แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: เยว่รั่วซิงเหอ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-10 17:39:59
เธอวางเครื่องประดับหยกชิ้นนั้นลงบนกลางโต๊ะอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินเข้าไปเอาเสื้อผ้าที่จัดแสดงโชว์ออกมาจากชั้นวาง

จากนั้นก็ค่อยๆสวมใส่ลงบนร่างกายทีละตัว โดยเริ่มจากเสื้อกันหนาวสเวตเตอร์ไปจนถึงเสื้อคลุมผ้าฝ้าย

รวมทั้งทำการแนะนำและเสนอขายทีละตัว

"คุณสามารถมั่นใจในคุณภาพของโรงงานของเราได้เลยค่ะ สินค้าล็อตนี้เดิมทีเป็นสินค้าที่ลูกค้ารายใหญ่ต้องการ ราคาไม่ใช่ถูกๆ และทุกชิ้นก็ล้วนเลือกใช้วัสดุคุณภาพดีทั้งนั้นเลยค่ะ..."

เมื่อเสื้อกันหนาวถูกสวมลงบนเรือนร่าง ดวงตาของเจียงฉีอันก็ดูเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที

เสื้อผ้าที่นี่ ช่างเน้นสัดส่วนรูปร่างเกินไปแล้ว

แต่เขาก็ไม่อาจจะละสายตาได้

เพราะเสื้อคลุมนี้มันอัศจรรย์ยิ่งนัก

เพียงแค่รูดสิ่งเล็กๆ ชิ้นนั้นแค่ครู่เดียว เสื้อผ้าก็ปิดล็อคเข้าด้วยกันแล้ว

เขาขยับนิ้วมือเล็กน้อย เพราะอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสส่วนที่ปิดล็อคเสื้อคลุมบุผ้าฝ้ายนี้เอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าจู่ๆ เขาก็ผงะ และไม่ขยับอยู่กับที่ไปชั่วครู่เสียอย่างนั้น

เฉินจินเยว่สังเกตเห็นสายตาที่จับจ้องมาของเขา จึงใช้มือข้างหนึ่งจับเสื้อผ้าเอาไว้ และใช้มืออีกข้างรูดซิปเลื่อนขึ้นลง

"มันเนียนลื่นมาก คุณไม่ต้องสงสัยในเรื่องคุณภาพของซิปได้เลยค่ะ!"

"…"

แววตาของเจียงฉีอันเป็นประกาย

แม้จะรู้สึกว่าร้านนี้มันมีบรรยากาศแปลกๆ แต่ก็ไม่อาจต้านทานต่อสิ่งล่อตาล่อใจนี้ได้เลย

และเขาเองก็ไม่อาจปิดบังความปลื้มปิติที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนตรงหว่างคิ้วได้เช่นกัน ซึ่งในที่สุดเขาก็ตัดสินใจขึ้นอย่างเด็ดขาดว่า "ห่อรวมทุกชิ้นมาให้ข้าเลย"

มือของเฉินจินเยว่หยุดชะงักไปชั่วขณะ เธอจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาอันละเอียดอ่อน "คุณแน่ใจแล้วเหรอคะ ว่าจะใช้หยกโบราณชิ้นนี้ มาแลกกับเสื้อผ้าชุดจัดแสดงโชว์พวกนี้?"

เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนแต่เป็นรูปแบบที่ธรรมดาๆ ทั่วไปมาก ซึ่งการผลิตก็ไม่ซับซ้อน โรงงานทั่วไปต่างก็สามารถผลิตออกมาได้ แล้วทำไมเขาถึงยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อมาซื้อของพวกนี้กัน?

อย่างไรก็ตามคำตอบของเขาก็คือ ฝ่ายตรงข้ามนั้นได้เข้ามาลงมือและถอดเอาเสื้อผ้าทุกชิ้นออกมาอย่างรวดเร็วด้วยมือของเขาเอง

ซึ่งการกระทำนั้น ดูเหมือนเขาเกรงว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปเสียก่อน

เจียงฉีอันหอบเสื้อผ้ากองโตเอาไว้ในอ้อมแขน และก้าวสองก้าวไปยังประตู ก่อนที่สายตาจะมาตกอยู่ตรงผ้าม่านหนาที่สูงจากเพดานจรดพื้นซึ่งอยู่ถัดไปข้างๆ "ผ้าผืนนั้น ให้ข้าด้วยจะได้หรือไม่?"

เฉินจินเยว่ "???"

เธอกัดริมฝีปากแน่น พร้อมทั้งครุ่นคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตนเอง จากนั้นก็จ้องมองไปที่ชิ้นหยกขาวดุจไขมันแก และตัดสินใจเคารพในมุมมองของเขาผู้นั้น

"ได้เลยค่ะ คุณอยากได้อะไรก็เอาไปได้เลยค่ะ แต่พอทำการซื้อขายเสร็จแล้ว จะไม่สามารถคืนสินค้าได้แล้วนะคะ!"

"ได้!"

ทางด้านเจียงฉีอันนั้นอยากได้จนใจจะขาด

เขาถอดผ้าม่านออก และใช้มันมาห่อเสื้อผ้าทั้งหมดเอาไว้ข้างใน ก่อนจะเดินก้าวฉับใหญ่ๆ ออกไป

ส่วนเฉินจินเยว่ก็ค่อยๆ รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาในใจ

นี่มันเป็นครั้งแรกที่ได้เอาเปรียบผู้อื่นอย่างใหญ่หลวง

ซึ่งหากไม่รู้มูลค่าของของสิ่งนั้นก็ยังพอไหว แต่นี่เธอกลับรู้มูลค่าของเจ้าหินโบราณนั้นอย่างแจ่มชัดเลยทีเดียว...

เธอจึงเดินไล่ตามเขาไปนับหลายก้าว เพื่อจะขอข้อมูลติดต่อเพิ่มเติม รวมทั้งจะเอาสินค้าในโกดังมาเพิ่มให้เขาอีกบางส่วนตามมูลค่าโดยประมาณ

แต่เมื่อเธอยืนอยู่ตรงประตูห้องทำงาน กลับเห็นเพียงผู้จัดการโรงงานกับคนงานคนหนึ่งกำลังสูบบุหรี่อยู่ตรงทางเดิน และคอยจ้องมองมายังทางนี้อยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจับจ้องมองเธอเพื่อกันไม่ให้เธอหลบหนีไปได้

และเมื่อมองไปที่ลิฟต์อีกครั้ง ตัวเลขข้างๆ ลิฟต์ก็ปรากฏเป็นเลข '1' อย่างนิ่งงัน ราวกับไม่ได้ถูกกดใช้งานแต่อย่างใด

"พวกคุณเห็นคนออกมาบ้างไหมคะ?"

คนทั้งสองต่างจ้องหน้ากันและกัน และต่างก็เห็นความงุนงงอยู่ในดวงตาของกันและกัน

คนงานที่ถือบุหรี่อยู่คนนั้นก็อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า "คุณเฉิน คุณอย่ามาเสแสร้งแกล้งทำเป็นบ้าใบ้ไปเลยครับ เราไม่เห็นแม้แต่เงาของผีสางนางไม้เสียด้วยซ้ำ! คุณจะขายของโบราณไม่ใช่เหรอครับ? ร้านที่รับซื้ออยู่ที่ไหนล่ะ?"

เฉินจินเยว่ "..."

เธอจำคนผู้นี้ได้

เขาคือคนที่เพิ่งจะพูดไปว่า ผลิตผ้าฝ้ายในฤดูร้อนให้ผีใส่...

ให้ผีใส่...

ชายหนุ่มในชุดโบราณเมื่อครู่นี้ ตอนแรกเฉินจินเยว่คิดว่าเขาคงชอบใส่ชุดจีนโบราณแบบฮั่นฝูหรือพวกแต่งคอสเพลย์...

ในช่วงกลางฤดูร้อนของเดือนกรกฎาคม อากาศนั้นเต็มไปด้วยคลื่นความร้อน แต่เฉินจินเยว่กลับรู้ได้สึกถึงความเย็นสะท้านที่ผ่านขึ้นมาจากฝ่าเท้า ไปจนถึงหลังคอที่รู้สึกเย็นหนาวเย็นขึ้นมาด้วยเช่นกัน

เธอกลับเข้าไปยังห้องทำงาน แล้วปิดประตูดังปัง

จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วเธอก็หยิบเครื่องประดับหยกชิ้นนั้นขึ้นมา ก่อนจะศึกษามันอย่างละเอียดอีกครั้ง

ซึ่งมั่นใจได้ว่ามันไม่ได้ถูกขุดออกมาจากดินแต่อย่างใด

สถานการณ์ที่เห็นในตอนนี้ มันก็ไม่ได้แย่ไปกว่าการเจอผีเลย เธอไม่อยากคิดมากเกินไปกว่านี้ จึงกดโทรต่อสายออกไปทันที

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ณ ห้องทำงาน

ชายชราในวัยหกสิบกว่าปี ได้หยิบจี้หยกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งปรับแว่นสายตาของตน แล้วรูม่านตาที่อยู่หลังเลนส์ก็ปรากฏความตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย "เธอไปได้ไอ้นี่มาจากไหนเหรอ?"

เฉินจินเยว่ตอบกลับไปอย่างเรียบนิ่งว่า "เป็นมรดกตกทอดของตระกูลฉันเองค่ะ คุณคะ คุณพอจะรับมันไปได้ไหมคะ?"

ชายชราเฉียนเป็นคนที่อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอแนะนำเธอมาเอง

ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษารู้เรื่องสถาการณ์ของครอบครัวเธอ และเห็นใจกับสถานการณ์ที่เธอต้องเผชิญเป็นอย่างมาก และเมื่อทราบว่าเธอต้องการขายของโบราณ จึงได้แนะนำคนในเส้นสายที่เขารู้จักให้กับเธอ

ซึ่งในปัจจุบัน วงการของของเก่าโบราณนั้นมีความซับซ้อนมาก

และเขาก็กลัวว่าเฉินจินเยว่นั้นจะมีเพียงความรู้ทางวิชาชีพ แต่ยังไม่รู้ในความซับซ้อนของงานมากพอ

"ได้สิ!"

ชายชราเฉียนตอบกลับเธออย่างหนักแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ และตรวจสอบดูต่ออย่างไม่หยุดหย่อน

และไม่เพียงแค่มองดูด้วยตาเปล่าเท่านั้น แต่ยังใช้มือลูบคลำดูอย่างละเอียดอีกด้วย

ซึ่งดูเหมือนเขาจะทั้งตื่นเต้น และสับสนเอามากๆ ในเวลาเดียวกัน

จากนั้นไม่นาน เขาก็มองไปที่เฉินจินเยว่ด้วยดวงตาอันสุกไสว "ขอโทษที่ชายชราคนนี้มันสายตาไม่ค่อยจะดี คุณพอจะเล่าเรื่องราวความเป็นมาเบื้องหลังของจี้หยกชิ้นนี้ให้ผมฟังหน่อยจะได้ไหมครับ?"

เฉินจินเยว่ส่ายหัวพร้อมทั้งฝืนยิ้มและกล่าวขึ้นว่า "คุณคงเคยได้ยินศาสตราจารย์เหยียนพูดมาว่าพ่อของฉันเป็นนักธุรกิจ เขาเก็บสะสมของพวกนี้ ก็เพื่อจะแกล้งโชว์ความเป็นคนรวย เพื่อรักษาหน้าตา ซึ่งท่านก็แยกแยะไม่ออกหรอกค่ะว่าเป็นของแท้หรือปลอม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสำคัญเรื่องความเป็นมาทางประวัติศาสตร์เลยค่ะ"

ชายชราเฉียนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย และถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับกล่าวว่า "ตามการคาดการณ์ของผม หยกโบราณชิ้นนี้อยู่ในช่วงราชวงศ์เว่ยจิ้นหนานเป่ยเฉา แต่ระดับฝีมือดูล้ำหน้ากว่าเมื่อเทียบกับสมัยนั้น และยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เยี่ยมอีกด้วย คุณดูลวดลายนี้สิ สีสันหลากหลายและนุ่มนวล แต่ละลายเส้นก็เป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ มังกรหยกพุ่งโจนทะยานดุจดั่งกองกำลังทหารอันเกรียงไกร เป็นสัญลักษณ์ของอัตลักษณ์และอำนาจแห่งจักรวรรดิ และเมื่อคุณดูไปที่ข้อความที่อยู่ด้านหลังต่อ มันก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นนามสกุลของจักรพรรดิ์..."

แต่ถ้าพิจารณาตามประวัติศาสตร์ เขาเองก็ไม่เคยเห็นนามสกุลของจักรพรรดิ์หรือชื่อราชวงศ์จีนที่เกี่ยวข้องกับคำนี้มาก่อน

และในตลาดก็ยังไม่เคยมีสินค้าในช่วงราชวงศ์เดียวกันกับชิ้นนี้มาก่อนเลย

"คุณเองก็ไม่สามารถระบุช่วงเวลาได้เหมือนกันเหรอคะ?" เฉินจินเยว่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย "ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถหาราคาที่เหมาะสมออกมาได้ค่ะ"

"เด็กโง่!"

ชายชราเฉียนอดที่จะตำหนิเธอขึ้นมาไม่ได้ "น่าเสียดายที่คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีค่า! ประเทศจีนมีอารยธรรมอันรุ่งโรจน์มายาวนานนับห้าพันปี และยังมีอีกหลายสิ่งอย่างที่ยังไม่ถูกขุดค้นพบ! และหากมีสิ่งของที่ปรากฏขึ้นมาในช่วงเวลานี้ ก็จะเป็นการเผยให้เห็นอารยธรรมใหม่เชียวนะ!"

เฉินจินเยว่ "..."

แน่นอนว่าเธอนั้นรู้เรื่องเหล่านี้ดี

แต่ความรู้สูงส่งของศิลปะก็ต้องมีการสนับสนุนทางวัตถุอย่างมากมาย

แต่ตอนนี้เธอนั้นขาดแคลนเงิน ซึ่งขาดแคลนเงินเอามากๆ

ซึ่งไม่กล้าหวังแม้แต่จะได้กินอิ่มนอนหลับ หวังก็แต่จะได้พักหายใจเพียงชั่วครู่ และถ้ายังหาทางออกไม่เจอ เธอก็จะถูกหนี้สินทับจนตาย

และในที่สุด เธอก็ถามคำถามอันหยาบคายออกไป "คุณให้ได้เท่าไหร่คะ?"

เฉินจินเยว่รู้ดีว่า มูลค่าของของโบราณอยู่ที่ความสำคัญของความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับมัน และหากไม่สามารถระบุช่วงเวลาได้ มูลค่าของมันก็จะไม่สูงเท่าที่ควรจะเป็นนัก

และเมื่อเธอทราบว่าชายชราเฉียนก็ไม่สามารถระบุช่วงเวลาได้เลย เธอจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าจะมีก็แต่เธอเท่านั้นที่จะประมาณราคาเริ่มต้นได้...

"สักสิบสี่แล้วกัน"

เฉินจินเยว่รู้สึกประหลาดใจและสับสนกับตัวเลขนี้ และถามขึ้นด้วยใบหน้าอันบูดเบี้ยว "บาทเหรอคะ?"

ชายชราเฉียนจ้องมองเธออย่างด้วยใบหน้าเคร่งขรึม "คุณขายให้ผมในราคาสิบสี่ล้านบาทได้หรือเปล่า? สิบสี่ล้าน! ล้าน! ไม่แปลกใจเลยที่ตาแก่เหยียนกลัวคุณโดนหลอก ช่างเป็นเสือสาวใจร้อนเสียจริง!"

สิบสี่ล้านเป็นราคาที่ไม่สูงอยู่แล้ว

เธอรู้หรือไม่ว่าในยุคที่ไม่รู้จักนั้น สำหรับนักประวัติศาสตร์และนักสะสมชื่อดังแล้ว มันมีความดึงดูดใจมากมายเพียงใด?

ซึ่งเฉินจินเยว่หารู้ไม่

เธอรู้เพียงว่า เงินก้อนนี้ จะสามารถปลอบประโลมคนงานได้ก็เท่านั้น

และวันนี้เธอก็จะสามารถออกไปจากโรงงานโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว

ดังนั้นเมื่อชายชราเฉียนบอกกับเธออย่างจริงจัง ว่าสิ่งของชิ้นนี้มีมูลค่ามากต่อการเก็บสะสม และถามเธอว่าเธอแน่ใจที่จะขายมันจริงๆ หรือไม่ เธอก็พยักหน้ารัวๆ โดยทันที

เพราะการลังเลเพียงวินาทีเดียวนั้นเท่ากับเป็นการไม่เคารพต่อสิบสี่ล้านบาทนี้

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 3

    เจียงฉีอันที่เดินออกมาจากร้านค้า ก็รู้สึกได้ถึงความหนาวที่โผล่กระทบเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับก้าวออกจากฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น ไปสู่ฤดูหนาวอันแน่นหนาเขาอดที่จะตัวสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้พร้อมกับความสับสนเล็กน้อยที่ผุดขึ้นมาราวกับฝันไปแต่ความรู้สึกของสัมผัสที่มั่นคงในมือ บอกให้เห็นถึงความเป็นจริงของเรื่องนี้ และเขาก็ได้ซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปในร้านนั้นมาจริงๆ..."ฝ่าบาท! ในที่สุดฝ่าบาทก็ออกมา! หากหาตัวฝ่าบาทไม่เจอ พวกเราจักต้องไปรายงานต่อท่านแม่ทัพเซียว!" น้ำเสียงของผู้ติดตามเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก"ท่านซื้อเสื้อผ้ามาได้จริงๆ หรือขอรับ?" ใน ในร้านนี่เหรอขอรับ?" ผู้ติดตามอีกคนชี้ไปยังร้านที่อยู่ด้านหลังเขาด้วยความตกใจเจียงฉีอันพยักหน้าผู้ติดตามตกใจมากขึ้นไปอีก "แต่พวกเราทุกคนเพิ่งเข้าไปในนั้น และเห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรอยู่ด้านในเลยนะขอรับ!"เจียงฉีอัน "..."เขาหันกลับไปมองดูร้านค้าที่อยู่ข้างหลังอย่างลืมตัว ประตูนั้นแง้มเปิดเอาไว้เล็กน้อย แต่ภายในกลับมืดมัว และมองไม่เห็นสิ่งใดเลยความสุขและความตื่นเต้นที่เพิ่งได้ซื้อของมานั้นหายไปหมดสิ้นแล้วในขณะนี้ หลงเหลือแต่ความรู้สึกขนลุกเอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 4

    "แน่นอนว่าฉันก็เป็นเหมือนคุณค่ะ!" แววตาของเฉินจินเยว่เต็มไปด้วยความสงสัย "แต่ก่อนหน้านี้คุณเข้ามายังไง? และออกไปยังไงคะ? ทำไมคนอื่นถึงไม่เห็นคุณเดินไปเลย?""เจ้าไม่รู้ว่าข้าเข้ามาได้เยี่ยงไร?" เจียงฉีอันไม่อยากจะเชื่อ "เจ้าไม่ใช่เจ้าของร้านหรอกหรือ?""…"ในระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างหยั่งเชิงกันเป็นเวลานานกว่าสิบนาที ทั้งสองฝ่ายก็ได้รู้เบื้องลึกของอีกฝ่ายโดยคร่าวๆแต่ก็ต้องตกอยู่ในความเงียบที่ไม่มีที่สิ้นสุด"อาณาจักรเจียงเหรอ?"เฉินจินเยว่มั่นใจว่าในคลังความรู้ของตนนั้น ไม่เคยมีราชวงศ์นี้ปรากฏอยู่เลยเธอสอบถามเขาอย่างรอบคอบว่า "คุณบอกว่าคุณเป็นองค์ชายหกของอาณาจักรเจียง ซึ่งถูกส่งไปยังชายแดน แล้วเจอกับพายุหิมะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบศตวรรษ และขณะที่กำลังตระเวนหาเสบียงคุณก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของฉันโดยบังเอิญ และคิดว่าฉันเป็นคนนำพาคุณเข้ามาในนี้งั้นเหรอคะ?"เจียงฉีอันสะอึกไปราวกับมีก้อนอะไรติดอยู่ตรงลำคอ และอดที่จะชี้แจงแถลงไขออกไปไม่ได้ว่า "มิใช่ถูกส่งตัวมา เป็นการอาสามาเองในนามของฝ่าพระบาท เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจในชายแดน!"เขามั่นใจว่า เขาเลือกแนะนำเฉพาะเรื่องที่รู้จักกันดีในเข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 5

    เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่ตนเกลียดนั้น เซียวเฉิงหยู่ก็เกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจจากนั้นก็รีบก้าวไปข้างหน้า แล้วดึงเขาเข้ามาสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะจ้องมองมาที่มวยผมอันหละหลวมของเขา "ปิ่นปักผมของท่านล่ะ? เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?"พูดจบ สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่เสื้อผ้ากองโตที่อยู่ข้างๆการที่อยู่ดีๆ ก็เห็นใครบางคนออกมาจากห้องนั้น มันทำให้แม่ทัพเซียวตกใจเป็นอย่างยิ่งแต่เขาก็ยังพอมีสติอยู่จากนั้นเสียงตวาดก็ดังขึ้น "เซียวเฉิงหยู่!"เซียวเฉิงหยู่รู้สึกตัว แล้วรีบปล่อยมือที่จับตัวเขาเอาไว้ "ฝ่าบาทโปรดอภัย!"และแม้ว่าจะพูดออกมาเช่นนี้ แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังคงสอดส่องมองมาที่อีกฝ่ายอย่างสนอกสนใจ สลับกับเหลือบมองไปยังเสบียงที่สูงเหมือนดั่งเนินเล็กๆ ที่ไม่อาจละเลยไปได้ราวกับรอคำอธิบายอยู่เจียงฉีอันที่รู้สึกสบายอกสบายใจอยู่ ก็ไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อย "พวกเจ้ารอสักประเดี๋ยวนะ ข้าจะไปขนย้ายสินค้าก่อน แล้วจักอธิบายให้พวกเจ้าฟังในภายหลัง"คนทั้งหลายยังไม่ทันได้กลับคืนสติจากเสบียงที่เต็มรถ ก็กลับได้ยินคำนี้ขึ้นมาเสียก่อนยังมีสินค้าอีกงั้นรึ?!"ข้าจะเข้าไปกับท่าน!" เซียวเฉิงหยู่พูด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 6

    ผู้เฒ่าเฉียนรับมาอย่างระมัดระวัง และเปิดออกทีละชิ้นๆสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ งานที่ทำมาอย่างประณีต สภาพก็สมบูรณ์ และมันก็มาจากยุคเดียวกันกับหยกโบราณจริงๆเขาพูดโพล่งออกมาโดยไม่คิดว่า "ทำไมเมื่อตอนบ่ายคุณไม่เอาให้ผมไปพร้อมกันเลยล่ะ?"เฉินจินเยว่อ้าปากเตรียมจะแก้ตัว ศาสตราจารย์เหยียนก็พูดเสียงเย็นชาว่า "ให้โดนคุณหลอกอีกอะเหรอ?"ผู้เฒ่าเฉียน "..."ตาเฒ่าเหยียนไอ้เจ้านี่!เราสองคนรู้จักมักจี่กันมาครึ่งค่อนชีวิต ดันมาสอนให้นักเรียนตัวเองระวังตัวกับผมเนี่ยนะ!เสียใจนะ!แต่ความเสียใจอยู่ได้ไม่ถึงสองนาที เขามองดูศาสตราจารย์เหยียนที่อยู่ข้างๆ กำลังสังเกตสิ่งของนั่นอย่างจริงจัง แล้วกดถ่ายรูปพร้อมส่งออกไป เสียงราวสัญญาณเตือนดังขึ้นในใจเขา"แหวนหยกทรงยิงธนูนี่ ไหนเธอลองพูดซิเธอคิดว่าไง" จู่ๆ ศาสตราจารย์เหยียนที่เพิ่งส่งรูปเสร็จก็เอ่ยถามเฉินจินเยว่"…"เฉินจินเยว่ไม่คิดเลยว่าจะทำธุรกิจยังต้องมาสอบอีกเธอทำได้เพียงอธิบายคร่าวๆ สองสามประโยคเกี่ยวกับรูปลักษณ์และงานฝีมือศาสตราจารย์เหยียนพยักหน้า "เธอพูดได้ถูกต้อง รูปลักษณ์งดงาม ลวดลายหน้าสัตว์ใช้เทคนิคแกะสลักแบบเส้นบางประณีต บ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 7

    เฉินจินเยว่หน้าซีดเผือด แอบหลบเข้าไปในซอยมืดอย่างเงียบเชียบแม้จะวิ่งออกมาจากชุมชนแล้ว ร่างกายของเธอก็ยังคงสั่นไม่หยุดบ้านทั้งหมดถูกขายทอดตลอดไปแล้วที่พักแห่งนี้เธอเพิ่งเช่า มีเพียงพ่อแม่เท่านั้นที่เคยมาพอนึกถึงสีหน้าดุดันของพวกผู้ชายเมื่อครู่ ความหนาวเย็นก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง งั้นที่พวกเขาขนของเก่าไปที่บริษัทอย่างเปิดเผยวันนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อให้คนงานเห็นแต่เพื่อให้พวกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบเห็นด้วยสินะ?ดี!ก็ดี!คนตระกูลเฉินเลือดเย็นเหมือนกันหมด งั้นอย่าโทษเธอที่ไร้เมตตาแล้วกัน!เฉินจินเยว่จองที่พักโรงแรม หลังอาบน้ำเสร็จ เธอกลับนอนไม่หลับพลิกตัวไปมา สุดท้ายตัดสินใจไปที่โรงงานทันที คิดหาวิธีจัดส่งของในวันพรุ่งนี้…อีกฝั่ง ณ ค่ายทหารเหล่าทหารต่างดีใจจนลืมตัว ลืมไปหมดว่าเคยดูถูกองค์ชายจากเมืองหลวงผู้ไม่ได้เรื่องคนนี้ แต่ละคนรุมล้อมถามเขาเรื่องร้านค้าจากนั้นพวกเขาก็ได้รู้ว่า เจ้าของร้านเป็นสตรีผู้เลอโฉม และในร้านของเธอนั้นอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลินอกจากร้านค้าแล้ว เธอยังมีโรงงานเล็ก ๆ ที่สามารถผลิตเสื้อกันหนาวจำนวนมากได้อีกด้วย..."นั่นมันดินแดนที่เหล่าเทพอยู่หรืออย่างไร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 8

    ภาพที่มองมืดบอดไปหมด มันมืดมิดจริงๆนะรอบๆ มืดมิดจนไม่เห็นอะไรเลยมีแสงเลือนรางส่องมาจากประตูใหญ่ข้างหลัง ทำให้เขามองเห็นการตกแต่งภายในร้าน มันไม่ใช่ร้านเดิมที่เขาเจอเมื่อวานนี้เลยเขาตื่นตระหนกอย่างมาก เขากำมือที่ที่จับรถเข็นแน่น จนเส้นเลือดที่ข้อมือปูดขึ้นนี่มันเรื่องอะไรกัน?เขาไม่สามารถเข้าไปร้านนั้นได้แล้วหรือ?หลังจากนี้จะเข้าไปไม่ได้อีกหรือยังไม่ถึงเวลาเข้าไป?ในช่วงเวลานั้น ความคิดมากมายพุ่งเข้ามาในหัวของเขา เขาถึงกับสงสัยว่าเมื่อวานนี้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นแค่ความฝันทันใดนั้น เสียงดนตรีที่แปลกประหลาดและไพเราะดังขึ้น...เฉินจินเยว่ถูกปลุกจากเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ เธอจับโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างรำคาญๆ แต่เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอว่า ‘คุณปู่’ สมองที่มึนๆงงๆก็ได้สติขึ้นมา"ฮัลโหล?"เธอกดรับสายอย่างขี้เกียจๆเสียงอ่อนโยนและห่วงใยดังมาจากปลายสาย "จาวตี้ ได้ยินว่าเมื่อวานหลานไม่ได้กลับบ้านเหรอ? เงินเดือนคนงานจ่ายหมดแล้วเหรอ?"นอกหน้าต่างฟ้าเพิ่งจะส่าง เธอลุกขึ้นเปิดไฟอย่างง่วง ๆ พร้อมพูดเสียงเย็นชาว่า "คุณปู่แก่แล้วเลอะเลือนหรือไงคะ? หนูเปลี่ยนชื่อแล้วนะ"เมื่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 9

    เจียงฉีอันนิ่งชะงัก สายตาพร่าเลือนเพราะรอยยิ้มสดใสนั่นจากนั้นก็เห็นเฉินจินเยว่ลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว "คุณออกไปก่อน อีกห้านาทีค่อยกลับเข้ามา!"เจียงฉีอันกำลังจะถามว่าห้านาทีนี่นานแค่ไหน แต่เธอพุ่งออกไปราวสายลม และทันทีที่เธอก้าวพ้นประตู เขาก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นผลักออกมาเซียวเฉิงหยู่กำลังสั่งการลูกน้องอยู่ที่หน้าประตูอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่เมื่อเห็นเจียงฉีอันเข้าออกหลายรอบ ทั้งที่เป็นฤดูหนาว แต่เหงื่อกลับซึมออกมาที่หน้าผาก เขาก็มีความรู้สึกมากมายในใจเขาแตกต่างจากองค์ชายองค์อื่นๆบางที เขาอาจไม่ควรระบายความโกรธต่อราชสำนักใส่เขาเมื่อได้เห็นเจียงฉีอันออกมาอีกครั้ง เขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายมามือเปล่า รีบก้าวเข้าไปหาแล้วพูดว่า "ฝ่าบาท ลองพาผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปลองดูอีกครั้งเถอะพ่ะย่ะค่ะ!"เจียงฉีอันหันไปมองเขา สายตาเหม่อลอย "เจ้ารู้ไหมว่าห้านาทีมันนานแค่ไหน?"เซียวเฉิงหยู่ "???"เฉินจินเยว่อุ้มข้าวของเดินไปที่ออฟฟิศวางของไว้บนโต๊ะทำงานมันคือบ้านไม้สองห้องที่ไม่สมบูรณ์ ขอบประตูอยู่ใกล้กับรั้วไม้ไผ่ และใช้รั้วไม้ไผ่มาเชื่อมต่อกับประตูใหญ่อีกทีเธอยื่นนิ้วอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 10

    บ่ายสามโมงเฉินจินเยว่ไปจ่ายภาษีที่สำนักงานสรรพากร แล้วก็ไปรับคน จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปบ้านของลุงรอง"ในที่สุดคุณก็เลือกขอความช่วยเหลือทางกฎหมายสักที ศาสตราจารย์เหยียนดีใจมากเลยนะ" ชายหนุ่มพูดกับเฉินจินเยว่ด้วยท่าทีที่สุภาพและยิ้มเบาๆ"ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป ฉันก็ไม่ทันตั้งตัวเหมือนกันค่ะ"เฉินจินเยว่ที่นั่งฝั่งข้างคนขับรู้สึกเกร็งเล็กน้อย "เรื่องแค่นี้ต้องรบกวนท่านมาถึงที่นี่ จริงๆ แล้วน่าเกรงใจมากเลยค่ะ"เมื่อคืนนี้เธอติดต่อศาสตราจารย์เหยียน ขอให้เขาช่วยแนะนำทนายความที่น่าเชื่อถือให้แต่เธอไม่คิดว่าศาสตราจารย์เหยียนจะเอาตัวพ่ออย่าง ฉางหงป๋อ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองมาให้เธอเขาเชี่ยวชาญในเรื่องคดีจัดการทรัพย์สินคดีที่เขาทำนั้นอัตราชนะสูงถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์"ไม่เป็นไรเลยครับ คุณเป็นนักเรียนคนโปรดของศาสตราจารย์เหยียน แถมประธานโจวก็ฝากฝังไว้กับผมด้วย""ประธานโจวเหรอคะ?"เฉินจินเยว่สงสัยเล็กน้อยฉางหงป๋อหันหน้ามามองเธอทีหนึ่ง "โจวยี้ฉวน ลูกค้าเธอไง?"เฉินจินเยว่ "..."เธอจำไม่ได้ว่าทั้งเธอและเฉินเจี้ยนกั๋วจะมีลูกค้ารายใหญ่แซ่โจวด้วยอ๋อใช่แล้ว เมื่อวานตอนอาจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10

บทล่าสุด

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 40

    เธอคิดมานานขนาดนี้แต่ก็คิดแผนที่จะหลอกถามอีกฝ่ายโดยไม่ให้รู้ด้วได้ อีกฝ่ายฉลาดมาก ไม่ได้โง่เหมือนคู่ค้าของเฉินเจี้ยนกั๋วเธอตัดสินใจถามตรงๆว่า "พี่รองคุณมีแผนจะจัดการกับสินค้าที่ถูกเรียกคืนยังไง?""ทำลาย" โจวยี้ฉวนง่ายๆเฉินจินเยว่ถามอีกครั้งว่า "ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพ ทำลายก็เสียดายมาก ขายให้ฉันได้ไหม?"โจวยี้ฉวนมองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นก็กลืนมาม่าที่อยู่ในปากลงไป คิดไปสักพัก แล้วสายตาตกอยู่ที่กล่องเล็กที่เธอเอาออกมาจากโกดัง"คุณถือกล่องนี้ไว้ตลอดเวลา เป็นสมบัติเหรอ?""ค่ะ เป็นสมบัติ"เฉินจินเยว่ตอบส่งๆ แล้วพูดต่อว่า "ฉันสามารถจ่ายเป็นสองเท่า เงินชดเชยในการเอาคืนฉันก็ออกให้"โจวยี้ฉวนเหมือนไม่ได้ยิน แต่ถามต่อไปว่า "สมบัติอะไร? โบราณวัตถุ?"เฉินจินเยว่ "..."เธอมองเขานิ่ง เหมือนกำลังอ่านความคิดเขาจากนั้นโจวยี้ฉวนก็ได้เปลี่ยนคำถาม "เธอต้องการยามากขนาดนั้นทำไม?"เฉินจินเยว่เม้มปาก ตอบคำถามก่อนหน้านี้ "เป็นของโบราณ น่าจะได้ราคาไม่น้อยค่ะ"ในสงครามยามีค่ามาก จะไม่มีทางที่ของมัดจำที่เจียงฉีอันส่งมาจะใช่ย่อย"น่าจะ?""ฉันเป็นนักศึกษาที่อ่อนแอและขี้ขลาด ในเรื่องร

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 39

    บุกรบเมืองซิ่วหรงก็ได้ชนะอย่างงดงาม แต่ก็เสียหายไม่น้อยยาที่เอากลับมาก็ได้ใช้ไปกว่าครึ่ง นอกจากนี้ทหารที่บาดเจ็บหนักยังต้องรับประทานยาต่อเนื่อง การรบต่อต้านนี้เพิ่งเริ่มต้นเซียวเฉิงหยู่ได้ยิน เขาเลยมองไปทางเจียงฉีอัน"ฝ่าบาท...""ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้ยึดเงินทองของพวกเผ่ากองทัพศัตรูที่มีอยู่ในเมืองนี้? ได้อะไรมาได้?" จู่ๆเจียงฉีอันพูดออกมา"พะยะค่ะ!"เซียวเฉิงหยู่สีหน้าตึ้นตัน "ท่านตามข้ามา!"เซียวเฉิงหยู่พาเจียงฉีอันไปที่เรือนหลังหนึ่ง ในนั้นได้มีรังไม้เต็มไปหมดเขาเดินเข้าไป แล้วเปิดรังหลายรัง "ทอง เงิน อัญมณี อยู่ที่นี่ทั้งหมด! แล้วก็ ยังมีไม้ที่แม่นางเฉินต้องการมาก่อนหน้า ข้าคิดว่าคล้ายพวกนี้!"พูดไป เขาก็ได้เอากล่องที่งดงามออกมาจากรังกล่องใหญ่เจียงฉีอันเปิดออกมา แน่นอนว่าเป็นวัสดุเหมือนกับชิ้นไม้ก่อนหน้าเขาก็ได้ดีใจ แต่ก็พูดออกมาอย่างมีเหตุผล "แม่นางเฉินตกลงที่จะช่วยเราสั่งซื้อยาอีก แต่ความสามารถของนางมีจำกัด ให้เราอย่าคาดหวังมากนัก และนางไม่ได้กำหนดราคา"พ่อค้าที่ไม่คุยเรื่องราคา ก็หมายความว่าค้าขายนี้ไม่มีกำไลพวกเขาแบกหน้าของอีกครั้ง ต้องมีความจริงใจในการให้มากท

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 38

    เจียงฉีอันได้เอายาและบิสกิตอัดออกมาจากร้าน รองแม่ทัพหยางและพวกทหารก็เกือบร้องไห้ก็ได้รีบเดินทางไปเมืองซิ่วหรง เมื่อถึงก็สองชั่วยามต่อมารถก็ได้เต็มไปด้วยยา ทำให้ทหารที่สิ้นหวังได้ดีใจเมื่อเจียงฉีอันได้สั่งให้แพทย์ทหารอธิบายว่ายาเหล่านี้ใช้ยังไงและใช้ปริมาณเท่าไรแล้วพวกเขาก็เริ่มทำงานอย่างไม่รู้จักเหนื่อยแม่ทัพเซียวกินยาแล้ว ก็ยังหลับไม่ตื่นหมอทหารที่ไม่ค่อยชำนาญการใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดแผลก็ได้พูดออกมา "ยาเหล่านี้พวกข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงแม้จะไม่มีพิษ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันจะมีประสิทธิภาพอย่างไร! ถ้ามีไข้สูงไม่หาย เกรงว่า..."ไม่สามารถทำอะไรได้เขาไม่พูดออกมาในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะมียาที่ดีที่สุด แต่ถ้าเกินเวลาที่เหมาะสมในการใช้ยา ก็ไม่สามารถรับประกันว่าแม่ทัพเซียวจะปลอดภัยแต่เม็ดยาเล็กๆ นี้จะมีผลก็คงเป็นปาฏิหาริย์สีหน้าเจียงฉีอันเคร่งเสียงเท้าข้างนอกก็ได้ดัง เซียวเฉิงหยู่ก็ได้รีบเข้ามา มองไปทางหมอทหารด้วยความกลัว"เป็นอย่างไรบ้าง? รองแม่ทัพดีขึ้นหรือเปล่า?"หมอทหารทึ่งสักครู่ กำลังจะคิดว่าจะพูดยังไง แต่ทหารที่ดูแลก็พูดออกมา "แม่ทัพเซียวมีเหงื่อออกมาเยอะ

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 37

    เฉินจินเยว่ "???"สองคนพูดคุยกันไปก็ได้เดินมาถึงประตูโกดังสินค้าแล้วก็พอดีกับพนักงานที่ได้ขับรถเอาของที่เหลือมาส่งเฉินจินเยว่ไม่ให้คนเข้าโกดัง แต่ให้เธอเอาของบนรถวางที่หน้าประตูแล้วขอบคุณไปโจวยี้ฉวนมองไปที่รถเข็นที่เต็มไปด้วยยาสามคัน ตาก็ได้หรี่ลง มองไปที่สายตาของเธอ พร้อมกับการสืบสวนอย่างเงียบ ๆ...เฉินจินเยว่ความประหม่าเหมือนถูกโดนจับผิด แต่เมื่อคิดใหม่เธอก็ไม่ได้แย่งประโยชน์ของเขา ดังนั้นก็เลยพูดไปอย่างตรงไปตรงมา"คุณรอฉันตรงนี้สักครู่ ฉันจะนำของเหล่านี้เก็บในโกดังก่อน""ต้องการความช่วยเหลือไหม?""ไม่ต้องไม่ต้อง คุณรอฉันข้างนอกก็พอแล้ว""…"โจวยี้ฉวนมองหน้าเธอเหมือนกับว่าป้องกันขโมย กลัวว่าเขาจะตามเข้าโกดัง หัวเราะเบาๆ แล้วยืนขึ้นและไปยังฝั่งถนนตรงข้ามแล้วจุดบุหรี่เฉินจินเยว่ถอนหายใจ และเลื่อนประตูเหล็กขึ้นไปเล็กน้อยเพียงพอที่เธอจะเข้าไปได้เธอเดินไปกลับหลายรอบและเอารถเข็นเล็กทั้งหมดเข้าไปเจียงฉีอันกำลังรอคอยอย่างตึงเครียด เพราะเฉินจินเยว่ไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัด เขาก็ไม่มั่นใจไม่รู้ว่าเธอสามารถนำยากลับมาได้หรือไม่ และสามารถนำกลับมาได้เท่าไหร่เห็นรถเข็นเต็มไปด้ว

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 36

    คุณภาพที่ไม่เสถียรไม่ได้เป็นผลข้างเคียงที่น่ากลัว มันก็ดีกว่าไม่มียาแล้วรอตายจริงไหม?เธอเดินทางไปหายาที่ร้านขายยาหลายแห่งอาจไม่เพียงพอ ตอนนี้มีโอกาสแบบนี้ก็ถือว่าโชคดี"ยาเหล่านั้นไม่น้อยเลย คุณจะเอาหมดเลย?" พนักงานร้านไม่ได้ตอบทันที แต่ตกใจเฉินจินเยว่มีเงินมากพอ "ฉันมีงบประมาณเพียงพอ ต้องเตรียมให้เขาครบถ้วน!"พนักงานขายยกนิ้วโป้งให้เธอร้านขายยาขายยาได้ก็มีค่าคอมมิชชั่นให้กับพนักงานขายเมื่อขายยาไปแล้วสาวน้อยที่เพิ่งจบและได้ฝึกงานไม่นาน นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ในวงการและกล้าพอ เธอตอบรับเสนอนี้โดยไม่ลังเลเลย…สินค้าชุดนั้นไม่น้อยเลย แต่เฉินจินเยว่สามารถเอาไปได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และได้ทิ้งที่อยู่คลังสินค้าไว้ ส่วนที่เหลือให้พนักงานร้านส่งมาให้ภายหลังเธอกำลังดันรถเข็นเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ บนรถเข็นยังมีกล่องยาที่สูงกว่าตัวเธอเอง และเธอกำลังเดินไปทางคลังสินค้าอย่างยากลำบาก"ติ๊ดๆ"เสียงรถที่ดังก็ทำให้เฉินจินเยว่ตกใจเกือบล้มโกรธพร้อมหันหน้า พอดีรถยนต์หนึ่งขับมาข้างๆ เธอ หน้าต่างรถลดลง ใบหน้าที่หล่อเข้มของเขาปรากฏอยู่หน้าเธอ"คุณเฉิน กลางดึกก็ยังยุ่ง?"โจวยี้ฉวนเฉินจิ

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 35

    ความเงียบของเธอทำให้หัวใจของเจียงฉีอันหวาดหวั่น เหมือนรองรองแม่ทัพว่าไว้ ในช่วงสงครามยาแพงมากๆ แม่นางอาจจะไม่ช่วยเขาถือกล่องด้วยมือเดียว มืออีกข้างเปิดคลุมเสื้อคลุม คุกเข่าลงไปก่อน"ถ้าแม่นางยินดีช่วยเหลือ ข้ายอมทุกเงื่อนไข...""อย่าๆๆ!"เฉินจินเยว่รีบยื่นมือไปประคองเขาเธอเติบโตกับสังคมสังคมนิยมมีในการคิดเห็นเท่าเทียมกัน อยู่ๆมีคนคุกเข้าลงมาทก็ตกใจมากมองสายตาที่เต็มด้วยความวิงวร เธอยื่นมือไปรับกล่อง"ข้ารับของมัดจำแล้ว แต่ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะซื้อได้เท่าไหร่! เพราะถ้าข้าไปซื้อยาจำนวนมากตอนกลางคืนมันโดนเด่นเกินไป!"ตอนนี้เธอเป็นคนที่ 'มีชื่อในเมือง การรับซื้อของอย่างอื่นยังพอพูดได้ ตุนยามันเป็นที่สงสัยเจียงฉีอันรู้ว่ายาทาแผลหายาก แต่ได้ยินนางรับปาก ก็ได้รู้สึกขอบคุณ"ขอบพระคุณแม่นาง!""เจ้ารอตรงนี้ ขออกไปดดเดี๋ยวกลับมา"ตั้งแต่โกดังนี้กลายเป็นจุดซื้อขายปกติ เฉินจินเยว่ก็เลยเอาเรือนเล็กไว้ที่นี่เฉินจินเยว่ไม่เปิดประตูเจียงฉีอันก็เข้าไม่ได้ แล้วเมื่อเข้ามาแล้ว ถ้าประตูไม่เอาออก เจียงฉีอันก็สามารถอยู่ในนี้มองเฉินจินเยว่ออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่ได้มองกล่องของเขาเล

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 34

    ก็ได้รวบรวมสมาธิไปสัมผัสเรือนบ้านในหัว ประตูเรือนได้ปิดเพราะเธอออกมา ตอนนี้เหมือนว่า เธอสามารถได้ยินเสียงเคาะประตูนอกนั้น?คิดไปสักพัก ไม่นานก็เดาได้ว่า เจียงฉีอันน่าจะมาแล้ว"คุณเป็นอะไร?"ฉางหงป๋อมองเธอที่เป็แหหมอลอยก็ได้ถามเฉินจินเยว่ตั้งสติอย่างรวดเร็ว "ขอโทษทนายฉาง ฉันจำได้ว่าฉันลืมปิดประตูโกดังเมื่อกี้!"ถ้าจู่ๆเจียงฉีอันปรากฏตัในห้อฝงอาหารอย่างไม่คาดคิด งั้นน่าตกใจแน่ความสำคัญตกใจเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าความลับของเธอถูกคนอื่นๆ รู้ก็เป็นเรื่องหนึ่งเธอใช้ข้ออ้างนเพื่อรีบกลับบ้านปฏิเสธฉางหงป๋อที่จะส่งเธอและขอโทษไม่หยุด และสัญญาครั้งหน้าจะเลี้ยงข้าวเขาต่อ แล้วก็ออกไปฉางหงป๋อ "???"สับสนเล็กน้อยมื้อนี้พวกเขาสองคนนัดกันเองไม่ใช่เหรอ?สรุปคือคนหนึ่งไม่มา อีกคนกลับก่อน ทำให้เขาดูว่างมาก!…เจียงฉีอัน กลับเมืองก็ตรงไปที่ร้านนั่นแต่เปิดประตูเข้าไป ร้านก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยเหมือนครั้งที่แล้วแม่นางเฉินไม่อยู่ในร้าน เขาเข้าไม่ได้เขาจำได้ว่าวันนี้เขาสัญญากับแม่นางเฉินเพื่อมารับอาหารแห้งตอนฟ้ามืดแต่ฟ้าก็ได้มืดไปหนึ่งชั่วยามแล้วเขาไม่มาตามสัญญาเขาเปิดประตูซ้ำแล

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 33

    รองแม่ทัพตื่นตะหนก "ฝ่าบาท! ท่านจะทิ้งทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้นะพะยะคะ!"เจียงฉีอันพูด "เรียกเขากลับมา ข้าจะคิดวิธีหายาเอง"รองแม่ทัพอยากขัดขวาง แม้ว่าเจียงฉีอันจะสามารถสั่งให้เมืองหลวงส่งยามา แต่ระยะทางก็ไกล ทหารและแม่ทัพเซียวรอไม่ไหวรองแม่ทัพก็รู้สึกตัวทันที"ฝ่าบาทนต้องการไปร้านของแม่นางเฉิน?"ตื่นเต้นดีใจสักพัก นัยน์ตาของเราก็หม่องลง"ยาในช่วงสงครามมีมูลค่ามากกว่าทองคำ แม่นางคนนั้นไม่รับทองคำ จะยอมเอายาให้เราเหรอ?"ใช่ว่าพวกเขาพวกเขาไม่เควคิดที่จะให้เจียงฉีอัน ซื้อ แต่ยาที่ช่วยชีวิตเหล่านั้น ไม่เหมือนกับอาหารพวกเขาได้รับของมากมายจากอีกฝ่าย จะโลภจนอีกฝ่ายรังเกียงก็ไม่ได้"ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต้องลองดู"ถ้าเซียวเฉิงหยู่หายาเจอ ก็คงกลับมาแล้วสถานการณ์ของเมืองซิ่วหรงก็ไม่ดีกว่าเมืองเล็กที่พวกเขาเฝ้ารองแม่ทัพมองหน้าเขาอย่างตื่นเต้นและรับคำสั่ง "พะยะค่ะ!"เซียวเฉิงหยู่รู้แผนของเจียงฉีอัน ลังเลอยู่ครู่เขาก็กลับ ก่อนส่งเจียงฉีอันออกจากเมือง หนุ่มจ้องมองอย่างจริงจังพร้อมตาที่แดง"ถ้าฝ่าบาทสามารถนำยากลับมา เซียวเฉิงหยู่ คนนี้จะภักดีต่อท่านจนสิ้นชีพ!"ภักดีต่อฝ่าบาท แต่ไม่

  • ยัยล้มละลายกับประตูสู่การค้าทะลุมิติ   บทที่ 32

    ในขณะนี้ชายแดนได้ผ่านการสงครามใหญ่แม่ทัพเซียวคาดการณ์ได้ถูกภัยพิบัตินี้ ศัตรูก็ไม่ได้ดีกว่าพวกเขามากนักในทางกลับกัน เพราะเจียงฉีอันได้เปิดประตูสู่โลกอื่น ก็ได้มอบความหวังใหม่ให้กับทหารของตระกูลเซียว ในขณะที่ในกองทัพศัตรูก็เริ่มเกิดความวุ่นวายแล้วแม่ทัพเซียวได้นำทัพสามพันคน แอบเข้าบุกฐานกองศัตรทัพศัตรูกลางดึกในช่วงที่คนไม่ระวังศัตรูได้วุ่นวาย ไม่นานก็พ่ายแพ้ไม่สามารถรวมกำลังได้ทหารตระกูลเซียวไล่ล่า คืนนั้นก็ได้ตีทัพทหารศัตรูที่บุกเมืองซิ่วหรงราวจุดจบได้กำหนดไว้แล้วแต่ความเสียหายก็มากเช่นกันเมื่อเจียงฉีอันมาถึงที่ซิ่วหรง ก็ใกล้ค่ำแล้วภายในเมืองเงียบสงบมาก บ้านเก่าพนังผุ ที่รื้อถอดได้ก็ได้รื้อไปหมด บนถนนจะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนประตูบ้านที่ปิดประตู ก็เป็นบ้านที่ฐานะดี แต่ก็มีไม่กี่หลังทหารกำลังทำความสะอาดสนามรบ เก็บกวาดทางที่มีหิมะสะสม ศพที่ตายบนสนามรบไม่มากนัก ศพที่ถูกแข็งตายมีมากกว่ายังมีกระดูกสีขาวที่มีเลือดเนื้อติดบ้างราวมีอะไรมาแทะจนสะอาดเจียงฉีอันมองไปทางอื่น กดดันความรู้สึกคลื้นใส้ลงไป เดินไปยังค่ายทหารหลักหมอทหารทำงานอย่างหนัก เพราะแม่ทัพเซียวก็ได้ร

DMCA.com Protection Status