11.00am ณ ที่สถานีขนส่งแห่งหนึ่งซึ่งเป็นประตูสู่ภาคอีสาน มีผู้คนพลุกพล่านเข้าออกขึ้นลง อีฟและแซมก้าวลงจากรถทัวร์สะพายเป้ใบตุง เดินมองหาผู้ให้บริการรถเช่าที่แซมได้จองไว้ทางอินเทอร์เน็ต
“Sam I think that man” (แซม ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นนะ) เธอพูดพลางนิ้วชี้ให้เขาดูชายวัยกลางคนยืนยิ้มกว้างหน้ารถออฟโรดสีดำซึ่งมองดูแล้วก็ตรงตามรูปบนใบจองที่เธอถืออยู่ในมือ เส้นทางที่มุ่งสู่จุดหมายบนถนนลาดยางแหวกป่าเขาลำเนาไพรแซมขับรถสองที่นั่งสี่ล้อยกสูงไปอย่างช้าๆ ตาเลื่อนสลับไปมาแลมองแผนที่บนมือถือเป็นระยะๆ กระจกรถเลื่อนลงสุดคางของอีฟวางลงบนขอบกระจกให้ใบหน้ารับลมสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ผ่านหุบเขาทุ่งหญ้าสีเหลืองทอง ชายหนุ่มผู้สายตายาวไกลเลี้ยวจอดรถริมขอบทาง ดวงตามุ่งมั่นก้าวลงค่อยๆย่องเท้าฝ่าดงหญ้า พลางมือยกกล้องที่คล้องไว้บนคอ มือนิ่งตาเล็งเป้าโฟกัสแล้วซูมไปที่กวางป่าเขายาวกำลังกินหญ้าอย่างสำราญ แซมรอจังหวะกวางเขายาวสง่าเงยหัวขึ้น เขาอธิษฐาน อยู่ในใจ “อย่าขยับนะ ได้โปรด ๆ อยู่นิ่งๆ” .. แสงแดดย่ามบ่ายแก่ๆ สาดแสงหญ้าเหลืองทองอร่าม กวางหนุ่มผู้มีเขายาวคล้ายกิ่งไม้เงยหัวเผยดวงตาที่น่าเอ็นดู นิ้วเขารีบกดชัตเตอร์รัวๆ เพื่อให้เขามั่นใจว่าต้องได้ช็อตเด็ดนี้แล้วแน่นอนและแล้วกวางผู้น่าชังสีน้ำตาลก็ถูกบันทึกเอาไว้บนกล้องถ่ายของแซม พลันกวางหนุ่มน้อยก็วิ่งจากไปด้วยความตื่นตระหนก เมื่ออีฟปล่อยให้แซมได้จัดการภารกิจนี้ได้สำเร็จ เธอก็เดินเข้ามาหาแซมที่ยืนมองกวางผู้สง่าตัวนั้นวิ่งลับหายไป เขาหันหน้ามามองเธอด้วยรอยยิ้ม จับมืออีฟเข้าไปกลางทุ่งหญ้า ปลดปล่อยเสียงแห่งความสุขให้ลั่นป่า แล้วสองร่างทิ้งตัว ลงบนหญ้ามองดูเนินเขาเล็กใหญ่สลับ พวกเขาทั้งสองตกหลุมรักธรรมชาติจนยากเกินถอนตัว อีฟ ค่อยๆเอนร่างราบไปกับผืนโลกดวงตามองตะวันสีแดงบนนภา แล้วปิดตา นึกขึ้นมาในใจเธออยากให้โลกหยุดหมุนไว้แค่นี้คิดไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม “ Eve “ แซมเรียกอีฟให้ลืมตา“Let’ s go” (เราไปกันเถอะ) เปลือกตาขยับมองมือชายหนุ่มยื่นยาวพลางนิ้วเรียวจับมือหนาดึงขึ้นไป แล้วยกร่างเพรียวขึ้นให้สูงแล้วหมุน ให้เธอเงยหน้าด้วยรอยยิ้มมองท้องฟ้าที่สว่างไสว เลื่อนดวงตาประสานนัยน์ตาของแซมที่สะท้อนเป็นใบหน้าของเธอ พวกเขาทั้งสองได้ตกหลุมรักกันไปแล้วจริงๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม อีฟได้สลับกันขับรถเพื่อให้แซมได้ถ่ายรูประหว่างทางไปยังลานบนเขาเพราะที่นั่นทางอุทยานได้จัดเป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยว สายลุยได้ตั้งเต็นท์นอนกันและแซมผู้เก่งไปทุกเรื่อง เขาถนัดกับการแคมป์ปิ้งและเขาก็เป็นนักเดินป่าตัวยงเช่นกัน แซมจัดการกางเต็นท์ได้รวดเร็วทันใจ ของสาวที่นั่งรอพลางยกเบียร์ขึ้นจิบ ยังไม่ทันไหนก็เสร็จ ค่ำคืนแห่งความสุขในคืนเดือนแรม หน้ากองไฟเล็กที่สุมขึ้นเพื่อให้ความอุ่นในท่ามกลางอากาศที่เย็นกลางป่า อีฟนั่งบนตักของแซมเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าจ้องกลุ่มดวงดาวส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับพลางคิดลากเส้นเชื่อมจุดพิจารณาถึงชื่อของกลุ่มดาวนั้นชวนให้เธอนึกย้อนไปตอนเด็กที่นั่งมองจากบันไดหน้าบ้านทางทิศตะวันออก แล้วนิ้วชี้ให้แซมดู “I can see that cluster of stars from the front of my house.Every night,I look at it and ponder whether it is the constellation I learned about in the books” (ฉันเห็นกลุ่มดาวนั้นจากหน้าบ้าน ของฉัน ทุกคืนฉันจะดูมันและไตร่ตรอง ว่าเป็นกลุ่มดาวที่ได้เรียนรู้มาจากหนังสือหรือไม่” แซมหันหน้ามองอีฟ “Do you miss your hometown?” (คุณคิดถึงบ้านเกิดคุณเหรอ) “Yes” ค่ะ เธอหันหน้ามามองเขาด้วยแววตาใส “where’s your hometown (บ้านเกิดคุณอยู่ที่ไหน) “Chiang Mai” (เชียงใหม่)นั่นคือสิ่งที่เขารู้ว่าเธอว่าเป็นใครมาจากไหนจากปากของเธอ แซมเก็บรายละเอียดที่เธอบอกบันทึกเอาไว้ในสมอง แต่เขาก็เลือกจะถามอะไรมากมายเพียงเพราะเขาอยากเต็มที่กับช่วงเวลาที่มีค่านี้ให้มากที่สุด มือหนาขยับโอบกอดร่างบางให้แน่นเพื่อมอบความอบอุ่นให้กับเธอ เลื่อนริมปากชิดแก้มเนียนไล้ข้างใบหูอย่างอ่อนโยนพลางขยับริมปากด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนที่ดังชัดเจนในหัวใจ “I love you” (ผมรักคุณ) คำพูดเบาๆ แต่ดังก้องไปทั้งผืนป่ากลางหุบเขาเธอหันหน้ามองตาที่เป็นประกายแห่งไฟรักที่ลุกโชติแล้วเธอเลื่อนริมปากบางขยับชิดจูบชายหนุ่มด้วยความเร่าร้อนที่เขาจุดประกายหน้ากองไฟแห่งรักในคืนที่ร้อนแรงกลางหมู่ดาว ค่ำคืนแห่งความสุขกลางป่าเขาที่พวกเขาปรารถนาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน บนภูผาสูงต้นไม้เขียวชอุ่มสัตว์น้อยใหญ่ร้องขาน อีฟนั่งมองดูตะวันแสงแห่งรุ่งอรุณโผล่พ้นภูเขาพลางคิดทบทวนถึงเรื่องต่างๆ และพะวงถึงวันพรุ่งนี้ที่ต้องเผชิญในเมืองกรุง ร่างบางสัมผัสมืออุ่นเลื่อนโอบร่างริมปากกระซิบข้างใบหูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “Good moring” (สวัสดีตอนเช้าครับ) แต่ถึงอย่างไรวันนี้วันนี้และตรงนี้ก็มีเพียงเธอและเขาสองคนที่จะบันทึกเอาไว้ในความทรงจำ ว่า รักของเราอยู่ท่ามกลางป่า ที่เป็นพยาน“Sam,Can you stop the car for a moment?” (แซมหยุดรถสักครู่ได้ไหม)อีฟพูดขึ้นในขณะที่แซมกำลังขับรถตรงไปยังจุดอื่นระหว่างทางหลังจากที่ได้รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเพราะเธอได้ มองเห็นกลุ่มช้างที่น่ารักซึ่งเป็นสัตว์ที่เธอชอบเป็นพิเศษและขวานช้างรอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและใกล้ชิดที่หน้ารีสอร์ต แซมชำเลืองมองกลุ่มช้างนั้นแล้วเขาก็ได้เลี้ยวหยุดรถชิดขอบทาง อีฟยกกล้องมือถือถ่ายรูป ซื้ออาหารให้ช้างเหล่านั้นพลางมือลูบคลำงวงช้างที่แสนเชื่อง เขามองเธอที่มีความสุข ในห้วงเวลานั้น พลางมือกดรัวชัตเตอร์บนกล้องที่คล้องมา สองมือประสานแน่นเธอเอียงศีรษะพิงไหล่กว้าง มองฟ้าสีคราม ในหัวใจนึก อยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ แซมเอียงหน้าจูบบนหน้าผากเธอเบาๆ มือซ้ายขยับกอด เพื่อบ่งบอกว่า เขาอยู่ข้างเธอไม่ต้องกังวล แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ซึ่งคือความจริงที่ต้องดำเนินไปแล้วทั้งสองก็ขึ้นมาถึงจุดสูงของภูเขาเพื่ออำลาผืนป่าก่อนกลับไปใช้ ชีวิตในเมืองกรุง มีเพียงสายตาและรอยยิ้มที่มองกันด้วยความลึกซึ้งยืนคู่ชิดโดดเด่นมองท้องฟ้าที่กว้างไกลป่าสีเขียวสุดลูกตา พวกเขาจะบันทึกไว้ในความทรงจำไว้ว่าที่ตรงนี้บนเขาใหญ่เป็นพยานแ
หลังจากเจ๊แตงได้จัดการติดต่อหางานพาร์ตไทม์ช่วยอีฟให้ได้ทำงานแล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกของการทำงานพาร์ตไทม์ในร้านขนมหวานซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ผมยาวถักเปียเรียงซ้อนงามเป็นระเบียบ สาวหุ่นเพรียวในเสื้อยืดสีดำชายเสื้อเข้าในกระโปรงยีนสั้นบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนเดินจัดเสิร์ฟขนมหวานและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซึ่งทั้งร้านมีพนักงานสองสามคนสลับกันเข้าออกเป็นกะ เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอและอีฟเองก็พึงพอใจกับงานที่ทำและในวันแรกเธอไม่ได้กดดันหรืออึดอัดอะไรเลยดูแล้วงานนี้ก็เหมาะกับเธอด้วยซ้ำแม้รายได้เพียงเป็นค่าอาหารและค่าเดินทางในแต่ละวันซึ่งก็เพียงพอสำหรับเธอในช่วงนี้และใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็เสร็จงานของเธอในวันนี้เย็นนี้เธอได้นัดกับแซมไว้ให้มาเจอกันที่หน้าร้านขนมหวานหลังจากเธอเสร็จงาน อีฟยืนก้มหน้าพิมพ์ข้อความบนมือถือถึงชายหนุ่มที่นัดแล้วเขาก็มาตรงเวลาเป๊ะ“Hi,sam” ทั้งสองสวมกอดทักทายด้วยความคิดถึง “Shall we go? ” (เราไปกันเลยไหม) แซมตั้งใจไว้ว่าจะแวะดูคอมพิวเตอร์เพื่อไว้ใช้สำหรับธุรกิจของเขาที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้แต่นั่น
เวลา10โมงเช้าบรรยากาศในห้องสอบที่เงียบทุกคนต่างเพ่งตาทำข้อสอบอีฟใบหน้าผ่อนคลายอย่างมีสมาธิเธอรู้สึกดีใจที่ถึงวันนี้เสียทีเพราะเท่ากับว่าเธอได้นับเวลาถอยหลังถึงเส้นชัยแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาอันรวดเร็วเธอจะผ่านประสบการณ์ทำงานที่แปลกใหม่ในชีวิตจนได้พบกับใครบางคนที่ชะตาฟ้าลิขิตให้มาเจอ พอถึงช่วงเวลาบ่ายหลังจากสอบเสร็จอีฟกับแนนซี่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาเพื่อนสนิทใต้ต้นไม้ใหญ่ในรั้วมหาวิทยาลัยแต่ทั้งสองต้องเหลียวมองตามเสียงผู้หญิงที่กำลังพูดไฟแลบด้วยท่าทางฟึดฟัดอย่างไม่พอใจและนั่นคือ ไอวาและลิซซี่กำลังทะเลาะกัน “สองคนนั้นเขาทะเลาะอะไรกัน” “ฉันว่าสงสัยเจอฤทธิ์หนุ่มแบดบอยเข้าให้ไอวาก็คงทำนิสัยเดิมๆ เจ้าชู้ไปทั่วแหงๆ แต่ว่าสองคนนั้นคบกันแป๊บเดียวเองนะไม่ทันไรก็เผยสันดานออกมาละ สมน้ำหน้า จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรยัยลิซซี่ที่ขี้เหวี่ยงขึ้วีนขนาดนั้น กับคาสโนว่าตัวพ่อ”แนนซี่พูดรัวชุดใหญ่ แต่อีฟเมื่อได้ฟังก็รู้สึกเฉยๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้วอีฟก็มองดูเวลาเพราะเธอได้เวลาต้องไปเปลี่ยนกะที่ร้านขนมหวานกลางเมือง“แนนซี่ ฉันจะต้องไปทำงานต่อที่ร้านขนมเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นที่ห้องนะ ” “ได้สิ แล้วเจอกัน” แน
หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าของวันที่อากาศสดใสปลอดโปร่งในรั้วมหาวิทยาลัยที่ สองสาวใช้เวลาหลายปีในการร่ำเรียนและมีความผูกพันกับสถานที่เรียนแห่งนี้ก็มาถึงช่วงท้ายสุดของชีวิตนักศึกษา นักศึกษามากมายหลายคนต่างยื่นหน้าจ้องบนกระดาษที่แปะไว้ที่บอร์ดของคณะพลางนิ้วไล่เช็กรหัสของตัวเอง “อีฟฉันผ่านแล้ว”แนนซี่กระโดดกอดอีฟด้วยความดีใจเมื่อเห็นรหัสประจำตัวและชื่อของตัวเองติดอยู่ว่าสอบได้และอีฟยิ้มอย่างภูมิใจที่ทำสำเร็จเมื่อเห็นชื่อของเธอว่าสอบผ่านด้วยเช่นกันและตัวเธอเองจะไม่โอเคแน่ๆถ้าต้องเสียเวลาสอบใหม่อีกรอบเพราะฐานะการเงินที่ฝืดเคืองไม่สามารถประคองชีวิตต่อไปได้อีกหลายเดือนหากยังไม่มีงานประจำทำแล้ววันนี้เธอก็ทำสำเร็จซึ่งเธอก็ภูมิใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อย สองสาวที่แพลนเอาไว้เป็นเดือนแล้วว่าจะรวบรวมเงินกันจัดงานฉลองเล็กๆกันที่ร้านข้างหอถ้าสอบผ่านและสำเร็จทั้งสองคน “แนนซี่ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเจ๊แตงนะเราต้องเฉลิมฉลองกันตามที่เราได้สัญญากันไว้แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปก่อนนะเพื่อนมีนัดกับแซมไว้เจอกันเย็นนี้นะ ” อีฟพูดพลางก้าวถอยหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แจ่มใสและเธอก็ยิ้มไม่หุบระหว่างการเดินทางไปหาชายหนุ่มที่คบแล
ในห้องสี่เหลี่ยมที่บรรยากาศอึมครึมเพราะชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นและจริงจังตอนนี้เขาได้เก็บตัวปิดประตูสังคมนั่งหน้าดำคร่ำเครียดปล่อยหนวดเครายาวสมองหมกมุ่นหนักกับงานที่ไม่ลงตัว แม้แต่อีฟคนที่กำลังคบหาเขาก็ไม่ได้สนใจตอบข้อความของเธออย่างเช่นเคยเพราะตอนนี้เขาแทบจะถวายชีวิตให้กับงานเลยก็ว่าได้ สามารถยอมแลกได้ทุกอย่างให้ได้มาซึ่งความสำเร็จแต่เขาอยากระบายออกมาบ้างในบางครั้งแล้วเสียงของชายหนุ่มได้ตะโกนลั่นปลดปล่อยอารมณ์ความเครียดจากสมองพลางมือขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วปามันติดกำแพงผนัง..ที่อะพาร์ตเมนต์ในที่พักอาศัยของอีฟและแนนซี่ ตอนนี้ทั้งสองกำลังยุ่งกับการเก็บข้าวของ แนนซี่มองดูรูปถ่ายที่ถืออยู่ในมือเป็นภาพของเธอกับอีฟในชุดนักศึกษาสมัยปีหนึ่งที่ถ่ายคู่กันด้วยความสนิทสนมด้วยความปลาบปลื้มที่มีเพื่อนดีๆเช่น อีฟ แล้วเก็บใส่กล่องสี่เหลี่ยมส่วนตัวของเธอ ข้าวของเครื่องใช้ที่แพ็กไว้เรียบร้อยพร้อมขนย้ายเพื่อเตรียมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอย่างถาวร ในขณะที่อีฟมือแพ็กกล่องสลับหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะๆเพื่อเช็กข้อความแซมที่จะตอบกลับเธอ“มีอะไรหรือเปล่าอีฟ เช็กมือถือตลอดเลย”แนนซี่เอ่ยถามเมื่อสังเกตว่าอีฟพะวงดูมื
ที่ร้านอาหารตามสั่งของเจ๊แตงอีฟและแนนซี่ได้ทยอยขนของลงมาไว้บ้างแล้วเพื่อรอครอบครัวของแนนซี่จะมารับในไม่ช้า บนโต๊ะอาหารทุกคนนั่งรับประทานอาหารพร้อมสนทนากันไปพลางๆพลันสายตาหลายคู่ต้องหันมองไปทางเดียวกันเพราะรถเบนซ์คันหรูที่ดูคุ้นตาและนานๆจะมีเข้ามาที่อะพาร์ตเมนต์ราคาประหยัดเช่นนี้ซึ่งดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นน่าจะเป็นคันเดียวกันที่เคลื่อนเข้าเมื่ออีฟและแนนซี่จ้องมองไปยังแผ่นป้ายทะเบียนนั้นแล้วก็ตรงเป๊ะและคิดว่า “ต้องใช่!หล่อนแน่ๆ”แต่วันนี้กลับมีสาวสวยสวมแว่นดำเดินออกมาจากรถมันเงาเพียงลำพังไร้เงาชายหนุ่มข้างกาย ลิซซี่ยืนบนรองรองเท้าส้นแหลม คอหันซ้ายหันขวาแล้วสายตาสะดุดเห็นอีฟและแนนซี่นั่งอยู่ที่ร้านอาหารข้างๆหอหล่อนจึงรีบเดินดุ่มๆมาแล้วเอ่ยถาม “อีฟเจอไอวาไหมฉันตามหาเขาอยู่เขาพยายามหลบหน้าหลบตาฉัน”เธอพูดด้วยเสียงที่กระซิกๆคล้ายกับจะร้องไห้ใต้แว่นดำแต่ไร้ซึ่งหยดน้ำตาต่อให้ลิซซี่จะสวยเพอร์เฟกต์แค่ไหนแต่หล่อนก็เป็นคนเอาแต่ใจให้ได้มาซึ่งทุกอย่างตามประสาลูกคนรวยที่ถูกสปอยล์แต่ตอนนี้เสียงของหล่อนที่พูดกับอีฟได้อ่อนปวกเปียกต่างจากเมื่อก่อนเพียงเพื่อต้องการให้ได้สิ่งที่หล่อนต
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของแซมอาจเพราะด้วยความกดดันของทั้งสองที่ต้องการเพียงระยะห่างเท่านั้นและอีฟก็แค่ตั้งใจจะไปปรึกษาเรื่องงานของเธอกับแซม ยังไม่ทันได้ปริปากพูดถึงมันเลยกลับต้องจบลงแบบนี้จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างแต่บทสุดท้ายคือตอนนี้เธอเศร้าใจนัก และคำปลอบใจที่พูดกับตัวเองก็มีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องมูฟออน เมื่อถึงห้องเธอก็ไม่รอช้าคว้าโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดแล้วตอบกลับอีเมลงานที่รอคำตอบจากเธอมาหลายวันแล้วด้วยใจที่แน่วแน่มั่นใจและพร้อมเดินทางในวันถัดไปโดยไม่จำเป็นต้องรีรอ วันต่อมา… บางครั้งโชคชะตาก็พลิกผันรวดเร็วเกินตั้งตัวให้เราเดินตามทางที่ถูกกำหนดมาตามเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้เธอได้เก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆแพ็กลงกล่องเพื่อจัดการส่งให้กับบริษัทขนส่งที่กำลังจะมารับ หนังสือที่ตั้งวางอยู่ด้านหน้ามือหยิบลงใส่กล่องกระดาษสี่เหลี่ยมที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับหนังสือเล่มโปรดของเธอแต่แล้วดวงตาต้องสะดุดกับสมุดบันทึกรักที่เคยจดบันทึกไว้เธอหยิบขึ้นมาแล้วเพ่งมองชวนให้นึกถึงและคิดว่าจะเปิดดูและอ่านอีกรอบแต่แล้วทันใดนั้นเสียงประตูหน้าห้องก็ดังแทรก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ใครคะ?” “แม่บ้านจ้า” เธอตั
“เก็บตังค์ด้วยค่ะป้า”อีฟสวมเสื้อเชิ้ตขาวแขนสั้นติดกระดุมชายเสื้อปล่อยนอกกระโปรงพลีทจีบเล็กยาวเหนือเข่าเล็กน้อยนั่งทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ตรงข้ามหน้าทางเข้าไนต์คลับแห่งหนึ่งตะโกนเรียกแม่ค้า มือล้วงใบแดงสุดท้ายที่มีติดตัว ยื่นจ่ายค่าอาหารเย็นก่อนเข้าทำงาน วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์แต่เป็นวันแรกของการทำงาน มือหิ้วถุงกระดาษใส่เสื้อผ้าที่เตรียมไว้พร้อมเปลี่ยนเวลาพึ่งจะหัวค่ำแต่ต้องไปให้ทันตามเวลานัด เธอก้าวเข้าไนต์คลับแห่งหนึ่งด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง ว่า “คืนนี้เธอต้องรอด”อีฟเป็นนักศึกษาปริญญาตรีภาคเรียนสุดท้ายที่กำลังหาเงินใช้จ่ายเพื่อดำรงชีพใน กทม.ในช่วงท้ายก่อนจบการศึกษา เพราะครอบครัวที่เคยส่งเสียต้องจากไปอย่างกะทันหัน“อีฟ” เสียงเรียกของเจ๊แตงผู้จัดการร้านและเป็นคนแนะนำอีฟเข้าทำงานพาร์ตไทม์ยืนเท้าสะเอวรออีฟหน้าประตูทางเข้า“เดี๋ยวเจ๊พาเข้าห้องแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยจ้า”เจ๊แตงเป็นสาวสองเป็นผู้จัดการไนต์คลับแห่งนี้ซึ่งอาศัยอยู่อะพาร์ตเมนต์เดียวกัน อีฟรู้จักมักจี่กับเจ๊แตงเพราะเแกเปิดร้านตามสั่งข้างหอที่อีฟทานเป็นประจำ กลางวันแกก็เป็นแม่ค้าตกกลางคืนก็เป็นผู้จัดการไนต์คลับแห่งนี้อยู่ใจก
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของแซมอาจเพราะด้วยความกดดันของทั้งสองที่ต้องการเพียงระยะห่างเท่านั้นและอีฟก็แค่ตั้งใจจะไปปรึกษาเรื่องงานของเธอกับแซม ยังไม่ทันได้ปริปากพูดถึงมันเลยกลับต้องจบลงแบบนี้จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างแต่บทสุดท้ายคือตอนนี้เธอเศร้าใจนัก และคำปลอบใจที่พูดกับตัวเองก็มีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องมูฟออน เมื่อถึงห้องเธอก็ไม่รอช้าคว้าโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดแล้วตอบกลับอีเมลงานที่รอคำตอบจากเธอมาหลายวันแล้วด้วยใจที่แน่วแน่มั่นใจและพร้อมเดินทางในวันถัดไปโดยไม่จำเป็นต้องรีรอ วันต่อมา… บางครั้งโชคชะตาก็พลิกผันรวดเร็วเกินตั้งตัวให้เราเดินตามทางที่ถูกกำหนดมาตามเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้เธอได้เก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆแพ็กลงกล่องเพื่อจัดการส่งให้กับบริษัทขนส่งที่กำลังจะมารับ หนังสือที่ตั้งวางอยู่ด้านหน้ามือหยิบลงใส่กล่องกระดาษสี่เหลี่ยมที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับหนังสือเล่มโปรดของเธอแต่แล้วดวงตาต้องสะดุดกับสมุดบันทึกรักที่เคยจดบันทึกไว้เธอหยิบขึ้นมาแล้วเพ่งมองชวนให้นึกถึงและคิดว่าจะเปิดดูและอ่านอีกรอบแต่แล้วทันใดนั้นเสียงประตูหน้าห้องก็ดังแทรก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ใครคะ?” “แม่บ้านจ้า” เธอตั
ที่ร้านอาหารตามสั่งของเจ๊แตงอีฟและแนนซี่ได้ทยอยขนของลงมาไว้บ้างแล้วเพื่อรอครอบครัวของแนนซี่จะมารับในไม่ช้า บนโต๊ะอาหารทุกคนนั่งรับประทานอาหารพร้อมสนทนากันไปพลางๆพลันสายตาหลายคู่ต้องหันมองไปทางเดียวกันเพราะรถเบนซ์คันหรูที่ดูคุ้นตาและนานๆจะมีเข้ามาที่อะพาร์ตเมนต์ราคาประหยัดเช่นนี้ซึ่งดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นน่าจะเป็นคันเดียวกันที่เคลื่อนเข้าเมื่ออีฟและแนนซี่จ้องมองไปยังแผ่นป้ายทะเบียนนั้นแล้วก็ตรงเป๊ะและคิดว่า “ต้องใช่!หล่อนแน่ๆ”แต่วันนี้กลับมีสาวสวยสวมแว่นดำเดินออกมาจากรถมันเงาเพียงลำพังไร้เงาชายหนุ่มข้างกาย ลิซซี่ยืนบนรองรองเท้าส้นแหลม คอหันซ้ายหันขวาแล้วสายตาสะดุดเห็นอีฟและแนนซี่นั่งอยู่ที่ร้านอาหารข้างๆหอหล่อนจึงรีบเดินดุ่มๆมาแล้วเอ่ยถาม “อีฟเจอไอวาไหมฉันตามหาเขาอยู่เขาพยายามหลบหน้าหลบตาฉัน”เธอพูดด้วยเสียงที่กระซิกๆคล้ายกับจะร้องไห้ใต้แว่นดำแต่ไร้ซึ่งหยดน้ำตาต่อให้ลิซซี่จะสวยเพอร์เฟกต์แค่ไหนแต่หล่อนก็เป็นคนเอาแต่ใจให้ได้มาซึ่งทุกอย่างตามประสาลูกคนรวยที่ถูกสปอยล์แต่ตอนนี้เสียงของหล่อนที่พูดกับอีฟได้อ่อนปวกเปียกต่างจากเมื่อก่อนเพียงเพื่อต้องการให้ได้สิ่งที่หล่อนต
ในห้องสี่เหลี่ยมที่บรรยากาศอึมครึมเพราะชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นและจริงจังตอนนี้เขาได้เก็บตัวปิดประตูสังคมนั่งหน้าดำคร่ำเครียดปล่อยหนวดเครายาวสมองหมกมุ่นหนักกับงานที่ไม่ลงตัว แม้แต่อีฟคนที่กำลังคบหาเขาก็ไม่ได้สนใจตอบข้อความของเธออย่างเช่นเคยเพราะตอนนี้เขาแทบจะถวายชีวิตให้กับงานเลยก็ว่าได้ สามารถยอมแลกได้ทุกอย่างให้ได้มาซึ่งความสำเร็จแต่เขาอยากระบายออกมาบ้างในบางครั้งแล้วเสียงของชายหนุ่มได้ตะโกนลั่นปลดปล่อยอารมณ์ความเครียดจากสมองพลางมือขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วปามันติดกำแพงผนัง..ที่อะพาร์ตเมนต์ในที่พักอาศัยของอีฟและแนนซี่ ตอนนี้ทั้งสองกำลังยุ่งกับการเก็บข้าวของ แนนซี่มองดูรูปถ่ายที่ถืออยู่ในมือเป็นภาพของเธอกับอีฟในชุดนักศึกษาสมัยปีหนึ่งที่ถ่ายคู่กันด้วยความสนิทสนมด้วยความปลาบปลื้มที่มีเพื่อนดีๆเช่น อีฟ แล้วเก็บใส่กล่องสี่เหลี่ยมส่วนตัวของเธอ ข้าวของเครื่องใช้ที่แพ็กไว้เรียบร้อยพร้อมขนย้ายเพื่อเตรียมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอย่างถาวร ในขณะที่อีฟมือแพ็กกล่องสลับหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะๆเพื่อเช็กข้อความแซมที่จะตอบกลับเธอ“มีอะไรหรือเปล่าอีฟ เช็กมือถือตลอดเลย”แนนซี่เอ่ยถามเมื่อสังเกตว่าอีฟพะวงดูมื
หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าของวันที่อากาศสดใสปลอดโปร่งในรั้วมหาวิทยาลัยที่ สองสาวใช้เวลาหลายปีในการร่ำเรียนและมีความผูกพันกับสถานที่เรียนแห่งนี้ก็มาถึงช่วงท้ายสุดของชีวิตนักศึกษา นักศึกษามากมายหลายคนต่างยื่นหน้าจ้องบนกระดาษที่แปะไว้ที่บอร์ดของคณะพลางนิ้วไล่เช็กรหัสของตัวเอง “อีฟฉันผ่านแล้ว”แนนซี่กระโดดกอดอีฟด้วยความดีใจเมื่อเห็นรหัสประจำตัวและชื่อของตัวเองติดอยู่ว่าสอบได้และอีฟยิ้มอย่างภูมิใจที่ทำสำเร็จเมื่อเห็นชื่อของเธอว่าสอบผ่านด้วยเช่นกันและตัวเธอเองจะไม่โอเคแน่ๆถ้าต้องเสียเวลาสอบใหม่อีกรอบเพราะฐานะการเงินที่ฝืดเคืองไม่สามารถประคองชีวิตต่อไปได้อีกหลายเดือนหากยังไม่มีงานประจำทำแล้ววันนี้เธอก็ทำสำเร็จซึ่งเธอก็ภูมิใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อย สองสาวที่แพลนเอาไว้เป็นเดือนแล้วว่าจะรวบรวมเงินกันจัดงานฉลองเล็กๆกันที่ร้านข้างหอถ้าสอบผ่านและสำเร็จทั้งสองคน “แนนซี่ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเจ๊แตงนะเราต้องเฉลิมฉลองกันตามที่เราได้สัญญากันไว้แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปก่อนนะเพื่อนมีนัดกับแซมไว้เจอกันเย็นนี้นะ ” อีฟพูดพลางก้าวถอยหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แจ่มใสและเธอก็ยิ้มไม่หุบระหว่างการเดินทางไปหาชายหนุ่มที่คบแล
เวลา10โมงเช้าบรรยากาศในห้องสอบที่เงียบทุกคนต่างเพ่งตาทำข้อสอบอีฟใบหน้าผ่อนคลายอย่างมีสมาธิเธอรู้สึกดีใจที่ถึงวันนี้เสียทีเพราะเท่ากับว่าเธอได้นับเวลาถอยหลังถึงเส้นชัยแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาอันรวดเร็วเธอจะผ่านประสบการณ์ทำงานที่แปลกใหม่ในชีวิตจนได้พบกับใครบางคนที่ชะตาฟ้าลิขิตให้มาเจอ พอถึงช่วงเวลาบ่ายหลังจากสอบเสร็จอีฟกับแนนซี่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาเพื่อนสนิทใต้ต้นไม้ใหญ่ในรั้วมหาวิทยาลัยแต่ทั้งสองต้องเหลียวมองตามเสียงผู้หญิงที่กำลังพูดไฟแลบด้วยท่าทางฟึดฟัดอย่างไม่พอใจและนั่นคือ ไอวาและลิซซี่กำลังทะเลาะกัน “สองคนนั้นเขาทะเลาะอะไรกัน” “ฉันว่าสงสัยเจอฤทธิ์หนุ่มแบดบอยเข้าให้ไอวาก็คงทำนิสัยเดิมๆ เจ้าชู้ไปทั่วแหงๆ แต่ว่าสองคนนั้นคบกันแป๊บเดียวเองนะไม่ทันไรก็เผยสันดานออกมาละ สมน้ำหน้า จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรยัยลิซซี่ที่ขี้เหวี่ยงขึ้วีนขนาดนั้น กับคาสโนว่าตัวพ่อ”แนนซี่พูดรัวชุดใหญ่ แต่อีฟเมื่อได้ฟังก็รู้สึกเฉยๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้วอีฟก็มองดูเวลาเพราะเธอได้เวลาต้องไปเปลี่ยนกะที่ร้านขนมหวานกลางเมือง“แนนซี่ ฉันจะต้องไปทำงานต่อที่ร้านขนมเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นที่ห้องนะ ” “ได้สิ แล้วเจอกัน” แน
หลังจากเจ๊แตงได้จัดการติดต่อหางานพาร์ตไทม์ช่วยอีฟให้ได้ทำงานแล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกของการทำงานพาร์ตไทม์ในร้านขนมหวานซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ผมยาวถักเปียเรียงซ้อนงามเป็นระเบียบ สาวหุ่นเพรียวในเสื้อยืดสีดำชายเสื้อเข้าในกระโปรงยีนสั้นบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนเดินจัดเสิร์ฟขนมหวานและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซึ่งทั้งร้านมีพนักงานสองสามคนสลับกันเข้าออกเป็นกะ เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอและอีฟเองก็พึงพอใจกับงานที่ทำและในวันแรกเธอไม่ได้กดดันหรืออึดอัดอะไรเลยดูแล้วงานนี้ก็เหมาะกับเธอด้วยซ้ำแม้รายได้เพียงเป็นค่าอาหารและค่าเดินทางในแต่ละวันซึ่งก็เพียงพอสำหรับเธอในช่วงนี้และใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็เสร็จงานของเธอในวันนี้เย็นนี้เธอได้นัดกับแซมไว้ให้มาเจอกันที่หน้าร้านขนมหวานหลังจากเธอเสร็จงาน อีฟยืนก้มหน้าพิมพ์ข้อความบนมือถือถึงชายหนุ่มที่นัดแล้วเขาก็มาตรงเวลาเป๊ะ“Hi,sam” ทั้งสองสวมกอดทักทายด้วยความคิดถึง “Shall we go? ” (เราไปกันเลยไหม) แซมตั้งใจไว้ว่าจะแวะดูคอมพิวเตอร์เพื่อไว้ใช้สำหรับธุรกิจของเขาที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้แต่นั่น
“Sam,Can you stop the car for a moment?” (แซมหยุดรถสักครู่ได้ไหม)อีฟพูดขึ้นในขณะที่แซมกำลังขับรถตรงไปยังจุดอื่นระหว่างทางหลังจากที่ได้รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเพราะเธอได้ มองเห็นกลุ่มช้างที่น่ารักซึ่งเป็นสัตว์ที่เธอชอบเป็นพิเศษและขวานช้างรอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและใกล้ชิดที่หน้ารีสอร์ต แซมชำเลืองมองกลุ่มช้างนั้นแล้วเขาก็ได้เลี้ยวหยุดรถชิดขอบทาง อีฟยกกล้องมือถือถ่ายรูป ซื้ออาหารให้ช้างเหล่านั้นพลางมือลูบคลำงวงช้างที่แสนเชื่อง เขามองเธอที่มีความสุข ในห้วงเวลานั้น พลางมือกดรัวชัตเตอร์บนกล้องที่คล้องมา สองมือประสานแน่นเธอเอียงศีรษะพิงไหล่กว้าง มองฟ้าสีคราม ในหัวใจนึก อยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ แซมเอียงหน้าจูบบนหน้าผากเธอเบาๆ มือซ้ายขยับกอด เพื่อบ่งบอกว่า เขาอยู่ข้างเธอไม่ต้องกังวล แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ซึ่งคือความจริงที่ต้องดำเนินไปแล้วทั้งสองก็ขึ้นมาถึงจุดสูงของภูเขาเพื่ออำลาผืนป่าก่อนกลับไปใช้ ชีวิตในเมืองกรุง มีเพียงสายตาและรอยยิ้มที่มองกันด้วยความลึกซึ้งยืนคู่ชิดโดดเด่นมองท้องฟ้าที่กว้างไกลป่าสีเขียวสุดลูกตา พวกเขาจะบันทึกไว้ในความทรงจำไว้ว่าที่ตรงนี้บนเขาใหญ่เป็นพยานแ
11.00am ณ ที่สถานีขนส่งแห่งหนึ่งซึ่งเป็นประตูสู่ภาคอีสาน มีผู้คนพลุกพล่านเข้าออกขึ้นลง อีฟและแซมก้าวลงจากรถทัวร์สะพายเป้ใบตุง เดินมองหาผู้ให้บริการรถเช่าที่แซมได้จองไว้ทางอินเทอร์เน็ต“Sam I think that man” (แซม ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นนะ) เธอพูดพลางนิ้วชี้ให้เขาดูชายวัยกลางคนยืนยิ้มกว้างหน้ารถออฟโรดสีดำซึ่งมองดูแล้วก็ตรงตามรูปบนใบจองที่เธอถืออยู่ในมือเส้นทางที่มุ่งสู่จุดหมายบนถนนลาดยางแหวกป่าเขาลำเนาไพรแซมขับรถสองที่นั่งสี่ล้อยกสูงไปอย่างช้าๆ ตาเลื่อนสลับไปมาแลมองแผนที่บนมือถือเป็นระยะๆ กระจกรถเลื่อนลงสุดคางของอีฟวางลงบนขอบกระจกให้ใบหน้ารับลมสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ผ่านหุบเขาทุ่งหญ้าสีเหลืองทอง ชายหนุ่มผู้สายตายาวไกลเลี้ยวจอดรถริมขอบทาง ดวงตามุ่งมั่นก้าวลงค่อยๆย่องเท้าฝ่าดงหญ้า พลางมือยกกล้องที่คล้องไว้บนคอ มือนิ่งตาเล็งเป้าโฟกัสแล้วซูมไปที่กวางป่าเขายาวกำลังกินหญ้าอย่างสำราญ แซมรอจังหวะกวางเขายาวสง่าเงยหัวขึ้น เขาอธิษฐาน อยู่ในใจ “อย่าขยับนะ ได้โปรด ๆ อยู่นิ่งๆ” ..แสงแดดย่ามบ่ายแก่ๆ สาดแสงหญ้าเหลืองทองอร่าม กวางหนุ่มผู้มีเขายาวคล้ายกิ่งไม้เงยหัวเผยดวงตาที่น่าเอ็นดู นิ้วเขารีบกดชัตเตอร์ร
เสียงนกเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่าเป็นรุ่งอรุณของวันใหม่คู่หนุ่มสาวที่ผ่านศึกรักที่หนักหน่วง ฝูงนกได้ปลุกให้แซมตื่น เขาขยับร่างมือค่อยเลื่อนสัมผัสร่างสาวเจ้าเสน่ห์เข้ามาชิดแล้วลูบไล้ทั่วร่างเนียน อีฟขยับเปลือกตาด้วยความเคลิ้มรู้สึกได้ถึงมือที่ซุกซนสอดแทรกไปทุกจุดที่ไวต่อการสัมผัสพลันท่อนรักผ่าเข้าร่องสาวที่ตื่นตัว เธอลืมตามองชายหนุ่ม ที่คร่อมร่างเธอและแสงแดดยามเช้าสาดส่องให้เห็นหน้าอกหนุ่มแน่นขาวผ่องผมสีบอลนด์เธอมองลึกลงไปในดวงตาฟ้าใสละมุนเก็บรายละเอียดนี้ไว้ด้วยสายตาแห่งความหลงใหล แล้วจังหวะรักที่แซมเร่งขย่มถี่เพียงครู่ก็สำเร็จกิจหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วอีฟออกมานั่งที่ตรงระเบียงด้วยความรื่นรมย์ กางแผนที่และกระดาษแพลนเที่ยวของแซมที่จดไว้แล้วตามลำดับ มือจับปากกาวงไว้เป็นจุดๆ เพราะที่จริงแล้วนี่คือครั้งแรกของเธอที่ได้ไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้แม้เธอจะรู้ข้อมูลมามากพอสมควรจากตำรา" Are you hungry? "(คุณหิวไหม) แซมเดินออกมาจากห้องเอ่ยถามอีฟที่มองแผนที่สลับกับกระดาษสีขาวพลางมือที่กำลังขยุกขยิก"Yes,I’m hungry" (หิวค่ะ) เธอเงยหน้าขึ้นเพราะท้องร้องได้เริ่มร้อง ว่าหิว“So let’go,Shall we?”