สามเดือนต่อมา....
วันนี้เป็นวันปัจฉิมของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่หก น้องๆ มอสี่และมอห้าได้เตรียมจัดงานให้แก่รุ่นพี่มอหกที่จบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นซุ้มต่างๆ เพื่อให้รุ่นพี่ที่เรียนจบได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และยังมีสิ่งของมอบให้แทนใจและคำพูดว่ามิตรภาพนี้ไม่มีวันจางหาย หลังจากเสร็จพิธีรับประกาศนียบัตรของนักเรียนชั้นมอหกแล้ว ผมกับสหายทั้งสามก็พากันมาถ่ายรูปที่หน้าซุ้มต่างๆ ตามแรงจู่จากสาวๆ ทั้งหลายที่ต่างก็มารอถ่ายรูปกับพวกผม “ไอ้ไบค์ มึงไปเรียกสองคนนั้นมาถ่ายรูปดิ” ผมหันไปกระซิบบอกบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์ไม่รอช้า มันเดินเข้าไปหาต้าหนิงกับแก้มใสอย่างรู้งาน “น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ” แล้วสองสาวก็เดินตามบิ๊กไบค์มาอย่างว่าง่าย ต้าหนิงกับแก้มใสเดินมายืนตรงกลางผมรีบเดินไปยืนที่ด้านหลังของต้าหนิงส่วนบิ๊กไบค์ก็เดินไปยืนด้านหลังแก้มใส ผมกับบิ๊กไบค์มองตากันอย่างเข้าใจ ไอ้โต้งก็ยืนอยู่ข้างผมแหละ เลโอก็ยืนอยู่ข้างบิ๊กไบค์ ผมแกล้งเดินเข้าไปให้อกแกร่งชิดที่หลังของต้าหนิงทำให้เธอหันหน้ามาทำตาดุใส่ ผมยืนอมยิ้มอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้แก้มเนียนๆ ของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมา ไม่รู้ว่าที่แก้มแดงขึ้นเพราะโกรธที่โดนผมแกล้งหรือเพราะกำลังเขินอยู่กันแน่ พอถ่ายรูปเสร็จพวกผมก็เดินมากินข้าวกันที่โรงอาหารของเรียน พวกผมทั้งสี่คนได้ที่เรียนกันหมดแล้ว และก็เป็นมหาลัยเดียวกันแถมคณะเดียวกันอีก เห็นแบบนี้พวกผมก็สอบติดนะครับไม่ได้ใช้เงินเข้าอย่างที่ลูกคนรวยๆ เขาทำกัน ถึงพวกผมจะดูเหมือนไร้สาระไปวันๆ แต่การเรียนของพวกเรานี่ติดท็อปอันดับต้นๆ ของโรงเรียนตลอด “กูจะไปซื้อน้ำ พวกมึงเอาไรไหม” โต้งยืนขึ้นแล้วหันมาถามพวกผม “กูเอาโคล่า” ผมตอบ “กูด้วย” บิ๊กไบค์ตอบ “เดี๋ยวกูไปด้วย” เลโอยืนขึ้นแล้วเดินตามโต้งไปยังร้านขายน้ำ “พี่ๆ ค่ะ รีบไปช่วยต้าเร็ว!” แก้มใสวิ่งตาตั้งมาหาพวกผมอย่างตกใจ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ ช่วยต้าหนิงเหรอ พอได้ยินชื่อ..ผมก็รุกพลวดออกจากเก้าอี้ทันที ผมวิ่งตามแก้มใสมายังห้องน้ำหญิง พร้อมกับบิ๊กไบค์ ซึ่งพอมาถึงก็มีผู้หญิงยืนมุงกันเต็มทางเข้าห้องน้ำ “มันเกิดอะไรขึ้น แล้วต้าหนิงอยู่ไหน” ผมวิ่งมายังไม่เห็นตาหนิงเลยไม่รู้ว่าเธออยู่ไหน “ต้าอยู่ในห้องน้ำกับพวกเพื่อนของพี่ฝ้ายค่ะ” แก้มใสบอก ฝ้ายงั้นเหรอ ยัยนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ “หลบไป!!!” ผมตะคอกพวกผู้หญิงที่ยืนมุงอยู่ประตูทางเข้าให้พ้นทาง ผมเอื้อมมือไปเปิดแต่ประตูกลับเปิดไม่ออกเพราะถูกล็อกจากด้านใน ผมถอยหลังมาสองก้าวจากนั้นก็วิ่งเข้าไปกระโดดถีบประตูทำให้กลอนประตูพังและก็เปิดออก สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าทำให้บันดาลโทสะของผมแทบระเบิด เมื่อต้าหนิงถูกเพื่อนของฝ้ายล็อกแขนไว้ข้างล่ะคน ใบหน้าของต้าหนิงมีรอยแดงนิดๆ ผมเลื่อนสายตาลงต่ำเห็นเลือดไหลออกมาจากหัวเข่าของต้าหนิง นี่ถึงขั้นเลือดตกยางออกกันเลยเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ... ผมเดินเข้าไปกระชากตัวฝ้ายออกอย่างแรงทำให้ร่างของเธอปะทะกับกำแพงเสียงดัง อึก.. เพราะเธอตั้งท่าจะตบต้าหนิงอีก “หยุดนะ ห้ามใครแตะต้องต้าหนิงอีก ไม่งั้นมีเรื่องกับกูแน่!!” ตอนนี้ผมโมโหสุดๆ ไม่สนด้วยซ้ำว่าพวกนี้เป็นผู้หญิง เพราะการกระทำของพวกเธอมันไม่ควรที่ผมจะพูดดีด้วย ผมเดินเข้าไปช้อนตัวต้าหนิงขึ้นมาแนบกับอกแกร่ง “พี่เรซ...” ผมยิ้มให้ต้าหนิงอย่างอ่อนโยน คงจะเจ็บมาล่ะสิ “พี่ขอโทษนะ ที่เป็นต้นเหตุ ทำให้ต้าต้องเจ็บตัว” ผมรู้ สาเหตุที่ฝ้ายทำไป เพราะหึงผม เธอจะทำร้ายใคร ผมไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่ต้าหนิง “ทำไมเรซ! ทำไมต้องปกป้องมันด้วย เมื่อก่อนไม่เห็นเรซจะสนใจเลย..แล้วทำไม!” ฝ้ายตะคอกถามเสียงดังลั่น “เธอจะทำร้ายใครฉันไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่ต้าหนิง..” ผมพูดกับเธอด้วยเสียงราบเรียบพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้โมโหฝ้ายไปมากกว่านี้ “ฝ้ายเป็นแฟนเรซนะ เรซควรจะสนใจฝ้ายไม่ใช่มัน!” ฝ้ายเดินเข้ามาหวังจะดึงตัวต้าหนิงออกจากอ้อมแขนของผม แต่ก็ช้ากว่าบิ๊กไบค์เพราะมันเดินเข้ามาขว้างก่อน “งั้นเราเลิกกัน” ผมอุ้มต้าหนิงเพียงแขนเดียวเพราะเธอตัวเล็กเลยทำให้ผมอุ้มเธอได้สบายๆ ผมใช้มืออีกข้างควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงนักเรียนแล้วหยิบออกมากดเปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฝ้าย เปลี่ยนของตัวเองให้กลับไปเป็น โสด.. เหมือนเดิม ฝ้ายรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พร้อมกับทำสีหน้าตกใจ “ไม่นะเรซ ฝ้ายขอโทษ ฝ้ายจะไม่ทำอีกแล้ว อย่าเลิกกับฝ้ายเลยนะ” เธอเริ่มอ้อนวอน แต่ผมไม่แม้แต่จะสนใจไยดีเธอ ผมอุ้มต้าหนิงเดินออกมาจากห้องน้ำเดินตรงไปยังห้องพยาบาลของโรงเรียน เพื่อให้พยาบาลประจำห้องทำแผลให้กับต้าหนิง “ไปโดนอะไรมาค่ะ” เสียงพยาบาลประจำห้องถามขึ้น “ลื่นล้มนะคะ” ต้าหนิงตอบ พร้อมกับส่ายหน้าให้ผม เพื่อไม่ให้ผมพูดเรื่องที่เธอโดนทำร้ายมา ผมเดินออกมารออยู่นอกห้องพยาบาลกับบิ๊กไบค์ คงไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะ มีแก้มใสอยู่เป็นเพื่อนเดี๋ยวก็ดีขึ้น “ราเรซ... ฝ้ายขอคุยด้วยหน่อย” “ว่ามา..” “ขอคุยส่วนตัว” พูดจบฝ้ายก็เดินนำผมไปยังชั้นบนอาคารเรียน ตอนนี้อยู่ในช่วงพักกลางวันบนอาคารเรียนก็เลยค่อนข้างเงียบ ฝ้ายเดินนำเข้ามายังห้องเรียนห้องหนึ่ง “มีอะไรก็รีบพูดมา” ผมเดินไปนั่งบนโต๊ะเรียนตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ในห้อง “ราเรซชอบต้าหนิงเหรอ” ฝ้ายถาม “ถามทำไม” “ฝ้ายรู้นะ ที่ราเรซไม่กล้าพูดตามตรงเพราะกลัวจะผิดใจกับโต้งใช่ไหม เพราะโต้งห้ามเพื่อนในกลุ่มจีบน้องสาวของเขา” ฝ้ายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม เธอจ้องมองผมอย่างยั่วยวน ยั่วไปก็แค่นั่นแหละ มันไม่มีผลอะไรกับผมหรอก “หึ! อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย” ผมจ้องมองฝ้ายอย่างเซ็งๆ “ในเมื่อมันไม่มีทางเป็นไปได้ ก็ตัดใจซะเถอะ ฝ้ายยังอยู่ตรงนี้...หันกลับมาหาฝ้ายเหมือนเดิม” นี่คงเป็นวิธีง้อคืนที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้วสินะ “ไม่!” “น่าผิดหวังจัง งั้นฝ้ายขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม ถือเป็นของขวัญสำหรับการจากลาที่ดี” ฝ้ายเดินเข้ามาชิดตัวผม เธอปลดกระดุ้มเสื้อนักเรียนของตัวเองออกสามเม็ดเผยให้เห็นบราสีดำและเนินอกขาวเนียน “ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ” ผมมองหน้าฝ้ายอย่างไร้อารมณ์ ต่อให้เธอแก้ผ้าต่อหน้าผม มันก็ไม่สามารถทำให้ผมมีอารมณ์กับเธอได้หรอก เพราะเธอทำให้ต้าหนิงเจ็บตัว “ไม่ลองก็ไม่รู้ ฝ้ายนะ เด็ดกว่ายัยเด็กนั่นอีกนะ” เธอยิ้มอย่างเชิญชวน พร้อมกับลากไล่มือบางไปตามร่างกายของผมแล้วก็มาหยุดอยู่ที่กระดุ้มเม็ดบนสุดของเสื้อนักเรียนที่ผมใส่อยู่ เธอปลดมันออกไปสามเม็ด แล้วเธอก็ลากไล่มือบางเข้ามายังด้านในเสื้อลูบไล้อกแกร่งผมเล่น เธอจะรู้ตัวไหมว่าทำให้ผมรำคาญเต็มทน ตอนแรกผมคิดว่าเธออาจจะดีกว่าคนอื่นๆ ซะอีก แต่ตอนนี้เธอไม่ต่างจากคนอื่นๆ เลย ผมเอื้อมมือข้างหนึ่งไปล็อกที่ท้ายทอยของฝ้ายไว้ จากนั้นผมก็โฉบริมฝีปากของตัวเองบดขยี่ริมฝีปากเธอแรงๆ ผมแค่ถูไปมาแค่นั้น ไม่ได้แทรกลิ้นเข้าไป “จืดชืด...ฉันให้เธอได้แค่นี้แหละ ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับเรื่องที่ผ่านมาก็แล้วกันนะ” ผมลงจากโต๊ะเรียนแล้วเดินออกมา ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเธออีก...ต้าหนิงหลังจากวันนั้นที่ฉันไปดูหนังกับพี่ไผ่ ความสัมพันธ์ของเราก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น อันที่จริงพี่ไผ่เขาก็ขอคบกับฉันแล้วล่ะ แต่ฉันยังไม่ทันตอบตกลง ขอเวลามาคิดดูอีกสักหน่อย ซึ่งพี่ไผ่ก็เข้าใจไม่ได้เร่งรัดอะไรฉัน เฮียโต้งก็ชั่งรักษาคำพูดดีจริง เพราะเฮียไม่เคยเข้ามาขัดขว้างหรือวุ่นวายเลย แต่เวลาฉันจะออกไปไหน เฮียมักจะระแวงแล้วก็พูดว่า “ไปกับไอ้หน้าตี๋ใช่ไหม” ทั้งที่ฉันเดินไปแค่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ บ้านนี่เองวันนี้เป็นวันปัจฉิมของพี่มอหก ซึ่งมอสี่อย่างพวกฉันก็ต้องมาดูคอยศึกษางานและช่วยจัดงานให้กับพวกพี่ๆ เพราะปีหน้าพอฉันขึ้นมอห้า พวกฉันก็ต้องมาจัดงานให้กับพวกพี่ๆ มอหกรุ่นต่อไป“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”พี่บิ๊กไบค์เดินมาเรียกฉันกับแก้มให้ไปถ่ายรูปกับพวกพี่ๆ เขา ฉันกับแก้มใสเดินตามพี่บิ๊กไบค์ไปยังซุ่มถ่ายรูป ที่ยอมมาง่ายๆ ก็เพราะฉันเห็นว่าพี่ชายฉันก็อยู่ด้วยหรอกนะ ฉันเดินไปยืนตรงกลางระหว่างพวกเขาเพื่อถ่ายรูป และฉันก็รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันนั้นพยายามเข้าใกล้ฉันเหลือเกิน จนฉันต้องหัน
บิ๊กไบค์ผมเดินนำหน้าแก้มใสมายังตันไม้ใหญ่ข้างๆ อาคารเรียน ผมพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นาน กว่าจะกล้าเอ่ยปากบอกกับแก้มใส ยังไงวันนี้ผมก็ต้องบอกกับแก้มใสให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร“มีอะไรคะ” แก้มใสถามขึ้น“คือว่า...พี่..”น่าขายหน้าที่สุดเลย พอถึงเวลาจริงๆ กลับพูดไม่ออกซะงั้น“ไม่มีอะไรแก้มไปนะคะ” แก้มใสหันหลังเตรียมจะเดินกลับ“พี่ชอบแก้มใส..” พูดออกไปแล้ว“อะไรนะคะ..”แก้มใสหันหน้ากลับมาถามด้วยสีหน้างุนงง“พี่ชอบแก้มใส ชอบตั้งแต่วันแรกที่เรามาเรียนที่นี่แล้ว” ผมสารภาพออกไป“แต่แก้มไม่ได้ชอบพี่ค่ะ..” แก้มใสตอบอย่างไร้เยื่อใยผมก้มหน้าลงอย่างสลด ที่ต้องมาผิดหวังตั้งแต่ครั้งแรกยังไม่ได้เริ่มอะไรด้วยซ้ำ“พี่ก็ดีนะ แต่ว่าแก้มมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”ผมเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเรียวได้รูป“มันเป็นใคร” ผมถามด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิดๆ“พี่อยากรู้จริงๆ เหรอ...” แก้มใสยืนกอดอกจ้องหน้าผม“ใช่..”“แก้มชอบพี่โต้งค่ะ”นี่แก้มใสชอบไอ้โต
ST ผับDraw me my picture I’ ll draw your picture And we’ ll move the furnitures in the motel room Sing me a lullaby And kiss me goodnight Like everything’ s still fine in that motel roomวาดภาพฉันสิ และฉันจะวาดภาพเธอ แล้วเราจะย้ายเฟอร์นิเจอร์ในห้องโมเต็ลนี้ ร้องเพลงกล่อมให้ฉัน และจูบราตรีสวัสดิ์ฉัน เหมือนทุกๆ อย่างยังปกติดีในห้องโมเต็ลนั้นWe knew this has to end And we could only pretend Cause our love only leads to dead endเรารู้ว่าเรื่องนี้มันต้องจบลง และเราทำได้แต่แสร้งทำว่ามันยังดีอยู่ เพราะความรักของเรามันมุ่งสู่ทางตันLet’ s just drive out of town Let’ s runaway Let’ s get high Forget the world Forget everythingมาขับรถออกไปจากเมืองนี้กันเถอะ มาวิ่งหนีไปด้วยกัน มามีความสุขด้วยกัน ลืมโลกนี้ไป ลืมทุกๆ อย่าง ไปให้หมดDon’ t worry about this crowd No one you know is around We can do anything we wantไม่ต้องกังวลเรื่องผู้คนเหล่านี้หรอก ไม่มีคนที่เธอรู้จักอยู่หรอกนะ เราอยากทำอะไร
สามปีผ่านไป...06:00 AMต้าหนิงฉันยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ข้างสนามหลังจากวิ่งรอบสนามฟุตบอลครบสามรอบ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของการก้าวเข้าสู่รัวมหาลัยของฉัน ฉันสอบติดคณะเดียวกับเฮียโต้ง คณะบริหารธรุกิจฉันไม่ได้เจอเฮียโต้งหลายเดือนแล้ว เฮียไม่ค่อยกลับบ้านเลยช่วงสามปีที่ผ่านมา โทรไปหาก็ไม่ค่อยว่างเฮียโต้งย้ายไปอยู่ที่คอนโดหลังจากที่เรียนจบมัธยมปลาย ตอนแรกป๊ากับม๊าก็ไม่ยอมหรอก แต่เฮียให้เหตุผลว่ามันสะดวกต่อการไปเรียน เพราะจากบ้านไปมหาลัยก็ไกลพอสมควรพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินลงมายังชั้นล่างเพื่อมาทานอาหารเช้าที่ม๊าเตรียมไว้ให้“สวัสดีครับม๊า”เสียงคนขับรถประจำตัวฉันมาแล้ว พี่ไผ่ ฉันคบกับพี่ไผ่มาสามปีแล้ว เราคบกันแบบเรียบง่าย พี่ไผ่เขาเป็นสุภาพบุรุษมากไม่เคยล่วงเกินฉันเลยสักครั้ง ช่วงหลังๆ มานี้ พี่ไผ่ค่อนข้างจะยุ่งๆ เพราะพี่เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเหมือนกับเพื่อนๆ ของเขา ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา แต่ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แบบนี้มันก็โอเครดี.. และวันนี้พี่เขาว่างพอดีก็เลยอาสาจะไปส่งฉันที่มหาลัย“ทานข้าวเช้ามาหรือยังล่ะลูก ทานกับน้องไหม” เสียงมาม๊าชวนพี่ไผ่อย่างใจดี“เรียบร้อยแล้วค
ตั้งแต่วันนั้น...ที่โรงเรียน ฉันก็ไม่ได้เจอพี่ราเรซอีกเลย แล้วก็เหมือนว่าพอเฮียโต้งไม่อยู่ พวกพี่ๆ เขาก็ไม่มาเตะบอลกันอย่างเคย ฉันเลยไม่รู้ว่าแต่ล่ะคนเป็นอย่างไรกันบ้างฉันไม่มีความกล้าพอที่จะเงยขึ้นไปมองหน้าเขา ฉันก้มหน้ามองเพียงแค่รองเท้า Converse ของเขาสลับกับรองเท้าผ้าใบของตัวเอง“ไปไหนมาค่ะ” เสียงหวานใสพูดขึ้นรองเท้าส้นสูงสีแดงเดินมาหยุดอยู่ข้างรองเท้า Converse ของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ เจ้าของรองเท้าสีแดงคู่นี้คือ พี่ซินดี้ฉันขยับตัวเดินเลี่ยงๆ พวกเขาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ ใจฉันมันอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแทบตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายมันไม่ยอมทำตามที่ใจต้องการ“เอาล่ะครับ เมื่อน้องปีหนึ่งลงชื่อกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินต่อแถวกันไปยังหอประชุมเลยครับ จะได้เริ่มกิจกรรมต่อไป” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมที่ถือไมค์อยู่ประกาศบอก ฉันชำเลืองไปมองที่ป้ายชื่อของพี่เขาเขียนว่า P’ บาสหอประชุม...“เอาล่ะครับน้องๆ ให้น้องปีหนึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะหกคนนะครับ ขาดเกินอย่างไรเดี๋ยวพี่ดูให้ เริ่ม
ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆฉันเบิกตาโตอย่างตกใจ เมื่อริมฝีปากหนาของพี่ราเรซโฉบลงมาทาบทับริมฝีปากบางของฉันอย่างรวดเร็ว สัมผัสนุ่มนิ่มดุจปุยเมฆทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มอย่างหลงใหล ลิ้นชื้นแทรกผ่านกีบปากบางเข้ามาตวัดดูดดึงลิ้นเล็กอย่างช่ำชอง พี่ราเรซแม้มริมฝีปากบนล่างสลับกันเล่นอย่างหยอกล้อ ฉันกำเสื้อนักศึกษาบริเวณอกแกร่งแน่นจนมันเริ่มยับยู้ยี้ ไม่เรียบเหมือนก่อนหน้านี้พี่ราเรซอุ้มฉันขึ้นไปนั่งบนโต๊ะโดยที่ยังไม่ล่ะริมฝีปากออกจากกัน เขาแทรกร่างหนาของตัวเองเข้ามาตรงกลาง ฉันเผลอขยับเรียวขาอ้าออกโอบรอบเอวหน้าไว้อย่างลืมตัวมือหนาข้างหนึ่งลูบไล้เรียวขางามขึ้นมายังขาอ่อนด้านใน ทำให้กระโปรงพีทของฉันเลิกขึ้นสูงแทบจะเห็นกางเกงชั้นในอยู่แล้ว มือหนาลากไล่วนไปมาสร้างความสยิวไม่หยุดย่อน ไม่นานมือหนาข้างนั่นก็หายฟุบเข้าไปภายในกางเกงชั้นใน“อื้อ...อ๊ะ!”ฉันร้องเสียงหลง เมื่อนิ้วเรียวยาวกรีดแทรกเข้ามายังรอยแยกกลางกาย ริมฝีปากของพี่ราเรซลากไล้มายังลำคอระหง เขาแม้มดูดเสียงดัง จ๊วบ.. มันยิ่งทำให้สติของฉันแตกกระเจิงไปอีก“อื้อ... อ๊ะ! อ๊ะ!”ฉันไม่สามา
ฉันเดินมายังลาดจอดรถของมหาลัย ตลอดทางเดินนี่มันชั่งเย็นวูบวาบดีเหลือเกิน คนบ้าเอ๊ย... เดินมาได้สักพักฉันก็เจอรถยี่ห้อเดียวกันจอดเรียงกันอยู่สี่คนแต่คนล่ะสี สีแดงของเฮียโต้ง ถัดมาคือสีดำ สีส้ม สีขาว แล้วรถพี่ราเรซสีอะไรล่ะ..ฉันลองกดปุ่มรีโมทที่กุญแจ สัญญาณปลดล็อกสว่างวาบขึ้นที่รถคันสีดำ นี่รถเขาสินะ.. ฉันมองหันซ้ายหันขวาดูว่ามีใครเห็นฉันหรือเปล่า พอแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นแล้ว ฉันก็รีบเปิดประตูรถคันสีดำเข้าไปนั่งข้างในอย่างรวดเร็ว ฉันสตาร์ทเครื่องรออย่างที่พี่ราเรซบอกพร้อมกับล็อกประตูด้วยนั่งรออยู่สักพักเขาก็เดินมา ฉันเอื้อมมือไปปลดล็อกประตูฝั่งคนขับ เพื่อให้เขาเปิดประตูเข้ามาได้“เอาคืนมาได้แล้วค่ะ ต้าจะได้กลับบ้าน”ฉันแบมือยื่นไปตรงหน้า เหมือนเด็กแบมือขอเงินจากผู้ใหญ่“เดี๋ยวไปส่ง”หันมาบอกฉันเสร็จ พี่ราเรซก็ถอยรถขับออกจากมหาลัยทันที“แล้วเขารับน้องเสร็จแล้วเหรอ” ฉันเอ่ยถาม เมื่อรถวิ่งอยู่บนถนนได้สักพัก“ยัง” พี่ราเรซตอบโดยที่ตายังมองถนนอยู่“แล้วต้าหายมาแบบนี้จะโดนรุ่นพี่ทำโทษไหม”แอบหนีมาแบบนี
ไอ้บาสประกาศให้น้องปีหนึ่งจับกลุ่มโดยที่ให้แต่ล่ะกลุ่มมีชายหญิงปนกันด้วย ผมนี้อารมณ์ขุ่นขึ้นมาเลยครับ“ไอ้ไบค์ ไปลากไอ้บาสมานี่ดิ”พอบาสพูดจบบิ๊กไบค์ก็เดินเข้าไปจับคอเสื้อนักศึกษาของบาสแล้วก็ลากมันมาหาผม“อะไรของมึงครับ” บาสโวยนิดหน่อยที่ถูกบิ๊กไบค์เชิญตัวมาอย่างมีมารยาทผู้ดี..ป้าบ!ผมตบหัวไอ้บาสไปหนึ่งที แต่ก็ไม่ได้แรงอะไรมาก แค่มันเกือบหัวทิ่มนิดหน่อย“มึงประกาศ เหี้ยไร ทำไมให้จับกลุ่มปนกันมัวแบบนั้น” ผมโวยไอ้บาส“เอ้า! ไอ้นิ ก็กูต้องการให้น้องๆ ทำความรู้จักกัน และก็สามัคคีกัน พวกมึงไม่ช่วยเหี้ยไร ก็อยู่เฉยๆ ควายยยยย” แล้วผมก็โดนไอ้บาสด่ากลับเกมที่พวกน้องปีหนึ่งเล่นอยู่นี้มันขัดหูขัดตาชิบ... ทำไมต้าหนิงต้องไปอยู่กลางด้วยว่ะ ดูไอ้เหี้ยสองตัวนั้นดิ ยิ้มหน้าระรื่นอยู่ได้“กูอยากเอาส้นตีนยันหน้าไอ้สองตัวนั่นจัง” บิ๊กไบค์หันมาพูดกับผมให้ได้ยินแค่สองคน“กูก็ด้วย สัสเอ๊ย...”ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีล่ะครับ ได้แต่นั่งดูไปอย่างเซ็งๆตุบ!“เฮ้ย!! /เฮ้ย!!”ผมกับบิ๊กไบค์ร้
“ต้าเจ็บ อึก...อือ..” ในที่สุดฉันก็ร้องไห้ออกมาจนได้พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วหันมาจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ พยายามไม่สนใจหยดน้ำใสที่ไหลออกมาตามหางตาราเรซ“ต้าเจ็บ อึก...อือ..”ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากริมฝีปากหวาน มันก็ทำให้ผมได้สติขึ้นมา ผมเผลอทำรุนแรงกับต้าหนิงเพราะความโมโหที่เห็นต้าหนิงอยู่กับผู้ชายคนอื่น และโมโหที่เธอดื้อกับผม“เจ็บมากไหม...” ผมจ้องมองใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา พอได้เห็นน้ำตาของต้าหนิงทีไร มันก็ทำให้ผมปวดหัวใจทุกที“คนใจร้าย”“ก็อยากดื้อกับพี่ทำไมล่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“มายุ่งกับต้าทำไม ทำแบบนี้กับต้าทำไม ผู้หญิงของพี่ก็มีตั้งเยอะ ไปทำกับผู้หญิงของพี่สิ” คำพูดเหมือนน้อยใจเลยแฮะ“พี่อยากทำกับต้านิ” ต้าหนิงมองค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น“พี่ขอโทษ ที่รุนแรงกับต้า ก็พี่โมโหอ่ะ” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนสุดๆ“โมโหอะไรคะ ต้าต่างหากที่ต้องโมโห” ต้าหนิงหันกลับมามองหน้าผมอย่างโกรธเคือง“แล้วต
“ต้าหนิง”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อฉัน พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตะลึงงัน คงจะตกใจมากล่ะสิที่ได้เห็นหน้าฉัน ไหนบอกฉันว่างานยุ่งไง แต่ที่เห็นในตอนนี้นี่มันคืออะไร... ไอ้ยุ่งๆ ที่ว่าก็คงจะเป็นเรื่องนี้สินะ เขามันไม่เคยพอเลยจริงๆผู้หญิงที่นั่งขนาบข้างพี่ราเรซกับพี่เลโอหันมาหลับตาชังใส่ฉันหนึ่งที แล้วก็หันไปเล้าโลมผู้ชายในมือของหล่อนต่อ พวกนั้นคือพริตตี้ที่ถูกจ้างมาในงานวันนี้เพราะเจอกันในห้องแต่งตัว ฉันจำพวกหล่อนได้“อ้าว พวกเฮียๆ มาทำอะไรกันในห้องนี้ครับ ที่เช่จ้องให้มันอีกห้องหนึ่งนิ ห้องนี้เช่จะไว้ดูการแข่งสองคนกับสาวสวยของเช่นะ” ปอร์เช่เดินเข้ามายืนข้างฉันแล้วพูดขึ้น เด็กนี่ตัวสูงเป็นบ้าเลย“มึงว่าไงนะ ไอ้เช่” พี่ราเรซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโห“เราจะดูการแข่งรถในห้องนี้สองคนค่ะ”ฉันสอดมือเข้าไปคล้องแขนหนาของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างฉันในตอนนี้ ปอร์เช่เลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าฉันอย่าง งงๆ แต่ก็แค่แป๊บเดียว หนุ่มน้อยก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันเปลี่ยนมาโอบรอบเอวฉันแทน เด็กนี่ร้ายชะมัด ฉันทำเป็นยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งที่ความจริงไม่ได้รู
“มึงเคลียร์นานไปนะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า เฮียโต้งก็ทักขึ้นทันที“มึงก็เลยส่งไอ้เลโอลงไปตามว่างั้น” พี่ราเรซเอียงคอถามอย่างกวนทีน...“เปล่า กูใช้มันไปเอาน้ำแข็งเฉยๆ” เฮียโต้งตอบพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เหมือนกัน“ไงมึง ไปเจอช็อตเด็ดมาล่ะสิ” พี่บิ๊กไบค์ถามพี่เลโอ เมื่อพี่เลโอเดินขึ้นมา“สรุปยังไง ไอ้เลโอ” พี่ราเรซหันไปเอาเรื่องพี่เลโอต่อ“ไอ้โต้งมันใช้กูไปขวางมึงนั่นแหละ”“ไอ้เลโอ!!” แล้วพี่เลโอก็โดนเฮียโต้งตะคอก แต่ก็ไม่ได้โมโหจริงจัง เหมือนจะหยอกล้อกันมากกว่า“เฮีย ขอคุยด้วยหน่อย”ฉันเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งเฮียก็เดินเข้ามากอดคอฉันให้เดินไปคุยกับที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วพี่ราเรซก็เดินตามมาด้วย แถมยังเอื้อมมือมาโอบเอวฉันอีกต่างหากฟุบ!!! แล้วก็โดนเฮียโต้งเหวี่ยงมือหนาไปใส่หัวหนึ่งที แต่พี่ราเรซกลับหลบได้ซะก่อน“อย่าเยอะไอ้เรซ กูไม่เห็นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้กูเห็น เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนข้าว” เฮียโต้งหันไปขู่พี่ราเรซ ซึ่งรายนั้นก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น“ไงเรา มีอะไรจะ
“พวกเพื่อนพี่ชายของต้ามานอนที่บ้านบ่อยเหรอ” พี่ไผ่ถามขึ้นหลังจากที่พวกเฮียโต้งไปกันหมดแล้ว“เมื่อก่อนก็บ่อยล่ะคะ แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ค่อยมาเท่าไร”“แล้วในบรรดาพวกเพื่อนของพี่ชายต้า มีใครทำอะไรไม่ดีกับต้าหรือเปล่า..” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ไผ่อย่าง งงๆ นี่เขาอยากจะถามอะไรฉัน“พี่หมายถึง แบบว่า มีใครที่นิสัยไม่ดี ชอบมาวุ่นวายกับต้า อะไรประมาณนี้”ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่มีหรอก แต่ตอนนี้.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน“ไม่นี่ค่ะ พวกเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายกับต้าหรอก” ฉันจำต้องตอบพี่ไผ่ไปแบบนั้น“ถ้ามีอะไร ก็บอกพี่ได้นะ” พี่ไผ่ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี“ค่ะ”“น้องต้าครับ พี่ขอน้ำแข็งสักสองถังหน่อยสิ พวกพี่จะตั้งวงกันบนดานฟ้า” พี่บิ๊กไบค์โผล่หน้าจากทางขึ้นบันไดบ้านมาบอกกับฉัน“จะดื่มกันแต่ตั้งหัววันเลยเหรอคะ” ฉันถามพี่บิ๊กไบค์“ครับ พอดีว่าไอ้เรซมันกำลังเฮิร์ทนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็เป็นหมาหงอยซะงั้น”คำพูดของพี่บิ๊กไบค์ มันทำให้ฉันใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้ คงไม่ได้เป็นเพราะฉันหรอกนะ“ป่ะ ไอ้ไบค์ ไ
“ฉันเด็ดกว่าแฟนนายเยอะ นายก็รู้”แล้วฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นอยู่ด้านนอกนั้น พี่ไผ่กับพี่ซินดี้“อ๊ะ..ไผ่”“แรงอีก อ๊ะ..” เสียงเก้าอี้นั่งดัง เอี๊ยด อ๊าด ทำให้ฉันแสบแก้วหู“อ่า..ซินดี้..” เสียงพี่ไผ่ครางต่ำฉันถึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่ พวกเขาทำอะไรกัน แสลงหูที่สุดเลย แต่ที่หนักกว่าด้านนอกก็คงจะเป็นพี่ราเรซในตอนนี้ สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเก็บกดอะไรสักอย่าง ฉันรับรู้ถึงบางอย่างที่แข็งขึงกำลังจ่ออยู่ที่หน้าท้องของฉัน“พี่ไม่ไหวแล้วต้า..” เสียงพี่ราเรซกระซิบแหบพร่าชิดริมหู เรียกขนในกายให้รุกชันอย่างซาบซ่านพี่ราเรซจับเสื้อยืดฉันถอดขึ้นออกทางศีรษะ มือหนาปลดตะขอบราออกในทันที แขนแกร่งข้างหนึ่งรั้งเอวบางฉันเข้าไปชิดตัว ริมฝีปากหนาก้มลงมาครอบครองยอดอกดูดเม้มอย่างรุนแรง มืออีกข้างก็เลื่อนต่ำลงเข้าไปในกางเกงชั้นใน ส่งนิ้วเรียวเข้าไปสะกิดกับจุดอ่อนไหวกลางกาย พี่ราเรซง้อข้อมือเข้าออกอย่างรัวเร็ว เรียวขางามเริ่มสั่นนิดๆ ทรงตัวไม่อยู่ เพราะโดนพี่ราเรซเล้าโลมทั้งบนและล่างอย่างจาบจ้วง เมื่อพี่ราเรซถอด
“เราเป็น..” พี่ซินดี้กำลังจะตอบ“เพื่อนสมัยมัธยมพี่นะ” แต่พี่ไผ่กลับชิ่งตอบซะก่อน แล้วพี่ซินดี้ก็หันมามองหน้าพี่ไผ่แปลกๆ“แล้วสองคนรู้จักกันได้ไง” พี่ซินดี้หันมาถามฉัน“เราเป็นแฟนกัน” พี่ไผ่ตอบแทน“จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะหาแฟนได้น่ารักขนาดนี้” พี่ซินดี้หันไปคุยกับพี่ไผ่“ทำไมล่ะ ฉันจะมีแฟนน่ารักๆ ไม่ได้หรือไง”“งั้นก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเอาใจใส่”“ต้าหนิงไม่ใช่คนเรื่องมาก และฉันก็เอาใจใส่แฟนฉันอยู่แล้ว”ทำไมฉันรู้สึกเหมือนสองคนนี้กำลังเถียงกันโดยทางอ้อมนะ ใบหน้าที่กำลังปั้นยิ้มใส่กันนั่นอีก“ต้าอิ่มแล้วค่ะ” ฉันพูดโพล่ขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ยอมเลิกจิกกัดกันด้วยสายตาสักที“กลับบ้านกัน เพื่อนพี่น่าจะไปรอที่สนามแล้วล่ะ” พี่ไผ่บอก“จะไปไหนกันต่อเหรอ” พี่ซินดี้ถามขึ้น“ออ ที่บ้านต้ามีสนามหญ้าเทียมให้เช่านะคะ พี่ไผ่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลกัน” ฉันพูดกระจายต่อมความอยากรู้ให้พี่ซินดี้ฟัง“ขอไปด้วยสิ คือซินดี้อยากไปเที่ยวบ้านน้องต้าหนิงอ่ะ ไปได้ไ
“พี่ไผ่มารับกลับบ้านไปแล้วค่ะ”ทันทีที่ได้ยินคำตอบ มันก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าผมหายวับไปในพริบตา ทำไมมันต้องมีมารมาขัดขว้างตลอดเลยว่ะ แก้มใสยืนมองหน้าผมอย่างหวาดหวั่น สงสัยกลัวผมจะอารมณ์เสียใส่ล่ะมั้ง“ขอบคุณครับ ที่มาบอกพี่” ผมยิ้มให้แก้มใสอีกครั้ง“ค่ะ พี่ราเรซอย่างโกรธต้าหนิงเลยนะคะ ที่จริงต้ามันก็มานั่งรอตามที่พี่ราเรซบอก แต่ว่า...”“ไม่เป็นไรครับ แล้วเรากลับยังไงล่ะ”“กลับรถเมล์ค่ะ”“เดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามปฏิเสธ”ผมแค่อยากตอบแทนที่แก้มใสเดินมาบอก ไม่งั้นผมคงจะโกรธคนตัวเล็กไปแล้ว เพราะคิดว่าเธอไม่มารอตามนัด และการที่แก้มใสเดินมาบอกผมแบบนี้แสดงว่าเธอกำลังเชียร์ผมอยู่“แก้มใสกับต้าหนิงสนิทกันมากเลยเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อขับรถออกมาจากมหาลัยได้สักพัก“ค่ะ ตั้งแต่อนุบาลเลย แก้มไม่ค่อยมีเพื่อนนะคะ ตอนเด็กๆ แก้มมักจะโดนเพื่อนแกล้งและก็โดนล้อว่าไม่มีพ่ออยู่เป็นประจำ ต่างกับต้าหนิงรายนั้นนะเพื่อนเยอะ มีแต่คนรุมรอบ คริๆ เพราะต้าหนิงน่ารักและสดใสอยู่ตลอดเวลา” เธอเล่าไปขำไป“ฮอตตั้งแต่เด็กเลยเหรอ ยัยเด
ราเรซผมลืมตาตื่นขึ้นมาหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงนอน เช้าแล้วเหรอ... ผมหันกลับมามองความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของผมทั้งคืน ยังไม่ตื่นเลย... สงสัยจะเพลียมาก เพราะโดนผมจัดหนักไปหลายรอบ ก็ไม่อยากจะหักโหมมากหรอก ผมแค่กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอต้าหนิงอีก กลัวเธอจะหนีไปเหมือนเมื่อวันก่อน ก็เลยต้องจัดหนักให้หมดแรงกันไปข้าง จะได้ไม่มีแรงลุกหนีผมไปไหนได้อีกผมเลื่อนจมูกโด่งชิดแก้มเนียนถูวนไปมา แล้วมือน้อยๆ ของต้าหนิงก็ยกขึ้นมาผลักหน้าผมออก ทำให้ผ้าห่มที่คลุมช่วงบนอยู่เปิดออก เผยให้เห็นดอกบัวคู่งามที่มีรอยแดงเป็นจ้ำเต็มไปหมด ผมรู้ว่าวันนี้ต้าหนิงมีเรียนก็เลยไม่ทำรอยที่ลำคอ เดี๋ยวผมจะโดนไอ้โต้งลากไปกระทืบอีก ผมก็เลยมาทำใต้ร่มผ้าแทนพอยกมือขึ้นมาปัดหน้าผม ต้าหนิงก็หลับต่อ ยังไม่รู้ตัวอีก... เล่นล่อตากันแต่เช้าแบบนี้ พี่ก็อดไม่ไหวนะผมเลือนริมฝีปากลงไปครอบครองยอดอกของต้าหนิง ซึ่งตอนแรกมันก็สงบนิ่งดีอยู่หรอก แต่พอโดนปลายลิ้นเขี่ยเข้าให้ก็ชูชันขึ้นมาทันที พร้อมกันเจ้าของที่ลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผมด้วยความตกใจ“พี่เรซ.. เล่นอะไรเนี้ย หยุดนะ”
“เฮียทำเกินไปแล้ว..”ฉันกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อไปหาเฮียโต้ง เรียวแขนยาวๆ ก็โอบรอบเอวบางของฉันไว้ซะก่อน ทำให้แผ่นหลังชิดกับอกแกร่งความอุ่นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้“พี่เคลียร์แล้ว ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับพี่นะ”ฉันหันไปมองหน้าพี่ราเรซ นัยน์ตาของพี่ราเรซในตอนนี้แลดูอบอุ่นและมีความสุข จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่กลางใจ ไหวหวั่นอีกแล้ว ฉันไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่ราเรซได้อีกแล้ว“ฮะ แฮ่ม! ไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ มีเด็กอยู่ด้วย” เสียงน้าไดมอนด์พูดขึ้นฉันรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพี่ราเรซทันที แต่มือหนาก็เอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้อยู่ดี เหมือนกลับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้นแหละ“ไม่เป็นไรค่ะ พ่อมอนด์ ไดน่าชินแล้ว”แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่คนก็หันไปมองที่ไดน่าก่อนที่น้าของขวัญกับน้าไดมอนด์จะหันกลับมามองที่ฉันกับพี่ราเรซ สีหน้าแสดงเป็นคำถามว่า เราสองคนทำอะไรให้ไดน่าเห็น...“เรซไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”“แล้วน้องเห็นอะไรล่ะ ไอ้เรซ”“พี่เรซชอบกอดพี่ต้าจากด้านหลังค่ะ” แล้วก็เป็นไดน่าที่ตอบพ่อของเธ