เขาเพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่า ลับหลังแล้วเธอทำกับจี้อี่หนิงแย่ขนาดนี้นี่ตลอดสามปีที่พวกเขาแต่งงานกัน เวลาที่ตัวเขาไม่อยู่เธอพูดจากับจี้อี่หนิงแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?จู่ๆ เสิ่นซื่อก็โผล่เขามาในกล้องวงจรปิด มือที่เสิ่นเยี่ยนจือกำโทรศัพท์อยู่ขาวซีดเห็นเส้นเลือดเมื่อเห็นเสิ่นซื่อปกป้องจี้อี่หนิง เขาโกรธมากแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอ่อนใจเขาต่างหากที่เป็นสามีของจี้อี่หนิง คนที่ควรอยู่ข้างกายจี้อี่หนิงตอนนั้นควรเป็นเขาแท้ๆ แต่เขากลับไม่ปรากฏตัว และถ้าไม่ใช่จี้อี่หนิงบอกให้เขาไปถามเฉินเสวี่ยหรงเอาเอง เขาก้คงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เลยยิ่งคิดเยี่ยนจือก็ยิ่งรู้สึกผิดเขาผิดต่อจี้อี่หนิง ผิดต่อความรักที่มีให้กันมาแปดปีเขาปิดคลิปวิดีโอแล้วส่งข้อความหาเลขา[ต่อไปถ้าคุณนายให้คุณช่วยจัดการเรื่องพ่อผมอีก คุณไม่ต้องยุ่งแล้วนะ][ได้ครับ งั้นแล้วทางฝั่งอาเล็กจะให้สืบต่อไหมครับ?][สืบต่อไป]เดิมทีจี้อี่หนิงคิดว่าหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน เสิ่นเยี่ยนจือจะหยุดไปสักสองสามวัน ไม่คิดว่าวันต่อมาเขาจะหอบช่อดอกไม้มายืนอยู่หน้าประตูพอเห็นเธอสายตาของเสิ่นเยี่ยนจือฉายแววดีใจ "อี่หนิง...""มีธุระอะไร?"
เมื่อเห็นสายตาผิดหวังของจี้อี่หนิง หัวใจเสิ่นเยี่ยนจือก็ราวกับถูกจับไว้แน่น เขาเจ็บจนหายใจไม่ออก"อี่หนิง ผมรู้ไม่ว่าตอนนี้ผมจะรับปากกับคุณยังไงคุณก็ไม่มีทางเชื่อ ต่อไปผมจะพิสูจน์ด้วยการกระทำ ผมจะต้องทำได้แน่นอน"จี้อี่หนิงไม่คิดจะฟังคำรับประกันของเขา เธอเดินผ่านเขาไปเลยเสิ่นเยี่ยนจือทำท่าจะตามไป แต่โทรศัพท์ในกระเป๋าดันดังขึ้นมาพอดีพอรับสายก็ได้ยินเสียงเคร่งขรึมของเลขาก็ดังลอดมา"ประธานเสิ่น บริษัทมีปัญหาด้านความร่วมมือครับ"เสิ่นเยี่ยนจือส่ายตาเคร่งขรึม "เดี๋ยวผมไป"เขาตามไปถึงทางเข้าหมู่บ้านเห็นจี้อี่หนิงนั่งแท็กซี่ออกไปเสิ่นเยี่ยนจือเม้มริมฝีปากแล้วหมุนตัวขึ้นรถมุ่งหน้าไปบริษัทหลังจากจัดการเรื่องที่บริษัทเสร็จแล้วถึงค่อยๆ จัดการปัญหาระหว่างเขากับจี้อี่หนิงตอนที่จี้อี่หนิงมาถึงร้านอาหาร สือเวยก็รออยู่ที่นั้นแล้ว"อี่หนิง เธอมาได้สักที เมื่อกี้ฉันได้ยินข่าวเม้าส์มาล่ะ รอเล่าให้เธอฟังเลยเนี่ย"จี้อี่หนิงนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย เอากระเป๋าวางลงบนเก้าอี้ข้างๆ แล้วเลิกคิ้ว "ข่าวอะไร?""ได้ยินมาว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนไม่รู้หลิ่วอี๋หนิงไปทำอะไรให้เสิ่นเยี่ยนจือเลยโดนตบในห้อ
น้ำเสียงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงดังขึ้นมาพร้อมกัน สือเวยหันหน้าไปมองที่ไม่ไกลด้านหลังตัวเอง ผู้หญิงสวมเดรสสายเดี่ยวสีแดงผิวขาวหน้าตาสะสวย ผมม้วนลอนด์ตัวสูงคนหนึ่งกำลังชี้ชุดสูทที่เธอถูกใจเมื่อรู้ตัวตัวว่าเธอมองอยู่ ผู้หญิงคนนั้นมองกลับมาแล้วยิ้มให้"คุณคะ คือว่าฉันจะซื้อชุดนี้ให้แฟนน่ะค่ะ เดี๋ยวเราก็จะเจอกันแล้ว คุณยกให้ฉันได้ไหมคะ?"สือเวยชอบสูทชุดนี้มากไม่อยากยกให้ แต่อีกฝ่ายก็พูดจาแบบเกรงใจ เธอเลยลังเลพนักงานขายที่อยู่ใกล้ๆ เอ่ยปากว่า "คุณสือคะ ชุดสูทชุดนี้มีแค่ชุดเดียวเท่านั้น คุณเป็นลูกค้าวีไอพีของร้านเรามีสิทธิ์เลือกชื้อได้ก่อนค่ะ"เมื่อได้ยินอย่างนี้ ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้วมีแค่ชุดเดียว งั้นเธอต้องซื้อให้ได้"คุณพูดอบบนี้หมายความว่าไง? เลือกปฏิบัติเหรอ?"ผู้ที่หญิงที่อยู่ตรงหน้าท่าทางเอาเรื่อง แต่พนักงานขายก็ไม่ได้ลุกลี้ลุกลนแต่อย่างใด บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มตามมาตรฐาน"คุณค่ะ ลูกค้าวีไอพีร้านเรามีสิทธิ์เลือดซื้อได้ก่อนค่ะ คุณลองดูชุดอื่นดีไหมคะ ชุดสูทร้านเรามีหลายแบบ..."ยังพูดไม่ทันจบก็โดนผู้หญิงคนนั้นขัดขึ้นมาเสียก่อน"ชุดอื่นในร้านคุณโลว์มาก ชุดอื่นให้ฉัน
จี้อี่หนิงเดินเข้าไปกุมมือเย็นเฉียบของสือเวยแล้วพูดเบาๆ ว่า "เวยเวย มันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ อย่าเสียใจไปเลย"สือเวยพยักหน้า "อืม ฉันรู้"ก่อนที่โจวเส้าชิงจะมาเธอจะไม่เชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด นอกจากเขาจะมายอมรับด้วยตัวเองไม่นานนักอิงฟานเลขาของโจวเส้าชิงก็มาเขารีบเดินเข้ามาหาผู้หญิงคนนั้นโดยไม่สังเกตเห็นสือเวยกับจี้อี่หนิงที่อยู่ข้างๆ"คุณจู้ ประธานโจวกำลังประชุมอยู่เลยให้ผมมาแทนครับ"จู้อวี่เซวียนเชิดหน้ามองมาทางสือเวยกับจี้อี่หนิง "อ๋อ พวกเขาจะแย่งชุดนี้กับฉัน"อิงฟานหันหน้ามากำลังพูด แต่พอเห็นสือเวยกับจี้อี่หนิงชัดๆ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป"คุณสือ..."ตอนนี้ในใจของอิงฟานมีแค่สองคำคือซวยแล้วสือเวยเป็นแฟนปัจจุบันของโจวเส้าชิง ส่วนจู้อวี่เซวียนเป็นคู่ขวัญที่โตมาด้วยกันกับโจวเส้าชิง ไม่คืดเลยว่าจู้อวี่เซวียนกลับประเทศมาวันแรกก็จะเจอกับสือเวย แถวยังมีปัญหากันอีกด้วยพอสังเกตุเห็นสีหน้าแปลกๆ ของอิงฟาน จู้อวี่เซวียนก็ขมวดคิ้ว "คุณรู้จักเธอเหรอ?"ตอนนี้อิงฟานไม่กะใจจะตอบคำถามของจู้อวี่เซวียน เพราะตอนนี้สือเวยกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
"ไม่เป็นแล้ว ฉันยกให้เธอ"ผู้ชายที่มีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้เธอต้องทุกข์ทรมานใจจู้อวี่เซวียนชะงัก ยังไม่ทันได้พูดอะไรสือเวยก็หันหลังเดินออกไปแล้วสีหน้าของอิงฟานเปลี่ยนไปอย่างแรง เขารีบตามไป "คุณสือ... เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิด อย่างน้อยคุณก็น่าจะให้โอกาศประธานโจวได้อธิบายนะครับ"สือเวยชะงักฝีเท้าแล้วมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย"เมื่อสามเดือนก่อนเขาไปอเมริกา ฉันติดต่อเขาไม่ได้อยู่สามวัน ต่อมาเขาบอกว่างานยุ่ง เข้าทพงานอยู่จริงเหรอ?"เมื่อเห็นสีหน้าลุกลี้ลุกลนของอิงฟาน สือเวยก็ยิ้มเยาะใส่เขา"ตอนนี้คุณยังพูดได้เต็มปากไหมว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด?"เธอชอบเขามากก็จริง แต่เธอก็ไม่โง่ตอนนั้นที่เธอไม่เซ้าซี้เรื่องนี้ก็เพื่อให้โอกาสโจวเส้าชิง แต่โจวเส้าชิงกลับทำให้เธอผิดหวัง"ระหว่างประธานโจวกับคุณจู้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลยนะครับ วันนั้นเพราสุนัขของคุณจู้เสียชีวิตเธอสภาพย่ำแย่ ประธานโจวเลย...""ไม่ต้องอธิบายแล้ว ไม่จำเป็นแล้ว"ที่จู้อวี่เซวียนกล้าพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่าโจวเส้าชิงเป็นแฟนเธอ ก็เพราะการกระทำของโจวเส้าชิงเวลาอยู่กับเ
ม่านตาของจี้อี่หนิงหดตัวลงอย่างกะทันหัน เธอสะบัดมือออกแล้วก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง"เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?""คืนนั้นคุณเข้าพักที่โรงแรมเดียวกับอาเล็กของผม จากนั้นหลังจากคุณออกไปได้ไม่นาน อาเล็กก็ออกมาเหมือนกัน ที่สำคัญคือภาพกล้องวงจรผิดที่โรงแรมวันนั้นถูกคนลบไป"หากไม่มีกล้องวงจรปิดที่ไฟถนนในแนวทแยงหน้าโรงแรม เขาคงไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้และบังเอิญว่าภาพกล้องวงจรปิดของโรงแรมถูกลบในช่วงที่เธอเข้าและออกพอดี ถ้าเธอไม่ได้พยายามปกปิดอะไรบางอย่าง จะลบภาพวงจรปิดทำไม?ยิ่งคิดตาของเสิ่นเยี่ยนจือก็ยิ่งแดงปรากฎว่าพฤติกรรมของเสิ่นซื่อที่เขารู้สึกว่าผิดปกติ ตอนนี้มีคำตอบแล้วเมื่อเห็นเขามองเธอด้วยความผิดหวัง จี้อี่หนิงก็หัวเราะเยาะ"เสิ่นเยี่ยนจือ คุณคิดว่าฉันนอกใจคุณเหมือนกัน แล้วมือที่สามก็อาเล็กของคุณเอง?"เสิ่นเยี่ยนจือไม่ตอบ เขามองเธอตาแดงก่ำ แสดงว่าเขายอมรับ"แล้วไงต่อ? คุณคิดว่าฉันนอกใจคุณ แล้วคุณจะทำยังไง?"มือของเสิ่นเยี่ยนจือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวค่อยๆ กำแน่นขึ้น คนหนึ่งคือภรรยาของเขาและอีกคนคืออาเล็กของเขา จะให้เขาบอกให้โลกรู้หรือไง?หากชายคนนั้นเป็นคนอื่น เขาจะทำให้ชีวิตของอีกฝ่า
ในช่วงสามปีที่แต่งงานกันมา เธอถูกควบคุมทุกอย่าง แต่สิ่งที่เธอได้รับคือการที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจ ตอนนี้เธอไม่คิดจะทำฝืนตัวเองให้ลำบากอีกแล้ว แบบไหนสบายใจก็เอาแบบนั้นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ จี้อี่หนิงก็ล้างจาน แล้วชงชาหนึ่งกา หยิบหนังสือมาอ่านที่ระเบียงพลางอาบแดดไปด้วยอ่านไปอ่านมาเธอก็รู้สึกง่วงและหลับไปบนเก้าอี้เอนตื่นมาอีกทีฟ้าก็เริ่มมืดแล้วเธอไปล้างในห้องน้ำ จี้อี่หนิงไม่คิดจะทำกับข้าวเองแล้วเลยหยิบกุญแจเตรียมตัวออกไปกินข้าวข้างนอกพแเปิดประตูก็เห็นเสิ่นเยี่ยนจือยืนอยู่ในเงามืด จี้อี่หนิงตกใจถอยหลังโดยไม่รู้ตัว"อี่หนิง ผมเอง"เสียงของเสิ่นเยี่ยนจือแหบแห้งเล็กน้อย เห็นได้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้มาตลอดทั้งบ่ายจี้อี่หนิงขมวดคิ้ว "คุณรออยู่ตรงนี้ทำไม?""อี่หนิง คุณให้อภัยผมไม่ได้จริงๆ เหรอ?"หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จี้อี่หนิงมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยและพูดว่า "เสิ่นเยี่ยนจือ เมื่อก่อนตอนคุณนอกใจฉันไปกับเลขาของคุณ คุณคงหมดเงินไปเยอะและเปลืองความคิดมากเลยใช่ไหม""หมายความว่าไง?"เมื่อเห็นความสับสนในดวงตาของเขา จี้อี่หนิงก็คิดว่าช่างน่าตลก เขาแสร้งทำเป็นงงทั้งที่เข้าใจหรือเปล่
จี้อี่หนิงพยักหน้า "อืม""ถ้าอย่างนั้นคนที่จีบเธอก็ต้องรวยมาก ฉันจำได้ว่าความหมายของสร้อยข้อมือนี้คือฉันจะรักคุณไปตลอดชีวิต คนคนนั้นจะต้องชอบคเธอมาก"ดวงตาของจี้อี่หนิงฉายแววเยาะหยันโดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้ เธอเก็บสร้อยข้อมือกลับเข้าไปในกล่อง"คงงั้นมั้ง"เมื่อเห็นว่าเธอดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เซี่ยงอวี่ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อหลังจากที่คลุกคลีกันมาสักพัก เธอรู้ว่าจี้อี่หนิงภายนอกนั้นดูอ่อนโยนและว่าง่าน แต่จริงๆ แล้วเรื่องที่เธอไม่อยากพูดเธอจะไม่พูดถึงเลยสักคำอีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นที่จะคุยความในใจกันได้ตอนที่จี้อี่หนิงปิดกล่องสร้อยข้อมือ หลิ่วอี๋หนิงบังเอิญเดินผ่านไปและเหลือบมองสร้อยข้อมือเพชรในกล่อง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาแต่หลังจากเจอถูกสั่งสอนที่บาร์เมื่อก่อนหน้านี้ เธอก็ไม่คิดจะเผชิญหน้ากับจี้อี่หนิงตรงๆ แล้ว เลยจากไปทันทีตอนเย็นพอจี้อี่หนิงเดินออกจากบริษัท เธอก็เห็นเสิ่นเยี่ยนจือยืนอยู่ไม่ไกลเธอเม้มริมฝีปากหยุดเดินแล้วมองไปที่เขาเสิ่นเยี่ยนจือเห็นเธอปุ๊บ เขาก็เดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว"อี่หนิง เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันน
ตลอดทาง จี้อี่หนิงพยายาามขัดขืนหวังให้เสิ่นเยี่ยนจือปล่อยเธอลง แต่กลับไม่มีประโยชน์แต่อย่างใดกระทั่งวางเธอลงบนเตียงคนไข้ในห้องฉุกเฉิน เสิ่นเยี่ยนจือกดข้อมือทั้งสองข้างของเธอไปบนหัวเตียง แล้วพูดเสียงทุ้ม "อี่หนิง ตอนนี้ฉันกำลังหงุดหงิดมาก เชื่อฟังหน่อยจะดีกว่านะ"ได้ยินคำข่มขู่จากน้ำเสียงของเขา จี้อี่หนิงสะบัดมือของเขาออก มองหน้าเขาด้วยแววตานิ่งสงบ"นายหงุดหงิดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ชอบผู้หญิงที่เชื่อฟัง ก็ไปหาฉินจืออี้นู่น จะให้ฉันเข้าอกเข้าใจนายเหมือนเธอ ฉันทำไม่ได้หรอก"เสิ่นเยี่ยนจือจ้องใบหน้าด้านของที่แสนเย็นชาของเธอ จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา"อี่หนิง เธอกำลังหึงหรอ?"จี้อี่หนิงขมวดคิ้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาใช้อะไรมองถึงเข้าใจไปว่าเธอหึง?แต่เธอก็ไม่อยากจะโต้เถียงกับเขา อยากคิดอะไรก็เชิญไม่นานคุณหมอก็มา หลังจากตรวจร่างกายโดยละเอียดให้จี้อี่หนิงเสร็จ หมอก็ช่วยพันแผลให้ใหม่ แล้วสั่งให้เธออยู่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการต่ออีกวันสองวันเมื่อไปถึงห้องพักฟื้น จี้อี่หนิงเห็นว่าเสิ่นเยี่ยนจือยังไม่ไป ในแววตาก็เผยความรำคาญ"นายไปได้แล้ว""ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่"พอเห็นสายตาแน่วแน่ของ
ระหว่างทาง จี้อี่หนิงลอบมองเสิ่นซื่อเป็นระยะๆ ทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าเสิ่นซื่อหันมามองเธอ แล้วพูดเสียงทุ้ม "อยากจะพูดอะไร?"จี้อี่หนิงเม้มริมฝีปาก "ประธานเสิ่น ฉันก็แค่อยากถามคุณว่า...คุณรู้เรื่องที่ฉันโดนลักพาตัวได้ยังไง...มิหนำซ้ำยังหาเจอถึงที่นี่...""ซุนสิงอยากจะถามเธอเรื่องข้อมูลการทดลอง โทรไปหาก็ไม่ติด พอไปหาเธอที่บ้านถึงรู้ว่าเธอหายตัวไป ก็เลยไปสืบดู"เขาพูดแบบไม่ลงรายละเอียด ทว่าในใจของจี้อี่หนิงกลับผุดความรู้สึกตื้นตันขึ้นมา"ประธานเสิ่น ขอบคุณคุณมากจริงๆ ค่ะ...ถ้าไม่ใช่เพราะคุณกับเลขาซุนตามมาทัน บางทีฉันคงไม่รอดพ้นคืนนี้"เสิ่นซื่อมีสีหน้าเรียบๆ "อย่าคิดมากแบบนั้น ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรักษาบาดแผลให้หาย"จี้อี่หนิงไม่ได้พูดอะไร ทอดสายตาลงแล้วตัดสินใจว่าจะต้องหาโอกาสตอบแทนเสิ่นซื่อให้จงได้ตอนที่ใกล้ถึงโรงพยาบาล จี้อี่หนิงหันไปมองเขา"ประธานเสิ่น ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณไปส่งฉันที่หน้าโรงพยาบาลก็พอค่ะ ฉันไปตรวจร่างกายเองได้ คุณรีบกลับไปพักเถอะนะคะ"เสิ่นซื่อไม่พูดอะไร กระทั่งรถจอดลงหน้าโรงพยาบาล เขาปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถ จากนั้นอุ้มจี้อี่หนิงเด
วินาทีที่กริดทะลุเข้าไปบนหลังมือ จี้อี่หนิงหลุดร้องออกมา เจ็บปวดจนใบหน้าขาวซีดเลือดสดๆ รินไหลจากหลังมือของเธอ ดูน่าสยดสยองเป็นอย่างมากหลิ่วอี๋หนิงหัวเราะ แล้วดึงกริดออกมาจนเลือดพุ่งกระฉูดตามไปด้วย จี้อี่หนิงกัดริมฝีปากอย่างแรง จึงไม่มีเสียงโหยหวนเล็ดลอดออกมาดูสีหน้าอดทนอดกลั้นของเธอแล้ว มุมปากของหลิ่วอี๋หนิงก็ยกยิ้มกว้างขึ้น"ไม่คิดว่ากระดูกของเธอมันจะแข็งเอาเรื่อง แต่ก็ไม่รู้ว่า มันจะแข็งไปได้ถึงเมื่อไหร่"หล่อนชูกริดขึ้นอีกครั้ง เตรียมจะแทงลงไปยังหน้าอกของจี้อี่หนิงสุดแรงเกิดทว่าจังหวะที่กริดอยู่ห่างจากหน้าอกข้างซ้ายของจี้อี่หนิงเพียงไม่กี่เซนติเมตร จู่ๆ ความปวดร้าวก็ส่งตรงมาจากข้อมือ กริดที่กำอยู่ก็ตกลงบนพื้นเช่นกันหลิ่วอี๋หนิงมองลูกดอกที่แทงใส่ข้อมือของหล่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แล้วช้อนสายตาขึ้นมองไปยังทิศทางที่ลูกดอกยิงมาในทันที ก่อนจะเห็นร่างใครบางคนกำลังวิ่งมายังที่หล่อนอยู่แววตาของหล่อนเผยความลนลาน รีบก้มหน้าไปเก็บกริด ทว่าจังหวะที่กำลังก้มหน้าอยู่นั้น หล่อนก็ถูกเตะเข้าตรงลิ้นปี่อย่างรุนแรง จนกระเด็นออกไปทั้งร่างร่างกายของหล่อนกระแทกลงบนพื้นราวกับว่าวที่ด้
ตอนนี้หากจี้อี่หนิงตายไป นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ให้เงินแล้ว ดีไม่ดีจะโยนขี้ให้เขาว่าเป็นคนฆ่าจี้อี่หนิง เขาไม่มีอำนาจ แถมตอนนี้เจิ้งโหยวโหย่วยังโดนขังอยู่ในคุกอีก เขาจะเอาอะไรไปสู้หลิ่วอี๋หนิงเพราะงั้นเวลานี้การที่จี้อี่หนิงมีชีวิตต่อไป จะเป็นผลดีกับเขามากกว่า"แกเป็นบ้าไปแล้วหรอ? ดีไม่ดีตอนนี้เสิ่นเยี่ยนจือรู้แล้วว่าพวกเราจับตัวหล่อนมา ยิ่งชักช้ายิ่งจะไม่เป็นผลดีกับพวกเรา""ฉันแค่ต้องการเห็นเงินก่อน ถ้าคุณอยากฆ่าเธอผมจะไม่ยุ่ง""ดึกดื่นป่านนี้ ฉันจะไปโอนเงินให้แกได้ยังไง อย่างน้อยๆ ก็ต้องรอพรุ่งนี้เช้า ให้เจ้าหน้าที่ธนาคารเข้างานก่อน!"หลิ่วอี๋หนิงโมโหจนจะบ้า เจิ้งกั๋วอันเหมือนกับเจิ้งโหยวโหย่วไม่มีผิด ร่วมมือกับคนโง่ มีแต่จะพาเธอลงเหวอีกอย่างถึงจะโอนเงิน เธอก็ต้องใช้บัญชีต่างประเทศ ไม่งั้นถึงตอนนั้นเธอจะโดนตรวจพบได้"ฉันไม่สน ฉันจะเอาเงิน"ขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีปากเสียงกัน แสงไฟจากที่ไกลๆ ก็เคลื่อนตัวเข้ามาเรื่อยๆสีหน้าของหลิ่วอี๋หนิงเปลี่ยนในทันใด เธอสั่งเสียงเย็นชา "เร็ว รีบพาเธอขึ้นบนดาดฟ้า!"เจิ้งกั๋วอันเองก็ตระหนักได้ถึงความตึงเครียดของสถานการณ์ ก็ไม่ได้โต้เถียงกับหลิ่วอ
สีหน้าของเสิ่นซื่อเปลี่ยนทันที เขาพูดเสียงเย็น "เกิดอะไรขึ้น?""ในบ้านของคุณจี้เละเทะไปหมด โทรศัพท์ของเธอวางอยู่บนโซฟา แต่เจ้าตัวหายไปครับ""รีบไปสืบเดี๋ยวนี้"ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ซุนสิงก็สืบได้ว่าจี้อี่หนิงถูกลักพาตัวไป จีบรีบรายงานเสิ่นซื่อทันทีรถตู้ไม่ติดป้ายทะเบียนเพิ่งจะเข้าเขตตัวเมืองได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกกลุ่มคนขวางเอาไว้เมื่อเห็นชายชุดดำสิบกว่าคนยืนล้อมตัวรถ ชายหนุ่มก็ชะงักไป เปิดประตูลงจากรถ ขณะกำลังจะถามว่ามีอะไร ก็ถูกคนถีบเข้าอย่างแรง จนทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น"โอ๊ย!"เขาโอดครวญอย่างน่าสังเวช ความเจ็บปวดจากหัวเข่าที่แตกทำให้เขาหน้าซีด เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มไปหน้าไม่หยุดซุนสิงมีสีหน้าเย็นยะเยือก "แกลักพาตัวคนไปไว้ที่ไหน?"แววตาของชายหนุ่มเผยความลนลานเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะรีบส่ายหน้า "พวกแกพูดอะไร...ฉันไม่รู้เรื่อง"ซุนสิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น "ไม่รู้เรื่องใช่ไหม? งั้นก็จะกระทืบจนกว่าจะรู้"วินาทีที่เขาพูดจบ ชายชุดดำสิบกว่าคนรุมเข้าไป เสียงโอดครวญดังเป็นระลอกๆไม่ถึงห้านาที ชายหนุ่มก็พูดอย่างสังเวช "อย่าทำผมเลย...อย่าทำผมเลย ผมจะบอกแล้ว...ผมจะบอก"ซุนสิงส่งซิ
"ใครน่ะ?"เมื่อฟังออกว่าเป็นฉินจืออี้ สีหน้าของจี้อี่หนิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย"ฉันคือจี้อี่หนิง ฉันต้องการคุยกับเสิ่นเยี่ยนจือ เอาโทรศัพท์ให้เขา"เสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากปลายสาย "เธอบอกว่าเยี่ยนจือน่ะหรอ เขากำลังอาบน้ำอยู่ เกรงว่าจะไม่ว่างรับสายเธอน่ะสิ คุณจี้ มีธุระอะไรกับเขาบอกฉันได้เลย ฉันจะช่วยบอกเขาให้"จี้อี่หนิงกัดริมฝีปากเล็กน้อย มือที่ทิ้งน้ำหนักลงข้างตัวกำแน่นโดยอัตโนมัติ"ฉินจืออี้ ฉันถูกลักพาตัว..."ยังพูดไม่ทันจบ ฉินจืออี้ก็ตัดบทเธอขึ้นมา "จี้อี่หนิง เธอคิดว่าคำโกหกเงอะงะแบบนี้จะทำให้เยี่ยนจือไปหาเธอได้หรอ? ถ้าเธออยากจะเขาจริงๆ เธอก็มาหาเขาเองสิ แต่คืนนี้เขาต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันกับลูก เกรงว่าจะไม่ว่างสนใจเธอหรอก"เวลานี้เหตุการณ์เกี่ยวพันกับชีวิต จี้อี่หนิงจึงไม่มีเวลามาคิดแค้นหล่อน"ฉันโดนลักพาตัวจริงๆ...ขอแค่เธอบอกเขาเรื่องนี้ก็พอ...""ถ้าเธอโดนลักพาตัวจริง งั้นก็ไปตายซะสิ ถ้าไม่มีเธอสักคน ลูกในท้องของฉันก็เชิดหน้าชูตาเกิดมาได้อย่างภาคภูมิ ฉันเองก็จะได้อยู่กับเยี่ยนจือ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าเธอตายไป ฉันจะเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ทุกปีเลยล่ะ"น้ำเสียงของฉินจืออี้เต
"ต่อให้แกแฉออกไปตอนนี้ฉันก็ไม่มีเงิน อีกอย่างถ้าเรื่องนี้ถูกแฉออกไป แกก็ต้องติดคุกเหมือนกัน!"เสียงถกเถียงของทั้งสองคนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดจี้อี่หนิงก็รู้แล้วว่าคนที่ลักพาตัวตนเองคือพ่อของเจิ้งโหยวโหย่ว เจิ้งกั๋วอันแต่ตัวเธอเคยเขาแค่ครั้งเดียวเอง เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ไหน? อีกทั้งยังแอบซุ่มอยู่ในบ้านเธออีก...เธอสามารถมั่นใจได้ว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่แรงงานเกษตรคิดออกมาได้แน่ ๆ ต้องมีคนคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอนและคนคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นหลิ่วอี๋หนิงผ่านไปสักพัก เสียงถกเถียงข้างนอกก็หยุดลง ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทรถยนต์ และไม่นานบริเวณโดยรอบก็เหลือแต่ความเงียบจี้อี่หนิงหายใจช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าหอบหายใจเสียงดังทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่ากระเป๋าเดินทางขยับ จากนั้นก็เป็นเสียงล้อลากกับพื้นเมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลากตัวเธอไปที่ไหนก็ไม่รู้ ในใจจี้อี่หนิงก็ตื่นตระหนกทันที ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะหนียังไงดีเธอค่อย ๆ รูดซิปบนหัวออก แต่ข้างนอกมืดสนิท มีแค่แสงสว่างเพียงเล็กน้อยคอยส่องทางจากไฟฉายกระบอกหนึ่งในมือของคนข้างหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางจี้อี่หนิงมองไม่ส
มีคนแอบซุ่มรอทั้งในห้องนอนและหน้าประตู เห็นทีอีกฝ่ายคงวางแผนมาแล้วเธอลุกขึ้นมาวิ่งไปตรงไปยังห้องครัว แต่เพิ่งเริ่มวิ่งได้สองก้าวก็ถุกคนคว้าแขนเอาไว้ แล้วกระแทกเธอเข้ากับกำแพงอย่างแรง"แกเป็นใคร? ทำไมต้อง...อื้อ..."อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งกดจี้อี่หนิงไว้ มืออีกข้างก็ใช้ผ้าผืนหนึ่งอุดจมูกของจี้อี่หนิง ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงได้พูดเลยสักนิดกลิ่นฉุนเตะจมูก ภาพตรงหน้าของจี้อี่หนิงก็ค่อย ๆ มัวลงช้า ๆผ่านไปไม่นาน ผู้ชายสวมผ้าปิดปากสองคนก็ลากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเดินออกไปจากบ้านของจี้อี่หนิงเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว คนส่วนมาก็เลิกงานกลับบ้านกันหมด ในหมู่บ้านจึงไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตสองคนนี้ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงประตูหลังของหมู่บ้าน มีรถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งสองคนเอากระเป๋าเดินทางใส่ไว้ในกระโปรงหลังรถ จากนั้นก็ขับรถมุ่งตรงออกไปยังนอกเมืองทันทีชิงหงกรุ๊ปห้องทำงานประธานซุนสิงถือเอกสารชุดหนึ่งรีบเดินเข้าไปอย่างรีบเร่ง "ประธานเสิ่นครับ เมื่อกี้บริษัทคู่ค้าส่งเอกสารชุดนี้กลับมา บอกว่าข้อมูลการทดลองเหมือนจะมีปัญหา แต่
ทันใดนั้น ใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็ปรากฏเป็นรอยฝ่ามือขึ้นมาทันที แววตาของเขาที่มองจี้อี่หนิงก็กลายเปลี่ยนเป็นความเย็นชาอย่างสุดขั้ว“นี่คุณกล้าตบผมเหรอ?!”จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาโกรธเคืองของเขา แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ทำไมฉันจะตบคุณไม่ได้? คนที่นอกใจคือคุณต่างหาก แต่คุณบังอาจวิ่งแจ้นไปใส่ร้ายฉันต่อหน้าพ่อของฉัน คุณไม่สมควรโดนตบรึไง?"ทันทีที่พูดจบ เสิ่นเยี่ยนจือก็บีบคางเธอและกดเธอไว้กับกำแพงทันที รังสีความโหดฉายออกมาในแววตา"อี่หนิง คุณไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมก่อนเอง ถ้าคุณเชื่อฟังผมดี ๆ ผมก็ไม่มาหาพ่อตาหรอก"จี้อี่หนิงแค่นหัวเราะออกมา "ถ้าคุณกล้ามาหาพ่อของฉันอีก ฉันก็จะแฉเรื่องที่คุณนอกใจออกมาให้หมด""ถ้าคุณไม่กลัวว่าพ่อจะได้รับแรงกระตุ้นแล้วอาการแย่ลง คุณจะไปบอกตอนนี้เลยก็ได้"น้ำเสียงไม่แยแสของเสิ่นเยี่ยนจือทำให้ความโกรธของจี้อี่หนิงสุมขึ้นในอก มือที่วางข้างลำตัวก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว"เสิ่นเยี่ยนจือ ทำไมคุณกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้?!"เสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้ามองเธอ เมื่อเห็นความเกลียดชังและความโกรธในแววตาของเธอ ม่านตาของเขาก็หดตัวลงแล้วบีบคางเธอแน่นกว่าเดิ