สองอาทิตย์ ผ่านไป…..
“อีฟ เธอช่วยฉันเลือกหน่อยสิลองมาหลายชุดแล้วตัดสินใจเลือกไม่ถูกเลย” แนนซี่เอียงซ้ายทีขวาทีมองดูตัวเองอยู่หน้ากระจกใสห้องของเธอมีอีฟนั่งเขี่ยมือถือรอแนนซี่แต่งตัวเพื่อจะไปงานคืนนี้กัน เพราะราตรีนี้เจ้าของไนต์คลับได้จัดวันเกิดให้กับเจ๊แตงผู้จัดการดีเด่นที่ทำยอดได้ตามเป้าทุกเดือนและนี่ก็เป็นโอกาสเดียวที่แนนซี่จะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาสักทีหลังจากที่อยากติดตามอีฟไปหลายครั้งแล้วแต่เธอกลับถูกปฏิเสธแทบทุกครั้ง “ชุดไหนก็ได้แนนซี่ สวยทุกชุด เดรสยาวสวยเหมาะกับเธอแล้ว” อีฟเงยหน้าตอบแนนซี่ที่กำลังจ้องตัวเองอยู่หน้ากระจก “โอเค ตามนี้ฉันเชื่อเธอเพราะก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน” ก๊อก ก๊อก ก๊อก . ไปกันยังจ๊ะสาวๆ “ปะ แนนซี่ไปกันเถอะ เจ๊แตงมาเรียกแล้ว” อีฟหมุนลูกปิด คลิก ! เจ๊แตงยืนบนรองเท้าแก้วใบหน้าขาววอกยกยิ้มอยู่หน้าประตู “Happy birth day ค่ะเจ๊แตงมีความสุขมากๆ กิจการรุ่งเรืองนะคะ” พลางทั้งสองเข้าสวมกอดเจ๊แตง “ขอบใจจ้า อีฟและแนนซี่ เจ๊ขออวยพรกลับ ให้ทั้งสองเรียนจบประสบความสำเร็จนะ” “ปะสาวๆ เราไปกันเถอะแท็กซี่มารอรับแล้ว” คืนงานปาร์ตี้วันเกิดของเจ๊แตง ทางร้านได้จัดถาดอาหารวางเรียงตั้งอยู่ด้านหน้าเพื่อให้แขกได้เลือกตักรับประทาน ลูกโป่งหลากสีติดไว้ทั่วร้านมีข้อความที่เรียงด้วยหลอดไฟรวมกันเป็นคำ ว่า “HAPPY BIRTH DAY MELON” “หาไรกินกันก่อนนะสาวๆ เดี๋ยวเจ๊เข้าไปดูเด็กๆด้านในห้องแต่งตัวก่อน” อีฟพาแนนซี่หาที่นั่งและหาอะไรลงท้องบ้างเพราะทั้งวันหล่อนตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่ที่จะมีในคืนนี้ “แนนซี่ เธอหาอะไรทานไปก่อนนะเดี๋ยวฉันต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวมา” “ได้อีฟ เดี๋ยวฉันนั่งตรงนี้แหละ” แนนซี่เคลื่อนสายตาดูรอบร้านบรรยากาศแสงสีเสียงดังกระหึ่ม ซึ่งเธอไม่ค่อยจะคุ้นเคยสักเท่าไหร่เพราะปกติชีวิตของเธอวนอยู่กับเรียนแล้วกินแล้วนอน เธอโยกตัวไปหยิบจานช้อนพลางมองดูอาหารในถาด ปีกไก่ทอด,มันฝรั่งบด,ไส้กรอก,สปาเกตตี " น่าทานทุกอย่างเลย ทานอะไรดีนะ" ในหัวสมองที่กำลังตื่นเต้นกับเมนูด้านหน้า “มีคนรับสาวไซซ์มหึมาเข้าทำงานด้วยเหรอ” เสียงคำพูดเคืองหูชวนให้ แนนซี่หันหน้าตามน้ำคำหยาบคายเพื่อหันมองว่าใครพูดเพราะเสียงนี้ได้ยินชัดเจนข้างๆตัวเธอ เจนเมียน้อยหุ้นส่วนไนต์คลับที่ตั้งตัวเป็นเจ้าแม่ ยืนตัวตรงมองแนนซี่ด้วยหางตาเหยียดแล้วขยับปากเปล่งเสียงออกมาย้ำเพื่อจี้ปมของเธอ “ก้อนไขมัน เดินได้ 555”เจนหัวเราะอย่างชอบใจ แนนซี่ยืนตัวสั่นด้วยน้ำโหนับหนึ่งถึงสิบในใจ จ้องแววตาไร้ไมตรีของหล่อน ข่มอารมณ์แล้วหมุนตัวกลับไปนั่งลงที่เดิม เจน หล่อนจะเก่งเฉพาะกับเด็กใหม่ที่พึ่งเข้ามาเพื่อโชว์พาวเวอร์ว่าเป็น เด็กเส้นและอีฟก็ถูกหมายหัวเอาไว้เพราะดูแล้วเด่นกว่าแต่หล่อนยังไม่มีโอกาสที่จะจัดการอีฟเนื่องจากบารมีเจ๊แตงค้ำไว้อยู่ พนักงานในร้านทุกคนต้องก้มหัวให้นางเพื่อรักษางานให้ได้ทำต่อโดยไม่ถูกไล่ออกแต่กับเจ๊แตงแล้ว หล่อนก็ยังไม่กล้าปากดีใส่กับสาวสองที่ดูแข็งแรงกว่าและที่สำคัญเจ๊แตงก็เป็นคนเก่าคนแก่ของร้านที่มีลูกค้าประจำเป็นเศรษฐีที่แวะเวียนมาหาซึ่งก็หนึ่งในนั้นก็เป็นลูกค้าของหล่อนด้วยเช่นกัน งานได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น แม้ว่าหัวค่ำแนนซี่จะหัวเสียอยู่บ้างแต่เธอก็จัดการอารมณ์นั้นไว้ได้อยู่หมัด ลูกค้าเข้าออกร่วมเล่นเกมบนเวที บรรดาสาวๆ หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนขึ้นลงไปพร้อมกับการแสดง จนเวลา 12.00am ซึ่งเป็นฤกษ์ดีที่จะได้เป่าเค้กก้อนโตที่ตั้งอยู่กลางร้าน แนนซี่ นั่งยกแขนตั้งมือเท้าคางมองไปบนเวทีดื่มเพียงน้ำอัดลม รอเวลาให้อีฟเลิกงานแล้วจะกลับบ้านพร้อมกัน “วันนี้ วันเกิดเจ๊แตง ขอให้ทุกคนร่วมแสดงความยินดีร้องเพลงเบิร์ดเดย์ให้กับเจ๊แตงด้วยนะครับ” เสียงดีเจประกาศผ่านไมโครโฟน คนที่ว่างก็เข้าไปร่วมล้อมวงร้องเพลง ตุ๊บ ! แนนซี่กำลังจะเดินไปร่วมที่โต๊ะกับเจ๊แตงได้สะดุดเท้าของเจนที่ตั้งใจขวาง ได้ล้มลงจนร่างลงไปกองกับพื้น พลันน้ำเสียงไร้ความอารีก็ออกมาจากปากของนางตัวดี “เธอซุ่มซ่ามเองนะยัยอ้วน มองไม่ดูตาม้าตาเรือ” แนนซี่ดันตัวขึ้นประชิดจ้องมองหน้าของนางแม่มด ในหัวร้อนกว่าธารลาวามีหลายคำที่อยากสบถพ่นใส่หน้าที่กร้านดำของหล่อน “ ถอยไป อีอ้วน” เจนผลักอกแนนซี่ให้ห่างจนร่างเซล้ม ในขณะทุกคนต่างร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์กัน อีฟอยู่บนเวทีมองมาทางแนนซี่กับเจนเห็นท่าแล้วคิดว่า มีเรื่องไม่สู้ดีแน่รีบเดินลงมาให้ทันสถานการณ์ที่ขุ่นมัว “มีเรื่อง อะไรกันอะ” “ยัยอ้วนนี่ซุ่มซ่ามล้มลงเอง ดูสภาพสิอืดเชียว” แล้วหล่อนก็หัวเราะขำอย่างชอบใจ อีฟได้ยินน้ำเสียงเหน็บแนมเหยียดเพื่อนของเธอ เกินกว่าความอดทนที่มีขีดจำกัดจะรับไหว พูดกับเธอพอทนไหวแต่เหยียดเพื่อนของเธอเกินจะอดทน แล้วกำปั้นเล็กๆ ก็กระแทกเข้าไปที่ปากของหล่อนอย่างจัง ตั๊บ ! “โอ๊ย ! ” “มึง ชกกุเหรอ” ริมปากหมาที่รับแรงกระแทกจากหมัดอีฟพลันดวงตาร้ายกาจของปีศาจที่อยู่ในตัวก็เผยออกมา ตุ้บ ตั้บ ! ตุ้บ ตั้บ ! เกิดการตะลุมบอนสวนกันไปมาอีฟและแนนซี่พร้อมกลุ่มเพื่อนของเจน "โครมคราม " เก้าอี้ล้มระเนระนาด เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆในร้าน ทันใดแสงนีออนในร้านก็สว่างจ้าทันที เจ๊แตงปรี่เข้ามาขวาง ชิ้นเค้ก เส้นสปาเกตตี ขว้างเหวี่ยงกันไปมาจนร้านเละ แหมะ! ก้อนเค้กเล็กลอยมาโดนใบหน้าเจ๊แตงเข้าอย่างจัง “กรี๊ดๆ” เสียงเจ๊แตงตัวจริงที่ซ่อนไว้ ได้เปล่งอย่างเต็มตัว “หยุด ..หยุด” “กูบอกให้หยุด” เสียงกร้าว ของเจ๊แตงทำให้ทุกคนต้องชงัก แล้วหันมองไปทางเดียวกันที่ใบหน้าของเจ๊แตงที่เละด้วยเค้กเส้นสปาเกตตีติดอยู่บนเส้นผม สงครามในไนต์คลับก็ได้สงบลง “เจ๊ หนูขอลาออก” อีฟ พูดขึ้นด้วยความรับผิดชอบเดินเข้าไปหาแนนซี่พยุงร่างบาดเจ็บบนพื้นขึ้น แล้วเคลื่อนเข้าไปหาเจ๊แตง “ขอโทษ ด้วยนะคะเจ๊แตง แต่ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ”อีฟพูดด้วยความรู้สึกผิดที่ได้พังงานวันเกิดของเจ๊แตงลง “อีฟพาแนนซี่กลับไปก่อนเลย เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้าน” เจ๊แตงยืนนิ่งกำลังทำใจยอมรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้จัดการ สองคู่หูเดินออกมาโดยไม่หันหลังไปมองบนใบหน้าฟกช้ำเล็กน้อยของทั้งสองที่ผ่านเรื่องในค่ำคืนย่ำแย่ที่ไม่มีอะไรให้น่าจดจำรุ่งเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึงหลังจากที่อีฟได้ลาออกจากงานที่ไนต์คลับได้หลายวันแล้ว เมื่อคืนที่ผ่านเธอได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มใบหน้าสดใสดวงตาสดชื่นเพ่งอ่านอีเมลของบริษัทประกัน อยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ในห้องของเธอติ้ง!“See you at the train station,I’m on my way” (เจอกันที่สถานีรถไฟนะ ผมกำลังไป)เธอเลื่อนสายตาอ่านข้อความบนหน้าจอมือถือ พลางพับจอโน้ตบุ๊กลงแล้วโยกตัวไปคว้ากระเป๋าเป้ใบตุงที่อัดแน่นด้วยเสื้อผ้าเพื่อเตรียมจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวกับหนุ่มแดนนอกช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวันและชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นก็ได้จัดตารางงานของเขาไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เขาทำตามเพลนท่องเที่ยวที่เขาได้เสิร์ชหาข้อมูลมาล่วงหน้าไว้หลายอาทิตย์มาอย่างดี หนุ่มสูงยาวในชุดฟรีสไตล์ยืนตัวตรงหน้าตู้รถไฟที่จอดเทียบชานชาลา ปู้น ปู้น เสียงเรียกดังเร่งให้ผู้โดยสารรีบขึ้นขบวน“แซม! ” อีฟในเสื้อสีขาวตัวจิ๋วกางเกงยีนขาสั้นโชว์ขาเรียวบนรองเท้าผ้าใบเดินตรงมาด้วยใบหน้ายิ้มเปล่งเสียงเรียกแซมให้เงยหน้าที่กำลังก้มดูตั๋วที่ถืออยู่ในมือ“ Eve” แซมยิ้มกว้างกางแขนรับสาวร่างเล็กสวมกอดทักทาย“Let’s go (ไปกันเถอะ) ทั้งสองจับมือ ก้
เสียงนกเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่าเป็นรุ่งอรุณของวันใหม่คู่หนุ่มสาวที่ผ่านศึกรักที่หนักหน่วง ฝูงนกได้ปลุกให้แซมตื่น เขาขยับร่างมือค่อยเลื่อนสัมผัสร่างสาวเจ้าเสน่ห์เข้ามาชิดแล้วลูบไล้ทั่วร่างเนียน อีฟขยับเปลือกตาด้วยความเคลิ้มรู้สึกได้ถึงมือที่ซุกซนสอดแทรกไปทุกจุดที่ไวต่อการสัมผัสพลันท่อนรักผ่าเข้าร่องสาวที่ตื่นตัว เธอลืมตามองชายหนุ่ม ที่คร่อมร่างเธอและแสงแดดยามเช้าสาดส่องให้เห็นหน้าอกหนุ่มแน่นขาวผ่องผมสีบอลนด์เธอมองลึกลงไปในดวงตาฟ้าใสละมุนเก็บรายละเอียดนี้ไว้ด้วยสายตาแห่งความหลงใหล แล้วจังหวะรักที่แซมเร่งขย่มถี่เพียงครู่ก็สำเร็จกิจหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วอีฟออกมานั่งที่ตรงระเบียงด้วยความรื่นรมย์ กางแผนที่และกระดาษแพลนเที่ยวของแซมที่จดไว้แล้วตามลำดับ มือจับปากกาวงไว้เป็นจุดๆ เพราะที่จริงแล้วนี่คือครั้งแรกของเธอที่ได้ไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้แม้เธอจะรู้ข้อมูลมามากพอสมควรจากตำรา" Are you hungry? "(คุณหิวไหม) แซมเดินออกมาจากห้องเอ่ยถามอีฟที่มองแผนที่สลับกับกระดาษสีขาวพลางมือที่กำลังขยุกขยิก"Yes,I’m hungry" (หิวค่ะ) เธอเงยหน้าขึ้นเพราะท้องร้องได้เริ่มร้อง ว่าหิว“So let’go,Shall we?”
11.00am ณ ที่สถานีขนส่งแห่งหนึ่งซึ่งเป็นประตูสู่ภาคอีสาน มีผู้คนพลุกพล่านเข้าออกขึ้นลง อีฟและแซมก้าวลงจากรถทัวร์สะพายเป้ใบตุง เดินมองหาผู้ให้บริการรถเช่าที่แซมได้จองไว้ทางอินเทอร์เน็ต“Sam I think that man” (แซม ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นนะ) เธอพูดพลางนิ้วชี้ให้เขาดูชายวัยกลางคนยืนยิ้มกว้างหน้ารถออฟโรดสีดำซึ่งมองดูแล้วก็ตรงตามรูปบนใบจองที่เธอถืออยู่ในมือเส้นทางที่มุ่งสู่จุดหมายบนถนนลาดยางแหวกป่าเขาลำเนาไพรแซมขับรถสองที่นั่งสี่ล้อยกสูงไปอย่างช้าๆ ตาเลื่อนสลับไปมาแลมองแผนที่บนมือถือเป็นระยะๆ กระจกรถเลื่อนลงสุดคางของอีฟวางลงบนขอบกระจกให้ใบหน้ารับลมสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ผ่านหุบเขาทุ่งหญ้าสีเหลืองทอง ชายหนุ่มผู้สายตายาวไกลเลี้ยวจอดรถริมขอบทาง ดวงตามุ่งมั่นก้าวลงค่อยๆย่องเท้าฝ่าดงหญ้า พลางมือยกกล้องที่คล้องไว้บนคอ มือนิ่งตาเล็งเป้าโฟกัสแล้วซูมไปที่กวางป่าเขายาวกำลังกินหญ้าอย่างสำราญ แซมรอจังหวะกวางเขายาวสง่าเงยหัวขึ้น เขาอธิษฐาน อยู่ในใจ “อย่าขยับนะ ได้โปรด ๆ อยู่นิ่งๆ” ..แสงแดดย่ามบ่ายแก่ๆ สาดแสงหญ้าเหลืองทองอร่าม กวางหนุ่มผู้มีเขายาวคล้ายกิ่งไม้เงยหัวเผยดวงตาที่น่าเอ็นดู นิ้วเขารีบกดชัตเตอร์ร
“Sam,Can you stop the car for a moment?” (แซมหยุดรถสักครู่ได้ไหม)อีฟพูดขึ้นในขณะที่แซมกำลังขับรถตรงไปยังจุดอื่นระหว่างทางหลังจากที่ได้รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเพราะเธอได้ มองเห็นกลุ่มช้างที่น่ารักซึ่งเป็นสัตว์ที่เธอชอบเป็นพิเศษและขวานช้างรอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและใกล้ชิดที่หน้ารีสอร์ต แซมชำเลืองมองกลุ่มช้างนั้นแล้วเขาก็ได้เลี้ยวหยุดรถชิดขอบทาง อีฟยกกล้องมือถือถ่ายรูป ซื้ออาหารให้ช้างเหล่านั้นพลางมือลูบคลำงวงช้างที่แสนเชื่อง เขามองเธอที่มีความสุข ในห้วงเวลานั้น พลางมือกดรัวชัตเตอร์บนกล้องที่คล้องมา สองมือประสานแน่นเธอเอียงศีรษะพิงไหล่กว้าง มองฟ้าสีคราม ในหัวใจนึก อยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ แซมเอียงหน้าจูบบนหน้าผากเธอเบาๆ มือซ้ายขยับกอด เพื่อบ่งบอกว่า เขาอยู่ข้างเธอไม่ต้องกังวล แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ซึ่งคือความจริงที่ต้องดำเนินไปแล้วทั้งสองก็ขึ้นมาถึงจุดสูงของภูเขาเพื่ออำลาผืนป่าก่อนกลับไปใช้ ชีวิตในเมืองกรุง มีเพียงสายตาและรอยยิ้มที่มองกันด้วยความลึกซึ้งยืนคู่ชิดโดดเด่นมองท้องฟ้าที่กว้างไกลป่าสีเขียวสุดลูกตา พวกเขาจะบันทึกไว้ในความทรงจำไว้ว่าที่ตรงนี้บนเขาใหญ่เป็นพยานแ
หลังจากเจ๊แตงได้จัดการติดต่อหางานพาร์ตไทม์ช่วยอีฟให้ได้ทำงานแล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกของการทำงานพาร์ตไทม์ในร้านขนมหวานซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ผมยาวถักเปียเรียงซ้อนงามเป็นระเบียบ สาวหุ่นเพรียวในเสื้อยืดสีดำชายเสื้อเข้าในกระโปรงยีนสั้นบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนเดินจัดเสิร์ฟขนมหวานและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซึ่งทั้งร้านมีพนักงานสองสามคนสลับกันเข้าออกเป็นกะ เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอและอีฟเองก็พึงพอใจกับงานที่ทำและในวันแรกเธอไม่ได้กดดันหรืออึดอัดอะไรเลยดูแล้วงานนี้ก็เหมาะกับเธอด้วยซ้ำแม้รายได้เพียงเป็นค่าอาหารและค่าเดินทางในแต่ละวันซึ่งก็เพียงพอสำหรับเธอในช่วงนี้และใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็เสร็จงานของเธอในวันนี้เย็นนี้เธอได้นัดกับแซมไว้ให้มาเจอกันที่หน้าร้านขนมหวานหลังจากเธอเสร็จงาน อีฟยืนก้มหน้าพิมพ์ข้อความบนมือถือถึงชายหนุ่มที่นัดแล้วเขาก็มาตรงเวลาเป๊ะ“Hi,sam” ทั้งสองสวมกอดทักทายด้วยความคิดถึง “Shall we go? ” (เราไปกันเลยไหม) แซมตั้งใจไว้ว่าจะแวะดูคอมพิวเตอร์เพื่อไว้ใช้สำหรับธุรกิจของเขาที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้แต่นั่น
เวลา10โมงเช้าบรรยากาศในห้องสอบที่เงียบทุกคนต่างเพ่งตาทำข้อสอบอีฟใบหน้าผ่อนคลายอย่างมีสมาธิเธอรู้สึกดีใจที่ถึงวันนี้เสียทีเพราะเท่ากับว่าเธอได้นับเวลาถอยหลังถึงเส้นชัยแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาอันรวดเร็วเธอจะผ่านประสบการณ์ทำงานที่แปลกใหม่ในชีวิตจนได้พบกับใครบางคนที่ชะตาฟ้าลิขิตให้มาเจอ พอถึงช่วงเวลาบ่ายหลังจากสอบเสร็จอีฟกับแนนซี่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาเพื่อนสนิทใต้ต้นไม้ใหญ่ในรั้วมหาวิทยาลัยแต่ทั้งสองต้องเหลียวมองตามเสียงผู้หญิงที่กำลังพูดไฟแลบด้วยท่าทางฟึดฟัดอย่างไม่พอใจและนั่นคือ ไอวาและลิซซี่กำลังทะเลาะกัน “สองคนนั้นเขาทะเลาะอะไรกัน” “ฉันว่าสงสัยเจอฤทธิ์หนุ่มแบดบอยเข้าให้ไอวาก็คงทำนิสัยเดิมๆ เจ้าชู้ไปทั่วแหงๆ แต่ว่าสองคนนั้นคบกันแป๊บเดียวเองนะไม่ทันไรก็เผยสันดานออกมาละ สมน้ำหน้า จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรยัยลิซซี่ที่ขี้เหวี่ยงขึ้วีนขนาดนั้น กับคาสโนว่าตัวพ่อ”แนนซี่พูดรัวชุดใหญ่ แต่อีฟเมื่อได้ฟังก็รู้สึกเฉยๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้วอีฟก็มองดูเวลาเพราะเธอได้เวลาต้องไปเปลี่ยนกะที่ร้านขนมหวานกลางเมือง“แนนซี่ ฉันจะต้องไปทำงานต่อที่ร้านขนมเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นที่ห้องนะ ” “ได้สิ แล้วเจอกัน” แน
หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าของวันที่อากาศสดใสปลอดโปร่งในรั้วมหาวิทยาลัยที่ สองสาวใช้เวลาหลายปีในการร่ำเรียนและมีความผูกพันกับสถานที่เรียนแห่งนี้ก็มาถึงช่วงท้ายสุดของชีวิตนักศึกษา นักศึกษามากมายหลายคนต่างยื่นหน้าจ้องบนกระดาษที่แปะไว้ที่บอร์ดของคณะพลางนิ้วไล่เช็กรหัสของตัวเอง “อีฟฉันผ่านแล้ว”แนนซี่กระโดดกอดอีฟด้วยความดีใจเมื่อเห็นรหัสประจำตัวและชื่อของตัวเองติดอยู่ว่าสอบได้และอีฟยิ้มอย่างภูมิใจที่ทำสำเร็จเมื่อเห็นชื่อของเธอว่าสอบผ่านด้วยเช่นกันและตัวเธอเองจะไม่โอเคแน่ๆถ้าต้องเสียเวลาสอบใหม่อีกรอบเพราะฐานะการเงินที่ฝืดเคืองไม่สามารถประคองชีวิตต่อไปได้อีกหลายเดือนหากยังไม่มีงานประจำทำแล้ววันนี้เธอก็ทำสำเร็จซึ่งเธอก็ภูมิใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อย สองสาวที่แพลนเอาไว้เป็นเดือนแล้วว่าจะรวบรวมเงินกันจัดงานฉลองเล็กๆกันที่ร้านข้างหอถ้าสอบผ่านและสำเร็จทั้งสองคน “แนนซี่ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเจ๊แตงนะเราต้องเฉลิมฉลองกันตามที่เราได้สัญญากันไว้แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปก่อนนะเพื่อนมีนัดกับแซมไว้เจอกันเย็นนี้นะ ” อีฟพูดพลางก้าวถอยหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แจ่มใสและเธอก็ยิ้มไม่หุบระหว่างการเดินทางไปหาชายหนุ่มที่คบแล
ในห้องสี่เหลี่ยมที่บรรยากาศอึมครึมเพราะชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นและจริงจังตอนนี้เขาได้เก็บตัวปิดประตูสังคมนั่งหน้าดำคร่ำเครียดปล่อยหนวดเครายาวสมองหมกมุ่นหนักกับงานที่ไม่ลงตัว แม้แต่อีฟคนที่กำลังคบหาเขาก็ไม่ได้สนใจตอบข้อความของเธออย่างเช่นเคยเพราะตอนนี้เขาแทบจะถวายชีวิตให้กับงานเลยก็ว่าได้ สามารถยอมแลกได้ทุกอย่างให้ได้มาซึ่งความสำเร็จแต่เขาอยากระบายออกมาบ้างในบางครั้งแล้วเสียงของชายหนุ่มได้ตะโกนลั่นปลดปล่อยอารมณ์ความเครียดจากสมองพลางมือขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วปามันติดกำแพงผนัง..ที่อะพาร์ตเมนต์ในที่พักอาศัยของอีฟและแนนซี่ ตอนนี้ทั้งสองกำลังยุ่งกับการเก็บข้าวของ แนนซี่มองดูรูปถ่ายที่ถืออยู่ในมือเป็นภาพของเธอกับอีฟในชุดนักศึกษาสมัยปีหนึ่งที่ถ่ายคู่กันด้วยความสนิทสนมด้วยความปลาบปลื้มที่มีเพื่อนดีๆเช่น อีฟ แล้วเก็บใส่กล่องสี่เหลี่ยมส่วนตัวของเธอ ข้าวของเครื่องใช้ที่แพ็กไว้เรียบร้อยพร้อมขนย้ายเพื่อเตรียมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอย่างถาวร ในขณะที่อีฟมือแพ็กกล่องสลับหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะๆเพื่อเช็กข้อความแซมที่จะตอบกลับเธอ“มีอะไรหรือเปล่าอีฟ เช็กมือถือตลอดเลย”แนนซี่เอ่ยถามเมื่อสังเกตว่าอีฟพะวงดูมื
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของแซมอาจเพราะด้วยความกดดันของทั้งสองที่ต้องการเพียงระยะห่างเท่านั้นและอีฟก็แค่ตั้งใจจะไปปรึกษาเรื่องงานของเธอกับแซม ยังไม่ทันได้ปริปากพูดถึงมันเลยกลับต้องจบลงแบบนี้จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างแต่บทสุดท้ายคือตอนนี้เธอเศร้าใจนัก และคำปลอบใจที่พูดกับตัวเองก็มีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องมูฟออน เมื่อถึงห้องเธอก็ไม่รอช้าคว้าโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดแล้วตอบกลับอีเมลงานที่รอคำตอบจากเธอมาหลายวันแล้วด้วยใจที่แน่วแน่มั่นใจและพร้อมเดินทางในวันถัดไปโดยไม่จำเป็นต้องรีรอ วันต่อมา… บางครั้งโชคชะตาก็พลิกผันรวดเร็วเกินตั้งตัวให้เราเดินตามทางที่ถูกกำหนดมาตามเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้เธอได้เก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆแพ็กลงกล่องเพื่อจัดการส่งให้กับบริษัทขนส่งที่กำลังจะมารับ หนังสือที่ตั้งวางอยู่ด้านหน้ามือหยิบลงใส่กล่องกระดาษสี่เหลี่ยมที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับหนังสือเล่มโปรดของเธอแต่แล้วดวงตาต้องสะดุดกับสมุดบันทึกรักที่เคยจดบันทึกไว้เธอหยิบขึ้นมาแล้วเพ่งมองชวนให้นึกถึงและคิดว่าจะเปิดดูและอ่านอีกรอบแต่แล้วทันใดนั้นเสียงประตูหน้าห้องก็ดังแทรก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ใครคะ?” “แม่บ้านจ้า” เธอตั
ที่ร้านอาหารตามสั่งของเจ๊แตงอีฟและแนนซี่ได้ทยอยขนของลงมาไว้บ้างแล้วเพื่อรอครอบครัวของแนนซี่จะมารับในไม่ช้า บนโต๊ะอาหารทุกคนนั่งรับประทานอาหารพร้อมสนทนากันไปพลางๆพลันสายตาหลายคู่ต้องหันมองไปทางเดียวกันเพราะรถเบนซ์คันหรูที่ดูคุ้นตาและนานๆจะมีเข้ามาที่อะพาร์ตเมนต์ราคาประหยัดเช่นนี้ซึ่งดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นน่าจะเป็นคันเดียวกันที่เคลื่อนเข้าเมื่ออีฟและแนนซี่จ้องมองไปยังแผ่นป้ายทะเบียนนั้นแล้วก็ตรงเป๊ะและคิดว่า “ต้องใช่!หล่อนแน่ๆ”แต่วันนี้กลับมีสาวสวยสวมแว่นดำเดินออกมาจากรถมันเงาเพียงลำพังไร้เงาชายหนุ่มข้างกาย ลิซซี่ยืนบนรองรองเท้าส้นแหลม คอหันซ้ายหันขวาแล้วสายตาสะดุดเห็นอีฟและแนนซี่นั่งอยู่ที่ร้านอาหารข้างๆหอหล่อนจึงรีบเดินดุ่มๆมาแล้วเอ่ยถาม “อีฟเจอไอวาไหมฉันตามหาเขาอยู่เขาพยายามหลบหน้าหลบตาฉัน”เธอพูดด้วยเสียงที่กระซิกๆคล้ายกับจะร้องไห้ใต้แว่นดำแต่ไร้ซึ่งหยดน้ำตาต่อให้ลิซซี่จะสวยเพอร์เฟกต์แค่ไหนแต่หล่อนก็เป็นคนเอาแต่ใจให้ได้มาซึ่งทุกอย่างตามประสาลูกคนรวยที่ถูกสปอยล์แต่ตอนนี้เสียงของหล่อนที่พูดกับอีฟได้อ่อนปวกเปียกต่างจากเมื่อก่อนเพียงเพื่อต้องการให้ได้สิ่งที่หล่อนต
ในห้องสี่เหลี่ยมที่บรรยากาศอึมครึมเพราะชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นและจริงจังตอนนี้เขาได้เก็บตัวปิดประตูสังคมนั่งหน้าดำคร่ำเครียดปล่อยหนวดเครายาวสมองหมกมุ่นหนักกับงานที่ไม่ลงตัว แม้แต่อีฟคนที่กำลังคบหาเขาก็ไม่ได้สนใจตอบข้อความของเธออย่างเช่นเคยเพราะตอนนี้เขาแทบจะถวายชีวิตให้กับงานเลยก็ว่าได้ สามารถยอมแลกได้ทุกอย่างให้ได้มาซึ่งความสำเร็จแต่เขาอยากระบายออกมาบ้างในบางครั้งแล้วเสียงของชายหนุ่มได้ตะโกนลั่นปลดปล่อยอารมณ์ความเครียดจากสมองพลางมือขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วปามันติดกำแพงผนัง..ที่อะพาร์ตเมนต์ในที่พักอาศัยของอีฟและแนนซี่ ตอนนี้ทั้งสองกำลังยุ่งกับการเก็บข้าวของ แนนซี่มองดูรูปถ่ายที่ถืออยู่ในมือเป็นภาพของเธอกับอีฟในชุดนักศึกษาสมัยปีหนึ่งที่ถ่ายคู่กันด้วยความสนิทสนมด้วยความปลาบปลื้มที่มีเพื่อนดีๆเช่น อีฟ แล้วเก็บใส่กล่องสี่เหลี่ยมส่วนตัวของเธอ ข้าวของเครื่องใช้ที่แพ็กไว้เรียบร้อยพร้อมขนย้ายเพื่อเตรียมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอย่างถาวร ในขณะที่อีฟมือแพ็กกล่องสลับหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะๆเพื่อเช็กข้อความแซมที่จะตอบกลับเธอ“มีอะไรหรือเปล่าอีฟ เช็กมือถือตลอดเลย”แนนซี่เอ่ยถามเมื่อสังเกตว่าอีฟพะวงดูมื
หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าของวันที่อากาศสดใสปลอดโปร่งในรั้วมหาวิทยาลัยที่ สองสาวใช้เวลาหลายปีในการร่ำเรียนและมีความผูกพันกับสถานที่เรียนแห่งนี้ก็มาถึงช่วงท้ายสุดของชีวิตนักศึกษา นักศึกษามากมายหลายคนต่างยื่นหน้าจ้องบนกระดาษที่แปะไว้ที่บอร์ดของคณะพลางนิ้วไล่เช็กรหัสของตัวเอง “อีฟฉันผ่านแล้ว”แนนซี่กระโดดกอดอีฟด้วยความดีใจเมื่อเห็นรหัสประจำตัวและชื่อของตัวเองติดอยู่ว่าสอบได้และอีฟยิ้มอย่างภูมิใจที่ทำสำเร็จเมื่อเห็นชื่อของเธอว่าสอบผ่านด้วยเช่นกันและตัวเธอเองจะไม่โอเคแน่ๆถ้าต้องเสียเวลาสอบใหม่อีกรอบเพราะฐานะการเงินที่ฝืดเคืองไม่สามารถประคองชีวิตต่อไปได้อีกหลายเดือนหากยังไม่มีงานประจำทำแล้ววันนี้เธอก็ทำสำเร็จซึ่งเธอก็ภูมิใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อย สองสาวที่แพลนเอาไว้เป็นเดือนแล้วว่าจะรวบรวมเงินกันจัดงานฉลองเล็กๆกันที่ร้านข้างหอถ้าสอบผ่านและสำเร็จทั้งสองคน “แนนซี่ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเจ๊แตงนะเราต้องเฉลิมฉลองกันตามที่เราได้สัญญากันไว้แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปก่อนนะเพื่อนมีนัดกับแซมไว้เจอกันเย็นนี้นะ ” อีฟพูดพลางก้าวถอยหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แจ่มใสและเธอก็ยิ้มไม่หุบระหว่างการเดินทางไปหาชายหนุ่มที่คบแล
เวลา10โมงเช้าบรรยากาศในห้องสอบที่เงียบทุกคนต่างเพ่งตาทำข้อสอบอีฟใบหน้าผ่อนคลายอย่างมีสมาธิเธอรู้สึกดีใจที่ถึงวันนี้เสียทีเพราะเท่ากับว่าเธอได้นับเวลาถอยหลังถึงเส้นชัยแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาอันรวดเร็วเธอจะผ่านประสบการณ์ทำงานที่แปลกใหม่ในชีวิตจนได้พบกับใครบางคนที่ชะตาฟ้าลิขิตให้มาเจอ พอถึงช่วงเวลาบ่ายหลังจากสอบเสร็จอีฟกับแนนซี่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาเพื่อนสนิทใต้ต้นไม้ใหญ่ในรั้วมหาวิทยาลัยแต่ทั้งสองต้องเหลียวมองตามเสียงผู้หญิงที่กำลังพูดไฟแลบด้วยท่าทางฟึดฟัดอย่างไม่พอใจและนั่นคือ ไอวาและลิซซี่กำลังทะเลาะกัน “สองคนนั้นเขาทะเลาะอะไรกัน” “ฉันว่าสงสัยเจอฤทธิ์หนุ่มแบดบอยเข้าให้ไอวาก็คงทำนิสัยเดิมๆ เจ้าชู้ไปทั่วแหงๆ แต่ว่าสองคนนั้นคบกันแป๊บเดียวเองนะไม่ทันไรก็เผยสันดานออกมาละ สมน้ำหน้า จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรยัยลิซซี่ที่ขี้เหวี่ยงขึ้วีนขนาดนั้น กับคาสโนว่าตัวพ่อ”แนนซี่พูดรัวชุดใหญ่ แต่อีฟเมื่อได้ฟังก็รู้สึกเฉยๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้วอีฟก็มองดูเวลาเพราะเธอได้เวลาต้องไปเปลี่ยนกะที่ร้านขนมหวานกลางเมือง“แนนซี่ ฉันจะต้องไปทำงานต่อที่ร้านขนมเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นที่ห้องนะ ” “ได้สิ แล้วเจอกัน” แน
หลังจากเจ๊แตงได้จัดการติดต่อหางานพาร์ตไทม์ช่วยอีฟให้ได้ทำงานแล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกของการทำงานพาร์ตไทม์ในร้านขนมหวานซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ผมยาวถักเปียเรียงซ้อนงามเป็นระเบียบ สาวหุ่นเพรียวในเสื้อยืดสีดำชายเสื้อเข้าในกระโปรงยีนสั้นบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนเดินจัดเสิร์ฟขนมหวานและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซึ่งทั้งร้านมีพนักงานสองสามคนสลับกันเข้าออกเป็นกะ เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอและอีฟเองก็พึงพอใจกับงานที่ทำและในวันแรกเธอไม่ได้กดดันหรืออึดอัดอะไรเลยดูแล้วงานนี้ก็เหมาะกับเธอด้วยซ้ำแม้รายได้เพียงเป็นค่าอาหารและค่าเดินทางในแต่ละวันซึ่งก็เพียงพอสำหรับเธอในช่วงนี้และใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็เสร็จงานของเธอในวันนี้เย็นนี้เธอได้นัดกับแซมไว้ให้มาเจอกันที่หน้าร้านขนมหวานหลังจากเธอเสร็จงาน อีฟยืนก้มหน้าพิมพ์ข้อความบนมือถือถึงชายหนุ่มที่นัดแล้วเขาก็มาตรงเวลาเป๊ะ“Hi,sam” ทั้งสองสวมกอดทักทายด้วยความคิดถึง “Shall we go? ” (เราไปกันเลยไหม) แซมตั้งใจไว้ว่าจะแวะดูคอมพิวเตอร์เพื่อไว้ใช้สำหรับธุรกิจของเขาที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้แต่นั่น
“Sam,Can you stop the car for a moment?” (แซมหยุดรถสักครู่ได้ไหม)อีฟพูดขึ้นในขณะที่แซมกำลังขับรถตรงไปยังจุดอื่นระหว่างทางหลังจากที่ได้รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเพราะเธอได้ มองเห็นกลุ่มช้างที่น่ารักซึ่งเป็นสัตว์ที่เธอชอบเป็นพิเศษและขวานช้างรอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและใกล้ชิดที่หน้ารีสอร์ต แซมชำเลืองมองกลุ่มช้างนั้นแล้วเขาก็ได้เลี้ยวหยุดรถชิดขอบทาง อีฟยกกล้องมือถือถ่ายรูป ซื้ออาหารให้ช้างเหล่านั้นพลางมือลูบคลำงวงช้างที่แสนเชื่อง เขามองเธอที่มีความสุข ในห้วงเวลานั้น พลางมือกดรัวชัตเตอร์บนกล้องที่คล้องมา สองมือประสานแน่นเธอเอียงศีรษะพิงไหล่กว้าง มองฟ้าสีคราม ในหัวใจนึก อยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ แซมเอียงหน้าจูบบนหน้าผากเธอเบาๆ มือซ้ายขยับกอด เพื่อบ่งบอกว่า เขาอยู่ข้างเธอไม่ต้องกังวล แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ซึ่งคือความจริงที่ต้องดำเนินไปแล้วทั้งสองก็ขึ้นมาถึงจุดสูงของภูเขาเพื่ออำลาผืนป่าก่อนกลับไปใช้ ชีวิตในเมืองกรุง มีเพียงสายตาและรอยยิ้มที่มองกันด้วยความลึกซึ้งยืนคู่ชิดโดดเด่นมองท้องฟ้าที่กว้างไกลป่าสีเขียวสุดลูกตา พวกเขาจะบันทึกไว้ในความทรงจำไว้ว่าที่ตรงนี้บนเขาใหญ่เป็นพยานแ
11.00am ณ ที่สถานีขนส่งแห่งหนึ่งซึ่งเป็นประตูสู่ภาคอีสาน มีผู้คนพลุกพล่านเข้าออกขึ้นลง อีฟและแซมก้าวลงจากรถทัวร์สะพายเป้ใบตุง เดินมองหาผู้ให้บริการรถเช่าที่แซมได้จองไว้ทางอินเทอร์เน็ต“Sam I think that man” (แซม ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นนะ) เธอพูดพลางนิ้วชี้ให้เขาดูชายวัยกลางคนยืนยิ้มกว้างหน้ารถออฟโรดสีดำซึ่งมองดูแล้วก็ตรงตามรูปบนใบจองที่เธอถืออยู่ในมือเส้นทางที่มุ่งสู่จุดหมายบนถนนลาดยางแหวกป่าเขาลำเนาไพรแซมขับรถสองที่นั่งสี่ล้อยกสูงไปอย่างช้าๆ ตาเลื่อนสลับไปมาแลมองแผนที่บนมือถือเป็นระยะๆ กระจกรถเลื่อนลงสุดคางของอีฟวางลงบนขอบกระจกให้ใบหน้ารับลมสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ผ่านหุบเขาทุ่งหญ้าสีเหลืองทอง ชายหนุ่มผู้สายตายาวไกลเลี้ยวจอดรถริมขอบทาง ดวงตามุ่งมั่นก้าวลงค่อยๆย่องเท้าฝ่าดงหญ้า พลางมือยกกล้องที่คล้องไว้บนคอ มือนิ่งตาเล็งเป้าโฟกัสแล้วซูมไปที่กวางป่าเขายาวกำลังกินหญ้าอย่างสำราญ แซมรอจังหวะกวางเขายาวสง่าเงยหัวขึ้น เขาอธิษฐาน อยู่ในใจ “อย่าขยับนะ ได้โปรด ๆ อยู่นิ่งๆ” ..แสงแดดย่ามบ่ายแก่ๆ สาดแสงหญ้าเหลืองทองอร่าม กวางหนุ่มผู้มีเขายาวคล้ายกิ่งไม้เงยหัวเผยดวงตาที่น่าเอ็นดู นิ้วเขารีบกดชัตเตอร์ร
เสียงนกเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่าเป็นรุ่งอรุณของวันใหม่คู่หนุ่มสาวที่ผ่านศึกรักที่หนักหน่วง ฝูงนกได้ปลุกให้แซมตื่น เขาขยับร่างมือค่อยเลื่อนสัมผัสร่างสาวเจ้าเสน่ห์เข้ามาชิดแล้วลูบไล้ทั่วร่างเนียน อีฟขยับเปลือกตาด้วยความเคลิ้มรู้สึกได้ถึงมือที่ซุกซนสอดแทรกไปทุกจุดที่ไวต่อการสัมผัสพลันท่อนรักผ่าเข้าร่องสาวที่ตื่นตัว เธอลืมตามองชายหนุ่ม ที่คร่อมร่างเธอและแสงแดดยามเช้าสาดส่องให้เห็นหน้าอกหนุ่มแน่นขาวผ่องผมสีบอลนด์เธอมองลึกลงไปในดวงตาฟ้าใสละมุนเก็บรายละเอียดนี้ไว้ด้วยสายตาแห่งความหลงใหล แล้วจังหวะรักที่แซมเร่งขย่มถี่เพียงครู่ก็สำเร็จกิจหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วอีฟออกมานั่งที่ตรงระเบียงด้วยความรื่นรมย์ กางแผนที่และกระดาษแพลนเที่ยวของแซมที่จดไว้แล้วตามลำดับ มือจับปากกาวงไว้เป็นจุดๆ เพราะที่จริงแล้วนี่คือครั้งแรกของเธอที่ได้ไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้แม้เธอจะรู้ข้อมูลมามากพอสมควรจากตำรา" Are you hungry? "(คุณหิวไหม) แซมเดินออกมาจากห้องเอ่ยถามอีฟที่มองแผนที่สลับกับกระดาษสีขาวพลางมือที่กำลังขยุกขยิก"Yes,I’m hungry" (หิวค่ะ) เธอเงยหน้าขึ้นเพราะท้องร้องได้เริ่มร้อง ว่าหิว“So let’go,Shall we?”