แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: แสงอรุณฤดูใบไม้ผลิ
เสิ่นเยี่ยนจือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที จ้องมองข้อความนั้นอย่างเคร่งเครียด ดวงตาดำมืดไปด้วยความโกรธ

ทุกครั้งที่เขามีอะไรกับฉินจืออี้ เขาก็ใช้วิธีป้องกันเสมอ ดังนั้นไม่ก็เธอกำลังโกหกเขา ก็คือเธอแอบทำอะไรกับถุงยางอนามัย

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็ล้วนแตะต้องขีดจำกัดของเสิ่นเยี่ยนจือทั้งสิ้น

เขาโทรหาฉินจืออี้ทันที "ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?"

เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชาและโกรธเกรี้ยวของเขา หัวใจของฉินจืออี้ก็พลันรู้สึกปวดร้าว

"บอส ฉันท้องแล้ว คุณไม่ดีใจเลยเหรอคะ?"

เสิ่นเยี่ยนจือหัวเราะอย่างเย็นชา "เธอแน่ใจเหรอว่าท้อง แล้วก็เป็นลูกของฉันน่ะ?"

"บอสคะ ฉันมีแค่คุณคนเดียว ลูกในท้องฉันจะเป็นของคุณหรือเปล่า คุณจะไม่รู้เหรอคะ?"

น้ำเสียงของเธอเจือด้วยการต่อว่าและความน้อยใจ แต่เสิ่นเยี่ยนจือกลับรู้สึกเพียงรำคาญ

"งั้นก็ทำแท้งซะ"

นอกจากจี้อี่หนิง เขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนไหนมามีลูกให้เขาอีก

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับผู้หญิงอย่างฉินจืออี้ที่เข้าหาเขาเองแบบนี้ เขาก็แค่เล่น ๆ เท่านั้น ไม่เคยจริงเอาจังด้วยเลย

"ไม่ค่ะ นี่เป็นลูกของฉันกับคุณ ฉันจะคลอดเขาออกมา"

เสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความรำคาญ ถ้ารู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่รู้เรื่องราวขนาดนี้ เขาก็คงไม่แตะต้องเธอตั้งแต่แรก

"ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?"

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงสะอื้นของฉินจืออี้จึงดังขึ้นมา

"บอสคะ ที่คุณถามว่าฉันอยู่ที่ไหน คุณจะบังคับพาฉันไปโรงพยาบาลเพื่อทำแท้งเหรอคะ?"

เสิ่นเยี่ยนจือไม่พูดอะไร ใช้ความเงียบตอบคำถามเธอ

"ถ้าคุณไม่ชอบเด็กคนนี้ ฉันจะคลอดออกมาเลี้ยงดูเอง และจะไม่ให้เขารู้ว่าใครเป็นพ่อแท้ ๆ..."

พูดยังไม่ทันจบ เสิ่นเยี่ยนจือก็ตัดสายทันที ติดต่อเลขาให้ไปสืบว่าฉินจืออี้อยู่ที่ไหน

วันที่จี้อี่หนิงรู้ว่าเขานอกใจ เขาก็สืบรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของฉินจืออี้ จึงไล่เธอออกจากบริษัททันที

ไม่นึกว่าเธอจะยังเก็บไพ่ตายไว้

เด็กคนนั้นต้องไม่ได้เกิดมาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขากับจี้อี่หนิงก็คงต้องจบกันจริง ๆ

กลางดึก ขณะที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น จี้อี่หนิงก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถ กระนั้นก็ไม่ได้สนใจ

ตอนเช้าขณะทานอาหารเช้า จึงได้ยินแม่บ้านบอกว่าเมื่อคืนเสิ่นเยี่ยนจือรีบออกไปข้างงนอกอย่างเร่งรีบ ไม่รู้ว่าบริษัทมีเรื่องอะไรหรือเปล่า

จี้อี่หนิงไม่ตอบอะไร ยกนมขึ้นมาจิบ ในดวงตาวาบไหวด้วยแววเยาะหยัน

จะเป็นเรื่องบริษัทที่ไหนกัน คงจะรีบไปพบผู้หญิงข้างนอกนั่นแหละ

หลังทานอาหารเช้าเสร็จ จี้อี่หนิงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขับรถไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทยาเฉิงหยวน

หลังสัมภาษณ์เสร็จ ฝ่ายบุคคลก็ให้กลับไปรอข่าว โดยจะแจ้งผลภายในสามวัน

เมื่อเดินออกจากบริษัทยาเฉิงหยวน จี้อี่หนิงจึงส่งข้อความถามสือเวยว่าจะไปกินอาหารกลางงวันที่ไหน สือเวยจึงส่งที่อยู่ร้านอาหารมาให้ทันที

จี้อี่หนิงเก็บโทรศัพท์ ขึ้นรถแล้วมุ่งหน้าไปร้านอาหาร

แต่เธอไม่ทันสังเกตว่า ไม่ไกลออกไปมีหญิงสาวสวมเสื้อกาวน์สีขาว แต่งหน้าอย่างประณีต จ้องมองมาทางเธออยู่หลายวินาที พลางขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว

หญิงสาวข้าง ๆ ที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวมองไปตามสายตาเธอ แต่เห็นเพียงรถของจี้อี่หนิงกำลังเลี้ยวหายไปที่มุมถนน

"อี๋หนิง เธอมองอะไรอยู่น่ะ?"

หลิ่วอี๋หนิงส่ายหน้า "ไม่มีอะไร...เมื่อกี้เหมือนเห็นคนรู้จัก ฉันคงตาฝาดไปเองมั้ง"

"เป็นเพื่อนเธอเหรอ?"

ดวงตาของหลิ่วอี๋หนิงวาบไหวด้วยความรังเกียจ พูดด้วยเสียงเย็นชา "ไม่ใช่ เป็นคนที่น่ารังเกียจมากคนหนึ่งต่างหาก"

"คนที่ทำให้เธอรังเกียจได้ คงไม่ใช่คนดีแน่ ๆ"

น้ำเสียงของหญิงสาวเจือด้วยการประจบและเอาใจ แต่หลิ่วอี๋หนิงกลับชอบใจ

"ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเธอแล้ว ทำให้อารมณ์เสียเปล่า ๆ"

ตอนที่จี้อี่หนิงไปถึงร้านอาหาร สือเวยก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ทั้งสองเจอกันที่หน้าร้าน สือเวยเดินเข้ามาคล้องแขนเธอ แล้วเดินเข้าไปข้างในด้วยกัน

สือเวยเดินเฉันมาคล้องแขนเธอ แล้วเดินไปด้วยกัน

"สัมภาษณ์เป็นยังไงบ้าง?"

"รู้สึกว่าก็โอเคนะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้งานหรือเปล่า"

"ถ้าไม่ได้ก็เปลี่ยนที่ใหม่สิ บริษัทยาในเมืองเซินมีตั้งเยอะแยะ ถ้าเสียเธอไป ก็ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของบริษัทเขาเลยล่ะ"

"ขอบใจนะที่มั่นใจในตัวฉันขนาดนี้ แต่ฉันไม่ได้อยู่ในห้องปฏิบัติการมาหลายปีแล้ว"

การวิจัยและพัฒนายา เรื่องประสบการณ์ก็มีความสำคัญมากเหมือนกัน

นอกจากตอนที่เธอเรียนปริญญาโททำงานวิจัยสามปี โชคดีที่มีผลงานอยู่บ้าง ในแง่ประสบการณ์การทำงาน เธอก็ไม่สามารถเทียบกับคนที่ทำงานมาหลายปีได้จริง ๆ เธอรู้ตัวดีในข้อนี้

"ไม่ต้องห่วง แค่เธอเริ่มทำงาน ไม่นานก็คงตามคนอื่นทันได้นั่นแหละ"

ตอนที่จี้อี่หนิงทำการทดลอง เธอทุ่มเทจนแทบไม่กินไม่นอนเลยทีเดียว เพื่อผลการทดลองและข้อมูล เธอสามารถอยู่ในห้องปฏิบัติการได้ทั้งเดือน

"ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เมื่อคืนฉันได้ยินเสียงผู้ชายในโทรศัพท์ เล่ามาซิ เกิดอะไรขึ้น?"

สีหน้าของสือเวยฉายแววเก้อเขิน หลบสายตาจี้อี่หนิงโดยไม่รู้ตัว

"จงั้นเหรอ? ผู้ชายคนไหน? เธอได้ยินผิดหรือเปล่า?"

จี้อี่หนิงจ้องมองเธอ พูดอย่างไร้อารมณ์ "สือเสี่ยวเวย...ฉันยังไม่แก่ขนาดหูมีปัญหาหรอกนะ...หูทั้งสองของฉันได้ยินชัดเจน...เมื่อคืนมีผู้ชายอยู่ที่บ้านเธอ"

แก้มของสือเวยเริ่มแดงขึ้น รู้ว่าวันนี้คงหนีไม่พ้น

"โอเค โอเค ฉันจะบอก...คนเมื่อคืนเป็นเจ้านายของฉันจริง ๆ...เรากำลังคบกันอยู่"

พูดจบ สือเวยก็พบว่าจี้อี่หนิงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ

เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย เห็นสายตาของจี้อี่หนิงจ้องเขม็งไปที่จุดหนึ่งในร้านอาหาร ดวงตาแดงก่ำ สือเวยก็พลันรู้สึกใจหายวาบ

เมื่อมองตามสายตาของเธอไป ก็เห็นเสิ่นเยี่ยนจือนั่งอยู่กับผู้หญิงที่ไม่รู้จักคนหนึ่ง

เขาทำหน้าเย็นชา ส่วนผู้หญิงข้าง ๆ กำลังเช็ดน้ำตาเป็นครั้งคราวพลางมองเขาด้วยสายตาหวานซึ้ง

สือเวยไม่คิดว่าเสิ่นเยี่ยนจือจะกล้าทำอย่างโจ๋งครึ่มขนาดนี้ พาชู้มาปรากฏตัวในที่สาธารณะอย่างเปิดเผย

"นั่นเป็นชู้ที่เสิ่นเยี่ยนจือหามาเหรอ?"

"อืม"

จี้อี่หนิงไม่อยากสนใจ แต่เมื่อเห็นภาพที่พวกเขานั่งอยู่ด้วยกัน หัวใจก็เหมือนถูกตาข่ายใหญ่รัดแน่น เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก

"ฉันจะไปจัดการมัน! เป็นแค่ชู้แล้วยังมาทำอวด ไร้ยางอายจริงๆ!"

เมื่อเห็นสือเวยทำหน้าโกรธเกรี้ยว จี้อี่หนิงจึงรีบดึงเธอไว้

"อย่าไปนะ!"

เข้าไปตอนนี้ ก็จะยิ่งทำให้ตัวเองอับอายเท่านั้น

"เธอจะทน.."

คำว่า "กล้ำกลืนความโกรธ" ยังไม่ทันได้พูดออกมา ก็เห็นสีหน้าของจี้อี่หนิงที่เกือบจะร้องไห้ หัวใจของสือเวยก็ปวดร้าวอย่างรุนแรง

"อย่าร้องไห้นะ ไอ้คนเลวแบบนั้นไม่คุ้มค่าหรอก!"

จี้อี่หนิงขยี้ตาแล้วสูดหายใจเข้าลึก "อืม ฉันรู้"

ตั้งแต่วินาทีที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจ ผู้ชายคนนี้ก็ไม่คู่ควรกับความรักของเธออีกแม้แต่น้อย

แต่เธอรักเขามาแปดปี การทำให้จิตใจสงบนิ่งภายในระยะเวลาสั้น ๆ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แต่เธอเชื่อว่า เธอจะค่อย ๆ ปลดเขาออกจากหัวใจ จนกลายเป็นคนแปลกหน้าได้เอง

โดยไม่มองสองคนนั้นอีก จี้อี่หนิงหันหลังเดินไปอีกทาง

เสิ่นเยี่ยนจือรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องมาที่ตัวเอง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปก็กลับไม่เห็นอะไร

ฉินจืออี้ที่อยู่ข้าง ๆ ยังคงสะอื้นเบา ๆ เขาจึงยิ่งรู้สึกหงุดหงิด จุดบุหรี่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ถ้าเธอไม่ยอมไปทำแท้ง ฉันก็มีวิธีทำให้เธอคลอดเด็กคนนี้ออกมาไม่ได้อีกเยอะเยอะ"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 9

    เสียงร้องไห้ของฉินจืออี้หยุดชะงักทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความน้อยใจ "บอสคะ ฉันจริงใจกับคุณนะคะ"นึกถึงการวางแผนของผู้หญิงคนนี้ที่มีต่อตน ความรู้สึกรังเกียจก็พลุ่งพล่านในใจของเสิ่นเยี่ยนจือ"ความจริงใจของเธอมีค่าเท่าไหร่กัน?"เขาหยิบบัตรเครดิตใบหนึ่งโยนลงบนโต๊ะ มองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ในนี้มีเงินอยู่สองล้าน เอาเงินไปทำแท้งที่โรงพยาบาลเอง หรือจะให้ฉันสั่งบอดี้การ์ดมัดเธอไปโรงพยาบาล เธอน่าจะรู้ว่าควรจะเลือกยังไงนะ"ฉินจืออี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มือสั่นเทาหยิบบัตรเครดิต แล้วเอามือปิดหน้าวิ่งออกจากร้านอาหารไปเมื่อโทรศัพท์สั่งให้บอดี้การ์ดคอยจับตาดูฉินจืออี้ไปโรงพยาบาล เสิ่นเยี่ยนจือจึงได้วางสายอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นรูปจี้อี่หนิงที่เป็นภาพพื้นหลังหน้าจอ สีหน้าของเขาก็อ่อนโยนลงเล็กน้อยโดยไม่ลังเลเลย เขากดโทรหาเธอทันทีเสียงรอสายดังอยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะรับสาย "มีเรื่องอะไร?"น้ำเสียงเย็นชาของเธอ เหมือนสาดน้ำเย็นลงบนหัว หัวใจของเสิ่นเยี่ยนจือที่เดิมอุ่นขึ้นเล็กน้อยเพราะคิดถึงเธอ พลันเย็นชาลงในทันทีมือที่จับโทรศัพท์บีบแน่นโดยไม่รู้ตัว พยายามควบคุมไม่ให้เธอรู้ว่าตัวเองผิดหวัง"ไม่มีอะไ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 10

    เสิ่นเยี่ยนจือตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเผลอพูดออกมาว่า "แต่ทุกครั้งที่คุณไปร้านดอกไม้ คุณก็ซื้อแต่ดอกนี้นี่นา"จี้อี่หนิงหลบตา เขาคงลืมไปแล้วว่าวันที่เขาสารภาพรักกับเธอ ก็ให้ดอกกุหลาบนี่แหละทว่ามันไม่สำคัญอะไรแล้ว แม้แต่ความรู้สึกของพวกเขาเขายังทรยศได้ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ที่เขาไม่ใส่ใจก็เป็นเรื่องปกติ"นั่นมันเมื่อก่อน"จี้อี่หนิงเดินผ่านเขาเข้าห้องนอนไป เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของเสิ่นเยี่ยนจือจับจ้องอยู่ที่เธอตลอด แต่เธอไม่สนใจแล้วว่าเขาจะรู้สึกเสียใจหรือทุกข์ใจกับคำพูดของเธอหรือเปล่าหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงมาชั้นล่าง แม่บ้านได้นำอาหารเย็นมาวางบนโต๊ะแล้ว"นายน้อย นายหญิงน้อย อาหารเย็นเสร็จแล้วค่ะ"จี้อี่หนิงพยักหน้า เดินตรงไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ไม่แม้แต่จะมองเสิ่นเยี่ยนจือเสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร เดินมานั่งตรงข้ามเธออย่างเงียบ ๆป้าหวังสังเกตเห็นบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนไม่ค่อยดี เดาว่าคงทะเลาะกันมาเธออุ้มดอกไม้บนโต๊ะในห้องรับแขกขึ้นมา ยิ้มมองจี้อี่หนิงแล้วพูดว่า "นายหญิงน้อยคะ ดอกไม้นี้ให้จัดแจกันส่งไปไว้ในห้องคุณเหมือนเดิมนะคะ?""ไม่ต้อง โยน

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 11

    น้ำเสียงสั่งการของเขา ทำให้จี้อี่หนิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว"ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ ฉันก็จะย้ายออกไป"น้ำเสียงเฉยเมยของจี้อี่หนิงทำให้ความโกรธของเสิ่นเยี่ยนจือทวีความรุนแรงขึ้น เสียงของเขาก็ยิ่งดังขึ้นมาก "คุณอย่าลืมนะ ค่ายารักษาพ่อของคุณ…"ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกจี้อี่หนิงขัดขึ้นอย่างเย็นชา"เสิ่นเยี่ยนจือ ถ้าฉันจำไม่ผิด ลูกชายของลุงสองคุณกำลังจะกลับมาจากการเรียนต่อเร็ว ๆ นี้แล้ว คุณก็คงไม่อยากให้เรื่องที่คุณนอกใจถูกคนที่บ้านเดิมรู้ในตอนนี้หรอกใช่ไหม?"เพราะลุงสองของเขาไม่ได้เรื่อง ดังนั้นท่านผู้เฒ่าเสิ่นจึงทุ่มเทความพยายามอย่างมากกับลูกพี่ลูกน้องของเขาเพราะยังไงซะ เสิ่นซื่อกรุ๊ปก็ใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีทางจะให้เสิ่นเยี่ยนจือทั้งหมดได้หรอกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เสิ่นเยี่ยนจือทำตัวดีต่อหน้าท่านผู้เฒ่าเสิ่นมาโดยตลอด ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ จะให้เธอไปพูดเรื่องที่เขานอกใจออกมาได้ในช่วงเวลานี้ไม่ได้จี้อี่หนิงเลือกที่จะย้ายออกไปในเวลานี้ ก็เพราะคำนึงถึงเรื่องนี้เช่นกันที่ปลายสายเงียบไปนาน ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ตามมา"อี่หนิง ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะเป็นกระต่ายที่กัดค

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 12

    วันจันทร์เวลาแปดโมงเช้า จี้อี่หนิงมาถึงเฉิงหยวนตรงเวลาฝ่ายบุคคลทำเรื่องเข้าทำงานให้เธอเสร็จแล้วพาเธอเดินชมรอบบริษัท ให้เธอคุ้นเคยกับตำแหน่งของแต่ละแผนก จากนั้นพาเธอไปที่ห้องทำงานผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาของตัวเองแล้วก็จากไปผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาชื่อ เจี่ยงหรู เป็นผู้หญิงวัยสี่สิบปีต้น ๆ มีผมสั้นเรียบร้อย ไม่ค่อยยิ้มแย้ม ดูเคร่งขรึมเล็กน้อย"นั่งสิ"หลังจากที่จี้อี่หนิงนั่งลงแล้ว เจี่ยงหรูกล่าวด้วยท่าทางเรียบเฉยว่า "ฉันดูประวัติของเธอแล้ว เธอทำผลงานได้ดีในช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัย แต่หลายปีมานี้ไม่ได้เข้าห้องปฏิบัติการอีก เธอเริ่มจากการเป็นผู้ช่วยก่อนแล้วกัน""ค่ะ"เห็นเธอมีท่าทีสงบ ไม่มีท่าทีไม่พอใจเลยสักนิด เจี่ยงหรูก็รู้สึกพอใจอยู่ในใจเธอชอบลูกน้องที่ทำงานอย่างตั้งใจและจริงจัง ตอนนี้ดูเหมือนว่าจี้อี่หนิงจะเป็นคนที่มีความตั้งใจดีเธอลุกขึ้นยืนและมองไปที่จี้อี่หนิง "ฉันจะพาเธอไปพบปะเพื่อนร่วมงาน"เจี่ยงหรูพาจี้อี่หนิงเข้าไปในแผนกวิจัยและพัฒนา แล้วพูดเสียงดังว่า "ทุกคนหยุดงานสักครู่ วันนี้แผนกของเรามีสมาชิกใหม่ อี่หนิง แนะนำตัวหน่อยสิ"จี้อี่หนิงก้าวไปข้างหน้า ยิ้มเล็กน้อ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 13

    เจี่ยงหรูหันไปมองจี้อี่หนิง "หลายวันมานี้เธอได้ความรู้อะไรจากห้องปฏิบัติการไปบ้าง?""ฉันเคยสังเกตค่ะ ตอนนี้สิ่งที่ห้องปฏิบัติการกําลังทําคือการวิจัยพัฒนายารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ปัจจุบันการวิจัยและพัฒนายาคืบหน้าประมาณ 50% และกําลังเตรียมที่จะใช้หนูทดลองเป็นขั้นตอนการทดลอง"สีหน้าของเจี่ยงหรูที่ได้ยินดังนั้นก็ดีขึ้นมาหน่อย พร้อมกับแววตาที่หันไปมองจี้อี่หนิงก็แฝงไปด้วยความชื่นชม"ดีมาก สำหรับการใช้เครื่องมือทดลอง เธอได้เรียนรู้เป็นยังไงบ้าง?""ก็ศึกษาจนพอได้หมดแล้วค่ะ"หลิ่วอี๋หนิงที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วหันไปมองจี้อี่หนิง "อี่หนิง ฉันรู้ว่าเธอต้องการที่จะทำการทดลองด้วยตัวเองโดยเร็วที่สุด แต่เธอต้องรู้ว่าการทดลองเป็นสิ่งที่เข้มงวดมาก อีกทั้งมีเครื่องมือหลายชนิดที่ช่วงนี้เรายังไม่เคยใช้ ทำไมเธอถึงพูดว่าเธอศึกษาจนพอได้หมดแล้วล่ะ?"สีหน้าของจี้อี่หนิงนั้นสงบนิ่ง "เครื่องมือพวกนี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันเคยใช้หมดแล้ว""เธอเองก็บอกว่าเรียนในมหาวิทยาลัย เธอไม่ได้เข้าห้องปฏิบัติการมาหลายปีแล้ว ต้องเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น สิ่งที่เราทําคือการพัฒนายา จะประมาทไม่ได้แม้แต่น้อยเลยนะ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 14

    สีหน้าของจี้อี่หนิงเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับรีบแย่งโทรศัพท์คืนจากเสิ่นเยี่ยนจือกะทันหัน"ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!"เสิ่นเยี่ยนจือคว้ามือของเธอไว้"ผมจะไปกับคุณ"ก็ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงปฏิเสธ เขาดึงจี้อี่หนิงออกไปข้างนอกทันทีจี้อี่หนิงพยายามสะบัดมือเขา แต่ไม่สำเร็จและอดขมวดคิ้วไม่ได้"ปล่อยฉันนะ ฉันเดินเองได้"เสิ่นเยี่ยนจือหันหน้ากลับมามองเธอ สีหน้าเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย "อี่หนิง ตอนนี้คุณพ่อร่างกายสำคัญกว่า เรื่องที่เราทะเลาะกันค่อยเคลียร์ทีหลัง ได้ไหม?"เดิมทีจี้อี่หนิงอยากจะบอกว่าระหว่างพวกเขาไม่ใช่การทะเลาะกันธรรมดา แต่ตอนนี้เรื่องของพ่อของเธอสําคัญกว่า เธอจึงขี้เกียจเถียงกับเขาอีกทั้งสองรีบไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน จากนั้นก็เห็นเวินจิ้งหงนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างทางเดินและรออย่างใจจดใจจ่อ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ จี้อี่หนิงก็รีบก้าวไปข้างหน้า"คุณน้าคะ มันเกิดบ้าอะไรขึ้น? อาการของพ่อฉันทรงตัวมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ ๆ ถึงเป็นลมกะทันหัน?"ก่อนหน้านี้หมอเคยกล่าวไว้ว่า ตราบใดที่จี้เหว่ยหงไม่ถูกกระตุ้น อาการป่วยโดยทั่วไปก็จะทรงตัวได้เมื่อเห็นจี้อี่หนิง เวินจิ้งหงอดไม่ได้ที่จะสะอึกสะอื้น ผ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 15

    เสิ่นเยี่ยนจือรีบเข้าไปด้านหน้า นั่งยอง ๆ อยู่ข้างจี้หงเหว่ย "คุณพ่อครับ ท่านวางใจได้ว่า ผมจะดีกับอี่หนิงไปตลอดชีวิตแน่นอน""อื้ม ตราบใดที่นายดีกับเธอพ่อก็พอใจแล้ว"เมื่อเห็นดวงตาของจี้หงเหว่ยค่อย ๆ ปิดลง จี้อี่หนิงก็รีบตะโกนเรียกเขา "คุณพ่อคะ ตอนนี้ฤทธิ์ยาสลบยังไม่หมดดี ห้ามนอนหลับค่ะ"จี้อี่หนิงและเสิ่นเยี่ยนจือผลัดกันเรียกจี้เหว่ยหงตลอดทั้งคืน จนกระทั่งท้องฟ้าค่อย ๆ สว่างขึ้น ฤทธิ์ของยาสลบเกือบหมดแล้วจึงปล่อยให้จี้เหว่ยหงนอนหลับเพิ่งรุ่งสางไม่นาน เวินจิ้งหงก็นําซุปที่ปรุงเสร็จแล้วมา"อี่หนิง เยี่ยนจือ เมื่อคืนพวกเธอลำบากมาก พวกเธอกลับไปเถอะ น้าจะดูแลเอง"อดหลับอดนอนข้ามคืน จี้อี่หนิงแทบจะลืมตาไม่ขึ้น พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า "ค่ะ น้าเวิน ถ้ามีเรื่องอะไรน้าโทรหาหนูได้เลยนะคะ เสาร์อาทิตย์หนูพักผ่อนอยู่บ้าน"คนพูดพูดโดยไม่ได้คิดอะไร เวินจิ้งหงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวจี้อี่หนิงไม่ได้ทํางานมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงบอกว่าเสาร์อาทิตย์หยุดพักผ่อน?แต่เธอยังไม่ทันได้ถาม พยาบาลก็เข้ามาเตรียมตรวจจี้เหว่ยหง เธอได้แต่เก็บความสงสัยในใจ เตรียมส่งข้อความถามจี้อี่หนิงทีหลังทั้งสองเดินออกจากโรงพย

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 16

    ความเย็นถาโถมเข้ามา จี้อี่หนิงตัวสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว ร่างกายสั่นไม่หยุดเมื่อมองเห็นส่วนนูนโค้งวับ ๆ แวม ๆ บนเนินอกของเธอ ดวงตาของเสิ่นเยี่ยนจือก็มืดลงทันที ทันใดนั้นก็ก้มศีรษะลงไซร้จูบที่กระดูกไหปลาร้าของเธอทันที"อย่ามาโดนฉัน!"จี้อี่หนิงดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ร่างกายเจ้ากรรมถูกเสิ่นเยี่ยนจือกดทับเอาไว้ ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งตามธรรมชาติระหว่างผู้ชายและผู้หญิงทําให้เธอไม่มีทางหลบหนีได้สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจและความโกรธ เมื่อถูกเขาสัมผัสเข้า ก็รู้สึกขยะแขยงมาก"อี่หนิง ครั้งนี้คุณปฏิเสธไปก็ไร้ประโยชน์"มีเพียงทำให้เธอตั้งท้องลูกของเขาเท่านั้น เธอถึงจะอยู่กับเขาบังคับฝืนให้ตัวเองไม่สนใจสายตาที่รังเกียจของจี้อี่หนิง เสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้าจูบที่ริมฝีปากเธอเสี้ยววินาทีต่อมา ริมฝีปากถูกจี้อี่หนิงกัดอย่างรุนแรงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกลิ่นเลือดก็ตลบอบอวลในปากของทั้งคู่เสิ่นเยี่ยนจือปล่อยเธอและไปเช็ดเลือดที่มุมปาก แสยะยิ้มพร้อมกับบีบคางของเธอ บังคับให้เธอหันมามองตัวเขา"อี่หนิง วันนี้คุณหนีไม่พ้นหรอก"ทันทีที่ก้มหัวลงจูบกระดูกไหปลาร้าของเธอ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะปร

บทล่าสุด

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 184

    "ไม่มี เป็นอะไรหรือ?"เธอกำลังคิดว่าจะไปพบหลิ่วอี๋หนิงเมื่อไหร่ จึงไม่ได้สังเกตเห็นเสิ่นเยี่ยนจือเลย"อี่หนิง ที่ผมไม่ได้มาเยี่ยมเธอหลายวันนี้เพราะบริษัทยุ่งมาก อาเล็กตั้งใจกลั่นแกล้งผมด้วยการยกเลิกความร่วมมือกับเสิ่นซื่อกรุ๊ป ผมเพิ่งจะแก้ไขเรื่องนี้เสร็จตอนเย็นนี้ครับ"จี้อี่หนิงพยักหน้า "อืม ฉันเข้าใจแล้ว"เมื่อเห็นท่าทีเย็นชาของเธอ เสิ่นเยี่ยนจือรู้สึกเหนื่อยล้า เขานอนแค่วันละสี่ชั่วโมงในช่วงไม่กี่วันนี้ ดูอิดโรย แต่จี้อี่หนิงกลับทำเป็นมองไม่เห็น ยังคงงอนเขาอยู่ถ้าเป็นเมื่อก่อน เสิ่นเยี่ยนจือคงจะง้อเธอแต่ตอนนี้ เขาไม่อยากพูดอะไรอีกแล้วเขาเงียบลง ในห้องอาหารเหลือเพียงเสียงตะเกียบและจานชามกระทบกันหลังทานอาหารเย็นเสร็จ เสิ่นเยี่ยนจือกลับเข้าห้องทำงานโดยตรง ส่วนจี้อี่หนิงขับรถไปสถานีตำรวจคดีของหลิ่วอี๋หนิงยังไม่มีคำตัดสิน เธอจึงยังถูกกักขังอยู่ในสถานกักกันไม่ได้เจอกันพักหนึ่ง หลิ่วอี๋หนิงดูหน้าซีด สภาพจิตใจก็ทรุดโทรมเมื่อเห็นจี้อี่หนิง ดวงตาของเธอฉายแววเกลียดชัง พูดเสียงเย็น "มาทำไมอีก? มาดูฉันเป็นตัวตลกหรือ?"จี้อี่หนิงมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ฉันเตรียมจะออกหนังสือใ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 183

    มุมปากของอีกฝ่ายยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา “เงินจะโอนให้คืนนี้ นายรู้ใช่ไหมว่าควรเขียนรายงานว่าอะไร”“ไม่ต้องห่วง ผมเข้าใจดีว่ารับเงินแล้วต้องทำงานให้เรียบร้อยครับ”“ร่วมงานกันอย่างราบรื่น”……หนึ่งวันก่อนออกจากโรงพยาบาล หยูเฟิงในที่สุดก็ส่งข้อความกลับมาจี้อี่หนิงวางแผนว่าจะไปพบเขาหลังออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้ แต่ครั้งนี้ไม่ได้ไปนัดที่บาร์เหมือนเดิม แต่เป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งอย่างสงบเรียบง่ายพอเห็นหยูเฟิง จี้อี่หนิงก็ตกตะลึงเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ไม่ได้เจอ ใบหน้าของหยูเฟิงเต็มไปด้วยบาดแผล แขนซ้ายเข้าเฝือก และยังมีไม้เท้าวางอยู่ข้างๆ“ คุณหยู… ทำไมนายถึงบาดเจ็บขนาดนี้?เป็นเพราะเรื่องการสืบสวนหรือเปล่า?”หยูเฟิงยื่นแฟลชไดรฟ์อันหนึ่งมาตรงหน้าเธอแล้วพูดเสียงเข้ม “คุณจี้ครับ ผมสืบมาได้แค่นี้ ต่อไปผมคงสืบต่อไม่ได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นชีวิตผมจะตกอยู่ในอันตรายครับ”เห็นว่าหยูเฟิงไม่คิดจะพูดถึงเรื่องที่เขาบาดเจ็บ จี้อี่หนิงก็ไม่ได้ถามต่อ เธอก้มหน้ารับแฟลชไดรฟ์แล้วพยักหน้า“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะโอนค่าตอบแทนให้ ขอบคุณสำหรับความลำบากที่ผ่านมา และฉันขอโทษเรื่องที่นายได้รับบาดเจ็บ”หยูเฟิง

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 182

    เสิ่นซื่อเยี่ยนหน้าตาเคร่งเครียดลง พูดเสียงต่ำว่า: "เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่งก่อน ผมจะหาทางเองครับ"เฉินเสวี่ยหรงตกใจเล็กน้อย จากนั้นขมวดคิ้วมองเขา "คุณจะหาทางอะไร?""เรื่องนี้เธอไม่ต้องสนใจ แค่เล่นไพ่นกกระจอกของเธอทุกวันก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องให้เธอจัดการครับ"พูดจบ เสิ่นซื่อเยี่ยนก็เดินผ่านเธอไปที่ห้องหนังสือเมื่อเข้าไปในห้องหนังสือ เสิ่นซื่อเยี่ยนครุ่นคิดสักครู่ นึกขึ้นได้ว่าเดือนหน้าเป็นวันเกิดของท่านแม่เฒ่าเสิ่น เขาสามารถลงมือในงานเลี้ยงวันเกิดได้รอจนกระทั่งเสิ่นซื่อกับจี้อี่หนิงทำเรื่องเสร็จ เขาจะปรากฏตัวขึ้นขู่เสิ่นซื่ออีกครั้ง แล้วไม่เชื่อว่าเสิ่นซื่อจะไม่ยอมให้เงินทุนกับเขาคิดถึงตรงนี้เสิ่นซื่อเยี่ยนถอนหายใจยาว ความหงุดหงิดที่กู้เงินไม่ได้ก่อนหน้านี้หายไปหมดในความคิดของเขา ผู้หญิงเป็นเพียงของเล่นเพื่อความบันเทิง ตราบใดที่มีคุณค่าในการใช้งาน แม้แต่ผู้หญิงที่เสิ่นซื่อชอบเป็นเฉินเสวี่ยหรง เขาก็จะทำให้เธอมึนเมาและส่งไปที่เตียงของเสิ่นซื่อ หลังจากนั้นก็แค่ปลอบเธอก็พอส่วนเสิ่นเยี่ยนจือ เขาจะหาคู่แต่งงานที่เหมาะสมกว่าให้ในอนาคตห้องทำงานประธานกรรมการชิงหงกรุ๊ปเ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 181

    เฉินเสวี่ยหรงหายใจเข้าลึกๆ "เรื่องของจี้อี่หนิงกับอาเล็กของคุณ คุณรู้หรือไม่?"เห็นเสิ่นเยี่ยนจือสีหน้าเปลี่ยนไปเฉินเสวี่ยหรงกัดฟันพูดว่า "คุณรู้จริงๆ! หญิงต่ำช้าคนนั้น กล้าทำให้คุณกลายเป็นสามีนอกใจ!"เมื่อได้ยินเฉินเสวี่ยหรงด่าจี้อี่หนิงว่าเป็นหญิงต่ำช้า เสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้ว"แม่ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่แม่คิด ไม่เกี่ยวกับอี่หนิงเลย เป็นอาเล็ก เขาที่คิดไปเอง"เฉินเสวี่ยหรงหัวเราะเย็นชา "คิดไปเอง? แม่เป็นคนโง่หรือไง?! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอยั่วยวนเสิ่นซื่อแล้ว เสิ่นซื่อจะสนใจเธอได้ยังไง?!"เสิ่นเยี่ยนจือ สีหน้าเย็นชาลง มองที่เฉินเสวี่ยหรงอย่างเย็นชา "ถ้าแม่ด่าอี่หนิงอีก ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้"เห็นเขาลุกขึ้นจะเดินออกไปเฉินเสวี่ยหรงโกรธจัด "ยืนอยู่ตรงนั้น!"เสิ่นเยี่ยนจือไม่สนใจเธอ เดินต่อไปที่ประตู เฉินเสวี่ยหรงโกรธจนลุกขึ้น ขวางเขาไว้ที่ทางเข้า"ก่อนที่ฉันจะพูดเรื่องนี้จบ อย่าคิดว่าจะออกไปได้!"เห็นเธอไม่ยอมฟังเหตุผล เสิ่นเยี่ยนจือไม่แสดงอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า"แม่ยังจะพูดอะไรอีก?""เธอทำให้คุณกลายเป็นสามีนอกใจ คุณจะปล่อยให้เรื่องจบแค่นี้หรือ?""ผมบอกแล้วว่า เธอไม่ได้ชอบอาเล็ก เป็

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 180

    จี้อี่หนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย "อาเล็ก ฉันได้อธิบายให้คุณฟังหลายครั้งแล้ว ถ้าคุณยังจะคิดแบบนี้ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้คะ"เสิ่นซื่อยิ้มน้อยๆ ดวงตาเย็นชาของเขากลับมีชีวิตชีวาทันที ทำให้ผู้คนแทบจะละสายตาไปไม่ได้"จี้อี่หนิง การยอมรับว่าชอบผมมันยากขนาดนั้นเลยหรือ?"ถูกจ้องมองด้วยดวงตาสีดำสนิทของเขา หัวใจของจี้อี่หนิงเต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว มือของเธอจับชายเสื้อคนไข้แน่น มีความรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังเริ่มสูญเสียการควบคุม และเธอก็ไม่สามารถหยุดมันได้เธอเม้มริมฝีปาก ผ่านไปสักพักจึงพูดว่า "อาเล็ก ฉันเป็นภรรยาของหลานชายคุณ ถ้าสิ่งที่คุณพูดเหล่านี้รั่วไหลออกไป คุณรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?""ผมมีความสามารถที่จะปกป้องคุณคะ"จี้อี่หนิงหัวเราะเบาๆ "เมื่อก่อนเสิ่นเยี่ยนจือก็เคยพูดคำคล้ายๆ กันนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้ขัดขวางเขาจากการนอกใจหลังแต่งงานคะ"เมื่อผู้ชายต้องการผู้หญิงคนหนึ่ง พวกเขาจะพูดคำหวานได้ทุกอย่าง แต่จะทำได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งสีหน้าของเสิ่นซื่อเคร่งขรึมลง "ผมไม่เหมือนเขา"จี้อี่หนิงส่ายหน้า มองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง "แล้วมันต่างกันตรงไหน? คุณให้ฉันยอมรับว่าชอบคุณ แล้วยังไงต่อ? แอบคบก

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 179

    "ยังไม่ได้กินครับ""งั้นคุณไปล้างมือก่อน ฉันจะไปตักข้าว"ตลอดทั้งคืนฉินจืออี้ยิ้มเล่าเรื่องที่เธอเจอในวันนี้ให้เขาฟัง จิตใจของเสิ่นเยี่ยนจือค่อยๆ เอนเอียงไปทางเธอมากขึ้นเพราะหัวใจคนก็ทำจากเนื้อ จี้อี่หนิงเย็นชากับเขามาตลอด ความรู้สึกที่เคยเร่าร้อนของเขาก็ค่อยๆ เย็นลงอีกด้านหนึ่ง จี้อี่หนิงกินอาหารเย็นเสร็จแล้ว กำลังเตรียมลงไปเดินเล่นข้างล่าง ก็ได้รับโทรศัพท์จากนักสืบเอกชน"คุณจี้ ผมถูกลูกน้องของสามีคุณจับได้แล้ว พวกเขาเตือนผมว่าห้ามเข้าใกล้ฉินจืออี้อีก ไม่อย่างนั้นจะแจ้งตำรวจครับ"ตั้งแต่หยูเฟิงไปสืบเรื่องอุบัติเหตุของเภสัชกรรมเหว่ยหง เขาก็ส่งผู้ช่วยคนหนึ่งไปเฝ้าดูฉินจืออี้ผู้ช่วยยังประสบการณ์น้อย เพิ่งผ่านไปไม่นานก็ถูกจับแล้ว"ไม่เป็นไร ต่อไปไม่ต้องเฝ้าดูแล้ว ค่าตอบแทนของคุณเดี๋ยวฉันจะโอนให้โดยตรงค่ะ"เมื่อก่อนที่เฝ้าดูฉินจืออี้ก็เพื่อจะได้หลักฐานการนอกใจของเสิ่นเยี่ยนจือ แต่ตอนนี้มันไม่มีความสำคัญมากแล้วเมื่อเธอได้หลักฐานส่งเสิ่นซื่อเยี่ยนเข้าคุก เสิ่นเยี่ยนจือคงจะเกลียดเธอ และจะไม่ปฏิเสธการหย่าหลังวางสาย จี้อี่หนิงโอนเงินให้อีกฝ่าย พอวางโทรศัพท์ลงก็นึกถึงเรื่องที่เคย

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 178

    เสิ่นเยี่ยนจือมองเธอด้วยสีหน้าที่เย็นชา “ทำไมต้องให้คนไปจับตาดูฉินจืออี้?”จี้อี่หนิงชะงักไปชั่วครู่ขณะตักโจ๊กกิน จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้าไม่ให้คนเฝ้าดูเธอ แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่คุณไปพบเธอ แล้วก็เริ่มโกหกฉันอีก?”เสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ค่อยๆ คลายออก“อี่หนิง เธอยังแคร์ผมอยู่ ใช่ไหม?”ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ให้คนไปจับตาดูฉินจืออี้ เพื่อตรวจดูว่าพวกเขาเจอกันเมื่อไหร่จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นมองเขา เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความยินดีของเขา แล้วก็รู้สึกว่าเขามั่นใจเหลือเกิน มั่นใจถึงขนาดคิดว่าเธอยังรักเขาอยู่แต่... ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ประหยัดแรงเธอไปได้เยอะ“ฉันแค่ไม่อยากถูกสวมเขาซ้ำๆ และไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับคำโกหกของคุณค่ะ”สีหน้าที่เย็นชาของเธอ ทำให้เสิ่นเยี่ยนจือยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเอง และยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าพฤติกรรมของเธอช่วงนี้เป็นไปเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา ต้องการดึงเขากลับมาจากฉินจืออี้เพราะเขารู้จักนิสัยของเธอเป็นอย่างดี ถ้าไม่รักเขาจริงๆ จะกลับมาหาเขาไม่ได้เขาจงใจเข้าหาเสิ่นซื่อ เพื่อทําให้ตัวเองอิจฉา

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 177

    ถึงแม้ว่าเสิ่นเยี่ยนจือจะกำลังยิ้มอยู่ แต่จางเฉิงกลับรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แผ่ขึ้นมาจากแผ่นหลัง ใจเต้นระทึกด้วยความหวาดกลัวเขาเงียบไปสิบกว่าวินาที ก่อนจะพยายามเค้นคำพูดออกมา "ประธานเสิ่น... หลานชายผมไม่ได้ตั้งใจ ถ้าท่านยกโทษให้เขาครั้งนี้ ผมสัญญาว่าต่อไปเขาจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีก..."มองความหวาดกลัวในดวงตาของเขา เสิ่นเยี่ยนจือไม่รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย"ดูเหมือนว่าหลานชายของประธานจางก็ไม่เอาไหนเท่าไหร่ อายุเกือบยี่สิบแล้ว ยังต้องให้ประธานจางก้มหน้าก้มตามาขอร้องคนที่อายุน้อยกว่าแบบผมอีก"เมื่อได้ยินว่าเสิ่นเยี่ยนจือจงใจเอาคำพูดของตัวเองมาประชดประชัน ใบหน้าของประธานจางเขียวคล้ำด้วยความโกรธเขากดความโกรธเอาไว้ แล้วกัดฟันพูดว่า: "ประธานเสิ่น ผมอบรมหลานชายตัวเองได้ไม่ดีพอ""ในเมื่ออบรมหลานชายตัวเองยังไม่ดี ก็อย่ามาชี้โน่นชี้นี่กับผมอีก"จางเฉิงรู้สึกเหมือนทำให้หน้าตัวเองขายหมด แต่ก็ยังต้องฝืนยิ้ม "ประธานเสิ่นพูดถูกแล้ว... แล้วเรื่องของหลานชายผม...""ตราบใดที่ประธานจางรู้จักว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด หลานชายของท่านก็จะไม่เป็นอะไร"จางเฉิงรีบตอบ: "ประธานเสิ่น ผมเข้าใจแล้ว"ห

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 176

    เสิ่นเยี่ยนจือเพิ่งกลับมาที่บริษัท เหล่าผู้ถือหุ้นก็พากันมาที่ห้องทำงานของเขาด้วยความโกรธ"ประธานเสิ่น เรื่องของชิงหงเป็นอย่างไรบ้าง? เมื่อสักครู่ผู้จัดการที่ชิงหงบอกผมว่า ต่อไปพวกเขาไม่ตั้งใจจะร่วมมือกับเสิ่นซื่อกรุ๊ปอีกต่อไป การร่วมมือก่อนหน้านี้คุณเป็นคนเชื่อมสัมพันธ์ คุณต้องรับผิดชอบทั้งหมดในเรื่องนี้ครับ!"หากเสิ่นซื่อกรุ๊ปยกเลิกสัญญากับชิงหง ความเสียหายอย่างน้อยก็หนึ่งร้อยล้านบวกกับเรื่องที่จงเฉิงและจู้ซื่อกรุ๊ปยกเลิกสัญญาก่อนหน้านี้เพราะจี้อี่หนิง ทำให้ผู้ถือหุ้นไม่พอใจกับเสิ่นเยี่ยนจือมากขึ้นเสิ่นเยี่ยนจือเงยหน้ามองทุกคน เห็นพวกเขาล้วนมีใบหน้าโกรธเกรี้ยว จึงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย: "ทุกท่าน ใจเย็นๆ ก่อน ผมจะไปสอบถามเรื่องนี้ให้กระจ่าง และจะให้คำตอบกับทุกท่าน พวกคุณกลับไปทำงานก่อนเถอะ""ไม่ได้ คุณต้องโทรหาเสิ่นซื่อต่อหน้าพวกเรา ไม่อย่างนั้นผมไม่สามารถไว้ใจคุณได้!"เสิ่นเยี่ยนจือเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชา คนที่พูดคือจางเฉิงผู้ถือหุ้น 3%แม้เขาจะถือหุ้นไม่มาก แต่เมื่อท่านผู้เฒ่าเสิ่นเริ่มก่อตั้งธุรกิจ เขาก็ได้ช่วยเหลือหลายอย่าง ดังนั้นเขาจึงถือว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโสของบริษัท แล

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status