แชร์

บทที่5.ก้อนเมฆสีเทา

ผู้เขียน: Luna of The Sea
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-18 05:17:48

ยามสายของวันจันทร์ในรั้วมหาลัยแห่งหนึ่ง

ในห้องสี่เหลี่ยม อีฟนั่งหลังงอมือซ้ายเท้าคางสายตาของเธอมองดูก้อนเมฆสีเทาเกาะกลุ่มอยู่ด้านนอกหน้าต่างกระจกพลางนิ้วยาวจับปากกาค้างไว้ แนนซี่ชำเลืองมองด้วยความสงสัย ดูอีฟไม่มีสมาธิและตั้งใจฟังการบรรยายของอาจารย์ที่ถือไมค์อยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ดเลย ... จนจบชั่วโมงเรียน

“เป็นไรป้าว อีฟ” แนนซี่เอ่ยถาม ขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมลุกออกจากห้อง

“เปล่า แนนซี่” อีฟตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“ได้ข่าว ว่าใครบางคนแถวนี้หมดตัวออกไปรับจ๊อบกลางคืนดึกๆ ดื่นๆ สงสัยไปเป็นหญิงบำเรอ จนแฟนเก่าทนไม่ไหวต้องไปหาหญิงดีที่เพียบพร้อมอย่างลิซซี่”

เสียงนินทาดังมาจากกลุ่มเพื่อนของลิซซี่ที่อยู่ห่างไปแค่ไม่กี่ก้าวพลางชายตามาที่อีฟตั้งใจให้อีฟและแนนซี่ได้ยินทำให้เข้าใจได้ชัดเจนว่ากำลังสื่อถึงใคร

คำพูดเหล่านั้นไม่เข้าหูของแนนซี่ยิ่งนัก สาวพลัสไซซ์หันมองด้วยสายตาไม่พอใจเมื่อได้ยิน ยกแขนเสื้อขึ้นเหนือไหล่เตรียมจะเดินไปหากลุ่มปากหมาพวกนั้น

อีฟเห็นท่าทีของเพื่อนจึงรีบลุกจากเก้าอี้ไปฉุดแขนออกจากห้อง

“ไปเถอะแนนซี่”

“เธอจะดึงฉันทำไม ปล่อยให้มันว่าเธอทำไม”

“เอาน่า ไม่เป็นไรเพื่อน ไม่กี่เดือนก็ไม่ได้เจอพวกหล่อนละ ฉันไม่แคร์หรอกเรื่องแค่นี้เอง”

อีฟกับแนนซี่เดินออกมาด้วยอาการหัวเสียนิดหน่อย มาเจอไอวายืนเป็นสง่ารอลิซซี่ที่กำลังตรงไปหาเขา อีฟมองเขาด้วยสายตาเคืองเพราะยิ่งตอกย้ำคำพูดของกลุ่มเพื่อนของลิซซี่เมื่อสักครู่ให้คิด แต่เธอก็ไม่คิดจะเข้าไปติเตียนไอวา เพราะเธอก็เจ็บมาพอสมควรกับผู้ชายแบบเขา

“อีฟ” แนนซี่เรียกด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ถ้าเธอไม่อยากทำงานกับเจ๊แตงแล้วหรือรู้สึกไม่ชอบงานนั้น ลองหางานอื่นดูไหมเพื่อน”

อีฟละสายตาที่มองไอวาเลื่อนตาลงตอบแนนซี่อย่างไม่แน่ใจ

“อืม กำลังหาอยู่เหมือนกัน”

ในขณะที่กลุ่มเพื่อนของลิซซี่ยังเกาะกลุ่มใบหน้าหัวเราะพลางปากขยับ ชายตามาที่ทั้งสองราวเรื่องยังไม่จบ อีฟจ้องกลับไปในใจคิดว่าอะไรกันหนา แต่เลือกที่จะไม่แคร์

“เราไปกันเถอะแนนซี่” ..

……….

บนคอนโดสูงวิวเมืองบนโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยเอกสารตารางแพลนงาน แซมนั่งหน้าเครียดจ้องหน้าโน้ตบุ๊ก ช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นธุรกิจของหนุ่มโปรแกรมเมอร์ ทุกอย่างไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนักด้วยเงินลงทุนเหลือก้อนสุดท้ายที่มีน้อยนิดแต่ธุรกิจของแซมใช้สมองมากกว่าเงินทุน เริ่มต้นเวลายังไม่ลงตัว ทำให้พอยังมีเวลาที่จะคบกับใครสักคน นิ้วคลึงขมับคิ้วขมวดดวงตาจ้องบนกระดาษ เลื่อนมือขยำกระดาษโยนทิ้งลง ลุกขึ้นไปพิมพ์ข้อความถึงใครสักคนช่วยให้ชื่นบาน

“Hi eve”

“How are you today?” (สบายดีไหม)

“Can we meet this evening?” (เย็นวันนี้ เราเจอกันได้ไหม)

….

ในช่วงเย็นบนถนนรถติดหนัก อีฟยืนเบียดกับแนนซี่อยู่บนรถเมล์ที่คนแน่นเพื่อกลับห้องสองสาวขยับตัวไม่ได้เลยใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงที่พัก

“อีฟ แนนซี่”

เสียงตะโกนเรียกของเจ๊แตงที่ยืนผัดอาหารอยู่หน้าเตาพลางกวักมือ

“ค่ะ” ทั้งสองตอบรับพร้อมกัน

“แวะหาเจ๊แตงกันก่อน” อีฟพูดพลางก้าวไปหาเจ๊แตง

“นั่งเลยจ้ะ สาวๆ” เจ๊แตงเตรียมยกกับข้าวมาเสิร์ฟให้ทั้งสอง

“ทานข้าวกันก่อนนะ เจ๊ทำอาหารเหนือเผื่อด้วยจ้าวันนี้” เจ๊แตงเป็นคนใจดีมีน้ำใจคอยช่วยเหลือทั้งสองตลอดและ เป็นคนจังหวัดเดียวกันกับอีฟที่ภาคเหนือ

บนโต๊ะเจ๊แตงได้จัดเรียงจานอาหารให้ทั้งสองหลังจากที่พึ่งผ่านการเดินทางที่น่าเบื่อบนท้องถนน อีฟก็ได้นั่งพักผ่อนคลาย พลางหยิบมือถือขึ้นมาดู ตาจ้องบนข้อความของแซม คิดยังลังเลในใจ เสียงของเจ๊แตงก็เอ่ยขึ้น

“คืนนี้ไปทำงานไหมอีฟ”

“อือ..คิดว่ายังค่ะเจ๊ พรุ่งนี้มีเรียนรอบเช้า อีกวัน” อีฟตอบเจ๊แตงสายตาคงมองอยู่ที่หน้าจอมือถือ แล้วนิ้วเรียวก็พิมพ์ตอบตามสิ่งที่เป็นจริง

“I’m near my apartment right now and I don't’ think I be going to the club tonight” (ตอนนี้ฉันอยู่ใกล้อะพาร์ตเมนต์และคิดว่าคืนนี้คงไม่ได้ไปที่คลับ)

แซมที่กำลังหัวหมุนอยู่กับแพลนงานที่ไม่ลงตัวสายตาเลื่อนมองจอมือถือตามเสียงข้อความ

“eve”

แซมอ่านข้อความ แต่เสียงหัวใจเรียกร้องว่าอยากเจอเธอ

“Is it possible I can go see you now?”

“ใครอะ อีฟ” แนนซี่เงยหน้าถามอีฟที่กำลังจ้องแต่มือถือโดยยังไม่เริ่มทานเลย

“แซม หนุ่มแดนนอกเจอกันวันก่อน อยากมาหา”

“มาสิ อยากเห็น” แนนซี่ที่ไม่ค่อยชอบไอวาหนุ่มเพลย์บอยเป็นทุนเดิมอยากให้เพื่อนได้ลองคบคนอื่น

“แซมจะมาเหรอ มาสิๆ มาได้นะอีฟยินดีต้อนรับเลยจ้า” เจ๊แตงพูดเสริมขึ้นเมื่อได้ยิน

อีฟนั่งนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ไม่มีอะไรต้องปิดบังก็มาได้เลยตามหัวใจ

“Yes” (ตกลงค่ะ)

แซมที่ยังรอคำตอบของอีฟเมื่อได้อ่านคำ ว่า "ตกลง" เขาพับหน้าจอโน้ตบุ๊กเตรียมออกไปตามโลเคชั่นที่อีฟส่งมา

มอไซค์พาหนุ่มหล่อมาส่งหน้าอะพาร์ตเมนต์ตรงตามหมุดที่ปักไว้ตามเวลาที่นัด เสื้อผ้าฟรีสไตล์บนรองเท้าแตะหนู่มสูงยาวขาวสะอาด เดินยิ้มมาหาอีฟที่ยืนรอรับอยู่หน้าร้านเจ๊แตง

“Hi, how’s today?” (สวัสดีครับวันนี้เป็นอย่างไร)

“Good” (ดีค่ะ)

สายตาของแซมมองอีฟสวมเสื้อเชิ้ตขาวติดเข็มกลัดบนอกซ้ายกระโปรงดำ ก็พอรู้ว่าแท้จริงแล้วอีฟยังเรียนอยู่ซึ่งเธอยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าเป็นใครมาจากไหน

“Hi, Sam welcome” เจ๊แตงยิ้มยืนต้อนรับแซมเข้ามานั่งที่ในร้าน

แนนซี่ลุกขึ้นเชิญแซมมานั่งร่วมกัน อีฟแนะนำแซมให้รู้จักแนนซี่เพื่อนของเธอ

สายตาหวานพลางม้วนตัวเอ่ยเบาๆ หล่อมากเลยอีฟ เจ๊แตงเดินมาตบไหล่แนนซี่เบาๆ

“เบาๆ มึง”

แซมค่อนข้างจะเป็นหนุ่มชิลชอบทานอาหารไทยมีมิตรสัมพันธ์กับทุกคนได้ง่าย บนโต๊ะอาหารที่ดูจะบ้านๆ แต่บทสนทนาเต็มไปด้วยความจริงใจ

อีฟเอียงหน้าถามแซม

“Would you like a drink?” (คุณอยากดื่มเครื่องดื่มไหม)

“Sure” (ได้สิ)

พลันเสียงฟ้าร้องดังแทรกส่งสัญญาณว่ากำลังจะตก อีฟรีบขอตัวพาแซมไปร้านสะดวกซื้อเพื่อหาเครื่องดื่มก่อนฝนจะมา

บทที่เกี่ยวข้อง

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่6.Promise

    อีฟจับมือแซมก้าวเท้ายาวให้ถึงร้านสะดวกซื้อที่ตั้งห่างไปประมาณ 500เมตรรีบเร่งไปให้ทันเพราะท้องฟ้าที่ได้ส่งสัญญาณเตือนแล้วเมื่อครู่ว่าจะเทฝนลงมาตี๊.. ตูด.. ประตูอัตโนมัติเลื่อนออกมือเล็กคว้าตะกร้าหยิบเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์สองสามกระป๋องแค่พอได้ล้างปากจากอาหารเย็น.. เพียงแป๊บเดียวฟ้าที่คำรามก็กระหน่ำสายฝนลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาทั้งสองเอียงหน้ามองกันในใจที่คิดตรงกัน ว่า “สายไปแล้ว เราได้ติดฝนอยู่ตรงนี้ ต้องทำใจยืนรอให้ฝนเบาลง”พลางจิบเบียร์ไปเรื่อยๆ จนเกือบหมดกระป๋องอีฟเงยหน้า พูดกับแซม“Sam, I think this time is it.” (แซม ฉันคิดว่า เวลานี้แหละ)“Let's go"(เราไปกันเลยนะ)" Okay" แซมพยักหน้ารับแล้วกระดกเบียร์ที่เหลือให้หมด สองมือประสานแน่นแล้ววิ่งฝ่าสายฝนกลับ…..“เจ๊แตงและแนนซี่ละพี่แมน” อีฟเอ่ยถามแฟนของเจ๊แตงที่กำลังยุ่งกับการเก็บร้าน ทันทีเมื่อมาถึงโต๊ะทานข้าวเห็นแต่จานอาหารช้อนซ้อมวางไว้“แนนซี่กลับขึ้นห้องบอกว่า ปวดท้องจะขึ้นไปเข้าห้องน้ำและไปเก็บผ้าที่ตากไว้ด้วย”“แตง ไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน”“ อ่อ..ค่ะ”“นั่งก่อนได้นะ อีฟ” พี่แมนเอ่ยชวนพลางเก็บโต๊ะและเก้าอี้ที่เหลือเข้าที่“ไม่เป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่7.ผมจะอยู่ข้างๆคุณ

    เปรี้ยง เปรี้ยง! “อีฟ ตื่นเร็ว สายแล้ว” แนนซี่เปล่งเสียงเรียกพลางกำมือกระแทกประตูอยู่หน้าห้องเปรี้ยง เปรี้ยง ! " อีฟ ! " เสียงดังลั่นทั่วอะพาร์ตเมนต์จนข้างห้องต้องเปิดประตูออกมาดู " เบาๆหน่อยน้อง คนกำลังหลับนอน จะทุบประตูแหกปากลั่นทำไมเกรงใจชาวบ้านบ้าง " หญิงวัยกลางคนในชุดนอนผ้ามันผมม้วนเป็นลอนใบหน้าดูราวยังไม่ได้นอนเพราะเครื่องสำอางบนใบหน้าของนางยังแน่น พูดด้วยน้ำเสียงฟัดเหวี่ยง จนแนนซี่ทำหน้าแหยๆ กล่าวคำขอโทษ ให้หล่อนได้พอใจ“ตื่นแล้ว แนนซี่” แล้วอีฟก็ขานรับเสียงเรียกดังของแนนซี่พลางหันมองมือถือบนหัวเตียงที่ไม่ดังเตือนเช่นทุกวันพลันนึกได้ ว่า ลืมตั้งนาฬิกาปลุกรู้เลยทันทีว่าสายแล้วเธอรีบเด้งตัวออกจากเตียง“รอฉันด้วย แนนซี่” รีบเร่งจัดการแต่งตัว......สองสาวต่างไซซ์หน้าตาตื่นก้าวยาวเข้าห้องเรียนแทรกตัวลงนั่งตรงที่ว่าง ขณะที่อาจารย์กำลังถือไมค์บรรยายอยู่หน้ากระดาน“อีฟ” เสียงของอาจารย์หญิงวัยกลางคนสวมแว่นหนาเตอะ ขานชื่อของเธอที่ยังนั่งหลุกหลิกจัดท่าเพราะพึ่งมาถึง“อธิบายถึงหัวข้อที่อาจารย์พึ่งบรรยายไปให้กระจ่างหน่อย”อีฟเงยหน้าขึ้นตามเสียงที่กังวานดวงตาจ้องบนกระดานด้วยใบหน้างุนงงอ้ำอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)    บทที่8. HAPPY BIRTH DAY MELON

    สองอาทิตย์ ผ่านไป…..“อีฟ เธอช่วยฉันเลือกหน่อยสิลองมาหลายชุดแล้วตัดสินใจเลือกไม่ถูกเลย” แนนซี่เอียงซ้ายทีขวาทีมองดูตัวเองอยู่หน้ากระจกใสห้องของเธอมีอีฟนั่งเขี่ยมือถือรอแนนซี่แต่งตัวเพื่อจะไปงานคืนนี้กันเพราะราตรีนี้เจ้าของไนต์คลับได้จัดวันเกิดให้กับเจ๊แตงผู้จัดการดีเด่นที่ทำยอดได้ตามเป้าทุกเดือนและนี่ก็เป็นโอกาสเดียวที่แนนซี่จะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาสักทีหลังจากที่อยากติดตามอีฟไปหลายครั้งแล้วแต่เธอกลับถูกปฏิเสธแทบทุกครั้ง“ชุดไหนก็ได้แนนซี่ สวยทุกชุด เดรสยาวสวยเหมาะกับเธอแล้ว” อีฟเงยหน้าตอบแนนซี่ที่กำลังจ้องตัวเองอยู่หน้ากระจก“โอเค ตามนี้ฉันเชื่อเธอเพราะก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”ก๊อก ก๊อก ก๊อก . ไปกันยังจ๊ะสาวๆ“ปะ แนนซี่ไปกันเถอะ เจ๊แตงมาเรียกแล้ว”อีฟหมุนลูกปิด คลิก ! เจ๊แตงยืนบนรองเท้าแก้วใบหน้าขาววอกยกยิ้มอยู่หน้าประตู“Happy birth day ค่ะเจ๊แตงมีความสุขมากๆ กิจการรุ่งเรืองนะคะ” พลางทั้งสองเข้าสวมกอดเจ๊แตง“ขอบใจจ้า อีฟและแนนซี่ เจ๊ขออวยพรกลับ ให้ทั้งสองเรียนจบประสบความสำเร็จนะ”“ปะสาวๆ เราไปกันเถอะแท็กซี่มารอรับแล้ว”คืนงานปาร์ตี้วันเกิดของเจ๊แตง ทางร้านได้จัดถาดอาหารวางเรียงตั้งอย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่9.ที่มีแต่เราเพียงสองคน

    รุ่งเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึงหลังจากที่อีฟได้ลาออกจากงานที่ไนต์คลับได้หลายวันแล้ว เมื่อคืนที่ผ่านเธอได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มใบหน้าสดใสดวงตาสดชื่นเพ่งอ่านอีเมลของบริษัทประกัน อยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ในห้องของเธอติ้ง!“See you at the train station,I’m on my way” (เจอกันที่สถานีรถไฟนะ ผมกำลังไป)เธอเลื่อนสายตาอ่านข้อความบนหน้าจอมือถือ พลางพับจอโน้ตบุ๊กลงแล้วโยกตัวไปคว้ากระเป๋าเป้ใบตุงที่อัดแน่นด้วยเสื้อผ้าเพื่อเตรียมจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวกับหนุ่มแดนนอกช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวันและชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นก็ได้จัดตารางงานของเขาไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เขาทำตามเพลนท่องเที่ยวที่เขาได้เสิร์ชหาข้อมูลมาล่วงหน้าไว้หลายอาทิตย์มาอย่างดี หนุ่มสูงยาวในชุดฟรีสไตล์ยืนตัวตรงหน้าตู้รถไฟที่จอดเทียบชานชาลา ปู้น ปู้น เสียงเรียกดังเร่งให้ผู้โดยสารรีบขึ้นขบวน“แซม! ” อีฟในเสื้อสีขาวตัวจิ๋วกางเกงยีนขาสั้นโชว์ขาเรียวบนรองเท้าผ้าใบเดินตรงมาด้วยใบหน้ายิ้มเปล่งเสียงเรียกแซมให้เงยหน้าที่กำลังก้มดูตั๋วที่ถืออยู่ในมือ“ Eve” แซมยิ้มกว้างกางแขนรับสาวร่างเล็กสวมกอดทักทาย“Let’s go (ไปกันเถอะ) ทั้งสองจับมือ ก้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)    บทที่10.สวรรค์ชั้น 7

    เสียงนกเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่าเป็นรุ่งอรุณของวันใหม่คู่หนุ่มสาวที่ผ่านศึกรักที่หนักหน่วง ฝูงนกได้ปลุกให้แซมตื่น เขาขยับร่างมือค่อยเลื่อนสัมผัสร่างสาวเจ้าเสน่ห์เข้ามาชิดแล้วลูบไล้ทั่วร่างเนียน อีฟขยับเปลือกตาด้วยความเคลิ้มรู้สึกได้ถึงมือที่ซุกซนสอดแทรกไปทุกจุดที่ไวต่อการสัมผัสพลันท่อนรักผ่าเข้าร่องสาวที่ตื่นตัว เธอลืมตามองชายหนุ่ม ที่คร่อมร่างเธอและแสงแดดยามเช้าสาดส่องให้เห็นหน้าอกหนุ่มแน่นขาวผ่องผมสีบอลนด์เธอมองลึกลงไปในดวงตาฟ้าใสละมุนเก็บรายละเอียดนี้ไว้ด้วยสายตาแห่งความหลงใหล แล้วจังหวะรักที่แซมเร่งขย่มถี่เพียงครู่ก็สำเร็จกิจหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วอีฟออกมานั่งที่ตรงระเบียงด้วยความรื่นรมย์ กางแผนที่และกระดาษแพลนเที่ยวของแซมที่จดไว้แล้วตามลำดับ มือจับปากกาวงไว้เป็นจุดๆ เพราะที่จริงแล้วนี่คือครั้งแรกของเธอที่ได้ไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้แม้เธอจะรู้ข้อมูลมามากพอสมควรจากตำรา" Are you hungry? "(คุณหิวไหม) แซมเดินออกมาจากห้องเอ่ยถามอีฟที่มองแผนที่สลับกับกระดาษสีขาวพลางมือที่กำลังขยุกขยิก"Yes,I’m hungry" (หิวค่ะ) เธอเงยหน้าขึ้นเพราะท้องร้องได้เริ่มร้อง ว่าหิว“So let’go,Shall we?”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)    บทที่11.กวางป่าหนุ่มผู้มีเขาที่สง่างาม

    11.00am ณ ที่สถานีขนส่งแห่งหนึ่งซึ่งเป็นประตูสู่ภาคอีสาน มีผู้คนพลุกพล่านเข้าออกขึ้นลง อีฟและแซมก้าวลงจากรถทัวร์สะพายเป้ใบตุง เดินมองหาผู้ให้บริการรถเช่าที่แซมได้จองไว้ทางอินเทอร์เน็ต“Sam I think that man” (แซม ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นนะ) เธอพูดพลางนิ้วชี้ให้เขาดูชายวัยกลางคนยืนยิ้มกว้างหน้ารถออฟโรดสีดำซึ่งมองดูแล้วก็ตรงตามรูปบนใบจองที่เธอถืออยู่ในมือเส้นทางที่มุ่งสู่จุดหมายบนถนนลาดยางแหวกป่าเขาลำเนาไพรแซมขับรถสองที่นั่งสี่ล้อยกสูงไปอย่างช้าๆ ตาเลื่อนสลับไปมาแลมองแผนที่บนมือถือเป็นระยะๆ กระจกรถเลื่อนลงสุดคางของอีฟวางลงบนขอบกระจกให้ใบหน้ารับลมสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ผ่านหุบเขาทุ่งหญ้าสีเหลืองทอง ชายหนุ่มผู้สายตายาวไกลเลี้ยวจอดรถริมขอบทาง ดวงตามุ่งมั่นก้าวลงค่อยๆย่องเท้าฝ่าดงหญ้า พลางมือยกกล้องที่คล้องไว้บนคอ มือนิ่งตาเล็งเป้าโฟกัสแล้วซูมไปที่กวางป่าเขายาวกำลังกินหญ้าอย่างสำราญ แซมรอจังหวะกวางเขายาวสง่าเงยหัวขึ้น เขาอธิษฐาน อยู่ในใจ “อย่าขยับนะ ได้โปรด ๆ อยู่นิ่งๆ” ..แสงแดดย่ามบ่ายแก่ๆ สาดแสงหญ้าเหลืองทองอร่าม กวางหนุ่มผู้มีเขายาวคล้ายกิ่งไม้เงยหัวเผยดวงตาที่น่าเอ็นดู นิ้วเขารีบกดชัตเตอร์ร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่12.สมุดบันทึกรัก

    “Sam,Can you stop the car for a moment?” (แซมหยุดรถสักครู่ได้ไหม)อีฟพูดขึ้นในขณะที่แซมกำลังขับรถตรงไปยังจุดอื่นระหว่างทางหลังจากที่ได้รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเพราะเธอได้ มองเห็นกลุ่มช้างที่น่ารักซึ่งเป็นสัตว์ที่เธอชอบเป็นพิเศษและขวานช้างรอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและใกล้ชิดที่หน้ารีสอร์ต แซมชำเลืองมองกลุ่มช้างนั้นแล้วเขาก็ได้เลี้ยวหยุดรถชิดขอบทาง อีฟยกกล้องมือถือถ่ายรูป ซื้ออาหารให้ช้างเหล่านั้นพลางมือลูบคลำงวงช้างที่แสนเชื่อง เขามองเธอที่มีความสุข ในห้วงเวลานั้น พลางมือกดรัวชัตเตอร์บนกล้องที่คล้องมา สองมือประสานแน่นเธอเอียงศีรษะพิงไหล่กว้าง มองฟ้าสีคราม ในหัวใจนึก อยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ แซมเอียงหน้าจูบบนหน้าผากเธอเบาๆ มือซ้ายขยับกอด เพื่อบ่งบอกว่า เขาอยู่ข้างเธอไม่ต้องกังวล แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ซึ่งคือความจริงที่ต้องดำเนินไปแล้วทั้งสองก็ขึ้นมาถึงจุดสูงของภูเขาเพื่ออำลาผืนป่าก่อนกลับไปใช้ ชีวิตในเมืองกรุง มีเพียงสายตาและรอยยิ้มที่มองกันด้วยความลึกซึ้งยืนคู่ชิดโดดเด่นมองท้องฟ้าที่กว้างไกลป่าสีเขียวสุดลูกตา พวกเขาจะบันทึกไว้ในความทรงจำไว้ว่าที่ตรงนี้บนเขาใหญ่เป็นพยานแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่13.คอนโดสูงกลางเมือง

    หลังจากเจ๊แตงได้จัดการติดต่อหางานพาร์ตไทม์ช่วยอีฟให้ได้ทำงานแล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกของการทำงานพาร์ตไทม์ในร้านขนมหวานซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ผมยาวถักเปียเรียงซ้อนงามเป็นระเบียบ สาวหุ่นเพรียวในเสื้อยืดสีดำชายเสื้อเข้าในกระโปรงยีนสั้นบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนเดินจัดเสิร์ฟขนมหวานและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซึ่งทั้งร้านมีพนักงานสองสามคนสลับกันเข้าออกเป็นกะ เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอและอีฟเองก็พึงพอใจกับงานที่ทำและในวันแรกเธอไม่ได้กดดันหรืออึดอัดอะไรเลยดูแล้วงานนี้ก็เหมาะกับเธอด้วยซ้ำแม้รายได้เพียงเป็นค่าอาหารและค่าเดินทางในแต่ละวันซึ่งก็เพียงพอสำหรับเธอในช่วงนี้และใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็เสร็จงานของเธอในวันนี้เย็นนี้เธอได้นัดกับแซมไว้ให้มาเจอกันที่หน้าร้านขนมหวานหลังจากเธอเสร็จงาน อีฟยืนก้มหน้าพิมพ์ข้อความบนมือถือถึงชายหนุ่มที่นัดแล้วเขาก็มาตรงเวลาเป๊ะ“Hi,sam” ทั้งสองสวมกอดทักทายด้วยความคิดถึง “Shall we go? ” (เราไปกันเลยไหม) แซมตั้งใจไว้ว่าจะแวะดูคอมพิวเตอร์เพื่อไว้ใช้สำหรับธุรกิจของเขาที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้แต่นั่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18

บทล่าสุด

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่18.บทสุดท้าย

    สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของแซมอาจเพราะด้วยความกดดันของทั้งสองที่ต้องการเพียงระยะห่างเท่านั้นและอีฟก็แค่ตั้งใจจะไปปรึกษาเรื่องงานของเธอกับแซม ยังไม่ทันได้ปริปากพูดถึงมันเลยกลับต้องจบลงแบบนี้จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างแต่บทสุดท้ายคือตอนนี้เธอเศร้าใจนัก และคำปลอบใจที่พูดกับตัวเองก็มีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องมูฟออน เมื่อถึงห้องเธอก็ไม่รอช้าคว้าโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดแล้วตอบกลับอีเมลงานที่รอคำตอบจากเธอมาหลายวันแล้วด้วยใจที่แน่วแน่มั่นใจและพร้อมเดินทางในวันถัดไปโดยไม่จำเป็นต้องรีรอ วันต่อมา… บางครั้งโชคชะตาก็พลิกผันรวดเร็วเกินตั้งตัวให้เราเดินตามทางที่ถูกกำหนดมาตามเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้เธอได้เก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆแพ็กลงกล่องเพื่อจัดการส่งให้กับบริษัทขนส่งที่กำลังจะมารับ หนังสือที่ตั้งวางอยู่ด้านหน้ามือหยิบลงใส่กล่องกระดาษสี่เหลี่ยมที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับหนังสือเล่มโปรดของเธอแต่แล้วดวงตาต้องสะดุดกับสมุดบันทึกรักที่เคยจดบันทึกไว้เธอหยิบขึ้นมาแล้วเพ่งมองชวนให้นึกถึงและคิดว่าจะเปิดดูและอ่านอีกรอบแต่แล้วทันใดนั้นเสียงประตูหน้าห้องก็ดังแทรก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ใครคะ?” “แม่บ้านจ้า” เธอตั

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)    บทที่17.ถึงเวลาต้องเลือกทางเดิน

    ที่ร้านอาหารตามสั่งของเจ๊แตงอีฟและแนนซี่ได้ทยอยขนของลงมาไว้บ้างแล้วเพื่อรอครอบครัวของแนนซี่จะมารับในไม่ช้า บนโต๊ะอาหารทุกคนนั่งรับประทานอาหารพร้อมสนทนากันไปพลางๆพลันสายตาหลายคู่ต้องหันมองไปทางเดียวกันเพราะรถเบนซ์คันหรูที่ดูคุ้นตาและนานๆจะมีเข้ามาที่อะพาร์ตเมนต์ราคาประหยัดเช่นนี้ซึ่งดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นน่าจะเป็นคันเดียวกันที่เคลื่อนเข้าเมื่ออีฟและแนนซี่จ้องมองไปยังแผ่นป้ายทะเบียนนั้นแล้วก็ตรงเป๊ะและคิดว่า “ต้องใช่!หล่อนแน่ๆ”แต่วันนี้กลับมีสาวสวยสวมแว่นดำเดินออกมาจากรถมันเงาเพียงลำพังไร้เงาชายหนุ่มข้างกาย ลิซซี่ยืนบนรองรองเท้าส้นแหลม คอหันซ้ายหันขวาแล้วสายตาสะดุดเห็นอีฟและแนนซี่นั่งอยู่ที่ร้านอาหารข้างๆหอหล่อนจึงรีบเดินดุ่มๆมาแล้วเอ่ยถาม “อีฟเจอไอวาไหมฉันตามหาเขาอยู่เขาพยายามหลบหน้าหลบตาฉัน”เธอพูดด้วยเสียงที่กระซิกๆคล้ายกับจะร้องไห้ใต้แว่นดำแต่ไร้ซึ่งหยดน้ำตาต่อให้ลิซซี่จะสวยเพอร์เฟกต์แค่ไหนแต่หล่อนก็เป็นคนเอาแต่ใจให้ได้มาซึ่งทุกอย่างตามประสาลูกคนรวยที่ถูกสปอยล์แต่ตอนนี้เสียงของหล่อนที่พูดกับอีฟได้อ่อนปวกเปียกต่างจากเมื่อก่อนเพียงเพื่อต้องการให้ได้สิ่งที่หล่อนต

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่16.ความสัมพันธ์เหินห่าง

    ในห้องสี่เหลี่ยมที่บรรยากาศอึมครึมเพราะชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นและจริงจังตอนนี้เขาได้เก็บตัวปิดประตูสังคมนั่งหน้าดำคร่ำเครียดปล่อยหนวดเครายาวสมองหมกมุ่นหนักกับงานที่ไม่ลงตัว แม้แต่อีฟคนที่กำลังคบหาเขาก็ไม่ได้สนใจตอบข้อความของเธออย่างเช่นเคยเพราะตอนนี้เขาแทบจะถวายชีวิตให้กับงานเลยก็ว่าได้ สามารถยอมแลกได้ทุกอย่างให้ได้มาซึ่งความสำเร็จแต่เขาอยากระบายออกมาบ้างในบางครั้งแล้วเสียงของชายหนุ่มได้ตะโกนลั่นปลดปล่อยอารมณ์ความเครียดจากสมองพลางมือขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วปามันติดกำแพงผนัง..ที่อะพาร์ตเมนต์ในที่พักอาศัยของอีฟและแนนซี่ ตอนนี้ทั้งสองกำลังยุ่งกับการเก็บข้าวของ แนนซี่มองดูรูปถ่ายที่ถืออยู่ในมือเป็นภาพของเธอกับอีฟในชุดนักศึกษาสมัยปีหนึ่งที่ถ่ายคู่กันด้วยความสนิทสนมด้วยความปลาบปลื้มที่มีเพื่อนดีๆเช่น อีฟ แล้วเก็บใส่กล่องสี่เหลี่ยมส่วนตัวของเธอ ข้าวของเครื่องใช้ที่แพ็กไว้เรียบร้อยพร้อมขนย้ายเพื่อเตรียมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอย่างถาวร ในขณะที่อีฟมือแพ็กกล่องสลับหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะๆเพื่อเช็กข้อความแซมที่จะตอบกลับเธอ“มีอะไรหรือเปล่าอีฟ เช็กมือถือตลอดเลย”แนนซี่เอ่ยถามเมื่อสังเกตว่าอีฟพะวงดูมื

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่15.เฉลิมฉลอง

    หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าของวันที่อากาศสดใสปลอดโปร่งในรั้วมหาวิทยาลัยที่ สองสาวใช้เวลาหลายปีในการร่ำเรียนและมีความผูกพันกับสถานที่เรียนแห่งนี้ก็มาถึงช่วงท้ายสุดของชีวิตนักศึกษา นักศึกษามากมายหลายคนต่างยื่นหน้าจ้องบนกระดาษที่แปะไว้ที่บอร์ดของคณะพลางนิ้วไล่เช็กรหัสของตัวเอง “อีฟฉันผ่านแล้ว”แนนซี่กระโดดกอดอีฟด้วยความดีใจเมื่อเห็นรหัสประจำตัวและชื่อของตัวเองติดอยู่ว่าสอบได้และอีฟยิ้มอย่างภูมิใจที่ทำสำเร็จเมื่อเห็นชื่อของเธอว่าสอบผ่านด้วยเช่นกันและตัวเธอเองจะไม่โอเคแน่ๆถ้าต้องเสียเวลาสอบใหม่อีกรอบเพราะฐานะการเงินที่ฝืดเคืองไม่สามารถประคองชีวิตต่อไปได้อีกหลายเดือนหากยังไม่มีงานประจำทำแล้ววันนี้เธอก็ทำสำเร็จซึ่งเธอก็ภูมิใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อย สองสาวที่แพลนเอาไว้เป็นเดือนแล้วว่าจะรวบรวมเงินกันจัดงานฉลองเล็กๆกันที่ร้านข้างหอถ้าสอบผ่านและสำเร็จทั้งสองคน “แนนซี่ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเจ๊แตงนะเราต้องเฉลิมฉลองกันตามที่เราได้สัญญากันไว้แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปก่อนนะเพื่อนมีนัดกับแซมไว้เจอกันเย็นนี้นะ ” อีฟพูดพลางก้าวถอยหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แจ่มใสและเธอก็ยิ้มไม่หุบระหว่างการเดินทางไปหาชายหนุ่มที่คบแล

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่14.บททดสอบ

    เวลา10โมงเช้าบรรยากาศในห้องสอบที่เงียบทุกคนต่างเพ่งตาทำข้อสอบอีฟใบหน้าผ่อนคลายอย่างมีสมาธิเธอรู้สึกดีใจที่ถึงวันนี้เสียทีเพราะเท่ากับว่าเธอได้นับเวลาถอยหลังถึงเส้นชัยแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาอันรวดเร็วเธอจะผ่านประสบการณ์ทำงานที่แปลกใหม่ในชีวิตจนได้พบกับใครบางคนที่ชะตาฟ้าลิขิตให้มาเจอ พอถึงช่วงเวลาบ่ายหลังจากสอบเสร็จอีฟกับแนนซี่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาเพื่อนสนิทใต้ต้นไม้ใหญ่ในรั้วมหาวิทยาลัยแต่ทั้งสองต้องเหลียวมองตามเสียงผู้หญิงที่กำลังพูดไฟแลบด้วยท่าทางฟึดฟัดอย่างไม่พอใจและนั่นคือ ไอวาและลิซซี่กำลังทะเลาะกัน “สองคนนั้นเขาทะเลาะอะไรกัน” “ฉันว่าสงสัยเจอฤทธิ์หนุ่มแบดบอยเข้าให้ไอวาก็คงทำนิสัยเดิมๆ เจ้าชู้ไปทั่วแหงๆ แต่ว่าสองคนนั้นคบกันแป๊บเดียวเองนะไม่ทันไรก็เผยสันดานออกมาละ สมน้ำหน้า จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรยัยลิซซี่ที่ขี้เหวี่ยงขึ้วีนขนาดนั้น กับคาสโนว่าตัวพ่อ”แนนซี่พูดรัวชุดใหญ่ แต่อีฟเมื่อได้ฟังก็รู้สึกเฉยๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้วอีฟก็มองดูเวลาเพราะเธอได้เวลาต้องไปเปลี่ยนกะที่ร้านขนมหวานกลางเมือง“แนนซี่ ฉันจะต้องไปทำงานต่อที่ร้านขนมเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นที่ห้องนะ ” “ได้สิ แล้วเจอกัน” แน

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่13.คอนโดสูงกลางเมือง

    หลังจากเจ๊แตงได้จัดการติดต่อหางานพาร์ตไทม์ช่วยอีฟให้ได้ทำงานแล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกของการทำงานพาร์ตไทม์ในร้านขนมหวานซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ผมยาวถักเปียเรียงซ้อนงามเป็นระเบียบ สาวหุ่นเพรียวในเสื้อยืดสีดำชายเสื้อเข้าในกระโปรงยีนสั้นบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนเดินจัดเสิร์ฟขนมหวานและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซึ่งทั้งร้านมีพนักงานสองสามคนสลับกันเข้าออกเป็นกะ เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอและอีฟเองก็พึงพอใจกับงานที่ทำและในวันแรกเธอไม่ได้กดดันหรืออึดอัดอะไรเลยดูแล้วงานนี้ก็เหมาะกับเธอด้วยซ้ำแม้รายได้เพียงเป็นค่าอาหารและค่าเดินทางในแต่ละวันซึ่งก็เพียงพอสำหรับเธอในช่วงนี้และใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็เสร็จงานของเธอในวันนี้เย็นนี้เธอได้นัดกับแซมไว้ให้มาเจอกันที่หน้าร้านขนมหวานหลังจากเธอเสร็จงาน อีฟยืนก้มหน้าพิมพ์ข้อความบนมือถือถึงชายหนุ่มที่นัดแล้วเขาก็มาตรงเวลาเป๊ะ“Hi,sam” ทั้งสองสวมกอดทักทายด้วยความคิดถึง “Shall we go? ” (เราไปกันเลยไหม) แซมตั้งใจไว้ว่าจะแวะดูคอมพิวเตอร์เพื่อไว้ใช้สำหรับธุรกิจของเขาที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้แต่นั่น

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)   บทที่12.สมุดบันทึกรัก

    “Sam,Can you stop the car for a moment?” (แซมหยุดรถสักครู่ได้ไหม)อีฟพูดขึ้นในขณะที่แซมกำลังขับรถตรงไปยังจุดอื่นระหว่างทางหลังจากที่ได้รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเพราะเธอได้ มองเห็นกลุ่มช้างที่น่ารักซึ่งเป็นสัตว์ที่เธอชอบเป็นพิเศษและขวานช้างรอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและใกล้ชิดที่หน้ารีสอร์ต แซมชำเลืองมองกลุ่มช้างนั้นแล้วเขาก็ได้เลี้ยวหยุดรถชิดขอบทาง อีฟยกกล้องมือถือถ่ายรูป ซื้ออาหารให้ช้างเหล่านั้นพลางมือลูบคลำงวงช้างที่แสนเชื่อง เขามองเธอที่มีความสุข ในห้วงเวลานั้น พลางมือกดรัวชัตเตอร์บนกล้องที่คล้องมา สองมือประสานแน่นเธอเอียงศีรษะพิงไหล่กว้าง มองฟ้าสีคราม ในหัวใจนึก อยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ แซมเอียงหน้าจูบบนหน้าผากเธอเบาๆ มือซ้ายขยับกอด เพื่อบ่งบอกว่า เขาอยู่ข้างเธอไม่ต้องกังวล แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ซึ่งคือความจริงที่ต้องดำเนินไปแล้วทั้งสองก็ขึ้นมาถึงจุดสูงของภูเขาเพื่ออำลาผืนป่าก่อนกลับไปใช้ ชีวิตในเมืองกรุง มีเพียงสายตาและรอยยิ้มที่มองกันด้วยความลึกซึ้งยืนคู่ชิดโดดเด่นมองท้องฟ้าที่กว้างไกลป่าสีเขียวสุดลูกตา พวกเขาจะบันทึกไว้ในความทรงจำไว้ว่าที่ตรงนี้บนเขาใหญ่เป็นพยานแ

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)    บทที่11.กวางป่าหนุ่มผู้มีเขาที่สง่างาม

    11.00am ณ ที่สถานีขนส่งแห่งหนึ่งซึ่งเป็นประตูสู่ภาคอีสาน มีผู้คนพลุกพล่านเข้าออกขึ้นลง อีฟและแซมก้าวลงจากรถทัวร์สะพายเป้ใบตุง เดินมองหาผู้ให้บริการรถเช่าที่แซมได้จองไว้ทางอินเทอร์เน็ต“Sam I think that man” (แซม ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นนะ) เธอพูดพลางนิ้วชี้ให้เขาดูชายวัยกลางคนยืนยิ้มกว้างหน้ารถออฟโรดสีดำซึ่งมองดูแล้วก็ตรงตามรูปบนใบจองที่เธอถืออยู่ในมือเส้นทางที่มุ่งสู่จุดหมายบนถนนลาดยางแหวกป่าเขาลำเนาไพรแซมขับรถสองที่นั่งสี่ล้อยกสูงไปอย่างช้าๆ ตาเลื่อนสลับไปมาแลมองแผนที่บนมือถือเป็นระยะๆ กระจกรถเลื่อนลงสุดคางของอีฟวางลงบนขอบกระจกให้ใบหน้ารับลมสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ผ่านหุบเขาทุ่งหญ้าสีเหลืองทอง ชายหนุ่มผู้สายตายาวไกลเลี้ยวจอดรถริมขอบทาง ดวงตามุ่งมั่นก้าวลงค่อยๆย่องเท้าฝ่าดงหญ้า พลางมือยกกล้องที่คล้องไว้บนคอ มือนิ่งตาเล็งเป้าโฟกัสแล้วซูมไปที่กวางป่าเขายาวกำลังกินหญ้าอย่างสำราญ แซมรอจังหวะกวางเขายาวสง่าเงยหัวขึ้น เขาอธิษฐาน อยู่ในใจ “อย่าขยับนะ ได้โปรด ๆ อยู่นิ่งๆ” ..แสงแดดย่ามบ่ายแก่ๆ สาดแสงหญ้าเหลืองทองอร่าม กวางหนุ่มผู้มีเขายาวคล้ายกิ่งไม้เงยหัวเผยดวงตาที่น่าเอ็นดู นิ้วเขารีบกดชัตเตอร์ร

  • A World for Just Us Two (โลกที่มีเพียงเราสองคน)    บทที่10.สวรรค์ชั้น 7

    เสียงนกเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่าเป็นรุ่งอรุณของวันใหม่คู่หนุ่มสาวที่ผ่านศึกรักที่หนักหน่วง ฝูงนกได้ปลุกให้แซมตื่น เขาขยับร่างมือค่อยเลื่อนสัมผัสร่างสาวเจ้าเสน่ห์เข้ามาชิดแล้วลูบไล้ทั่วร่างเนียน อีฟขยับเปลือกตาด้วยความเคลิ้มรู้สึกได้ถึงมือที่ซุกซนสอดแทรกไปทุกจุดที่ไวต่อการสัมผัสพลันท่อนรักผ่าเข้าร่องสาวที่ตื่นตัว เธอลืมตามองชายหนุ่ม ที่คร่อมร่างเธอและแสงแดดยามเช้าสาดส่องให้เห็นหน้าอกหนุ่มแน่นขาวผ่องผมสีบอลนด์เธอมองลึกลงไปในดวงตาฟ้าใสละมุนเก็บรายละเอียดนี้ไว้ด้วยสายตาแห่งความหลงใหล แล้วจังหวะรักที่แซมเร่งขย่มถี่เพียงครู่ก็สำเร็จกิจหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วอีฟออกมานั่งที่ตรงระเบียงด้วยความรื่นรมย์ กางแผนที่และกระดาษแพลนเที่ยวของแซมที่จดไว้แล้วตามลำดับ มือจับปากกาวงไว้เป็นจุดๆ เพราะที่จริงแล้วนี่คือครั้งแรกของเธอที่ได้ไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้แม้เธอจะรู้ข้อมูลมามากพอสมควรจากตำรา" Are you hungry? "(คุณหิวไหม) แซมเดินออกมาจากห้องเอ่ยถามอีฟที่มองแผนที่สลับกับกระดาษสีขาวพลางมือที่กำลังขยุกขยิก"Yes,I’m hungry" (หิวค่ะ) เธอเงยหน้าขึ้นเพราะท้องร้องได้เริ่มร้อง ว่าหิว“So let’go,Shall we?”

DMCA.com Protection Status