เสิ่นเยี่ยนจือตัวแข็งทื่อทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดในชั่วพริบตามือที่บีบคางของจี้อี่หนิงกระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ผ่านไปหลายวินาทีกว่าจะปล่อยเธอแล้วหันไปมองเสิ่นซื่อเมื่อสบตากับเสิ่นซื่อที่มองมาด้วยสายตากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม เสิ่นเยี่ยนจือก็ฝืนยิ้มออกมา"ไม่เป็นไรครับ อาเล็กมีธุระอะไรเหรอครับ?"เสิ่นซื่อยิ้มมุมปาก "ย่าของนายให้ฉันมาเรียกพวกนายไปกินข้าว""ครับ รบกวนอาเล็กแล้ว""ไม่รบกวนหรอก แต่ที่นี่ถึงยังไงก็คือบ้านเดิม หลานชายควรระวังหน่อยนะ"ขณะพูด สายตาเขาก็เหลือบมองคางของจี้อี่หนิงที่ถูกบีบจนแดง ดวงตาเต็มไปด้วยแววล้อเลียนเมื่อสังเกตเห็นสายตาของเขาที่มองมาที่จี้อี่หนิง เสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วแล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อบังเธอไว้"อาเล็ก ผมเข้าใจแล้วครับ"ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเขาไม่ค่อยดีนัก มองเสิ่นซื่อด้วยสายตาไม่พอใจ แม้แต่มีท่าทีระแวงอยู่ลึก ๆเสิ่นซื่อหัวเราะเบา ๆ แล้วละสายตาไปอย่างไม่ใส่ใจ"เอาล่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ"หลังจากเสิ่นซื่อจากไป เสิ่นเยี่ยนจือหันมาจะจับมือจี้อี่หนิง แต่เธอกลับหลบมือเขาแล้วเดินผ่านเขาไปเลยเสิ่นเยี่ยนจือรีบไล่ตามเธอแล้วคว้ามือ
เสิ่นเยี่ยนจือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที จ้องมองข้อความนั้นอย่างเคร่งเครียด ดวงตาดำมืดไปด้วยความโกรธทุกครั้งที่เขามีอะไรกับฉินจืออี้ เขาก็ใช้วิธีป้องกันเสมอ ดังนั้นไม่ก็เธอกำลังโกหกเขา ก็คือเธอแอบทำอะไรกับถุงยางอนามัยไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็ล้วนแตะต้องขีดจำกัดของเสิ่นเยี่ยนจือทั้งสิ้นเขาโทรหาฉินจืออี้ทันที "ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?"เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชาและโกรธเกรี้ยวของเขา หัวใจของฉินจืออี้ก็พลันรู้สึกปวดร้าว"บอส ฉันท้องแล้ว คุณไม่ดีใจเลยเหรอคะ?"เสิ่นเยี่ยนจือหัวเราะอย่างเย็นชา "เธอแน่ใจเหรอว่าท้อง แล้วก็เป็นลูกของฉันน่ะ?""บอสคะ ฉันมีแค่คุณคนเดียว ลูกในท้องฉันจะเป็นของคุณหรือเปล่า คุณจะไม่รู้เหรอคะ?"น้ำเสียงของเธอเจือด้วยการต่อว่าและความน้อยใจ แต่เสิ่นเยี่ยนจือกลับรู้สึกเพียงรำคาญ"งั้นก็ทำแท้งซะ"นอกจากจี้อี่หนิง เขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนไหนมามีลูกให้เขาอีกยิ่งไปกว่านั้น สำหรับผู้หญิงอย่างฉินจืออี้ที่เข้าหาเขาเองแบบนี้ เขาก็แค่เล่น ๆ เท่านั้น ไม่เคยจริงเอาจังด้วยเลย"ไม่ค่ะ นี่เป็นลูกของฉันกับคุณ ฉันจะคลอดเขาออกมา"เสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความรำคาญ
เสียงร้องไห้ของฉินจืออี้หยุดชะงักทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความน้อยใจ "บอสคะ ฉันจริงใจกับคุณนะคะ"นึกถึงการวางแผนของผู้หญิงคนนี้ที่มีต่อตน ความรู้สึกรังเกียจก็พลุ่งพล่านในใจของเสิ่นเยี่ยนจือ"ความจริงใจของเธอมีค่าเท่าไหร่กัน?"เขาหยิบบัตรเครดิตใบหนึ่งโยนลงบนโต๊ะ มองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ในนี้มีเงินอยู่สองล้าน เอาเงินไปทำแท้งที่โรงพยาบาลเอง หรือจะให้ฉันสั่งบอดี้การ์ดมัดเธอไปโรงพยาบาล เธอน่าจะรู้ว่าควรจะเลือกยังไงนะ"ฉินจืออี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มือสั่นเทาหยิบบัตรเครดิต แล้วเอามือปิดหน้าวิ่งออกจากร้านอาหารไปเมื่อโทรศัพท์สั่งให้บอดี้การ์ดคอยจับตาดูฉินจืออี้ไปโรงพยาบาล เสิ่นเยี่ยนจือจึงได้วางสายอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นรูปจี้อี่หนิงที่เป็นภาพพื้นหลังหน้าจอ สีหน้าของเขาก็อ่อนโยนลงเล็กน้อยโดยไม่ลังเลเลย เขากดโทรหาเธอทันทีเสียงรอสายดังอยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะรับสาย "มีเรื่องอะไร?"น้ำเสียงเย็นชาของเธอ เหมือนสาดน้ำเย็นลงบนหัว หัวใจของเสิ่นเยี่ยนจือที่เดิมอุ่นขึ้นเล็กน้อยเพราะคิดถึงเธอ พลันเย็นชาลงในทันทีมือที่จับโทรศัพท์บีบแน่นโดยไม่รู้ตัว พยายามควบคุมไม่ให้เธอรู้ว่าตัวเองผิดหวัง"ไม่มีอะไ
เสิ่นเยี่ยนจือตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเผลอพูดออกมาว่า "แต่ทุกครั้งที่คุณไปร้านดอกไม้ คุณก็ซื้อแต่ดอกนี้นี่นา"จี้อี่หนิงหลบตา เขาคงลืมไปแล้วว่าวันที่เขาสารภาพรักกับเธอ ก็ให้ดอกกุหลาบนี่แหละทว่ามันไม่สำคัญอะไรแล้ว แม้แต่ความรู้สึกของพวกเขาเขายังทรยศได้ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ที่เขาไม่ใส่ใจก็เป็นเรื่องปกติ"นั่นมันเมื่อก่อน"จี้อี่หนิงเดินผ่านเขาเข้าห้องนอนไป เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของเสิ่นเยี่ยนจือจับจ้องอยู่ที่เธอตลอด แต่เธอไม่สนใจแล้วว่าเขาจะรู้สึกเสียใจหรือทุกข์ใจกับคำพูดของเธอหรือเปล่าหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงมาชั้นล่าง แม่บ้านได้นำอาหารเย็นมาวางบนโต๊ะแล้ว"นายน้อย นายหญิงน้อย อาหารเย็นเสร็จแล้วค่ะ"จี้อี่หนิงพยักหน้า เดินตรงไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ไม่แม้แต่จะมองเสิ่นเยี่ยนจือเสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร เดินมานั่งตรงข้ามเธออย่างเงียบ ๆป้าหวังสังเกตเห็นบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนไม่ค่อยดี เดาว่าคงทะเลาะกันมาเธออุ้มดอกไม้บนโต๊ะในห้องรับแขกขึ้นมา ยิ้มมองจี้อี่หนิงแล้วพูดว่า "นายหญิงน้อยคะ ดอกไม้นี้ให้จัดแจกันส่งไปไว้ในห้องคุณเหมือนเดิมนะคะ?""ไม่ต้อง โยน
น้ำเสียงสั่งการของเขา ทำให้จี้อี่หนิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว"ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ ฉันก็จะย้ายออกไป"น้ำเสียงเฉยเมยของจี้อี่หนิงทำให้ความโกรธของเสิ่นเยี่ยนจือทวีความรุนแรงขึ้น เสียงของเขาก็ยิ่งดังขึ้นมาก "คุณอย่าลืมนะ ค่ายารักษาพ่อของคุณ…"ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกจี้อี่หนิงขัดขึ้นอย่างเย็นชา"เสิ่นเยี่ยนจือ ถ้าฉันจำไม่ผิด ลูกชายของลุงสองคุณกำลังจะกลับมาจากการเรียนต่อเร็ว ๆ นี้แล้ว คุณก็คงไม่อยากให้เรื่องที่คุณนอกใจถูกคนที่บ้านเดิมรู้ในตอนนี้หรอกใช่ไหม?"เพราะลุงสองของเขาไม่ได้เรื่อง ดังนั้นท่านผู้เฒ่าเสิ่นจึงทุ่มเทความพยายามอย่างมากกับลูกพี่ลูกน้องของเขาเพราะยังไงซะ เสิ่นซื่อกรุ๊ปก็ใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีทางจะให้เสิ่นเยี่ยนจือทั้งหมดได้หรอกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เสิ่นเยี่ยนจือทำตัวดีต่อหน้าท่านผู้เฒ่าเสิ่นมาโดยตลอด ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ จะให้เธอไปพูดเรื่องที่เขานอกใจออกมาได้ในช่วงเวลานี้ไม่ได้จี้อี่หนิงเลือกที่จะย้ายออกไปในเวลานี้ ก็เพราะคำนึงถึงเรื่องนี้เช่นกันที่ปลายสายเงียบไปนาน ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ตามมา"อี่หนิง ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะเป็นกระต่ายที่กัดค
วันจันทร์เวลาแปดโมงเช้า จี้อี่หนิงมาถึงเฉิงหยวนตรงเวลาฝ่ายบุคคลทำเรื่องเข้าทำงานให้เธอเสร็จแล้วพาเธอเดินชมรอบบริษัท ให้เธอคุ้นเคยกับตำแหน่งของแต่ละแผนก จากนั้นพาเธอไปที่ห้องทำงานผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาของตัวเองแล้วก็จากไปผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาชื่อ เจี่ยงหรู เป็นผู้หญิงวัยสี่สิบปีต้น ๆ มีผมสั้นเรียบร้อย ไม่ค่อยยิ้มแย้ม ดูเคร่งขรึมเล็กน้อย"นั่งสิ"หลังจากที่จี้อี่หนิงนั่งลงแล้ว เจี่ยงหรูกล่าวด้วยท่าทางเรียบเฉยว่า "ฉันดูประวัติของเธอแล้ว เธอทำผลงานได้ดีในช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัย แต่หลายปีมานี้ไม่ได้เข้าห้องปฏิบัติการอีก เธอเริ่มจากการเป็นผู้ช่วยก่อนแล้วกัน""ค่ะ"เห็นเธอมีท่าทีสงบ ไม่มีท่าทีไม่พอใจเลยสักนิด เจี่ยงหรูก็รู้สึกพอใจอยู่ในใจเธอชอบลูกน้องที่ทำงานอย่างตั้งใจและจริงจัง ตอนนี้ดูเหมือนว่าจี้อี่หนิงจะเป็นคนที่มีความตั้งใจดีเธอลุกขึ้นยืนและมองไปที่จี้อี่หนิง "ฉันจะพาเธอไปพบปะเพื่อนร่วมงาน"เจี่ยงหรูพาจี้อี่หนิงเข้าไปในแผนกวิจัยและพัฒนา แล้วพูดเสียงดังว่า "ทุกคนหยุดงานสักครู่ วันนี้แผนกของเรามีสมาชิกใหม่ อี่หนิง แนะนำตัวหน่อยสิ"จี้อี่หนิงก้าวไปข้างหน้า ยิ้มเล็กน้อ
เจี่ยงหรูหันไปมองจี้อี่หนิง "หลายวันมานี้เธอได้ความรู้อะไรจากห้องปฏิบัติการไปบ้าง?""ฉันเคยสังเกตค่ะ ตอนนี้สิ่งที่ห้องปฏิบัติการกําลังทําคือการวิจัยพัฒนายารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ปัจจุบันการวิจัยและพัฒนายาคืบหน้าประมาณ 50% และกําลังเตรียมที่จะใช้หนูทดลองเป็นขั้นตอนการทดลอง"สีหน้าของเจี่ยงหรูที่ได้ยินดังนั้นก็ดีขึ้นมาหน่อย พร้อมกับแววตาที่หันไปมองจี้อี่หนิงก็แฝงไปด้วยความชื่นชม"ดีมาก สำหรับการใช้เครื่องมือทดลอง เธอได้เรียนรู้เป็นยังไงบ้าง?""ก็ศึกษาจนพอได้หมดแล้วค่ะ"หลิ่วอี๋หนิงที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วหันไปมองจี้อี่หนิง "อี่หนิง ฉันรู้ว่าเธอต้องการที่จะทำการทดลองด้วยตัวเองโดยเร็วที่สุด แต่เธอต้องรู้ว่าการทดลองเป็นสิ่งที่เข้มงวดมาก อีกทั้งมีเครื่องมือหลายชนิดที่ช่วงนี้เรายังไม่เคยใช้ ทำไมเธอถึงพูดว่าเธอศึกษาจนพอได้หมดแล้วล่ะ?"สีหน้าของจี้อี่หนิงนั้นสงบนิ่ง "เครื่องมือพวกนี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันเคยใช้หมดแล้ว""เธอเองก็บอกว่าเรียนในมหาวิทยาลัย เธอไม่ได้เข้าห้องปฏิบัติการมาหลายปีแล้ว ต้องเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น สิ่งที่เราทําคือการพัฒนายา จะประมาทไม่ได้แม้แต่น้อยเลยนะ
สีหน้าของจี้อี่หนิงเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับรีบแย่งโทรศัพท์คืนจากเสิ่นเยี่ยนจือกะทันหัน"ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!"เสิ่นเยี่ยนจือคว้ามือของเธอไว้"ผมจะไปกับคุณ"ก็ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงปฏิเสธ เขาดึงจี้อี่หนิงออกไปข้างนอกทันทีจี้อี่หนิงพยายามสะบัดมือเขา แต่ไม่สำเร็จและอดขมวดคิ้วไม่ได้"ปล่อยฉันนะ ฉันเดินเองได้"เสิ่นเยี่ยนจือหันหน้ากลับมามองเธอ สีหน้าเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย "อี่หนิง ตอนนี้คุณพ่อร่างกายสำคัญกว่า เรื่องที่เราทะเลาะกันค่อยเคลียร์ทีหลัง ได้ไหม?"เดิมทีจี้อี่หนิงอยากจะบอกว่าระหว่างพวกเขาไม่ใช่การทะเลาะกันธรรมดา แต่ตอนนี้เรื่องของพ่อของเธอสําคัญกว่า เธอจึงขี้เกียจเถียงกับเขาอีกทั้งสองรีบไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน จากนั้นก็เห็นเวินจิ้งหงนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างทางเดินและรออย่างใจจดใจจ่อ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ จี้อี่หนิงก็รีบก้าวไปข้างหน้า"คุณน้าคะ มันเกิดบ้าอะไรขึ้น? อาการของพ่อฉันทรงตัวมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ ๆ ถึงเป็นลมกะทันหัน?"ก่อนหน้านี้หมอเคยกล่าวไว้ว่า ตราบใดที่จี้เหว่ยหงไม่ถูกกระตุ้น อาการป่วยโดยทั่วไปก็จะทรงตัวได้เมื่อเห็นจี้อี่หนิง เวินจิ้งหงอดไม่ได้ที่จะสะอึกสะอื้น ผ
"อื้อ..."จี้อี่หนิงเบิกตากว้าง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึงเขาบ้าไปแล้วหรือไง?!ครั้งก่อนเขาบังคับจูบเธอในห้องส่วนตัว ตอนนี้กลับกล้าทำแบบนี้ในที่สาธารณะ...ถ้ามีใครมาเห็นเข้า ไม่รู้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างเธอยกมือดันอกเขาหวังจะผลักเขาออกไป แต่ร่างของเขาแข็งแกร่งราวกับกำแพงเหล็ก ต่อให้เธอพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถขยับเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว“อาเล็ก... อื้อ... ปล่อย... ปล่อยฉัน...”เสิ่นซื่อแนบตัวแน่นกับเธอ ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความโกรธเธอวางแผนให้เสิ่นซื่อเยี่ยนลักพาตัวเธอโดยไม่บอกเขายังพอว่า นี่ยังคิดจะตัดสัมพันธ์กับเขาอีกงั้นเหรอ?ฝันไปเถอะ!เห็นว่าเสิ่นซื่อไม่มีท่าทีจะปล่อยเธอ จี้อี่หนิงก็โกรธเช่นกัน เธอจึงกัดริมฝีปากของเขาเสิ่นซื่ออย่างแรงเสิ่นซื่อเจ็บจนต้องผละออกไป ก่อนจะแสยะยิ้มเย็นชา “เธอเป็นหมาหรือไง?”“มันไม่เกี่ยวกับคุณ! อย่าลืมนะว่า ฉันเป็นภรรยาของหลานชายของคุณ!”เห็นว่าเธอใช้สถานะมากดดันตัวเอง เสิ่นซื่อก็เลิกคิ้วขึ้น “เธอส่งพ่อของเสิ่นเยี่ยนจือเข้าคุก คิดว่าเขายังอยากเป็นสามีของเธออยู่เหรอ?”“มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณเหมือนกัน! ถ้าคุณไม่ปล่อยฉัน ฉันจะตะโกน
เขาโกรธที่เธอไม่ปรึกษาเขาก่อน แต่กลับทำเรื่องอันตรายขนาดนั้นอีกอย่างเสิ่นซื่อเยี่ยนทำให้ตระกูลจี้ล้มละลาย ตัวเขาเองก็เป็นคนตระกูลเสิ่นเช่นกัน เขาไม่แน่ใจว่าจี้อี่หนิงจะเกลียดเขาด้วยหรือเปล่าเสิ่นซื่อนั่งอยู่ในรถนานพักใหญ่ กำลังจะขับออกไป ก็เห็นจี้อี่หนิงใส่ชุดอยู่บ้าน ถือถุงขยะสองใบเดินออกมาจากตึกสายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอโดยไม่รู้ตัว ดวงตาที่เย็นชาเมื่อครู่ค่อย ๆ อ่อนโยนลงจี้อี่หนิงก็เห็นรถของเขาเช่นกัน เธอชะงักเท้าไปเล็กน้อยหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอโยนขยะลงถัง แล้วตัดสินใจเดินไปที่รถของเสิ่นซื่อพอเธอยืนห่างจากรถแค่ไม่กี่ก้าว กระจกฝั่งคนขับก็ค่อย ๆ ลดลงสายตาของทั้งสองคนสบกัน ไม่มีใครพูดอะไรผ่านไปพักใหญ่จี้อี่หนิงกัดริมฝีปากล่าง มองเสิ่นซื่อแล้วพูดอย่างช้า ๆ ว่า “อาเล็ก คุณมาที่นี่... จะมาตำหนิฉันเหรอ?”แววตาของเสิ่นซื่อมืดครึ้มลง ก่อนจะหัวเราะเยาะ “ถ้าฉันจะมาตำหนิเธอจริง ๆ คิดว่าเธอจะยังยืนอยู่ตรงนี้แล้วคุยกับฉันได้สบาย ๆ แบบนี้เหรอ?”สีหน้าของจี้อี่หนิงซีดลงเล็กน้อย ไม่กล้าสบตาเขาโดยตรง เธอจึงหลุบตาลงต่ำ“งั้นคุณมาที่นี่ทำไม...”เห็นเธอพยายามหลบสายตาเสิ่นซื่อข
“ลูกชอบเธอจริง ๆ เหรอ?”เสียงของท่านผู้เฒ่าเสิ่นทรงอำนาจโดยไม่ต้องโกรธ เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมของผู้มีอำนาจ“อืน”แววตาของท่านผู้เฒ่าเสิ่นฉายแววอำมหิต พูดเสียงเข้มว่า “งั้นลูกควรรีบตัดใจซะ มิฉะนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาตระกูลจี้จะรับไม่ไหว”จี้อี่หนิงแจ้งตำรวจจับเสิ่นซื่อเยี่ยนเข้าคุก ซึ่งเป็นการละเมิดขีดกำจัดของเขาโดยสิ้นเชิง เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เสิ่นเยี่ยนจือเกี่ยวข้องกับเธออีกแม้แต่นิดเดียว ตระกูลเสิ่นจะไม่มีวันทนรับความอับอายนี้แววตาของเสิ่นซื่อเย็นเยียบ เงยหน้าสบตากับท่านผู้เฒ่าเสิ่นแล้วพูดทีละคำอย่างหนักแน่นว่า “พ่อ ถ้าพ่อเล่นงานตระกูลจี้ ผมก็จะเล่นงานเสิ่นซื่อกรุ๊ปครับ”เสิ่นซื่อกรุ๊ปคืออาณาจักรที่ท่านผู้เฒ่าเสิ่นได้ทุ่มเทความพยายามตลอดครึ่งชีวิตเพื่อสร้างมันขึ้นมา มันคือผลแห่งความทุ่มเทของเขา สิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุด และยังเป็นการก่อตั้งเสิ่นซื่อกรุ๊ปเขามองเสิ่นซื่อด้วยสายตาโกรธจัด “ลูกจะทำให้ตระกูลเสิ่นต้องพังพินาศเพราะผู้หญิงคนเดียวจริง ๆ เหรอ?”“พ่อ ผมไม่ได้เป็นฝ่ายต่อต้านพ่อ แต่พ่อกำลังเข้ามาก้าวก่ายความรักของผม”“ถ้าลูกรักผู้หญิงที่แม่เลือกให้ ไม่ว่าจะเป็นใคร พ่อแม่ก
“แม้ว่าเขาจะเป็นพี่ชายของผม แต่การที่เขาลักพาตัวจี้อี่หนิงก็เป็นความจริง”เฉินเสวี่ยหรงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นเสิ่นซื่อปกป้องจี้อี่หนิงตลอด ดวงตาเธอฉายแววโกรธ“เสิ่นซื่อ นายปกป้องจี้อี่หนิงทุกอย่าง ไม่ใช่เพราะนายชอบเธอหรอกเหรอ? ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง สำคัญกว่าพี่ชายนายหรือไง?!”"อะไรนะ?!"ท่านแม่เฒ่าเสิ่นหันกลับไปมองเฉินเสวี่ยหรงทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อและตกใจ “เธอพูดเพ้อเจ้ออะไร?! เธอบ้าหรือเปล่า?!”เสิ่นซื่อจะไปชอบจี้อี่หนิงได้ยังไง นั่นมันภรรยาของหลานชายนะ!ท่านผู้เฒ่าเสิ่นที่อยู่ข้าง ๆ สีหน้าก็มืดครึ้ม มองเฉินเสวี่ยหรงด้วยสายตาคมกริบราวกับคมมีดเฉินเสวี่ยหรงตัดสินใจพูดออกมา กัดฟันแล้วกล่าวว่า “แม่ ครั้งหนึ่งจี้อี่หนิงเคยเข้าโรงพยาบาล ฉันไปเยี่ยมเธอ แล้วบังเอิญได้ยินมากับหูที่หน้าห้องพัก ฉันกลัวว่าแม่จะรับไม่ได้ เลยไม่ได้บอกแม่”“แต่ตอนนี้เห็นเสิ่นซื่อไม่สนใจแม้แต่พี่ชายของตัวเองเพื่อผู้หญิงคนนั้น ฉันทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ!”ท่านแม่เฒ่าเสิ่นถอยหลังไปสองก้าว ทรุดตัวลงบนโซฟา สีหน้าดูเลื่อนลอยเสิ่นซื่อชอบจี้อี่หนิง?เขาจะไปชอบจี้อี่หนิงได้ยังไง?เขาจะชอบจี้อี่หนิงไม่ไ
จี้อี่หนิงจับมือของเธอกลางอากาศ ทำให้การตบครั้งนี้ไม่สำเร็จเธอมองที่เฉินเสวี่ยหรงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ พูดช้าๆ ทีละคำว่า: "ฉันมีพ่อแค่คนเดียว เขาเป็นเหยื่อของการวางแผนจากสามีคุณ บริษัทล้มละลาย ตอนนี้เขานอนอยู่ในโรงพยาบาลรอรับบริจาคไตคะ"เมื่อเจอกับสายตาเย็นชาของจี้อี่หนิง เฉินเสวี่ยหรงรู้สึกละอายใจชั่วขณะหนึ่งเธอสะบัดมือของจี้อี่หนิงออก พูดอย่างโกรธเกรี้ยว: "ฉันไม่เคยเห็นใครส่งพ่อสามีตัวเองเข้าคุกมาก่อน รีบไปอธิบายกับตำรวจให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้!"จี้อี่หนิงรู้มาตลอดว่าเฉินเสวี่ยหรงไม่ค่อยมีเหตุผล แต่ไม่รู้ว่าเธอจะไร้สมองขนาดนี้"คุณเฉิน คุณไม่รู้หรือว่าการลักพาตัวเป็นอาชญากรรม และเขายังวางแผนจะฆ่าฉัน ฉันได้มอบเทปบันทึกเสียงให้ตำรวจแล้ว คุณคิดว่านี่เป็นเกมเด็กเล่นหรือไง?"เฉินเสวี่ยหรงหน้าเสีย กำลังจะพูด ท่านผู้เฒ่าเสิ่นที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้นมาว่า: "กลับมา จะมาทะเลาะกันในสถานีตำรวจทำไม!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินเสวี่ยหรงกัดฟัน สุดท้ายก็แค่ชำเลืองมองจี้อี่หนิงอย่างโกรธแค้นก่อนกลับไปยืนหลังท่านผู้เฒ่าเสิ่นและท่านแม่เฒ่าเสิ่นท่านผู้เฒ่าเสิ่นมองจี้อี่หนิงด้วย
พอมาถึงทางเข้า จู่ๆ ก็มีตำรวจสิบกว่านายพุ่งเข้ามาเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก จนกระทั่งเสิ่นซื่อเยี่ยนถูกตำรวจกดลงกับพื้น ใบหน้าของเขาถึงได้แสดงความตกใจและโกรธ"ปล่อยผม! พวกนายรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นใคร?!""ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ตอนนี้คุณต้องสงสัยว่าลักพาตัว เราจับกุมคุณตามกฎหมาย!"เสิ่นซื่อเยี่ยนหันไปมองจี้อี่หนิงอย่างรวดเร็ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ "จี้อี่หนิง เธอวางแผนผม!"ครั้งนี้เขาทำอย่างลับๆ นอกจากคนที่เขาไว้ใจ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเตรียมจะลักพาตัวจี้อี่หนิงตำรวจมาเร็วขนาดนี้ มีความหมายอย่างเดียวคือจี้อี่หนิงรู้มาก่อนแล้วว่าเขาจะลักพาตัวเธอ เธอแค่ใช้กลอุบายสวนกลับคิดถึงตรงนี้ เขามองไปที่จี้อี่หนิงด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับอยากจะเฉือนเนื้อเธอเป็นพันชิ้นจี้อี่หนิงแสดงสีหน้าตกใจ ใบหน้าซีดขาวมองเขา "คุณพูดเหลวไหล ที่จริงคุณนั่นแหละที่ลักพาตัวฉัน หรือฉันจะเอามีดจ่อคอคุณให้คุณลักพาตัวฉันได้ยังไง?"อย่างไรก็ตาม เสิ่นซื่อเยี่ยนเห็นรอยยิ้มและความเย็นชาวูบผ่านในดวงตาเธออย่างชัดเจน"รอดูเถอะ ผมจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ!"จี้อี่หนิงหลบไปอยู่หลังตำรวจคนหนึ่ง มองเขาด้วยใบหน้า
เสิ่นซื่อกำลังประชุมอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนั้นเขาลุกพรวดขึ้น พูดเสียงเข้ม: "ผมเข้าใจแล้ว ผมจะให้คนไปตรวจสอบทันที"ซุนสิงที่อยู่ข้างๆ รีบเดินมาข้างเขา "ประธานเสิ่น มีอะไรหรือครับ?""เลิกประชุม พรุ่งนี้ค่อยอภิปรายต่อ คุณติดต่อคนสองคนที่ผมให้คุณส่งไปคุ้มครองจี้อี่หนิงทันที จี้อี่หนิงหายตัวไปแล้ว"ซุนสิงตกใจ รีบตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์"ผมไปทันทีครับ"เสิ่นซื่อเพิ่งกลับมาที่ห้องทำงาน ซุนสิงก็เคาะประตูเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ดี"ประธานเสิ่น คนทั้งสองคนบอกว่ารถของคุณจี้กำลังมุ่งออกนอกเมือง ผมสั่งให้พวกเขาหาทางหยุดรถแล้วครับ""อืม ส่งตำแหน่งที่แน่ชัดตอนนี้มาให้ผม""ครับ"พอส่งตำแหน่งเสร็จ โทรศัพท์ของซุนสิงก็ดังขึ้นหลังจากรับสาย คู่สนทนาพูดอะไรบางอย่างที่ไม่รู้ว่าอะไร สีหน้าของซุนสิงก็เปลี่ยนเป็นแย่มาก"ประธานเสิ่น... คนในรถ... ไม่ใช่คุณจี้..."ม่านตาของเสิ่นซื่อหดเล็กลงทันที บรรยากาศรอบตัวเขาเปลี่ยนเป็นน่ากลัวอย่างยิ่ง"คนในรถเป็นใคร?""เป็นคนขับแท็กซี่คนหนึ่ง ตอนที่คุณจี้จ่ายเงินที่ปั๊มน้ำมัน มีคนให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ให้เขาขับรถของคุณจี้ออกไป ตอนนี้คุณจี้หายตัวไปแล้ว""ไร้ป
"มีแค่สิ่งที่คุณได้รับจริงๆ เท่านั้นที่สำคัญที่สุด คุณเข้าใจไหม?""ในโลกนี้มีเรื่องไม่ยุติธรรมมากมาย ทุกคนจะได้รับคำขอโทษและความยุติธรรมหรือ? ความยุติธรรมไม่ได้อยู่ข้างความจริง แต่อยู่ข้างอำนาจครับ"จี้อี่หนิงเงยหน้ามองเขา ดวงตาเย็นชา"ดังนั้น ตามที่คุณพูด ฉันควรยอมรับสิ่งที่พวกคุณเรียกว่าค่าชดเชยที่เหมือนการให้ทาน แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ?""ผมแค่หวังว่าคุณจะเข้าใจว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับคุณตอนนี้ เป็นคนที่เห็นความจริงหน่อย ความยุติธรรมที่คุณแสวงหาไม่มีความหมายอะไรเลย"จี้อี่หนิงสูดหายใจลึก "แค่ฉันรู้สึกว่ามันมีความหมายก็พอ"เมื่อเห็นสีหน้าเด็ดเดี่ยวของเธอ แววตาของเสิ่นเยี่ยนจือก็หม่นลง "ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร คุณก็จะมอบหลักฐานให้ตำรวจ ใช่ไหม?""ฉันบอกแล้วว่า ฉันต้องการเวลาคิด"ในที่สุด ความอ่อนโยนสุดท้ายในดวงตาของเสิ่นเยี่ยนจือก็หายไป เขามองที่จี้อี่หนิงและพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย: "ผมเข้าใจแล้ว คุณกลับไปเถอะ"เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้จี้อี่หนิงรู้สึกไม่สบายใจ"คุณรักษาตัวให้ดีนะ ถ้าในอนาคตคุณไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้จริงๆ ฉันจะอยู่ข้างๆ ดูแลคุณ"เสิ่นเยี่ยนจือไม่พู
แต่เสิ่นซื่อเยี่ยนเป็นพี่ชายของเขา ถ้าเขารู้เรื่องนี้ ก็คงไม่ช่วยเธอหลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก จี้อี่หนิงก็ยังคิดไม่ออกว่าเป็นอย่างไร จึงตัดสินใจไม่คิดต่อ วางแผนจะหาโอกาสถามเสิ่นซื่อโดยตรงเช้าวันรุ่งขึ้น จี้อี่หนิงไปเยี่ยมเสิ่นเยี่ยนจือที่โรงพยาบาล เมื่อเปิดประตูห้องผู้ป่วยเธอเห็นภาพของฉินจืออี้นั่งอยู่ข้างเตียงกำลังป้อนซุปไก่ให้เสิ่นเยี่ยนจือเธอชะงักฝีเท้า พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ดูเหมือนฉันจะรบกวนพวกคุณนะคะ"เมื่อเห็นเธอ ดวงตาของฉินจืออี้มีประกายท้าทายวูบหนึ่ง แต่รีบวางชามในมือลงและลุกขึ้นด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน "ไม่หรอก... ในเมื่อคุณจี้มาแล้ว ฉันจะกลับก่อน แล้วค่อยมาเยี่ยมเยี่ยนจือหลังจากคุณจี้กลับไป..."จี้อี่หนิงยังไม่ทันพูดอะไร เสิ่นเยี่ยนจือก็เอ่ยขึ้น "จืออี้ออกไปก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับเธอ"ฉินจืออี้พยักหน้า "ได้ ฉันจะรออยู่หน้าประตู ถ้าคุณต้องการอะไรก็เรียกฉันนะ"ขณะที่เดินผ่านจี้อี่หนิง ฉินจืออี้พูดเสียงเบา "จี้อี่หนิง เธอสู้ฉันไม่ได้หรอก"จี้อี่หนิงยิ้มเล็กน้อย "วางใจได้ ฉันไม่เคยคิดจะสู้กับเธอเลย"ผู้ชายที่นอกใจ คงมีแค่เธอเท่านั้นที่ยังเห็นเป็นของมีค่าหลังจากฉินจ