แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: แสงอรุณฤดูใบไม้ผลิ
เจี่ยงหรูหันไปมองจี้อี่หนิง "หลายวันมานี้เธอได้ความรู้อะไรจากห้องปฏิบัติการไปบ้าง?"

"ฉันเคยสังเกตค่ะ ตอนนี้สิ่งที่ห้องปฏิบัติการกําลังทําคือการวิจัยพัฒนายารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ปัจจุบันการวิจัยและพัฒนายาคืบหน้าประมาณ 50% และกําลังเตรียมที่จะใช้หนูทดลองเป็นขั้นตอนการทดลอง"

สีหน้าของเจี่ยงหรูที่ได้ยินดังนั้นก็ดีขึ้นมาหน่อย พร้อมกับแววตาที่หันไปมองจี้อี่หนิงก็แฝงไปด้วยความชื่นชม

"ดีมาก สำหรับการใช้เครื่องมือทดลอง เธอได้เรียนรู้เป็นยังไงบ้าง?"

"ก็ศึกษาจนพอได้หมดแล้วค่ะ"

หลิ่วอี๋หนิงที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วหันไปมองจี้อี่หนิง "อี่หนิง ฉันรู้ว่าเธอต้องการที่จะทำการทดลองด้วยตัวเองโดยเร็วที่สุด แต่เธอต้องรู้ว่าการทดลองเป็นสิ่งที่เข้มงวดมาก อีกทั้งมีเครื่องมือหลายชนิดที่ช่วงนี้เรายังไม่เคยใช้ ทำไมเธอถึงพูดว่าเธอศึกษาจนพอได้หมดแล้วล่ะ?"

สีหน้าของจี้อี่หนิงนั้นสงบนิ่ง "เครื่องมือพวกนี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันเคยใช้หมดแล้ว"

"เธอเองก็บอกว่าเรียนในมหาวิทยาลัย เธอไม่ได้เข้าห้องปฏิบัติการมาหลายปีแล้ว ต้องเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น สิ่งที่เราทําคือการพัฒนายา จะประมาทไม่ได้แม้แต่น้อยเลยนะ"

"คุณรู้ได้ยังงไงว่าฉันไม่ได้เรียนรู้ตั้งแต่ต้นใหม่?"

หลิ่วอี๋หนิงกัดริมฝีปาก มองเธอด้วยสีหน้าผิดหวัง "หลายวันมานี้เธอยุ่งอยู่กับงานจิปาถะของห้องปฏิบัติการ เธอว่างเรียนตอนไหน? จะโกหกเพราะอยากแสดงความสามารถต่อหน้าพี่หรูไม่ได้นะ"

จี้อี่หนิงหัวเราะ "ที่แท้คุณก็รู้ว่า ฉันมัวแต่ยุ่งกับงานจิปาถะที่ถูกจัดไว้ให้ฉันจนฉันไม่มีเวลาเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือทดลองเลย?"

สีหน้าของหลิ่วอี๋หนิงแข็งทื่อ จิกเล็บในฝ่ามือโดยไม่รู้ตัว

เธอประมาทจี้อี่หนิงเกินไป!

"อี่หนิง...นี่เธอกำลังสงสัยว่าฉันจงใจแกล้งเธอ ไม่ให้เธอเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือเหรอ?"

"จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะ ฉันซาบซึ้งใน 'ความดูแล' ของคุณหลิ่วมากเลยนะคะ"

หลิ่วอี๋หนิงยังอยากจะพูดต่อ เจี่ยงหรูที่อยู่ด้านข้างก็พูดขัดเธอ

"เอาล่ะ ในเมื่อเธอบอกว่าศึกษาจนพอได้หมดแล้ว พอดีการทดลองในวันนี้มาถึงขั้นตอนการสกัด เธอมาดำเนินขั้นตอนนี้"

จี้อี่หนิงพยักหน้า เดินไปที่เครื่องมือเพื่อเริ่มต้นการทำงาน

ในตอนแรกหลิ่วอี๋หนิงยังวางแผนที่จะรอให้เธอทําผิดพลาดเพื่อฉวยโอกาสทําให้เจี่ยงหรูเกลียดเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าจี้อี่หนิงจะทําได้แม่นยําและสมบูรณ์แบบทุกขั้นตอน

จนกระทั่งเสียงชื่นชมของเจี่ยงหรูดังขึ้นในหู หลิ่วอี๋หนิงจึงสติได้ พร้อมกับความตื่นตระหนกที่หายไปนานก็ผุดขึ้นในใจ

เมื่อก่อนตอนที่บ้านของจี้อี่หนิงยังไม่ได้ล้มละลาย เธอยังต้องตามหลังจี้อี่หนิง คนอื่นก็จะเห็นแต่จี่จี้อี่หนิงจนมองข้ามเธอ

ตอนนี้ เธอมักจะรู้สึกว่าเธอกลับไปใช้ชีวิตที่ถูกออร่าของจี้อี่หนิงปกคลุมอีกครั้ง

หรือว่าเธอจะอยู่ใต้เงาของจี้อี่หนิงตลอดชีวิตเหรอ?

เธอไม่ยอม!

เมื่อเอ่ยชมจี้อี่หนิงเสร็จ เจี่ยงหรูก็เรียกเธอเข้าไปในห้องทํางานของเธอทันที พร้อมกับส่งเอกสารฉบับหนึ่งให้เธอ

"บริษัทเตรียมวิจัยและพัฒนายารักษาโรคหอบหืด นักวิจัยคนอื่น ๆ ล้วนมีงานทำตอนนี้ ฉันจึงตั้งใจจะมอบโปรเจ็กต์นี้ให้เธอ เธอมั่นใจไหม?"

จี้อี่หนิงตะลึงไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเจี่ยงหรูจะมอบงานสำคัญขนาดนี้ได้เร็วขนาดนี้

เธอพลิกดูข้อมูลเสร็จ ก็หันไปมองเจี่ยงหรูพร้อมกับเอ่ยว่า "พี่หรู ฉันไม่สามารถทำงานนี้ให้เสร็จคนเดียวได้ค่ะ"

"ฉันรู้ งานของหลิ่วอี๋หนิงจะสิ้นสุดลงในอีกหนึ่งหรือสองเดือน เมื่อถึงเวลานั้นให้ทีมของเขามาช่วยเธอ"

พอได้ยินชื่อหลิ่วอี๋หนิงสามคำนี้ จี้อี่หนิงก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

ตามความเกลียดชังของหลิ่วอี๋หนิงที่มีต่อเธอ จะไม่มีทางช่วยเธออย่างเด็ดขาด ไม่แน่ว่าอาจจะแอบคํวางแผนทำร้ายด้วย

แต่ว่าพวกเธออยู่ห้องปฏิบัติการเดียวกัน อีกฝ่ายจะจัดการกับเธอจริง ๆ หนีก็ไม่มีประโยชน์

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จี้อี่หนิงก็พยักหน้า "ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะพี่หรู"

"ดี ตั้งใจทำงาน ต่อไปจะต้องมารายงานความคืบหน้ากับฉันทุกสัปดาห์ เธอไปเตรียมตัวเถอะ"

เมื่อออกจากห้องทำงานของเจี่ยงหรู จี้อี่หนิงเพิ่งกลับถึงหน้าห้องปฏิบัติการ ก็ถูกหลิ่วอี๋หนิงขวางเอาไว้

"จี้อี่หนิง เธอจงใจใช่ไหม?"

สีหน้ากรุ่นโกรธของอีกฝ่าย แต่สีหน้าของจี้อี่หนิงกลับไม่มีความผันผวนแม้แต่น้อย

"เธอกำลังพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ"

หลิ่วอี๋หนิงแสยะยิ้ม "หลายวันมานี้ฉันวางแผนงานจิปาถะให้เธอพวกนั้น เธอไม่ต่อต้านสักคำ ก็ต้องการให้ตอนที่พี่หรูมา จากนั้นก็วางแผนทำให้เธอรู้ว่าฉันตั้งใจแกล้งเธอไม่ใช่เหรอ?"

เดิมทีจี้อี่หนิงไม่อยากคุยกับเธอ แต่เห็นเธอมั่นใจขนาดนี้ สายตาก็มืดมนลง

"หรือว่าเธอไม่ได้จงใจแกล้งฉัน?"

"ถึงแม้ว่าฉันจะจงใจแกล้งเธอแล้วจะเป็นยังไง มีคนที่มาใหม่คนไหนบ้างที่ไม่ได้ทำเหมือนเธอ เธอคงไม่นึกว่าเธอยังเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลจี้ โลกจะหมุนรอบตัวเธอหรอกนะ?"

ขณะที่มองดูท่าทางของหลิ่วอี๋หนิงที่พูดจากระแนะกระแหน จี้อี่หนิงก็รู้สึกเพียงว่าเมื่อก่อนตัวเองตาบอด ว่าตัวเองกลับมองเธอเป็นเพื่อนจริง ๆ

"ฉันไม่ใช่คนใหม่ที่กล้ำกลืนฝืนใจ อย่ามาคิดว่าจะทำอะไรกับฉันก็ได้ เรื่องเมื่อก่อนก็ช่างมันเถอะ วันหลังถ้ายังวางแผนมาแกล้งฉันอีก ฉันก็จะไม่นึกมิตรภาพในวันวานอีก"

เดิมทีหลิ่วอี๋หนิงอยากจะโต้แย้งเธอ แต่หลังจากที่สบเข้ากับนัยน์ตาที่เย็นชาของจี้อี่หนิง กลับรู้สึกใจลอยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่ง สิ่งที่ตั้งจะพูดก็ลืมไปหมดแล้ว

จี้อี่หนิงไม่ได้สนใจเธออีกต่อไป หมุนตัวหันหลังจากไปทันที

พอเลิกงานกลับมาถึงบ้าน หลังจากที่จี้อี่หนิงต้มบะหมี่แบบง่าย ๆ ก็เริ่มตรวจสอบหาข้อมูลเพื่อเตรียมการพัฒนายา

ขณะที่ค้นหาอยู่นั้น ความง่วงก็ถาโถมเข้ามา เธอจึงฟุบหลับลงบนคอมพิวเตอร์

ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับนั้น ก็รู้สึกว่ามีคนอุ้มเธอขึ้นมาวางบนเตียงในห้องนอน

จี้อี่หนิงพลิกตัวกำลังจะนอนต่อ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าอยู่คนเดียว จึงตกใจตื่นขึ้นมากะทันหัน

เธอลืมตาขึ้นมาอย่างแรง สายตาก็เห็นหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาและปลายคางของเสิ่นเยี่ยนจือ ในขณะที่ใจโล่งใจอย่างรุนแรง ความกรุ่นโกรธก็พรั่งพรูเข้ามา

"คุณเข้ามาได้ยังไง?!"

เธอลุกขึ้นนั่งและมองเสิ่นเยี่ยนจือด้วยสีหน้าเย็นชา ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ

"อี่หนิง ผมไม่ได้นอนมาแล้วสามวันสามคืน เพื่อให้ทันกลับมาก่อนกำหนด ให้ผมพักก่อนสักหน่อยได้ไหม?"

น้ำเสียงของเขาแหบพร่า เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

ตอนนี้จี้อี่หนิงถึงได้พบว่า ผมสั้นที่ปกติเขามักจะหวีอย่างพิถีพิถันนั้นยุ่งเหยิงเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่ของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ตอเคราสีเขียวจํานวนมากก็โผล่ออกมาจากคางของเขา ดูแล้วน่าเวทนาเล็กน้อย

ถ้าเป็นเมื่อก่อน จี้อี่หนิงจะสงสารเขา แต่ตอนนี้เธอแค่รู้สึกเบื่อหน่าย

สาเหตุที่เขารีบกลับมาก่อนกําหนด ไม่ใช่เพราะอยากเจอเธอเร็ว ๆ แต่กลัวเธอจะเอาเรื่องที่ฉินจืออี้ท้องไปบอกที่บ้านเดิม ส่งผลกระทบต่อสถานะของเขาในเสิ่นซื่อกรุ๊ป

"ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกตำรวจ"

ทันทีที่พูดจบ เธอก็หยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงขึ้นมา

เพิ่งจะศูนย์ได้ตัวเดียว โทรศัพท์ก็ถูกแย่งไปแล้ว

เสิ่นเยี่ยนจือมองเธอด้วยสีหน้าเศร้าโศก ราวกับว่าเธอเพิ่งจะทำเรื่องอะไรที่ชั่วร้ายลงไป

"อี่หนิง คุณรังเกียจผมขนาดนี้เลยเหรอ?"

จี้อี่หนิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้ตัวเองสงบลง "คำถามแบบนี้ไม่มีความหมายเลยสักนิด คุณไปเถอะ ฉันไม่อยากเห็นคุณ"

"ผมไม่ไป คุณเป็นเมียของผม คุณอยู่ที่ไหน ผมก็อยู่ที่นั่น!"

จี้อี่หนิงขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะพูด โทรศัพท์ที่เสิ่นเยี่ยนจือถืออยู่ในมือก็ดังขึ้น

เมื่อเห็นว่าเป็นสายมาจากโรงพยาบาล เสิ่นเยี่ยนจือก็รับสายอย่างไม่ลังเล

"คุณจี้คะ รบกวนคุณรีบมาที่นี่ พ่อของคุณเป็นลมกะทันหันค่ะ!"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 14

    สีหน้าของจี้อี่หนิงเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับรีบแย่งโทรศัพท์คืนจากเสิ่นเยี่ยนจือกะทันหัน"ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!"เสิ่นเยี่ยนจือคว้ามือของเธอไว้"ผมจะไปกับคุณ"ก็ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงปฏิเสธ เขาดึงจี้อี่หนิงออกไปข้างนอกทันทีจี้อี่หนิงพยายามสะบัดมือเขา แต่ไม่สำเร็จและอดขมวดคิ้วไม่ได้"ปล่อยฉันนะ ฉันเดินเองได้"เสิ่นเยี่ยนจือหันหน้ากลับมามองเธอ สีหน้าเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย "อี่หนิง ตอนนี้คุณพ่อร่างกายสำคัญกว่า เรื่องที่เราทะเลาะกันค่อยเคลียร์ทีหลัง ได้ไหม?"เดิมทีจี้อี่หนิงอยากจะบอกว่าระหว่างพวกเขาไม่ใช่การทะเลาะกันธรรมดา แต่ตอนนี้เรื่องของพ่อของเธอสําคัญกว่า เธอจึงขี้เกียจเถียงกับเขาอีกทั้งสองรีบไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน จากนั้นก็เห็นเวินจิ้งหงนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างทางเดินและรออย่างใจจดใจจ่อ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ จี้อี่หนิงก็รีบก้าวไปข้างหน้า"คุณน้าคะ มันเกิดบ้าอะไรขึ้น? อาการของพ่อฉันทรงตัวมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ ๆ ถึงเป็นลมกะทันหัน?"ก่อนหน้านี้หมอเคยกล่าวไว้ว่า ตราบใดที่จี้เหว่ยหงไม่ถูกกระตุ้น อาการป่วยโดยทั่วไปก็จะทรงตัวได้เมื่อเห็นจี้อี่หนิง เวินจิ้งหงอดไม่ได้ที่จะสะอึกสะอื้น ผ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 15

    เสิ่นเยี่ยนจือรีบเข้าไปด้านหน้า นั่งยอง ๆ อยู่ข้างจี้หงเหว่ย "คุณพ่อครับ ท่านวางใจได้ว่า ผมจะดีกับอี่หนิงไปตลอดชีวิตแน่นอน""อื้ม ตราบใดที่นายดีกับเธอพ่อก็พอใจแล้ว"เมื่อเห็นดวงตาของจี้หงเหว่ยค่อย ๆ ปิดลง จี้อี่หนิงก็รีบตะโกนเรียกเขา "คุณพ่อคะ ตอนนี้ฤทธิ์ยาสลบยังไม่หมดดี ห้ามนอนหลับค่ะ"จี้อี่หนิงและเสิ่นเยี่ยนจือผลัดกันเรียกจี้เหว่ยหงตลอดทั้งคืน จนกระทั่งท้องฟ้าค่อย ๆ สว่างขึ้น ฤทธิ์ของยาสลบเกือบหมดแล้วจึงปล่อยให้จี้เหว่ยหงนอนหลับเพิ่งรุ่งสางไม่นาน เวินจิ้งหงก็นําซุปที่ปรุงเสร็จแล้วมา"อี่หนิง เยี่ยนจือ เมื่อคืนพวกเธอลำบากมาก พวกเธอกลับไปเถอะ น้าจะดูแลเอง"อดหลับอดนอนข้ามคืน จี้อี่หนิงแทบจะลืมตาไม่ขึ้น พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า "ค่ะ น้าเวิน ถ้ามีเรื่องอะไรน้าโทรหาหนูได้เลยนะคะ เสาร์อาทิตย์หนูพักผ่อนอยู่บ้าน"คนพูดพูดโดยไม่ได้คิดอะไร เวินจิ้งหงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวจี้อี่หนิงไม่ได้ทํางานมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงบอกว่าเสาร์อาทิตย์หยุดพักผ่อน?แต่เธอยังไม่ทันได้ถาม พยาบาลก็เข้ามาเตรียมตรวจจี้เหว่ยหง เธอได้แต่เก็บความสงสัยในใจ เตรียมส่งข้อความถามจี้อี่หนิงทีหลังทั้งสองเดินออกจากโรงพย

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 16

    ความเย็นถาโถมเข้ามา จี้อี่หนิงตัวสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว ร่างกายสั่นไม่หยุดเมื่อมองเห็นส่วนนูนโค้งวับ ๆ แวม ๆ บนเนินอกของเธอ ดวงตาของเสิ่นเยี่ยนจือก็มืดลงทันที ทันใดนั้นก็ก้มศีรษะลงไซร้จูบที่กระดูกไหปลาร้าของเธอทันที"อย่ามาโดนฉัน!"จี้อี่หนิงดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ร่างกายเจ้ากรรมถูกเสิ่นเยี่ยนจือกดทับเอาไว้ ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งตามธรรมชาติระหว่างผู้ชายและผู้หญิงทําให้เธอไม่มีทางหลบหนีได้สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจและความโกรธ เมื่อถูกเขาสัมผัสเข้า ก็รู้สึกขยะแขยงมาก"อี่หนิง ครั้งนี้คุณปฏิเสธไปก็ไร้ประโยชน์"มีเพียงทำให้เธอตั้งท้องลูกของเขาเท่านั้น เธอถึงจะอยู่กับเขาบังคับฝืนให้ตัวเองไม่สนใจสายตาที่รังเกียจของจี้อี่หนิง เสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้าจูบที่ริมฝีปากเธอเสี้ยววินาทีต่อมา ริมฝีปากถูกจี้อี่หนิงกัดอย่างรุนแรงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกลิ่นเลือดก็ตลบอบอวลในปากของทั้งคู่เสิ่นเยี่ยนจือปล่อยเธอและไปเช็ดเลือดที่มุมปาก แสยะยิ้มพร้อมกับบีบคางของเธอ บังคับให้เธอหันมามองตัวเขา"อี่หนิง วันนี้คุณหนีไม่พ้นหรอก"ทันทีที่ก้มหัวลงจูบกระดูกไหปลาร้าของเธอ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะปร

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 17

    ถ้ารู้แต่แรกว่าฉินจืออี้รับมือยากขนาดนี้ ตอนแรกเขาจะไม่นอนกับเธอด้วยความต้องการที่หุนหันพลันแล่นเด็ดขาดพอวางสาย เขาเหลือบไปมองชั้นบน จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และเดินไปที่โรงรถอย่างรวดเร็วหน้าประตูวิลล่าเสิ่นซื่อเพิ่งจะเดินมาถึงรถ ก็เห็นซุนสิงยืนอยู่ที่หน้ารถ ด้วยสีหน้าแปลก ๆ เล็กน้อย"เกิดอะไรขึ้น?"ซุนสิงมีสีหน้าอยากจะพูดแล้วก็เงียบไป "ประธานเสิ่น คุณดูเองดีกว่าครับ..."เสิ่นซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย จึงเปิดประตูทันทีสิ่งที่เข้าม่านตาก็คือจี้อี่หนิงใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย มองเขาด้วยหน้าตาสั่นเทาพอเห็นฉากนี้โดยไม่รู้ตัว และคาดว่าเขาคงจะทำเรื่องอะไรให้เธอเสียหายถึงชีวิตได้"ปึ้ง!"เสิ่นซื่อสะบัดประตูรถทันที พร้อมเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า "เกิดอะไรขึ้น?""ผะ...ผมเองก็ไม่รู้ครับ เมื่อครู่คุณจี้เดินกะโผลกกะเผลกออกมาจากวิลล่า บอกว่าอยากให้คุณไปส่งเธอหน่อย...""จากนั้นนายก็ให้เธอขึ้นมาบนรถ?"ดวงตาของเสิ่นซื่อหงุดหงิดมาก วันนี้เขามาเตือนเสิ่นเยี่ยนจือ ก็คือชดเชยค่าเสียหายที่เกือบจะชนจี้อี่หนิงในคืนนั้นตั้งแต่วินาทีที่เขาเดินออกมาจากวิลล่า เขาก็ไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธออีกเ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 18

    มือที่จี้อี่หนิงประคองประตูรถออกแรงโดยไม่รู้ตัว ปลายนิ้วก็ขาวซีดเล็กน้อยเธอกัดริมฝีปากล่างและหลบตาลง พร้อมกับเอ่ยเสียงเบาว่า "ค่ะ รบกวนอาเล็กแล้ว"วินาทีที่ปิดประตู รถไมบัคสีดําก็แล่นจากไปทันทีดูจากท่าทางของเสิ่นซื่อแล้ว เธอคงน่าจะโดนรังเกียจแล้วเดิมทีนิสัยของเสิ่นซื่อเป็นคนไม่แยแสอยู่แล้ว ทั้งสองพบหน้ากันสองสามครั้งดูไม่ค่อยมีความสุขเลย เขารังเกียจตัวเองก็เป็นเรื่องปกติจี้อี่หนิงหันหลังและเดินไปที่ชุมชนอย่างช้า ๆ จากนั้นก็หายไปในทางเดินของตึกอย่างรวดเร็วบนรถไมบัคสีดำหลังจากที่สังเกตเห็นอายเย็นที่แผ่กระจายรอบตัวของของเสิ่นซื่อ ซุนสิงก้มหน้าก้มตาไม่กล้าพูดตอนแรกเขานึกว่าเสิ่นซื่อจะเห็นแก่ที่จี้อี่หนิงเป็นหลานสะใภ้ของเขาและไว้หน้าของเธอบ้างแต่ว่าเมื่อครู่จี้อี่หนิงอยากจะถอดเสื้อคืนให้เขา เขากลับสั่งให้อีกฝ่ายโยนทิ้งไป นอกจากท่านแม่เฒ่าเสิ่นแล้ว เขาเย็นชากับผู้หญิงคนอื่นมากดูเหมือนว่า ต่อไปจะตัดสินใจเองไม่ได้แล้วเสิ่นซื่อปิดตานอนหลับ แต่ทว่าก็ยังได้กลิ่นหอมสดชื่นของดอกพุดซ้อนที่ส่งมาจากตัวเธอตอนที่จี้อี่หนิงยังนั่งอยู่บนรถด้วย ในใจกระสับกระส่ายพลุ่งพล่านโดยไม่รู้ตัว

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 19

    "พาเธอไปโรงพยาบาล"สีหน้าที่เย็นชาของเสิ่นเยี่ยนจือ สายตาที่มองฉินจืออี้ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อยเมื่อถูกเขาจ้องมองแบบนี้ ในใจของฉินจืออี้รู้สึกสิ้นหวังและเสียใจ น้ำตาก็ไหลรินลงมาตามแก้ม"ประธานเสิ่นคะ ฉันรักคุณจริง ๆ หรือว่าคุณนายเสิ่นจะยอมรับฉันไม่ได้ขนาดนี้ รับลูกในท้องของฉันไม่ได้เหรอ?"เสิ่นเยี่ยนจือมองเธอด้วยสีหน้ารังเกียจ "เธอเป็นแค่เมียน้อย มีคุณสมบัติอะไรที่จะเปรียบเทียบกับเธอได้?"ฉินจืออี้อับอายมาก สะอึกสะอื้นพร้อมเอ่ยว่า "ช่วงเวลาที่อยู่กับฉัน คุณเคยรักฉันบ้างไหม แม้แต่นิดเดียวก็ยังดี?"เสิ่นเยี่ยนจือพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า "เธอเคยเห็นใครบ้างที่หลงรักผู้หญิงขายตัว?"เขายินดีที่จะเล่นละครกับฉินจืออี้ แต่เพราะว่าเธออ่อยก่อน และไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นตอนอยู่บนเตียงรักกับเซ็กส์ ผู้ชายแบ่งได้ชัดเจนเสมอสีเลือดบนแก้มของฉินจืออี้จางลงอย่างรวดเร็วและตัวเธอก็สั่นระริกเธอคิดไม่ถึงเลยว่า เสิ่นเยี่ยนจือมองว่าเธอเป็นของเล่นที่สามารถทิ้งได้ตามใจชอบแต่เธอไม่ยอม กว่าเธอจะตั้งท้องมันไม่ง่ายเลย เธอไม่ยอมที่จะถูกเสิ่นเยี่ยนจือเตะออกไปเหมือนขยะแบบนี้"คุณน้าคะ ได้โปรดช่วยลูกของหนู

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 20

    "ส่งคลิปกล้องวงจรปิดมาให้ฉัน"หลังวางโทรศัพท์เสร็จ ไม่นานคนรับใช้ก็ส่งคลิปวิดิโอมาเห็นจี้อี่หนิงกระโดดลงมาจากชั้นสอง แล้วขึ้นรถเสิ่นซื่อทั้งที่เสื้อผ้ายังขาดวิ่น ต่อมาตอนที่ตัวเองขับรถผ่านไป เสิ่นซื่อไม่ได้เรียกตัวเองไว้ พลันสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือเปลี่ยนเป็นไม่ดีอย่างมากขึ้นมาทันทีเสิ่นซื่อปกติก็ไม่เคยยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงช่วยจี้อี่หนิง?เมื่อนึกถึงจี้อี่หนิงที่มีสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นถูกผู้ชายคนอื่นเห็น ในใจเสิ่นเยี่ยนจือมีไฟบางอย่างโหมลุกขึ้นมาเขาไม่คิดอะไรทั้งนั้น จี้อี่หนิงต้องกลับไปยังบ้านเช่าแน่เฉินเสวี่ยหรงดูคลิปกล้องวงจรปิดด้วยเหมือนกัน จึงกล่าวอย่างขับเขี้ยวเคี้ยวฟัน “แม่ว่าแล้วเธอไม่คู่ควรกับลูกหรอก ลูกดูชุดที่เธอสวมสิเหมือนอะไรก็ไม่รู้ ตระกูลเสิ่นขายหน้าหมดเพราะเธอแล้ว!”เสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้ว มองเฉินเสวี่ยหรงด้วยสีหน้าไม่พอใจ“แม่ เรื่องนี้เป็นปัญหาของผม แม่โทษอี่หนิงโดยไม่ถามถึงสาเหตุและผล มันจะไม่ยุติธรรมเกินไปหน่อยหรอครับ?”“ลูกหมายความว่ายังไง? แม่เป็นเดือดเป็นร้อยแทนลูก แต่ลูกกลับพูดแทนยัยจี้อี่หนิงนั่น แม่คือแม่แท้ๆ ของลูก แม่จะไม่อยากเห็นลูกไ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 21

    "รู้แล้ว แต่ฉันต้องการเวลาทำใจยอมรับ คุณกลับไปก่อนเถอะ"เห็นท่าทางขอไปทีของจี้อี่หนิง เสิ่นเยี่ยนจือก็ขมวดคิ้ว "อี่หนิง ผมบอกแล้วว่าผมยินดีจะให้เวลาคุณ แต่คุณเลิกต่อต้านผมขนาดนี้อีกได้ไหม?"เมื่อถูกเขากวนใจจนรำคาญ จี้อี่หนิงก็เคลื่อนตาขึ้นมองเขา"คุณบอกยินดีจะให้เวลาฉัน? แต่ความจริงคุณให้ฉันแล้วหรือ? วันที่สองหลังจากที่ฉันจับได้ว่าคุณนอกใจ คุณก็คิดจะบีบบังคับฉัน วันนี้ก็ด้วย""ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันดูไม่ออกเลยว่าคุณรู้สึกผิดมากแค่ไหน คุณแค่อยากปกปิดและให้เรื่องนี้มันจบๆ ไป แต่ฉันทำไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้ก็ทำไม่ได้ คุณเข้าใจไหม?"ครั้นเห็นดวงตาแดงก่ำของจี้อี่หนิง ความรู้สึกผิดกับเสียใจก็พรั่งพรูขึ้นมาในหัวใจเสิ่นเยี่ยนจือ เขายื่นมือออกไปหมายจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดแต่ยังไม่ทันได้แตะจี้อี่หนิง เธอก็ถอยหลังหลบไปหนึ่งก้าว ส่วนมือของเขาก็ค้างอยู่กลางอากาศ"เสิ่นเยี่ยนจือ หลายปีที่แต่งงานกับคุณมา ฉันไม่เคยทำเรื่องผิดต่อคุณเลย ความผูกพันของเราคือแปดปี ไม่ใช่แปดเดือนหรือแปดวัน""คุณทรยศฉัน แล้วยังจะให้ฉันยอมรับเร็ว ๆ คุณคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ? นอกเสียจากว่าความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณมันคือข

บทล่าสุด

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 104

    วินาทีที่กริดทะลุเข้าไปบนหลังมือ จี้อี่หนิงหลุดร้องออกมา เจ็บปวดจนใบหน้าขาวซีดเลือดสดๆ รินไหลจากหลังมือของเธอ ดูน่าสยดสยองเป็นอย่างมากหลิ่วอี๋หนิงหัวเราะ แล้วดึงกริดออกมาจนเลือดพุ่งกระฉูดตามไปด้วย จี้อี่หนิงกัดริมฝีปากอย่างแรง จึงไม่มีเสียงโหยหวนเล็ดลอดออกมาดูสีหน้าอดทนอดกลั้นของเธอแล้ว มุมปากของหลิ่วอี๋หนิงก็ยกยิ้มกว้างขึ้น"ไม่คิดว่ากระดูกของเธอมันจะแข็งเอาเรื่อง แต่ก็ไม่รู้ว่า มันจะแข็งไปได้ถึงเมื่อไหร่"หล่อนชูกริดขึ้นอีกครั้ง เตรียมจะแทงลงไปยังหน้าอกของจี้อี่หนิงสุดแรงเกิดทว่าจังหวะที่กริดอยู่ห่างจากหน้าอกข้างซ้ายของจี้อี่หนิงเพียงไม่กี่เซนติเมตร จู่ๆ ความปวดร้าวก็ส่งตรงมาจากข้อมือ กริดที่กำอยู่ก็ตกลงบนพื้นเช่นกันหลิ่วอี๋หนิงมองลูกดอกที่แทงใส่ข้อมือของหล่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แล้วช้อนสายตาขึ้นมองไปยังทิศทางที่ลูกดอกยิงมาในทันที ก่อนจะเห็นร่างใครบางคนกำลังวิ่งมายังที่หล่อนอยู่แววตาของหล่อนเผยความลนลาน รีบก้มหน้าไปเก็บกริด ทว่าจังหวะที่กำลังก้มหน้าอยู่นั้น หล่อนก็ถูกเตะเข้าตรงลิ้นปี่อย่างรุนแรง จนกระเด็นออกไปทั้งร่างร่างกายของหล่อนกระแทกลงบนพื้นราวกับว่าวที่ด้

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 103

    ตอนนี้หากจี้อี่หนิงตายไป นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ให้เงินแล้ว ดีไม่ดีจะโยนขี้ให้เขาว่าเป็นคนฆ่าจี้อี่หนิง เขาไม่มีอำนาจ แถมตอนนี้เจิ้งโหยวโหย่วยังโดนขังอยู่ในคุกอีก เขาจะเอาอะไรไปสู้หลิ่วอี๋หนิงเพราะงั้นเวลานี้การที่จี้อี่หนิงมีชีวิตต่อไป จะเป็นผลดีกับเขามากกว่า"แกเป็นบ้าไปแล้วหรอ? ดีไม่ดีตอนนี้เสิ่นเยี่ยนจือรู้แล้วว่าพวกเราจับตัวหล่อนมา ยิ่งชักช้ายิ่งจะไม่เป็นผลดีกับพวกเรา""ฉันแค่ต้องการเห็นเงินก่อน ถ้าคุณอยากฆ่าเธอผมจะไม่ยุ่ง""ดึกดื่นป่านนี้ ฉันจะไปโอนเงินให้แกได้ยังไง อย่างน้อยๆ ก็ต้องรอพรุ่งนี้เช้า ให้เจ้าหน้าที่ธนาคารเข้างานก่อน!"หลิ่วอี๋หนิงโมโหจนจะบ้า เจิ้งกั๋วอันเหมือนกับเจิ้งโหยวโหย่วไม่มีผิด ร่วมมือกับคนโง่ มีแต่จะพาเธอลงเหวอีกอย่างถึงจะโอนเงิน เธอก็ต้องใช้บัญชีต่างประเทศ ไม่งั้นถึงตอนนั้นเธอจะโดนตรวจพบได้"ฉันไม่สน ฉันจะเอาเงิน"ขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีปากเสียงกัน แสงไฟจากที่ไกลๆ ก็เคลื่อนตัวเข้ามาเรื่อยๆสีหน้าของหลิ่วอี๋หนิงเปลี่ยนในทันใด เธอสั่งเสียงเย็นชา "เร็ว รีบพาเธอขึ้นบนดาดฟ้า!"เจิ้งกั๋วอันเองก็ตระหนักได้ถึงความตึงเครียดของสถานการณ์ ก็ไม่ได้โต้เถียงกับหลิ่วอ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 102

    สีหน้าของเสิ่นซื่อเปลี่ยนทันที เขาพูดเสียงเย็น "เกิดอะไรขึ้น?""ในบ้านของคุณจี้เละเทะไปหมด โทรศัพท์ของเธอวางอยู่บนโซฟา แต่เจ้าตัวหายไปครับ""รีบไปสืบเดี๋ยวนี้"ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ซุนสิงก็สืบได้ว่าจี้อี่หนิงถูกลักพาตัวไป จีบรีบรายงานเสิ่นซื่อทันทีรถตู้ไม่ติดป้ายทะเบียนเพิ่งจะเข้าเขตตัวเมืองได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกกลุ่มคนขวางเอาไว้เมื่อเห็นชายชุดดำสิบกว่าคนยืนล้อมตัวรถ ชายหนุ่มก็ชะงักไป เปิดประตูลงจากรถ ขณะกำลังจะถามว่ามีอะไร ก็ถูกคนถีบเข้าอย่างแรง จนทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น"โอ๊ย!"เขาโอดครวญอย่างน่าสังเวช ความเจ็บปวดจากหัวเข่าที่แตกทำให้เขาหน้าซีด เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มไปหน้าไม่หยุดซุนสิงมีสีหน้าเย็นยะเยือก "แกลักพาตัวคนไปไว้ที่ไหน?"แววตาของชายหนุ่มเผยความลนลานเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะรีบส่ายหน้า "พวกแกพูดอะไร...ฉันไม่รู้เรื่อง"ซุนสิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น "ไม่รู้เรื่องใช่ไหม? งั้นก็จะกระทืบจนกว่าจะรู้"วินาทีที่เขาพูดจบ ชายชุดดำสิบกว่าคนรุมเข้าไป เสียงโอดครวญดังเป็นระลอกๆไม่ถึงห้านาที ชายหนุ่มก็พูดอย่างสังเวช "อย่าทำผมเลย...อย่าทำผมเลย ผมจะบอกแล้ว...ผมจะบอก"ซุนสิงส่งซิ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 101

    "ใครน่ะ?"เมื่อฟังออกว่าเป็นฉินจืออี้ สีหน้าของจี้อี่หนิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย"ฉันคือจี้อี่หนิง ฉันต้องการคุยกับเสิ่นเยี่ยนจือ เอาโทรศัพท์ให้เขา"เสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากปลายสาย "เธอบอกว่าเยี่ยนจือน่ะหรอ เขากำลังอาบน้ำอยู่ เกรงว่าจะไม่ว่างรับสายเธอน่ะสิ คุณจี้ มีธุระอะไรกับเขาบอกฉันได้เลย ฉันจะช่วยบอกเขาให้"จี้อี่หนิงกัดริมฝีปากเล็กน้อย มือที่ทิ้งน้ำหนักลงข้างตัวกำแน่นโดยอัตโนมัติ"ฉินจืออี้ ฉันถูกลักพาตัว..."ยังพูดไม่ทันจบ ฉินจืออี้ก็ตัดบทเธอขึ้นมา "จี้อี่หนิง เธอคิดว่าคำโกหกเงอะงะแบบนี้จะทำให้เยี่ยนจือไปหาเธอได้หรอ? ถ้าเธออยากจะเขาจริงๆ เธอก็มาหาเขาเองสิ แต่คืนนี้เขาต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันกับลูก เกรงว่าจะไม่ว่างสนใจเธอหรอก"เวลานี้เหตุการณ์เกี่ยวพันกับชีวิต จี้อี่หนิงจึงไม่มีเวลามาคิดแค้นหล่อน"ฉันโดนลักพาตัวจริงๆ...ขอแค่เธอบอกเขาเรื่องนี้ก็พอ...""ถ้าเธอโดนลักพาตัวจริง งั้นก็ไปตายซะสิ ถ้าไม่มีเธอสักคน ลูกในท้องของฉันก็เชิดหน้าชูตาเกิดมาได้อย่างภาคภูมิ ฉันเองก็จะได้อยู่กับเยี่ยนจือ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าเธอตายไป ฉันจะเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ทุกปีเลยล่ะ"น้ำเสียงของฉินจืออี้เต

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 100

    "ต่อให้แกแฉออกไปตอนนี้ฉันก็ไม่มีเงิน อีกอย่างถ้าเรื่องนี้ถูกแฉออกไป แกก็ต้องติดคุกเหมือนกัน!"เสียงถกเถียงของทั้งสองคนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดจี้อี่หนิงก็รู้แล้วว่าคนที่ลักพาตัวตนเองคือพ่อของเจิ้งโหยวโหย่ว เจิ้งกั๋วอันแต่ตัวเธอเคยเขาแค่ครั้งเดียวเอง เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ไหน? อีกทั้งยังแอบซุ่มอยู่ในบ้านเธออีก...เธอสามารถมั่นใจได้ว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่แรงงานเกษตรคิดออกมาได้แน่ ๆ ต้องมีคนคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอนและคนคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นหลิ่วอี๋หนิงผ่านไปสักพัก เสียงถกเถียงข้างนอกก็หยุดลง ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทรถยนต์ และไม่นานบริเวณโดยรอบก็เหลือแต่ความเงียบจี้อี่หนิงหายใจช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าหอบหายใจเสียงดังทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่ากระเป๋าเดินทางขยับ จากนั้นก็เป็นเสียงล้อลากกับพื้นเมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลากตัวเธอไปที่ไหนก็ไม่รู้ ในใจจี้อี่หนิงก็ตื่นตระหนกทันที ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะหนียังไงดีเธอค่อย ๆ รูดซิปบนหัวออก แต่ข้างนอกมืดสนิท มีแค่แสงสว่างเพียงเล็กน้อยคอยส่องทางจากไฟฉายกระบอกหนึ่งในมือของคนข้างหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางจี้อี่หนิงมองไม่ส

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 99

    มีคนแอบซุ่มรอทั้งในห้องนอนและหน้าประตู เห็นทีอีกฝ่ายคงวางแผนมาแล้วเธอลุกขึ้นมาวิ่งไปตรงไปยังห้องครัว แต่เพิ่งเริ่มวิ่งได้สองก้าวก็ถุกคนคว้าแขนเอาไว้ แล้วกระแทกเธอเข้ากับกำแพงอย่างแรง"แกเป็นใคร? ทำไมต้อง...อื้อ..."อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งกดจี้อี่หนิงไว้ มืออีกข้างก็ใช้ผ้าผืนหนึ่งอุดจมูกของจี้อี่หนิง ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงได้พูดเลยสักนิดกลิ่นฉุนเตะจมูก ภาพตรงหน้าของจี้อี่หนิงก็ค่อย ๆ มัวลงช้า ๆผ่านไปไม่นาน ผู้ชายสวมผ้าปิดปากสองคนก็ลากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเดินออกไปจากบ้านของจี้อี่หนิงเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว คนส่วนมาก็เลิกงานกลับบ้านกันหมด ในหมู่บ้านจึงไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตสองคนนี้ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงประตูหลังของหมู่บ้าน มีรถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งสองคนเอากระเป๋าเดินทางใส่ไว้ในกระโปรงหลังรถ จากนั้นก็ขับรถมุ่งตรงออกไปยังนอกเมืองทันทีชิงหงกรุ๊ปห้องทำงานประธานซุนสิงถือเอกสารชุดหนึ่งรีบเดินเข้าไปอย่างรีบเร่ง "ประธานเสิ่นครับ เมื่อกี้บริษัทคู่ค้าส่งเอกสารชุดนี้กลับมา บอกว่าข้อมูลการทดลองเหมือนจะมีปัญหา แต่

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 98

    ทันใดนั้น ใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็ปรากฏเป็นรอยฝ่ามือขึ้นมาทันที แววตาของเขาที่มองจี้อี่หนิงก็กลายเปลี่ยนเป็นความเย็นชาอย่างสุดขั้ว“นี่คุณกล้าตบผมเหรอ?!”จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาโกรธเคืองของเขา แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ทำไมฉันจะตบคุณไม่ได้? คนที่นอกใจคือคุณต่างหาก แต่คุณบังอาจวิ่งแจ้นไปใส่ร้ายฉันต่อหน้าพ่อของฉัน คุณไม่สมควรโดนตบรึไง?"ทันทีที่พูดจบ เสิ่นเยี่ยนจือก็บีบคางเธอและกดเธอไว้กับกำแพงทันที รังสีความโหดฉายออกมาในแววตา"อี่หนิง คุณไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมก่อนเอง ถ้าคุณเชื่อฟังผมดี ๆ ผมก็ไม่มาหาพ่อตาหรอก"จี้อี่หนิงแค่นหัวเราะออกมา "ถ้าคุณกล้ามาหาพ่อของฉันอีก ฉันก็จะแฉเรื่องที่คุณนอกใจออกมาให้หมด""ถ้าคุณไม่กลัวว่าพ่อจะได้รับแรงกระตุ้นแล้วอาการแย่ลง คุณจะไปบอกตอนนี้เลยก็ได้"น้ำเสียงไม่แยแสของเสิ่นเยี่ยนจือทำให้ความโกรธของจี้อี่หนิงสุมขึ้นในอก มือที่วางข้างลำตัวก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว"เสิ่นเยี่ยนจือ ทำไมคุณกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้?!"เสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้ามองเธอ เมื่อเห็นความเกลียดชังและความโกรธในแววตาของเธอ ม่านตาของเขาก็หดตัวลงแล้วบีบคางเธอแน่นกว่าเดิ

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 97

    ฝีเท้าของจี้อี่หนิงหยุดชะงักไป ขมวดคิ้วมองเสิ่นเยี่ยนจือที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาโกรธเคือง"คุณไปพูดอะไรกับพ่อฉัน?!"เสิ่นเยี่ยนจือยังไม่ทันปริปาก จี้เหว่ยหงก็พูดด้วยความเกรี้ยวกราด "เธอยังกล้าคาดคั้นเยี่ยนจืออีก?! เธอกับอาเล็กของเขาแอบกิ๊กกันเธอไม่รู้สึกผิดกับเขาเลยรึไง?"จี้อี่หนิงโมโหจนหน้าซีด แม้แต่ปลายนิ้วยังสั่นระริกเธอไม่คิดเลยว่าเสิ่นเยี่ยนจือจะหน้าไม่อายขนาดนี้ แว้งกัดต่อหน้าจี้เหว่ยหงก่อนซะงั้นสิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็ถึง จี้เหว่ยหงกลับเชื่อจริง ๆ"พ่อคะ ในสายตาพ่อหนุเป็นคนแบบนั้นเหรอ? พ่อไม่ถามหนูเลยด้วยซ้ำ แค่คำพูดของเสิ่นเยี่ยนจือฝ่ายเดียวก็คิดว่าหนุหักหลังเขาแล้ว?!"จี้อี่หนิงสูดหายใจลึก ตัดสินใจจะไม่ปิดบังเรื่องที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจแอีกต่อไปแล้ว"พ่อรู้ไหมว่าเขาแอบ...""อี่หนิง เมื่อกี้พ่อเกือบจะเป็นลมเพราะเรื่องของเธอ หมอบอกว่าห้ามให้เขาถูกกระตุ้นแล้ว เธอต้องทำให้พ่อโมโหจนอกแตกตายก่อนถึงจะพอใจใช่ไหม?"เสียงของเสิ่นเยี่ยนจือดังมากจนกลบเสียงของจี้อี่หนิงไปหมดมือที่วางข้างลำตัวของจี้อี่หนิงกำแน่น ในใจเกลียดเสิ่นเยี่ยนจืออย่างสุดขีด"ในเมื่อคุณรู้ว่าพ่อของฉัน

  • ในวันหย่าร้าง ฉันถูกอาเล็กของอดีตสามีลักพาตัวไปจดทะเบียน   บทที่ 96

    เสิ่นซื่อเงยหน้ามองเขา เอ่ยปากด้วยสีหน้าเย็นชา "รู้แล้ว"เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเฉยเมย ซุนสิงก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองตั้งใจบอกเขาเรื่องนี้โดยเฉพาะมันไม่จำเป็นเลยพร้อมทั้งเตือนเสิ่นซื่อว่ามีประชุมตอนสิบโมง ซุนสิงก็หมุนตัวออกไปช่วงเที่ยง จี้อี่หนิงถือบัตรอาหารไปที่โรงอาหารเพิ่งเดินเข้าไปก็ต้องอึ้งกับความหรูหราของโรงอาหารชิงหง นี่ไม่ใช่โรงอาหารแล้ว ไม่ต่างอะไรกับร้านอาหารติดดาวเลยสักนิดเมื่อกวาดตามองไปแล้วอาหารทุกช่องล้วนประณีตเป็นอย่างมาก แค่มองก็รู้สึกหิวแล้วอีกทั้งราคาอาหารยังถูกมากเทียบเท่ากับโรงอาหารในมหาวิทยาลัยเลยโรงอาหารมีสามชั้นถ้วน มีอาหารครอบคลุมทุกชนิดทั้งอาหารตะวันตก อาหารจีน อีกทั้งยังมีอาหารประจำชาติเฉพาะกลุ่มประเทศอื่น ๆ อีกจี้อี่หนิงยืนต่อแถวอยู่ที่ช่องอาหารไทย สั่งข้าวผัดสับปะรดหนึ่งจานและต้มยำกุ้งหนึ่งถ้วยแล้วหาที่นั่งมุมหนึ่งนั่งลงเมื่อชิมน้ำซุปไปหนึ่งคำ ความเซอร์ไพรส์ก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ นี่มันอร่อยเหมือนที่เธอเคยกินที่ร้านอาหารห้าดาวเลยก่อนหน้านี้บนโซเชียลมีคนพูดกันว่าเรื่องโรงอาหารของชิงหงเทียบเท่าระดับห้าดาว ตอนนั้นจี้อี่หนิงยังคิดว่ากล่าวเกินจร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status