อวี่เหวินห่าวพูดไม่ออก ใครมีความผิดเรื่องนี้ เขาก็พูดไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?"ดำเนินการทำตามที่ข้าบอก" อวี่เหวินห่าวขยี้คิ้ว "ไปเถอะ"อวี่เหวินห่าวส่ายหัว "ไม่ เสด็จพ่อ ลูกไม่สามารถทอดทิ้งผู้มีคุณธรรมได้"จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกโกรธ พลางกล่าว "เช่นนั้น เจ้าก็กำลังขัดพระราชโองการใช่หรือไม่?""เสด็จพ่อ" อวี่เหวินห่าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขอร้องอย่างจริงใจ "หยวนเจี๋ยเป็นคนมีคุณธรรมจริง ๆ หากเขาลงโทษขุนนางที่มีคุณงามความดี จะทำร้ายจิตใจข้าราชบริพารนับพัน"จักรพรรดิหมิงหยวนจ้องหน้าเขา หน้าตาบูดบึ้ง "เรื่องนี้ถ้าเจ้าทำไม่ได้ หลายคนทำได้ เจ้าก็ไปไตร่ตรองเอาเองก็แล้วกัน ออกไป!"อวี่เหวินห่าวยังจะพูดต่ออีก มู่หรูกงกงก้าวไปข้างหน้า "ข้าน้อยน้อมส่งท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ"มู่หรูกงกงขยิบตาให้เขา ส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องพูดอะไรอีกอวี่เหวินห่าวชะงักไปชั่วขณะ เขารู้จักนิสัยของเสด็จพ่อดี การขัดแย้งกับเขาในตอนนี้ไม่เป็นผลดีแน่ เพราะไม่เห็นทางที่จะเรียกร้องความยุติธรรมคืนกลับมาให้หยวนเจี๋ยเขากล่าวลา "ลูกทูลลา"มู่หรูกงกงส่งเขาออกถึงนอกประตู มู่หรูกงกงกระซิบบอก "ก่อนรุ่งสางของวันนี้ ที่จวนอ๋องฉีได้ส
เหลิ่งจิ้งเหยียนมองเขาแล้วยิ้ม พร้อมกล่าวช้า ๆ อย่างตรงไปตรงมาว่า "ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับท่านอ๋อง ข้าได้ยินมาว่าในวันนั้นพระชายาจี้ก็ได้ช่วยเหลือผู้คนที่นอกเมืองด้วยเหมือนกัน""ใช่แล้ว" อวี่เหวินห่าวเห็นเขา ก่อนที่จะเตือนไปว่า "อย่าคิดที่จะใช้นางมาเป็นเครื่องมือ" "จำเป็นที่จะต้องใช้นางเป็นเครื่องมือ!" เหลิ่งจิ้งเหยียนกล่าวอวี่เหวินห่าวตบโต๊ะอีกครั้ง "คิดได้อย่างไร"เหลิ่งจิ้งเหยียนมองเขา "ท่านอ๋องอย่าใจร้อน ฟังข้าพูดให้จบก่อน"อวี่เหวินห่าวโบกมือให้ "พูดไปก็เท่านั้น แต่คงไม่ใช่วิธีที่ดี""พระชายาช่วยคนที่นอกเมือง เรื่องนี้มีคนเห็นไม่น้อย ข่าวได้แพร่กระจายในเมืองหลวงในช่วงสองวันที่ผ่านมา พูดกันว่าพระชายาฉู่มีจิตใจเมตตากรุณา ใจก็ดี รูปก็งาม ถ้าต้องหาใครมาแบกรับเรื่องนี้ พระชายาฉู่ดูจะเหมาะที่สุด""อะไรกันนี่?" อวี่เหวินห่าวจ้องเขาอย่างอารมณ์เสียเหลิ่งจิ้งเหยียนยิ้มพร้อมกล่าวว่า "ตอนนี้เหล่าเย๋จื่อโปรดปรานใครมากที่สุด? ในเหล่าพระชายาทั้งหลาย ตอนนี้ใครมีชื่อเสียงมากที่สุด? ท่านคิดว่าหากพระชายาฉู่ต้องรับโทษ ฮ่องเต้จะตำหนินางจริง ๆ หรือ? แม้ว่าฮ่องเต้คิดจริง ๆ แต่เหล่าเย๋จื่อก็คงไ
"หยวนเจี๋ยเป็นผู้มีคุณธรรม!" หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างโกรธเคือง"ข้ารู้ เมื่อครู่ข้ายังจงใจไปที่ประตูเมือง เขาไม่นำพาอาการบาดเจ็บกลับไปเฝ้าประตูเมือง" อวี่เหวินห่าวถอนหายใจหยวนชิงหลิงพูดไม่ออก นางเป็นนักวิจัยที่ไม่เข้าใจเรื่องการเมือง แต่นางแค่คิดว่ามันจะทำร้ายจิตใจของผู้คน โดยเฉพาะคนที่มีคุณธรรม"มีทางออกอื่นหรือไม่?" หยวนชิงหลิงกล่าวถามอวี่เหวินห่าวลังเลอยู่สักพัก ส่ายหัวพลางกล่าว "ไม่มี เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ"หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ "โหดร้ายยิ่งนัก"ทหารเฝ้าประตูผู้นั้นพยายามทำเต็มที่สุดกำลังความสามารถแล้ว อย่างน้อยก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่สมควรที่จะถูกลงโทษ สองสามีภรรยาคับใจจนพูดไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา สับสนกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเวลาผ่านไปเนิ่นนาน อวี่เหวินห่าวจึงกล่าว "ความจริง ข้ายังไปหาจิ้งเหยียนที่กั๋วจื่อเจียน เขาเสนอวิธีหนึ่ง""วิธีไหน?"หยวนชิงหลิงรีบถามอวี่เหวินห่าวมองนาง กล่าวคำที่ดูซับซ้อนว่า "เขาให้เจ้าไปขอโทษ""ข้า?" หยวนชิงหลิงตกใจ "ข้าผิดอะไร? ข้าไม่มียศไม่มีตำแหน่ง สามารถขอโทษอะไรได้?""จิ้งเหยียนพูดว่า เจ้าในฐานะพระชา
อวี่เหวินห่าวประหลาดใจ ข้าคิดว่าถึงจะแค่หนึ่งหรือสองประโยคสั้นๆ แต่นางก็มีประเด็นหลักที่น่าคิดนั่นก็คือความจริงที่ว่าเจ้าเจ็ดมีไม่กี่ชีวิต ที่พร้อมจะทำให้เขาได้เป็นรัชทายาทนี่อาจเป็นสาเหตุที่มหาเสนาบดีฉู่ไม่ได้แสดงจุดยืนของเขามาเป็นเวลานาน ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเขาเองก็อยากรู้เช่นกัน นางไม่สนใจตำแหน่งพระชายารัชทายาทเลยสักนิดหรือ? หลังจากได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท ต่อไปก็จะได้ขึ้นเป็นฮองเฮา แน่นอนก่อนที่เขาจะได้เป็นรัชทายาท จะสามารถอยู่อย่างมั่นคงจนถึงวันที่เขาขึ้นครองราชย์"เจ้าไม่หวังจะให้ข้าเป็นรัชทายาทจริงหรือ?" อวี่เหวินห่าวถามหยวนชิงหลิงมองเขาอย่างแปลกใจ "ทำไมถึงมาถามข้าว่าหวังหรือไม่หวัง ไม่ใช่ง่าข้าได้เป็นรัชทายาทนี่"“หากข้าได้เป็นรัชทายาท เจ้าก็ได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทแล้ว"หยวนชิงหลิงยิ้มอ่อน “พระชายาขององค์รัชทายาทกับพระชายาของอ๋อง มีอะไรแตกต่าง?"หวี่เหวินห่าวมองไปที่นาง "ทำไมไม่แตกต่าง? เจ้าอย่ามาแกล้งเลอะเลือนกับข้า เจ้าไม่อยากเป็นฮองเฮาเหรอ?" หยวนชิงหลิงหยิบถ้วยที่วางอยู่บนโต๊ะ พูดเสียงเบาว่า "ความคิดนั้นง่าย แต่ถนนหนทางมีอันตราย ไม่คุ้มค่า"
เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างมองหน้ากัน พระชายาฉู่คุกเข่าขอโทษอยู่ด้านนอก?ห้องโถงด้านข้างอยู่ห่างจากห้องทรงพระอักษรไม่ไกลนัก จักรพรรดิหมิงหยวนเข้าไปข้างใน หยวนชิงหลิงถูกพาตัวเข้ามาจากประตูด้านข้างอีกบานหนึ่งหยวนชิงหลิงคุกเข่าลงมา ยังไม่ทันได้พูด จักรพรรดิหมิงหยวนก็เอ่ยเสียงเย็น "ลุกขึ้น ข้ารู้ว่าเจ้ามีจุดประสงค์อะไร รีบออกไปจากวัง"หยวนชิงหลิงรู้ว่าทุกอย่างจะถูกเปิดเผย แต่ว่าละครยังต้องมีบทจบ นางกล่าวด้วยความเศร้า "เสด็จพ่อ เรื่องที่ประตูเมือง ลูกสะใภ้ขอรับผิดทั้งหมด""เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า? เจ้าล้อเล่นอันใด?"จักรพรรดิหมิงหยวนหมดความอดทน เจ้าห้ากับภรรยาก่อแต่เรื่องวุ่นวายหยวนชิงหลิงกล่าวเสียงดัง "ข้าในฐานะพระชายาฉู่ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยความสนับสนุนจากราษฎร เมื่อเกิดเรื่องขึ้น ถึงแม้จะอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่สามารถระงับยับยั้งเหตุได้ ช่วยรักษาไว้ไม่ทัน ทำให้ผู้คนล้มบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เกิดความโกลาหลวุ่นวาย ทั้งหมดนี้ต้องตำหนิข้าที่ไม่ระงับเหตุแต่เนิ่น ๆ ทำให้เรื่องบานปลายไปใหญ่ เวลานั้นลูกสะใภ้อยู่บนกำแพงเมือง เห็นคนรอเข้าคิวก็กระสับกระส่าย คิดว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่
อวี่เหวินห่าวรอหยวนชิงหลิงอย่างกระวนกระวายใจที่หน้าประตูวังไม่รูว่าจะถูกด่าหรือไม่? ไม่รู้ว่าจะถูกเฆี่ยนตีไหม? ร่างนั้นไม่สามารถต้านทานการเฆี่ยนตีได้ซูยี่เห็นเขา จึงก้าวเข้าไปหาแล้วกล่าวว่า "ท่านอ๋องเข้าวังไปดูไม่ดีกว่าหรือ? พระชายามีปากเป็นอาวุธ และง่ายต่อการล่วงเกินผู้อื่น อาจจะไปทำให้ฮ่องเต้กริ้วก็เป็นได้”"อย่าเสียงดัง บางทีอาจไม่เป็นเช่นนั้น!" อวี่เหวินห่าวเอามือไขว้หลัง ทำไมยังไม่ออกมา? ถ้าจะโดนเฆี่ยนตีก็ควรจะตีเสร็จแล้ว เดินออกมาไม่ไหวก็ควรจะให้คนแบกออกมา?ซูยี่เบ้ปาก "พูดยาก พระชายาก่อเรื่องวุ่นวาย จับคนไหนกัดคนนั้น ล่วงเกินฝ่าบาท เฆี่ยนตียังนับว่าดี กลัวแต่…"อวี่เหวินห่าวยืดคอและตะโกนใส่เขา "ซูยี่ ถ้าเจ้าไม่พูดสักนาที จะเจ็บลิ้นตายเลยใช่หรือไม่?"ซูยี่พูดเสียงเบา "ข้าเป็นห่วง"ความเป็นห่วง ทำให้เขาพูดไร้สาระ การพูดไร้สาระทำให้พูดเรื่องเชิงลบได้ง่ายเขาก็ไม่มีวิธีที่จะบังคับตัวเองในที่สุดเมื่อเห็นนางข้าหลวงสี่กับหยวนชิงหลิงเดินออกมาพร้อมกันนางสวมชุดสีแดง ศีรษะตั้งตรง ก้าวที่มั่นคง มีจิตวิญญาณสูงส่ง เหมือนกับแม่ไก่หงอนแดงที่เพิ่งจะออกรบอวี่เหวินห่าวหัวใจกระโดด
หวี่เหวินห่าวหยิกแก้มนางอย่างแรง "ซูยี่บอกว่าเจ้ามีปากเป็นอาวุธ พูดไม่ผิดจริง ๆ"หยวนชิงหลิงเอาหัวไปพิงที่ไหล่ของเขา "ท่านคิดว่าเสด็จพ่อจะจัดการกับฉู่หมิงชุ่ยจริง ๆ หรือ?"หวี่เหวินห่าวลูบไปที่ผมของนาง "ยากที่จะคาดเดา ใครจะรู้?""อันที่จริงข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น แน่นอน ข้าเชื่อว่ามันจะไม่ไร้ประโยชน์“อย่างน้อยเสด็จพ่อยังไม่คิดจัดการกับหยวนเจี๋ย" หยวนชิงหลิงกล่าวอวี่เหวินห่าวไม่ส่งเสียง เขาก็คิดว่าคงจะไม่เป็นเช่นนั้นวันนั้นมหาเสนาบดีฉู่อยู่ตรงหน้าเขา เพื่อขอร้องแทนฉู่หมิงชุ่ย เห็นได้ว่ามหาเสนาบดีฉู่ไม่ยอมให้ฉู่หมิงชุ่ยเสียชื่อเสียงมหาเสนาบดีฉู่ยอมทำเพื่อเจ้าเจ็ด เสด็จพ่อก็ทำเพื่อเจ้าเจ็ด ดังนั้นคิดว่าสุดท้ายก็ต้องปล่อยฉู่หมิงชุ่ยไปมันไม่สำคัญสำหรับเขาเขาแค่ไม่อยากให้หยวนเจี๋ยต้องถูกลงโทษแต่ว่าใจของนางจะรับไม่ได้ใช่หรือไม่? อุตส่าห์เอาตัวเองเข้าไปแล้ว ก็ไม่สามารถลากฉู่หมิงชุ่ยลงน้ำได้เสด็จพ่อตาบอดจริง ๆ มีตาไม่รู้จัก ทองฝังหยกเขาจะขอความเป็นธรรมแทนหยวนชิงหลิงที่จวนอ๋องฉีฉู่หมิงชุ่ยนั่งอยู่ตรงหน้าเตียงอ๋องฉี ในมือยกชามซุปมาชามหนึ่ง ใช้ช้อนคนเบา ๆ ในชาม ควันลอยขึ้นม
ฉู่หมิงชุ่ยค่อย ๆ เดินมานั่งลงที่ข้างกายเขาอย่างช้า ๆ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือเขามาวางที่ท้องตัวเอง พร้อมกล่าวว่า "นี่คือลูกของเรา ที่จะเป็นองค์ชายของเราในอนาคต"อ๋องฉีตะลึงตกใจ รีบกระตุกมือออกมาพร้อมกับจ้องมองนางฉู่หมิงชุ่ยมองเขา ถามเขาอย่างเย็นชา "ท่านกลัวอะไร?"อ๋องฉีรู้สึกกลัวมาก เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าฉู่หมิงชุ่ยจะมีความคิดเช่นนี้ตอนนี้เขาเป็นท่านอ๋อง ถ้าท้องของนางเป็นผู้ชายก็จะได้เป็นรัชทายาท"ชุ่ยเอ๋อร์ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ!" อ๋องฉีหดมือกลับ ราวกับถูกไฟไหม้ที่แขนของตัวเอง เขาเอนตัวลงนอนโดยไม่สนใจบาดแผลที่แขนแม้แต่น้อยฉู่หมิงชุ่ยอยากจะตบหน้าเขาสักฉาดจริง ๆ นางตกตะลึง ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่นางเลือกจะไร้ประโยชน์เช่นนี้เวลาผ่านเนิ่นนาน นางจึงได้แต่ยิ้มออกมา "ท่านปู่ได้กล่าวกับข้า ต้องการสนับสนุนให้ท่านเป็นรัชทายาท ท่านปู่ให้ข้าลองทดสอบจิตใจของท่าน เมื่อครู่คือการทดสอบท่าน"อ๋องฉีค่อย ๆ หันกลับมา "ทดสอบ?""อืม ท่านปู่แค่อยากดูว่าใจท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ มีความกล้าที่จะรับหน้าที่นี้หรือไม่?" ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวตอบอ๋องฉีเงียบไปสักพัก "ท่านปู่คิดมากแล้ว เสด็จพ่อจะตัดสินพร