"ส่งคลิปกล้องวงจรปิดมาให้ฉัน"หลังวางโทรศัพท์เสร็จ ไม่นานคนรับใช้ก็ส่งคลิปวิดิโอมาเห็นจี้อี่หนิงกระโดดลงมาจากชั้นสอง แล้วขึ้นรถเสิ่นซื่อทั้งที่เสื้อผ้ายังขาดวิ่น ต่อมาตอนที่ตัวเองขับรถผ่านไป เสิ่นซื่อไม่ได้เรียกตัวเองไว้ พลันสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือเปลี่ยนเป็นไม่ดีอย่างมากขึ้นมาทันทีเสิ่นซื่อปกติก็ไม่เคยยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงช่วยจี้อี่หนิง?เมื่อนึกถึงจี้อี่หนิงที่มีสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นถูกผู้ชายคนอื่นเห็น ในใจเสิ่นเยี่ยนจือมีไฟบางอย่างโหมลุกขึ้นมาเขาไม่คิดอะไรทั้งนั้น จี้อี่หนิงต้องกลับไปยังบ้านเช่าแน่เฉินเสวี่ยหรงดูคลิปกล้องวงจรปิดด้วยเหมือนกัน จึงกล่าวอย่างขับเขี้ยวเคี้ยวฟัน “แม่ว่าแล้วเธอไม่คู่ควรกับลูกหรอก ลูกดูชุดที่เธอสวมสิเหมือนอะไรก็ไม่รู้ ตระกูลเสิ่นขายหน้าหมดเพราะเธอแล้ว!”เสิ่นเยี่ยนจือขมวดคิ้ว มองเฉินเสวี่ยหรงด้วยสีหน้าไม่พอใจ“แม่ เรื่องนี้เป็นปัญหาของผม แม่โทษอี่หนิงโดยไม่ถามถึงสาเหตุและผล มันจะไม่ยุติธรรมเกินไปหน่อยหรอครับ?”“ลูกหมายความว่ายังไง? แม่เป็นเดือดเป็นร้อยแทนลูก แต่ลูกกลับพูดแทนยัยจี้อี่หนิงนั่น แม่คือแม่แท้ๆ ของลูก แม่จะไม่อยากเห็นลูกไ
"รู้แล้ว แต่ฉันต้องการเวลาทำใจยอมรับ คุณกลับไปก่อนเถอะ"เห็นท่าทางขอไปทีของจี้อี่หนิง เสิ่นเยี่ยนจือก็ขมวดคิ้ว "อี่หนิง ผมบอกแล้วว่าผมยินดีจะให้เวลาคุณ แต่คุณเลิกต่อต้านผมขนาดนี้อีกได้ไหม?"เมื่อถูกเขากวนใจจนรำคาญ จี้อี่หนิงก็เคลื่อนตาขึ้นมองเขา"คุณบอกยินดีจะให้เวลาฉัน? แต่ความจริงคุณให้ฉันแล้วหรือ? วันที่สองหลังจากที่ฉันจับได้ว่าคุณนอกใจ คุณก็คิดจะบีบบังคับฉัน วันนี้ก็ด้วย""ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันดูไม่ออกเลยว่าคุณรู้สึกผิดมากแค่ไหน คุณแค่อยากปกปิดและให้เรื่องนี้มันจบๆ ไป แต่ฉันทำไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้ก็ทำไม่ได้ คุณเข้าใจไหม?"ครั้นเห็นดวงตาแดงก่ำของจี้อี่หนิง ความรู้สึกผิดกับเสียใจก็พรั่งพรูขึ้นมาในหัวใจเสิ่นเยี่ยนจือ เขายื่นมือออกไปหมายจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดแต่ยังไม่ทันได้แตะจี้อี่หนิง เธอก็ถอยหลังหลบไปหนึ่งก้าว ส่วนมือของเขาก็ค้างอยู่กลางอากาศ"เสิ่นเยี่ยนจือ หลายปีที่แต่งงานกับคุณมา ฉันไม่เคยทำเรื่องผิดต่อคุณเลย ความผูกพันของเราคือแปดปี ไม่ใช่แปดเดือนหรือแปดวัน""คุณทรยศฉัน แล้วยังจะให้ฉันยอมรับเร็ว ๆ คุณคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ? นอกเสียจากว่าความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณมันคือข
พริบตาเดียว สายตาของทุกคนในแผนกวิจัยก็มองไปทางหลิ่วอี๋หนิงเป็นตาเดียวเจี่ยงหรูไม่เคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเข้มงวดขนาดนี้มาก่อนเลย หลิ่วอี๋หนิงตกใจเกินกว่าจะอายไปชั่วขณะ"พี่หรู...มีอะไรหรือเปล่าคะ?"เจี่ยงหรูไม่สนใจเธอ หมุนตัวเดินตรงเข้าห้องทำงานไปทันทีครั้นสัมผัสได้ถึงสายตาคลุมเครือที่แฝงไปด้วยการค้นหาของทุกคน หลิ่วอี๋หนิงหน้าแดงขึ้นมาทันที เธอรู้สึกขายหน้าอย่างมากโดยเฉพาะปะทะเข้ากับสายตาจี้อี่หนิงคู่นั้น ในใจเธอก็ยิ่งโมโหมากขึ้น ตอนนี้จี้อี่หนิงต้องรอดูเรื่องตลกของตัวเองอยู่แน่หลังจากระงับความโมโหในใจแล้ว เธอก็กัดริมฝีปากเดินตามเจี่ยงหรูไปทันทีที่เดินเข้าไปในห้องทำงานแล้วปิดประตูลง เจี่ยงหรูก็โยนเอกสารฉบับหนึ่งลงต่อหน้าเธอ"เธอดูเอาเองสะ!"น้ำเสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง สายตาที่มองหลิ่วอี๋หนิงก็เจือไปด้วยความไม่พอใจหลิ่วอี๋หนิงเก็บเอกสารขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ หลังจากพลิกอ่านไปไม่กี่หน้า สีหน้าก็ดูไม่ดีขึ้นอย่างมาก มือที่กำเอกสารไว้สั่นเทาขึ้นมาทำไมถึง...เห็นท่าทางร้อนตัวของเธอ น้ำเสียงของเจี่ยงหรูยิ่งเย็นชามากขึ้น "เสียแรงที่ก่อนหน้าฉันคิดว่าเธอทำงานละเอียดรอบ
ดูท่าแล้ว เจี่ยงหรูจะไม่ปล่อยตัวเองไปแน่หลิ่วอี๋หนิงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนค่อยๆ เอื้อนเอ่ยออกมา "ฉันเข้าใจแล้ว ไม่ว่าบริษัทจะตัดสินยังไง ฉันยอมรับทั้งนั้นค่ะ"พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินออกไปเมื่อออกมาจากห้องน้ำงานของเจี่ยงหรูแล้ว หลิ่วอี๋หนิงก็ไม่สามารถระงับความโกรธเกรี้ยวในใจไว้ได้อีก เธอย่างสามขุมตรงไปยังแผนกวิจัยอย่างโมโหจี้อี่หนิงกำลังตรวจสอบข้อมูล จู่ๆ เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังขึ้นจากด้านหลังหันไปได้ไม่ทันไร ก็โดนฝ่ามือหนึ่งตบเข้ามา เธอไม่มีทางหลบได้ทันเลย"เพียะ!"เสียงตบกังวานดังขึ้น ทุกคนที่อยู่รอบๆ เงียบลงพลางมองไปทางทั้งสองทันทีหลิ่วอี๋หนิงแทบใช้แรงทั้งหมดตบลงมา จี้อี่หนิงถูกตบจนหน้าหันไปด้านข้าง แก้มที่ขาวนวลปรากฏรอยมือห้านิ้วออกมาทันที และบวมขึ้นมาอย่างรวดเร็วจี้อี่หนิงเคลื่อนตามองหลิ่วอี๋หนิงด้วยความเย็นชาครั้นถูกดวงตาใสมีระลอกคลื่นคู่นั้นของนางจับจ้อง ไม่รู้ทำไมหลิ่วอี๋หนิงถึงรู้สึกกลัวขึ้นมาในหัวใจ และจิตใต้สำนึกก็สั่งให้ถอยหลังขึ้นมาแต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่จี้อี่หนิงรายงานตัวเอง หลิ่วอี๋หนิงก็หนักแน่นขึ้นมาอีกครั้งทันที พลางมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางหยิ่งยโสตบครั้
เสิ่นซื่อเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา "ฉันว่าช่วงนี้นายคงจะว่างมากจริงๆ ""ไม่เลย...ไม่ว่างเลยสักนิด ตอนบ่ายผมยังมีเอกสารมากมายให้จัดการอยู่..."ซุนสิงรีบก้มหน้าลง พลางแอบคิดว่าครั้งหน้าต้องระงับความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ให้ได้หลังประคบเย็นได้สิบกว่านาที แก้มก็ไม่ได้เจ็บปวดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว จี้อี่หนิงจึงกลับไปที่นั่งทำงานของตัวเองทันทีที่นั่งลง เซี่ยงอวี่ เพื่อนร่วมงานหญิงก่อนหน้านั้นก็เลื่อนเก้าอี้มาอยู่ข้างจี้อี่หนิง พลางกระซิบ "อี่หนิง พวกเพื่อนร่วมงานกำลังถกเรื่องของเธอกับหลิ่วอี๋หนิง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจู่ ๆ หลิ่วอี๋หนิงก็มาตบเธอล่ะ?"จี้อี่หนิงไม่คิดจะทำให้เรื่องนี้มันใหญ่ขึ้น ยังไงถึงทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ หลิ่วอี๋หนิงก็รักษางานไว้ไม่ได้อยู่ดีเธอเพิ่งมาได้ไม่นานก็บีบให้หลิ่วอี๋หนิงออกแล้ว เพื่อนร่วมงานคนอื่นต้องคิดว่าเธอมีแผนลึกซึ้งยากจะคาดเดา และจากนี้ไปชีวิตในบริษัทของเธอก็จะเป็นไปได้ไม่ค่อยดีส่วนหลิ่วอี๋หนิง แม้ครั้งนี้จะบิดเบือนข้อมูลจริง แต่เมื่อก่อนก็ค้นคว้าได้ผลลัพธ์ออกมาบางส่วน ความสามารถไม่ได้แย่ บริษัทน่าจะจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ไม่เลือกที่จะทำให
"ไม่มีทาง พวกเขาไม่ทรยศฉันหรอก!""หากเธอคิดว่าเป็นจี้อี่หนิง ก็เอาหลักฐานออกมา ถ้าไม่มีหลักฐานก็หุบปาก เรื่องนี้ทางบริษัทใจกว้างมากแล้ว อย่ามาได้คืบจะเอาศอก"เมื่อสบเข้ากับสายตาที่รู้ทุกอย่างของเจี่ยงหรู หลิ่วอี๋หนิงรู้สึกแค่ว่าอีกฝ่ายรู้ว่าตนนั้นคิดอะไรอยู่ จึงรู้สึกประหม่าออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัวเธอก้มหน้าลง และกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจ "พี่หรู ฉันเข้าใจแล้ว ฉันขอกลับไปทำงานก่อนนะ"เจี่ยงหรูไม่ตอบเธอ แค่หยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมาเริ่มอ่านเมื่อสัมผัสได้ว่าเธอโกรธ หลิ่วอี๋หนิงก็ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างเศร้าหมองเมื่อกลับมาถึงแผนกวิจัย เรื่องแรกที่เธอทำคือเดินไปอยู่หน้าโต๊ะทำงานจี้อี่หนิง"อี่หนิง เล่นงานลับหลังไม่ถือว่ามีความสามารถอะไร ฉันขอแนะนำเธอให้ไปสนใจกับงานดีกว่า ถึงยังไงเวลาทดลองงานของเธอก็มีตั้งสามเดือน หากระหว่างนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก้เลื่อนเป็นประจำไม่ได้แล้ว เธอว่าใช่หรือเปล่า?"เมื่อเห็นท่าทางได้ใจของเธอ จี้อี่หนิงไร้ซึ่งอารมณ์บนสีหน้าใดๆ ก่อนหลุบตาลงอ่านเอกสารต่อหลิ่วอี๋หนิงยังไม่ทันได้พูด ผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างเธอที่กล่าวออกมาด้วยความโมโห "
เมื่อเห็นความโกรธที่แทบจะทะลักออกมาจากในตาเขา จี้อี่หนิงก็เบือนหน้าหนีด้วยท่าทางเรียบเฉย"ไม่มีใครทั้งนั้น ฉันไม่ระวังล้มลงไปเอง""คุณล้มจนมันเกิดรอยฝ่ามือบนหน้าคุณได้ด้วยหรือ?"จี้อี่หนิงหลุบตาลงต่ำ พลางกล่าวเสียงเบา "นี่มันเรื่องของฉัน คุณจะหยุดยุ่งได้หรือยัง?"เสิ่นเยี่ยนจือคว้ามือเธอไว้ และกล่าวด้วยเสียงขรึม "คุณเป็นเมียผม เมียผมถูกคนอื่นทำร้าย คุณคิดว่าผมจะดูเฉย ๆ ไม่ยุ่งได้หรือ?""ฉันบอกแล้วว่านี่มันเรื่องของฉัน และฉันคลี่คลายมันได้แล้ว เอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเถอะ"ทั้งสองยืดยื้อกันอยู่สักพัก เมื่อเห็นจี้อี่หนิงยืนกรานไม่ยอมพูด เสิ่นเยี่ยนจือก็ทำได้แค่เพียงยอมแพ้"ผมจะไปส่งคุณกลับ""ไม่ต้อง ฉันนั่งรถไฟใต้ดินไปสิบนาทีก็ถึงแล้ว"ครั้นเห็นการต่อต้านและความเฉยเมยในดวงตาของเธอ เสิ่นเยี่ยนจือก็ขมวดคิ้วขึ้นมา"อี่หนิง ผมไม่ได้ขอให้คุณอภัยให้ผมตอนนี้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธความหวังดีของผม ไม่อย่างนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำเรื่องอะไรออกมาบ้าง"เมื่อได้ยินคำขู่จากในประโยคสุดท้าย ดวงตาของจี้อี่หนิงก็ฉายแววเยาะเย้ย"เสิ่นเยี่ยนจือ นี่คือสิ่งที่คุณบอกว่าจะไม่บังคับฉันอีกหรือ?"
คำพูดลวกๆ ของเขา ทำให้หลิ่วอี๋หนิงเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็งเธอรู้ดี เสิ่นเยี่ยนจือสามารถทำได้ และตระกูลหลิ่วก็ไร้ความสามารถที่จะต่อกรได้เธอยกมือขึ้น และตบลงบนหน้าตัวเองอย่างแรง"เพียะ!""ทำต่อไป"เริ่มแรก หลิ่วอี๋หนิงยังรู้สึกถึงความเจ็บบนใบหน้า แต่หลังจากตบมาถึงช่วงหลัง ๆ สองแก้มก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว เธอได้แค่ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ อย่างรู้สึกชาไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าตบตัวเองไปกี่ครั้ง ในระหว่างที่หลิ่วอี๋หนิงรู้ว่าจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ ในที่สุดเสิ่นเยี่ยนจือก้ลุกขึ้นเดินมาอยู่ข้างหน้าเธอเขาปรายตามองเธอ ราวกับมองมดแมลงตัวหนึ่ง"คุณหลิ่ว หวังว่าคุณจะจำบนเรียนวันนี้ได้ จากนี้ไปหากเจอภรรยาผมก็เดินอ้อมไปซะ หากมีครั้งต่อไป ผมจะไม่ปล่อยคุณไปง่าย ๆ แบบนี้อีก"สิ้นเสียง เขาก็เดินผ่านเธอไปโดยไม่ชายตาแลมองเลยว่าเธอจะมีปฏิกิริยายังไงบอดี้การ์ดที่คอยป้องกันไม่ให้เธอหลบหนีก็ตามออกไปเหมือนกัน ไม่นาน ภายในห้องก็เหลือแค่เพียงหลิ่วอี๋หนิงคนเดียวในที่สุดความรู้สึกที่ตึงมาตลอดก้คลายลง หลิ่วอี๋หนิงกุมหน้าร้องไห้อย่างเงียบ ๆตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยเสียความรู้สึกขนาดนี้มาก่อนเลย
"ไม่ครับ"จี้อี่หนิงเลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงแข็งกระด้างแบบนี้ยังกล้าบอกว่าไม่โกรธอีกเหรอ?"คุณโกรธอะไร? เพราะฉันคุยกับเสิ่นเยี่ยนจือเหรอ?"เสิ่นซื่อสายตาดูลึกซึ้งขึ้น "ผมไม่เด็กขนาดนั้น""งั้นคุณโกรธเรื่องอะไร?"เมื่อกี้นอกจากจะคุยกับเสิ่นเยี่ยนจือไปสองสามคำ จี้อี่หนิงก็ไม่ได้ทำอะไรที่น่าจะทำให้เขาโกรธเลยอีกอย่าง เธอกับเสิ่นเยี่ยนจือหย่ากันแล้ว และเธอก็พูดกับเขาต่อหน้าด้วย เขาจะมีอะไรต้องโกรธ?เสิ่นซื่อเงียบไปสักพักก่อนจะพูดเสียงต่ำ "สิทธิบัตรยารักษาโรคหัวใจที่เขาเอามาตอนนั้น เป็นของคุณเหรอ?"จี้อี่หนิงชะงักไปนิด ก่อนจะพยักหน้า"อืม ตอนนั้นเขาเพิ่งเข้าทำงานที่เสิ่นซื่อกรุ๊ป ผู้ถือหุ้นยังไม่ยอมรับเขา แล้วตอนนั้นฉันก็แต่งงานกับเขา ถ้าเขาดี ฉันก็ต้องดีไปด้วย ฉันเลยยกให้เขาไปค่ะ"เสิ่นซื่อแสยะยิ้มออกมา น้ำเสียงแฝงความประชด "คุณดูจะดีกับเขาจังเลยนะ"ตอนนั้นเสิ่นเยี่ยนจือใช้สิทธิบัตรนั่นแย่งโครงการดี ๆ ไปจากชิงหงหลายโครงการ แถมยังเล่นงานบริษัทของเขาลับหลังอีกถ้าไม่ติดว่าเป็นหลานชาย และเสิ่นซื่อกรุ๊ปก็เป็นธุรกิจของตระกูลเสิ่น เขาคงไม่ปล่อยไปแน่แต่ไม่คิดเลยว่า สิทธิบัตรนั่นจะเป็นข
เสิ่นเยี่ยนจือกัดฟันแน่น ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจเขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่า ท่านผู้เฒ่าเสิ่นลำเอียงเข้าข้างเสิ่นซื่ออย่างเห็นได้ชัดแต่ เขาไม่เหมือนเสิ่นซื่อที่มีบริษัทเป็นของตัวเอง และไม่กล้าขัดใจท่านผู้เฒ่าเสิ่นเขารีบก้มหน้าลง สีหน้าดูกระอักกระอ่วน "คุณปู่ คุณพูดถูกครับ... ตอนนั้นผมแค่ใจร้อนไป... อีกอย่าง ฉินจืออี้ก็ท้องลูกของผมแล้ว...""พอเถอะ ฉันไม่อยากมาเสียเวลากับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของพวกเธอ ออกไปซะ"เห็นสีหน้ารำคาญของท่านผู้เฒ่าเสิ่น เสิ่นเยี่ยนจือสูดหายใจลึก แล้วฝืนยิ้มออกมา "ครับ"เสิ่นซื่อจูงมือจี้อี่หนิงออกจากบ้านตระกูลเสิ่นไปจนถึงข้างนอก ถึงได้ปล่อยมือเธอ"รู้ทั้งรู้ว่ามาที่นี่ต้องโดนกดดัน ทำไมถึงยังมาอีก?"น้ำเสียงที่แฝงความไม่พอใจของเขาทำให้จี้อี่หนิงเผลอกัดริมฝีปากตัวเองเธอเงยหน้ามองเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย "ฉันไม่อยากให้คุณถูกท่านผู้เฒ่าเสิ่นโดนตีเพราะฉันอีก"ท่านผู้เฒ่าเสิ่นเป็นพ่อของเขา เขาคงไม่มีทางตอบโต้เดิมทีจี้อี่หนิงตั้งใจแค่ใช้เขา ไม่คิดจะมาด้วยซ้ำแต่พอเห็นรูปที่เสิ่นเยี่ยนจือส่งมา หัวใจก็บีบรัดแน่น เจ็บปวดขึ้นมาเฉย ๆตอนนั้น เธอถึงได้รู้
ท่านผู้เฒ่าเสิ่นดวงตาเต็มไปด้วยความเวทนา "คุณคิดว่ายังมีโอกาสแต่งงานเข้าตระกูลเสิ่นอีกเหรอ?"ตอนนี้เสิ่นซื่ออาจจะขัดใจฉัน เพราะยังสนใจเธออยู่แต่ไม่นานหรอก เขาจะรู้เองว่าการมีภรรยาที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย กับภรรยาที่ช่วยเขาได้ มันต่างกันแค่ไหนถึงตอนนั้น เขาจะยังเลือกจี้อี่หนิงอยู่ไหม?ถ้าเธอฉลาดพอ ตอนนี้ก็ควรถอยออกไปจากเสิ่นซื่อ"ท่านผู้เฒ่า อาจมีหลายคนอยากแต่งเข้าตระกูลเสิ่น แต่ฉันไม่สนใจ ตอนที่ฉันแต่งกับเสิ่นเยี่ยนจือ เป็นเพราะตัวเขาเอง ไม่ใช่เพราะตระกูลเสิ่นและตอนนี้ที่ฉันอยู่กับเสิ่นซื่อก็เป็นเพราะเขาเป็นเสิ่นซื่อเท่านั้น"ท่านผู้เฒ่าเสิ่นแค่นเสียงเย็นชา "เธอกล้าสาบานไหม ว่าอยู่กับเขาโดยไม่มีความโลภเลย แค่ชอบเขาจริง ๆ?"มือของจี้อี่หนิงที่อยู่ข้างตัวกำแน่นโดยไม่รู้ตัว เธอเม้มปากกำลังจะพูด แต่เสิ่นซื่อก็พูดขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชา "พ่อ พอได้แล้ว อย่าบีบบังคับเธออีกเลย!"ท่านผู้เฒ่าเสิ่นจ้องเขาอย่างเย็นชา "หุบปาก! วันนี้แกต้องเลิกกับเธอ ไม่งั้นเราขาดกัน!"ทันทีที่พูดจบ ห้องนั่งเล่นก็ตกอยู่ในความเงียบเห็นท่านผู้เฒ่าเสิ่นโกรธจนหน้าแดง เสิ่นซื่อเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อย
……เสวียนหมิงหมิงโกรธมากหลังจากได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด เธอเดินตรงไปหาผู้หญิงกลุ่มนั้นและพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา: "ฉันว่าทำไมถึงได้กลิ่นอิจฉาแรงขนาดนี้ ที่แท้ก็มีคนอิจฉานี่เอง!"ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มจ้องมองเสวียนหมิงหมิงด้วยความโกรธ "พวกเราพูดความจริง แล้วอีกอย่าง เจ้าตัวยังไม่ได้พูดอะไรเลย แกมีสิทธิ์อะไรมาออกหน้าแทน? อย่าให้คนอื่นใช้เป็นเครื่องมือโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว ยังไงก็ตาม การที่ได้ไต่เต้าไปอยู่กับประธานเสิ่น ใครจะรู้ว่าแอบวางแผนอะไรไว้เบื้องหลังบ้างค่ะ!""ถ้าแกมีความสามารถ แกก็ไปหาเองสิ ไม่มีความสามารถก็หุบปากไป! ยังจะบอกว่าพี่อี่หนิงหน้าตาธรรมดา ต้องการให้ฉันซื้อกระจกให้พวกแกส่องดูตัวเองหรือเปล่าว่าหน้าตาเป็นยังไง?""แก!"เสวียนหมิงหมิงเชิดคางขึ้น "แกอะไรแก? ถ้ามีความกล้า ก็เอาคำพูดที่พวกแกพูดเมื่อกี้ไปพูดต่อหน้าประธานเสิ่นโดยไม่ตกหล่นสักคำ ดูสิว่าเขาจะยังเก็บพวกแกพวกปากเสียไว้ในบริษัทอีกหรือเปล่า!"ผู้หญิงคนนั้นจะพูดอะไรอีก แต่คนข้างๆ ดึงแขนเธอไว้"พอเถอะ ไปกันเถอะ"ผู้หญิงคนนั้นมองเย็นชาใส่เสวียนหมิงหมิง"รอดูเถอะ!"เสวียนหมิงหมิงยืนเท้าสะเอว กลอกตา "ก็รอดูสิ ยังไง? แกจะก
เงียบไปสักครู่ เสิ่นซื่อเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา: "ผมจะไปหลังจากประชุมเสร็จ"ตอนเที่ยง จี้อี่หนิงเพิ่งขึ้นไปถึงชั้นบนสุด ซุนสิงก็ขวางเธอไว้"คุณจี้ ตอนนี้ประธานเสิ่นไม่อยู่ในห้องทำงานครับ""เขายังอยู่ในที่ประชุมหรือ?"ซุนสิงส่ายหน้า มองเธอพลางพูดว่า: "ไม่ใช่ เช้านี้ท่านผู้เฒ่าเสิ่นโทรหาเขา เขากลับไปบ้านเดิมแล้วยังไม่ได้กลับมาครับ"จี้อี่หนิงรู้สึกใจหายวูบ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องเช้านี้"ฉันเข้าใจแล้ว เลขาซุน ขอบคุณที่บอกฉันเรื่องนี้ค่ะ"เห็นว่าสีหน้าเธอแทบไม่เปลี่ยน ซุนสิงขมวดคิ้ว "คุณจี้ คุณไม่ไปหาเขาหรือ?""ถึงฉันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร อีกอย่างถ้าคนในตระกูลเสิ่นเห็นฉันตอนนี้ พวกเขาจะยิ่งอารมณ์เสียค่ะ""เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะคุณ คุณไม่ควรจะแบกรับมันไปพร้อมกับประธานเสิ่นหรือ?"ซุนสิงมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ น้ำเสียงเย็นชาความรู้สึกของเสิ่นซื่อ เขาไม่มีสิทธิ์ถาม แต่ตอนนี้ท่าทีของจี้อี่หนิง ทำให้เขารู้สึกว่าเสิ่นซื่อช่างน่าเสียดายเขาต่อสู้กับตระกูลเสิ่นเพื่อเธอคนเดียว แต่จี้อี่หนิงกลับแค่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขา ไม่มีท่าทีว่าจะร่วมแบกรับเลยสักนิด"เลขาซุน ถ้าเขาต้อง
"ผมว่าทำไมเธอรีบหย่ากับผม ที่แท้ก็ปีนเกาะอาเล็กของผมนี่เอง จี้อี่หนิงเธอก็ไม่ต่างอะไรจากพวกผู้หญิงไร้ค่าข้างนอกนั่นเลย""เพียะ!"จี้อี่หนิงตบเขาหนึ่งที ทันใดนั้นคนรอบข้างก็หันมามองทั้งหมดเสิ่นเยี่ยนจือไม่เคยรู้สึกอับอายขายหน้าขนาดนี้มาก่อน ดวงตาพ่นไฟ ยื่นมือไปบีบคอของจี้อี่หนิงแต่ยังไม่ทันได้แตะตัวเธอ ก็ถูกเตะหนึ่งที ล้มลงไปกับพื้นเสิ่นซื่อโอบจี้อี่หนิง มองลงมาที่เสิ่นเยี่ยนจือ"เธอเป็นป้าคนใหม่ของนาย ต่อไปพูดจาให้สุภาพหน่อย ไม่งั้นไม่ใช่แค่โดนเตะเท้าเดียวเท่านั้นนะ"เมื่อได้ยินคำว่าป้าคนใหม่ เสิ่นเยี่ยนจือหน้าเขียว"อาเล็ก คุณปู่คุณย่าจะไม่มีวันยอมให้คุณแต่งงานกับผู้หญิงที่หย่าร้างมาแล้ว แล้วการที่คุณอยู่กับเธอ ก็จะกลายเป็นเรื่องตลกของเมืองเซิน!"ยิ่งพูด สีหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็ยิ่งดูภูมิใจท่านผู้เฒ่าเสิ่นและท่านแม่เฒ่าเสิ่นลำเอียงรักเสิ่นซื่อมากขนาดนั้น ผู้หญิงที่แนะนำให้เสิ่นซื่อก็พิถีพิถันคัดสรรมา ไม่คิดว่าสุดท้ายเสิ่นซื่อจะสนใจของมือสอง!"ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ นายคิดว่าแต่งงานกับฉินจืออี้ แล้วจะยังมีโอกาสสืบทอดเสิ่นซื่อกรุ๊ปหรือไง?"สีหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือแข็งค้าง มือ
จี้อี่หนิงก้มหน้าลง "ได้"เมื่อใกล้ถึงบริษัท จี้อี่หนิงยังคงให้เสิ่นซื่อจอดรถที่ปากทางเหมือนเดิมเขาขมวดคิ้ว สีหน้าแสดงความไม่พอใจ "ฉันน่าอับอายขนาดนั้นเลยหรือ?""ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันเพิ่งหย่ากับเสิ่นเยี่ยนจือ ถ้าตอนนี้มีคนในบริษัทเห็นเราอยู่ด้วยกัน มันจะส่งผลเสียต่อคุณ""ฉันไม่สนใจ""แต่ฉันสนใจ และฉันก็ต้องการเวลาสักพักเพื่อปรับตัวกับความสัมพันธ์ของเรา ดังนั้นเรื่องที่เราคบกันขอให้เป็นความลับก่อนได้ไหม?"จี้อี่หนิงมองเขา ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวังและความระมัดระวังเล็กน้อยเสิ่นซื่อยื่นมือปิดตาเธอ เสียงทุ้มต่ำแหบพร่า "ได้ แต่ฉันต้องเก็บดอกเบี้ยนิดหน่อย"จี้อี่หนิงชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย "ดอกเบี้ยอะไร?"ขนตาปัดฝ่ามือของเสิ่นซื่อส่งความรู้สึกคันเล็กน้อยเขาเอื้อมมือไปรัดเอวเธอ ก้มหน้าลงจูบ"อื้อ..."จี้อี่หนิงชะงักไปครู่หนึ่ง โดยสัญชาตญาณอยากจะหลบหนีเพิ่งจะถอยหลัง หลังก็ชนประตูรถ ไม่มีโอกาสหลบหนีแม้แต่น้อย ได้แต่ปล่อยให้เสิ่นซื่อทำตามใจชอบไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน เสิ่นซื่อก็ปล่อยเธอในที่สุดจี้อี่หนิงหอบหายใจแล้ว ใบหน้าขาวนวลเดิมก็ขึ้นสีแดงระเรื่อเธอจ้อง
เมื่อกลับถึงวิลล่า เสิ่นซื่อให้คนรับใช้พาจี้อี่หนิงไปพักผ่อน ส่วนตัวเองไปที่ห้องทำงานติดต่อซุนสิงเพื่อสืบสวนชายที่ชนกับจี้อี่หนิงคืนนี้"ประธานเสิ่นได้ตรวจสอบแล้ว ชายคนนั้นคือฉินหลางนักแสดงหนุ่มที่กำลังฮอต คืนนี้นัดพบกับแฟนสาวนอกวงการที่ร้านอาหารนั้น หลังจากพบว่ามีปาปารัซซี่ รีบออกมาอย่างรีบร้อนแล้วชนกับคุณจี้"เสิ่นซื่อมีสีหน้าเย็นชา เสียงไร้ความรู้สึก "ให้บทเรียนเขาหน่อย"ซุนสิงตกใจในใจ รู้สึกว่าตนประเมินความสำคัญของจี้อี่หนิงในใจของเสิ่นซื่อต่ำเกินไปหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเสนอว่า: "งั้นผมจะให้คนเปิดเผยเรื่องที่เขามีแฟนนอกวงการออกไปนะครับ?"พอดีฉินหลางมีละครรักที่กำลังจะออกอากาศ ช่วงนี้กำลังสร้างกระแสคู่จิ้นกับนางเอก ถ้าเปิดเผยเรื่องที่เขามีแฟนตอนนี้ คงจะสร้างผลกระทบเชิงลบไม่น้อย“อืน”อีกด้านหนึ่ง จัวเสี่ยวเทียนกลับถึงสตูดิโอ ดูภาพในกล้อง ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวคืนนี้ถ่ายได้แค่ภาพฉินหลางที่รีบออกจากร้านอาหาร ส่วนแฟนสาวนอกวงการ แม้แต่เงาก็ไม่เห็นและหลังจากคืนนี้ คงจะระวังตัวมากขึ้น ไม่ให้ปาปารัซซี่ถ่ายภาพได้อีก หลายเดือนนี้คงเสียเวลาเปล่าทันใดนั้น ภาพหนึ่งในกล้องดึงดูด
พูดจบ ไม่ให้โอกาสเสิ่นเยี่ยนจือได้พูดอีก จี้อี่หนิงวางสายและบล็อกเขาทันทีไม่นานหลังจากนั้น มีเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรเข้ามา จี้อี่หนิงทำเป็นไม่เห็น หลังจากที่โทรมาหลายครั้งก็หยุดไปจี้อี่หนิงนำอาหารที่เธอทำมาวางบนโต๊ะ เพิ่งจะจัดการครัวเสร็จ กริ่งประตูก็ดังขึ้นหลังจากดูแล้วว่าคนที่หน้าประตูคือเสิ่นซื่อ จี้อี่หนิงจึงเปิดประตูได้กลิ่นอาหารหอม ดวงตาของเสิ่นซื่อเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ"คุณทำอาหารหรือ?"จี้อี่หนิงพยักหน้า ถอยข้างๆให้เสิ่นซื่อเข้ามา "อืม เรากินอาหารเย็นก่อน แล้วค่อยไปกัน"เพิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่น ก็เห็นอาหารสามอย่างกับซุปหนึ่งถ้วยวางอยู่บนโต๊ะ สองจานเป็นเนื้อสัตว์ หนึ่งจานเป็นผัก บวกกับซุปไข่มะเขือเทศ ดูแล้วทั้งสีสัน กลิ่น และรสชาติน่าจะครบถ้วน ชุดอาหารก็จัดไว้เรียบร้อยแล้วหลังจากนั่งลง เสิ่นซื่อพูดขึ้นมาทันทีว่า: "คุณทำอาหารบ่อยเหรอ?"จี้อี่หนิงยิ้มน้อยๆ "ไม่นะ ก่อนหย่ากับเสิ่นเยี่ยนจือ ส่วนใหญ่แม่บ้านเป็นคนทำอาหารค่ะ"“อืน”เสิ่นซื่อไม่พูดอะไรอีก หยิบตะเกียบขึ้นมาชิมอาหารคำหนึ่ง เงียบไปสองวินาที วางตะเกียบลงแล้วยกแก้วน้ำข้างๆขึ้นมาดื่มจากนั้นก็ไม่ยอมแพ้ ห