"ประธานเสิ่น!"เธอมองแผ่นหลังของเสิ่นซื่ออย่างลุกลี้ลุกลน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสิ่นซื่อในห้องปฏิบัติการ เธอที่เป็นผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนาคงไม่ต้องทํางานต่อแล้วจี้อี่หนิงเอื้อมมือไปปิดหน้าตัวเองพลางถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ของเหลวจํานวนมากถูกพ่นลงบนมือของเธอโดยตรง เผามือของเธอจนเป็นแผลเป็นสีดําอย่างรวดเร็ว เจ็บจนเธอแทบจะอดร้องออกมาไม่ได้ทันใดนั้น เสื้อโค้ทสูทตัวหนึ่งก็คลุมเหนือศีรษะของเธอ และข้อมือของเธอก็ถูกใครบางคนดึงไว้จากช่องว่างของเสื้อผ้า เธอเห็นว่าข้อต่อของมือที่จับเธอไว้นั้นแห้งมากอย่างเห็นได้ชัด อุณหภูมิของฝ่ามือเขาก็ลอยมาตามข้อมือในขณะที่จี้อี่หนิงกําลังเหม่อลอยอยู่นั้น อีกฝ่ายก็ดึงเธอไปที่สระน้ําข้างๆแล้ว เปิดก๊อกนํ้า แล้วใช้นํ้าประปาล้างมือของเธอที่ถูกกรดซัลฟิวริกเข้มข้นเผาไหม้จนกระทั่งนํ้าไหลผ่านหลังมือเธอถึงได้สติ เธอรีบถอดเสื้อสูทที่คลุมศีรษะออก แล้วดึงมือออกจากมือของเสิ่นซื่อ"เออ... ประธานเสิ่นคะ ฉันทําเองได้... "เธอก้มหน้าลง ไม่สนใจความรู้สึกแปลกๆที่ผุดขึ้นมาในใจเมื่อกี้เสิ่นซื่อเป็นอาเล็กของเสิ่นเยี่ยนจือ ดังนั้นที่เขาช่วยตนเมื่อกี้น่าจะเพราะเห็นแก่หน้าเ
เจี่ยงหรูได้ยินคําพูดนี้ก็นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเสิ่นซื่ออย่างไม่เชื่อสายตาจากประสบการณ์ที่เธอได้พบกับเสิ่นซื่อหลายครั้งที่ผ่านมา เสิ่นซื่อไม่ใช่คนที่มีนํ้าใจ เขาจะทําเรื่องอย่างส่งพนักงานของบริษัทที่เขาลงทุนไปโรงพยาบาลได้อย่างไร?หลิ่วอี๋หนิงรู้เรื่องที่เสิ่นซื่อเป็นอาเล็กของเสิ่นเยี่ยนจืออยู่แล้ว แต่พอได้ยินเขาบอกว่าจะส่งจี้อี่หนิงไปโรงพยาบาล ความอิจฉาก็ยังผุดขึ้นมาในใจก่อนหน้านี้เธอเห็นเสิ่นซื่อก่อตั้งบริษัทชิงหงในทีวี จึงรู้สึกเลื่อมใสในตัวเขามาก เมื่อเจอคนจริงๆก็พบว่าเขาหล่อกว่าในทีวีอีก หัวใจก็เต้นแรงทันทีและแม้ว่าเสิ่นซื่อกับเสิ่นเยี่ยนจือจะเป็นอาหลานกัน แต่ฐานะในวงการธุรกิจของทั้งสองต่างกันเป็นสิบล้านเท่าถ้าเธอสามารถคบกับเสิ่นซื่อได้ ต่อไปก็จะสามารถเหยียบยํ่าจี้อี่หนิงให้จมดินได้คิดถึงตรงนี้เธอก็รีบพูดว่า "อี่หนิง ฉันไปกับคุณเถอะ คุณไปลงทะเบียนคนเดียวไม่สะดวกนะ"จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นมองหลิ่วอี๋หนิง ทีแรกยังแปลกใจอยู่เลยว่าทําไมเธอถึงใจดีขนาดนี้ แต่พอเห็นหางตาของเธอหยุดอยู่ที่เสิ่นซื่อตลอดเวลาก็เข้าใจทันทีดังนั้น เธอชอบเสิ่นซื่อเหรอ?การที่สามารถลืมเรื่องที
"ใครบอกคุณว่าฉันไม่ลงโทษแล้ว?"จี้อี่หนิงเงยหน้ามองเสิ่นซื่อ เอ่ยอย่างไม่แน่ใจว่า "คุณคิดจะลงโทษอย่างไรคะ?"ถ้าเสิ่นซื่อต้องการชดใช้เงิน บ้านหลังนั้นที่เธอเพิ่งขายเทียนซีไปน่าจะพอจ่ายได้ แต่หวังว่าเขาจะไม่ขอมากเกินไปรูปลักษณ์ของเธอในสายตาของผู้ชายก็เหมือนกระต่ายที่ตกใจ ทําให้คนอดสงสารไม่ได้เสิ่นซื่อขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว "คุณใช้สายตาแบบนี้มองผู้ชายมาตลอดเหรอ?"จี้อี่หนิงหลุบตาลง พวกเขากําลังพูดถึงเรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสายตาของเธอ?ก่อนที่เธอจะคิดออก เสิ่นซื่อก็พูดต่อ "คุณบอกว่าวันนี้มีคนเปลี่ยนรีเอเจนต์ของคุณไม่ใช่หรือ? ถ้ามีคนตั้งใจพุ่งเป้ามาที่เธอจริงๆ รอเจี่ยงหรูรู้ความจริง ฉันจะสืบสาวราวเรื่องว่าใครอยู่เบื้องหลัง"ทันทีที่สิ้นเสียง ลิฟต์ก็มาถึงชั้นหนึ่ง"ไปเถอะ ไปทําแผลที่โรงพยาบาลก่อน"พูดจบ เสิ่นซื่อก็เดินออกไปก่อนยังไงเขาก็ต้องไปทําแผลที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว จี้อี่หนิงจึงไม่ติดอะไรแล้ว อีกอย่างตอนนี้การนั่งแท็กซี่ก็ไม่สะดวกจริง ๆนั่งรถของเสิ่นซื่อมาถึงโรงพยาบาล จี้อี่หนิงเพิ่งลงจากรถ ก็สั่งให้หมอหลายคนรออยู่ที่หน้าประตูเพื่อพาทั้ง
เสิ่นเยี่ยนจือมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ในดวงตาฉายแววเยาะเย้ย"ผมหมายถึงอะไร อาเล็กน่าจะรู้ดี นอกจากคนที่อยู่ต่างประเทศคนนั้นแล้ว อาก็ไม่เคยแกล้งทําดีกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย แต่ตอนนี้กลับช่วยอี่หนิงครั้งแล้วครั้งเล่า อย่าบอกนะครับว่าเห็นแก่หน้าผม""ในฐานะสามีของเธอ นายไม่เคยอยู่ข้างเธอเลยตอนที่เธอได้รับความคับข้องใจ นายไม่ไตร่ตรองตัวเอง แต่กลับมาสอนบทเรียนให้ฉันซะงั้น"สีหน้าของเสิ่นซื่อเคร่งขรึมลง ทั่วร่างก็แผ่กลิ่นอายกดดันที่ทําให้ผู้คนหวาดกลัวจนตัวสั่นออกมาท่าทางของเสิ่นเยี่ยนจือดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า "คราวหน้าถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้อีก รบกวนอาเล็กช่วยแจ้งผมด้วยครับ ผมไม่อยากให้มีเพศตรงข้ามคนอื่นมาเข้าใกล้ภรรยาของผม หวังว่าอาจะเข้าใจ"เสิ่นซื่อแค่นหัวเราะเบาๆ "ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น ถ้าแม้แต่สถานการณ์ของเธอยังต้องให้คนอื่นบอกนาย การแต่งงานของพวกนายก็ไม่จําเป็นต้องดำรงอยู่ต่อไปแล้ว"พูดจบก็ไม่สนใจสีหน้าบึ้งตึงของเสิ่นเยี่ยนจือ เขาเดินผ่านอีกฝ่ายจากไปทันทีจนกระทั่งเงาร่างของเสิ่นซื่อหายไปจนสุดทางเดิน เสิ่นเยี่ยนจือถึงสูดหายใจเข้าลึกๆ ผลักประตูเปิดออ
"ผมไปส่งคุณก่อน ช่วงนี้มือคุณเจ็บทําอาหารไม่สะดวก ย้ายกลับไปที่วิลล่าก่อน รอให้คุณหายดีก่อนแล้วค่อยกลับไปที่บ้านเช่า"ดวงตาของจี้อี่หนิงฉายแววไม่พอใจ เธอมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ฉันแค่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ได้เป็นอัมพาต ฉันดูแลตัวเองได้"ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เป็นเสิ่นเยี่ยนจือที่ยอมอ่อนข้อให้"ก็ได้ งั้นผมจะให้แม่บ้านทําอาหารส่งไปให้คุณทุกวัน"เมื่อเห็นว่าจี้อี่หนิงยังอยากจะปฏิเสธ เขาก็พูดด้วยน้ําเสียงทุ้มต่ำว่า "ตามผมกลับไปที่วิลล่ากับให้คนรับใช้ส่งอาหารให้คุณ คุณเลือกเองละกันนะ"คบกับเสิ่นเยี่ยนจือมาแปดปี จี้อี่หนิงรู้นิสัยของเขาดี เขาไม่ใช่คนพูดง่ายด้วยมาแต่ไหนแต่ไร หากตนยังปฏิเสธอีก เขาคงจะทําเรื่องลักพาตัวเองกลับไปขังที่วิลล่าได้แน่ๆ"ฉันเลือกอันที่สอง"ได้ยินดังนั้นมุมปากที่เม้มเป็นเส้นตรงของเสิ่นเยี่ยนจือก็ผ่อนคลายลงในที่สุด สายตาที่มองเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ผมจะส่งคุณกลับไป"เมื่อรู้ว่าจี้อี่หนิงไม่ได้ย้ายไปที่เทียนซี คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน "ทําไมไม่ย้ายไปอยู่ที่นั่น?""พักที่นี่ค่อนข้างชินแล้ว ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง"เห็นเธอทําท่าไม่อยากพูดอะไรมาก ในใจของเสิ่นเยี
ในเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ เจิ้งโหยวโหย่วได้ปรากฏตัวในกล้องวงจรปิดหลายครั้ง ครั้งที่สามสีหน้าของเธอดูตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดหากฉลากของกรดซัลฟิวริกเจือจางและกรดซัลฟิวริกเข้มข้นถูกสลับจริงๆ ล่ะก็ เจิ้งโหยวโหย่วย่อมมีความน่าสงสัยเป็นอย่างมากเธอปิดกล้องวงจรปิดและให้ผู้ช่วยไปแจ้งเจิ้งโหยวโหย่วให้มาหาเธอที่ห้องทำงานเมื่อได้ยินว่าเจี่ยงหรูกําลังตามหาตน เจิ้งโหยวโหย่วก็ตื่นตระหนกทันทีและมองไปที่หลิ่วอี๋หนิงที่อยู่ตรงข้ามโดยไม่รู้ตัวแต่อีกฝ่ายกลับไม่แม้แต่จะชายตามองเธอแม้แต่น้อย สีหน้าเรียบเฉย ท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นช่วยไม่ได้ เจิ้งโหยวโหย่วจึงต้องลุกขึ้นเดินตามผู้ช่วยของเจี่ยงหรูไปยังห้องทํางานพอมาถึงประตู โทรศัพท์ก็สั่นทันที เป็นไลน์ที่หลิ่วอี๋หนิงส่งมา[ไม่ว่าเจี่ยงหรูจะถามอะไร เธอก็ยืนยันว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ เธอไม่รู้เรื่อง ถ้าเธอกล้าสารภาพฉันออกมาล่ะก็ เธอคงจะรู้ว่าผลที่ตามมาคืออะไร]เจิ้งโหยวโหย่วตอบอืม แล้วอีกฝ่ายก็รีคอลข้อความกลับไปอย่างรวดเร็วเก็บโทรศัพท์แล้วผลักประตูเข้าไปในห้องทํางาน เจี่ยงหรูมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย"นั่งสิ"เมื่อนั่งลงตรงข้าม
เจิ้งโหยวโหย่วกลัวจนมือสั่น พูดเสียงสั่นว่า "เมื่อกี้พี่หรูบอกผมว่า ทางชิงหงส่งทีมงานมา และพบลายนิ้วมือหลายอันบนฉลากของกรดซัลฟิวริกเจือจางและกรดซัลฟิวริกเข้มข้น ตอนบ่ายจะเก็บลายนิ้วมือของพวกเราทุกคนไปเปรียบเทียบกัน"สายตาของหลิ่วอี๋หนิงจมลง กัดฟันมองเจิ้งโหยวโหย่ว "เจ้าโง่ เวลาเปลี่ยนฉลากไม่รู้ต้องใส่ถุงมือหรือไง?""ฉัน... ตอนนั้นฉันตื่นตระหนกเกินไปก็เลยลืมไป. คิดทีหลังก็ไม่ทันแล้ว..."เจิ้งโหยวโหย่วร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก"อี้หนิง ทํายังไงดี... เธอต้องช่วยฉันนะ..."หลิ่วอี๋หนิงทําหน้าหมดความอดทน "ฉันจะช่วยเธอได้ยังไง หรือว่าฉันสามารถเปลี่ยนลายนิ้วมือเป็นของคนอื่นได้หรือไง?"ในเวลานั้นเมื่อขวดที่จี้อี่หนิงทําการทดลองระเบิด เลขาของเสิ่นซื่อก็สั่งให้คนปิดห้องปฏิบัติการและห้องเก็บสารทดลองทันที พวกเขาไม่มีโอกาสเข้าไปเช็ดลายนิ้วมือบนฉลากเลยยิ่งไปกว่านั้น หลิ่วอี๋หนิงไม่ได้คิดว่าเจิ้งโหยวโหย่วจะโง่ขนาดทิ้งช่องโหว่ขนาดใหญ่แบบนี้ไว้"แต่ฉันไม่สามารถไม่มีงานนี้ได้นะ ไม่งั้นค่ารักษาพยาบาลของแม่ฉันคงจะจ่ายไม่ไหว..."เธอยินดีที่จะทํางานให้กับหลิ่วอี๋หนิงก
เมื่อเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของชาแนลในมือของหยางอวี่ ดวงตาของจี้อี่หนิงก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ"ทําไมจู่ๆ เขาถึงซื้อกระเป๋าให้ฉันล่ะ""บอสบอกว่าคุณอารมณ์ไม่ดี เลยอยากมอบของขวัญให้คุณน่ะครับ หวังว่าคุณจะดีใจหน่อย"สําหรับกระเป๋า จี้อี่หนิงไม่ได้มีความปรารถนาอะไร แต่ในเมื่อเสิ่นเยี่ยนจือให้มาแล้ว เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับเธอพยักหน้าและรับกระเป๋าจากมือของหยางอวี่"ค่ะ งั้นรบกวนคุณช่วยพูดขอบคุณเขาแทนฉันด้วย"เมื่อเห็นว่าจี้อี่หนิงดูเหมือนจะไม่ค่อยดีใจมากเท่าไหร่ หยางอวี่ก็ถามอย่างไม่แน่ใจ "คุณนาย คุณไม่ชอบกระเป๋าเหรอครับ""ก็ชอบนะ แต่เทียบกันแล้ว ฉันชอบทองคำมากกว่าน่ะ"ก็นะ ความสามารถในการแปลงสภาพของทองคํานั้นมีมากกว่ากระเป๋ามาก และเครื่องประดับที่ทําจากทองคําก็มีสไตล์ที่สวยงามด้วยหยางอวี่อึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าความชอบของจี้อี่หนิงจะเป็นแบบนี้อืม...เรียบง่ายไม่โอ้อวด"โอเคครับ ผมเข้าใจแล้ว ผมจะบอกบอสให้นะครับ งั้นผมกลับไปทํางานก่อนนะครับ"หลังจากส่งหยางอวี่ไปแล้ว จี้อี่หนิงก็กลับไปที่ห้องนั่งเล่น วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะและถ่ายรูปสองสามรูป แล้วส่งให้สือเวยสือเวย:?จี้อี
"ต่อให้แกแฉออกไปตอนนี้ฉันก็ไม่มีเงิน อีกอย่างถ้าเรื่องนี้ถูกแฉออกไป แกก็ต้องติดคุกเหมือนกัน!"เสียงถกเถียงของทั้งสองคนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดจี้อี่หนิงก็รู้แล้วว่าคนที่ลักพาตัวตนเองคือพ่อของเจิ้งโหยวโหย่ว เจิ้งกั๋วอันแต่ตัวเธอเคยเขาแค่ครั้งเดียวเอง เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ไหน? อีกทั้งยังแอบซุ่มอยู่ในบ้านเธออีก...เธอสามารถมั่นใจได้ว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่แรงงานเกษตรคิดออกมาได้แน่ ๆ ต้องมีคนคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอนและคนคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นหลิ่วอี๋หนิงผ่านไปสักพัก เสียงถกเถียงข้างนอกก็หยุดลง ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทรถยนต์ และไม่นานบริเวณโดยรอบก็เหลือแต่ความเงียบจี้อี่หนิงหายใจช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าหอบหายใจเสียงดังทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่ากระเป๋าเดินทางขยับ จากนั้นก็เป็นเสียงล้อลากกับพื้นเมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลากตัวเธอไปที่ไหนก็ไม่รู้ ในใจจี้อี่หนิงก็ตื่นตระหนกทันที ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะหนียังไงดีเธอค่อย ๆ รูดซิปบนหัวออก แต่ข้างนอกมืดสนิท มีแค่แสงสว่างเพียงเล็กน้อยคอยส่องทางจากไฟฉายกระบอกหนึ่งในมือของคนข้างหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางจี้อี่หนิงมองไม่ส
มีคนแอบซุ่มรอทั้งในห้องนอนและหน้าประตู เห็นทีอีกฝ่ายคงวางแผนมาแล้วเธอลุกขึ้นมาวิ่งไปตรงไปยังห้องครัว แต่เพิ่งเริ่มวิ่งได้สองก้าวก็ถุกคนคว้าแขนเอาไว้ แล้วกระแทกเธอเข้ากับกำแพงอย่างแรง"แกเป็นใคร? ทำไมต้อง...อื้อ..."อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งกดจี้อี่หนิงไว้ มืออีกข้างก็ใช้ผ้าผืนหนึ่งอุดจมูกของจี้อี่หนิง ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงได้พูดเลยสักนิดกลิ่นฉุนเตะจมูก ภาพตรงหน้าของจี้อี่หนิงก็ค่อย ๆ มัวลงช้า ๆผ่านไปไม่นาน ผู้ชายสวมผ้าปิดปากสองคนก็ลากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเดินออกไปจากบ้านของจี้อี่หนิงเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว คนส่วนมาก็เลิกงานกลับบ้านกันหมด ในหมู่บ้านจึงไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตสองคนนี้ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงประตูหลังของหมู่บ้าน มีรถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งสองคนเอากระเป๋าเดินทางใส่ไว้ในกระโปรงหลังรถ จากนั้นก็ขับรถมุ่งตรงออกไปยังนอกเมืองทันทีชิงหงกรุ๊ปห้องทำงานประธานซุนสิงถือเอกสารชุดหนึ่งรีบเดินเข้าไปอย่างรีบเร่ง "ประธานเสิ่นครับ เมื่อกี้บริษัทคู่ค้าส่งเอกสารชุดนี้กลับมา บอกว่าข้อมูลการทดลองเหมือนจะมีปัญหา แต่
ทันใดนั้น ใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็ปรากฏเป็นรอยฝ่ามือขึ้นมาทันที แววตาของเขาที่มองจี้อี่หนิงก็กลายเปลี่ยนเป็นความเย็นชาอย่างสุดขั้ว“นี่คุณกล้าตบผมเหรอ?!”จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาโกรธเคืองของเขา แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ทำไมฉันจะตบคุณไม่ได้? คนที่นอกใจคือคุณต่างหาก แต่คุณบังอาจวิ่งแจ้นไปใส่ร้ายฉันต่อหน้าพ่อของฉัน คุณไม่สมควรโดนตบรึไง?"ทันทีที่พูดจบ เสิ่นเยี่ยนจือก็บีบคางเธอและกดเธอไว้กับกำแพงทันที รังสีความโหดฉายออกมาในแววตา"อี่หนิง คุณไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมก่อนเอง ถ้าคุณเชื่อฟังผมดี ๆ ผมก็ไม่มาหาพ่อตาหรอก"จี้อี่หนิงแค่นหัวเราะออกมา "ถ้าคุณกล้ามาหาพ่อของฉันอีก ฉันก็จะแฉเรื่องที่คุณนอกใจออกมาให้หมด""ถ้าคุณไม่กลัวว่าพ่อจะได้รับแรงกระตุ้นแล้วอาการแย่ลง คุณจะไปบอกตอนนี้เลยก็ได้"น้ำเสียงไม่แยแสของเสิ่นเยี่ยนจือทำให้ความโกรธของจี้อี่หนิงสุมขึ้นในอก มือที่วางข้างลำตัวก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว"เสิ่นเยี่ยนจือ ทำไมคุณกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้?!"เสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้ามองเธอ เมื่อเห็นความเกลียดชังและความโกรธในแววตาของเธอ ม่านตาของเขาก็หดตัวลงแล้วบีบคางเธอแน่นกว่าเดิ
ฝีเท้าของจี้อี่หนิงหยุดชะงักไป ขมวดคิ้วมองเสิ่นเยี่ยนจือที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาโกรธเคือง"คุณไปพูดอะไรกับพ่อฉัน?!"เสิ่นเยี่ยนจือยังไม่ทันปริปาก จี้เหว่ยหงก็พูดด้วยความเกรี้ยวกราด "เธอยังกล้าคาดคั้นเยี่ยนจืออีก?! เธอกับอาเล็กของเขาแอบกิ๊กกันเธอไม่รู้สึกผิดกับเขาเลยรึไง?"จี้อี่หนิงโมโหจนหน้าซีด แม้แต่ปลายนิ้วยังสั่นระริกเธอไม่คิดเลยว่าเสิ่นเยี่ยนจือจะหน้าไม่อายขนาดนี้ แว้งกัดต่อหน้าจี้เหว่ยหงก่อนซะงั้นสิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็ถึง จี้เหว่ยหงกลับเชื่อจริง ๆ"พ่อคะ ในสายตาพ่อหนุเป็นคนแบบนั้นเหรอ? พ่อไม่ถามหนูเลยด้วยซ้ำ แค่คำพูดของเสิ่นเยี่ยนจือฝ่ายเดียวก็คิดว่าหนุหักหลังเขาแล้ว?!"จี้อี่หนิงสูดหายใจลึก ตัดสินใจจะไม่ปิดบังเรื่องที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจแอีกต่อไปแล้ว"พ่อรู้ไหมว่าเขาแอบ...""อี่หนิง เมื่อกี้พ่อเกือบจะเป็นลมเพราะเรื่องของเธอ หมอบอกว่าห้ามให้เขาถูกกระตุ้นแล้ว เธอต้องทำให้พ่อโมโหจนอกแตกตายก่อนถึงจะพอใจใช่ไหม?"เสียงของเสิ่นเยี่ยนจือดังมากจนกลบเสียงของจี้อี่หนิงไปหมดมือที่วางข้างลำตัวของจี้อี่หนิงกำแน่น ในใจเกลียดเสิ่นเยี่ยนจืออย่างสุดขีด"ในเมื่อคุณรู้ว่าพ่อของฉัน
เสิ่นซื่อเงยหน้ามองเขา เอ่ยปากด้วยสีหน้าเย็นชา "รู้แล้ว"เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเฉยเมย ซุนสิงก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองตั้งใจบอกเขาเรื่องนี้โดยเฉพาะมันไม่จำเป็นเลยพร้อมทั้งเตือนเสิ่นซื่อว่ามีประชุมตอนสิบโมง ซุนสิงก็หมุนตัวออกไปช่วงเที่ยง จี้อี่หนิงถือบัตรอาหารไปที่โรงอาหารเพิ่งเดินเข้าไปก็ต้องอึ้งกับความหรูหราของโรงอาหารชิงหง นี่ไม่ใช่โรงอาหารแล้ว ไม่ต่างอะไรกับร้านอาหารติดดาวเลยสักนิดเมื่อกวาดตามองไปแล้วอาหารทุกช่องล้วนประณีตเป็นอย่างมาก แค่มองก็รู้สึกหิวแล้วอีกทั้งราคาอาหารยังถูกมากเทียบเท่ากับโรงอาหารในมหาวิทยาลัยเลยโรงอาหารมีสามชั้นถ้วน มีอาหารครอบคลุมทุกชนิดทั้งอาหารตะวันตก อาหารจีน อีกทั้งยังมีอาหารประจำชาติเฉพาะกลุ่มประเทศอื่น ๆ อีกจี้อี่หนิงยืนต่อแถวอยู่ที่ช่องอาหารไทย สั่งข้าวผัดสับปะรดหนึ่งจานและต้มยำกุ้งหนึ่งถ้วยแล้วหาที่นั่งมุมหนึ่งนั่งลงเมื่อชิมน้ำซุปไปหนึ่งคำ ความเซอร์ไพรส์ก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ นี่มันอร่อยเหมือนที่เธอเคยกินที่ร้านอาหารห้าดาวเลยก่อนหน้านี้บนโซเชียลมีคนพูดกันว่าเรื่องโรงอาหารของชิงหงเทียบเท่าระดับห้าดาว ตอนนั้นจี้อี่หนิงยังคิดว่ากล่าวเกินจร
กลับถึงบ้าน จี้อี่หนิงก็ติดต่อซุนสิง สองซุนสิงให้เธอไปตามหาเขาที่ห้องทำงานประธานเช้าวันถัดไป ถึงเวลานั้นจะพาเธอไปแสกนลายนิ้วมือและทำบัตรผ่านประตูหลังจากวางสาย จี้อี่หนิงก็รู้สึกกังวลขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเดิมทีเสิ่นเยี่ยนจือก็สงสัยว่าเสิ่นซื่อกำลังวางแผนคิดไม่ซื่อกับเธอ ตอนนี้ตนต้องไปทำงานที่ชิงหง หากเขารู้ ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นอะไรขึ้นบ้างแต่สถานการณ์ตอนนี้ ทำได้เพียงเดินหนึ่งก้าวมองหนึ่งก้าวแล้ว รอให้เขารู้จริงๆก่อน ถึงวันนั้นค่อยว่ากันเช้าวันถัดมา จี้อี่หนิงตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็บึ่งรถไปชิงหงจอดรถใต้ตึกชิงหงแล้ว จี้อี่หนิงจึงไปบอกหน้าเคาน์เตอร์ว่ามาหาซุนสิง ทางเคาน์เตอร์ยืนยันตัวตนเธอได้แล้วจึงนำทางเธอไปหน้าลิฟต์"คุณจี้ ห้องทำงานท่านประานอยู่ชั้นบนสุดค่ะ"จี้อี่หนิงพยักหน้า “โอเคค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”หลังจากเข้าลิฟต์ จี้อี่หนิงจึงกดปุ่มชั้นลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิดลงก่อนค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นข้างบนนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาชิงหง ก่อนหน้านี้เคยได้มาว่าลิฟต์ของชิงหงวิวสวยมาก ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าเป็นเรื่องจริงคล้อยหลังลิฟต์มุ่งขึ้นด้านบน ภาพทิวทัศน์ของเมืองทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ดูแล
เจิ้งกั๋วอันในตอนนี้กำลังอยู่ที่โถงทางเดินโรงพยาบาลมองใบเสร็จด้วยความกังวล ตอบกลับด้วยเสียงจริงจัง “ภายในไม่กี่วันนี่ล่ะ”วันนี้เขาไม่เหลือเงินแม้แต่แดงเดียว ไม่พอเจิ้งโหยวโหย่วยังอยู่สถานีตำรวจ ทำได้เพียงต้องทำตามที่หลิ่วอี๋หนิงบอกเท่านั้นถึงจะมีโอกาสหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้“งั้นฉันจะรอข่างดีจากอาเจิ้งก็แล้วกัน”วางสายเสร็จ มุมปากหลิ่วอี๋หนิงหยักยิ้มหยันขอเพียงเจิ้งกั๋วอันลักพาตัวจี้อี่หนิงไป ถึงเวลานั้นเธอค่อยให้พวกมันทั้งสองตายด้วยกัน หลังจากนั้นตนก็สบายใจไร้กังวลแล้วในห้องปฏิบัติการ จี้อี่หนิงกำลังเตรียมทำการทดลองก่อนหน้านี้ต่อ ก็ได้ข่าวจากเจี่ยงหรู ให้เธอไปห้องทำงานเมื่อถึงห้องทำงาน เจี่ยงหรูยกยิ้มพลางให้เธอนั่งลง"อี่หนิง ลงพื้นที่ปฏิบัติการเมืองหรงกับประธานเสิ่นครั้งนี้รู้สึกยังไงบ้าง?"จี้อี่หนิงเม้มปาก “ก็พอได้ค่ะ พี่หรูมีเรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“คือว่า ทางสำนักงานใหญ่ให้ความสำคัญกับโครงการที่เธอกำลังพัฒนามาก ประกอบกับโครงการนี้ได้รับการลงทุนจากประธานเสิ่น เพื่อเลี่ยงไม่ให้ต้องคอยวิ่งไปมาติดตามความคืบหน้าของโครงการ ทางสำนักงานใหญ่จึงตั้งใจส่งเธอไปทำงาน
พอเห็นจี้อี่หนิงตัวสั่นเบาๆ สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววพอใจจี้อี่หนิงกัดริมฝีปากล่างแน่น ก่อนตอบเสียงเย็นชา "ฉันจะไปเข้างานแล้ว ตอนนี้คุณคงไปได้แล้วใช่ไหม?"เมื่อเห็นท่าทีหัวรั้นไม่สนฟังคำใครของเธอแล้ว สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววคร่ำเคร่งแต่เมื่อนึกขึ้นได้เขาก็ไม่อยากบังคับรีบเร่งอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองต้องตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน"ผมจะไปส่งคุณ""ไม่ต้องค่ะ"พูดจบ เธอจึงผลักเสิ่นเยี่ยนจือออกประตู ก่อนปิดแล้วจากไปทันทีหลังจากมาถึงบริษัท ก็พบว่าเพื่อร่วมงานในบริษัทต่างแอบมองเธอ สีหน้าจี้อี่หนิงราบเรียบไร้อารมณ์ คาดว่ามุกคนคงเห็นภาพนั้นในอินเทอร์เน็ตหมดแล้วสางของไว้บนโต๊ะทำงานเสร็จ ขณะจี้อี่หนิงกำลังเตรียมตัวไปห้องปฏิบัติการ เซี่ยงอวี่ที่อยู่ข้างๆปรี่เข้ามาฉับพลัน พูดเสียงเบา “อี่หนิง เรื่องภาพในอินเทอร์เน็ตนั้น......เป็นความจริงเหรอ? ประธานเสิ่นชอบเธอจริงๆเหรอ?”ชั่วเวลานั้นผู้คนรอบๆพลันหูผึ่งขึ้นมายังไงซะเรื่องก่อนหน้านี้ที่จี้อี่หนิงทำอุปกรณ์การทดลองระเบิด แล้วเสิ่นซื่อเสี่ยงอันตรายไปช่วยตนนั้นทุกคนก็รู้ดีประกอบกับภาพเมื่อคืนที่ดูมีบรร
“ฉันควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาเตือน”คล้อยหลังเสิ่นซื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องทำงานก็ตกสู่ความเงียบงันลุงหลานทั้งสองจดจ้องกันไปมาด้วยท่าทีเย็นยะเยือก ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอยซุนสิงที่อยู่ข้างๆเห็นสถานการณ์ท่าไม่ดี จึงรีบเร่งเดินเข้าไป “ประธานเสิ่นเล็ก พอรู้เรื่องรูปภาพในอินเทอร์เน็ตวันนี้แล้ว ประธานเสิ่นก็กำลังจัดการ ไม่อย่างนั้นคุณกลับไปก่อนดีกว่าครับ”เสิ่นเยี่ยนจือหันมองซุนสิง เอ่ยเสียงเยือกเย็น “เลขาซุน คุณอยู่กับอาเล็กมากี่ปีแล้ว หวังว่าคุณจะมีเวลาโน้มน้าวเขา ให้เขาอย่า......”"เสิ่นเยี่ยนจือ!"เสิ่นซื่อตะโกนลั่นตัดบทเขา ความโกรธเกรี้ยวสุดขีดปะทุขึ้นในดวงตา "หากยังพูดจาไร้สาระอีกแค่ประโยคเดียว ก็อย่าคิดว่าจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของเสิ่นซื่อกรุ๊ปอย่างมั่นคงอีกเลย"เสิ่นเยี่ยนจือกำหมัดข้างตัวแน่น ความหงุดหงิดอัดแน่นเต็มทรวงถึงขีดสุด แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าเสิ่นซื่อจริงๆ เพราะเขารู้ดีว่าความสามารถนี้ที่เสิ่นซื่อมีอยู่ สามารถดึงเขาลงจากตำแหน่งได้จริงๆเขามองไปทางเสิ่นซื่อ ก่อนจะเอ่ยเน้นทีละคำชัดเจน "หวังว่าอาเล็กจะทำตัวให้ดีก็แล้วกัน!"พูดจบ เขาก็หันกายเดินออกไ