สามเดือนต่อมา....
วันนี้เป็นวันปัจฉิมของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่หก น้องๆ มอสี่และมอห้าได้เตรียมจัดงานให้แก่รุ่นพี่มอหกที่จบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นซุ้มต่างๆ เพื่อให้รุ่นพี่ที่เรียนจบได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และยังมีสิ่งของมอบให้แทนใจและคำพูดว่ามิตรภาพนี้ไม่มีวันจางหาย หลังจากเสร็จพิธีรับประกาศนียบัตรของนักเรียนชั้นมอหกแล้ว ผมกับสหายทั้งสามก็พากันมาถ่ายรูปที่หน้าซุ้มต่างๆ ตามแรงจู่จากสาวๆ ทั้งหลายที่ต่างก็มารอถ่ายรูปกับพวกผม “ไอ้ไบค์ มึงไปเรียกสองคนนั้นมาถ่ายรูปดิ” ผมหันไปกระซิบบอกบิ๊กไบค์ บิ๊กไบค์ไม่รอช้า มันเดินเข้าไปหาต้าหนิงกับแก้มใสอย่างรู้งาน “น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ” แล้วสองสาวก็เดินตามบิ๊กไบค์มาอย่างว่าง่าย ต้าหนิงกับแก้มใสเดินมายืนตรงกลางผมรีบเดินไปยืนที่ด้านหลังของต้าหนิงส่วนบิ๊กไบค์ก็เดินไปยืนด้านหลังแก้มใส ผมกับบิ๊กไบค์มองตากันอย่างเข้าใจ ไอ้โต้งก็ยืนอยู่ข้างผมแหละ เลโอก็ยืนอยู่ข้างบิ๊กไบค์ ผมแกล้งเดินเข้าไปให้อกแกร่งชิดที่หลังของต้าหนิงทำให้เธอหันหน้ามาทำตาดุใส่ ผมยืนอมยิ้มอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้แก้มเนียนๆ ของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมา ไม่รู้ว่าที่แก้มแดงขึ้นเพราะโกรธที่โดนผมแกล้งหรือเพราะกำลังเขินอยู่กันแน่ พอถ่ายรูปเสร็จพวกผมก็เดินมากินข้าวกันที่โรงอาหารของเรียน พวกผมทั้งสี่คนได้ที่เรียนกันหมดแล้ว และก็เป็นมหาลัยเดียวกันแถมคณะเดียวกันอีก เห็นแบบนี้พวกผมก็สอบติดนะครับไม่ได้ใช้เงินเข้าอย่างที่ลูกคนรวยๆ เขาทำกัน ถึงพวกผมจะดูเหมือนไร้สาระไปวันๆ แต่การเรียนของพวกเรานี่ติดท็อปอันดับต้นๆ ของโรงเรียนตลอด “กูจะไปซื้อน้ำ พวกมึงเอาไรไหม” โต้งยืนขึ้นแล้วหันมาถามพวกผม “กูเอาโคล่า” ผมตอบ “กูด้วย” บิ๊กไบค์ตอบ “เดี๋ยวกูไปด้วย” เลโอยืนขึ้นแล้วเดินตามโต้งไปยังร้านขายน้ำ “พี่ๆ ค่ะ รีบไปช่วยต้าเร็ว!” แก้มใสวิ่งตาตั้งมาหาพวกผมอย่างตกใจ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ ช่วยต้าหนิงเหรอ พอได้ยินชื่อ..ผมก็รุกพลวดออกจากเก้าอี้ทันที ผมวิ่งตามแก้มใสมายังห้องน้ำหญิง พร้อมกับบิ๊กไบค์ ซึ่งพอมาถึงก็มีผู้หญิงยืนมุงกันเต็มทางเข้าห้องน้ำ “มันเกิดอะไรขึ้น แล้วต้าหนิงอยู่ไหน” ผมวิ่งมายังไม่เห็นตาหนิงเลยไม่รู้ว่าเธออยู่ไหน “ต้าอยู่ในห้องน้ำกับพวกเพื่อนของพี่ฝ้ายค่ะ” แก้มใสบอก ฝ้ายงั้นเหรอ ยัยนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ “หลบไป!!!” ผมตะคอกพวกผู้หญิงที่ยืนมุงอยู่ประตูทางเข้าให้พ้นทาง ผมเอื้อมมือไปเปิดแต่ประตูกลับเปิดไม่ออกเพราะถูกล็อกจากด้านใน ผมถอยหลังมาสองก้าวจากนั้นก็วิ่งเข้าไปกระโดดถีบประตูทำให้กลอนประตูพังและก็เปิดออก สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าทำให้บันดาลโทสะของผมแทบระเบิด เมื่อต้าหนิงถูกเพื่อนของฝ้ายล็อกแขนไว้ข้างล่ะคน ใบหน้าของต้าหนิงมีรอยแดงนิดๆ ผมเลื่อนสายตาลงต่ำเห็นเลือดไหลออกมาจากหัวเข่าของต้าหนิง นี่ถึงขั้นเลือดตกยางออกกันเลยเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ... ผมเดินเข้าไปกระชากตัวฝ้ายออกอย่างแรงทำให้ร่างของเธอปะทะกับกำแพงเสียงดัง อึก.. เพราะเธอตั้งท่าจะตบต้าหนิงอีก “หยุดนะ ห้ามใครแตะต้องต้าหนิงอีก ไม่งั้นมีเรื่องกับกูแน่!!” ตอนนี้ผมโมโหสุดๆ ไม่สนด้วยซ้ำว่าพวกนี้เป็นผู้หญิง เพราะการกระทำของพวกเธอมันไม่ควรที่ผมจะพูดดีด้วย ผมเดินเข้าไปช้อนตัวต้าหนิงขึ้นมาแนบกับอกแกร่ง “พี่เรซ...” ผมยิ้มให้ต้าหนิงอย่างอ่อนโยน คงจะเจ็บมาล่ะสิ “พี่ขอโทษนะ ที่เป็นต้นเหตุ ทำให้ต้าต้องเจ็บตัว” ผมรู้ สาเหตุที่ฝ้ายทำไป เพราะหึงผม เธอจะทำร้ายใคร ผมไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่ต้าหนิง “ทำไมเรซ! ทำไมต้องปกป้องมันด้วย เมื่อก่อนไม่เห็นเรซจะสนใจเลย..แล้วทำไม!” ฝ้ายตะคอกถามเสียงดังลั่น “เธอจะทำร้ายใครฉันไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่ต้าหนิง..” ผมพูดกับเธอด้วยเสียงราบเรียบพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้โมโหฝ้ายไปมากกว่านี้ “ฝ้ายเป็นแฟนเรซนะ เรซควรจะสนใจฝ้ายไม่ใช่มัน!” ฝ้ายเดินเข้ามาหวังจะดึงตัวต้าหนิงออกจากอ้อมแขนของผม แต่ก็ช้ากว่าบิ๊กไบค์เพราะมันเดินเข้ามาขว้างก่อน “งั้นเราเลิกกัน” ผมอุ้มต้าหนิงเพียงแขนเดียวเพราะเธอตัวเล็กเลยทำให้ผมอุ้มเธอได้สบายๆ ผมใช้มืออีกข้างควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงนักเรียนแล้วหยิบออกมากดเปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฝ้าย เปลี่ยนของตัวเองให้กลับไปเป็น โสด.. เหมือนเดิม ฝ้ายรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พร้อมกับทำสีหน้าตกใจ “ไม่นะเรซ ฝ้ายขอโทษ ฝ้ายจะไม่ทำอีกแล้ว อย่าเลิกกับฝ้ายเลยนะ” เธอเริ่มอ้อนวอน แต่ผมไม่แม้แต่จะสนใจไยดีเธอ ผมอุ้มต้าหนิงเดินออกมาจากห้องน้ำเดินตรงไปยังห้องพยาบาลของโรงเรียน เพื่อให้พยาบาลประจำห้องทำแผลให้กับต้าหนิง “ไปโดนอะไรมาค่ะ” เสียงพยาบาลประจำห้องถามขึ้น “ลื่นล้มนะคะ” ต้าหนิงตอบ พร้อมกับส่ายหน้าให้ผม เพื่อไม่ให้ผมพูดเรื่องที่เธอโดนทำร้ายมา ผมเดินออกมารออยู่นอกห้องพยาบาลกับบิ๊กไบค์ คงไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะ มีแก้มใสอยู่เป็นเพื่อนเดี๋ยวก็ดีขึ้น “ราเรซ... ฝ้ายขอคุยด้วยหน่อย” “ว่ามา..” “ขอคุยส่วนตัว” พูดจบฝ้ายก็เดินนำผมไปยังชั้นบนอาคารเรียน ตอนนี้อยู่ในช่วงพักกลางวันบนอาคารเรียนก็เลยค่อนข้างเงียบ ฝ้ายเดินนำเข้ามายังห้องเรียนห้องหนึ่ง “มีอะไรก็รีบพูดมา” ผมเดินไปนั่งบนโต๊ะเรียนตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ในห้อง “ราเรซชอบต้าหนิงเหรอ” ฝ้ายถาม “ถามทำไม” “ฝ้ายรู้นะ ที่ราเรซไม่กล้าพูดตามตรงเพราะกลัวจะผิดใจกับโต้งใช่ไหม เพราะโต้งห้ามเพื่อนในกลุ่มจีบน้องสาวของเขา” ฝ้ายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม เธอจ้องมองผมอย่างยั่วยวน ยั่วไปก็แค่นั่นแหละ มันไม่มีผลอะไรกับผมหรอก “หึ! อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย” ผมจ้องมองฝ้ายอย่างเซ็งๆ “ในเมื่อมันไม่มีทางเป็นไปได้ ก็ตัดใจซะเถอะ ฝ้ายยังอยู่ตรงนี้...หันกลับมาหาฝ้ายเหมือนเดิม” นี่คงเป็นวิธีง้อคืนที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้วสินะ “ไม่!” “น่าผิดหวังจัง งั้นฝ้ายขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม ถือเป็นของขวัญสำหรับการจากลาที่ดี” ฝ้ายเดินเข้ามาชิดตัวผม เธอปลดกระดุ้มเสื้อนักเรียนของตัวเองออกสามเม็ดเผยให้เห็นบราสีดำและเนินอกขาวเนียน “ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ” ผมมองหน้าฝ้ายอย่างไร้อารมณ์ ต่อให้เธอแก้ผ้าต่อหน้าผม มันก็ไม่สามารถทำให้ผมมีอารมณ์กับเธอได้หรอก เพราะเธอทำให้ต้าหนิงเจ็บตัว “ไม่ลองก็ไม่รู้ ฝ้ายนะ เด็ดกว่ายัยเด็กนั่นอีกนะ” เธอยิ้มอย่างเชิญชวน พร้อมกับลากไล่มือบางไปตามร่างกายของผมแล้วก็มาหยุดอยู่ที่กระดุ้มเม็ดบนสุดของเสื้อนักเรียนที่ผมใส่อยู่ เธอปลดมันออกไปสามเม็ด แล้วเธอก็ลากไล่มือบางเข้ามายังด้านในเสื้อลูบไล้อกแกร่งผมเล่น เธอจะรู้ตัวไหมว่าทำให้ผมรำคาญเต็มทน ตอนแรกผมคิดว่าเธออาจจะดีกว่าคนอื่นๆ ซะอีก แต่ตอนนี้เธอไม่ต่างจากคนอื่นๆ เลย ผมเอื้อมมือข้างหนึ่งไปล็อกที่ท้ายทอยของฝ้ายไว้ จากนั้นผมก็โฉบริมฝีปากของตัวเองบดขยี่ริมฝีปากเธอแรงๆ ผมแค่ถูไปมาแค่นั้น ไม่ได้แทรกลิ้นเข้าไป “จืดชืด...ฉันให้เธอได้แค่นี้แหละ ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับเรื่องที่ผ่านมาก็แล้วกันนะ” ผมลงจากโต๊ะเรียนแล้วเดินออกมา ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเธออีก...ต้าหนิงหลังจากวันนั้นที่ฉันไปดูหนังกับพี่ไผ่ ความสัมพันธ์ของเราก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น อันที่จริงพี่ไผ่เขาก็ขอคบกับฉันแล้วล่ะ แต่ฉันยังไม่ทันตอบตกลง ขอเวลามาคิดดูอีกสักหน่อย ซึ่งพี่ไผ่ก็เข้าใจไม่ได้เร่งรัดอะไรฉัน เฮียโต้งก็ชั่งรักษาคำพูดดีจริง เพราะเฮียไม่เคยเข้ามาขัดขว้างหรือวุ่นวายเลย แต่เวลาฉันจะออกไปไหน เฮียมักจะระแวงแล้วก็พูดว่า “ไปกับไอ้หน้าตี๋ใช่ไหม” ทั้งที่ฉันเดินไปแค่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ บ้านนี่เองวันนี้เป็นวันปัจฉิมของพี่มอหก ซึ่งมอสี่อย่างพวกฉันก็ต้องมาดูคอยศึกษางานและช่วยจัดงานให้กับพวกพี่ๆ เพราะปีหน้าพอฉันขึ้นมอห้า พวกฉันก็ต้องมาจัดงานให้กับพวกพี่ๆ มอหกรุ่นต่อไป“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”พี่บิ๊กไบค์เดินมาเรียกฉันกับแก้มให้ไปถ่ายรูปกับพวกพี่ๆ เขา ฉันกับแก้มใสเดินตามพี่บิ๊กไบค์ไปยังซุ่มถ่ายรูป ที่ยอมมาง่ายๆ ก็เพราะฉันเห็นว่าพี่ชายฉันก็อยู่ด้วยหรอกนะ ฉันเดินไปยืนตรงกลางระหว่างพวกเขาเพื่อถ่ายรูป และฉันก็รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันนั้นพยายามเข้าใกล้ฉันเหลือเกิน จนฉันต้องหัน
บิ๊กไบค์ผมเดินนำหน้าแก้มใสมายังตันไม้ใหญ่ข้างๆ อาคารเรียน ผมพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นาน กว่าจะกล้าเอ่ยปากบอกกับแก้มใส ยังไงวันนี้ผมก็ต้องบอกกับแก้มใสให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร“มีอะไรคะ” แก้มใสถามขึ้น“คือว่า...พี่..”น่าขายหน้าที่สุดเลย พอถึงเวลาจริงๆ กลับพูดไม่ออกซะงั้น“ไม่มีอะไรแก้มไปนะคะ” แก้มใสหันหลังเตรียมจะเดินกลับ“พี่ชอบแก้มใส..” พูดออกไปแล้ว“อะไรนะคะ..”แก้มใสหันหน้ากลับมาถามด้วยสีหน้างุนงง“พี่ชอบแก้มใส ชอบตั้งแต่วันแรกที่เรามาเรียนที่นี่แล้ว” ผมสารภาพออกไป“แต่แก้มไม่ได้ชอบพี่ค่ะ..” แก้มใสตอบอย่างไร้เยื่อใยผมก้มหน้าลงอย่างสลด ที่ต้องมาผิดหวังตั้งแต่ครั้งแรกยังไม่ได้เริ่มอะไรด้วยซ้ำ“พี่ก็ดีนะ แต่ว่าแก้มมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”ผมเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเรียวได้รูป“มันเป็นใคร” ผมถามด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิดๆ“พี่อยากรู้จริงๆ เหรอ...” แก้มใสยืนกอดอกจ้องหน้าผม“ใช่..”“แก้มชอบพี่โต้งค่ะ”นี่แก้มใสชอบไอ้โต
ST ผับDraw me my picture I’ ll draw your picture And we’ ll move the furnitures in the motel room Sing me a lullaby And kiss me goodnight Like everything’ s still fine in that motel roomวาดภาพฉันสิ และฉันจะวาดภาพเธอ แล้วเราจะย้ายเฟอร์นิเจอร์ในห้องโมเต็ลนี้ ร้องเพลงกล่อมให้ฉัน และจูบราตรีสวัสดิ์ฉัน เหมือนทุกๆ อย่างยังปกติดีในห้องโมเต็ลนั้นWe knew this has to end And we could only pretend Cause our love only leads to dead endเรารู้ว่าเรื่องนี้มันต้องจบลง และเราทำได้แต่แสร้งทำว่ามันยังดีอยู่ เพราะความรักของเรามันมุ่งสู่ทางตันLet’ s just drive out of town Let’ s runaway Let’ s get high Forget the world Forget everythingมาขับรถออกไปจากเมืองนี้กันเถอะ มาวิ่งหนีไปด้วยกัน มามีความสุขด้วยกัน ลืมโลกนี้ไป ลืมทุกๆ อย่าง ไปให้หมดDon’ t worry about this crowd No one you know is around We can do anything we wantไม่ต้องกังวลเรื่องผู้คนเหล่านี้หรอก ไม่มีคนที่เธอรู้จักอยู่หรอกนะ เราอยากทำอะไร
สามปีผ่านไป...06:00 AMต้าหนิงฉันยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ข้างสนามหลังจากวิ่งรอบสนามฟุตบอลครบสามรอบ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของการก้าวเข้าสู่รัวมหาลัยของฉัน ฉันสอบติดคณะเดียวกับเฮียโต้ง คณะบริหารธรุกิจฉันไม่ได้เจอเฮียโต้งหลายเดือนแล้ว เฮียไม่ค่อยกลับบ้านเลยช่วงสามปีที่ผ่านมา โทรไปหาก็ไม่ค่อยว่างเฮียโต้งย้ายไปอยู่ที่คอนโดหลังจากที่เรียนจบมัธยมปลาย ตอนแรกป๊ากับม๊าก็ไม่ยอมหรอก แต่เฮียให้เหตุผลว่ามันสะดวกต่อการไปเรียน เพราะจากบ้านไปมหาลัยก็ไกลพอสมควรพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินลงมายังชั้นล่างเพื่อมาทานอาหารเช้าที่ม๊าเตรียมไว้ให้“สวัสดีครับม๊า”เสียงคนขับรถประจำตัวฉันมาแล้ว พี่ไผ่ ฉันคบกับพี่ไผ่มาสามปีแล้ว เราคบกันแบบเรียบง่าย พี่ไผ่เขาเป็นสุภาพบุรุษมากไม่เคยล่วงเกินฉันเลยสักครั้ง ช่วงหลังๆ มานี้ พี่ไผ่ค่อนข้างจะยุ่งๆ เพราะพี่เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเหมือนกับเพื่อนๆ ของเขา ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา แต่ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แบบนี้มันก็โอเครดี.. และวันนี้พี่เขาว่างพอดีก็เลยอาสาจะไปส่งฉันที่มหาลัย“ทานข้าวเช้ามาหรือยังล่ะลูก ทานกับน้องไหม” เสียงมาม๊าชวนพี่ไผ่อย่างใจดี“เรียบร้อยแล้วค
ตั้งแต่วันนั้น...ที่โรงเรียน ฉันก็ไม่ได้เจอพี่ราเรซอีกเลย แล้วก็เหมือนว่าพอเฮียโต้งไม่อยู่ พวกพี่ๆ เขาก็ไม่มาเตะบอลกันอย่างเคย ฉันเลยไม่รู้ว่าแต่ล่ะคนเป็นอย่างไรกันบ้างฉันไม่มีความกล้าพอที่จะเงยขึ้นไปมองหน้าเขา ฉันก้มหน้ามองเพียงแค่รองเท้า Converse ของเขาสลับกับรองเท้าผ้าใบของตัวเอง“ไปไหนมาค่ะ” เสียงหวานใสพูดขึ้นรองเท้าส้นสูงสีแดงเดินมาหยุดอยู่ข้างรองเท้า Converse ของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ เจ้าของรองเท้าสีแดงคู่นี้คือ พี่ซินดี้ฉันขยับตัวเดินเลี่ยงๆ พวกเขาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ ใจฉันมันอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแทบตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายมันไม่ยอมทำตามที่ใจต้องการ“เอาล่ะครับ เมื่อน้องปีหนึ่งลงชื่อกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินต่อแถวกันไปยังหอประชุมเลยครับ จะได้เริ่มกิจกรรมต่อไป” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมที่ถือไมค์อยู่ประกาศบอก ฉันชำเลืองไปมองที่ป้ายชื่อของพี่เขาเขียนว่า P’ บาสหอประชุม...“เอาล่ะครับน้องๆ ให้น้องปีหนึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะหกคนนะครับ ขาดเกินอย่างไรเดี๋ยวพี่ดูให้ เริ่ม
“พี่ราเรซค่ะ หน้าตาพี่ก็ดีแถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก แต่ทำไมเรื่องผู้หญิงพี่ถึงได้โง่จัง”เสียงเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งพูดขึ้น“พี่โง่ยังไง” ผมยกคิ้วขมวดเป็นปมอย่างสงสัย“แฟนพี่เขานอกใจ แต่พี่ก็ยังคบกับเขาอยู่อีก ไม่ให้เรียกว่าโง่แล้วจะให้เรียกว่าอะไรคะ”สิ่งที่เด็กนี้พูดมา ไม่ได้ทำให้ผมโกรธเธอเลยสักนิดแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย เพราะผมรู้อยู่แล้ว“แล้วจะให้พี่ทำยังไง” ผมยื่นหน้าเข้าไปถามเธอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวและก็ถอยได้แค่นั้นแหละ เพราะด้านหลังมันคือกำแพง“ก็...ไม่รู้สิ คิดเอาเอง” พูดจบ เธอก็ตั้งท่าจะวิ่งหนีผมรีบยกแขนยาวสองข้างกักตัวเธอไว้ที่กำแพง“ถ้าต้าหนิงบอก พี่จะทำตามทุกอย่างเลย” ตากลมโตจ้องมองหน้าผมอย่าง งงๆผมยกยิ้มแสนกระชากใจส่งไปให้เธอ แล้วก็ได้เห็นแก้มเนียนๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ“คือ...ต้า...” เธอยืนพูดอ้ำอึ้งผมจึงขยับตัวเข้าไปใกล้อีก มือเล็กรีบยกขึ้นมาดันอกแกร่งของผมไว้“พี่ฟังอยู่” ผมก้มหน้าลงสบตากับดวงตากลมโตของเธอที่ห่างกันไม่ถึงเซนต์“ราเรซ!” เสียงเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างมากดังขัดขึ้นซะก่อน“ทำอะไรกัน” เธอเดินเข้ามาควงแขนผมอย่างแสดงความเป็นเ
จากนั้นผมก็คบกับฝ้ายมาเรื่อยๆ จนถึง ม.5 เธอก็เริ่มเบื่อผม เพราะผมไม่ค่อยสนใจเธอ เรียนเสร็จผมก็ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนซะส่วนใหญ่ หลังๆ ก็เริ่มมีข่าวมาเข้าหูผมว่าฝ้ายไปกับผู้ชายคนนั้นคนนี้อยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหวงเธอเลยสักนิด“ถ้าเธออยากเลิก ก็ได้นะ”ผมพูดกับฝ้าย เมื่อเห็นเธอไปกินข้าวกับรุ่นพี่คนหนึ่ง“ก็ราเรซไม่ยอมไปไหนกับฝ้ายเลยอ่ะ ฝ้ายก็แค่เหงา คุยเล่นๆไปงั้นเอง ไม่ได้ชอบสักนิด” ฝ้ายตอบ“งั้นก็แล้วแต่เธอแล้วกัน”ผมก็รู้สึกเฉยๆนะ การที่คบกับเธอมันทำให้ไม่มีผู้หญิงมาวุ่นวายกับผมดีผมรู้ตัวเองดีว่าผมทำให้เธอมีความสุขไม่ได้หรอก เธออยากจะไปไหนกับใครมันก็เรื่องของเธอ“ไปเตะบอลบ้านไอ้โต้งกัน” ธามพูดขึ้น เมื่อได้เวลาเลิกเรียนที่บ้านของโต้งมีสนามหญ้าเทียมให้เช่าเล่นฟุตบอลครบวงจร ซึ่งก็ใหญ่โตพอสมควร เพราะมันมีตั้งห้าสนาม แล้วที่บ้านมันยังทำธรุกิจขายส่งอุปกรณ์กีฬาอีกด้วย“ฟรีไหมว่ะ” เลโอถามขึ้น“มึงไปคุยกับป๊ากูเองก็แล้วกัน” โต้งตอบทีทีคลับบ้านของโต้งเป็นตึกคูหาสามชั้น ซึ่งก็ตั้งติดกับสนามฟุตบอล ด้านหน้าตึกเป็นร้านกาแฟและอาหาร ห้องอาบน้ำก็ทำซะหรูหราแทบไม่กล้าอาบกันเลยทีเดียวเมื่
กลับมาปัจจุบัน....ต้าหนิงมาเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเดียวกันกับพวกผม เพราะม๊าของโต้งแกคิดถึงลูกสาวอยากเห็นหน้าทุกวัน“ไอ้พวกเหี้ย อยากตายรึไงว่ะ” นั้นคือสิ่งที่พวกผมได้ยินทุกวันจากปากไอ้โต้งก็น้องสาวคนสวยของมันนะสิ ฮอตไปทั่วโรงเรียนแล้ว ทำให้ไอ้โต้งคันตีนเป็นระยะๆ“เป็นไรว่ะ” เลโอถาม ทั้งที่มันก็รู้สาเหตุอยู่แล้ว“รู้งี้ กูให้เรียนที่โรงเรียนหญิงล้วนต่อดีกว่า” โต้งบ่น“ก็น้องมึงน่ารักขนาดนั้นใครจะไปอดใจไหวว่ะ ใช่ไหมไอ้เรซ”ผมสะดุ้งตัวนิดหน่อยที่ไอ้บิ๊กไบค์มันพูดเหมือนพลาดพิงผม“ก็น่ารักจริงแหละ” ผมตอบไอ้บิ๊กไบค์ไป แบบยิ้มๆ“เป็นเพื่อน กูก็ไม่เว้นโว๊ย เตรียมแดกตีนกูได้เลย”“กลัวแล้วคร๊าบ... อย่าดุนักเลยพี่โต้ง” เลโอพูดอย่างล้อเลียนบิ๊กไบค์กับเลโอพวกมันสองคนนั่งทะเลาะกับไอ้โต้งอย่างเมามัน แต่ว่า..เสียงของพวกมันไม่ได้เข้าหูผมแล้วในตอนนี้ เพราะผมกำลังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามสิบนาทีที่ผ่านมา นึกถึงแก้มเนียนๆ ที่เปล่งเป็นสีแดงอมชมพูของน้องต้าหนิง“มึงยิ้มเชี้ยไร ไอ้เรซ” เสียงไอ้โต้งตะโกนใส่หูผม“กูนั่งยิ้มเฉยๆ ก็ผิดเหรอวะ” ผมหันไปมองหน้าเพื่อน อยากจะขำให้ฟันร่วงกับความพาลไปทั่วของมัน“สงสั
ตั้งแต่วันนั้น...ที่โรงเรียน ฉันก็ไม่ได้เจอพี่ราเรซอีกเลย แล้วก็เหมือนว่าพอเฮียโต้งไม่อยู่ พวกพี่ๆ เขาก็ไม่มาเตะบอลกันอย่างเคย ฉันเลยไม่รู้ว่าแต่ล่ะคนเป็นอย่างไรกันบ้างฉันไม่มีความกล้าพอที่จะเงยขึ้นไปมองหน้าเขา ฉันก้มหน้ามองเพียงแค่รองเท้า Converse ของเขาสลับกับรองเท้าผ้าใบของตัวเอง“ไปไหนมาค่ะ” เสียงหวานใสพูดขึ้นรองเท้าส้นสูงสีแดงเดินมาหยุดอยู่ข้างรองเท้า Converse ของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ เจ้าของรองเท้าสีแดงคู่นี้คือ พี่ซินดี้ฉันขยับตัวเดินเลี่ยงๆ พวกเขาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ ใจฉันมันอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแทบตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายมันไม่ยอมทำตามที่ใจต้องการ“เอาล่ะครับ เมื่อน้องปีหนึ่งลงชื่อกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินต่อแถวกันไปยังหอประชุมเลยครับ จะได้เริ่มกิจกรรมต่อไป” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมที่ถือไมค์อยู่ประกาศบอก ฉันชำเลืองไปมองที่ป้ายชื่อของพี่เขาเขียนว่า P’ บาสหอประชุม...“เอาล่ะครับน้องๆ ให้น้องปีหนึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะหกคนนะครับ ขาดเกินอย่างไรเดี๋ยวพี่ดูให้ เริ่ม
สามปีผ่านไป...06:00 AMต้าหนิงฉันยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ข้างสนามหลังจากวิ่งรอบสนามฟุตบอลครบสามรอบ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของการก้าวเข้าสู่รัวมหาลัยของฉัน ฉันสอบติดคณะเดียวกับเฮียโต้ง คณะบริหารธรุกิจฉันไม่ได้เจอเฮียโต้งหลายเดือนแล้ว เฮียไม่ค่อยกลับบ้านเลยช่วงสามปีที่ผ่านมา โทรไปหาก็ไม่ค่อยว่างเฮียโต้งย้ายไปอยู่ที่คอนโดหลังจากที่เรียนจบมัธยมปลาย ตอนแรกป๊ากับม๊าก็ไม่ยอมหรอก แต่เฮียให้เหตุผลว่ามันสะดวกต่อการไปเรียน เพราะจากบ้านไปมหาลัยก็ไกลพอสมควรพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินลงมายังชั้นล่างเพื่อมาทานอาหารเช้าที่ม๊าเตรียมไว้ให้“สวัสดีครับม๊า”เสียงคนขับรถประจำตัวฉันมาแล้ว พี่ไผ่ ฉันคบกับพี่ไผ่มาสามปีแล้ว เราคบกันแบบเรียบง่าย พี่ไผ่เขาเป็นสุภาพบุรุษมากไม่เคยล่วงเกินฉันเลยสักครั้ง ช่วงหลังๆ มานี้ พี่ไผ่ค่อนข้างจะยุ่งๆ เพราะพี่เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเหมือนกับเพื่อนๆ ของเขา ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา แต่ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แบบนี้มันก็โอเครดี.. และวันนี้พี่เขาว่างพอดีก็เลยอาสาจะไปส่งฉันที่มหาลัย“ทานข้าวเช้ามาหรือยังล่ะลูก ทานกับน้องไหม” เสียงมาม๊าชวนพี่ไผ่อย่างใจดี“เรียบร้อยแล้วค
ST ผับDraw me my picture I’ ll draw your picture And we’ ll move the furnitures in the motel room Sing me a lullaby And kiss me goodnight Like everything’ s still fine in that motel roomวาดภาพฉันสิ และฉันจะวาดภาพเธอ แล้วเราจะย้ายเฟอร์นิเจอร์ในห้องโมเต็ลนี้ ร้องเพลงกล่อมให้ฉัน และจูบราตรีสวัสดิ์ฉัน เหมือนทุกๆ อย่างยังปกติดีในห้องโมเต็ลนั้นWe knew this has to end And we could only pretend Cause our love only leads to dead endเรารู้ว่าเรื่องนี้มันต้องจบลง และเราทำได้แต่แสร้งทำว่ามันยังดีอยู่ เพราะความรักของเรามันมุ่งสู่ทางตันLet’ s just drive out of town Let’ s runaway Let’ s get high Forget the world Forget everythingมาขับรถออกไปจากเมืองนี้กันเถอะ มาวิ่งหนีไปด้วยกัน มามีความสุขด้วยกัน ลืมโลกนี้ไป ลืมทุกๆ อย่าง ไปให้หมดDon’ t worry about this crowd No one you know is around We can do anything we wantไม่ต้องกังวลเรื่องผู้คนเหล่านี้หรอก ไม่มีคนที่เธอรู้จักอยู่หรอกนะ เราอยากทำอะไร
บิ๊กไบค์ผมเดินนำหน้าแก้มใสมายังตันไม้ใหญ่ข้างๆ อาคารเรียน ผมพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นาน กว่าจะกล้าเอ่ยปากบอกกับแก้มใส ยังไงวันนี้ผมก็ต้องบอกกับแก้มใสให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร“มีอะไรคะ” แก้มใสถามขึ้น“คือว่า...พี่..”น่าขายหน้าที่สุดเลย พอถึงเวลาจริงๆ กลับพูดไม่ออกซะงั้น“ไม่มีอะไรแก้มไปนะคะ” แก้มใสหันหลังเตรียมจะเดินกลับ“พี่ชอบแก้มใส..” พูดออกไปแล้ว“อะไรนะคะ..”แก้มใสหันหน้ากลับมาถามด้วยสีหน้างุนงง“พี่ชอบแก้มใส ชอบตั้งแต่วันแรกที่เรามาเรียนที่นี่แล้ว” ผมสารภาพออกไป“แต่แก้มไม่ได้ชอบพี่ค่ะ..” แก้มใสตอบอย่างไร้เยื่อใยผมก้มหน้าลงอย่างสลด ที่ต้องมาผิดหวังตั้งแต่ครั้งแรกยังไม่ได้เริ่มอะไรด้วยซ้ำ“พี่ก็ดีนะ แต่ว่าแก้มมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”ผมเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเรียวได้รูป“มันเป็นใคร” ผมถามด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิดๆ“พี่อยากรู้จริงๆ เหรอ...” แก้มใสยืนกอดอกจ้องหน้าผม“ใช่..”“แก้มชอบพี่โต้งค่ะ”นี่แก้มใสชอบไอ้โต
ต้าหนิงหลังจากวันนั้นที่ฉันไปดูหนังกับพี่ไผ่ ความสัมพันธ์ของเราก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น อันที่จริงพี่ไผ่เขาก็ขอคบกับฉันแล้วล่ะ แต่ฉันยังไม่ทันตอบตกลง ขอเวลามาคิดดูอีกสักหน่อย ซึ่งพี่ไผ่ก็เข้าใจไม่ได้เร่งรัดอะไรฉัน เฮียโต้งก็ชั่งรักษาคำพูดดีจริง เพราะเฮียไม่เคยเข้ามาขัดขว้างหรือวุ่นวายเลย แต่เวลาฉันจะออกไปไหน เฮียมักจะระแวงแล้วก็พูดว่า “ไปกับไอ้หน้าตี๋ใช่ไหม” ทั้งที่ฉันเดินไปแค่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ บ้านนี่เองวันนี้เป็นวันปัจฉิมของพี่มอหก ซึ่งมอสี่อย่างพวกฉันก็ต้องมาดูคอยศึกษางานและช่วยจัดงานให้กับพวกพี่ๆ เพราะปีหน้าพอฉันขึ้นมอห้า พวกฉันก็ต้องมาจัดงานให้กับพวกพี่ๆ มอหกรุ่นต่อไป“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”พี่บิ๊กไบค์เดินมาเรียกฉันกับแก้มให้ไปถ่ายรูปกับพวกพี่ๆ เขา ฉันกับแก้มใสเดินตามพี่บิ๊กไบค์ไปยังซุ่มถ่ายรูป ที่ยอมมาง่ายๆ ก็เพราะฉันเห็นว่าพี่ชายฉันก็อยู่ด้วยหรอกนะ ฉันเดินไปยืนตรงกลางระหว่างพวกเขาเพื่อถ่ายรูป และฉันก็รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันนั้นพยายามเข้าใกล้ฉันเหลือเกิน จนฉันต้องหัน
สามเดือนต่อมา....วันนี้เป็นวันปัจฉิมของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่หก น้องๆ มอสี่และมอห้าได้เตรียมจัดงานให้แก่รุ่นพี่มอหกที่จบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นซุ้มต่างๆ เพื่อให้รุ่นพี่ที่เรียนจบได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และยังมีสิ่งของมอบให้แทนใจและคำพูดว่ามิตรภาพนี้ไม่มีวันจางหายหลังจากเสร็จพิธีรับประกาศนียบัตรของนักเรียนชั้นมอหกแล้ว ผมกับสหายทั้งสามก็พากันมาถ่ายรูปที่หน้าซุ้มต่างๆ ตามแรงจู่จากสาวๆ ทั้งหลายที่ต่างก็มารอถ่ายรูปกับพวกผม“ไอ้ไบค์ มึงไปเรียกสองคนนั้นมาถ่ายรูปดิ” ผมหันไปกระซิบบอกบิ๊กไบค์บิ๊กไบค์ไม่รอช้า มันเดินเข้าไปหาต้าหนิงกับแก้มใสอย่างรู้งาน“น้องต้าหนิงน้องแก้มใสครับ มาถ่ายรูปกับพวกพี่หน่อยดิ อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วนะ”แล้วสองสาวก็เดินตามบิ๊กไบค์มาอย่างว่าง่าย ต้าหนิงกับแก้มใสเดินมายืนตรงกลางผมรีบเดินไปยืนที่ด้านหลังของต้าหนิงส่วนบิ๊กไบค์ก็เดินไปยืนด้านหลังแก้มใส ผมกับบิ๊กไบค์มองตากันอย่างเข้าใจ ไอ้โต้งก็ยืนอยู่ข้างผมแหละ เลโอก็ยืนอยู่ข้างบิ๊กไบค์ ผมแกล้งเดินเข้าไปให้อกแกร่งชิดที่หลังของต้าหนิงทำให้เธอหันหน้ามาทำตาดุใส่ ผมยืนอมยิ้มอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้แก้มเนียนๆ ของ
ราเรซผมกำลังยืนมองดูคู่รักคู่หนึ่ง ซึ่งกำลังพลอดรักกันอยู่ในรถหรูอย่างไม่อายฟ้าอายดิน นี่กลางวันแดดจ้าแบบนี้ก็ยังไม่มีความละอายแก่ใจกันบ้างเลยผมเดินกลับเข้าในห้องนอนของโต้ง ก็เจอกับบิ๊กไบค์กำลังนั่งสะบัดหัวไปมาอยู่ที่ปลายเตียง“ตื่นนานแล้วเหรอ” บิ๊กไบค์ถามผม“อือ กูจะกลับล่ะ” ผมตอบเพื่อน ซึ่งบิ๊กไบค์ก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจแล้วมันก็ล้มตัวลงนอนต่อ แล้วมันจะตื่นมาเพื่อ...ผมเดินลงมายังชั้นล่างก็เจอกับมาม๊าของเพื่อน“สวัสดีครับม๊า”“อ้าว เมื่อคืนนอนนี้เหรอลูก” มาม๊าถาม พร้อมกับยิ้มให้อย่างใจดี“ครับ”“แล้วโต้งล่ะ ตื่นหรือยัง” ม๊าถามต่อ“ยังครับ นอนอยู่กับบิ๊กไบค์แล้วก็เลโอแหละครับ”“แล้วเรซจะกลับแล้วเหรอ ทานข้าวเช้าก่อนไหม” ม๊าถามอย่างใจดีเพราะแบบนี้ไง ถึงบอกว่า...ถ้าได้เป็นลูกเขยบ้านนี้...มันจะดีนะ“ไม่เป็นไรครับม๊า ขอบคุณครับ”ผมยกมือไหว้มาม๊าอีกครั้ง แล้วท่านก็ยิ้มให้อย่างใจดีเหมือนเคยLay Musicพอผมเดินเข้ามาในตึก ผู้คนที่เดินผ
ต้าหนิงฉันรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง ดีนะ ระหว่างทางที่วิ่งมาไม่มีใครเห็นไม่งั้นคงได้ตอบคำถามยาวเป็นหางว่าวแน่ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับเตียงนุ่มนิ่มอย่างอ่อนแรง ภายในใจของฉันตอนนี้มันว้าวุ่นไปหมด ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงกล้าทำแบบนั้นกับฉันทั้งที่เราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้แล้ว...ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆใจก็เต้นแรงไม่หยุด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นี่ฉันคงไม่ได้หวั่นไหวไปหรอกนะ ที่ใจเต้นแรงแบบนี้ต้องเป็นเพราะ...ฉันตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้แน่ๆ เลย ใช่..มันต้องเป็นแบบนั้น ฉันจะรู้สึกหวั่นไหวกับคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วไม่ได้ เพราะพี่เขา..มีแฟนอยู่แล้วคลื่น......คลื่น......(098765xxxx)เอ๊ะ! เบอร์ใครนะ ไม่เห็นจะคุ้นเลยฉันกำลังลังเลอยู่ ว่าจะรับสายหรือไม่รับสายดี... รับดีกว่า เผื่อเป็นเพื่อนของฉันที่อาจจะเอาเบอร์คนอื่นโทรมา เพราะไม่มีใครมีเบอร์ของฉันนอกจากเพื่อนแล้วก็คนในครอบครัว“ฮัลโลค่ะ”ฉันกดรับสายกรอกเสียงพูดลงไป“ใช่เบอร์ของน้องต้าหนิงหรือเปล่าครับ”เสียงผู้ชายด้วย แถมยังรู้ชื่อฉันอีกต่างหาก“ใครคะ แล้วเอาเบอร์นี้มาได้ยังไง”ฉันถามกลับ โดยที่ไม่ตอบคำถามเขา“
“พี่ไผ่ค่า...สู้ๆ ”พอได้ยินประโยคนี้ ที่ออกมาจากริมฝีปากสวยของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างสนามมันก็ทำให้ร่างกายของผมชะงักค้าง ทั้งที่ผมกำลังจะยิงประตูให้กับทีมของตัวเอง ประโยคสั้นๆ แค่นั้นส่งผลต่อร่างกายของผมเหลือเกิน ไม่เข้าใจตัวเองเลย...ว่าทำไม ผมต้องรู้สึกตกใจขนาดนั้นเมื่อผมเสียสมาธิในการเล่นก็ทำให้ไอ้ไผ่ชิงจังหวะตัดลูกฟุตบอลไปได้และมันก็ไม่พลาดที่จะยิงประตูทำให้ทีมของพวกมันเป็นฝ่ายชนะไป แต่ผมนี้สิยังยืนมึนงงอยู่ที่เดิม“มึงอ่อนให้กูเหรอ”มารู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อไอ้ไผ่เดินมาคุยกับผม“มึงชอบต้าหนิงจริงไหม”ผมเงยหน้าขึ้นมาจ้องตากับมัน“กูถึงได้พนันกับพวกมึงไง กูชอบต้าหนิง”ไอ้ไผ่ก็จ้องตาผมกลับเหมือนกัน“ดี”“สรุปมึงอ่อนให้กูจริงๆ ใช่ไหม”มันยังคาใจอยู่สินะ“เปล่า กูแค่ฝากไว้ก่อน ถ้ากูพร้อมเมื่อไร กูจะมาเอาคืน..”ผมใช้สายตากลิ้งไปทางที่ต้าหนิงนั่งอยู่ บอกเป็นนัยๆ ว่าของที่ฝากไว้คืออะไร... ไอ้ไผ่หันไปมองตามสายตาของผม และมันก็น่าจะเดาออกแล้วด้วย“กูไม่คืน” ไอ้ไผ่หันกลับมาตอบผม“แต่กูจะเอา..” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินหนีมันไปทันทีซ่า................น้ำเย็นๆ ปะทะผิวกายที่เปียกชุ้มไปด