉันมาพอสมควร“ทำไมเฟิร์นถึงไม่แก้ข่าวว่าละ ว่าผู้ชายในข่าวลือคือสามีของเฟิร์น ทำไมต้องปล่อยให้คนเข้าใจผิดว่าทำตัวแบบนั้น” ลีโอถามขึ้นมาในระหว่างทางขับรถมาส่งฉันที่คอนโด“ก็ไม่รู้จะแก้ทำไมในเมื่อไม่ใช่เรื่องจริง” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ช่างมันเถอะลีโอฉันไม่ได้สนใจนักหรอก คนมีปากก็พูดไปเรื่อยเพราะความเป็นจริงมีฉันรู้ดีที่สุด” ฉันหันไปยิ้มให้ลีโอ ทั้งที่ปากเพิ่งพูดออกไปว่าไม่เป็นไรแต่ความจริงแล้วฉันแอบไปร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก“แต่ดูเหมือนเฟิร์นกับผู้ชายคนนั้นจะไม่ค่อยโอเคกันนะ ไม่งั้นคืนนั้นเฟิร์นจะโทรมาหาเราแล้วร้องไห้ทำไม” ลีโอเดาความรู้สึกทางฉันโคตรเก่ง “และนี่ก็คงทะเลาะด้วยกันใช่ไหมไม่งั้นวันนี้เขาคงมารับเฟิร์นเหมือนทุกวันแล้ว”ฉันหันไปมองหน้าลีโอ ก่อนที่จะรีบเบือนหน้าหนีออกไปนอกกระจกเพราะกลัวน้ำตามันจะไหลออกมา“คว

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 53 - เพื่อนที่ดีที่สุด

    เป็นเพราะวันนี้ฉันมาทำงานสายและใช้เวลานานกับการเข้าไปคุยกับคุณสุวัฒน์ ทำให้ช่วงบ่ายตัวเองเผลอทำงานจนไม่ได้ดูเวลาเลยว่าท้องฟ้าเปลี่ยนจากสว่างเป็นสีส้มอมชมพูตอนไหน พอหันกลับไปมองนอกหน้าต่างแค่แป๊บเดียวด้านหลังพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้วไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ภีมม์จะกลับบ้านหรือยังนะอยู่ ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเขา ก็นะ...ปกติพี่ภีมม์ต้องไลน์มาหาฉันแล้วว่ามารอรับอยู่หน้าบริษัท พอไม่มีไลน์มาตามเหมือนทุกวัน ทำไมถึงรู้สึกปวดหนึบที่หัวใจแบบนี้นะพอเถอะเฟิร์นอีกไม่นานตัวเองต้องคืนอิสระให้เขาแล้ว เธอต้องค่อย ๆ ตัดใจสิ ฉันบอกตัวเองเป็นรอบที่ร้อยของวันก็ว่าได้เพื่อนร่วมงานค่อย ๆ ทยอยกลับไปทีละคน แม้กระทั่งลีโอที่ทำท่าจะลุกหนีด้วยอีกคนเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นทยอยกลับจนเกือบหมด“กลับแล้วเหรอลีโอ”ฉันพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุดด้วยการยอมเอ่ยทักทายเขาก่อน ทั้งที่วันนี้ทั้งวันลีโอยังไม่ยอมพูดกับฉันสักคำเดียว“...อืม” เหมือนตอนแรกลีโอจะไม่ยอมตอบฉันด้วยซ้ำไปแต่ที่สุดแล้วเขาก็ยอมตอบออกมา แม้จะไม่ยอมมองหน้าฉันก็ตามที“เฟิร์นขอโทษที่ทำให้นายเข้าใจผิดนะ แต่เราสองคนจะกลับมาเป็นเพื่อนกันแบบเดิมได้ไห

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท    My Husband 52 - โอกาสอยู่ในอากาศ

    รุ่งเช้าฉันขยับร่างกายตื่นขึ้น รู้สึกเหมือนตัวเองจะปวดเมื่อยไปทั้งตัวราวกับเพิ่งวิ่งมาราธอนเป็นสิบกิโล แต่ทว่าเช้านี้กลับไม่มีพี่ภีมม์นอนกอดฉันเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา มือที่ควานไปบนที่นอนตรงหน้าสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า ทำให้ฉันรีบหยัดตัวลุกขึ้นนั่งก่อนมองหานาฬิกาพบว่าตอนนี้เกือบจะแปดโมง และใช่...พี่ภีมม์ทิ้งฉันไว้โดยไม่ปลุกฉันสักคำไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะใจร้ายกับฉันแบบนี้ นี่สินะ...ที่เขาบอกเอาไว้ว่าต่อไปจะไม่ใจดีกับฉันแล้วช่างมันเถอะ...เป็นฉันที่ทำตัวเองทั้งนั้นสุดท้ายฉันต้องลากสังขารมาทำงานในตอนสายเพราะว่าไม่อยากลางานโดยไม่จำเป็นบ่อย ๆ แต่กระนั้นสถานการณ์ที่ทำงานกลับดูแย่กว่าที่สถานการณ์ที่บ้านอีก เมื่อเพื่อนร่วมงานที่เคยสนิทมาก ๆ ลีโอ เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาโดยไม่เงยหน้ามาทักทายฉันเลยแม้แต่น้อย เฮ้อ...มันอะไรกันหนักหนา โคตรน่าอึดอัดฉันได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเดินผ่านโต๊ะทำงานของลีโอไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่อยู่ติดกัน ท่าทีที่เมินเฉยของคนที่เคยสนิทกันมากเวลาโดนเมินแล้วมันโคตรเจ็บ อยากจะทักทาย อยากจะคุยเล่นเหมือนเมื่อก่อน ต่อไปฉันคงทำต่อไปไม่ได้แล้วสินะที่ผ่านมาลีโอเป็นได้แ

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status