"รู้แล้ว แต่ฉันต้องการเวลาทำใจยอมรับ คุณกลับไปก่อนเถอะ"เห็นท่าทางขอไปทีของจี้อี่หนิง เสิ่นเยี่ยนจือก็ขมวดคิ้ว "อี่หนิง ผมบอกแล้วว่าผมยินดีจะให้เวลาคุณ แต่คุณเลิกต่อต้านผมขนาดนี้อีกได้ไหม?"เมื่อถูกเขากวนใจจนรำคาญ จี้อี่หนิงก็เคลื่อนตาขึ้นมองเขา"คุณบอกยินดีจะให้เวลาฉัน? แต่ความจริงคุณให้ฉันแล้วหรือ? วันที่สองหลังจากที่ฉันจับได้ว่าคุณนอกใจ คุณก็คิดจะบีบบังคับฉัน วันนี้ก็ด้วย""ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันดูไม่ออกเลยว่าคุณรู้สึกผิดมากแค่ไหน คุณแค่อยากปกปิดและให้เรื่องนี้มันจบๆ ไป แต่ฉันทำไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้ก็ทำไม่ได้ คุณเข้าใจไหม?"ครั้นเห็นดวงตาแดงก่ำของจี้อี่หนิง ความรู้สึกผิดกับเสียใจก็พรั่งพรูขึ้นมาในหัวใจเสิ่นเยี่ยนจือ เขายื่นมือออกไปหมายจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดแต่ยังไม่ทันได้แตะจี้อี่หนิง เธอก็ถอยหลังหลบไปหนึ่งก้าว ส่วนมือของเขาก็ค้างอยู่กลางอากาศ"เสิ่นเยี่ยนจือ หลายปีที่แต่งงานกับคุณมา ฉันไม่เคยทำเรื่องผิดต่อคุณเลย ความผูกพันของเราคือแปดปี ไม่ใช่แปดเดือนหรือแปดวัน""คุณทรยศฉัน แล้วยังจะให้ฉันยอมรับเร็ว ๆ คุณคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ? นอกเสียจากว่าความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณมันคือข
พริบตาเดียว สายตาของทุกคนในแผนกวิจัยก็มองไปทางหลิ่วอี๋หนิงเป็นตาเดียวเจี่ยงหรูไม่เคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเข้มงวดขนาดนี้มาก่อนเลย หลิ่วอี๋หนิงตกใจเกินกว่าจะอายไปชั่วขณะ"พี่หรู...มีอะไรหรือเปล่าคะ?"เจี่ยงหรูไม่สนใจเธอ หมุนตัวเดินตรงเข้าห้องทำงานไปทันทีครั้นสัมผัสได้ถึงสายตาคลุมเครือที่แฝงไปด้วยการค้นหาของทุกคน หลิ่วอี๋หนิงหน้าแดงขึ้นมาทันที เธอรู้สึกขายหน้าอย่างมากโดยเฉพาะปะทะเข้ากับสายตาจี้อี่หนิงคู่นั้น ในใจเธอก็ยิ่งโมโหมากขึ้น ตอนนี้จี้อี่หนิงต้องรอดูเรื่องตลกของตัวเองอยู่แน่หลังจากระงับความโมโหในใจแล้ว เธอก็กัดริมฝีปากเดินตามเจี่ยงหรูไปทันทีที่เดินเข้าไปในห้องทำงานแล้วปิดประตูลง เจี่ยงหรูก็โยนเอกสารฉบับหนึ่งลงต่อหน้าเธอ"เธอดูเอาเองสะ!"น้ำเสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง สายตาที่มองหลิ่วอี๋หนิงก็เจือไปด้วยความไม่พอใจหลิ่วอี๋หนิงเก็บเอกสารขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ หลังจากพลิกอ่านไปไม่กี่หน้า สีหน้าก็ดูไม่ดีขึ้นอย่างมาก มือที่กำเอกสารไว้สั่นเทาขึ้นมาทำไมถึง...เห็นท่าทางร้อนตัวของเธอ น้ำเสียงของเจี่ยงหรูยิ่งเย็นชามากขึ้น "เสียแรงที่ก่อนหน้าฉันคิดว่าเธอทำงานละเอียดรอบ
ดูท่าแล้ว เจี่ยงหรูจะไม่ปล่อยตัวเองไปแน่หลิ่วอี๋หนิงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนค่อยๆ เอื้อนเอ่ยออกมา "ฉันเข้าใจแล้ว ไม่ว่าบริษัทจะตัดสินยังไง ฉันยอมรับทั้งนั้นค่ะ"พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินออกไปเมื่อออกมาจากห้องน้ำงานของเจี่ยงหรูแล้ว หลิ่วอี๋หนิงก็ไม่สามารถระงับความโกรธเกรี้ยวในใจไว้ได้อีก เธอย่างสามขุมตรงไปยังแผนกวิจัยอย่างโมโหจี้อี่หนิงกำลังตรวจสอบข้อมูล จู่ๆ เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังขึ้นจากด้านหลังหันไปได้ไม่ทันไร ก็โดนฝ่ามือหนึ่งตบเข้ามา เธอไม่มีทางหลบได้ทันเลย"เพียะ!"เสียงตบกังวานดังขึ้น ทุกคนที่อยู่รอบๆ เงียบลงพลางมองไปทางทั้งสองทันทีหลิ่วอี๋หนิงแทบใช้แรงทั้งหมดตบลงมา จี้อี่หนิงถูกตบจนหน้าหันไปด้านข้าง แก้มที่ขาวนวลปรากฏรอยมือห้านิ้วออกมาทันที และบวมขึ้นมาอย่างรวดเร็วจี้อี่หนิงเคลื่อนตามองหลิ่วอี๋หนิงด้วยความเย็นชาครั้นถูกดวงตาใสมีระลอกคลื่นคู่นั้นของนางจับจ้อง ไม่รู้ทำไมหลิ่วอี๋หนิงถึงรู้สึกกลัวขึ้นมาในหัวใจ และจิตใต้สำนึกก็สั่งให้ถอยหลังขึ้นมาแต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่จี้อี่หนิงรายงานตัวเอง หลิ่วอี๋หนิงก็หนักแน่นขึ้นมาอีกครั้งทันที พลางมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางหยิ่งยโสตบครั้
เสิ่นซื่อเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา "ฉันว่าช่วงนี้นายคงจะว่างมากจริงๆ ""ไม่เลย...ไม่ว่างเลยสักนิด ตอนบ่ายผมยังมีเอกสารมากมายให้จัดการอยู่..."ซุนสิงรีบก้มหน้าลง พลางแอบคิดว่าครั้งหน้าต้องระงับความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ให้ได้หลังประคบเย็นได้สิบกว่านาที แก้มก็ไม่ได้เจ็บปวดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว จี้อี่หนิงจึงกลับไปที่นั่งทำงานของตัวเองทันทีที่นั่งลง เซี่ยงอวี่ เพื่อนร่วมงานหญิงก่อนหน้านั้นก็เลื่อนเก้าอี้มาอยู่ข้างจี้อี่หนิง พลางกระซิบ "อี่หนิง พวกเพื่อนร่วมงานกำลังถกเรื่องของเธอกับหลิ่วอี๋หนิง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจู่ ๆ หลิ่วอี๋หนิงก็มาตบเธอล่ะ?"จี้อี่หนิงไม่คิดจะทำให้เรื่องนี้มันใหญ่ขึ้น ยังไงถึงทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ หลิ่วอี๋หนิงก็รักษางานไว้ไม่ได้อยู่ดีเธอเพิ่งมาได้ไม่นานก็บีบให้หลิ่วอี๋หนิงออกแล้ว เพื่อนร่วมงานคนอื่นต้องคิดว่าเธอมีแผนลึกซึ้งยากจะคาดเดา และจากนี้ไปชีวิตในบริษัทของเธอก็จะเป็นไปได้ไม่ค่อยดีส่วนหลิ่วอี๋หนิง แม้ครั้งนี้จะบิดเบือนข้อมูลจริง แต่เมื่อก่อนก็ค้นคว้าได้ผลลัพธ์ออกมาบางส่วน ความสามารถไม่ได้แย่ บริษัทน่าจะจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ไม่เลือกที่จะทำให
"ไม่มีทาง พวกเขาไม่ทรยศฉันหรอก!""หากเธอคิดว่าเป็นจี้อี่หนิง ก็เอาหลักฐานออกมา ถ้าไม่มีหลักฐานก็หุบปาก เรื่องนี้ทางบริษัทใจกว้างมากแล้ว อย่ามาได้คืบจะเอาศอก"เมื่อสบเข้ากับสายตาที่รู้ทุกอย่างของเจี่ยงหรู หลิ่วอี๋หนิงรู้สึกแค่ว่าอีกฝ่ายรู้ว่าตนนั้นคิดอะไรอยู่ จึงรู้สึกประหม่าออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัวเธอก้มหน้าลง และกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจ "พี่หรู ฉันเข้าใจแล้ว ฉันขอกลับไปทำงานก่อนนะ"เจี่ยงหรูไม่ตอบเธอ แค่หยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมาเริ่มอ่านเมื่อสัมผัสได้ว่าเธอโกรธ หลิ่วอี๋หนิงก็ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างเศร้าหมองเมื่อกลับมาถึงแผนกวิจัย เรื่องแรกที่เธอทำคือเดินไปอยู่หน้าโต๊ะทำงานจี้อี่หนิง"อี่หนิง เล่นงานลับหลังไม่ถือว่ามีความสามารถอะไร ฉันขอแนะนำเธอให้ไปสนใจกับงานดีกว่า ถึงยังไงเวลาทดลองงานของเธอก็มีตั้งสามเดือน หากระหว่างนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก้เลื่อนเป็นประจำไม่ได้แล้ว เธอว่าใช่หรือเปล่า?"เมื่อเห็นท่าทางได้ใจของเธอ จี้อี่หนิงไร้ซึ่งอารมณ์บนสีหน้าใดๆ ก่อนหลุบตาลงอ่านเอกสารต่อหลิ่วอี๋หนิงยังไม่ทันได้พูด ผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างเธอที่กล่าวออกมาด้วยความโมโห "
เมื่อเห็นความโกรธที่แทบจะทะลักออกมาจากในตาเขา จี้อี่หนิงก็เบือนหน้าหนีด้วยท่าทางเรียบเฉย"ไม่มีใครทั้งนั้น ฉันไม่ระวังล้มลงไปเอง""คุณล้มจนมันเกิดรอยฝ่ามือบนหน้าคุณได้ด้วยหรือ?"จี้อี่หนิงหลุบตาลงต่ำ พลางกล่าวเสียงเบา "นี่มันเรื่องของฉัน คุณจะหยุดยุ่งได้หรือยัง?"เสิ่นเยี่ยนจือคว้ามือเธอไว้ และกล่าวด้วยเสียงขรึม "คุณเป็นเมียผม เมียผมถูกคนอื่นทำร้าย คุณคิดว่าผมจะดูเฉย ๆ ไม่ยุ่งได้หรือ?""ฉันบอกแล้วว่านี่มันเรื่องของฉัน และฉันคลี่คลายมันได้แล้ว เอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเถอะ"ทั้งสองยืดยื้อกันอยู่สักพัก เมื่อเห็นจี้อี่หนิงยืนกรานไม่ยอมพูด เสิ่นเยี่ยนจือก็ทำได้แค่เพียงยอมแพ้"ผมจะไปส่งคุณกลับ""ไม่ต้อง ฉันนั่งรถไฟใต้ดินไปสิบนาทีก็ถึงแล้ว"ครั้นเห็นการต่อต้านและความเฉยเมยในดวงตาของเธอ เสิ่นเยี่ยนจือก็ขมวดคิ้วขึ้นมา"อี่หนิง ผมไม่ได้ขอให้คุณอภัยให้ผมตอนนี้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธความหวังดีของผม ไม่อย่างนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำเรื่องอะไรออกมาบ้าง"เมื่อได้ยินคำขู่จากในประโยคสุดท้าย ดวงตาของจี้อี่หนิงก็ฉายแววเยาะเย้ย"เสิ่นเยี่ยนจือ นี่คือสิ่งที่คุณบอกว่าจะไม่บังคับฉันอีกหรือ?"
คำพูดลวกๆ ของเขา ทำให้หลิ่วอี๋หนิงเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็งเธอรู้ดี เสิ่นเยี่ยนจือสามารถทำได้ และตระกูลหลิ่วก็ไร้ความสามารถที่จะต่อกรได้เธอยกมือขึ้น และตบลงบนหน้าตัวเองอย่างแรง"เพียะ!""ทำต่อไป"เริ่มแรก หลิ่วอี๋หนิงยังรู้สึกถึงความเจ็บบนใบหน้า แต่หลังจากตบมาถึงช่วงหลัง ๆ สองแก้มก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว เธอได้แค่ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ อย่างรู้สึกชาไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าตบตัวเองไปกี่ครั้ง ในระหว่างที่หลิ่วอี๋หนิงรู้ว่าจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ ในที่สุดเสิ่นเยี่ยนจือก้ลุกขึ้นเดินมาอยู่ข้างหน้าเธอเขาปรายตามองเธอ ราวกับมองมดแมลงตัวหนึ่ง"คุณหลิ่ว หวังว่าคุณจะจำบนเรียนวันนี้ได้ จากนี้ไปหากเจอภรรยาผมก็เดินอ้อมไปซะ หากมีครั้งต่อไป ผมจะไม่ปล่อยคุณไปง่าย ๆ แบบนี้อีก"สิ้นเสียง เขาก็เดินผ่านเธอไปโดยไม่ชายตาแลมองเลยว่าเธอจะมีปฏิกิริยายังไงบอดี้การ์ดที่คอยป้องกันไม่ให้เธอหลบหนีก็ตามออกไปเหมือนกัน ไม่นาน ภายในห้องก็เหลือแค่เพียงหลิ่วอี๋หนิงคนเดียวในที่สุดความรู้สึกที่ตึงมาตลอดก้คลายลง หลิ่วอี๋หนิงกุมหน้าร้องไห้อย่างเงียบ ๆตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยเสียความรู้สึกขนาดนี้มาก่อนเลย
เสิ่นเยี่ยนจือรู้สึกในคำพูดของมารดามีความหมายแฝงอยู่ เขากำลังจะถามอย่างละเอียด คนรับใช้ก็ประคองเสิ่นซื่อเยี่ยนที่เมาแบบกึ่ม ๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นครั้นเห็นเสิ่นซื่อเยี่ยน เขาก็ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวเสียงต่ำ "แม่ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"พูดจบ ก็หมุนตัวเดินผ่านเสิ่นซื่อเยี่ยนออกไปเสิ่นซื่อเยี่ยนขมวดคิ้ว แต่แค่ทำหน้าบึ้งตึงเท่านั้นไม่ได้พูดอะไรเมื่อกลับมาถึงวิลล่า เขาก็โทรหาหยางอวี่ ให้เขาซื้อวิลล่าหลังหนึ่งในนามของฉินจืออี้หยางอวี่ตกใจเล็กน้อย "บอส หากคุณนายรู้เข้า...""ทำแบบลับๆ หน่อย อย่าให้ใครรู้ โดยเฉพาะอี่หนิง"หากเธอรู้ว่าเด็กในท้องฉินจืออี้ยังอยู่ ต้องยืนกรานจะหย่ากับเขามากขึ้นแน่เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เสิ่นเยี่ยนจือก็รู้สึกอารมณ์เสีย"ได้ครับบอส ผมเข้าใจแล้ว"วางสายเสร็จ หยางอวี่อดถอนหายใจออกมาไม่ได้เสิ่นเยี่ยนจือกำลังวางแผนจะผลักไสจี้อี่หนิงออกไป เดิมเรื่องการนอกใจก็เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้ยังเลี้ยงคนอยู่ข้างนอกอีก ช่างเป็นการขุดหลุมศพสำหรับการแต่งงานของพวกเขาจริง ๆแต่เขาก็เป็นแค่เลขาคนหนึ่ง ได้เพียงแค่ทำตามที่เสิ่นเยี่ยนจือบอกเท่านั้นหลายวันต่อมา ห
"ต่อให้แกแฉออกไปตอนนี้ฉันก็ไม่มีเงิน อีกอย่างถ้าเรื่องนี้ถูกแฉออกไป แกก็ต้องติดคุกเหมือนกัน!"เสียงถกเถียงของทั้งสองคนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดจี้อี่หนิงก็รู้แล้วว่าคนที่ลักพาตัวตนเองคือพ่อของเจิ้งโหยวโหย่ว เจิ้งกั๋วอันแต่ตัวเธอเคยเขาแค่ครั้งเดียวเอง เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ไหน? อีกทั้งยังแอบซุ่มอยู่ในบ้านเธออีก...เธอสามารถมั่นใจได้ว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่แรงงานเกษตรคิดออกมาได้แน่ ๆ ต้องมีคนคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอนและคนคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นหลิ่วอี๋หนิงผ่านไปสักพัก เสียงถกเถียงข้างนอกก็หยุดลง ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทรถยนต์ และไม่นานบริเวณโดยรอบก็เหลือแต่ความเงียบจี้อี่หนิงหายใจช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าหอบหายใจเสียงดังทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่ากระเป๋าเดินทางขยับ จากนั้นก็เป็นเสียงล้อลากกับพื้นเมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลากตัวเธอไปที่ไหนก็ไม่รู้ ในใจจี้อี่หนิงก็ตื่นตระหนกทันที ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะหนียังไงดีเธอค่อย ๆ รูดซิปบนหัวออก แต่ข้างนอกมืดสนิท มีแค่แสงสว่างเพียงเล็กน้อยคอยส่องทางจากไฟฉายกระบอกหนึ่งในมือของคนข้างหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางจี้อี่หนิงมองไม่ส
มีคนแอบซุ่มรอทั้งในห้องนอนและหน้าประตู เห็นทีอีกฝ่ายคงวางแผนมาแล้วเธอลุกขึ้นมาวิ่งไปตรงไปยังห้องครัว แต่เพิ่งเริ่มวิ่งได้สองก้าวก็ถุกคนคว้าแขนเอาไว้ แล้วกระแทกเธอเข้ากับกำแพงอย่างแรง"แกเป็นใคร? ทำไมต้อง...อื้อ..."อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งกดจี้อี่หนิงไว้ มืออีกข้างก็ใช้ผ้าผืนหนึ่งอุดจมูกของจี้อี่หนิง ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงได้พูดเลยสักนิดกลิ่นฉุนเตะจมูก ภาพตรงหน้าของจี้อี่หนิงก็ค่อย ๆ มัวลงช้า ๆผ่านไปไม่นาน ผู้ชายสวมผ้าปิดปากสองคนก็ลากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเดินออกไปจากบ้านของจี้อี่หนิงเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว คนส่วนมาก็เลิกงานกลับบ้านกันหมด ในหมู่บ้านจึงไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตสองคนนี้ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงประตูหลังของหมู่บ้าน มีรถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งสองคนเอากระเป๋าเดินทางใส่ไว้ในกระโปรงหลังรถ จากนั้นก็ขับรถมุ่งตรงออกไปยังนอกเมืองทันทีชิงหงกรุ๊ปห้องทำงานประธานซุนสิงถือเอกสารชุดหนึ่งรีบเดินเข้าไปอย่างรีบเร่ง "ประธานเสิ่นครับ เมื่อกี้บริษัทคู่ค้าส่งเอกสารชุดนี้กลับมา บอกว่าข้อมูลการทดลองเหมือนจะมีปัญหา แต่
ทันใดนั้น ใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็ปรากฏเป็นรอยฝ่ามือขึ้นมาทันที แววตาของเขาที่มองจี้อี่หนิงก็กลายเปลี่ยนเป็นความเย็นชาอย่างสุดขั้ว“นี่คุณกล้าตบผมเหรอ?!”จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาโกรธเคืองของเขา แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ทำไมฉันจะตบคุณไม่ได้? คนที่นอกใจคือคุณต่างหาก แต่คุณบังอาจวิ่งแจ้นไปใส่ร้ายฉันต่อหน้าพ่อของฉัน คุณไม่สมควรโดนตบรึไง?"ทันทีที่พูดจบ เสิ่นเยี่ยนจือก็บีบคางเธอและกดเธอไว้กับกำแพงทันที รังสีความโหดฉายออกมาในแววตา"อี่หนิง คุณไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมก่อนเอง ถ้าคุณเชื่อฟังผมดี ๆ ผมก็ไม่มาหาพ่อตาหรอก"จี้อี่หนิงแค่นหัวเราะออกมา "ถ้าคุณกล้ามาหาพ่อของฉันอีก ฉันก็จะแฉเรื่องที่คุณนอกใจออกมาให้หมด""ถ้าคุณไม่กลัวว่าพ่อจะได้รับแรงกระตุ้นแล้วอาการแย่ลง คุณจะไปบอกตอนนี้เลยก็ได้"น้ำเสียงไม่แยแสของเสิ่นเยี่ยนจือทำให้ความโกรธของจี้อี่หนิงสุมขึ้นในอก มือที่วางข้างลำตัวก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว"เสิ่นเยี่ยนจือ ทำไมคุณกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้?!"เสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้ามองเธอ เมื่อเห็นความเกลียดชังและความโกรธในแววตาของเธอ ม่านตาของเขาก็หดตัวลงแล้วบีบคางเธอแน่นกว่าเดิ
ฝีเท้าของจี้อี่หนิงหยุดชะงักไป ขมวดคิ้วมองเสิ่นเยี่ยนจือที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาโกรธเคือง"คุณไปพูดอะไรกับพ่อฉัน?!"เสิ่นเยี่ยนจือยังไม่ทันปริปาก จี้เหว่ยหงก็พูดด้วยความเกรี้ยวกราด "เธอยังกล้าคาดคั้นเยี่ยนจืออีก?! เธอกับอาเล็กของเขาแอบกิ๊กกันเธอไม่รู้สึกผิดกับเขาเลยรึไง?"จี้อี่หนิงโมโหจนหน้าซีด แม้แต่ปลายนิ้วยังสั่นระริกเธอไม่คิดเลยว่าเสิ่นเยี่ยนจือจะหน้าไม่อายขนาดนี้ แว้งกัดต่อหน้าจี้เหว่ยหงก่อนซะงั้นสิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็ถึง จี้เหว่ยหงกลับเชื่อจริง ๆ"พ่อคะ ในสายตาพ่อหนุเป็นคนแบบนั้นเหรอ? พ่อไม่ถามหนูเลยด้วยซ้ำ แค่คำพูดของเสิ่นเยี่ยนจือฝ่ายเดียวก็คิดว่าหนุหักหลังเขาแล้ว?!"จี้อี่หนิงสูดหายใจลึก ตัดสินใจจะไม่ปิดบังเรื่องที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจแอีกต่อไปแล้ว"พ่อรู้ไหมว่าเขาแอบ...""อี่หนิง เมื่อกี้พ่อเกือบจะเป็นลมเพราะเรื่องของเธอ หมอบอกว่าห้ามให้เขาถูกกระตุ้นแล้ว เธอต้องทำให้พ่อโมโหจนอกแตกตายก่อนถึงจะพอใจใช่ไหม?"เสียงของเสิ่นเยี่ยนจือดังมากจนกลบเสียงของจี้อี่หนิงไปหมดมือที่วางข้างลำตัวของจี้อี่หนิงกำแน่น ในใจเกลียดเสิ่นเยี่ยนจืออย่างสุดขีด"ในเมื่อคุณรู้ว่าพ่อของฉัน
เสิ่นซื่อเงยหน้ามองเขา เอ่ยปากด้วยสีหน้าเย็นชา "รู้แล้ว"เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเฉยเมย ซุนสิงก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองตั้งใจบอกเขาเรื่องนี้โดยเฉพาะมันไม่จำเป็นเลยพร้อมทั้งเตือนเสิ่นซื่อว่ามีประชุมตอนสิบโมง ซุนสิงก็หมุนตัวออกไปช่วงเที่ยง จี้อี่หนิงถือบัตรอาหารไปที่โรงอาหารเพิ่งเดินเข้าไปก็ต้องอึ้งกับความหรูหราของโรงอาหารชิงหง นี่ไม่ใช่โรงอาหารแล้ว ไม่ต่างอะไรกับร้านอาหารติดดาวเลยสักนิดเมื่อกวาดตามองไปแล้วอาหารทุกช่องล้วนประณีตเป็นอย่างมาก แค่มองก็รู้สึกหิวแล้วอีกทั้งราคาอาหารยังถูกมากเทียบเท่ากับโรงอาหารในมหาวิทยาลัยเลยโรงอาหารมีสามชั้นถ้วน มีอาหารครอบคลุมทุกชนิดทั้งอาหารตะวันตก อาหารจีน อีกทั้งยังมีอาหารประจำชาติเฉพาะกลุ่มประเทศอื่น ๆ อีกจี้อี่หนิงยืนต่อแถวอยู่ที่ช่องอาหารไทย สั่งข้าวผัดสับปะรดหนึ่งจานและต้มยำกุ้งหนึ่งถ้วยแล้วหาที่นั่งมุมหนึ่งนั่งลงเมื่อชิมน้ำซุปไปหนึ่งคำ ความเซอร์ไพรส์ก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ นี่มันอร่อยเหมือนที่เธอเคยกินที่ร้านอาหารห้าดาวเลยก่อนหน้านี้บนโซเชียลมีคนพูดกันว่าเรื่องโรงอาหารของชิงหงเทียบเท่าระดับห้าดาว ตอนนั้นจี้อี่หนิงยังคิดว่ากล่าวเกินจร
กลับถึงบ้าน จี้อี่หนิงก็ติดต่อซุนสิง สองซุนสิงให้เธอไปตามหาเขาที่ห้องทำงานประธานเช้าวันถัดไป ถึงเวลานั้นจะพาเธอไปแสกนลายนิ้วมือและทำบัตรผ่านประตูหลังจากวางสาย จี้อี่หนิงก็รู้สึกกังวลขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเดิมทีเสิ่นเยี่ยนจือก็สงสัยว่าเสิ่นซื่อกำลังวางแผนคิดไม่ซื่อกับเธอ ตอนนี้ตนต้องไปทำงานที่ชิงหง หากเขารู้ ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นอะไรขึ้นบ้างแต่สถานการณ์ตอนนี้ ทำได้เพียงเดินหนึ่งก้าวมองหนึ่งก้าวแล้ว รอให้เขารู้จริงๆก่อน ถึงวันนั้นค่อยว่ากันเช้าวันถัดมา จี้อี่หนิงตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็บึ่งรถไปชิงหงจอดรถใต้ตึกชิงหงแล้ว จี้อี่หนิงจึงไปบอกหน้าเคาน์เตอร์ว่ามาหาซุนสิง ทางเคาน์เตอร์ยืนยันตัวตนเธอได้แล้วจึงนำทางเธอไปหน้าลิฟต์"คุณจี้ ห้องทำงานท่านประานอยู่ชั้นบนสุดค่ะ"จี้อี่หนิงพยักหน้า “โอเคค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”หลังจากเข้าลิฟต์ จี้อี่หนิงจึงกดปุ่มชั้นลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิดลงก่อนค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นข้างบนนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาชิงหง ก่อนหน้านี้เคยได้มาว่าลิฟต์ของชิงหงวิวสวยมาก ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าเป็นเรื่องจริงคล้อยหลังลิฟต์มุ่งขึ้นด้านบน ภาพทิวทัศน์ของเมืองทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ดูแล
เจิ้งกั๋วอันในตอนนี้กำลังอยู่ที่โถงทางเดินโรงพยาบาลมองใบเสร็จด้วยความกังวล ตอบกลับด้วยเสียงจริงจัง “ภายในไม่กี่วันนี่ล่ะ”วันนี้เขาไม่เหลือเงินแม้แต่แดงเดียว ไม่พอเจิ้งโหยวโหย่วยังอยู่สถานีตำรวจ ทำได้เพียงต้องทำตามที่หลิ่วอี๋หนิงบอกเท่านั้นถึงจะมีโอกาสหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้“งั้นฉันจะรอข่างดีจากอาเจิ้งก็แล้วกัน”วางสายเสร็จ มุมปากหลิ่วอี๋หนิงหยักยิ้มหยันขอเพียงเจิ้งกั๋วอันลักพาตัวจี้อี่หนิงไป ถึงเวลานั้นเธอค่อยให้พวกมันทั้งสองตายด้วยกัน หลังจากนั้นตนก็สบายใจไร้กังวลแล้วในห้องปฏิบัติการ จี้อี่หนิงกำลังเตรียมทำการทดลองก่อนหน้านี้ต่อ ก็ได้ข่าวจากเจี่ยงหรู ให้เธอไปห้องทำงานเมื่อถึงห้องทำงาน เจี่ยงหรูยกยิ้มพลางให้เธอนั่งลง"อี่หนิง ลงพื้นที่ปฏิบัติการเมืองหรงกับประธานเสิ่นครั้งนี้รู้สึกยังไงบ้าง?"จี้อี่หนิงเม้มปาก “ก็พอได้ค่ะ พี่หรูมีเรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“คือว่า ทางสำนักงานใหญ่ให้ความสำคัญกับโครงการที่เธอกำลังพัฒนามาก ประกอบกับโครงการนี้ได้รับการลงทุนจากประธานเสิ่น เพื่อเลี่ยงไม่ให้ต้องคอยวิ่งไปมาติดตามความคืบหน้าของโครงการ ทางสำนักงานใหญ่จึงตั้งใจส่งเธอไปทำงาน
พอเห็นจี้อี่หนิงตัวสั่นเบาๆ สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววพอใจจี้อี่หนิงกัดริมฝีปากล่างแน่น ก่อนตอบเสียงเย็นชา "ฉันจะไปเข้างานแล้ว ตอนนี้คุณคงไปได้แล้วใช่ไหม?"เมื่อเห็นท่าทีหัวรั้นไม่สนฟังคำใครของเธอแล้ว สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววคร่ำเคร่งแต่เมื่อนึกขึ้นได้เขาก็ไม่อยากบังคับรีบเร่งอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองต้องตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน"ผมจะไปส่งคุณ""ไม่ต้องค่ะ"พูดจบ เธอจึงผลักเสิ่นเยี่ยนจือออกประตู ก่อนปิดแล้วจากไปทันทีหลังจากมาถึงบริษัท ก็พบว่าเพื่อร่วมงานในบริษัทต่างแอบมองเธอ สีหน้าจี้อี่หนิงราบเรียบไร้อารมณ์ คาดว่ามุกคนคงเห็นภาพนั้นในอินเทอร์เน็ตหมดแล้วสางของไว้บนโต๊ะทำงานเสร็จ ขณะจี้อี่หนิงกำลังเตรียมตัวไปห้องปฏิบัติการ เซี่ยงอวี่ที่อยู่ข้างๆปรี่เข้ามาฉับพลัน พูดเสียงเบา “อี่หนิง เรื่องภาพในอินเทอร์เน็ตนั้น......เป็นความจริงเหรอ? ประธานเสิ่นชอบเธอจริงๆเหรอ?”ชั่วเวลานั้นผู้คนรอบๆพลันหูผึ่งขึ้นมายังไงซะเรื่องก่อนหน้านี้ที่จี้อี่หนิงทำอุปกรณ์การทดลองระเบิด แล้วเสิ่นซื่อเสี่ยงอันตรายไปช่วยตนนั้นทุกคนก็รู้ดีประกอบกับภาพเมื่อคืนที่ดูมีบรร
“ฉันควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาเตือน”คล้อยหลังเสิ่นซื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องทำงานก็ตกสู่ความเงียบงันลุงหลานทั้งสองจดจ้องกันไปมาด้วยท่าทีเย็นยะเยือก ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอยซุนสิงที่อยู่ข้างๆเห็นสถานการณ์ท่าไม่ดี จึงรีบเร่งเดินเข้าไป “ประธานเสิ่นเล็ก พอรู้เรื่องรูปภาพในอินเทอร์เน็ตวันนี้แล้ว ประธานเสิ่นก็กำลังจัดการ ไม่อย่างนั้นคุณกลับไปก่อนดีกว่าครับ”เสิ่นเยี่ยนจือหันมองซุนสิง เอ่ยเสียงเยือกเย็น “เลขาซุน คุณอยู่กับอาเล็กมากี่ปีแล้ว หวังว่าคุณจะมีเวลาโน้มน้าวเขา ให้เขาอย่า......”"เสิ่นเยี่ยนจือ!"เสิ่นซื่อตะโกนลั่นตัดบทเขา ความโกรธเกรี้ยวสุดขีดปะทุขึ้นในดวงตา "หากยังพูดจาไร้สาระอีกแค่ประโยคเดียว ก็อย่าคิดว่าจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของเสิ่นซื่อกรุ๊ปอย่างมั่นคงอีกเลย"เสิ่นเยี่ยนจือกำหมัดข้างตัวแน่น ความหงุดหงิดอัดแน่นเต็มทรวงถึงขีดสุด แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าเสิ่นซื่อจริงๆ เพราะเขารู้ดีว่าความสามารถนี้ที่เสิ่นซื่อมีอยู่ สามารถดึงเขาลงจากตำแหน่งได้จริงๆเขามองไปทางเสิ่นซื่อ ก่อนจะเอ่ยเน้นทีละคำชัดเจน "หวังว่าอาเล็กจะทำตัวให้ดีก็แล้วกัน!"พูดจบ เขาก็หันกายเดินออกไ