ในช่วงสามปีที่แต่งงานกันมา เธอถูกควบคุมทุกอย่าง แต่สิ่งที่เธอได้รับคือการที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจ ตอนนี้เธอไม่คิดจะทำฝืนตัวเองให้ลำบากอีกแล้ว แบบไหนสบายใจก็เอาแบบนั้นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ จี้อี่หนิงก็ล้างจาน แล้วชงชาหนึ่งกา หยิบหนังสือมาอ่านที่ระเบียงพลางอาบแดดไปด้วยอ่านไปอ่านมาเธอก็รู้สึกง่วงและหลับไปบนเก้าอี้เอนตื่นมาอีกทีฟ้าก็เริ่มมืดแล้วเธอไปล้างในห้องน้ำ จี้อี่หนิงไม่คิดจะทำกับข้าวเองแล้วเลยหยิบกุญแจเตรียมตัวออกไปกินข้าวข้างนอกพแเปิดประตูก็เห็นเสิ่นเยี่ยนจือยืนอยู่ในเงามืด จี้อี่หนิงตกใจถอยหลังโดยไม่รู้ตัว"อี่หนิง ผมเอง"เสียงของเสิ่นเยี่ยนจือแหบแห้งเล็กน้อย เห็นได้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้มาตลอดทั้งบ่ายจี้อี่หนิงขมวดคิ้ว "คุณรออยู่ตรงนี้ทำไม?""อี่หนิง คุณให้อภัยผมไม่ได้จริงๆ เหรอ?"หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จี้อี่หนิงมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยและพูดว่า "เสิ่นเยี่ยนจือ เมื่อก่อนตอนคุณนอกใจฉันไปกับเลขาของคุณ คุณคงหมดเงินไปเยอะและเปลืองความคิดมากเลยใช่ไหม""หมายความว่าไง?"เมื่อเห็นความสับสนในดวงตาของเขา จี้อี่หนิงก็คิดว่าช่างน่าตลก เขาแสร้งทำเป็นงงทั้งที่เข้าใจหรือเปล่
จี้อี่หนิงพยักหน้า "อืม""ถ้าอย่างนั้นคนที่จีบเธอก็ต้องรวยมาก ฉันจำได้ว่าความหมายของสร้อยข้อมือนี้คือฉันจะรักคุณไปตลอดชีวิต คนคนนั้นจะต้องชอบคเธอมาก"ดวงตาของจี้อี่หนิงฉายแววเยาะหยันโดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้ เธอเก็บสร้อยข้อมือกลับเข้าไปในกล่อง"คงงั้นมั้ง"เมื่อเห็นว่าเธอดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เซี่ยงอวี่ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อหลังจากที่คลุกคลีกันมาสักพัก เธอรู้ว่าจี้อี่หนิงภายนอกนั้นดูอ่อนโยนและว่าง่าน แต่จริงๆ แล้วเรื่องที่เธอไม่อยากพูดเธอจะไม่พูดถึงเลยสักคำอีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นที่จะคุยความในใจกันได้ตอนที่จี้อี่หนิงปิดกล่องสร้อยข้อมือ หลิ่วอี๋หนิงบังเอิญเดินผ่านไปและเหลือบมองสร้อยข้อมือเพชรในกล่อง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาแต่หลังจากเจอถูกสั่งสอนที่บาร์เมื่อก่อนหน้านี้ เธอก็ไม่คิดจะเผชิญหน้ากับจี้อี่หนิงตรงๆ แล้ว เลยจากไปทันทีตอนเย็นพอจี้อี่หนิงเดินออกจากบริษัท เธอก็เห็นเสิ่นเยี่ยนจือยืนอยู่ไม่ไกลเธอเม้มริมฝีปากหยุดเดินแล้วมองไปที่เขาเสิ่นเยี่ยนจือเห็นเธอปุ๊บ เขาก็เดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว"อี่หนิง เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันน
แต่จะค่อยๆ คำนวนให้ละเอียดและทวงคืนกลับมาให้ครบหลังจากมาถึงร้านอาหารตะวันตก เธอพบว่าทั้งร้านมีแค่เธอและเสิ่นเยี่ยนจือแค่สองคน สายตาของจี้อี่หนิงมีความประหลาดใจแวบผ่าน"คุณเหมาร้านเหรอ?""อืม คนไม่ชอบที่ที่คนเยอะไม่ใช่เหรอ?""ตอนนี้ฉันชินแล้วล่ะ ต่อไปไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้"เสิ่นเยี่ยนจือมองเธอด้วยสายตาจริงจัง "อี่หนิง เราพลาดอะไรกันไปมาก เพราะเมื่อก่อนยุ่งเกินไป ต่อไปผมจะชดเชยความรู้สึกเป็นพิธีการที่คุณควรได้รับให้คุณให้หมด"สายตาที่เขามองเธอเปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนตอนที่กำลังลุ่มลงความรู้สึกเจ็บปวดส่งมาจากในใจ จี้อี่หนิงจึงลืมตาขึ้นและกลั้นน้ำตาไว้ถ้าเขาพูดคำพูดเหล่านี้ก่อนที่เขาจะนอกใจเธอ บางทีเธออาจจะทราบซึ้งใจ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกได้แค่ความขมขื่นเท่านั้นตั้งแต่วินาทีที่เขานอกใจเธอ พวกเขาก็ไม่สามารถย้อนกลับไปเหมือนเดิมได้แล้วเมื่อเห็นว่าจี้อี่หนิงไม่พูด เสิ่นเยี่ยนจือจึงอยากจับมือเธอ แต่เธอกลับหลบเขาแววความผิดหวังแวบขึ้นมาในดวงตาของเขา แต่สีหน้าของเขาก็กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว"อี่หนิง เราค่อยเป็นค่อยก็ได้ จนกว่าวันที่คุณจะยอมยกโทษให้ผม"จี้อี่หน
นายหน้าได้รับโทรศัพท์จากจี้อี่หนิง หลังจากได้ยินว่าเธอฝากให้เขาช่วยขายบ้าน เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงตกใจ "คุณจี้ คุณแน่ใจนะว่าเป็นบ้านที่เทียนซี?"ในใจเขาเต้มไปด้วยคำถาม ถ้าจี้อี่หนิงมีบ้านที่เทียนซี แล้วจะมาให้ตัวเองหาบ้านหนึ่งห้องให้ทำไม?"อืม เดี๋ยวฉันบอกที่อยู่กับรหัสให้ คุณพาคนไปดู ถ้าขายได้ฉันจะให้คุณ 3% ของราคารวมทั้งหมดเป็นค่าคอมมิชชั่น"จี้อี่หนิงเคยศึกษามาก่อนว่าค่าคอมมิชชันที่นายหน้าได้รับหลังจากขายบ้านได้ โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ระหว่าง 1% ถึง 3% ของราคาบ้าน และราคาตลาดของบ้านที่สร้างเสร็จในเทียนซีน่าอยู่ที่ประมาณ 8 ถึง 9 ล้านหากเขาสามารถช่วยเธอขายบ้านได้ เขาก็สามารถทำเงินได้ไม่น้อย"คุณจี้ ผมมีคำถาม ในเมื่อคุณมีบ้านเป็นของตัวเอง ทำไมคุณไม่อยู่บ้านที่เทียนซีล่ะ จะมาเช่าบ้านในหมู่บ้านเก่าที่ผมหาให้ทำไม"จี้อี่หนิงไม่อยากให้มากความ เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "ไม่ใช่ของฉันหรอก ของเพื่อนน่ะค่ะ""อ๋อ ผมเข้าใจแล้วครับ คุณส่งที่อยู่และรหัสผ่านมาให้ผม เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปถ่ายรูปภายในบ้านไปเผยแพร่""โอเค รบกวนด้วยนะคะ"หลังจากวางสาย จี้อี่หนิงเปิดโฉนดบ้านเพื่อค้นหาอาคารยูนิตแล
ภาพที่เห็นสองคนนอกใจในครั้งที่แล้วส่งผลกระทบต่อเธอมาก ตอนนั้นสมองของเธอว่างเปล่า เธอลืมแม้กระทั่งการถ่ายวิดีโอและทิ้งหลักฐานไว้แต่ตามนิสัยของฉินจืออี้ จะต้องตามตื๊อเสิ่นเยี่ยนจือไม่เลิกแน่นอน พอพวกเขาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เธอก็จะได้หลักฐานที่ทําให้เสิ่นเยี่ยนจือยอมหย่าได้จี้อี่หนิงก็ไม่อยากก้าวมาถึงขั้นวางแผนร้ายกับเสิ่นเยี่ยนจือแต่เขาไม่ยอมแบ่งทรัพย์สินเท่าๆกัน และไม่ยอมหย่าด้วย นอกจากวิธีนี้เธอไม่มีทางเลือกหลังจากบอกความต้องการของตัวเองกับนักสืบเอกชนแล้ว ทั้งสองก็จบการสนทนาจี้อี่หนิงเปิดซอฟต์แวร์ธนาคาร มองดูยอดเงินที่เหลืออีกเจ็ดล้านกว่าตกอยู่ในภวังค์ เธอต้องหาวิธีที่จะทําให้เงินก้อนนี้กลายเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเธอขณะที่กําลังคิดอยู่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นเจี่ยงหรู จี้อี่หนิงก็ประหลาดใจเล็กน้อย"พี่หรู มีอะไรเหรอ""อี่หนิง พรุ่งนี้บอสของชิงหงจะมาที่ห้องปฏิบัติการเพื่อดูความคืบหน้าของการทดลอง น้องมาทํางานเร็วหน่อยและเตรียมให้พร้อม"ประธานของชิงหง... นั่นไม่ใช่เสิ่นซื่อเหรอเมื่อนึกถึงตอนที่พบกับเสิ่นซื่อหลายครั้งก่อนหน้านี้ก็ทําให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากล
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ใบหน้าของเจิ้งโหยวโหย่วก็ซีดลงทันทีแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อครึ่งเดือนก่อน แค่การผ่าตัดและการรักษาในโรงพยาบาลในช่วงเวลานี้ก็ใช้เงินไปห้าหกหมื่นแล้ว เงินเก็บของเธอเกือบจะหมดถ้าพ่อของเธอยังหางานไม่ได้ เดือนหน้าก็คงจ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่ไหวแน่นอนพ่อของหลิ่วอี๋หนิงเป็นผู้บริหารระดับสูงของสาขาหนึ่งของชิงหง ตราบใดที่เธอเอาใจหลิ่วอี๋หนิง การหางานให้พ่อของเธอก็เป็นเรื่องง่าย นี่เป็นเหตุผลที่เจิ้งโหยวโหย่วยอมเป็นผู้ติดตามของหลิ่วอี๋หนิงสายตาที่ลังเลในตอนแรกของเธอค่อยๆเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ มองไปที่หลิ่วอี๋หนิงแล้วพูดว่า "ค่ะ ฉันจะทําตามที่คุณบอก"หลิ่วอี๋หนิงไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย เลิกคิ้วขึ้นยิ้มพลางพูดว่า "ไปเถอะ ขอแค่คุณจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ฉันจะให้พ่อฉันไปจัดการเรื่องงานให้พ่อคุณ"หลังจากเจิ้งโหยวโหย่วจากไป หลิ่วอี๋หนิงก็มองไปที่ทิศทางของห้องปฏิบัติการและยิ้มอย่างเย็นชาหลังจากบดผงยาแล้ว จี้อี่หนิงใส่ผงยาลงในบีกเกอร์เป็นแบทช์ ใส่ตัวทําละลาย แล้วเริ่มละลายด้วยแท่งแก้วเมื่อปฏิกิริยาการผสมเกือบจะเหมือนกัน เธอกรองกากยาที่อยู่ข้างในออกมา เ
"ประธานเสิ่น!"เธอมองแผ่นหลังของเสิ่นซื่ออย่างลุกลี้ลุกลน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสิ่นซื่อในห้องปฏิบัติการ เธอที่เป็นผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนาคงไม่ต้องทํางานต่อแล้วจี้อี่หนิงเอื้อมมือไปปิดหน้าตัวเองพลางถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ของเหลวจํานวนมากถูกพ่นลงบนมือของเธอโดยตรง เผามือของเธอจนเป็นแผลเป็นสีดําอย่างรวดเร็ว เจ็บจนเธอแทบจะอดร้องออกมาไม่ได้ทันใดนั้น เสื้อโค้ทสูทตัวหนึ่งก็คลุมเหนือศีรษะของเธอ และข้อมือของเธอก็ถูกใครบางคนดึงไว้จากช่องว่างของเสื้อผ้า เธอเห็นว่าข้อต่อของมือที่จับเธอไว้นั้นแห้งมากอย่างเห็นได้ชัด อุณหภูมิของฝ่ามือเขาก็ลอยมาตามข้อมือในขณะที่จี้อี่หนิงกําลังเหม่อลอยอยู่นั้น อีกฝ่ายก็ดึงเธอไปที่สระน้ําข้างๆแล้ว เปิดก๊อกนํ้า แล้วใช้นํ้าประปาล้างมือของเธอที่ถูกกรดซัลฟิวริกเข้มข้นเผาไหม้จนกระทั่งนํ้าไหลผ่านหลังมือเธอถึงได้สติ เธอรีบถอดเสื้อสูทที่คลุมศีรษะออก แล้วดึงมือออกจากมือของเสิ่นซื่อ"เออ... ประธานเสิ่นคะ ฉันทําเองได้... "เธอก้มหน้าลง ไม่สนใจความรู้สึกแปลกๆที่ผุดขึ้นมาในใจเมื่อกี้เสิ่นซื่อเป็นอาเล็กของเสิ่นเยี่ยนจือ ดังนั้นที่เขาช่วยตนเมื่อกี้น่าจะเพราะเห็นแก่หน้าเ
เจี่ยงหรูได้ยินคําพูดนี้ก็นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเสิ่นซื่ออย่างไม่เชื่อสายตาจากประสบการณ์ที่เธอได้พบกับเสิ่นซื่อหลายครั้งที่ผ่านมา เสิ่นซื่อไม่ใช่คนที่มีนํ้าใจ เขาจะทําเรื่องอย่างส่งพนักงานของบริษัทที่เขาลงทุนไปโรงพยาบาลได้อย่างไร?หลิ่วอี๋หนิงรู้เรื่องที่เสิ่นซื่อเป็นอาเล็กของเสิ่นเยี่ยนจืออยู่แล้ว แต่พอได้ยินเขาบอกว่าจะส่งจี้อี่หนิงไปโรงพยาบาล ความอิจฉาก็ยังผุดขึ้นมาในใจก่อนหน้านี้เธอเห็นเสิ่นซื่อก่อตั้งบริษัทชิงหงในทีวี จึงรู้สึกเลื่อมใสในตัวเขามาก เมื่อเจอคนจริงๆก็พบว่าเขาหล่อกว่าในทีวีอีก หัวใจก็เต้นแรงทันทีและแม้ว่าเสิ่นซื่อกับเสิ่นเยี่ยนจือจะเป็นอาหลานกัน แต่ฐานะในวงการธุรกิจของทั้งสองต่างกันเป็นสิบล้านเท่าถ้าเธอสามารถคบกับเสิ่นซื่อได้ ต่อไปก็จะสามารถเหยียบยํ่าจี้อี่หนิงให้จมดินได้คิดถึงตรงนี้เธอก็รีบพูดว่า "อี่หนิง ฉันไปกับคุณเถอะ คุณไปลงทะเบียนคนเดียวไม่สะดวกนะ"จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นมองหลิ่วอี๋หนิง ทีแรกยังแปลกใจอยู่เลยว่าทําไมเธอถึงใจดีขนาดนี้ แต่พอเห็นหางตาของเธอหยุดอยู่ที่เสิ่นซื่อตลอดเวลาก็เข้าใจทันทีดังนั้น เธอชอบเสิ่นซื่อเหรอ?การที่สามารถลืมเรื่องที
จี้อี่หนิงแววตาเต็มไปด้วยความรำคาญ “ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ และก็ไม่ได้คิดว่าเธอเป็นตัวอันตรายอะไร สำหรับฉัน เธอก็แค่คนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง”เสิ่นเยี่ยนจือสีหน้าเจือความจนใจเล็กน้อย “เธอไม่ต้องดื้อขนาดนี้ก็ได้ เราก็เคยรักกันมาก่อน ถึงแม้ตอนนี้จะเลิกกันไปแล้ว ผมก็ยังอยากให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น แค่อาเล็กของผม เขาไม่เหมาะกับเธอเลยจริงๆ”จี้อี่หนิงขมวดคิ้ว พูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระพวกนี้ หลบไป!”วันนี้เธอเจอหลี่เหวิน เดิมทีก็อารมณ์ดีอยู่แล้ว ไม่นึกว่าจะมาเจอเสิ่นเยี่ยนจือเลยทำให้อารมณ์ดีๆ หายหมดฉินจืออี้ที่อยู่ข้างๆ หัวเราะเยาะ “เยี่ยนจือ เธอไม่ต้องพูดแล้ว ปล่อยให้เธออยากเป็นเมียน้อยเถอะ ยังไงคนที่น่าอับอายสุดท้ายก็ไม่ใช่เธออยู่ดี”เดิมทีจี้อี่หนิงไม่คิดจะสนใจพวกเขาแล้ว แต่พอได้ยินแบบนี้ก็อดหันไปมองฉินจืออี้ไม่ได้“พูดถึงเรื่องเป็นเมียน้อย คุณฉินน่าจะมีประสบการณ์นะ ก็ในเมื่อเธอเองก็ได้ขึ้นแท่นภรรยาจากการเป็นเมียน้อยนี่ไม่ใช่เหรอ?”ใบหน้าฉินจืออี้เปลี่ยนสีทันที ตะโกนว่า “จี้อี่หนิงเธอพูดบ้าอะไร?! ฉันกับเยี่ยนจือจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ตอนนี้ฉันคือคุณนายเสิ่นอย่างถู
หลังจากที่รุ่นพี่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอก็ไปเรียนต่อที่เมืองเป่ย์เฉิง ส่วนจี้อี่หนิงกลับมาที่เมืองเซิน นับๆ ดูแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้เจอกันมานานกว่า 4 ปีแล้วจี้อี่หนิงตอบกลับข้อความ จากนั้นก็ถามว่าโรงแรมของรุ่นพี่อยู่ที่ไหน แล้วก็หาร้านอาหารท้องถิ่นใกล้โรงแรมไว้หนึ่งแห่งตอนหกโมงเย็นกว่าๆ จี้อี่หนิงเพิ่งเดินเข้าไปในร้านอาหาร ก็เห็นผู้หญิงผมสั้น หน้าเหมือนตุ๊กตาคนหนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่างโบกมือให้เธอ“อี่หนิง นี่!”เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของรุ่นพี่แล้ว จี้อี่หนิงก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัย มุมปากของเธอก็เผลอยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัวชื่อของรุ่นพี่คือหลี่เหวิน เป็นผู้เรียนเก่ง พอเรียนต่อก็สอบเข้าเรียนปริญญาเอกโดยไม่ต้องสอบอีกครั้ง ครั้งนี้มาเข้าร่วมงานสัมมนาพร้อมอาจารย์ที่ปรึกษาหลังจากจี้อี่หนิงนั่งลง หลี่เหวินก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า “อี่หนิง เธอแทบไม่เปลี่ยนไปจากสมัยเรียนเลยนะ”“รุ่นพี่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย พอเห็นพี่ก็ทำให้นึกถึงตอนที่พี่พาหนูทำการทดลองสมัยเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ"“อย่าเลย... พี่ไม่กล้ารับคำชม หลังๆ ก็เป็นเธอที่คอยช่วยพี่ด้วยซ้ำ ว่าแต่ สามีเธอล่ะ?
ไม่นาน ซุนสิงก็กลับมา"ประธานเสิ่นครับ เช้านี้คุณจี้มีปากเสียงกับพนักงานของชิงหงที่หน้าประตูลิฟต์ คุณจี้ถูกผลักจนล้ม เวินลี่เจ๋อน่าจะพาคุณจี้ไปโรงพยาบาลครับ"เสิ่นซื่อขมวดคิ้ว "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีการปะทะกัน?"ซุนสิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยความระมัดระวัง "ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่คุณกับคุณฉีกลับมาคบกัน... นี่คือวิดีโอจากกล้องวงจรปิด คุณดูเองเลยครับ"เสิ่นซื่อรับแท็บเล็ตจากมือซุนสิง แล้วเปิดดูวิดีโอ กลับพบว่าหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก"ไล่ออกพนักงานที่ก่อเรื่องคนนั้น""ประธานเสิ่นครับ อย่างนี้จะไม่ดีเหรอครับ? เพราะว่าคุณจี้ก็ยังตบพนักงานคนนั้นเหมือนกัน"เสิ่นซื่อมองไปที่ซุนสิงด้วยสีหน้าที่เย็นชา "ถ้าผมจำไม่ผิด ผมเคยประกาศว่าในบริษัทห้ามพูดถึงเรื่องส่วนตัวของผม"เมื่อเห็นดวงตาของเขามีความโกรธ ซุนสิงก็รีบพูดว่า "ครับ ผมจะไปดำเนินการเดี๋ยวนี้ครับ"ไม่นาน ข่าวการถูกไล่ออกของพนักงานคนนั้นก็แพร่กระจายไปในบริษัท พร้อมกับประกาศฉบับหนึ่ง【พนักงานทุกคนของชิงหง หากมีใครพูดถึงเรื่องส่วนตัวของประธานบริษัท หรือสร้างปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะถูกไล่ออกทันที!】พนักงานคนอื่นๆ ที่เคยพูดถ
"เธอกับเธอเป็นอะไร ทำไมต้องช่วยเธอ?"ผู้หญิงพยายามจะสะบัดมือเขาออก แต่ไม่สำเร็จ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ"ผมกับเธอเป็นอะไรไม่จำเป็นต้องบอกเธอ พฤติกรรมที่เธอผลักเธอลงไปเมื่อกี้ถูกกล้องวงจรปิดจับได้หมดแล้ว เดี๋ยวผมจะพาเธอไปตรวจอาการ บิลค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายทางจิตใจ ผมจะให้ทนายคุยกับเธอ""ฮ่ะๆ เธอก็ไม่ได้ตบฉันเหรอ? ตรวจอาการ ใครๆ ก็ทำได้! ฉันก็จะไปตรวจ!"เวินลี่เจ๋อมีแววความเย็นชาในตา เขาเข้าใกล้ผู้หญิงและพูดเสียงต่ำที่มีแค่สองคนฟังได้: "เธอควรอธิษฐานให้เธอไม่มีอะไร มิฉะนั้นผมจะฆ่าเธอ!"เสียงของเขาเย็นชาและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ทำให้ผู้หญิงรู้สึกหนาวเยือกในใจเธอมีลางสังหรณ์ว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ขู่เธอ เขากำลังพูดจริง!ขณะที่เธอยืนอึ้งไปด้วยความกลัว เขาก็ปล่อยมือเธอและหันหลังเดินไปทันที โดยอุ้มจี้อี่หนิงขึ้นและเดินเร็วไปที่ประตูจี้อี่หนิงไม่คิดว่า เมื่อคืนนี้ที่เธอพูดกับเวินลี่เจ๋อเขาจะช่วยเธอในวันนี้จนกระทั่งออกจากประตู เธอถึงได้สติและรีบพูดว่า: "ปล่อยฉันลงก่อน ฉันเดินเองได้ และก็ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจ"ถึงแม้จะล้มแรง แต่คงไม่กระทบกระดูกอ
เสียงแตรดังขึ้นจากข้างหลัง จี้อี่หนิงหันกลับไปและรีบขับรถไปจอดข้างทางเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มือของเธอสั่นสายยังคงเชื่อมต่ออยู่ เสียงของสือเวยที่เต็มไปด้วยความกังวลดังออกมาจากโทรศัพท์"อี่หนิง เธอเป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่มีอะไรใช่ไหม? เธอกำลังขับรถไปทำงานใช่ไหม? ฉันมันโง่จริงๆ ไม่ควรบอกข่าวนี้ตอนนี้เลย!"จี้อี่หนิงเช็ดน้ำตาที่มุมตาแล้วพูดเสียงเบาๆ "ไม่มีอะไร แค่โทรศัพท์หลุดจากมือไป""ถ้าไม่มีอะไรฉันก็โล่งใจ... ฉันไม่ควรโทรหาตอนนี้จริงๆ..."เสียงของสือเวยเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอเห็นข่าวนั้นเธอโกรธมากจนไม่ได้คิดอะไร รีบโทรหาจี้อี่หนิงตอนนี้คิดแล้วรู้สึกเสียใจสุดๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับจี้อี่หนิง เธอคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้!"อืม ฉันต้องขับรถแล้ว เอาไว้คุยทีหลัง"พูดจบ จี้อี่หนิงก็วางสายเธอสูดหายใจลึก เปิดเว็บค้นหาเกี่ยวกับเสิ่นซื่อและฉีรั่วอวี่ข่าวทั้งหมดที่ปรากฏคือพวกเขาประกาศกลับมาคบกัน【รอแฟนเก้าห้าปี CEOชิงหง เสิ่นซื่อในที่สุดก็สมหวัง!】【เปิดเผยสาเหตุที่เสิ่นซื่อโสดมานาน เพราะรอแฟนเก่าไปเรียนต่อต่างประเทศ!】【เผยข่าวเสิ่นซื่อกับแฟนเก่ากลับมาคบกัน ทั้งค
เสิ่นซื่อสีหน้าเย็นชา "วันนั้นที่เธอกลับมาประเทศ"เหนียเว่ยชิงตัวสั่นเล็กน้อย เขาสูดหายใจลึกก่อนพูดอย่างช้าๆ: "ที่เธอเลิกกับจี้อี่หนิงแล้วกลับไปอยู่กับรั่วอวี่ก็เพราะเธอเหลือเวลาแค่สามเดือนใช่ไหม?"เสิ่นซื่อขมวดคิ้ว "ผมไม่ได้กลับไปคบกับเธอ"เขาแค่สัญญาว่าจะอยู่กับเธอในช่วงสามเดือนนี้ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะกลับไปคบกัน"งั้น... เธอไม่รักรั่วอวี่แล้วจริงๆ เหรอ?""ตั้งแต่วันที่เธอเลือกจะไปต่างประเทศ พวกเราก็ไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว"มือที่ลงข้างลำตัวของเหนียเว่ยชิงกำแน่นทันที สีหน้าก็เริ่มตื่นเต้น "แต่รั่วอวี่รักเธอมาโดยตลอด ไม่เคยเปลี่ยนเลย และตอนนี้รั่วอวี่เหลือเวลาแค่สามเดือน เธอช่วย... หลอกรั่วอวี่สักหน่อยไม่ได้เหรอ?""ไม่ได้ มันไม่ยุติธรรมกับจี้อี่หนิง"เขาให้เธอรอเขาสามเดือน และก็เคยให้สัญญาว่าจะไม่กลับไปคบกับฉีรั่วอวี่แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อ เขาก็จะไม่ลืมคำสัญญานั้น"อะไรที่ไม่ยุติธรรมล่ะ?รั่วอวี่ต้องการแค่สามเดือน หลังจากนั้นเธอก็สามารถกลับไปหาจี้อี่หนิงได้ นี่คือคำขอสุดท้ายของรั่วอวี่ ถึงแม้เธอจะไม่รักรั่วอวี่แล้ว แต่ครั้งหนึ่งพวกเธอก็เคยรักกัน เธอจะใจแข็งปล่อยให้รั่วอวี่จากไปอย
"ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องหรอก ต่อไปเราควรหลีกเลี่ยงการติดต่อกันเป็นการส่วนตัว ฉันไม่อยากถูกคนอื่นชี้หน้าด่าอีกแล้ว"หลังจากพูดอย่างเย็นชาจบ จี้อี่หนิงก็กำลังจะเดินผ่านเขาไป แต่เขากลับขวางไว้"อี่หนิง คำพูดที่แม่ผมพูดกับเธอ ผมขอโทษแทนเธอด้วยนะ ผมก็พูดกับเธอแล้ว เธอสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับเธออีก อย่าโกรธเลยนะ ได้ไหม?""ถ้าเธอคิดว่าคำพูดพวกนั้นมันผิดจริงๆ คนที่มาที่นี่คืนนี้ก็ควรเป็นเธอไม่ใช่เธอ"เวินลี่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองเธอพร้อมพูดเสียงเบา "ถ้าเธอมาขอโทษด้วยตัวเอง เธอจะให้อภัยเธอไหม?"ใบหน้าของจี้อี่หนิงแสดงความไม่พอใจออกมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเวินลี่เจ๋อถึงต้องการให้เธอให้อภัยเวินจิ้งหงเวินจิ้งหงเป็นแค่แม่เลี้ยงของเธอ พวกเธอแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ไม่จำเป็นต้องปรับความเข้าใจ"สิ่งที่เธอพูดกับฉัน ฉันไม่มีวันลืม และก็ให้อภัยไม่ได้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว อย่ามาหาฉันอีกเลย"ไม่ให้โอกาสเวินลี่เจ๋อพูดอีก จี้อี่หนิงก็เปิดประตูเข้าไปในบ้านทันทีเวินลี่เจ๋อยืนอยู่หน้าประตูสักพักก่อนจะจากไป พอกลับถึงบ้านก็เจอกับเวินจิ้งหงที่เพิ่งกลับมาหยิบเสื้อผ้าเมื่อเห็นกล่องอาหารในมือเขาเวินจิ้ง
จี้อี่หนิงเม้มริมฝีปากแน่น แล้วกดโทรหาเขาโดยตรง“ฉันยังอยู่ข้างนอก ครั้งหน้าหาอะไรมาให้ไม่ต้องลำบากหรอกนะ”ปลายสายเงียบไปไม่กี่วินาที เสียงอบอุ่นของเวินลี่เจ๋อจึงดังขึ้น “โอเค ตอนนี้ก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว ให้ฉันไปรับเธอไหม?”เพราะคำพูดของเวินจิ้งหง จี้อี่หนิงจึงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับเวินลี่เจ๋อมากนัก“ไม่ต้อง ฉันมีเพื่อนมาส่ง ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะ”หลังจากวางสาย สือเวยถามด้วยความสงสัย “เมื่อกี้คุยกับใครน่ะ?”“พี่ชายต่างแม่ของฉัน”สือเวยดูตกใจเล็กน้อย “เขากลับมาแล้วเหรอ? เมื่อไหร่น่ะ?”เมื่อก่อนสือเวยไปบ้านจี้อี่หนิงบ่อย เลยเจอเวินลี่เจ๋ออยู่หลายครั้ง“ก็แค่ไม่กี่วันก่อนเอง”“โอ้ ตอนนี้เขาดูห่วงเธอดีนะ ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนไปบ้านเธอ เขาดูเย็นชาออก”“ก็โอเคล่ะ ใช่สิ…คืนนี้ฉันเป็นคนชวนแท้ๆ สุดท้ายเธอเป็นคนจ่าย เธอส่งบิลให้ฉันสิ เดี๋ยวฉันโอนให้”สือเวยมองค้อนเธอ “กับฉันยังจะคิดมากอีกเหรอ? ไว้คราวหน้าเลี้ยงคืนก็พอ แล้วเธอไปโรงพยาบาลกับเสิ่นซื่อทำไมล่ะ? เธอบาดเจ็บเหรอ?”จี้อี่หนิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำคร่าวๆ ให้ฟัง หลังจากฟังจบสือเวยก็เดือดดาลทันที“ฉันก็รู้ว่าเธอนั่นม
“ฉันไม่อยากเลือกทั้งสองอย่าง ตอนนี้จอดรถเดี๋ยวนี้ ฉันจะลงรถ”เสิ่นซื่อขับรถต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อเธอไม่อยากเลือก งั้นผมเลือกให้เอง”จี้อี่หนิงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เธอรู้ว่าไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เสิ่นซื่อก็ไม่มีทางปล่อยให้เธอลงรถ เธอจึงเงียบแล้วหันไปมองนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเย็นชาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงหน้าโรงพยาบาล เสิ่นซื่ออุ้มเธอเข้าไปข้างในทันทียังไงขัดขืนก็ไม่มีประโยชน์ จี้อี่หนิงจึงนิ่งเงียบด้วยใบหน้าเย็นชาหลังจากตรวจเสร็จ หมอบอกว่าไม่มีอะไรน่ากังวล แค่จ่ายยาแบบรับประทานและยาทาตอนออกจากโรงพยาบาล เสิ่นซื่อยังจะอุ้มเธออีก แต่เธอก้าวถอยหลังหลบเธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คืนนี้ขอบคุณมาก ฉันจะกลับเองโดยแท็กซี่ก็ได้”พูดจบ เธอก็ถือถุงยาแล้วหันหลังเดินออกจากโรงพยาบาลเสิ่นซื่อเดินตามเธอมาเงียบ ๆ จนใกล้ถึงรถ เขาถึงได้ขวางเธอไว้แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ผมจะไปส่งเธอ”จี้อี่หนิงเงยหน้ามองเขาอย่างจนใจ “เราก็เลิกกันไปแล้ว สิ่งที่คุณทำตอนนี้ไม่มีความหมาย ฉันจะไม่กลับไป และไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับฉีรั่วอวี่ค่ะ”“ฉันไม่ได้กลับไปคบกับเธอ และจะไม่กลับไปคบด้วย”