เมื่อเห็นความเย็นชาในดวงตาของเขา จี้อี่หนิงก็รู้สึกว่าเมื่อก่อนตัวเองนั้นตาบอดจริง ๆ ทำไมถึงได้หลงรักคนแบบนี้ดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว แต่เธอไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขาแม้แต่น้อยเธอสะบัดมือเขาออกอย่างแรงจี้อี่หนิงสูดหายใจเข้าลึก หันหลังเดินขึ้นบันไดตอนนี้ในใจเธอของมีความคิดเดียว คือต้องรีบหางานทำให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ย้ายออกไป และหาทางหย่ากับเสิ่นเยี่ยนจือเธอสุ่มหยิบชุดมาเปลี่ยน เสียบปิ่นมวยผมแบบลวก ๆ จี้อี่หนิงก็ลงบันไดมาเธอเป็นคนสบาย ๆ ไม่ค่อยสนใจเรื่องการแต่งตัวแต่ก่อนเพื่อให้ตระกูลเสิ่นประทับใจ ตอนไปงานเลี้ยงตระกูลเสิ่นทีไร ก็จะแต่งตัวอย่างดีทุกครั้งตอนนี้ เธอขี้เกียจจะเอาอกเอาใจพวกเขาอีกต่อไปแล้วได้ยินเสียงฝีเท้า เสิ่นเยี่ยนจือก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวจี้อี่หนิงสวมชุดกี่เพ้าสีขาวแบบทันสมัย เอวบางราวกับต้นหลิว ดูเหมือนจะกำรอบได้ด้วยมือเดียว ผมยาวสีดำมวยด้วยปิ่นหยก เผยให้เห็นลำคอขาวเรียวบาง งดงามจนไม่อาจละสายตาบรรยากาศอ่อนหวานสงบรอบตัวเธอ ไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรกเลยเพียงแต่ สายตาที่เธอมองเขากลับเย็นชาที่สุด ไม่มีความอบอุ่นเหมือนแต่ก่อนเลย"
จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้น กำลังจะพูด เสิ่นเยี่ยนจือก็จับมือเธอไว้ พูดยิ้ม ๆ ว่า "คุณย่าครับ พวกเรากำลังเตรียมตัวอยู่ครับ!"เธออยากสะบัดมือเขาออก แต่เสิ่นเยี่ยนจือจับมือเธอไว้แน่นมาก ไม่ให้โอกาสเธอได้ขยับเลยในเมื่อเขาไม่ยอมให้เธอสบายใจ ก็อย่าโทษที่เธอจะทำให้เขาไม่สบายใจบ้างเธอมองไปที่คุท่านแม่เฒ่าเสิ่น "คุณย่าคะ หนูกำลังหางานทำอยู่ค่ะ เรื่องมีลูกคงต้องเลื่อนออกไปก่อนค่ะ"พูดจบ ห้องรับแขกก็ตกอยู่ในความเงียบเสิ่นเยี่ยนจือบีบมือเธอแน่นขึ้น สีหน้าก็ดูมืดครึ้มขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ จี้อี่หนิงก็ขมวดคิ้วแน่นเสิ่นซื่อมองไปที่มือของเสิ่นเยี่ยนจือที่บีบจี้อี่หนิงแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนอยู่หนึ่งวินาที ก่อนจะเบือนสายตาไปอย่างเฉยเมยน้าสาวของเสิ่นเยี่ยนจือ เสิ่นซูหว่านหัวเราะเยาะ "อี่หนิง อย่าว่าน้าพูดมากเลยนะ เธอแต่งงานกับเยี่ยนจือมาก็หลายปีแล้ว ถ้ายังไม่มีลูกสักคนมันจะดูยังไงอยู่นะ?""แล้วถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยนจือยืนกรานจะแต่งงานกับเธอ เธอคิดว่าแค่ครอบครัวของเธอจะแต่งเข้าตระกูลเสิ่นได้เหรอ?""อย่าไม่รู้จักบุญคุณกันหน่อยเลย เธอไม่อยากมีลูกให้เยี่ยนจือ ข้างนอกมีผู้หญิงตั้งเยอะที่
เสิ่นเยี่ยนจือตัวแข็งทื่อทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดในชั่วพริบตามือที่บีบคางของจี้อี่หนิงกระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ผ่านไปหลายวินาทีกว่าจะปล่อยเธอแล้วหันไปมองเสิ่นซื่อเมื่อสบตากับเสิ่นซื่อที่มองมาด้วยสายตากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม เสิ่นเยี่ยนจือก็ฝืนยิ้มออกมา"ไม่เป็นไรครับ อาเล็กมีธุระอะไรเหรอครับ?"เสิ่นซื่อยิ้มมุมปาก "ย่าของนายให้ฉันมาเรียกพวกนายไปกินข้าว""ครับ รบกวนอาเล็กแล้ว""ไม่รบกวนหรอก แต่ที่นี่ถึงยังไงก็คือบ้านเดิม หลานชายควรระวังหน่อยนะ"ขณะพูด สายตาเขาก็เหลือบมองคางของจี้อี่หนิงที่ถูกบีบจนแดง ดวงตาเต็มไปด้วยแววล้อเลียนเมื่อสังเกตเห็นสายตาของเขาที่มองมาที่จี้อี่หนิง เสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วแล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อบังเธอไว้"อาเล็ก ผมเข้าใจแล้วครับ"ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเขาไม่ค่อยดีนัก มองเสิ่นซื่อด้วยสายตาไม่พอใจ แม้แต่มีท่าทีระแวงอยู่ลึก ๆเสิ่นซื่อหัวเราะเบา ๆ แล้วละสายตาไปอย่างไม่ใส่ใจ"เอาล่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ"หลังจากเสิ่นซื่อจากไป เสิ่นเยี่ยนจือหันมาจะจับมือจี้อี่หนิง แต่เธอกลับหลบมือเขาแล้วเดินผ่านเขาไปเลยเสิ่นเยี่ยนจือรีบไล่ตามเธอแล้วคว้ามือ
เสิ่นเยี่ยนจือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที จ้องมองข้อความนั้นอย่างเคร่งเครียด ดวงตาดำมืดไปด้วยความโกรธทุกครั้งที่เขามีอะไรกับฉินจืออี้ เขาก็ใช้วิธีป้องกันเสมอ ดังนั้นไม่ก็เธอกำลังโกหกเขา ก็คือเธอแอบทำอะไรกับถุงยางอนามัยไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็ล้วนแตะต้องขีดจำกัดของเสิ่นเยี่ยนจือทั้งสิ้นเขาโทรหาฉินจืออี้ทันที "ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?"เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชาและโกรธเกรี้ยวของเขา หัวใจของฉินจืออี้ก็พลันรู้สึกปวดร้าว"บอส ฉันท้องแล้ว คุณไม่ดีใจเลยเหรอคะ?"เสิ่นเยี่ยนจือหัวเราะอย่างเย็นชา "เธอแน่ใจเหรอว่าท้อง แล้วก็เป็นลูกของฉันน่ะ?""บอสคะ ฉันมีแค่คุณคนเดียว ลูกในท้องฉันจะเป็นของคุณหรือเปล่า คุณจะไม่รู้เหรอคะ?"น้ำเสียงของเธอเจือด้วยการต่อว่าและความน้อยใจ แต่เสิ่นเยี่ยนจือกลับรู้สึกเพียงรำคาญ"งั้นก็ทำแท้งซะ"นอกจากจี้อี่หนิง เขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนไหนมามีลูกให้เขาอีกยิ่งไปกว่านั้น สำหรับผู้หญิงอย่างฉินจืออี้ที่เข้าหาเขาเองแบบนี้ เขาก็แค่เล่น ๆ เท่านั้น ไม่เคยจริงเอาจังด้วยเลย"ไม่ค่ะ นี่เป็นลูกของฉันกับคุณ ฉันจะคลอดเขาออกมา"เสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความรำคาญ
เสียงร้องไห้ของฉินจืออี้หยุดชะงักทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความน้อยใจ "บอสคะ ฉันจริงใจกับคุณนะคะ"นึกถึงการวางแผนของผู้หญิงคนนี้ที่มีต่อตน ความรู้สึกรังเกียจก็พลุ่งพล่านในใจของเสิ่นเยี่ยนจือ"ความจริงใจของเธอมีค่าเท่าไหร่กัน?"เขาหยิบบัตรเครดิตใบหนึ่งโยนลงบนโต๊ะ มองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ในนี้มีเงินอยู่สองล้าน เอาเงินไปทำแท้งที่โรงพยาบาลเอง หรือจะให้ฉันสั่งบอดี้การ์ดมัดเธอไปโรงพยาบาล เธอน่าจะรู้ว่าควรจะเลือกยังไงนะ"ฉินจืออี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มือสั่นเทาหยิบบัตรเครดิต แล้วเอามือปิดหน้าวิ่งออกจากร้านอาหารไปเมื่อโทรศัพท์สั่งให้บอดี้การ์ดคอยจับตาดูฉินจืออี้ไปโรงพยาบาล เสิ่นเยี่ยนจือจึงได้วางสายอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นรูปจี้อี่หนิงที่เป็นภาพพื้นหลังหน้าจอ สีหน้าของเขาก็อ่อนโยนลงเล็กน้อยโดยไม่ลังเลเลย เขากดโทรหาเธอทันทีเสียงรอสายดังอยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะรับสาย "มีเรื่องอะไร?"น้ำเสียงเย็นชาของเธอ เหมือนสาดน้ำเย็นลงบนหัว หัวใจของเสิ่นเยี่ยนจือที่เดิมอุ่นขึ้นเล็กน้อยเพราะคิดถึงเธอ พลันเย็นชาลงในทันทีมือที่จับโทรศัพท์บีบแน่นโดยไม่รู้ตัว พยายามควบคุมไม่ให้เธอรู้ว่าตัวเองผิดหวัง"ไม่มีอะไ
เสิ่นเยี่ยนจือตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเผลอพูดออกมาว่า "แต่ทุกครั้งที่คุณไปร้านดอกไม้ คุณก็ซื้อแต่ดอกนี้นี่นา"จี้อี่หนิงหลบตา เขาคงลืมไปแล้วว่าวันที่เขาสารภาพรักกับเธอ ก็ให้ดอกกุหลาบนี่แหละทว่ามันไม่สำคัญอะไรแล้ว แม้แต่ความรู้สึกของพวกเขาเขายังทรยศได้ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ที่เขาไม่ใส่ใจก็เป็นเรื่องปกติ"นั่นมันเมื่อก่อน"จี้อี่หนิงเดินผ่านเขาเข้าห้องนอนไป เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของเสิ่นเยี่ยนจือจับจ้องอยู่ที่เธอตลอด แต่เธอไม่สนใจแล้วว่าเขาจะรู้สึกเสียใจหรือทุกข์ใจกับคำพูดของเธอหรือเปล่าหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงมาชั้นล่าง แม่บ้านได้นำอาหารเย็นมาวางบนโต๊ะแล้ว"นายน้อย นายหญิงน้อย อาหารเย็นเสร็จแล้วค่ะ"จี้อี่หนิงพยักหน้า เดินตรงไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ไม่แม้แต่จะมองเสิ่นเยี่ยนจือเสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร เดินมานั่งตรงข้ามเธออย่างเงียบ ๆป้าหวังสังเกตเห็นบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนไม่ค่อยดี เดาว่าคงทะเลาะกันมาเธออุ้มดอกไม้บนโต๊ะในห้องรับแขกขึ้นมา ยิ้มมองจี้อี่หนิงแล้วพูดว่า "นายหญิงน้อยคะ ดอกไม้นี้ให้จัดแจกันส่งไปไว้ในห้องคุณเหมือนเดิมนะคะ?""ไม่ต้อง โยน
น้ำเสียงสั่งการของเขา ทำให้จี้อี่หนิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว"ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ ฉันก็จะย้ายออกไป"น้ำเสียงเฉยเมยของจี้อี่หนิงทำให้ความโกรธของเสิ่นเยี่ยนจือทวีความรุนแรงขึ้น เสียงของเขาก็ยิ่งดังขึ้นมาก "คุณอย่าลืมนะ ค่ายารักษาพ่อของคุณ…"ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกจี้อี่หนิงขัดขึ้นอย่างเย็นชา"เสิ่นเยี่ยนจือ ถ้าฉันจำไม่ผิด ลูกชายของลุงสองคุณกำลังจะกลับมาจากการเรียนต่อเร็ว ๆ นี้แล้ว คุณก็คงไม่อยากให้เรื่องที่คุณนอกใจถูกคนที่บ้านเดิมรู้ในตอนนี้หรอกใช่ไหม?"เพราะลุงสองของเขาไม่ได้เรื่อง ดังนั้นท่านผู้เฒ่าเสิ่นจึงทุ่มเทความพยายามอย่างมากกับลูกพี่ลูกน้องของเขาเพราะยังไงซะ เสิ่นซื่อกรุ๊ปก็ใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีทางจะให้เสิ่นเยี่ยนจือทั้งหมดได้หรอกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เสิ่นเยี่ยนจือทำตัวดีต่อหน้าท่านผู้เฒ่าเสิ่นมาโดยตลอด ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ จะให้เธอไปพูดเรื่องที่เขานอกใจออกมาได้ในช่วงเวลานี้ไม่ได้จี้อี่หนิงเลือกที่จะย้ายออกไปในเวลานี้ ก็เพราะคำนึงถึงเรื่องนี้เช่นกันที่ปลายสายเงียบไปนาน ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ตามมา"อี่หนิง ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะเป็นกระต่ายที่กัดค
วันจันทร์เวลาแปดโมงเช้า จี้อี่หนิงมาถึงเฉิงหยวนตรงเวลาฝ่ายบุคคลทำเรื่องเข้าทำงานให้เธอเสร็จแล้วพาเธอเดินชมรอบบริษัท ให้เธอคุ้นเคยกับตำแหน่งของแต่ละแผนก จากนั้นพาเธอไปที่ห้องทำงานผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาของตัวเองแล้วก็จากไปผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาชื่อ เจี่ยงหรู เป็นผู้หญิงวัยสี่สิบปีต้น ๆ มีผมสั้นเรียบร้อย ไม่ค่อยยิ้มแย้ม ดูเคร่งขรึมเล็กน้อย"นั่งสิ"หลังจากที่จี้อี่หนิงนั่งลงแล้ว เจี่ยงหรูกล่าวด้วยท่าทางเรียบเฉยว่า "ฉันดูประวัติของเธอแล้ว เธอทำผลงานได้ดีในช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัย แต่หลายปีมานี้ไม่ได้เข้าห้องปฏิบัติการอีก เธอเริ่มจากการเป็นผู้ช่วยก่อนแล้วกัน""ค่ะ"เห็นเธอมีท่าทีสงบ ไม่มีท่าทีไม่พอใจเลยสักนิด เจี่ยงหรูก็รู้สึกพอใจอยู่ในใจเธอชอบลูกน้องที่ทำงานอย่างตั้งใจและจริงจัง ตอนนี้ดูเหมือนว่าจี้อี่หนิงจะเป็นคนที่มีความตั้งใจดีเธอลุกขึ้นยืนและมองไปที่จี้อี่หนิง "ฉันจะพาเธอไปพบปะเพื่อนร่วมงาน"เจี่ยงหรูพาจี้อี่หนิงเข้าไปในแผนกวิจัยและพัฒนา แล้วพูดเสียงดังว่า "ทุกคนหยุดงานสักครู่ วันนี้แผนกของเรามีสมาชิกใหม่ อี่หนิง แนะนำตัวหน่อยสิ"จี้อี่หนิงก้าวไปข้างหน้า ยิ้มเล็กน้อ
ในดวงตาของเฉินหลั่งแวบแสยะเยาะ "ทำไมคนอื่นพูดได้ แต่คนอื่นพูดถึงคุณไม่ได้?"หวงอีเหรินลุกขึ้นยืน หัวเราะเย็นๆ "คิดว่าการปกป้องฉีรั่วอวี่ให้เสิ่นซื่อ จะทำให้คุณร่วมมือกับชิงหงได้เหรอ? คนโง่!"ในใจเฉินหลั่งคิดเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่เมื่อหวงอีเหรินเปิดเผยต่อหน้าทุกคน ใบหน้าของเขาก็พลันซีดเผือด"ผมว่าเธอกำลังมีปมด้อยเรื่องความรัก และอยากกัดคนทุกคนที่เจอ""แก!"หวงอีเหรินโกรธจนหน้าเขียว ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พูดเย็นๆ ว่า "อย่าให้ต้องเสียใจภายหลัง!"พูดจบ เธอหมุนตัวเดินออกจากห้องรับรองด้วยฝีเท้าเร็วตลอดเหตุการณ์เสิ่นซื่อเพียงมองดูเหตุการณ์นี้ด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆห้องรับรองเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ฉีรั่วอวี่ในใจกลับไม่อาจสงบนิ่งได้ เมื่อก่อนถึงคนอื่นนินทาเธอลับหลังเสิ่นซื่อไม่เคยปล่อยผ่านแต่เมื่อครู่หวงอีเหรินกล่าวหาเธอต่อหน้าเขาว่าเป็นชู้ เสิ่นซื่อกลับไร้ปฏิกิริยาดูเหมือนเขาไม่รักเธาจริงๆ แล้วหากไม่ใช่เพราะเธอเคยช่วยชีวิตเขาในอดีต บังคับเขาด้วยคุณงามความดี บางทีเขาอาจไม่ให้เธาเข้าใกล้เลยสักนิดคิดถึงตรงนี้ เธอรู้สึกอึดอัดที่หน้าอกเ
ดวงตาของเขามืดลงทันที สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรเลย เพียงแต่ดึงแขนออกจากมือของฉีรั่วอวี่และเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้เธอที่สุดออกไป แล้วพูดเสียงต่ำว่า: "นั่งลงเถอะ"พูดจบ เขาก็ไม่มองไปที่ฉีรั่วอวี่อีก และนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆรอยยิ้มบนใบหน้าของฉีรั่วอวี่เริ่มยากที่จะคงอยู่ แต่ไม่นานเธอก็กลับมามีสีหน้าปกติ และนั่งลงข้างๆเสิ่นซื่อบางคนอาจมองไม่เห็น แต่เหนียเว่ยชิงสามารถรับรู้ถึงความเย็นชาของเสิ่นซื่อที่มีต่อฉีรั่วอวี่ได้สองคนดูเหมือนจะไม่ได้คืนดีกัน แต่ถ้าไม่ได้คืนดี เสิ่นซื่อคงไม่มาปรากฏตัวกับเธอกดความรู้สึกแปลกๆ ลงไป เขายิ้มแล้วเอ่ยว่า: "ดีแล้ว คืนนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับรั่วอวี่เรา ยินดีที่ทุกคนสละเวลามานะครับ"ห้องรับรองเริ่มครึกครื้น หัวข้อสนทนาของทุกคนเกือบทั้งหมดล้อมรอบฉีรั่วอวี่ชั่วขณะหนึ่ง ฉีรั่วอวี่รู้สึกถึงความรู้สึกเหมือนเมื่อครั้งที่อยู่กับเสิ่นซื่อราวกับว่าเป็นดวงดาวที่ทุกคนล้อมรอบเธอรู้ดีว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเสิ่นซื่อมากับเธาในวันนี้ พวกนี้จะไม่มีทางแสดงความกระตือรือร้นขนาดนี้ไม่เป็นไร เป้าหมายสุดท้ายของเธอในการกลับประเทศครั้งนี้ คือการแต่งงานกับเสิ่นซื่อและกลายเป็นคุณ
ตอนเย็น จี้อี่หนิงได้รับโทรศัพท์จากสือเวยนัดทานอาหารเย็นด้วยกันเมื่อจี้อี่หนิงมาถึงร้านอาหาร สือเวยยังไม่มาถึงเพิ่งนั่งลงได้ไม่นาน ก็มีเงาคุ้นตาปรากฏที่ประตูสายตาของจี้อี่หนิงมองไปที่ผู้หญิงข้างๆเสิ่นซื่อสวมชุดยาวสีขาวคอปิด แต่งหน้าบางเบา ยิ้มอ่อนๆ หน้าตาเป็นสาวสวยสง่า เห็นแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นสาวสวยมีเสน่ห์แม้จี้อี่หนิงไม่เคยเห็นฉีรั่วอวี่มาก่อน แต่จากท่าทางที่สนิทสนมกับเสิ่นซื่อก็พอเดาได้ว่าเธอคือใครเธอรีบหดสายตากลับอย่างรวดเร็ว ก้มหน้าทำเป็นไม่เห็นอะไรแต่เธอไม่รู้ตัวว่า ในขณะที่เธอก้มหน้านั้น เสิ่นซื่อก็มองมาที่เธอเช่นกันรู้สึกได้ว่าเสิ่นซื่อหยุดเดิน ฉีรั่วอวี่สงสัยจึงเงยหน้าขึ้น เห็นเขามองไปที่จุดหนึ่ง จึงมองตาม มือที่จับแขนเขาก็เกร็งขึ้นโดยไม่รู้ตัวก่อนกลับประเทศ เธอเคยเห็นรูปของจี้อี่หนิงมาแล้วในรูปถ่ายจี้อี่หนิงสวยมากจนแม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังหลงใหลสัญชาตญาณของผู้หญิงบอกเธอว่า ถ้าไม่รีบกลับประเทศ เสิ่นซื่อก็จะถูกผู้หญิงคนนี้แย่งไป ดังนั้นเธอจึงกลับมาแต่เธอไม่คิดเลยว่า จี้อี่หนิงตัวจริงยังสวยกว่าในรูปอีก ผิวขาว หน้าตาดี นัยน์ตางดงาม เพียงแค่นั่งนิ่งๆ ก็สามารถด
"ผมคิดว่าเธอไม่มีทางจะพูดกับผมอีกแล้ว"เสิ่นซื่อจับคางของเธอ บังคับให้เธอเงยหน้ามองเขาจี้อี่หนิงผลักมือของเขาออกอย่างแรง พูดเย็นชา "ประธานเสิ่น ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ และการกระทำของคุณนี่ถือเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันแจ้งความ กรุณาวาง... อือ..."เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเสิ่นซื่อจูบจี้อี่หนิงตกใจชั่วครู่ แล้วกัดเขาอย่างแรง รสเลือดกระจายในปากเสิ่นซื่อปล่อยเธอ สีหน้าดูมืดครึ้ม "เธอเป็นสุนัขเหรอ?"มองเห็นริมฝีปากล่างของเขาถูกกัดจนเลือดไหล จี้อี่หนิงหัวเราะเย็น "ถ้าคุณยังกล้าแตะต้องฉันอีก นี่เป็นแค่เริ่มต้นเท่านั้น"เสิ่นซื่อเช็ดเลือดที่มุมปาก ยกคิ้วกล่าวว่า "เธอเพิ่งบอกว่าผมล่วงละเมิดทางเพศ ผมก็ทำให้เป็นความจริงเลย มิฉะนั้นจะไม่คุ้มค่ากับข้อหาที่ถูกกล่าวหา""ตอนนี้คุณปล่อยฉันได้หรือยัง?""ถ้าเธอสัญญาว่าจะรักษาระยะห่างกับเวินลี่เจ๋อ ผมจะปล่อยเธอทันที"จี้อี่หนิงพยักหน้า "ได้ ถ้าคุณก็สามารถรักษาระยะห่างกับฉีรั่วอวี่ เช่นกัน"รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นซื่อค้าง คิ้วขมวดเข้า "อี่หนิง ผมขอเวลาสามเดือน""ฉันบอกแล้วว่าจะไม่รอ ฉันจะไม่รอคอย นับตั้งแต่คุณหลอกฉัน ความสัมพั
“ลี่เจ๋อเขาเห็นเธอเป็นน้องสาว แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดตรงๆ แต่ผู้หญิงที่ไปนัดดูตัวกับเขาบอกว่าลี่เจ๋อพาผู้หญิงคนหนึ่งไปด้วย บอกว่าเป็นแฟนของเขา”“เขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ในเมืองเซินไม่มีใครที่เขารู้จัก ผู้หญิงที่เขาพาไปนัดดูตัว ถ้าไม่ใช่เธอจะเป็นใครได้อีก?”จี้อี่หนิงดวงตาเป็นประกาย มองไปที่เวินจิ้งหงแล้วพูดว่า: “น้าเวินคุณไม่ควรทบทวนตัวเองก่อนหรือเปล่า? เขาเพิ่งกลับมา งานก็ยังไม่มั่นคง ทำไมถึงรีบพาเขาไปดูตัวล่ะ?”เวินจิ้งหงหัวเราะเยาะ เสียงเต็มไปด้วยความเย็นชา “ลี่เจ๋อเขาไม่เหมือนเธอที่เคยแต่งงานมาแล้ว ต่อไปจะหาผู้ชายที่เคยแต่งงานมาแล้วก็ได้ ฉันก็ต้องเป็นห่วงหน่อยสิ ถ้าไม่มีธุระอะไร อย่าไปยุ่งกับเขา เดี๋ยวจะทำให้เขามีปัญหาความรักเหมือนเธออีก!”สายตาของจี้อี่หนิงก็เย็นลง กำลังจะพูด บังเอิญมีเสียงเลื่อนเก้าอี้ดังขึ้นเธอหันไปโดยอัตโนมัติ ก็เห็นว่าเสิ่นซื่อมานั่งข้างเธอแล้วเขายิ้มมุมปาก แต่แววตากลับไร้ซึ่งความอบอุ่น ทำให้รู้สึกหนาวจับใจ“คุณนายจี้ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? ผมไม่ได้ยิน ช่วยพูดอีกทีได้ไหม?”เมื่อสบตากับสายตาเย็นเฉียบของเสิ่นซื่อ เวินจิ้งหงไม่มีท่าทีกร่างแบบเมื่อครู
พอเขาตั้งสติได้หลังจากฟังคำพูดของจี้อี่หนิงสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มทันที“เธออย่าได้มาเสียใจทีหลังแล้วกัน!”เสิ่นเยี่ยนจือเดินจากไปด้วยความโกรธจี้อี่หนิงยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ก้มหน้ากินข้าวต่อเห็นว่าเธอไม่มีท่าทีเสียใจเลยสักนิดเวินลี่เจ๋อก็ก้มตาลงเล็กน้อย มุมปากยกขึ้น“ดูเหมือนว่าเธอจะปล่อยวางได้จริง ๆ แล้ว”จี้อี่หนิงตอบอย่างสงบ “แค่คนเฮงซวยคนหนึ่ง ไม่คุ้มค่าที่จะเสียใจด้วยซ้ำ”เวินลี่เจ๋อพยักหน้า สีหน้าแสดงความจริงจัง “อืม ต่อไปเธอจะได้เจอคนที่ดีกว่านี้แน่นอน”จี้อี่หนิงไม่พูดอะไรต่อ ตอนนี้เธอคิดว่า แทนที่จะเอาเวลาไปมีความรัก สู้ตั้งใจทำงานให้ดีดีกว่าหลังจากกินข้าวเสร็จเวินลี่เจ๋อก็ไปส่งจี้อี่หนิงกลับโรงแรมก่อนถึงจะกลับบ้านพอเปิดประตูเข้าบ้าน ก็เห็นเวินจิ้งหงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าโมโห เขาแสดงความแปลกใจพลางถอดรองเท้าไปด้วย “แม่ คืนนี้แม่ไม่ไปโรงพยาบาลเหรอ?”“เรื่องนัดดูตัววันนั้นมันยังไงกันแน่?! แม่ได้ยินมาว่าแกพาผู้หญิงคนหนึ่งไปด้วย?”“อืม”“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร? หรือว่าเป็นจี้อี่หนิง?”วันนั้นคนที่ไปดูตัวกับเวินลี่เจ๋อคือลูกสาวของเพื่อนสนิทของเวินจิ้งหงเดิมทีเธอค
เสิ่นซื่อมองลึกลงไปในดวงตา “อี่หนิงฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องอะไรจากเธอ อีกสามเดือน ฉันจะบอกทุกอย่างกับเธอ”“ไม่จำเป็น ฉันไม่สนใจ หวังว่าประธานเสิ่นจะไม่มาหาฉันอีก”พูดจบ เธอก็เดินผ่านเสิ่นซื่อไปทันทีในอีกไม่กี่วันต่อมาเสิ่นซื่อไม่ได้มาหาเธออีก แต่ข่าวลือเรื่องเขากับฉีรั่วอวี่กลับแพร่กระจายไปทั่วบริษัทตอนแรกเสวียนหมิงหมิงยังรู้สึกโกรธอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าจี้อี่หนิงไม่ได้สนใจเลย สุดท้ายก็ไม่ได้พูดถึงต่อหน้าเธออีกชีวิตของจี้อี่หนิงค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ ทุกวันนอกจากไปทำงาน เธอก็ให้เอเจนซี่พาไปดูบ้าน เพราะอยู่โรงแรมตลอดมันก็ไม่สะดวกเย็นวันศุกร์หลังเลิกงานจี้อี่หนิงกำลังจะกลับบ้าน ก็ถูกเวินลี่เจ๋อขวางไว้“อี่หนิงช่วงนี้เธอกำลังหาบ้านอยู่เหรอ?”จี้อี่หนิงมักจะดูบ้านที่เอเจนซี่ส่งมาให้ตอนพักเที่ยง บางทีก็ใช้แอปในมือถือหาเอง ดังนั้นที่เวินลี่เจ๋อรู้ก็ไม่แปลก“อืม มีอะไรเหรอ?”“ช่วงนี้ฉันก็กำลังหาบ้านอยู่เหมือนกัน ถ้าเราหาด้วยกันดีมั้ย? ถ้าอยู่ใกล้กัน เวลามีอะไรก็ช่วยเหลือกันได้”จี้อี่หนิงขมวดคิ้ว กำลังจะปฏิเสธ แต่เวินลี่เจ๋อก็พูดต่อ “เมื่อคืนฉันไปหาลุงจี้เขากับแ
น้ำเสียงของจี้อี่หนิงเต็มไปด้วยความรำคาญ ชัดเจนว่าเธอไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับเขาอีกต่อไปเสิ่นซื่อสายตาลึกลง “ผมรู้ ผมมาหาเธอเพราะเรื่องส่วนตัว ตอนนี้ผมอยู่ข้างล่างโรงแรมของเธอ”จี้อี่หนิงหัวเราะเยาะเบาๆ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความประชด “ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว งั้นเราก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องคุยกัน ฉันจะไม่ลงไป รบกวนคุณกลับไปเถอะ”พูดจบ จี้อี่หนิงก็วางสายเสิ่นซื่อโทรกลับไปอีกครั้ง ก็พบว่าถูกบล็อกเข้าให้ สีหน้าก็มืดลงทันทีในเมื่อเธอไม่ยอมลงมา เขาก็ต้องขึ้นไปหาเธอด้วยตัวเองเขาผลักประตูรถเตรียมจะลง แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อนพอเห็นว่าเป็นฉีรั่วอวี่โทรมา มือที่จับโทรศัพท์ของเสิ่นซื่อก็แน่นจนเริ่มซีดลังเลไปชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับสายหลังจากนั้น รถไมบัคสีดำก็แล่นออกไปจากหน้าโรงแรมเวลาประมาณสองทุ่ม จี้อี่หนิงกำลังดูซีรีส์อยู่ ทันใดนั้นก็มีข้อความแจ้งเตือนเป็นภาพจากเสวียนหมิงหมิงจี้อี่หนิงหยุดวิดีโอแล้วกดเปิดภาพ พอเห็นเนื้อหาในภาพ คิ้วก็ขมวดโดยไม่รู้ตัว【พี่อี่หนิง ประธานเสิ่นนี่มันเกินไปแล้วนะ เพิ่งเลิกกับเธอไม่กี่วัน ก็ควงแฟนเก่าเดินช็อปปิ้งด้วยกัน แถมยังถูกนักข่าวบันเทิงถ่ายได้อ
ในที่สุด สายตาเย็นชาของเสิ่นซื่อก็ละจากจี้อี่หนิงแล้วหันไปมองเวินลี่เจ๋อที่อยู่ข้างๆ“ไปกันเถอะ”เวินลี่เจ๋อพยักหน้า แล้วหันหลังพาเสิ่นซื่อเดินไปยังห้องทำงานซุนสิงไม่ได้ตามไป เขารอจนทั้งสองคนเข้าไปในห้องทำงานแล้วจึงหันไปมองจี้อี่หนิง“คุณจี้ครับ เรื่องที่ประธานเสิ่นพูดเมื่อกี้ อย่าใส่ใจเลย จริงๆ เขา…”พูดยังไม่ทันจบก็ถูกจี้อี่หนิงขัดขึ้น “เลขาซุน ฉันไม่ใส่ใจหรอกค่ะ แต่ฉันแค่มาทำงานที่ชิงหงเท่านั้น ไม่ได้เป็นพนักงานของที่นี่ ถ้าไม่ใช่ความผิดพลาดในการทำงาน ประธานเสิ่นก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน”ซุนสิงถึงกับพูดไม่ออก สุดท้ายก็ได้แค่ถอนหายใจผ่านไปกว่าสิบนาที เวินลี่เจ๋อกับเสิ่นซื่อก็ออกมาจากห้องทำงาน จี้อี่หนิงทำเหมือนไม่เห็นเขา หันหลังเดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีสายตาของเสิ่นซื่อลึกขึ้นเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรหลังจากส่งเสิ่นซื่อกลับไปแล้ว เวินลี่เจ๋อก็เดินกลับห้องทำงาน มาที่โต๊ะของจี้อี่หนิง“อี่หนิง ผมอยากคุยกับเธอสักหน่อย”จี้อี่หนิงไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ถ้าเป็นเรื่องเมื่อกี้ก็ไม่ต้องพูดหรอก ฉันไม่คิดว่าฉันทำอะไรผิด”เสวียนหมิงหมิงที่อยู่ใกล้ๆ แอบตั้งใจฟังอย่างไม่รู้ตัว