อวี่เหวินห่าวประหลาดใจ ข้าคิดว่าถึงจะแค่หนึ่งหรือสองประโยคสั้นๆ แต่นางก็มีประเด็นหลักที่น่าคิดนั่นก็คือความจริงที่ว่าเจ้าเจ็ดมีไม่กี่ชีวิต ที่พร้อมจะทำให้เขาได้เป็นรัชทายาทนี่อาจเป็นสาเหตุที่มหาเสนาบดีฉู่ไม่ได้แสดงจุดยืนของเขามาเป็นเวลานาน ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเขาเองก็อยากรู้เช่นกัน นางไม่สนใจตำแหน่งพระชายารัชทายาทเลยสักนิดหรือ? หลังจากได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท ต่อไปก็จะได้ขึ้นเป็นฮองเฮา แน่นอนก่อนที่เขาจะได้เป็นรัชทายาท จะสามารถอยู่อย่างมั่นคงจนถึงวันที่เขาขึ้นครองราชย์"เจ้าไม่หวังจะให้ข้าเป็นรัชทายาทจริงหรือ?" อวี่เหวินห่าวถามหยวนชิงหลิงมองเขาอย่างแปลกใจ "ทำไมถึงมาถามข้าว่าหวังหรือไม่หวัง ไม่ใช่ง่าข้าได้เป็นรัชทายาทนี่"“หากข้าได้เป็นรัชทายาท เจ้าก็ได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทแล้ว"หยวนชิงหลิงยิ้มอ่อน “พระชายาขององค์รัชทายาทกับพระชายาของอ๋อง มีอะไรแตกต่าง?"หวี่เหวินห่าวมองไปที่นาง "ทำไมไม่แตกต่าง? เจ้าอย่ามาแกล้งเลอะเลือนกับข้า เจ้าไม่อยากเป็นฮองเฮาเหรอ?" หยวนชิงหลิงหยิบถ้วยที่วางอยู่บนโต๊ะ พูดเสียงเบาว่า "ความคิดนั้นง่าย แต่ถนนหนทางมีอันตราย ไม่คุ้มค่า"
เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างมองหน้ากัน พระชายาฉู่คุกเข่าขอโทษอยู่ด้านนอก?ห้องโถงด้านข้างอยู่ห่างจากห้องทรงพระอักษรไม่ไกลนัก จักรพรรดิหมิงหยวนเข้าไปข้างใน หยวนชิงหลิงถูกพาตัวเข้ามาจากประตูด้านข้างอีกบานหนึ่งหยวนชิงหลิงคุกเข่าลงมา ยังไม่ทันได้พูด จักรพรรดิหมิงหยวนก็เอ่ยเสียงเย็น "ลุกขึ้น ข้ารู้ว่าเจ้ามีจุดประสงค์อะไร รีบออกไปจากวัง"หยวนชิงหลิงรู้ว่าทุกอย่างจะถูกเปิดเผย แต่ว่าละครยังต้องมีบทจบ นางกล่าวด้วยความเศร้า "เสด็จพ่อ เรื่องที่ประตูเมือง ลูกสะใภ้ขอรับผิดทั้งหมด""เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า? เจ้าล้อเล่นอันใด?"จักรพรรดิหมิงหยวนหมดความอดทน เจ้าห้ากับภรรยาก่อแต่เรื่องวุ่นวายหยวนชิงหลิงกล่าวเสียงดัง "ข้าในฐานะพระชายาฉู่ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยความสนับสนุนจากราษฎร เมื่อเกิดเรื่องขึ้น ถึงแม้จะอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่สามารถระงับยับยั้งเหตุได้ ช่วยรักษาไว้ไม่ทัน ทำให้ผู้คนล้มบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เกิดความโกลาหลวุ่นวาย ทั้งหมดนี้ต้องตำหนิข้าที่ไม่ระงับเหตุแต่เนิ่น ๆ ทำให้เรื่องบานปลายไปใหญ่ เวลานั้นลูกสะใภ้อยู่บนกำแพงเมือง เห็นคนรอเข้าคิวก็กระสับกระส่าย คิดว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่
อวี่เหวินห่าวรอหยวนชิงหลิงอย่างกระวนกระวายใจที่หน้าประตูวังไม่รูว่าจะถูกด่าหรือไม่? ไม่รู้ว่าจะถูกเฆี่ยนตีไหม? ร่างนั้นไม่สามารถต้านทานการเฆี่ยนตีได้ซูยี่เห็นเขา จึงก้าวเข้าไปหาแล้วกล่าวว่า "ท่านอ๋องเข้าวังไปดูไม่ดีกว่าหรือ? พระชายามีปากเป็นอาวุธ และง่ายต่อการล่วงเกินผู้อื่น อาจจะไปทำให้ฮ่องเต้กริ้วก็เป็นได้”"อย่าเสียงดัง บางทีอาจไม่เป็นเช่นนั้น!" อวี่เหวินห่าวเอามือไขว้หลัง ทำไมยังไม่ออกมา? ถ้าจะโดนเฆี่ยนตีก็ควรจะตีเสร็จแล้ว เดินออกมาไม่ไหวก็ควรจะให้คนแบกออกมา?ซูยี่เบ้ปาก "พูดยาก พระชายาก่อเรื่องวุ่นวาย จับคนไหนกัดคนนั้น ล่วงเกินฝ่าบาท เฆี่ยนตียังนับว่าดี กลัวแต่…"อวี่เหวินห่าวยืดคอและตะโกนใส่เขา "ซูยี่ ถ้าเจ้าไม่พูดสักนาที จะเจ็บลิ้นตายเลยใช่หรือไม่?"ซูยี่พูดเสียงเบา "ข้าเป็นห่วง"ความเป็นห่วง ทำให้เขาพูดไร้สาระ การพูดไร้สาระทำให้พูดเรื่องเชิงลบได้ง่ายเขาก็ไม่มีวิธีที่จะบังคับตัวเองในที่สุดเมื่อเห็นนางข้าหลวงสี่กับหยวนชิงหลิงเดินออกมาพร้อมกันนางสวมชุดสีแดง ศีรษะตั้งตรง ก้าวที่มั่นคง มีจิตวิญญาณสูงส่ง เหมือนกับแม่ไก่หงอนแดงที่เพิ่งจะออกรบอวี่เหวินห่าวหัวใจกระโดด
หวี่เหวินห่าวหยิกแก้มนางอย่างแรง "ซูยี่บอกว่าเจ้ามีปากเป็นอาวุธ พูดไม่ผิดจริง ๆ"หยวนชิงหลิงเอาหัวไปพิงที่ไหล่ของเขา "ท่านคิดว่าเสด็จพ่อจะจัดการกับฉู่หมิงชุ่ยจริง ๆ หรือ?"หวี่เหวินห่าวลูบไปที่ผมของนาง "ยากที่จะคาดเดา ใครจะรู้?""อันที่จริงข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น แน่นอน ข้าเชื่อว่ามันจะไม่ไร้ประโยชน์“อย่างน้อยเสด็จพ่อยังไม่คิดจัดการกับหยวนเจี๋ย" หยวนชิงหลิงกล่าวอวี่เหวินห่าวไม่ส่งเสียง เขาก็คิดว่าคงจะไม่เป็นเช่นนั้นวันนั้นมหาเสนาบดีฉู่อยู่ตรงหน้าเขา เพื่อขอร้องแทนฉู่หมิงชุ่ย เห็นได้ว่ามหาเสนาบดีฉู่ไม่ยอมให้ฉู่หมิงชุ่ยเสียชื่อเสียงมหาเสนาบดีฉู่ยอมทำเพื่อเจ้าเจ็ด เสด็จพ่อก็ทำเพื่อเจ้าเจ็ด ดังนั้นคิดว่าสุดท้ายก็ต้องปล่อยฉู่หมิงชุ่ยไปมันไม่สำคัญสำหรับเขาเขาแค่ไม่อยากให้หยวนเจี๋ยต้องถูกลงโทษแต่ว่าใจของนางจะรับไม่ได้ใช่หรือไม่? อุตส่าห์เอาตัวเองเข้าไปแล้ว ก็ไม่สามารถลากฉู่หมิงชุ่ยลงน้ำได้เสด็จพ่อตาบอดจริง ๆ มีตาไม่รู้จัก ทองฝังหยกเขาจะขอความเป็นธรรมแทนหยวนชิงหลิงที่จวนอ๋องฉีฉู่หมิงชุ่ยนั่งอยู่ตรงหน้าเตียงอ๋องฉี ในมือยกชามซุปมาชามหนึ่ง ใช้ช้อนคนเบา ๆ ในชาม ควันลอยขึ้นม
ฉู่หมิงชุ่ยค่อย ๆ เดินมานั่งลงที่ข้างกายเขาอย่างช้า ๆ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือเขามาวางที่ท้องตัวเอง พร้อมกล่าวว่า "นี่คือลูกของเรา ที่จะเป็นองค์ชายของเราในอนาคต"อ๋องฉีตะลึงตกใจ รีบกระตุกมือออกมาพร้อมกับจ้องมองนางฉู่หมิงชุ่ยมองเขา ถามเขาอย่างเย็นชา "ท่านกลัวอะไร?"อ๋องฉีรู้สึกกลัวมาก เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าฉู่หมิงชุ่ยจะมีความคิดเช่นนี้ตอนนี้เขาเป็นท่านอ๋อง ถ้าท้องของนางเป็นผู้ชายก็จะได้เป็นรัชทายาท"ชุ่ยเอ๋อร์ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ!" อ๋องฉีหดมือกลับ ราวกับถูกไฟไหม้ที่แขนของตัวเอง เขาเอนตัวลงนอนโดยไม่สนใจบาดแผลที่แขนแม้แต่น้อยฉู่หมิงชุ่ยอยากจะตบหน้าเขาสักฉาดจริง ๆ นางตกตะลึง ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่นางเลือกจะไร้ประโยชน์เช่นนี้เวลาผ่านเนิ่นนาน นางจึงได้แต่ยิ้มออกมา "ท่านปู่ได้กล่าวกับข้า ต้องการสนับสนุนให้ท่านเป็นรัชทายาท ท่านปู่ให้ข้าลองทดสอบจิตใจของท่าน เมื่อครู่คือการทดสอบท่าน"อ๋องฉีค่อย ๆ หันกลับมา "ทดสอบ?""อืม ท่านปู่แค่อยากดูว่าใจท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ มีความกล้าที่จะรับหน้าที่นี้หรือไม่?" ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวตอบอ๋องฉีเงียบไปสักพัก "ท่านปู่คิดมากแล้ว เสด็จพ่อจะตัดสินพร
นางไม่รู้ว่านางจะไปต่อได้อย่างไรนางรู้สึกเสียใจเหลือเกินที่เลือกเขาตั้งแต่แรกตอนนี้พี่ห่าวค่อนข้างมีน้ำหนักในพระทัยของไท่ซ่างหวง ตอนนี้พระองค์ก็หายจากอาการป่วยแล้ว เขาจึงมีโอกาสมาก ตอนกลับมาถึงบ้านเกิดพร้อมกับท่านย่า เสียงของท่านแหบแห้งจนกระทั้งตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นนางรอจนกระทั้งมหาเสนาบดีฉู่กลับมาถึงในตอนเย็นเมื่อมหาเสนาบดีฉู่เห็นนาง เขาเอ่ยกับนางอย่างเย็นชา "เชิญพระชายาตามข้าไปที่ห้องหนังสือ"ฉู่หมิงชุ่ยตอบกลับ "เจ้าค่ะ!"เมื่อเข้ามาในห้องหนังสือมหาเสนาบดีฉู่ก็ถอดชุดคลุมตัวนอกออก แล้วแขวนไว้บนราวแขวน เขาสวมใส่ชุดสีดำลวดลายค้างคาวที่ดูหน้าเกรงขามและรัดกุมเขานั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ชิงชัน ฉู่หมิงชุ่ยกวาดสายตามองอย่างเคร่งขรึม "อ๋องฉีถูกแทง มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ?"มหาเสนาบดีฉู่ตอบกลับอย่างเย็นชา "เจ้าเป็นผู้สร้างปัญหา มาตอนนี้กลับกล้าแสดงความเห็นแล้ว""หลานสาวไร้ซึ่งอำนาจ คิดแล้วก็มีแค่เพียงหนทางนี้ที่จะหลีกเลี่ยงความสนใจ โดยทำให้คนอื่นคิดว่านอกเมืองก็ถูกล้อมเอาไว้ มีคนต้องการจัดการกับจวนอ๋องฉี" ฉู่หมิงชุ่ยคับข้องใจ"แล้ววิธีของเจ้าสำเร็จหรือไม่? เจ้าสามารถปิดบังอ๋องฉีไ
ฉู่หมิงชุ่ยทรุดตัวลงบนพื่น ใบหน้าของนางซีดเผือกนางฉลาดถึงเพียงนี้ ตามหมากที่ท่านปู่วางไว้ไม่ทันได้อย่างไร?สำหรับท่านปู่ตอนนี้นางกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้งแล้วตอนนี้นางรู้สึกเศร้าโศกและไม่พอใจจึงไม่สนใจเรื่องมารยาทอีกต่อไป นางเอ่ยถามออกไปอย่างเย็นชา "เพียงแค่เพราะท่านปู่ไม่ต้องการให้ข้าเป็นพระชายาฉีใช่หรือไม่? ไม่ทราบว่าท่านปู่หมายตาใครไว้? หมิงหยางรึเจ้าคะ?"เจ้าไม่ต้องกังวลใจหลอก แค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ" มหาเสนาบดีฉู่ตอบโดยที่คิ้วไม่ขมวด"เพราะเหตุใด?" ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวอย่างขมขื่น "หลานทำผิดเพียงครั้งเดียว ทำไมท่านปู่ถึงทอดทิ้งข้า? ข้าส่งโจ๊กออกไปแจกนอกเมืองนั้น ก็หมายความว่าท่านปู่ฝืนใจที่จะรับผิดชอบ ท่านปู่ท่านต่างหาก…"‘ผู้กระทำผิดสี่คำนี้ ชีวิตก็ถึงจุดจบ’ ฉู่หมิงชุ่ยไม่กล้าแม้แต่เอ่ยสี่คำนั้นออกมาแต่อย่างไรก็ตามมหาเสนาบดีฉู่เอ่ยอย่างเย็นชา "ผู้กระทำผิด? ไม่ผิดที่เจ้าเปิดโรงโจ๊ก ชื่อเสียงทั้งหมดล้วนแต่หมายความถึงคนแก่คนนี้ แต่น่าเสียดาย คนอย่างเจ้ามือไม่พายยังเอาเท้ามาราน้ำ ทำอะไรไม่สำเร็จทำได้เพียงสร้างความวุ่นวาย ไม่กี่วันก่อนคนในเมืองหลวงยังยกย่องเจ้า ทำไมเจ้าถึงไปพบฮู
นางแย้มยิ้มเล็กน้อย แล้วตอบเสียงเบาว่า "พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังหลวง"อ๋องฉีชั่วขณะนึงไม่รู้ว่านางต้องการทำสิ่งใด ดังนั้นจึงตอบรับเสียงในลำคอไป แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกดวงตาของฉู่หมิงชุ่ยแดงกล่ำมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา เสียงก็สั่นสะอื้น "ข้าทำผิดอะไรก็จะแก้ไข ที่จริงสองวันมานี้ข้ารู้สึกผิดเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร กลัวว่าสิ่งที่ทำลงไปจะทำให้ชื่อเสียงของท่านเสียหาย กลัวว่าจะมีส่วนให้ท่านถูกเสด็จพ่อลงโทษ ดังนั้นข้าเลยทำทุกวิธีทางที่จะหลีกเลี่ยงความผิด ข้าคิดว่าข้าตั้งครรภ์จริง ๆ แต่แล้วมันก็เป็นแค่เรื่องเผลอฝัน ข้ารู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ด่วนตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้ให้วังหลวงทราบ”นางสูดหายใจเข้า เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วพยายามกลั้นน้ำตาให้ไหลกลับไป "ดังนั้นพรุ่งนี้ข้าจึงจะเข้าวังไปเพื่อสารภาพผิด และยอมรับโทษในสิ่งที่ข้าก่อ"คำพูดนี้เกินจากสิ่งที่อ๋องฉีคาดหวังไว้เขาจ้องมองนาง นัยตาของนางเศร้า มีทั้งความรู้สึกผิด เสียใจ โทษตัวเอง และความดื้อรั้นอ๋องฉีกุมมือของนางแล้วกล่าวว่า "เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะช่วยให้เจ้าขอร้อง""เพคะ!" ฉู่หมิงชุ่ยน้ำตาไหลแต่ยังฝืนยิ้ม กลับทำให้คนมองเศร้าใจ "ขอบค