เมื่อเห็นความโกรธที่แทบจะทะลักออกมาจากในตาเขา จี้อี่หนิงก็เบือนหน้าหนีด้วยท่าทางเรียบเฉย"ไม่มีใครทั้งนั้น ฉันไม่ระวังล้มลงไปเอง""คุณล้มจนมันเกิดรอยฝ่ามือบนหน้าคุณได้ด้วยหรือ?"จี้อี่หนิงหลุบตาลงต่ำ พลางกล่าวเสียงเบา "นี่มันเรื่องของฉัน คุณจะหยุดยุ่งได้หรือยัง?"เสิ่นเยี่ยนจือคว้ามือเธอไว้ และกล่าวด้วยเสียงขรึม "คุณเป็นเมียผม เมียผมถูกคนอื่นทำร้าย คุณคิดว่าผมจะดูเฉย ๆ ไม่ยุ่งได้หรือ?""ฉันบอกแล้วว่านี่มันเรื่องของฉัน และฉันคลี่คลายมันได้แล้ว เอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเถอะ"ทั้งสองยืดยื้อกันอยู่สักพัก เมื่อเห็นจี้อี่หนิงยืนกรานไม่ยอมพูด เสิ่นเยี่ยนจือก็ทำได้แค่เพียงยอมแพ้"ผมจะไปส่งคุณกลับ""ไม่ต้อง ฉันนั่งรถไฟใต้ดินไปสิบนาทีก็ถึงแล้ว"ครั้นเห็นการต่อต้านและความเฉยเมยในดวงตาของเธอ เสิ่นเยี่ยนจือก็ขมวดคิ้วขึ้นมา"อี่หนิง ผมไม่ได้ขอให้คุณอภัยให้ผมตอนนี้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธความหวังดีของผม ไม่อย่างนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำเรื่องอะไรออกมาบ้าง"เมื่อได้ยินคำขู่จากในประโยคสุดท้าย ดวงตาของจี้อี่หนิงก็ฉายแววเยาะเย้ย"เสิ่นเยี่ยนจือ นี่คือสิ่งที่คุณบอกว่าจะไม่บังคับฉันอีกหรือ?"
คำพูดลวกๆ ของเขา ทำให้หลิ่วอี๋หนิงเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็งเธอรู้ดี เสิ่นเยี่ยนจือสามารถทำได้ และตระกูลหลิ่วก็ไร้ความสามารถที่จะต่อกรได้เธอยกมือขึ้น และตบลงบนหน้าตัวเองอย่างแรง"เพียะ!""ทำต่อไป"เริ่มแรก หลิ่วอี๋หนิงยังรู้สึกถึงความเจ็บบนใบหน้า แต่หลังจากตบมาถึงช่วงหลัง ๆ สองแก้มก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว เธอได้แค่ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ อย่างรู้สึกชาไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าตบตัวเองไปกี่ครั้ง ในระหว่างที่หลิ่วอี๋หนิงรู้ว่าจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ ในที่สุดเสิ่นเยี่ยนจือก้ลุกขึ้นเดินมาอยู่ข้างหน้าเธอเขาปรายตามองเธอ ราวกับมองมดแมลงตัวหนึ่ง"คุณหลิ่ว หวังว่าคุณจะจำบนเรียนวันนี้ได้ จากนี้ไปหากเจอภรรยาผมก็เดินอ้อมไปซะ หากมีครั้งต่อไป ผมจะไม่ปล่อยคุณไปง่าย ๆ แบบนี้อีก"สิ้นเสียง เขาก็เดินผ่านเธอไปโดยไม่ชายตาแลมองเลยว่าเธอจะมีปฏิกิริยายังไงบอดี้การ์ดที่คอยป้องกันไม่ให้เธอหลบหนีก็ตามออกไปเหมือนกัน ไม่นาน ภายในห้องก็เหลือแค่เพียงหลิ่วอี๋หนิงคนเดียวในที่สุดความรู้สึกที่ตึงมาตลอดก้คลายลง หลิ่วอี๋หนิงกุมหน้าร้องไห้อย่างเงียบ ๆตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยเสียความรู้สึกขนาดนี้มาก่อนเลย
เสิ่นเยี่ยนจือรู้สึกในคำพูดของมารดามีความหมายแฝงอยู่ เขากำลังจะถามอย่างละเอียด คนรับใช้ก็ประคองเสิ่นซื่อเยี่ยนที่เมาแบบกึ่ม ๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นครั้นเห็นเสิ่นซื่อเยี่ยน เขาก็ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวเสียงต่ำ "แม่ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"พูดจบ ก็หมุนตัวเดินผ่านเสิ่นซื่อเยี่ยนออกไปเสิ่นซื่อเยี่ยนขมวดคิ้ว แต่แค่ทำหน้าบึ้งตึงเท่านั้นไม่ได้พูดอะไรเมื่อกลับมาถึงวิลล่า เขาก็โทรหาหยางอวี่ ให้เขาซื้อวิลล่าหลังหนึ่งในนามของฉินจืออี้หยางอวี่ตกใจเล็กน้อย "บอส หากคุณนายรู้เข้า...""ทำแบบลับๆ หน่อย อย่าให้ใครรู้ โดยเฉพาะอี่หนิง"หากเธอรู้ว่าเด็กในท้องฉินจืออี้ยังอยู่ ต้องยืนกรานจะหย่ากับเขามากขึ้นแน่เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เสิ่นเยี่ยนจือก็รู้สึกอารมณ์เสีย"ได้ครับบอส ผมเข้าใจแล้ว"วางสายเสร็จ หยางอวี่อดถอนหายใจออกมาไม่ได้เสิ่นเยี่ยนจือกำลังวางแผนจะผลักไสจี้อี่หนิงออกไป เดิมเรื่องการนอกใจก็เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้ยังเลี้ยงคนอยู่ข้างนอกอีก ช่างเป็นการขุดหลุมศพสำหรับการแต่งงานของพวกเขาจริง ๆแต่เขาก็เป็นแค่เลขาคนหนึ่ง ได้เพียงแค่ทำตามที่เสิ่นเยี่ยนจือบอกเท่านั้นหลายวันต่อมา ห
"ดูเหมือนผมจะคิดผิดพี่สะใภ้ใหญ่ว่าใจดีเกินไปแล้ว ยังไงลูกชายตัวเองก็ผิดก่อน ยังกล้าสาดน้ําใส่ลูกสะใภ้อย่างเต็มปากเต็มคํา แม่สามีที่พิลึกพิลั่นแบบนี้ก็หายากจริง ๆ นั่นแหละ"ทุกครั้งที่เสิ่นซื่อพูดแม้แต่คําเดียว สีหน้าของเฉินเสวี่ยหรงก็ย่ําแย่ขึ้นมานิดหนึ่ง สุดท้ายก็เย็นชาลง"น้องสาม นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของเรา เธอเป็นคนนอก อย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า"เสิ่นซื่อเลิกคิ้วขึ้น "เดิมทีผมก็ไม่คิดจะสอดมือเข้ามายุ่ง แต่พี่สะใภ้ใหญ่รังแกสาวน้อยคนแบบนี้ ไม่คิดว่ามันเกินไปหรือครับ?"เธอก็แค่เห็นว่าตระกูลจี้ล้มละลายแล้ว แม้ว่าเธอจะทําอะไรกับจี้อี่หนิงก็ตาม ตระกูลจี้ก็ไม่สามารถทําอะไรเธอได้ ดังนั้นเธอจึงกล้าทําตัวไร้ยางอายแบบนี้เฉินเสวี่ยหรงกัดฟันด้วยความโกรธ "มากเกินไปหรือ เพียงเพราะเยี่ยนจือมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้างนอก เธอก็เลยย้ายออกไป แล้วยังจะหย่าอีก ใครทําเกินไปกันแน่?""งานเลี้ยงนอกใจไม่ได้ผิดก่อนหรอกหรือ? เป็นตระกูลเสิ่นของพวกเราที่ทําผิดต่อจี้อี่หนิง ไม่ใช่จี้อี่หนิงที่ทําผิดต่อตระกูลเสิ่น ถ้าพี่สะใภ้ใหญ่คิดเรื่องนี้ไม่ได้ ผมว่าเยี่ยนจือก็ไม่ต้องทํางานที่เสิ่นซื่อกรุ๊ปแล้ว"ใบหน้าของเฉิ
เสิ่นเยี่ยนจือนิ่งไป ขมวดคิ้วถามว่า "หมายความว่ายังไง?""คุณไปถามก็รู้แล้ว"พูดจบเธอก็เดินอ้อมเขาออกไปสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือมืดหม่นลง เขาโทรหาเฉินเสวี่ยหรงทันที"แม่ วันนี้แม่ไปหาอี่หนิงมาเหรอ?"เฉินเสวี่ยหรงถูกเสิ่นซื่อสั่งสอนในร้านอาหาร ตอนนี้ในใจกําลังลุกเป็นไฟ ได้ยินดังนั้นก็แค่นหัวเราะอย่างเย็นชา"เธอไปฟ้องแกเหรอ ไม่รู้จักกาลเทศะจริง ๆ!"เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ดวงตาของเสิ่นเยี่ยนจือก็ฉายแววโกรธ "แม่ ผมบอกแม่แล้วว่าอย่ามายุ่งเรื่องระหว่างผมกับอี่หนิง ทําไมแม่ไม่ฟัง?""ถ้าฉันไม่ได้ทําเพื่อแก แกคิดว่าฉันยอมไปหามันเหรอ ก็แค่มีผู้หญิงอยู่ข้างนอกก็ทำเป็นโวยวายจะย้ายออกไป แม้แต่ผู้หญิงตัวเองก็ยังควบคุมไม่ได้ ถ้าไปถึงหูคนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะแกยังไงกัน!""นี่เป็นเรื่องของเรา ถ้าแม่ยังแอบไปหาอี่หนิงอีก ผมจะไม่ยุ่งเรื่องพ่อผมอีก""แก!"เสิ่นเยี่ยนจือไม่ได้ให้โอกาสเธอพูดอะไรเลย กดวางสายไปทันทีเขาเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า คิ้วของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดเรื่องการนอกใจก่อนหน้านี้ยังไม่ได้คลี่คลายเลย ตอนนี้เฉินเสวี่ยหรงก็มาหาเรื่องจี้อี่หนิงอีกแล้ว ถ้าเขาเป็นจี้อี่หนิงก็คงไม่อยากให
เขาเพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่า ลับหลังแล้วเธอทำกับจี้อี่หนิงแย่ขนาดนี้นี่ตลอดสามปีที่พวกเขาแต่งงานกัน เวลาที่ตัวเขาไม่อยู่เธอพูดจากับจี้อี่หนิงแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?จู่ๆ เสิ่นซื่อก็โผล่เขามาในกล้องวงจรปิด มือที่เสิ่นเยี่ยนจือกำโทรศัพท์อยู่ขาวซีดเห็นเส้นเลือดเมื่อเห็นเสิ่นซื่อปกป้องจี้อี่หนิง เขาโกรธมากแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอ่อนใจเขาต่างหากที่เป็นสามีของจี้อี่หนิง คนที่ควรอยู่ข้างกายจี้อี่หนิงตอนนั้นควรเป็นเขาแท้ๆ แต่เขากลับไม่ปรากฏตัว และถ้าไม่ใช่จี้อี่หนิงบอกให้เขาไปถามเฉินเสวี่ยหรงเอาเอง เขาก้คงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เลยยิ่งคิดเยี่ยนจือก็ยิ่งรู้สึกผิดเขาผิดต่อจี้อี่หนิง ผิดต่อความรักที่มีให้กันมาแปดปีเขาปิดคลิปวิดีโอแล้วส่งข้อความหาเลขา[ต่อไปถ้าคุณนายให้คุณช่วยจัดการเรื่องพ่อผมอีก คุณไม่ต้องยุ่งแล้วนะ][ได้ครับ งั้นแล้วทางฝั่งอาเล็กจะให้สืบต่อไหมครับ?][สืบต่อไป]เดิมทีจี้อี่หนิงคิดว่าหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน เสิ่นเยี่ยนจือจะหยุดไปสักสองสามวัน ไม่คิดว่าวันต่อมาเขาจะหอบช่อดอกไม้มายืนอยู่หน้าประตูพอเห็นเธอสายตาของเสิ่นเยี่ยนจือฉายแววดีใจ "อี่หนิง...""มีธุระอะไร?"
เมื่อเห็นสายตาผิดหวังของจี้อี่หนิง หัวใจเสิ่นเยี่ยนจือก็ราวกับถูกจับไว้แน่น เขาเจ็บจนหายใจไม่ออก"อี่หนิง ผมรู้ไม่ว่าตอนนี้ผมจะรับปากกับคุณยังไงคุณก็ไม่มีทางเชื่อ ต่อไปผมจะพิสูจน์ด้วยการกระทำ ผมจะต้องทำได้แน่นอน"จี้อี่หนิงไม่คิดจะฟังคำรับประกันของเขา เธอเดินผ่านเขาไปเลยเสิ่นเยี่ยนจือทำท่าจะตามไป แต่โทรศัพท์ในกระเป๋าดันดังขึ้นมาพอดีพอรับสายก็ได้ยินเสียงเคร่งขรึมของเลขาก็ดังลอดมา"ประธานเสิ่น บริษัทมีปัญหาด้านความร่วมมือครับ"เสิ่นเยี่ยนจือส่ายตาเคร่งขรึม "เดี๋ยวผมไป"เขาตามไปถึงทางเข้าหมู่บ้านเห็นจี้อี่หนิงนั่งแท็กซี่ออกไปเสิ่นเยี่ยนจือเม้มริมฝีปากแล้วหมุนตัวขึ้นรถมุ่งหน้าไปบริษัทหลังจากจัดการเรื่องที่บริษัทเสร็จแล้วถึงค่อยๆ จัดการปัญหาระหว่างเขากับจี้อี่หนิงตอนที่จี้อี่หนิงมาถึงร้านอาหาร สือเวยก็รออยู่ที่นั้นแล้ว"อี่หนิง เธอมาได้สักที เมื่อกี้ฉันได้ยินข่าวเม้าส์มาล่ะ รอเล่าให้เธอฟังเลยเนี่ย"จี้อี่หนิงนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย เอากระเป๋าวางลงบนเก้าอี้ข้างๆ แล้วเลิกคิ้ว "ข่าวอะไร?""ได้ยินมาว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนไม่รู้หลิ่วอี๋หนิงไปทำอะไรให้เสิ่นเยี่ยนจือเลยโดนตบในห้อ
น้ำเสียงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงดังขึ้นมาพร้อมกัน สือเวยหันหน้าไปมองที่ไม่ไกลด้านหลังตัวเอง ผู้หญิงสวมเดรสสายเดี่ยวสีแดงผิวขาวหน้าตาสะสวย ผมม้วนลอนด์ตัวสูงคนหนึ่งกำลังชี้ชุดสูทที่เธอถูกใจเมื่อรู้ตัวตัวว่าเธอมองอยู่ ผู้หญิงคนนั้นมองกลับมาแล้วยิ้มให้"คุณคะ คือว่าฉันจะซื้อชุดนี้ให้แฟนน่ะค่ะ เดี๋ยวเราก็จะเจอกันแล้ว คุณยกให้ฉันได้ไหมคะ?"สือเวยชอบสูทชุดนี้มากไม่อยากยกให้ แต่อีกฝ่ายก็พูดจาแบบเกรงใจ เธอเลยลังเลพนักงานขายที่อยู่ใกล้ๆ เอ่ยปากว่า "คุณสือคะ ชุดสูทชุดนี้มีแค่ชุดเดียวเท่านั้น คุณเป็นลูกค้าวีไอพีของร้านเรามีสิทธิ์เลือกชื้อได้ก่อนค่ะ"เมื่อได้ยินอย่างนี้ ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้วมีแค่ชุดเดียว งั้นเธอต้องซื้อให้ได้"คุณพูดอบบนี้หมายความว่าไง? เลือกปฏิบัติเหรอ?"ผู้ที่หญิงที่อยู่ตรงหน้าท่าทางเอาเรื่อง แต่พนักงานขายก็ไม่ได้ลุกลี้ลุกลนแต่อย่างใด บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มตามมาตรฐาน"คุณค่ะ ลูกค้าวีไอพีร้านเรามีสิทธิ์เลือดซื้อได้ก่อนค่ะ คุณลองดูชุดอื่นดีไหมคะ ชุดสูทร้านเรามีหลายแบบ..."ยังพูดไม่ทันจบก็โดนผู้หญิงคนนั้นขัดขึ้นมาเสียก่อน"ชุดอื่นในร้านคุณโลว์มาก ชุดอื่นให้ฉัน
"ต่อให้แกแฉออกไปตอนนี้ฉันก็ไม่มีเงิน อีกอย่างถ้าเรื่องนี้ถูกแฉออกไป แกก็ต้องติดคุกเหมือนกัน!"เสียงถกเถียงของทั้งสองคนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดจี้อี่หนิงก็รู้แล้วว่าคนที่ลักพาตัวตนเองคือพ่อของเจิ้งโหยวโหย่ว เจิ้งกั๋วอันแต่ตัวเธอเคยเขาแค่ครั้งเดียวเอง เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ไหน? อีกทั้งยังแอบซุ่มอยู่ในบ้านเธออีก...เธอสามารถมั่นใจได้ว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่แรงงานเกษตรคิดออกมาได้แน่ ๆ ต้องมีคนคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอนและคนคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นหลิ่วอี๋หนิงผ่านไปสักพัก เสียงถกเถียงข้างนอกก็หยุดลง ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทรถยนต์ และไม่นานบริเวณโดยรอบก็เหลือแต่ความเงียบจี้อี่หนิงหายใจช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าหอบหายใจเสียงดังทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่ากระเป๋าเดินทางขยับ จากนั้นก็เป็นเสียงล้อลากกับพื้นเมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลากตัวเธอไปที่ไหนก็ไม่รู้ ในใจจี้อี่หนิงก็ตื่นตระหนกทันที ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะหนียังไงดีเธอค่อย ๆ รูดซิปบนหัวออก แต่ข้างนอกมืดสนิท มีแค่แสงสว่างเพียงเล็กน้อยคอยส่องทางจากไฟฉายกระบอกหนึ่งในมือของคนข้างหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางจี้อี่หนิงมองไม่ส
มีคนแอบซุ่มรอทั้งในห้องนอนและหน้าประตู เห็นทีอีกฝ่ายคงวางแผนมาแล้วเธอลุกขึ้นมาวิ่งไปตรงไปยังห้องครัว แต่เพิ่งเริ่มวิ่งได้สองก้าวก็ถุกคนคว้าแขนเอาไว้ แล้วกระแทกเธอเข้ากับกำแพงอย่างแรง"แกเป็นใคร? ทำไมต้อง...อื้อ..."อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งกดจี้อี่หนิงไว้ มืออีกข้างก็ใช้ผ้าผืนหนึ่งอุดจมูกของจี้อี่หนิง ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงได้พูดเลยสักนิดกลิ่นฉุนเตะจมูก ภาพตรงหน้าของจี้อี่หนิงก็ค่อย ๆ มัวลงช้า ๆผ่านไปไม่นาน ผู้ชายสวมผ้าปิดปากสองคนก็ลากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเดินออกไปจากบ้านของจี้อี่หนิงเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว คนส่วนมาก็เลิกงานกลับบ้านกันหมด ในหมู่บ้านจึงไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตสองคนนี้ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงประตูหลังของหมู่บ้าน มีรถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งสองคนเอากระเป๋าเดินทางใส่ไว้ในกระโปรงหลังรถ จากนั้นก็ขับรถมุ่งตรงออกไปยังนอกเมืองทันทีชิงหงกรุ๊ปห้องทำงานประธานซุนสิงถือเอกสารชุดหนึ่งรีบเดินเข้าไปอย่างรีบเร่ง "ประธานเสิ่นครับ เมื่อกี้บริษัทคู่ค้าส่งเอกสารชุดนี้กลับมา บอกว่าข้อมูลการทดลองเหมือนจะมีปัญหา แต่
ทันใดนั้น ใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็ปรากฏเป็นรอยฝ่ามือขึ้นมาทันที แววตาของเขาที่มองจี้อี่หนิงก็กลายเปลี่ยนเป็นความเย็นชาอย่างสุดขั้ว“นี่คุณกล้าตบผมเหรอ?!”จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาโกรธเคืองของเขา แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ทำไมฉันจะตบคุณไม่ได้? คนที่นอกใจคือคุณต่างหาก แต่คุณบังอาจวิ่งแจ้นไปใส่ร้ายฉันต่อหน้าพ่อของฉัน คุณไม่สมควรโดนตบรึไง?"ทันทีที่พูดจบ เสิ่นเยี่ยนจือก็บีบคางเธอและกดเธอไว้กับกำแพงทันที รังสีความโหดฉายออกมาในแววตา"อี่หนิง คุณไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมก่อนเอง ถ้าคุณเชื่อฟังผมดี ๆ ผมก็ไม่มาหาพ่อตาหรอก"จี้อี่หนิงแค่นหัวเราะออกมา "ถ้าคุณกล้ามาหาพ่อของฉันอีก ฉันก็จะแฉเรื่องที่คุณนอกใจออกมาให้หมด""ถ้าคุณไม่กลัวว่าพ่อจะได้รับแรงกระตุ้นแล้วอาการแย่ลง คุณจะไปบอกตอนนี้เลยก็ได้"น้ำเสียงไม่แยแสของเสิ่นเยี่ยนจือทำให้ความโกรธของจี้อี่หนิงสุมขึ้นในอก มือที่วางข้างลำตัวก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว"เสิ่นเยี่ยนจือ ทำไมคุณกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้?!"เสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้ามองเธอ เมื่อเห็นความเกลียดชังและความโกรธในแววตาของเธอ ม่านตาของเขาก็หดตัวลงแล้วบีบคางเธอแน่นกว่าเดิ
ฝีเท้าของจี้อี่หนิงหยุดชะงักไป ขมวดคิ้วมองเสิ่นเยี่ยนจือที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาโกรธเคือง"คุณไปพูดอะไรกับพ่อฉัน?!"เสิ่นเยี่ยนจือยังไม่ทันปริปาก จี้เหว่ยหงก็พูดด้วยความเกรี้ยวกราด "เธอยังกล้าคาดคั้นเยี่ยนจืออีก?! เธอกับอาเล็กของเขาแอบกิ๊กกันเธอไม่รู้สึกผิดกับเขาเลยรึไง?"จี้อี่หนิงโมโหจนหน้าซีด แม้แต่ปลายนิ้วยังสั่นระริกเธอไม่คิดเลยว่าเสิ่นเยี่ยนจือจะหน้าไม่อายขนาดนี้ แว้งกัดต่อหน้าจี้เหว่ยหงก่อนซะงั้นสิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็ถึง จี้เหว่ยหงกลับเชื่อจริง ๆ"พ่อคะ ในสายตาพ่อหนุเป็นคนแบบนั้นเหรอ? พ่อไม่ถามหนูเลยด้วยซ้ำ แค่คำพูดของเสิ่นเยี่ยนจือฝ่ายเดียวก็คิดว่าหนุหักหลังเขาแล้ว?!"จี้อี่หนิงสูดหายใจลึก ตัดสินใจจะไม่ปิดบังเรื่องที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจแอีกต่อไปแล้ว"พ่อรู้ไหมว่าเขาแอบ...""อี่หนิง เมื่อกี้พ่อเกือบจะเป็นลมเพราะเรื่องของเธอ หมอบอกว่าห้ามให้เขาถูกกระตุ้นแล้ว เธอต้องทำให้พ่อโมโหจนอกแตกตายก่อนถึงจะพอใจใช่ไหม?"เสียงของเสิ่นเยี่ยนจือดังมากจนกลบเสียงของจี้อี่หนิงไปหมดมือที่วางข้างลำตัวของจี้อี่หนิงกำแน่น ในใจเกลียดเสิ่นเยี่ยนจืออย่างสุดขีด"ในเมื่อคุณรู้ว่าพ่อของฉัน
เสิ่นซื่อเงยหน้ามองเขา เอ่ยปากด้วยสีหน้าเย็นชา "รู้แล้ว"เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเฉยเมย ซุนสิงก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองตั้งใจบอกเขาเรื่องนี้โดยเฉพาะมันไม่จำเป็นเลยพร้อมทั้งเตือนเสิ่นซื่อว่ามีประชุมตอนสิบโมง ซุนสิงก็หมุนตัวออกไปช่วงเที่ยง จี้อี่หนิงถือบัตรอาหารไปที่โรงอาหารเพิ่งเดินเข้าไปก็ต้องอึ้งกับความหรูหราของโรงอาหารชิงหง นี่ไม่ใช่โรงอาหารแล้ว ไม่ต่างอะไรกับร้านอาหารติดดาวเลยสักนิดเมื่อกวาดตามองไปแล้วอาหารทุกช่องล้วนประณีตเป็นอย่างมาก แค่มองก็รู้สึกหิวแล้วอีกทั้งราคาอาหารยังถูกมากเทียบเท่ากับโรงอาหารในมหาวิทยาลัยเลยโรงอาหารมีสามชั้นถ้วน มีอาหารครอบคลุมทุกชนิดทั้งอาหารตะวันตก อาหารจีน อีกทั้งยังมีอาหารประจำชาติเฉพาะกลุ่มประเทศอื่น ๆ อีกจี้อี่หนิงยืนต่อแถวอยู่ที่ช่องอาหารไทย สั่งข้าวผัดสับปะรดหนึ่งจานและต้มยำกุ้งหนึ่งถ้วยแล้วหาที่นั่งมุมหนึ่งนั่งลงเมื่อชิมน้ำซุปไปหนึ่งคำ ความเซอร์ไพรส์ก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ นี่มันอร่อยเหมือนที่เธอเคยกินที่ร้านอาหารห้าดาวเลยก่อนหน้านี้บนโซเชียลมีคนพูดกันว่าเรื่องโรงอาหารของชิงหงเทียบเท่าระดับห้าดาว ตอนนั้นจี้อี่หนิงยังคิดว่ากล่าวเกินจร
กลับถึงบ้าน จี้อี่หนิงก็ติดต่อซุนสิง สองซุนสิงให้เธอไปตามหาเขาที่ห้องทำงานประธานเช้าวันถัดไป ถึงเวลานั้นจะพาเธอไปแสกนลายนิ้วมือและทำบัตรผ่านประตูหลังจากวางสาย จี้อี่หนิงก็รู้สึกกังวลขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเดิมทีเสิ่นเยี่ยนจือก็สงสัยว่าเสิ่นซื่อกำลังวางแผนคิดไม่ซื่อกับเธอ ตอนนี้ตนต้องไปทำงานที่ชิงหง หากเขารู้ ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นอะไรขึ้นบ้างแต่สถานการณ์ตอนนี้ ทำได้เพียงเดินหนึ่งก้าวมองหนึ่งก้าวแล้ว รอให้เขารู้จริงๆก่อน ถึงวันนั้นค่อยว่ากันเช้าวันถัดมา จี้อี่หนิงตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็บึ่งรถไปชิงหงจอดรถใต้ตึกชิงหงแล้ว จี้อี่หนิงจึงไปบอกหน้าเคาน์เตอร์ว่ามาหาซุนสิง ทางเคาน์เตอร์ยืนยันตัวตนเธอได้แล้วจึงนำทางเธอไปหน้าลิฟต์"คุณจี้ ห้องทำงานท่านประานอยู่ชั้นบนสุดค่ะ"จี้อี่หนิงพยักหน้า “โอเคค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”หลังจากเข้าลิฟต์ จี้อี่หนิงจึงกดปุ่มชั้นลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิดลงก่อนค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นข้างบนนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาชิงหง ก่อนหน้านี้เคยได้มาว่าลิฟต์ของชิงหงวิวสวยมาก ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าเป็นเรื่องจริงคล้อยหลังลิฟต์มุ่งขึ้นด้านบน ภาพทิวทัศน์ของเมืองทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ดูแล
เจิ้งกั๋วอันในตอนนี้กำลังอยู่ที่โถงทางเดินโรงพยาบาลมองใบเสร็จด้วยความกังวล ตอบกลับด้วยเสียงจริงจัง “ภายในไม่กี่วันนี่ล่ะ”วันนี้เขาไม่เหลือเงินแม้แต่แดงเดียว ไม่พอเจิ้งโหยวโหย่วยังอยู่สถานีตำรวจ ทำได้เพียงต้องทำตามที่หลิ่วอี๋หนิงบอกเท่านั้นถึงจะมีโอกาสหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้“งั้นฉันจะรอข่างดีจากอาเจิ้งก็แล้วกัน”วางสายเสร็จ มุมปากหลิ่วอี๋หนิงหยักยิ้มหยันขอเพียงเจิ้งกั๋วอันลักพาตัวจี้อี่หนิงไป ถึงเวลานั้นเธอค่อยให้พวกมันทั้งสองตายด้วยกัน หลังจากนั้นตนก็สบายใจไร้กังวลแล้วในห้องปฏิบัติการ จี้อี่หนิงกำลังเตรียมทำการทดลองก่อนหน้านี้ต่อ ก็ได้ข่าวจากเจี่ยงหรู ให้เธอไปห้องทำงานเมื่อถึงห้องทำงาน เจี่ยงหรูยกยิ้มพลางให้เธอนั่งลง"อี่หนิง ลงพื้นที่ปฏิบัติการเมืองหรงกับประธานเสิ่นครั้งนี้รู้สึกยังไงบ้าง?"จี้อี่หนิงเม้มปาก “ก็พอได้ค่ะ พี่หรูมีเรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“คือว่า ทางสำนักงานใหญ่ให้ความสำคัญกับโครงการที่เธอกำลังพัฒนามาก ประกอบกับโครงการนี้ได้รับการลงทุนจากประธานเสิ่น เพื่อเลี่ยงไม่ให้ต้องคอยวิ่งไปมาติดตามความคืบหน้าของโครงการ ทางสำนักงานใหญ่จึงตั้งใจส่งเธอไปทำงาน
พอเห็นจี้อี่หนิงตัวสั่นเบาๆ สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววพอใจจี้อี่หนิงกัดริมฝีปากล่างแน่น ก่อนตอบเสียงเย็นชา "ฉันจะไปเข้างานแล้ว ตอนนี้คุณคงไปได้แล้วใช่ไหม?"เมื่อเห็นท่าทีหัวรั้นไม่สนฟังคำใครของเธอแล้ว สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววคร่ำเคร่งแต่เมื่อนึกขึ้นได้เขาก็ไม่อยากบังคับรีบเร่งอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองต้องตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน"ผมจะไปส่งคุณ""ไม่ต้องค่ะ"พูดจบ เธอจึงผลักเสิ่นเยี่ยนจือออกประตู ก่อนปิดแล้วจากไปทันทีหลังจากมาถึงบริษัท ก็พบว่าเพื่อร่วมงานในบริษัทต่างแอบมองเธอ สีหน้าจี้อี่หนิงราบเรียบไร้อารมณ์ คาดว่ามุกคนคงเห็นภาพนั้นในอินเทอร์เน็ตหมดแล้วสางของไว้บนโต๊ะทำงานเสร็จ ขณะจี้อี่หนิงกำลังเตรียมตัวไปห้องปฏิบัติการ เซี่ยงอวี่ที่อยู่ข้างๆปรี่เข้ามาฉับพลัน พูดเสียงเบา “อี่หนิง เรื่องภาพในอินเทอร์เน็ตนั้น......เป็นความจริงเหรอ? ประธานเสิ่นชอบเธอจริงๆเหรอ?”ชั่วเวลานั้นผู้คนรอบๆพลันหูผึ่งขึ้นมายังไงซะเรื่องก่อนหน้านี้ที่จี้อี่หนิงทำอุปกรณ์การทดลองระเบิด แล้วเสิ่นซื่อเสี่ยงอันตรายไปช่วยตนนั้นทุกคนก็รู้ดีประกอบกับภาพเมื่อคืนที่ดูมีบรร
“ฉันควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาเตือน”คล้อยหลังเสิ่นซื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องทำงานก็ตกสู่ความเงียบงันลุงหลานทั้งสองจดจ้องกันไปมาด้วยท่าทีเย็นยะเยือก ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอยซุนสิงที่อยู่ข้างๆเห็นสถานการณ์ท่าไม่ดี จึงรีบเร่งเดินเข้าไป “ประธานเสิ่นเล็ก พอรู้เรื่องรูปภาพในอินเทอร์เน็ตวันนี้แล้ว ประธานเสิ่นก็กำลังจัดการ ไม่อย่างนั้นคุณกลับไปก่อนดีกว่าครับ”เสิ่นเยี่ยนจือหันมองซุนสิง เอ่ยเสียงเยือกเย็น “เลขาซุน คุณอยู่กับอาเล็กมากี่ปีแล้ว หวังว่าคุณจะมีเวลาโน้มน้าวเขา ให้เขาอย่า......”"เสิ่นเยี่ยนจือ!"เสิ่นซื่อตะโกนลั่นตัดบทเขา ความโกรธเกรี้ยวสุดขีดปะทุขึ้นในดวงตา "หากยังพูดจาไร้สาระอีกแค่ประโยคเดียว ก็อย่าคิดว่าจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของเสิ่นซื่อกรุ๊ปอย่างมั่นคงอีกเลย"เสิ่นเยี่ยนจือกำหมัดข้างตัวแน่น ความหงุดหงิดอัดแน่นเต็มทรวงถึงขีดสุด แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าเสิ่นซื่อจริงๆ เพราะเขารู้ดีว่าความสามารถนี้ที่เสิ่นซื่อมีอยู่ สามารถดึงเขาลงจากตำแหน่งได้จริงๆเขามองไปทางเสิ่นซื่อ ก่อนจะเอ่ยเน้นทีละคำชัดเจน "หวังว่าอาเล็กจะทำตัวให้ดีก็แล้วกัน!"พูดจบ เขาก็หันกายเดินออกไ