อ๋องฉีพูดด้วยความโศกเศร้าว่า “มีเรื่องอะไรพูดต่อหน้าข้าก็ได้ ต่อให้ข้าต้องตาย ก็ห้ามปิดบังข้า” ฉู่หมิงชุ่ยขมวดคิ้ว “พูดเหลวไหลอะไรเพคะ? หมอก็บอกแล้วว่าอาการของท่านไม่น่าเป็นห่วง อย่างอแงไปหน่อยเลยเพคะ ให้หมอช่วยรักษาท่านให้หาย หม่อมฉันมีเรื่องจะพูดคุยกับท่านอ๋องสักเล็กน้อย” เมื่ออ๋องฉีเห็นใบหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์ของนาง ก็นึกถึงคำพูดของหยวนชิงหลิงขึ้นมาได้ ในใจเกิดความรู้สึกมากมายผสมปนเปกัน จึงได้นิ่งเงียบไป ฉู่หมิงชุ่ยคิดว่าเขายังรู้สึกว่าตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา แล้วฉายแววของความผิดหวังออกมาทางสายตา นางแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์จริง ๆ นางหันมองอวี่เหวินห่าว แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านอ๋อง เชิญเพคะ!” อวี่เหวินห่าวเองก็หันมองนางด้วยท่าทีเรียบเฉย จากนั้นจึงหันกลับไปพูดกับอ๋องฉีว่า “ข้าไปแป๊บเดียว เดี๋ยวก็มา” อ๋องฉีพยักหน้า “รู้แล้ว” ทั้งสองเดินไปยังโถงด้านข้าง ฉู่หมิงชุ่ยสั่งให้ทุกคนออกไป อีกทั้งยังปิดประตูอีกด้วย อวี่เหวินห่าวพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องปิดประตู” ฉู่หมิงชุ่ยเงยหน้าขึ้น แล้วมองเขาด้วยแววตาที่เฉียบคม พร้อมพูดประชดประชันขึ้นว่า “ทำไ
อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าเรื่องนี้ควรจะสิ้นสุดลงเสียที เขาทำสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมพูดอย่างไม่แยแสว่า “เจ้าต้องการจะพูดอะไรกับข้ากันแน่?” ฉู่หมิงชุ่ยจ้องมองเขา น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกมา และพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ไม่มีอะไรต้องพูดแล้วเพคะ เดิมที เขาถูกลอบทำร้ายที่หน้าประตูจวนอ๋องฉู่ หม่อมฉันจึงนึกเป็นกังวลแทนท่าน เกรงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันไปถึงตัวท่าน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะคิดกับหม่อมฉันเช่นนี้ ทำให้หม่อมฉันเจ็บปวดใจยิ่งนัก ท่านไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว ขอท่านจงอย่าได้เสด็จมาที่จวนอ๋องฉีอีก” อวี่เหวินห่าวลุกขึ้น “คงไม่ได้ ข้ายังต้องมาจวนอ๋องฉีอีก อย่างไรเสียเจ้าเจ็ดก็อยู่ที่นี่” พูดจบ เขาก็เดินเอามือไขว้หลังออกไปด้วยความรู้สึกสบายใจอย่างถึงที่สุด ฉู่หมิงชุ่ยโกรธจนตัวสั่น นางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา แต่ยิ่งเช็ดน้ำตากลับยิ่งไหลมากขึ้น จะทำเช่นไรก็ไม่หยุดไหล หัวใจรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง นางไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาจะพูดคำพูดเช่นนี้กับนาง นางคิดมาโดยตลอดว่าความสัมพันธ์นี้จะทำให้เขาสามารถจดจำไปถึงวันตาย มีนางเป็นเจ้าของหัวใจของเขา และไม่มีใครสามารถเดินเข้ามาได้อีก ทำไมต้องเป็นหยวนชิ
หลังจากที่ซูยี่ถูกเคาะหัวดัง “ป๊อก” ไปสองครั้ง ก็ควบม้ากลับจวนไป หยวนชิงหลิงยังไม่เข้านอน นางเฝ้ารออย่างกระวนกระวายใจ เมื่อได้ยินลวี่หยาพูดว่าท่านอ๋องกลับมาแล้ว ก็รีบเดินออกไปทันที อวี่เหวินห่าวเชิญถังหยางให้เข้ามาด้านในด้วย เขาควบม้ามาตลอดทาง ก็รู้สึกอารมณ์ดี จึงไม่ทันได้สอบถามถังหยาง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ซักถามมาได้จากจวนอ๋องฉี “อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้างเพคะ? น่าเป็นห่วงหรือไม่?” หยวนชิงหลิงรีบเอ่ยถามขึ้น อวี่เหวินห่าวจูงนางไปนั่งลง “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มีเพียงแค่รอยบาดแผลเล็กๆ สองแห่งเท่านั้น น่าจะถูกปลายดาบฟันเข้า มีเลือดไหลเล็กน้อย” “ผู้ร้ายคนนี้ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ!” หยวนชิงหลิงพูด แต่อันที่จริงแล้วก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย นี่ไม่ใช่เพราะนางรู้สึกเป็นห่วงอ๋องฉี แต่เป็นเพราะอ๋องฉีถูกนางตีไปก่อนหน้า อีกทั้งยังถูกลอบทำร้ายห่างจากประตูของจวนอ๋องฉู่ไม่ไกลอีกด้วย อวี่เหวินห่าวถามถังหยาง “เจ้าลองเล่าเหตุการณ์มาให้ข้าฟังที” ถังหยางพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ เมื่อลองถามองครักษ์พระจำพระองค์และคนขับรถม้าดู คนร้ายปรากฏตัวขึ้นที่มุมถนนตรงปากทางเข้าตรอก สวมใส่ชุดสีดำ อำพรางใบหน้า ฝีมือก
อวี่เหวินห่าวมองนางอย่างมั่นคงแน่วแน่ ดวงตาของนางเปล่งประกายราวกับไฟ "เปิดเผย ตรงไปตรงมา""นางพูดว่าอย่างไร?" หยวนชิงหลิงนั่งลงบนตักเขา สองแขนโอบไว้ที่คอ พลางพูดเบา ๆ ที่ข้างหูก่อนที่สติของอวี่เหวินห่าวจะดับลง ได้ยินเสียงพูดของถังหยางก้องอยู่ในหูว่า พูดกับผู้หญิงให้พูดความจริงแค่ครึ่งเดียวก็พอแล้ว“นางเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาก่อน ก่อนที่นางจะทำให้ข้าโกรธ เพราะตำหนิและกล่าวหาว่าเจ้าเป็นผู้หญิงที่ใจร้าย ข้ากลับชมว่าเจ้าว่าอ่อนโยนใจดี มีใจกว้างขวาง และมีคุณธรรม นี่เป็นข้อดีของเจ้า ข้าจะปล่อยให้นางใส่ร้ายเจ้าได้อย่างไร? ข้าไม่ต้องการให้ใครคิดฟุ้งซ่านและพูดไปเลอะเทอะ ข้าจะตำหนินางเอง และจะบอกให้นางตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม หยุดคิดที่จะทำสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง”"พูดอย่างนี้จริงหรือ?" หยวนชิงหลิงมองเขาและยิ้ม "หลังจากท่านพูดไปแล้ว นางมีปฏิกิริยาอันใดหรือไม่?"โกรธน่ะสิ ยังบอกอีกว่าต่อไปไม่อนุญาตให้ข้าไปที่จวนฉีอีก" อวี่เหวินห่าวตอบนางดวงตาของหยวนชิงหลิงส่องประกายเล็กน้อย "จริงหรือ? อาจมีคำพูดเท็จครึ่งนึงหรือไม่?อวี่เหวินห่าวยกมือขึ้นสาบาน "เรื่องในคืนนี้ ถ้าข้า
ประตูปิดได้ไม่นาน สักครู่ก็เปิดให้เข้ามาในครั้งนี้อวี่เหวินห่าวพูดอย่างตรงไปตรงมา และคิดอย่างใจเย็นที่นอกประตู มีเหตุผลเดียวที่ทำให้นางโกรธ ก็คืออยู่กับฉู่หมิงชุ่ยตามลำพังเขาให้คำมั่นสัญญาว่า "ต่อจากนี้ไป ข้าจะไม่ไปพบนางตามลำพังโดยเด็ดขาด"หยวนชิงหลิงมองดูเขา "ครั้งนี้ข้าไม่ได้หึง และก็ไม่ได้โกรธที่ท่านไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด ทั้งยังรู้สึกว่าใจของท่านยังไม่หนักแน่นพอ แม้ว่าท่านจะไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับนางแล้วก็ตาม แต่ว่าพวกท่านเติบโตมาด้วยกัน จะมากหรือน้อยก็ยังมีความรักใคร่ผูกพันกันอยู่ นางต้องการใช้ประโยชน์จากความรักนี้ครอบคลุมท่าน บทเรียนที่ได้จากจวนองค์หญิง เรื่องง่ายขนาดนี้ ท่านลืมไปแล้วหรือ"หยวนชิงหลิงใช้ความรู้ของตัวเองที่มีอยู่มาสอนเขาด้วยความตั้งใจจริงอวี่เหวินห่าวซาบซึ้งมาก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่านางไร้ยางอายเล็กน้อยนางละอายใจที่จะเอ่ยถึงจวนองค์หญิงอย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าพูดคำเหล่านี้ออกมา เพียงแค่รับฟังการสั่งสอนเท่านั้นในตอนนั้นเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แม้ว่าภายนอกจะมีคนอยู่ แต่นอกจากซูยี่ ทั้งหมดล้วนเป็นคนของนาง หากว่าตอนนั้นนางต้องการทำอะไรเขา ก็
อวี่เหวินห่าวพูดไม่ออก ใครมีความผิดเรื่องนี้ เขาก็พูดไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?"ดำเนินการทำตามที่ข้าบอก" อวี่เหวินห่าวขยี้คิ้ว "ไปเถอะ"อวี่เหวินห่าวส่ายหัว "ไม่ เสด็จพ่อ ลูกไม่สามารถทอดทิ้งผู้มีคุณธรรมได้"จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกโกรธ พลางกล่าว "เช่นนั้น เจ้าก็กำลังขัดพระราชโองการใช่หรือไม่?""เสด็จพ่อ" อวี่เหวินห่าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขอร้องอย่างจริงใจ "หยวนเจี๋ยเป็นคนมีคุณธรรมจริง ๆ หากเขาลงโทษขุนนางที่มีคุณงามความดี จะทำร้ายจิตใจข้าราชบริพารนับพัน"จักรพรรดิหมิงหยวนจ้องหน้าเขา หน้าตาบูดบึ้ง "เรื่องนี้ถ้าเจ้าทำไม่ได้ หลายคนทำได้ เจ้าก็ไปไตร่ตรองเอาเองก็แล้วกัน ออกไป!"อวี่เหวินห่าวยังจะพูดต่ออีก มู่หรูกงกงก้าวไปข้างหน้า "ข้าน้อยน้อมส่งท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ"มู่หรูกงกงขยิบตาให้เขา ส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องพูดอะไรอีกอวี่เหวินห่าวชะงักไปชั่วขณะ เขารู้จักนิสัยของเสด็จพ่อดี การขัดแย้งกับเขาในตอนนี้ไม่เป็นผลดีแน่ เพราะไม่เห็นทางที่จะเรียกร้องความยุติธรรมคืนกลับมาให้หยวนเจี๋ยเขากล่าวลา "ลูกทูลลา"มู่หรูกงกงส่งเขาออกถึงนอกประตู มู่หรูกงกงกระซิบบอก "ก่อนรุ่งสางของวันนี้ ที่จวนอ๋องฉีได้ส
เหลิ่งจิ้งเหยียนมองเขาแล้วยิ้ม พร้อมกล่าวช้า ๆ อย่างตรงไปตรงมาว่า "ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับท่านอ๋อง ข้าได้ยินมาว่าในวันนั้นพระชายาจี้ก็ได้ช่วยเหลือผู้คนที่นอกเมืองด้วยเหมือนกัน""ใช่แล้ว" อวี่เหวินห่าวเห็นเขา ก่อนที่จะเตือนไปว่า "อย่าคิดที่จะใช้นางมาเป็นเครื่องมือ" "จำเป็นที่จะต้องใช้นางเป็นเครื่องมือ!" เหลิ่งจิ้งเหยียนกล่าวอวี่เหวินห่าวตบโต๊ะอีกครั้ง "คิดได้อย่างไร"เหลิ่งจิ้งเหยียนมองเขา "ท่านอ๋องอย่าใจร้อน ฟังข้าพูดให้จบก่อน"อวี่เหวินห่าวโบกมือให้ "พูดไปก็เท่านั้น แต่คงไม่ใช่วิธีที่ดี""พระชายาช่วยคนที่นอกเมือง เรื่องนี้มีคนเห็นไม่น้อย ข่าวได้แพร่กระจายในเมืองหลวงในช่วงสองวันที่ผ่านมา พูดกันว่าพระชายาฉู่มีจิตใจเมตตากรุณา ใจก็ดี รูปก็งาม ถ้าต้องหาใครมาแบกรับเรื่องนี้ พระชายาฉู่ดูจะเหมาะที่สุด""อะไรกันนี่?" อวี่เหวินห่าวจ้องเขาอย่างอารมณ์เสียเหลิ่งจิ้งเหยียนยิ้มพร้อมกล่าวว่า "ตอนนี้เหล่าเย๋จื่อโปรดปรานใครมากที่สุด? ในเหล่าพระชายาทั้งหลาย ตอนนี้ใครมีชื่อเสียงมากที่สุด? ท่านคิดว่าหากพระชายาฉู่ต้องรับโทษ ฮ่องเต้จะตำหนินางจริง ๆ หรือ? แม้ว่าฮ่องเต้คิดจริง ๆ แต่เหล่าเย๋จื่อก็คงไ
"หยวนเจี๋ยเป็นผู้มีคุณธรรม!" หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างโกรธเคือง"ข้ารู้ เมื่อครู่ข้ายังจงใจไปที่ประตูเมือง เขาไม่นำพาอาการบาดเจ็บกลับไปเฝ้าประตูเมือง" อวี่เหวินห่าวถอนหายใจหยวนชิงหลิงพูดไม่ออก นางเป็นนักวิจัยที่ไม่เข้าใจเรื่องการเมือง แต่นางแค่คิดว่ามันจะทำร้ายจิตใจของผู้คน โดยเฉพาะคนที่มีคุณธรรม"มีทางออกอื่นหรือไม่?" หยวนชิงหลิงกล่าวถามอวี่เหวินห่าวลังเลอยู่สักพัก ส่ายหัวพลางกล่าว "ไม่มี เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ"หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ "โหดร้ายยิ่งนัก"ทหารเฝ้าประตูผู้นั้นพยายามทำเต็มที่สุดกำลังความสามารถแล้ว อย่างน้อยก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่สมควรที่จะถูกลงโทษ สองสามีภรรยาคับใจจนพูดไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา สับสนกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเวลาผ่านไปเนิ่นนาน อวี่เหวินห่าวจึงกล่าว "ความจริง ข้ายังไปหาจิ้งเหยียนที่กั๋วจื่อเจียน เขาเสนอวิธีหนึ่ง""วิธีไหน?"หยวนชิงหลิงรีบถามอวี่เหวินห่าวมองนาง กล่าวคำที่ดูซับซ้อนว่า "เขาให้เจ้าไปขอโทษ""ข้า?" หยวนชิงหลิงตกใจ "ข้าผิดอะไร? ข้าไม่มียศไม่มีตำแหน่ง สามารถขอโทษอะไรได้?""จิ้งเหยียนพูดว่า เจ้าในฐานะพระชา