แสงไฟนีออนส่องใบหน้าแดงอ่อนเพราะฤทธิ์สุรา นัยน์ตาสีฟ้าจมูกโด่งเป็นสันยกยิ้มพลางปากขยับ
“Hi” (สวัสดี ครับ) ใบหน้าเรียวส่งยิ้มหวานให้หนุ่มตาน้ำข้าวแล้วเชิญเขานั่งลงข้างเธอ เขาไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลอะไรมากมายที่มาสายมีเพียงเสียงที่ละมุนที่เอ่ย ว่า “Sorry I’m late” (ขอโทษที่ผมมาสาย) “That’s alright, ไม่เป็นไรค่ะ” .. บนโต๊ะอาหารทุกคนร่วมทานอาหารด้วยกันพลางสนทนาสัพเพเหระด้วยภาษาอังกฤษที่อาจจะไม่ถูกแกรมม่าบ้างแต่แซมก็เข้าใจได้ดี ราตรีแห่งคืนสังสรรค์ของคืนนี้ใกล้เลิก.. รถที่เบาบาง ร้านค้าบางร้านก็เตรียมจะปิด นักเที่ยวบางกลุ่มก็กำลังจะกลับ เจ๊แตงได้เดินนำหน้าไปหลายก้าวเพื่อไปเรียกแท็กซี่ที่ปากทาง หนุ่มสูงยาวกับสาวร่างเพรียวเดินคู่บนไหล่ทางพูดคุยสานสัมพันธ์ที่เริ่มสนิทพลันสายตาแซมชำเลืองมองเด็กหนุ่มยืนเรียกลูกค้าอยู่ริมทางที่ดังชัดเจน เขาก้าวยาวเข้าไปหาหนุ่มน้อยคนนี้ทันที หมุนตัวกลับมาพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ที่เหมาจากเด็กหนุ่มผู้โชคดีหอบมาด้วยสายตามันวาวส่งดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ให้อีฟ “Happy valentine day”แซมพูดด้วยน้ำเสียงชวนหลงใหล “Can I see you again tomorrow?” (ผมสามารถเจอคุณพรุ่งนี้อีกได้ไหม) “Sure” (ได้แน่นอนค่ะ) อีฟไม่ได้ลังเลเลย ยิ้มกว้างรับช่อดอกไม้สีแดงที่แซมมอบให้ …… บนรถแท็กซี่ได้ยินแต่เสียงกรนของเจ๊แตงที่งีบหลับ นัยน์ตาระยิบระยับของอีฟมองดอกไม้หลายร้อยดอกใบหน้าอมยิ้มด้วยความปลื้มใจเพราะจริงแล้วเธอก็ชอบเขาอยู่เหมือนกัน …… “พรุ่งนี้เจอกัน นะอีฟ” “ค่ะ เจ๊” คืนที่สองของงานได้ผ่านไปเธอนำเงินที่ได้มานับเลื่อนสายตามองบิลที่รวมอยู่บนโต๊ะ กดเครื่องคิดเลขจ้องดูตัวเลขที่รวมได้ พลางถอดหายใจยาวออกมาเพราะยังขาดอีกนิดหน่อย แต่พรุ่งนี้วันอาทิตย์ซึ่งเธอคิดว่าจะหยุดวันจันทร์มีเรียนแต่เช้าซึ่งสำคัญกว่า เธอบอกตัวเองในใจ ่ว่า "ไม่เป็นไร" แล้วหมุนตัวไปจัดการอาบน้ำเตรียมเข้านอน ……… 10.45 Am เสียงนาฬิกาในมือถือดังปลุกอีฟตื่นลืมตาดันร่างจากเตียงไปหยิบดูมือถือที่ชาร์จแบตไว้ก่อนนอน เลื่อนหน้าจอมองข้อความแซมที่ส่งมา “Can we meet today during lunch?” (วันนี้เราเจอกันช่วงกลางวันได้ไหม) อีฟอ่านข้อความจบ เธอยังไม่รีบตอบ เคลื่อนร่างไปเปิดประตูเพื่อจะไปหาแนนซี่ที่ห้องถัดไป “แนนซี่ แนนซี่” เธอเรียกเพื่อนอยู่หน้าห้อง พลางยกมือเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ประตูห้องเปิดออก สาวร่างอุดมสมบูรณ์เดินไปล้มตัวนอนลงต่อ “แนนซี่ ไปทานข้าวกัน” อีฟดึงแขนแนนซี่ที่ยังนอนขี้เซาอยู่บนเตียง “แนนซี่ ตื่น” “อือ.” มีแต่เสียงในลำคอที่บอกว่าได้ยินแต่เปลือกตาไม่ขยับ สายตาอีฟเหลือบเห็นกล่องพิซซ่าที่จัดโปรวางซ้อนกันเลื่อนสายตาหน้าจอโน้ตบุ๊กเปิดซีรีส์ค้างไว้ ก็พอนึกออก.. คิดในใจว่า “แนนซี่ยัยหมูตอนคงพึ่งจะได้นอนแน่เลย” “โอเค แนนซี่ไม่กวนละ” เธอบอกแนนซี่พลางเดินออกไปคิดว่าวันนี้จะปล่อยให้แนนซี่นอนพักผ่อนเพราะดูแล้วแนนซี่คงพึ่งได้นอนเป็นแน่ หยิบมือถือแล้วพิมพ์ตอบแซม “Sure” “Where should we meet?” (เราจะเจอกันที่ไหนดีคะ) หนุ่มหล่อที่ยังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงมือถือข้างลำตัวสั่นเตือนให้เขาเปิดอ่านข้อความ “eve” เขาเอ่ยชื่อในลำคอแล้วพิมพ์ข้อความตอบเธอนัดแนะจุดนัดพบใจกลางเมืองที่เธอพอจะมาสะดวกและเขาพอเข้าใจเพื่อจะได้ไม่หลงทางอีก 12.00pm สี่แยกใจกลางกรุงหน้าห้างดังหัวมุมถนนซึ่งชั้นบนเป็นโรงแรมระดับห้าดาว หนุ่มร่างยาวผิวขาวสวมเสื้อผ้าฟรีสไตล์ให้เข้ากับเมืองร้อน ยืนสองขาด้วยรอยยิ้ม มองสาวผมยาวสวมกางเกงยีนขาสั้นโชว์ขาเรียวคล้ำในเสื้อยืดสีขาวไซซ์XS บนรองเท้าผ้าใบเดินตรงมา “สวัสดี ครับ” “สวัสดี ค่ะ” “Where shall we go?” (เราจะไปที่ไหนกันดี) “Where would you like to go?” (คุณอยากไปที่ไหนละ) แซมนึกอยู่สักครู่ คิดว่าจริงๆ แล้วเขาก็พอไปมาหลายที่มาบ้างแล้ว เพราะอยู่ที่นี่ได้สักระยะถ้านับก็ประมาณ6-7เดือน แต่เขาอยากสานสัมพันธ์เพื่อจะได้รู้จักอีฟมากกว่า นั่นคือเหตุผลที่เขามี “Are you hungry” (คุณหิวไหม) “i ‘m ok” (ไม่ค่ะ) “Anywhere ,You guide me” (ที่ไหนก็ได้คุณแนะนำ) เมื่อแซมอยากให้อีฟพาเที่ยวเธอก็ยินดีเพราะเธอก็ชอบไปเป็นประจำช่วงวันหยุดกับเพื่อนเกือบทุกอาทิตย์ จึงมีไอเดียว่าจะพาแซมเที่ยวแถวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ซึ่งเธอคุ้นเคย พาแนนซี่ไปหาของกินอร่อยๆ ทานกันตามกระแสอินเทอร์เน็ต เรือด่วนในคลองมุ่งเข้าใจกลางเมืองในคลองที่แคบเรือแล่นเร็วสวนกันไปมาน้ำคลองสาดกระเด็นกระทบพลาสติกกั้น เล็ดลอดเข้ามาในเรือ มีเสียงกรี้ดของผู้โดยสารสาวเป็นระยะๆ ราวกับนั่งเครื่องเล่นบนสวนสนุกชวนลุ้นตลอดทาง ว่า " เมื่อไหร่จะถึง" นั่งเรือต่อรถเมล์ซึ่งอีฟค่อนข้างชำนาญทาง พาแซมเดินกลางแดดร้อนระอุ ลัดเลาะเข้าออกตามซอกซอย ถึงตอนนี้แซมพอนึกออกแล้วว่า แถวนี้นี่เอง เมื่อคืนที่หลงมา อีฟมองยอดปรางค์ที่โดดเด่นสวยงามตระการตานักท่องเที่ยวต่างมุ่งหน้าเข้าไปเยี่ยมชมเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนสถานที่จะปิด “I’ll take you there to make a wish” (ฉันจะพาเธอไปที่นั่น เพื่อขอพร) พลางชี้นิ้วให้แซมดู “O k” แซมยิ้มด้วยความยินดียิ่งนัก อีฟจับมือแซมเดินเข้าร้านขายของฝากที่ระลึกเพื่อซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนให้สุภาพ แล้วทั้งสองก็ผ่านเข้ามาชมความงดงามของหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองไทย มีเพียงกล้องมือถือที่ถ่ายเก็บความงามไว้เป็นที่ระลึกระหว่างที่เดินไปรอบๆแดดที่เผาผิวให้คล้ำบนรอยยิ้มของทั้งสองที่ส่งให้กันเป็นระยะ ไม่มีคำพูดอะไรออกมามากมายเพราะพวกเขาได้เพลิดเพลินกับความวิจิตรตระการตา แดดเริ่มอ่อนแรง อีฟและแซมเดินวนรอบเมืองจวนใกล้เวลากลับ “Are you hungry” (คุณหิวไหม)เสียงใสเอ่ยถามพลางมองนัยน์ตาสีฟ้าบนใบหน้าที่มีเหงื่อเกาะ นิ้วหยิบกระดาษทิชชูซับให้ “Yes” (ครับ) มีร้านข้างทางที่เธอโปรดแวะเข้าทุกครั้งที่ผ่านมา มีเมนูที่เธอติดใจในรสชาติดั้งเดิม อีฟจับมือแซมเข้าร้านหาที่นั่งแล้วจัดการสั่งอาหารให้เขาได้ลิ้มลอง แซมมองอีฟด้วยนัยน์ตาเป็นประกายอย่างไม่กะพริบ อีฟเงยหน้ามองดวงตาที่มีเงาสะท้อนเป็นหน้าของเธอพลางเอ่ยน้ำเสียงใส ว่า “Can you eat Pad Thai ?” (คุณทานผัดไทยได้ไหม) “I like Phadthai but I like you more” (ผมชอบผัดไทยแต่ผมชอบคุณมากกว่า) “Thank you very much for today’s special” (ขอบคุณมากครับสำหรับวันนี้ที่พิเศษ) แซมตอบเธอด้วยรอยยิ้มแห่งความประทับใจเพราะเธอทำให้วันนี้เป็นวันที่พิเศษสำหรับเขายามสายของวันจันทร์ในรั้วมหาลัยแห่งหนึ่งในห้องสี่เหลี่ยม อีฟนั่งหลังงอมือซ้ายเท้าคางสายตาของเธอมองดูก้อนเมฆสีเทาเกาะกลุ่มอยู่ด้านนอกหน้าต่างกระจกพลางนิ้วยาวจับปากกาค้างไว้ แนนซี่ชำเลืองมองด้วยความสงสัย ดูอีฟไม่มีสมาธิและตั้งใจฟังการบรรยายของอาจารย์ที่ถือไมค์อยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ดเลย ... จนจบชั่วโมงเรียน“เป็นไรป้าว อีฟ” แนนซี่เอ่ยถาม ขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมลุกออกจากห้อง“เปล่า แนนซี่” อีฟตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย…“ได้ข่าว ว่าใครบางคนแถวนี้หมดตัวออกไปรับจ๊อบกลางคืนดึกๆ ดื่นๆ สงสัยไปเป็นหญิงบำเรอ จนแฟนเก่าทนไม่ไหวต้องไปหาหญิงดีที่เพียบพร้อมอย่างลิซซี่”เสียงนินทาดังมาจากกลุ่มเพื่อนของลิซซี่ที่อยู่ห่างไปแค่ไม่กี่ก้าวพลางชายตามาที่อีฟตั้งใจให้อีฟและแนนซี่ได้ยินทำให้เข้าใจได้ชัดเจนว่ากำลังสื่อถึงใครคำพูดเหล่านั้นไม่เข้าหูของแนนซี่ยิ่งนัก สาวพลัสไซซ์หันมองด้วยสายตาไม่พอใจเมื่อได้ยิน ยกแขนเสื้อขึ้นเหนือไหล่เตรียมจะเดินไปหากลุ่มปากหมาพวกนั้นอีฟเห็นท่าทีของเพื่อนจึงรีบลุกจากเก้าอี้ไปฉุดแขนออกจากห้อง“ไปเถอะแนนซี่”“เธอจะดึงฉันทำไม ปล่อยให้มันว่าเธอทำไม”“เอาน่า ไม่เป็นไรเพื่อน ไม่กี่เดือนก็ไม่
อีฟจับมือแซมก้าวเท้ายาวให้ถึงร้านสะดวกซื้อที่ตั้งห่างไปประมาณ 500เมตรรีบเร่งไปให้ทันเพราะท้องฟ้าที่ได้ส่งสัญญาณเตือนแล้วเมื่อครู่ว่าจะเทฝนลงมาตี๊.. ตูด.. ประตูอัตโนมัติเลื่อนออกมือเล็กคว้าตะกร้าหยิบเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์สองสามกระป๋องแค่พอได้ล้างปากจากอาหารเย็น.. เพียงแป๊บเดียวฟ้าที่คำรามก็กระหน่ำสายฝนลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาทั้งสองเอียงหน้ามองกันในใจที่คิดตรงกัน ว่า “สายไปแล้ว เราได้ติดฝนอยู่ตรงนี้ ต้องทำใจยืนรอให้ฝนเบาลง”พลางจิบเบียร์ไปเรื่อยๆ จนเกือบหมดกระป๋องอีฟเงยหน้า พูดกับแซม“Sam, I think this time is it.” (แซม ฉันคิดว่า เวลานี้แหละ)“Let's go"(เราไปกันเลยนะ)" Okay" แซมพยักหน้ารับแล้วกระดกเบียร์ที่เหลือให้หมด สองมือประสานแน่นแล้ววิ่งฝ่าสายฝนกลับ…..“เจ๊แตงและแนนซี่ละพี่แมน” อีฟเอ่ยถามแฟนของเจ๊แตงที่กำลังยุ่งกับการเก็บร้าน ทันทีเมื่อมาถึงโต๊ะทานข้าวเห็นแต่จานอาหารช้อนซ้อมวางไว้“แนนซี่กลับขึ้นห้องบอกว่า ปวดท้องจะขึ้นไปเข้าห้องน้ำและไปเก็บผ้าที่ตากไว้ด้วย”“แตง ไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน”“ อ่อ..ค่ะ”“นั่งก่อนได้นะ อีฟ” พี่แมนเอ่ยชวนพลางเก็บโต๊ะและเก้าอี้ที่เหลือเข้าที่“ไม่เป็น
เปรี้ยง เปรี้ยง! “อีฟ ตื่นเร็ว สายแล้ว” แนนซี่เปล่งเสียงเรียกพลางกำมือกระแทกประตูอยู่หน้าห้องเปรี้ยง เปรี้ยง ! " อีฟ ! " เสียงดังลั่นทั่วอะพาร์ตเมนต์จนข้างห้องต้องเปิดประตูออกมาดู " เบาๆหน่อยน้อง คนกำลังหลับนอน จะทุบประตูแหกปากลั่นทำไมเกรงใจชาวบ้านบ้าง " หญิงวัยกลางคนในชุดนอนผ้ามันผมม้วนเป็นลอนใบหน้าดูราวยังไม่ได้นอนเพราะเครื่องสำอางบนใบหน้าของนางยังแน่น พูดด้วยน้ำเสียงฟัดเหวี่ยง จนแนนซี่ทำหน้าแหยๆ กล่าวคำขอโทษ ให้หล่อนได้พอใจ“ตื่นแล้ว แนนซี่” แล้วอีฟก็ขานรับเสียงเรียกดังของแนนซี่พลางหันมองมือถือบนหัวเตียงที่ไม่ดังเตือนเช่นทุกวันพลันนึกได้ ว่า ลืมตั้งนาฬิกาปลุกรู้เลยทันทีว่าสายแล้วเธอรีบเด้งตัวออกจากเตียง“รอฉันด้วย แนนซี่” รีบเร่งจัดการแต่งตัว......สองสาวต่างไซซ์หน้าตาตื่นก้าวยาวเข้าห้องเรียนแทรกตัวลงนั่งตรงที่ว่าง ขณะที่อาจารย์กำลังถือไมค์บรรยายอยู่หน้ากระดาน“อีฟ” เสียงของอาจารย์หญิงวัยกลางคนสวมแว่นหนาเตอะ ขานชื่อของเธอที่ยังนั่งหลุกหลิกจัดท่าเพราะพึ่งมาถึง“อธิบายถึงหัวข้อที่อาจารย์พึ่งบรรยายไปให้กระจ่างหน่อย”อีฟเงยหน้าขึ้นตามเสียงที่กังวานดวงตาจ้องบนกระดานด้วยใบหน้างุนงงอ้ำอ
สองอาทิตย์ ผ่านไป…..“อีฟ เธอช่วยฉันเลือกหน่อยสิลองมาหลายชุดแล้วตัดสินใจเลือกไม่ถูกเลย” แนนซี่เอียงซ้ายทีขวาทีมองดูตัวเองอยู่หน้ากระจกใสห้องของเธอมีอีฟนั่งเขี่ยมือถือรอแนนซี่แต่งตัวเพื่อจะไปงานคืนนี้กันเพราะราตรีนี้เจ้าของไนต์คลับได้จัดวันเกิดให้กับเจ๊แตงผู้จัดการดีเด่นที่ทำยอดได้ตามเป้าทุกเดือนและนี่ก็เป็นโอกาสเดียวที่แนนซี่จะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาสักทีหลังจากที่อยากติดตามอีฟไปหลายครั้งแล้วแต่เธอกลับถูกปฏิเสธแทบทุกครั้ง“ชุดไหนก็ได้แนนซี่ สวยทุกชุด เดรสยาวสวยเหมาะกับเธอแล้ว” อีฟเงยหน้าตอบแนนซี่ที่กำลังจ้องตัวเองอยู่หน้ากระจก“โอเค ตามนี้ฉันเชื่อเธอเพราะก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”ก๊อก ก๊อก ก๊อก . ไปกันยังจ๊ะสาวๆ“ปะ แนนซี่ไปกันเถอะ เจ๊แตงมาเรียกแล้ว”อีฟหมุนลูกปิด คลิก ! เจ๊แตงยืนบนรองเท้าแก้วใบหน้าขาววอกยกยิ้มอยู่หน้าประตู“Happy birth day ค่ะเจ๊แตงมีความสุขมากๆ กิจการรุ่งเรืองนะคะ” พลางทั้งสองเข้าสวมกอดเจ๊แตง“ขอบใจจ้า อีฟและแนนซี่ เจ๊ขออวยพรกลับ ให้ทั้งสองเรียนจบประสบความสำเร็จนะ”“ปะสาวๆ เราไปกันเถอะแท็กซี่มารอรับแล้ว”คืนงานปาร์ตี้วันเกิดของเจ๊แตง ทางร้านได้จัดถาดอาหารวางเรียงตั้งอย
รุ่งเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึงหลังจากที่อีฟได้ลาออกจากงานที่ไนต์คลับได้หลายวันแล้ว เมื่อคืนที่ผ่านเธอได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มใบหน้าสดใสดวงตาสดชื่นเพ่งอ่านอีเมลของบริษัทประกัน อยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ในห้องของเธอติ้ง!“See you at the train station,I’m on my way” (เจอกันที่สถานีรถไฟนะ ผมกำลังไป)เธอเลื่อนสายตาอ่านข้อความบนหน้าจอมือถือ พลางพับจอโน้ตบุ๊กลงแล้วโยกตัวไปคว้ากระเป๋าเป้ใบตุงที่อัดแน่นด้วยเสื้อผ้าเพื่อเตรียมจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวกับหนุ่มแดนนอกช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวันและชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นก็ได้จัดตารางงานของเขาไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เขาทำตามเพลนท่องเที่ยวที่เขาได้เสิร์ชหาข้อมูลมาล่วงหน้าไว้หลายอาทิตย์มาอย่างดี หนุ่มสูงยาวในชุดฟรีสไตล์ยืนตัวตรงหน้าตู้รถไฟที่จอดเทียบชานชาลา ปู้น ปู้น เสียงเรียกดังเร่งให้ผู้โดยสารรีบขึ้นขบวน“แซม! ” อีฟในเสื้อสีขาวตัวจิ๋วกางเกงยีนขาสั้นโชว์ขาเรียวบนรองเท้าผ้าใบเดินตรงมาด้วยใบหน้ายิ้มเปล่งเสียงเรียกแซมให้เงยหน้าที่กำลังก้มดูตั๋วที่ถืออยู่ในมือ“ Eve” แซมยิ้มกว้างกางแขนรับสาวร่างเล็กสวมกอดทักทาย“Let’s go (ไปกันเถอะ) ทั้งสองจับมือ ก้
เสียงนกเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่าเป็นรุ่งอรุณของวันใหม่คู่หนุ่มสาวที่ผ่านศึกรักที่หนักหน่วง ฝูงนกได้ปลุกให้แซมตื่น เขาขยับร่างมือค่อยเลื่อนสัมผัสร่างสาวเจ้าเสน่ห์เข้ามาชิดแล้วลูบไล้ทั่วร่างเนียน อีฟขยับเปลือกตาด้วยความเคลิ้มรู้สึกได้ถึงมือที่ซุกซนสอดแทรกไปทุกจุดที่ไวต่อการสัมผัสพลันท่อนรักผ่าเข้าร่องสาวที่ตื่นตัว เธอลืมตามองชายหนุ่ม ที่คร่อมร่างเธอและแสงแดดยามเช้าสาดส่องให้เห็นหน้าอกหนุ่มแน่นขาวผ่องผมสีบอลนด์เธอมองลึกลงไปในดวงตาฟ้าใสละมุนเก็บรายละเอียดนี้ไว้ด้วยสายตาแห่งความหลงใหล แล้วจังหวะรักที่แซมเร่งขย่มถี่เพียงครู่ก็สำเร็จกิจหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วอีฟออกมานั่งที่ตรงระเบียงด้วยความรื่นรมย์ กางแผนที่และกระดาษแพลนเที่ยวของแซมที่จดไว้แล้วตามลำดับ มือจับปากกาวงไว้เป็นจุดๆ เพราะที่จริงแล้วนี่คือครั้งแรกของเธอที่ได้ไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้แม้เธอจะรู้ข้อมูลมามากพอสมควรจากตำรา" Are you hungry? "(คุณหิวไหม) แซมเดินออกมาจากห้องเอ่ยถามอีฟที่มองแผนที่สลับกับกระดาษสีขาวพลางมือที่กำลังขยุกขยิก"Yes,I’m hungry" (หิวค่ะ) เธอเงยหน้าขึ้นเพราะท้องร้องได้เริ่มร้อง ว่าหิว“So let’go,Shall we?”
11.00am ณ ที่สถานีขนส่งแห่งหนึ่งซึ่งเป็นประตูสู่ภาคอีสาน มีผู้คนพลุกพล่านเข้าออกขึ้นลง อีฟและแซมก้าวลงจากรถทัวร์สะพายเป้ใบตุง เดินมองหาผู้ให้บริการรถเช่าที่แซมได้จองไว้ทางอินเทอร์เน็ต“Sam I think that man” (แซม ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นนะ) เธอพูดพลางนิ้วชี้ให้เขาดูชายวัยกลางคนยืนยิ้มกว้างหน้ารถออฟโรดสีดำซึ่งมองดูแล้วก็ตรงตามรูปบนใบจองที่เธอถืออยู่ในมือเส้นทางที่มุ่งสู่จุดหมายบนถนนลาดยางแหวกป่าเขาลำเนาไพรแซมขับรถสองที่นั่งสี่ล้อยกสูงไปอย่างช้าๆ ตาเลื่อนสลับไปมาแลมองแผนที่บนมือถือเป็นระยะๆ กระจกรถเลื่อนลงสุดคางของอีฟวางลงบนขอบกระจกให้ใบหน้ารับลมสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ผ่านหุบเขาทุ่งหญ้าสีเหลืองทอง ชายหนุ่มผู้สายตายาวไกลเลี้ยวจอดรถริมขอบทาง ดวงตามุ่งมั่นก้าวลงค่อยๆย่องเท้าฝ่าดงหญ้า พลางมือยกกล้องที่คล้องไว้บนคอ มือนิ่งตาเล็งเป้าโฟกัสแล้วซูมไปที่กวางป่าเขายาวกำลังกินหญ้าอย่างสำราญ แซมรอจังหวะกวางเขายาวสง่าเงยหัวขึ้น เขาอธิษฐาน อยู่ในใจ “อย่าขยับนะ ได้โปรด ๆ อยู่นิ่งๆ” ..แสงแดดย่ามบ่ายแก่ๆ สาดแสงหญ้าเหลืองทองอร่าม กวางหนุ่มผู้มีเขายาวคล้ายกิ่งไม้เงยหัวเผยดวงตาที่น่าเอ็นดู นิ้วเขารีบกดชัตเตอร์ร
“Sam,Can you stop the car for a moment?” (แซมหยุดรถสักครู่ได้ไหม)อีฟพูดขึ้นในขณะที่แซมกำลังขับรถตรงไปยังจุดอื่นระหว่างทางหลังจากที่ได้รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเพราะเธอได้ มองเห็นกลุ่มช้างที่น่ารักซึ่งเป็นสัตว์ที่เธอชอบเป็นพิเศษและขวานช้างรอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและใกล้ชิดที่หน้ารีสอร์ต แซมชำเลืองมองกลุ่มช้างนั้นแล้วเขาก็ได้เลี้ยวหยุดรถชิดขอบทาง อีฟยกกล้องมือถือถ่ายรูป ซื้ออาหารให้ช้างเหล่านั้นพลางมือลูบคลำงวงช้างที่แสนเชื่อง เขามองเธอที่มีความสุข ในห้วงเวลานั้น พลางมือกดรัวชัตเตอร์บนกล้องที่คล้องมา สองมือประสานแน่นเธอเอียงศีรษะพิงไหล่กว้าง มองฟ้าสีคราม ในหัวใจนึก อยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ แซมเอียงหน้าจูบบนหน้าผากเธอเบาๆ มือซ้ายขยับกอด เพื่อบ่งบอกว่า เขาอยู่ข้างเธอไม่ต้องกังวล แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ซึ่งคือความจริงที่ต้องดำเนินไปแล้วทั้งสองก็ขึ้นมาถึงจุดสูงของภูเขาเพื่ออำลาผืนป่าก่อนกลับไปใช้ ชีวิตในเมืองกรุง มีเพียงสายตาและรอยยิ้มที่มองกันด้วยความลึกซึ้งยืนคู่ชิดโดดเด่นมองท้องฟ้าที่กว้างไกลป่าสีเขียวสุดลูกตา พวกเขาจะบันทึกไว้ในความทรงจำไว้ว่าที่ตรงนี้บนเขาใหญ่เป็นพยานแ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของแซมอาจเพราะด้วยความกดดันของทั้งสองที่ต้องการเพียงระยะห่างเท่านั้นและอีฟก็แค่ตั้งใจจะไปปรึกษาเรื่องงานของเธอกับแซม ยังไม่ทันได้ปริปากพูดถึงมันเลยกลับต้องจบลงแบบนี้จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างแต่บทสุดท้ายคือตอนนี้เธอเศร้าใจนัก และคำปลอบใจที่พูดกับตัวเองก็มีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องมูฟออน เมื่อถึงห้องเธอก็ไม่รอช้าคว้าโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดแล้วตอบกลับอีเมลงานที่รอคำตอบจากเธอมาหลายวันแล้วด้วยใจที่แน่วแน่มั่นใจและพร้อมเดินทางในวันถัดไปโดยไม่จำเป็นต้องรีรอ วันต่อมา… บางครั้งโชคชะตาก็พลิกผันรวดเร็วเกินตั้งตัวให้เราเดินตามทางที่ถูกกำหนดมาตามเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้เธอได้เก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆแพ็กลงกล่องเพื่อจัดการส่งให้กับบริษัทขนส่งที่กำลังจะมารับ หนังสือที่ตั้งวางอยู่ด้านหน้ามือหยิบลงใส่กล่องกระดาษสี่เหลี่ยมที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับหนังสือเล่มโปรดของเธอแต่แล้วดวงตาต้องสะดุดกับสมุดบันทึกรักที่เคยจดบันทึกไว้เธอหยิบขึ้นมาแล้วเพ่งมองชวนให้นึกถึงและคิดว่าจะเปิดดูและอ่านอีกรอบแต่แล้วทันใดนั้นเสียงประตูหน้าห้องก็ดังแทรก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ใครคะ?” “แม่บ้านจ้า” เธอตั
ที่ร้านอาหารตามสั่งของเจ๊แตงอีฟและแนนซี่ได้ทยอยขนของลงมาไว้บ้างแล้วเพื่อรอครอบครัวของแนนซี่จะมารับในไม่ช้า บนโต๊ะอาหารทุกคนนั่งรับประทานอาหารพร้อมสนทนากันไปพลางๆพลันสายตาหลายคู่ต้องหันมองไปทางเดียวกันเพราะรถเบนซ์คันหรูที่ดูคุ้นตาและนานๆจะมีเข้ามาที่อะพาร์ตเมนต์ราคาประหยัดเช่นนี้ซึ่งดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นน่าจะเป็นคันเดียวกันที่เคลื่อนเข้าเมื่ออีฟและแนนซี่จ้องมองไปยังแผ่นป้ายทะเบียนนั้นแล้วก็ตรงเป๊ะและคิดว่า “ต้องใช่!หล่อนแน่ๆ”แต่วันนี้กลับมีสาวสวยสวมแว่นดำเดินออกมาจากรถมันเงาเพียงลำพังไร้เงาชายหนุ่มข้างกาย ลิซซี่ยืนบนรองรองเท้าส้นแหลม คอหันซ้ายหันขวาแล้วสายตาสะดุดเห็นอีฟและแนนซี่นั่งอยู่ที่ร้านอาหารข้างๆหอหล่อนจึงรีบเดินดุ่มๆมาแล้วเอ่ยถาม “อีฟเจอไอวาไหมฉันตามหาเขาอยู่เขาพยายามหลบหน้าหลบตาฉัน”เธอพูดด้วยเสียงที่กระซิกๆคล้ายกับจะร้องไห้ใต้แว่นดำแต่ไร้ซึ่งหยดน้ำตาต่อให้ลิซซี่จะสวยเพอร์เฟกต์แค่ไหนแต่หล่อนก็เป็นคนเอาแต่ใจให้ได้มาซึ่งทุกอย่างตามประสาลูกคนรวยที่ถูกสปอยล์แต่ตอนนี้เสียงของหล่อนที่พูดกับอีฟได้อ่อนปวกเปียกต่างจากเมื่อก่อนเพียงเพื่อต้องการให้ได้สิ่งที่หล่อนต
ในห้องสี่เหลี่ยมที่บรรยากาศอึมครึมเพราะชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นและจริงจังตอนนี้เขาได้เก็บตัวปิดประตูสังคมนั่งหน้าดำคร่ำเครียดปล่อยหนวดเครายาวสมองหมกมุ่นหนักกับงานที่ไม่ลงตัว แม้แต่อีฟคนที่กำลังคบหาเขาก็ไม่ได้สนใจตอบข้อความของเธออย่างเช่นเคยเพราะตอนนี้เขาแทบจะถวายชีวิตให้กับงานเลยก็ว่าได้ สามารถยอมแลกได้ทุกอย่างให้ได้มาซึ่งความสำเร็จแต่เขาอยากระบายออกมาบ้างในบางครั้งแล้วเสียงของชายหนุ่มได้ตะโกนลั่นปลดปล่อยอารมณ์ความเครียดจากสมองพลางมือขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วปามันติดกำแพงผนัง..ที่อะพาร์ตเมนต์ในที่พักอาศัยของอีฟและแนนซี่ ตอนนี้ทั้งสองกำลังยุ่งกับการเก็บข้าวของ แนนซี่มองดูรูปถ่ายที่ถืออยู่ในมือเป็นภาพของเธอกับอีฟในชุดนักศึกษาสมัยปีหนึ่งที่ถ่ายคู่กันด้วยความสนิทสนมด้วยความปลาบปลื้มที่มีเพื่อนดีๆเช่น อีฟ แล้วเก็บใส่กล่องสี่เหลี่ยมส่วนตัวของเธอ ข้าวของเครื่องใช้ที่แพ็กไว้เรียบร้อยพร้อมขนย้ายเพื่อเตรียมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอย่างถาวร ในขณะที่อีฟมือแพ็กกล่องสลับหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะๆเพื่อเช็กข้อความแซมที่จะตอบกลับเธอ“มีอะไรหรือเปล่าอีฟ เช็กมือถือตลอดเลย”แนนซี่เอ่ยถามเมื่อสังเกตว่าอีฟพะวงดูมื
หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าของวันที่อากาศสดใสปลอดโปร่งในรั้วมหาวิทยาลัยที่ สองสาวใช้เวลาหลายปีในการร่ำเรียนและมีความผูกพันกับสถานที่เรียนแห่งนี้ก็มาถึงช่วงท้ายสุดของชีวิตนักศึกษา นักศึกษามากมายหลายคนต่างยื่นหน้าจ้องบนกระดาษที่แปะไว้ที่บอร์ดของคณะพลางนิ้วไล่เช็กรหัสของตัวเอง “อีฟฉันผ่านแล้ว”แนนซี่กระโดดกอดอีฟด้วยความดีใจเมื่อเห็นรหัสประจำตัวและชื่อของตัวเองติดอยู่ว่าสอบได้และอีฟยิ้มอย่างภูมิใจที่ทำสำเร็จเมื่อเห็นชื่อของเธอว่าสอบผ่านด้วยเช่นกันและตัวเธอเองจะไม่โอเคแน่ๆถ้าต้องเสียเวลาสอบใหม่อีกรอบเพราะฐานะการเงินที่ฝืดเคืองไม่สามารถประคองชีวิตต่อไปได้อีกหลายเดือนหากยังไม่มีงานประจำทำแล้ววันนี้เธอก็ทำสำเร็จซึ่งเธอก็ภูมิใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อย สองสาวที่แพลนเอาไว้เป็นเดือนแล้วว่าจะรวบรวมเงินกันจัดงานฉลองเล็กๆกันที่ร้านข้างหอถ้าสอบผ่านและสำเร็จทั้งสองคน “แนนซี่ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเจ๊แตงนะเราต้องเฉลิมฉลองกันตามที่เราได้สัญญากันไว้แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปก่อนนะเพื่อนมีนัดกับแซมไว้เจอกันเย็นนี้นะ ” อีฟพูดพลางก้าวถอยหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แจ่มใสและเธอก็ยิ้มไม่หุบระหว่างการเดินทางไปหาชายหนุ่มที่คบแล
เวลา10โมงเช้าบรรยากาศในห้องสอบที่เงียบทุกคนต่างเพ่งตาทำข้อสอบอีฟใบหน้าผ่อนคลายอย่างมีสมาธิเธอรู้สึกดีใจที่ถึงวันนี้เสียทีเพราะเท่ากับว่าเธอได้นับเวลาถอยหลังถึงเส้นชัยแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาอันรวดเร็วเธอจะผ่านประสบการณ์ทำงานที่แปลกใหม่ในชีวิตจนได้พบกับใครบางคนที่ชะตาฟ้าลิขิตให้มาเจอ พอถึงช่วงเวลาบ่ายหลังจากสอบเสร็จอีฟกับแนนซี่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาเพื่อนสนิทใต้ต้นไม้ใหญ่ในรั้วมหาวิทยาลัยแต่ทั้งสองต้องเหลียวมองตามเสียงผู้หญิงที่กำลังพูดไฟแลบด้วยท่าทางฟึดฟัดอย่างไม่พอใจและนั่นคือ ไอวาและลิซซี่กำลังทะเลาะกัน “สองคนนั้นเขาทะเลาะอะไรกัน” “ฉันว่าสงสัยเจอฤทธิ์หนุ่มแบดบอยเข้าให้ไอวาก็คงทำนิสัยเดิมๆ เจ้าชู้ไปทั่วแหงๆ แต่ว่าสองคนนั้นคบกันแป๊บเดียวเองนะไม่ทันไรก็เผยสันดานออกมาละ สมน้ำหน้า จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรยัยลิซซี่ที่ขี้เหวี่ยงขึ้วีนขนาดนั้น กับคาสโนว่าตัวพ่อ”แนนซี่พูดรัวชุดใหญ่ แต่อีฟเมื่อได้ฟังก็รู้สึกเฉยๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้วอีฟก็มองดูเวลาเพราะเธอได้เวลาต้องไปเปลี่ยนกะที่ร้านขนมหวานกลางเมือง“แนนซี่ ฉันจะต้องไปทำงานต่อที่ร้านขนมเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นที่ห้องนะ ” “ได้สิ แล้วเจอกัน” แน
หลังจากเจ๊แตงได้จัดการติดต่อหางานพาร์ตไทม์ช่วยอีฟให้ได้ทำงานแล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกของการทำงานพาร์ตไทม์ในร้านขนมหวานซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ผมยาวถักเปียเรียงซ้อนงามเป็นระเบียบ สาวหุ่นเพรียวในเสื้อยืดสีดำชายเสื้อเข้าในกระโปรงยีนสั้นบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนเดินจัดเสิร์ฟขนมหวานและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซึ่งทั้งร้านมีพนักงานสองสามคนสลับกันเข้าออกเป็นกะ เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอและอีฟเองก็พึงพอใจกับงานที่ทำและในวันแรกเธอไม่ได้กดดันหรืออึดอัดอะไรเลยดูแล้วงานนี้ก็เหมาะกับเธอด้วยซ้ำแม้รายได้เพียงเป็นค่าอาหารและค่าเดินทางในแต่ละวันซึ่งก็เพียงพอสำหรับเธอในช่วงนี้และใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็เสร็จงานของเธอในวันนี้เย็นนี้เธอได้นัดกับแซมไว้ให้มาเจอกันที่หน้าร้านขนมหวานหลังจากเธอเสร็จงาน อีฟยืนก้มหน้าพิมพ์ข้อความบนมือถือถึงชายหนุ่มที่นัดแล้วเขาก็มาตรงเวลาเป๊ะ“Hi,sam” ทั้งสองสวมกอดทักทายด้วยความคิดถึง “Shall we go? ” (เราไปกันเลยไหม) แซมตั้งใจไว้ว่าจะแวะดูคอมพิวเตอร์เพื่อไว้ใช้สำหรับธุรกิจของเขาที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้แต่นั่น
“Sam,Can you stop the car for a moment?” (แซมหยุดรถสักครู่ได้ไหม)อีฟพูดขึ้นในขณะที่แซมกำลังขับรถตรงไปยังจุดอื่นระหว่างทางหลังจากที่ได้รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเพราะเธอได้ มองเห็นกลุ่มช้างที่น่ารักซึ่งเป็นสัตว์ที่เธอชอบเป็นพิเศษและขวานช้างรอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและใกล้ชิดที่หน้ารีสอร์ต แซมชำเลืองมองกลุ่มช้างนั้นแล้วเขาก็ได้เลี้ยวหยุดรถชิดขอบทาง อีฟยกกล้องมือถือถ่ายรูป ซื้ออาหารให้ช้างเหล่านั้นพลางมือลูบคลำงวงช้างที่แสนเชื่อง เขามองเธอที่มีความสุข ในห้วงเวลานั้น พลางมือกดรัวชัตเตอร์บนกล้องที่คล้องมา สองมือประสานแน่นเธอเอียงศีรษะพิงไหล่กว้าง มองฟ้าสีคราม ในหัวใจนึก อยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ แซมเอียงหน้าจูบบนหน้าผากเธอเบาๆ มือซ้ายขยับกอด เพื่อบ่งบอกว่า เขาอยู่ข้างเธอไม่ต้องกังวล แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ซึ่งคือความจริงที่ต้องดำเนินไปแล้วทั้งสองก็ขึ้นมาถึงจุดสูงของภูเขาเพื่ออำลาผืนป่าก่อนกลับไปใช้ ชีวิตในเมืองกรุง มีเพียงสายตาและรอยยิ้มที่มองกันด้วยความลึกซึ้งยืนคู่ชิดโดดเด่นมองท้องฟ้าที่กว้างไกลป่าสีเขียวสุดลูกตา พวกเขาจะบันทึกไว้ในความทรงจำไว้ว่าที่ตรงนี้บนเขาใหญ่เป็นพยานแ
11.00am ณ ที่สถานีขนส่งแห่งหนึ่งซึ่งเป็นประตูสู่ภาคอีสาน มีผู้คนพลุกพล่านเข้าออกขึ้นลง อีฟและแซมก้าวลงจากรถทัวร์สะพายเป้ใบตุง เดินมองหาผู้ให้บริการรถเช่าที่แซมได้จองไว้ทางอินเทอร์เน็ต“Sam I think that man” (แซม ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นนะ) เธอพูดพลางนิ้วชี้ให้เขาดูชายวัยกลางคนยืนยิ้มกว้างหน้ารถออฟโรดสีดำซึ่งมองดูแล้วก็ตรงตามรูปบนใบจองที่เธอถืออยู่ในมือเส้นทางที่มุ่งสู่จุดหมายบนถนนลาดยางแหวกป่าเขาลำเนาไพรแซมขับรถสองที่นั่งสี่ล้อยกสูงไปอย่างช้าๆ ตาเลื่อนสลับไปมาแลมองแผนที่บนมือถือเป็นระยะๆ กระจกรถเลื่อนลงสุดคางของอีฟวางลงบนขอบกระจกให้ใบหน้ารับลมสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ผ่านหุบเขาทุ่งหญ้าสีเหลืองทอง ชายหนุ่มผู้สายตายาวไกลเลี้ยวจอดรถริมขอบทาง ดวงตามุ่งมั่นก้าวลงค่อยๆย่องเท้าฝ่าดงหญ้า พลางมือยกกล้องที่คล้องไว้บนคอ มือนิ่งตาเล็งเป้าโฟกัสแล้วซูมไปที่กวางป่าเขายาวกำลังกินหญ้าอย่างสำราญ แซมรอจังหวะกวางเขายาวสง่าเงยหัวขึ้น เขาอธิษฐาน อยู่ในใจ “อย่าขยับนะ ได้โปรด ๆ อยู่นิ่งๆ” ..แสงแดดย่ามบ่ายแก่ๆ สาดแสงหญ้าเหลืองทองอร่าม กวางหนุ่มผู้มีเขายาวคล้ายกิ่งไม้เงยหัวเผยดวงตาที่น่าเอ็นดู นิ้วเขารีบกดชัตเตอร์ร
เสียงนกเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่าเป็นรุ่งอรุณของวันใหม่คู่หนุ่มสาวที่ผ่านศึกรักที่หนักหน่วง ฝูงนกได้ปลุกให้แซมตื่น เขาขยับร่างมือค่อยเลื่อนสัมผัสร่างสาวเจ้าเสน่ห์เข้ามาชิดแล้วลูบไล้ทั่วร่างเนียน อีฟขยับเปลือกตาด้วยความเคลิ้มรู้สึกได้ถึงมือที่ซุกซนสอดแทรกไปทุกจุดที่ไวต่อการสัมผัสพลันท่อนรักผ่าเข้าร่องสาวที่ตื่นตัว เธอลืมตามองชายหนุ่ม ที่คร่อมร่างเธอและแสงแดดยามเช้าสาดส่องให้เห็นหน้าอกหนุ่มแน่นขาวผ่องผมสีบอลนด์เธอมองลึกลงไปในดวงตาฟ้าใสละมุนเก็บรายละเอียดนี้ไว้ด้วยสายตาแห่งความหลงใหล แล้วจังหวะรักที่แซมเร่งขย่มถี่เพียงครู่ก็สำเร็จกิจหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วอีฟออกมานั่งที่ตรงระเบียงด้วยความรื่นรมย์ กางแผนที่และกระดาษแพลนเที่ยวของแซมที่จดไว้แล้วตามลำดับ มือจับปากกาวงไว้เป็นจุดๆ เพราะที่จริงแล้วนี่คือครั้งแรกของเธอที่ได้ไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้แม้เธอจะรู้ข้อมูลมามากพอสมควรจากตำรา" Are you hungry? "(คุณหิวไหม) แซมเดินออกมาจากห้องเอ่ยถามอีฟที่มองแผนที่สลับกับกระดาษสีขาวพลางมือที่กำลังขยุกขยิก"Yes,I’m hungry" (หิวค่ะ) เธอเงยหน้าขึ้นเพราะท้องร้องได้เริ่มร้อง ว่าหิว“So let’go,Shall we?”