แชร์

ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ
ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ
ผู้แต่ง: เยว่รั่วซิงเหอ

บทที่ 1

ผู้เขียน: เยว่รั่วซิงเหอ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-10 17:39:59
วันนี้ก็เป็นสิบวันแล้วที่เฉินจินเยว่ผู้นี้ต้องเป็นหนี้สิน

อันเนื่องมาจากพินัยกรรมฉบับนั้น จากนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีเด่นในสาขาเอกโบราณคดีของมหาวิทยาลัยณ เมืองหลวงใหญ่อย่างเธอ ต้องกลายมาเป็นผู้สืบทอดโรงงานที่มีหนี้สินนับหลายล้าน

พ่อแม่ทำธุรกิจล้มละลายจนฆ่าตัวตายด้วยความสิ้นหวัง ก่อนจะทิ้งหนี้สินก้อนโตพร้อมทั้งพินัยกรรมฉบับหนึ่งเอาไว้

ซึ่งเนื้อหาของพินัยกรรมได้เขียนเอาไว้ว่า เงินสดพร้อมบ้านหลังเก่า มอบให้แก่เฉินเจี๋ยผู้เป็นบุตรชาย ส่วนโรงงานกับสินค้าที่ขายไม่ออกเหล่านั้น มอบให้กับบุตรสาวเฉินจินเยว่

และทันทีที่ปู่กับย่ารับรู้ถึงเรื่องพินัยกรรม ก็ได้โอนเงินสด และจัดการให้เฉินเจี๋ยออกนอกประเทศไป โดยทิ้งให้เธอต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้และพนักงานเพียงลำพัง……

"คุณเฉิน คุณอย่าโทษที่เราแล้งน้ำใจเลยนะ นี่ก็ผ่านมาตั้งเจ็ดวันแล้ว มันก็ถึงเวลาที่ควรจะให้คำตอบกับเราแล้วใช่ไหมล่ะครับ คนงานหลายร้อยคนด้านล่างยังต้องกินต้องใช้อยู่นะครับ"

"บ้านพักตากอากาศของพวกคุณมีตั้งสองสามหลัง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเงินเดือนน้อยนิดแค่นี้จะจ่ายไม่ไหวน่ะ"

"คือว่า เมื่อกี้คุณปู่ยังส่งของโบราณมาให้คุณอยู่เลย แล้วยังบอกด้วยว่าเอาไปขายได้หลายล้านแหน่ะ อย่าคิดที่จะเลื่อนเวลาออกไปอีกเลยครับ วันนี้ถ้าไม่จ่ายเงินมา เราทุกคนก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น"

เฉินจินเยว่มีสีหน้าที่อ่อนเพลีย "ทุกคนโปรดใจเย็นๆ ก่อนนะ ฉันจะรีบขายของโบราณที่คุณปู่ส่งมาให้ให้เร็วที่สุดแน่นอน และพอได้เงินมาแล้วก็จะเอามาจ่ายเงินเดือนให้กับทุกคน พวกคุณกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองกันก่อนเถอะ"

"กลับไปทำหน้าที่อะไรกัน เขาคืนสินค้ากันหมดแล้ว เงินก็ไม่ให้ ผลิตผ้าฝ้ายในฤดูร้อนให้ผีใส่หรือไงกัน"

"……"

ถึงคนงานจะพากันตำหนิไม่หยุดหย่อน แต่เพื่อที่จะได้เงินเดือนมา ตอนนี้ก็ต้องเลือกที่จะเชื่อเธอแต่เพียงเท่านั้น

ประตูห้องทำงานปิดลง

พร้อมกับเฉินจินเยว่ที่หลับตาลง

มักพูดกันว่าคำพูดของคนก่อนตายก็ยังดูดี

แต่พ่อแม่ของเธอคือแม้จะตายก็ต้องดึงเธอลงไปในหุบเหวด้วย เพียงเพื่อจะปกป้องลูกชายของพวกเขา

พอเปิดดูโทรศัพท์มือถือ หน้าจอก็ยังคงอยู่ในหน้าข้อความที่เฉินเจี๋ยส่งมาหาเธอ——

[เฉินจินเยว่ พี่เห็นของแล้วใช่ไหม ฉันแค่เอาเงินเล็กๆ น้อยๆ ไปแค่ไม่กี่ล้าน และทิ้งโรงงานกับของโบราณที่มีค่าไว้ให้พี่ ในอนาคตพอพี่กลับมายิ่งใหญ่ได้แล้ว อย่าลืมความเมตตาของน้องคนนี้ด้วยนะ]

เมตตากับผีน่ะสิ

เฉินจินเยว่เดินฉับตรงไปยังกองข้าวของที่คุณปู่ส่งมาแต่เช้า ก่อนจะเตะเข้าไปหนึ่งที ข้างในก็เกิดเสียงดัง"เพล้ง"ขึ้นมา พร้อมกับขวดเซรามิกหลายใบที่แตกกระจายไปเต็มพื้น

พื้นผิวของเครื่องปั้นดินเผาที่ด้อยคุณภาพล้วนแสดงให้เห็นว่าของพวกนี้นั้นเป็นของปลอม

และตอนนี้คนงานทุกคนก็รู้แล้วว่า ตระกูลเฉินไดส่งของโบราณมาให้เธอจ่ายเงินเดือน

ถ้าเธอเอาเงินมาไม่ได้ พวกเขาจะคิดยังไงล่ะ

เธอรู้ว่าทั้งครอบครัวนั้นไม่ชอบเธอ และคิดว่าเธอนั้นเป็นตัวขัดขวางทางของน้องชาย แต่ก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะเกลียดเธอถึงขนาดนี้ ทั้งยังต้องการให้เธอตายในตอนนี้เสียอีกด้วย...

ท่ามกลางเศษเซรามิกที่กระจัดกระจาย ก็มีของประดับขนาดนิ้วโป้งอยู่ชิ้นหนึ่งกลิ้งออกมา ซึ่งมีรูปร่างเป็นประตู ราวกับถูกถอดออกมาจากลานโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งโครงสร้างของร่องและเดือยก็เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์มาก

เช้านี้เฉินจินเยว่เห็นของปลอมพวกนี้ก็รู้สึกโมโหมาก แต่กลับตกหล่นชิ้นนี้ไป

เธอรีบหยิบแว่นขยายและไฟฉายเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า และผลักประตูบานนี้ให้เปิดออก ซึ่งตั้งใจพิจารณาอยู่กับประตูนี้อยู่นานนม

มันแปลก

แปลกเอามากๆ

ซึ่งเธอสามารถยืนยันได้ว่าสิ่งนี้มีอายุมากพอสมควร แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่ามันเป็นของยุคไหนกัน

และแม้แต่วัสดุเธอเองก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

เธอรู้สึกสับสนและฟุ้งซ่านมากเสียจนไม่รู้ว่าในขณะเดียวกันเธอก็ได้ผลักประตูเล็กๆ บานนั้นออกอย่างลืมตัว และแล้วประตูของห้องทำงานเองก็ถูกผลักให้เปิดออกเช่นกัน

จากนั้นชายหนุ่มในชุดโบราณที่มีความสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรก็เดินเข้ามาด้วยหน้าตาซีดเซียวและออร่าอันบริสุทธิ์

เขาสวมใส่เสื้อผ้าหนาเตอะ พร้อมมงกุฎขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่บนผมยาวสยาย เสื้อคลุมสีดำ และขนเฟอร์รอบคอของเขาก็ยังเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ

"ข้างนอกมีหิมะตกอยู่เหรอคะ"

เฉินจินเยว่มองดูเขาด้วยความตกใจ ก่อนจะมองไปที่นอกหน้าต่างโดยอัตโนมัติ

แสงแดดเจิดจ้า กับใบไม้ที่ถูกแผดเผาจนหมดชีวิตชีวา

และเครื่องปรับอากาศในห้องทำงานก็คอยเป่าลมเย็นๆ ออกมาต้านทานอุณหภูมิที่สูงลิบถึงสามสิบแปดองศาอย่างขยันขันแข็ง

หิมะตกมันก็ดีแล้วนี่ เสื้อผ้าฝ้ายในโกดังจำนวนมากเหล่านั้นจะได้ขายไม่ออก และรอให้ถูกบังคับการดำเนินการต่อไป

เจียงฉีอันที่เพิ่งได้ยินคำถามก็กำลังจะพยักหน้าตอบ แต่สายตาก็ไปตกอยู่ที่การแต่งตัวของเฉินจินเยว่ และใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที

หญิงผู้นี้มีใบหน้าที่สวยสดงดงาม แต่ทำไมเสื้อผ้าเหล่านี้ถึงไม่ได้ปกปิดเรือนร่างเอาเสียเลย แขนและคอขาวโพลนก็โผล่พ้นออกมา ทั้งยังไม่จัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อย ผมเผ้ายาวรุงรัง……

จากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว

ขอโทษด้วยแม่นาง ข้าเห็นร้านของเจ้ายังเปิดอยู่ จึงเข้ามาโดยหารู้ว่าเจ้ายังมิได้แต่งตัว

"???"

เฉินจินเยว่มองไปที่ตัวเองด้วยความงุนงง เธอสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูเหมือนชุดนอนอยู่งั้นเหรอ

ทางด้านเจียงฉีอันก็หันหลังไป และเขาก็ถูกเสื้อกันหนาวที่แสดงอยู่บนชั้นที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนักดึงดูดสายตาเอาไว้

เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนที่นิ้วมือของเขาจะสัมผัสลงบนผ้า

ชุดเสื้อผ้านี้ไม่เคยเห็นมาก่อน มันทั้งเรียบง่ายและเข้ารูป ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเนื้อผ้าทำมาจากอะไร มันไม่โปร่งใส และพอมองดูก็รู้สึกว่ามันอบอุ่นมาก

เขามองไปรอบๆ ด้วยสายตาอันประหลาดใจ

ปีนี้ทางตอนเหนือนั้นหนาวเป็นพิเศษ ซึ่งมีหิมะตกติดต่อกันมาเป็นเวลาครึ่งเดือน โดยมีหิมะสะสมอยู่บนพื้นหนาเกือบหนึ่งฟุต และร้านค้าทั้งหมดต่างก็ปิดตัวลง เนื่องจากบานประตูส่วนใหญ่ถูกถอดออกมาใช้เป็นฟืนเพื่อให้ความอบอุ่นกันหมด

และแม้จะเป็นเช่นนั้น จำนวนผู้ที่ตายจากความหนาวเย็นในแต่ละวันก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

และเขาก็ได้พบร้านค้าที่มีประตูอยู่เพียงร้านเดียวเข้าที่ปลายถนน

ข้างนอกอากาศนั้นเหน็บหนาว แต่เมื่อเขาเดินเข้ามา กลับรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มไปด้วยความอบอุ่นในทันใด

และณ ตอนนี้ก็ถึงกับร้อนขึ้นเล็กน้อยอีกด้วย

เฉินจินเยว่สับสนอยู่ชั่วขณะก่อนจะตระหนักขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วว่า ผู้ที่จะมายังโรงงานในเวลานี้ นอกเสียจากเจ้าหนี้แล้ว จะยังมีใครเอาเงินมาส่งให้อีกงั้นเหรอ

เธอเพิกเฉยต่อความชอบแปลกๆ ในการแต่งตัวโบราณๆ ของเขา และพูดขึ้นอย่างสุภาพว่า "คุณคะ ฉันไม่ค่อยคุ้นๆ หน้าคุณ ไม่ทราบว่าคุณมีเอกสารสัญญาไหมคะ ตอนนี้ฉันไม่สามารถเอาเงินออกมาได้ แต่คุณปู่ของฉันส่งของโบราณมาให้ชุดหนึ่งค่ะ เพียงแค่ขายมันออกก็สามารถคืนเงินส่วนหนึ่งให้คุณได้แล้วค่ะ คุณมาถึงที่โรงงานก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้อุปกรณ์ถูกย้ายออกไปหมดแล้วค่ะ มีก็แต่เสื้อผ้าชุดหนึ่ง..."

เจียงฉีอันบีบคลึงเสื้อคลุมผ้าฝ้ายที่อยู่บนชั้นวาง แล้วพยายามพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า "เสื้อผ้าทั้งหมดนี้เจ้าขายหรือไม่"

เฉินจินเยว่ "……"

แล้วถ้าไม่ล่ะ

ทั้งเทศมณฑลต่างก็รู้กันว่าลูกค้ารายใหญ่ของเฉินเจี้ยนกั๋วนั้นพากันหนีไปหมดแล้ว และสินค้าฤดูหนาวจำนวนมากก็ขายไม่ออก จนเม็ดเงินขาดหายไป

เธอผงะไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้าตกลง "ขายค่ะ"

"ข้าหามีเอกสารสัญญาไม่ แต่จี้หยกนี้เพียงพอที่จะซื้อร้านของเจ้าได้" เจียงฉีอันไม่รู้ว่าเอกสารสัญญานั้นคืออะไร แต่เขารู้ว่ามีเงินสามารถซื้อทุกอย่างได้

จากนั้นเขาก็ปลดหยกที่อยู่ระหว่างเอวมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วชี้ไปที่เสื้อผ้าหลายแถวบนชั้นโชว์ "ข้าเอาหมดนี่"

เฉินจินเยว่จ้องมองเขาอย่างงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนใจเข้าใจในความหมายของเขา

เขาไม่ใช่เจ้าหนี้ แต่เขาจะซื้อชุดของเธอที่จัดวางโชว์เอาไว้ในนี้เนี่ยนะ

เธอหรี่ตามองลงไปยังโต๊ะที่มี ชิ้นหยกโบราณวางอยู่ เธอนั้นรู้สึกแปลกใจ ก่อนจะยื่นมือไปหยิบมัน

แต่มือของชายผู้นี้กลับไม่ยอมขยับออกไป

"ในเมื่อเจ้ามีเสื้อผ้าอยู่มากมาย ทำไมเจ้าถึงไม่สวมใส่เองล่ะ "เจียงฉีอันหรี่ตาพร้อมตั้งคำถามขึ้นมา

เมื่อเห็นผิวอันขาวเนียนสุดละเอียดอ่อนและบอบบางของเธอ ซึ่งแตกต่างจากคนริมชายแดนที่หน้าตาจะเป็นแผลอันเนื่องจากความหนาวเย็น เจียงฉีอันจึงเริ่มระแวดระวังขึ้นมาเล็กน้อย เพราะบางทีอาจเป็นสายลับจากประเทศศัตรูก็เป็นได้

เมื่อเฉินจินเยว่เห็นว่าเขายังไม่ยอมปล่อยมือออก เธอจึงมองขึ้นไปดูด้วยความสงสัย"???"

ตั้งแต่ที่พูดว่าเธอสวมชุดนอน มาจนถึงพูดว่าเธอไม่สวมใส่เองแล้วนั้น

"สุดหล่อคะ วันนี้อุณหภูมิสูงสุดถึงสามสิบแปดองศา และยังออกประกาศเตือนอุณหภูมิสูงอีกด้วย ฉันจะต้องใส่เสื้อโค้ทโชว์คุณอีกเหรอคะ "

"……"

เจียงฉีอันดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็หาเข้าใจไม่

เธอหมายความว่าวันนี้ร้อนมากอย่างงั้นเหรอ

นี่เธอไม่รู้เลยเหรอ ว่าตอนนี้ไม่มีผู้ใดอยู่ในถนนเส้นนี้แล้ว

ประชาชนต่างต้องอยู่ในบ้านที่มีลมพัดผ่านทั้งสี่ด้าน ด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ หรือไม่ก็ออกไปหาญาติพี่น้องท่ามกลางหิมะ โดยหาได้รู้ชะตากรรมว่าจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่...

เฉินจินเยว่อาศัยจังหวะที่เขากำลังงุนงงหยิบเอาจี้หยกขึ้นมา

นี่คือหยกขาวที่มีลักษณะเหมือนดั่งไขมันแกะ ขนาดประมาณครึ่งฝ่ามือ จี้หยกนั้นมีรูปทรงกลม แบ่งออกเป็นวงกลมภายในและภายนอกสองวง ซึ่งตรงกลางมีมังกรเล่นน้ำดุจดั่งมีชีวิตชีวาอยู่

เนื้อสัมผัสนุ่มนวล และสีสันก็เยี่ยมยอด

ระดับชั้นมหาวิทยาลัยที่เฉินจินเยว่เรียนนั้นเป็นสาขาเอกโบราณคดี ซึ่งการศึกษาโบราณวัตถุนั้นไร้ซึ่งขีดจำกัด และแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าเครื่องประดับหยกชิ้นนี้มีอายุเท่าไหร่ แต่การประเมินมูลค่านั้นก็เริ่มที่เจ็ดหลักเลยทีเดียว

แววตาของเธอสว่างช่วงโชติขึ้นมาทันที "เรื่องโชว์นั้นทำได้แน่นอนค่ะ คุณรอสักครู่นะคะ"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 2

    เธอวางเครื่องประดับหยกชิ้นนั้นลงบนกลางโต๊ะอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินเข้าไปเอาเสื้อผ้าที่จัดแสดงโชว์ออกมาจากชั้นวางจากนั้นก็ค่อยๆสวมใส่ลงบนร่างกายทีละตัว โดยเริ่มจากเสื้อกันหนาวสเวตเตอร์ไปจนถึงเสื้อคลุมผ้าฝ้ายรวมทั้งทำการแนะนำและเสนอขายทีละตัว"คุณสามารถมั่นใจในคุณภาพของโรงงานของเราได้เลยค่ะ สินค้าล็อตนี้เดิมทีเป็นสินค้าที่ลูกค้ารายใหญ่ต้องการ ราคาไม่ใช่ถูกๆ และทุกชิ้นก็ล้วนเลือกใช้วัสดุคุณภาพดีทั้งนั้นเลยค่ะ..."เมื่อเสื้อกันหนาวถูกสวมลงบนเรือนร่าง ดวงตาของเจียงฉีอันก็ดูเลิ่กลั่กขึ้นมาทันทีเสื้อผ้าที่นี่ ช่างเน้นสัดส่วนรูปร่างเกินไปแล้วแต่เขาก็ไม่อาจจะละสายตาได้เพราะเสื้อคลุมนี้มันอัศจรรย์ยิ่งนักเพียงแค่รูดสิ่งเล็กๆ ชิ้นนั้นแค่ครู่เดียว เสื้อผ้าก็ปิดล็อคเข้าด้วยกันแล้วเขาขยับนิ้วมือเล็กน้อย เพราะอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสส่วนที่ปิดล็อคเสื้อคลุมบุผ้าฝ้ายนี้เอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าจู่ๆ เขาก็ผงะ และไม่ขยับอยู่กับที่ไปชั่วครู่เสียอย่างนั้นเฉินจินเยว่สังเกตเห็นสายตาที่จับจ้องมาของเขา จึงใช้มือข้างหนึ่งจับเสื้อผ้าเอาไว้ และใช้มืออีกข้างรูดซิปเลื่อนขึ้นลง"มันเนียนลื่นมาก คุณไม่ต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 3

    เจียงฉีอันที่เดินออกมาจากร้านค้า ก็รู้สึกได้ถึงความหนาวที่โผล่กระทบเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับก้าวออกจากฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น ไปสู่ฤดูหนาวอันแน่นหนาเขาอดที่จะตัวสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้พร้อมกับความสับสนเล็กน้อยที่ผุดขึ้นมาราวกับฝันไปแต่ความรู้สึกของสัมผัสที่มั่นคงในมือ บอกให้เห็นถึงความเป็นจริงของเรื่องนี้ และเขาก็ได้ซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปในร้านนั้นมาจริงๆ..."ฝ่าบาท! ในที่สุดฝ่าบาทก็ออกมา! หากหาตัวฝ่าบาทไม่เจอ พวกเราจักต้องไปรายงานต่อท่านแม่ทัพเซียว!" น้ำเสียงของผู้ติดตามเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก"ท่านซื้อเสื้อผ้ามาได้จริงๆ หรือขอรับ?" ใน ในร้านนี่เหรอขอรับ?" ผู้ติดตามอีกคนชี้ไปยังร้านที่อยู่ด้านหลังเขาด้วยความตกใจเจียงฉีอันพยักหน้าผู้ติดตามตกใจมากขึ้นไปอีก "แต่พวกเราทุกคนเพิ่งเข้าไปในนั้น และเห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรอยู่ด้านในเลยนะขอรับ!"เจียงฉีอัน "..."เขาหันกลับไปมองดูร้านค้าที่อยู่ข้างหลังอย่างลืมตัว ประตูนั้นแง้มเปิดเอาไว้เล็กน้อย แต่ภายในกลับมืดมัว และมองไม่เห็นสิ่งใดเลยความสุขและความตื่นเต้นที่เพิ่งได้ซื้อของมานั้นหายไปหมดสิ้นแล้วในขณะนี้ หลงเหลือแต่ความรู้สึกขนลุกเอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 4

    "แน่นอนว่าฉันก็เป็นเหมือนคุณค่ะ!" แววตาของเฉินจินเยว่เต็มไปด้วยความสงสัย "แต่ก่อนหน้านี้คุณเข้ามายังไง? และออกไปยังไงคะ? ทำไมคนอื่นถึงไม่เห็นคุณเดินไปเลย?""เจ้าไม่รู้ว่าข้าเข้ามาได้เยี่ยงไร?" เจียงฉีอันไม่อยากจะเชื่อ "เจ้าไม่ใช่เจ้าของร้านหรอกหรือ?""…"ในระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างหยั่งเชิงกันเป็นเวลานานกว่าสิบนาที ทั้งสองฝ่ายก็ได้รู้เบื้องลึกของอีกฝ่ายโดยคร่าวๆแต่ก็ต้องตกอยู่ในความเงียบที่ไม่มีที่สิ้นสุด"อาณาจักรเจียงเหรอ?"เฉินจินเยว่มั่นใจว่าในคลังความรู้ของตนนั้น ไม่เคยมีราชวงศ์นี้ปรากฏอยู่เลยเธอสอบถามเขาอย่างรอบคอบว่า "คุณบอกว่าคุณเป็นองค์ชายหกของอาณาจักรเจียง ซึ่งถูกส่งไปยังชายแดน แล้วเจอกับพายุหิมะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบศตวรรษ และขณะที่กำลังตระเวนหาเสบียงคุณก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของฉันโดยบังเอิญ และคิดว่าฉันเป็นคนนำพาคุณเข้ามาในนี้งั้นเหรอคะ?"เจียงฉีอันสะอึกไปราวกับมีก้อนอะไรติดอยู่ตรงลำคอ และอดที่จะชี้แจงแถลงไขออกไปไม่ได้ว่า "มิใช่ถูกส่งตัวมา เป็นการอาสามาเองในนามของฝ่าพระบาท เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจในชายแดน!"เขามั่นใจว่า เขาเลือกแนะนำเฉพาะเรื่องที่รู้จักกันดีในเข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 5

    เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่ตนเกลียดนั้น เซียวเฉิงหยู่ก็เกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจจากนั้นก็รีบก้าวไปข้างหน้า แล้วดึงเขาเข้ามาสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะจ้องมองมาที่มวยผมอันหละหลวมของเขา "ปิ่นปักผมของท่านล่ะ? เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?"พูดจบ สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่เสื้อผ้ากองโตที่อยู่ข้างๆการที่อยู่ดีๆ ก็เห็นใครบางคนออกมาจากห้องนั้น มันทำให้แม่ทัพเซียวตกใจเป็นอย่างยิ่งแต่เขาก็ยังพอมีสติอยู่จากนั้นเสียงตวาดก็ดังขึ้น "เซียวเฉิงหยู่!"เซียวเฉิงหยู่รู้สึกตัว แล้วรีบปล่อยมือที่จับตัวเขาเอาไว้ "ฝ่าบาทโปรดอภัย!"และแม้ว่าจะพูดออกมาเช่นนี้ แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังคงสอดส่องมองมาที่อีกฝ่ายอย่างสนอกสนใจ สลับกับเหลือบมองไปยังเสบียงที่สูงเหมือนดั่งเนินเล็กๆ ที่ไม่อาจละเลยไปได้ราวกับรอคำอธิบายอยู่เจียงฉีอันที่รู้สึกสบายอกสบายใจอยู่ ก็ไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อย "พวกเจ้ารอสักประเดี๋ยวนะ ข้าจะไปขนย้ายสินค้าก่อน แล้วจักอธิบายให้พวกเจ้าฟังในภายหลัง"คนทั้งหลายยังไม่ทันได้กลับคืนสติจากเสบียงที่เต็มรถ ก็กลับได้ยินคำนี้ขึ้นมาเสียก่อนยังมีสินค้าอีกงั้นรึ?!"ข้าจะเข้าไปกับท่าน!" เซียวเฉิงหยู่พูด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 6

    ผู้เฒ่าเฉียนรับมาอย่างระมัดระวัง และเปิดออกทีละชิ้นๆสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ งานที่ทำมาอย่างประณีต สภาพก็สมบูรณ์ และมันก็มาจากยุคเดียวกันกับหยกโบราณจริงๆเขาพูดโพล่งออกมาโดยไม่คิดว่า "ทำไมเมื่อตอนบ่ายคุณไม่เอาให้ผมไปพร้อมกันเลยล่ะ?"เฉินจินเยว่อ้าปากเตรียมจะแก้ตัว ศาสตราจารย์เหยียนก็พูดเสียงเย็นชาว่า "ให้โดนคุณหลอกอีกอะเหรอ?"ผู้เฒ่าเฉียน "..."ตาเฒ่าเหยียนไอ้เจ้านี่!เราสองคนรู้จักมักจี่กันมาครึ่งค่อนชีวิต ดันมาสอนให้นักเรียนตัวเองระวังตัวกับผมเนี่ยนะ!เสียใจนะ!แต่ความเสียใจอยู่ได้ไม่ถึงสองนาที เขามองดูศาสตราจารย์เหยียนที่อยู่ข้างๆ กำลังสังเกตสิ่งของนั่นอย่างจริงจัง แล้วกดถ่ายรูปพร้อมส่งออกไป เสียงราวสัญญาณเตือนดังขึ้นในใจเขา"แหวนหยกทรงยิงธนูนี่ ไหนเธอลองพูดซิเธอคิดว่าไง" จู่ๆ ศาสตราจารย์เหยียนที่เพิ่งส่งรูปเสร็จก็เอ่ยถามเฉินจินเยว่"…"เฉินจินเยว่ไม่คิดเลยว่าจะทำธุรกิจยังต้องมาสอบอีกเธอทำได้เพียงอธิบายคร่าวๆ สองสามประโยคเกี่ยวกับรูปลักษณ์และงานฝีมือศาสตราจารย์เหยียนพยักหน้า "เธอพูดได้ถูกต้อง รูปลักษณ์งดงาม ลวดลายหน้าสัตว์ใช้เทคนิคแกะสลักแบบเส้นบางประณีต บ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 7

    เฉินจินเยว่หน้าซีดเผือด แอบหลบเข้าไปในซอยมืดอย่างเงียบเชียบแม้จะวิ่งออกมาจากชุมชนแล้ว ร่างกายของเธอก็ยังคงสั่นไม่หยุดบ้านทั้งหมดถูกขายทอดตลอดไปแล้วที่พักแห่งนี้เธอเพิ่งเช่า มีเพียงพ่อแม่เท่านั้นที่เคยมาพอนึกถึงสีหน้าดุดันของพวกผู้ชายเมื่อครู่ ความหนาวเย็นก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง งั้นที่พวกเขาขนของเก่าไปที่บริษัทอย่างเปิดเผยวันนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อให้คนงานเห็นแต่เพื่อให้พวกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบเห็นด้วยสินะ?ดี!ก็ดี!คนตระกูลเฉินเลือดเย็นเหมือนกันหมด งั้นอย่าโทษเธอที่ไร้เมตตาแล้วกัน!เฉินจินเยว่จองที่พักโรงแรม หลังอาบน้ำเสร็จ เธอกลับนอนไม่หลับพลิกตัวไปมา สุดท้ายตัดสินใจไปที่โรงงานทันที คิดหาวิธีจัดส่งของในวันพรุ่งนี้…อีกฝั่ง ณ ค่ายทหารเหล่าทหารต่างดีใจจนลืมตัว ลืมไปหมดว่าเคยดูถูกองค์ชายจากเมืองหลวงผู้ไม่ได้เรื่องคนนี้ แต่ละคนรุมล้อมถามเขาเรื่องร้านค้าจากนั้นพวกเขาก็ได้รู้ว่า เจ้าของร้านเป็นสตรีผู้เลอโฉม และในร้านของเธอนั้นอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลินอกจากร้านค้าแล้ว เธอยังมีโรงงานเล็ก ๆ ที่สามารถผลิตเสื้อกันหนาวจำนวนมากได้อีกด้วย..."นั่นมันดินแดนที่เหล่าเทพอยู่หรืออย่างไร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 8

    ภาพที่มองมืดบอดไปหมด มันมืดมิดจริงๆนะรอบๆ มืดมิดจนไม่เห็นอะไรเลยมีแสงเลือนรางส่องมาจากประตูใหญ่ข้างหลัง ทำให้เขามองเห็นการตกแต่งภายในร้าน มันไม่ใช่ร้านเดิมที่เขาเจอเมื่อวานนี้เลยเขาตื่นตระหนกอย่างมาก เขากำมือที่ที่จับรถเข็นแน่น จนเส้นเลือดที่ข้อมือปูดขึ้นนี่มันเรื่องอะไรกัน?เขาไม่สามารถเข้าไปร้านนั้นได้แล้วหรือ?หลังจากนี้จะเข้าไปไม่ได้อีกหรือยังไม่ถึงเวลาเข้าไป?ในช่วงเวลานั้น ความคิดมากมายพุ่งเข้ามาในหัวของเขา เขาถึงกับสงสัยว่าเมื่อวานนี้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นแค่ความฝันทันใดนั้น เสียงดนตรีที่แปลกประหลาดและไพเราะดังขึ้น...เฉินจินเยว่ถูกปลุกจากเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ เธอจับโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างรำคาญๆ แต่เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอว่า ‘คุณปู่’ สมองที่มึนๆงงๆก็ได้สติขึ้นมา"ฮัลโหล?"เธอกดรับสายอย่างขี้เกียจๆเสียงอ่อนโยนและห่วงใยดังมาจากปลายสาย "จาวตี้ ได้ยินว่าเมื่อวานหลานไม่ได้กลับบ้านเหรอ? เงินเดือนคนงานจ่ายหมดแล้วเหรอ?"นอกหน้าต่างฟ้าเพิ่งจะส่าง เธอลุกขึ้นเปิดไฟอย่างง่วง ๆ พร้อมพูดเสียงเย็นชาว่า "คุณปู่แก่แล้วเลอะเลือนหรือไงคะ? หนูเปลี่ยนชื่อแล้วนะ"เมื่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 9

    เจียงฉีอันนิ่งชะงัก สายตาพร่าเลือนเพราะรอยยิ้มสดใสนั่นจากนั้นก็เห็นเฉินจินเยว่ลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว "คุณออกไปก่อน อีกห้านาทีค่อยกลับเข้ามา!"เจียงฉีอันกำลังจะถามว่าห้านาทีนี่นานแค่ไหน แต่เธอพุ่งออกไปราวสายลม และทันทีที่เธอก้าวพ้นประตู เขาก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นผลักออกมาเซียวเฉิงหยู่กำลังสั่งการลูกน้องอยู่ที่หน้าประตูอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่เมื่อเห็นเจียงฉีอันเข้าออกหลายรอบ ทั้งที่เป็นฤดูหนาว แต่เหงื่อกลับซึมออกมาที่หน้าผาก เขาก็มีความรู้สึกมากมายในใจเขาแตกต่างจากองค์ชายองค์อื่นๆบางที เขาอาจไม่ควรระบายความโกรธต่อราชสำนักใส่เขาเมื่อได้เห็นเจียงฉีอันออกมาอีกครั้ง เขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายมามือเปล่า รีบก้าวเข้าไปหาแล้วพูดว่า "ฝ่าบาท ลองพาผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปลองดูอีกครั้งเถอะพ่ะย่ะค่ะ!"เจียงฉีอันหันไปมองเขา สายตาเหม่อลอย "เจ้ารู้ไหมว่าห้านาทีมันนานแค่ไหน?"เซียวเฉิงหยู่ "???"เฉินจินเยว่อุ้มข้าวของเดินไปที่ออฟฟิศวางของไว้บนโต๊ะทำงานมันคือบ้านไม้สองห้องที่ไม่สมบูรณ์ ขอบประตูอยู่ใกล้กับรั้วไม้ไผ่ และใช้รั้วไม้ไผ่มาเชื่อมต่อกับประตูใหญ่อีกทีเธอยื่นนิ้วอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10

บทล่าสุด

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 40

    เธอคิดมานานขนาดนี้แต่ก็คิดแผนที่จะหลอกถามอีกฝ่ายโดยไม่ให้รู้ด้วได้ อีกฝ่ายฉลาดมาก ไม่ได้โง่เหมือนคู่ค้าของเฉินเจี้ยนกั๋วเธอตัดสินใจถามตรงๆว่า "พี่รองคุณมีแผนจะจัดการกับสินค้าที่ถูกเรียกคืนยังไง?""ทำลาย" โจวยี้ฉวนง่ายๆเฉินจินเยว่ถามอีกครั้งว่า "ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพ ทำลายก็เสียดายมาก ขายให้ฉันได้ไหม?"โจวยี้ฉวนมองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นก็กลืนมาม่าที่อยู่ในปากลงไป คิดไปสักพัก แล้วสายตาตกอยู่ที่กล่องเล็กที่เธอเอาออกมาจากโกดัง"คุณถือกล่องนี้ไว้ตลอดเวลา เป็นสมบัติเหรอ?""ค่ะ เป็นสมบัติ"เฉินจินเยว่ตอบส่งๆ แล้วพูดต่อว่า "ฉันสามารถจ่ายเป็นสองเท่า เงินชดเชยในการเอาคืนฉันก็ออกให้"โจวยี้ฉวนเหมือนไม่ได้ยิน แต่ถามต่อไปว่า "สมบัติอะไร? โบราณวัตถุ?"เฉินจินเยว่ "..."เธอมองเขานิ่ง เหมือนกำลังอ่านความคิดเขาจากนั้นโจวยี้ฉวนก็ได้เปลี่ยนคำถาม "เธอต้องการยามากขนาดนั้นทำไม?"เฉินจินเยว่เม้มปาก ตอบคำถามก่อนหน้านี้ "เป็นของโบราณ น่าจะได้ราคาไม่น้อยค่ะ"ในสงครามยามีค่ามาก จะไม่มีทางที่ของมัดจำที่เจียงฉีอันส่งมาจะใช่ย่อย"น่าจะ?""ฉันเป็นนักศึกษาที่อ่อนแอและขี้ขลาด ในเรื่องร

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 39

    บุกรบเมืองซิ่วหรงก็ได้ชนะอย่างงดงาม แต่ก็เสียหายไม่น้อยยาที่เอากลับมาก็ได้ใช้ไปกว่าครึ่ง นอกจากนี้ทหารที่บาดเจ็บหนักยังต้องรับประทานยาต่อเนื่อง การรบต่อต้านนี้เพิ่งเริ่มต้นเซียวเฉิงหยู่ได้ยิน เขาเลยมองไปทางเจียงฉีอัน"ฝ่าบาท...""ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้ยึดเงินทองของพวกเผ่ากองทัพศัตรูที่มีอยู่ในเมืองนี้? ได้อะไรมาได้?" จู่ๆเจียงฉีอันพูดออกมา"พะยะค่ะ!"เซียวเฉิงหยู่สีหน้าตึ้นตัน "ท่านตามข้ามา!"เซียวเฉิงหยู่พาเจียงฉีอันไปที่เรือนหลังหนึ่ง ในนั้นได้มีรังไม้เต็มไปหมดเขาเดินเข้าไป แล้วเปิดรังหลายรัง "ทอง เงิน อัญมณี อยู่ที่นี่ทั้งหมด! แล้วก็ ยังมีไม้ที่แม่นางเฉินต้องการมาก่อนหน้า ข้าคิดว่าคล้ายพวกนี้!"พูดไป เขาก็ได้เอากล่องที่งดงามออกมาจากรังกล่องใหญ่เจียงฉีอันเปิดออกมา แน่นอนว่าเป็นวัสดุเหมือนกับชิ้นไม้ก่อนหน้าเขาก็ได้ดีใจ แต่ก็พูดออกมาอย่างมีเหตุผล "แม่นางเฉินตกลงที่จะช่วยเราสั่งซื้อยาอีก แต่ความสามารถของนางมีจำกัด ให้เราอย่าคาดหวังมากนัก และนางไม่ได้กำหนดราคา"พ่อค้าที่ไม่คุยเรื่องราคา ก็หมายความว่าค้าขายนี้ไม่มีกำไลพวกเขาแบกหน้าของอีกครั้ง ต้องมีความจริงใจในการให้มากท

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 38

    เจียงฉีอันได้เอายาและบิสกิตอัดออกมาจากร้าน รองแม่ทัพหยางและพวกทหารก็เกือบร้องไห้ก็ได้รีบเดินทางไปเมืองซิ่วหรง เมื่อถึงก็สองชั่วยามต่อมารถก็ได้เต็มไปด้วยยา ทำให้ทหารที่สิ้นหวังได้ดีใจเมื่อเจียงฉีอันได้สั่งให้แพทย์ทหารอธิบายว่ายาเหล่านี้ใช้ยังไงและใช้ปริมาณเท่าไรแล้วพวกเขาก็เริ่มทำงานอย่างไม่รู้จักเหนื่อยแม่ทัพเซียวกินยาแล้ว ก็ยังหลับไม่ตื่นหมอทหารที่ไม่ค่อยชำนาญการใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดแผลก็ได้พูดออกมา "ยาเหล่านี้พวกข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงแม้จะไม่มีพิษ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันจะมีประสิทธิภาพอย่างไร! ถ้ามีไข้สูงไม่หาย เกรงว่า..."ไม่สามารถทำอะไรได้เขาไม่พูดออกมาในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะมียาที่ดีที่สุด แต่ถ้าเกินเวลาที่เหมาะสมในการใช้ยา ก็ไม่สามารถรับประกันว่าแม่ทัพเซียวจะปลอดภัยแต่เม็ดยาเล็กๆ นี้จะมีผลก็คงเป็นปาฏิหาริย์สีหน้าเจียงฉีอันเคร่งเสียงเท้าข้างนอกก็ได้ดัง เซียวเฉิงหยู่ก็ได้รีบเข้ามา มองไปทางหมอทหารด้วยความกลัว"เป็นอย่างไรบ้าง? รองแม่ทัพดีขึ้นหรือเปล่า?"หมอทหารทึ่งสักครู่ กำลังจะคิดว่าจะพูดยังไง แต่ทหารที่ดูแลก็พูดออกมา "แม่ทัพเซียวมีเหงื่อออกมาเยอะ

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 37

    เฉินจินเยว่ "???"สองคนพูดคุยกันไปก็ได้เดินมาถึงประตูโกดังสินค้าแล้วก็พอดีกับพนักงานที่ได้ขับรถเอาของที่เหลือมาส่งเฉินจินเยว่ไม่ให้คนเข้าโกดัง แต่ให้เธอเอาของบนรถวางที่หน้าประตูแล้วขอบคุณไปโจวยี้ฉวนมองไปที่รถเข็นที่เต็มไปด้วยยาสามคัน ตาก็ได้หรี่ลง มองไปที่สายตาของเธอ พร้อมกับการสืบสวนอย่างเงียบ ๆ...เฉินจินเยว่ความประหม่าเหมือนถูกโดนจับผิด แต่เมื่อคิดใหม่เธอก็ไม่ได้แย่งประโยชน์ของเขา ดังนั้นก็เลยพูดไปอย่างตรงไปตรงมา"คุณรอฉันตรงนี้สักครู่ ฉันจะนำของเหล่านี้เก็บในโกดังก่อน""ต้องการความช่วยเหลือไหม?""ไม่ต้องไม่ต้อง คุณรอฉันข้างนอกก็พอแล้ว""…"โจวยี้ฉวนมองหน้าเธอเหมือนกับว่าป้องกันขโมย กลัวว่าเขาจะตามเข้าโกดัง หัวเราะเบาๆ แล้วยืนขึ้นและไปยังฝั่งถนนตรงข้ามแล้วจุดบุหรี่เฉินจินเยว่ถอนหายใจ และเลื่อนประตูเหล็กขึ้นไปเล็กน้อยเพียงพอที่เธอจะเข้าไปได้เธอเดินไปกลับหลายรอบและเอารถเข็นเล็กทั้งหมดเข้าไปเจียงฉีอันกำลังรอคอยอย่างตึงเครียด เพราะเฉินจินเยว่ไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัด เขาก็ไม่มั่นใจไม่รู้ว่าเธอสามารถนำยากลับมาได้หรือไม่ และสามารถนำกลับมาได้เท่าไหร่เห็นรถเข็นเต็มไปด้ว

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 36

    คุณภาพที่ไม่เสถียรไม่ได้เป็นผลข้างเคียงที่น่ากลัว มันก็ดีกว่าไม่มียาแล้วรอตายจริงไหม?เธอเดินทางไปหายาที่ร้านขายยาหลายแห่งอาจไม่เพียงพอ ตอนนี้มีโอกาสแบบนี้ก็ถือว่าโชคดี"ยาเหล่านั้นไม่น้อยเลย คุณจะเอาหมดเลย?" พนักงานร้านไม่ได้ตอบทันที แต่ตกใจเฉินจินเยว่มีเงินมากพอ "ฉันมีงบประมาณเพียงพอ ต้องเตรียมให้เขาครบถ้วน!"พนักงานขายยกนิ้วโป้งให้เธอร้านขายยาขายยาได้ก็มีค่าคอมมิชชั่นให้กับพนักงานขายเมื่อขายยาไปแล้วสาวน้อยที่เพิ่งจบและได้ฝึกงานไม่นาน นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ในวงการและกล้าพอ เธอตอบรับเสนอนี้โดยไม่ลังเลเลย…สินค้าชุดนั้นไม่น้อยเลย แต่เฉินจินเยว่สามารถเอาไปได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และได้ทิ้งที่อยู่คลังสินค้าไว้ ส่วนที่เหลือให้พนักงานร้านส่งมาให้ภายหลังเธอกำลังดันรถเข็นเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ บนรถเข็นยังมีกล่องยาที่สูงกว่าตัวเธอเอง และเธอกำลังเดินไปทางคลังสินค้าอย่างยากลำบาก"ติ๊ดๆ"เสียงรถที่ดังก็ทำให้เฉินจินเยว่ตกใจเกือบล้มโกรธพร้อมหันหน้า พอดีรถยนต์หนึ่งขับมาข้างๆ เธอ หน้าต่างรถลดลง ใบหน้าที่หล่อเข้มของเขาปรากฏอยู่หน้าเธอ"คุณเฉิน กลางดึกก็ยังยุ่ง?"โจวยี้ฉวนเฉินจิ

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 35

    ความเงียบของเธอทำให้หัวใจของเจียงฉีอันหวาดหวั่น เหมือนรองรองแม่ทัพว่าไว้ ในช่วงสงครามยาแพงมากๆ แม่นางอาจจะไม่ช่วยเขาถือกล่องด้วยมือเดียว มืออีกข้างเปิดคลุมเสื้อคลุม คุกเข่าลงไปก่อน"ถ้าแม่นางยินดีช่วยเหลือ ข้ายอมทุกเงื่อนไข...""อย่าๆๆ!"เฉินจินเยว่รีบยื่นมือไปประคองเขาเธอเติบโตกับสังคมสังคมนิยมมีในการคิดเห็นเท่าเทียมกัน อยู่ๆมีคนคุกเข้าลงมาทก็ตกใจมากมองสายตาที่เต็มด้วยความวิงวร เธอยื่นมือไปรับกล่อง"ข้ารับของมัดจำแล้ว แต่ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะซื้อได้เท่าไหร่! เพราะถ้าข้าไปซื้อยาจำนวนมากตอนกลางคืนมันโดนเด่นเกินไป!"ตอนนี้เธอเป็นคนที่ 'มีชื่อในเมือง การรับซื้อของอย่างอื่นยังพอพูดได้ ตุนยามันเป็นที่สงสัยเจียงฉีอันรู้ว่ายาทาแผลหายาก แต่ได้ยินนางรับปาก ก็ได้รู้สึกขอบคุณ"ขอบพระคุณแม่นาง!""เจ้ารอตรงนี้ ขออกไปดดเดี๋ยวกลับมา"ตั้งแต่โกดังนี้กลายเป็นจุดซื้อขายปกติ เฉินจินเยว่ก็เลยเอาเรือนเล็กไว้ที่นี่เฉินจินเยว่ไม่เปิดประตูเจียงฉีอันก็เข้าไม่ได้ แล้วเมื่อเข้ามาแล้ว ถ้าประตูไม่เอาออก เจียงฉีอันก็สามารถอยู่ในนี้มองเฉินจินเยว่ออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่ได้มองกล่องของเขาเล

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 34

    ก็ได้รวบรวมสมาธิไปสัมผัสเรือนบ้านในหัว ประตูเรือนได้ปิดเพราะเธอออกมา ตอนนี้เหมือนว่า เธอสามารถได้ยินเสียงเคาะประตูนอกนั้น?คิดไปสักพัก ไม่นานก็เดาได้ว่า เจียงฉีอันน่าจะมาแล้ว"คุณเป็นอะไร?"ฉางหงป๋อมองเธอที่เป็แหหมอลอยก็ได้ถามเฉินจินเยว่ตั้งสติอย่างรวดเร็ว "ขอโทษทนายฉาง ฉันจำได้ว่าฉันลืมปิดประตูโกดังเมื่อกี้!"ถ้าจู่ๆเจียงฉีอันปรากฏตัในห้อฝงอาหารอย่างไม่คาดคิด งั้นน่าตกใจแน่ความสำคัญตกใจเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าความลับของเธอถูกคนอื่นๆ รู้ก็เป็นเรื่องหนึ่งเธอใช้ข้ออ้างนเพื่อรีบกลับบ้านปฏิเสธฉางหงป๋อที่จะส่งเธอและขอโทษไม่หยุด และสัญญาครั้งหน้าจะเลี้ยงข้าวเขาต่อ แล้วก็ออกไปฉางหงป๋อ "???"สับสนเล็กน้อยมื้อนี้พวกเขาสองคนนัดกันเองไม่ใช่เหรอ?สรุปคือคนหนึ่งไม่มา อีกคนกลับก่อน ทำให้เขาดูว่างมาก!…เจียงฉีอัน กลับเมืองก็ตรงไปที่ร้านนั่นแต่เปิดประตูเข้าไป ร้านก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยเหมือนครั้งที่แล้วแม่นางเฉินไม่อยู่ในร้าน เขาเข้าไม่ได้เขาจำได้ว่าวันนี้เขาสัญญากับแม่นางเฉินเพื่อมารับอาหารแห้งตอนฟ้ามืดแต่ฟ้าก็ได้มืดไปหนึ่งชั่วยามแล้วเขาไม่มาตามสัญญาเขาเปิดประตูซ้ำแล

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 33

    รองแม่ทัพตื่นตะหนก "ฝ่าบาท! ท่านจะทิ้งทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้นะพะยะคะ!"เจียงฉีอันพูด "เรียกเขากลับมา ข้าจะคิดวิธีหายาเอง"รองแม่ทัพอยากขัดขวาง แม้ว่าเจียงฉีอันจะสามารถสั่งให้เมืองหลวงส่งยามา แต่ระยะทางก็ไกล ทหารและแม่ทัพเซียวรอไม่ไหวรองแม่ทัพก็รู้สึกตัวทันที"ฝ่าบาทนต้องการไปร้านของแม่นางเฉิน?"ตื่นเต้นดีใจสักพัก นัยน์ตาของเราก็หม่องลง"ยาในช่วงสงครามมีมูลค่ามากกว่าทองคำ แม่นางคนนั้นไม่รับทองคำ จะยอมเอายาให้เราเหรอ?"ใช่ว่าพวกเขาพวกเขาไม่เควคิดที่จะให้เจียงฉีอัน ซื้อ แต่ยาที่ช่วยชีวิตเหล่านั้น ไม่เหมือนกับอาหารพวกเขาได้รับของมากมายจากอีกฝ่าย จะโลภจนอีกฝ่ายรังเกียงก็ไม่ได้"ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต้องลองดู"ถ้าเซียวเฉิงหยู่หายาเจอ ก็คงกลับมาแล้วสถานการณ์ของเมืองซิ่วหรงก็ไม่ดีกว่าเมืองเล็กที่พวกเขาเฝ้ารองแม่ทัพมองหน้าเขาอย่างตื่นเต้นและรับคำสั่ง "พะยะค่ะ!"เซียวเฉิงหยู่รู้แผนของเจียงฉีอัน ลังเลอยู่ครู่เขาก็กลับ ก่อนส่งเจียงฉีอันออกจากเมือง หนุ่มจ้องมองอย่างจริงจังพร้อมตาที่แดง"ถ้าฝ่าบาทสามารถนำยากลับมา เซียวเฉิงหยู่ คนนี้จะภักดีต่อท่านจนสิ้นชีพ!"ภักดีต่อฝ่าบาท แต่ไม่

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 32

    ในขณะนี้ชายแดนได้ผ่านการสงครามใหญ่แม่ทัพเซียวคาดการณ์ได้ถูกภัยพิบัตินี้ ศัตรูก็ไม่ได้ดีกว่าพวกเขามากนักในทางกลับกัน เพราะเจียงฉีอันได้เปิดประตูสู่โลกอื่น ก็ได้มอบความหวังใหม่ให้กับทหารของตระกูลเซียว ในขณะที่ในกองทัพศัตรูก็เริ่มเกิดความวุ่นวายแล้วแม่ทัพเซียวได้นำทัพสามพันคน แอบเข้าบุกฐานกองศัตรทัพศัตรูกลางดึกในช่วงที่คนไม่ระวังศัตรูได้วุ่นวาย ไม่นานก็พ่ายแพ้ไม่สามารถรวมกำลังได้ทหารตระกูลเซียวไล่ล่า คืนนั้นก็ได้ตีทัพทหารศัตรูที่บุกเมืองซิ่วหรงราวจุดจบได้กำหนดไว้แล้วแต่ความเสียหายก็มากเช่นกันเมื่อเจียงฉีอันมาถึงที่ซิ่วหรง ก็ใกล้ค่ำแล้วภายในเมืองเงียบสงบมาก บ้านเก่าพนังผุ ที่รื้อถอดได้ก็ได้รื้อไปหมด บนถนนจะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนประตูบ้านที่ปิดประตู ก็เป็นบ้านที่ฐานะดี แต่ก็มีไม่กี่หลังทหารกำลังทำความสะอาดสนามรบ เก็บกวาดทางที่มีหิมะสะสม ศพที่ตายบนสนามรบไม่มากนัก ศพที่ถูกแข็งตายมีมากกว่ายังมีกระดูกสีขาวที่มีเลือดเนื้อติดบ้างราวมีอะไรมาแทะจนสะอาดเจียงฉีอันมองไปทางอื่น กดดันความรู้สึกคลื้นใส้ลงไป เดินไปยังค่ายทหารหลักหมอทหารทำงานอย่างหนัก เพราะแม่ทัพเซียวก็ได้ร

DMCA.com Protection Status