Share

บทที่ 325

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
"หยวนเจี๋ยเป็นผู้มีคุณธรรม!" หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างโกรธเคือง

"ข้ารู้ เมื่อครู่ข้ายังจงใจไปที่ประตูเมือง เขาไม่นำพาอาการบาดเจ็บกลับไปเฝ้าประตูเมือง" อวี่เหวินห่าวถอนหายใจ

หยวนชิงหลิงพูดไม่ออก

นางเป็นนักวิจัยที่ไม่เข้าใจเรื่องการเมือง แต่นางแค่คิดว่ามันจะทำร้ายจิตใจของผู้คน โดยเฉพาะคนที่มีคุณธรรม

"มีทางออกอื่นหรือไม่?" หยวนชิงหลิงกล่าวถาม

อวี่เหวินห่าวลังเลอยู่สักพัก ส่ายหัวพลางกล่าว "ไม่มี เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ"

หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ "โหดร้ายยิ่งนัก"

ทหารเฝ้าประตูผู้นั้นพยายามทำเต็มที่สุดกำลังความสามารถแล้ว อย่างน้อยก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่สมควรที่จะถูกลงโทษ

สองสามีภรรยาคับใจจนพูดไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา สับสนกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน อวี่เหวินห่าวจึงกล่าว "ความจริง ข้ายังไปหาจิ้งเหยียนที่กั๋วจื่อเจียน เขาเสนอวิธีหนึ่ง"

"วิธีไหน?"หยวนชิงหลิงรีบถาม

อวี่เหวินห่าวมองนาง กล่าวคำที่ดูซับซ้อนว่า "เขาให้เจ้าไปขอโทษ"

"ข้า?" หยวนชิงหลิงตกใจ "ข้าผิดอะไร? ข้าไม่มียศไม่มีตำแหน่ง สามารถขอโทษอะไรได้?"

"จิ้งเหยียนพูดว่า เจ้าในฐานะพระชา
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 326

    อวี่เหวินห่าวประหลาดใจ ข้าคิดว่าถึงจะแค่หนึ่งหรือสองประโยคสั้นๆ แต่นางก็มีประเด็นหลักที่น่าคิดนั่นก็คือความจริงที่ว่าเจ้าเจ็ดมีไม่กี่ชีวิต ที่พร้อมจะทำให้เขาได้เป็นรัชทายาทนี่อาจเป็นสาเหตุที่มหาเสนาบดีฉู่ไม่ได้แสดงจุดยืนของเขามาเป็นเวลานาน ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเขาเองก็อยากรู้เช่นกัน นางไม่สนใจตำแหน่งพระชายารัชทายาทเลยสักนิดหรือ? หลังจากได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท ต่อไปก็จะได้ขึ้นเป็นฮองเฮา แน่นอนก่อนที่เขาจะได้เป็นรัชทายาท จะสามารถอยู่อย่างมั่นคงจนถึงวันที่เขาขึ้นครองราชย์"เจ้าไม่หวังจะให้ข้าเป็นรัชทายาทจริงหรือ?" อวี่เหวินห่าวถามหยวนชิงหลิงมองเขาอย่างแปลกใจ "ทำไมถึงมาถามข้าว่าหวังหรือไม่หวัง ไม่ใช่ง่าข้าได้เป็นรัชทายาทนี่"“หากข้าได้เป็นรัชทายาท เจ้าก็ได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทแล้ว"หยวนชิงหลิงยิ้มอ่อน “พระชายาขององค์รัชทายาทกับพระชายาของอ๋อง มีอะไรแตกต่าง?"หวี่เหวินห่าวมองไปที่นาง "ทำไมไม่แตกต่าง? เจ้าอย่ามาแกล้งเลอะเลือนกับข้า เจ้าไม่อยากเป็นฮองเฮาเหรอ?" หยวนชิงหลิงหยิบถ้วยที่วางอยู่บนโต๊ะ พูดเสียงเบาว่า "ความคิดนั้นง่าย แต่ถนนหนทางมีอันตราย ไม่คุ้มค่า"

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 327

    เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างมองหน้ากัน พระชายาฉู่คุกเข่าขอโทษอยู่ด้านนอก?ห้องโถงด้านข้างอยู่ห่างจากห้องทรงพระอักษรไม่ไกลนัก จักรพรรดิหมิงหยวนเข้าไปข้างใน หยวนชิงหลิงถูกพาตัวเข้ามาจากประตูด้านข้างอีกบานหนึ่งหยวนชิงหลิงคุกเข่าลงมา ยังไม่ทันได้พูด จักรพรรดิหมิงหยวนก็เอ่ยเสียงเย็น "ลุกขึ้น ข้ารู้ว่าเจ้ามีจุดประสงค์อะไร รีบออกไปจากวัง"หยวนชิงหลิงรู้ว่าทุกอย่างจะถูกเปิดเผย แต่ว่าละครยังต้องมีบทจบ นางกล่าวด้วยความเศร้า "เสด็จพ่อ เรื่องที่ประตูเมือง ลูกสะใภ้ขอรับผิดทั้งหมด""เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า? เจ้าล้อเล่นอันใด?"จักรพรรดิหมิงหยวนหมดความอดทน เจ้าห้ากับภรรยาก่อแต่เรื่องวุ่นวายหยวนชิงหลิงกล่าวเสียงดัง "ข้าในฐานะพระชายาฉู่ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยความสนับสนุนจากราษฎร เมื่อเกิดเรื่องขึ้น ถึงแม้จะอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่สามารถระงับยับยั้งเหตุได้ ช่วยรักษาไว้ไม่ทัน ทำให้ผู้คนล้มบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เกิดความโกลาหลวุ่นวาย ทั้งหมดนี้ต้องตำหนิข้าที่ไม่ระงับเหตุแต่เนิ่น ๆ ทำให้เรื่องบานปลายไปใหญ่ เวลานั้นลูกสะใภ้อยู่บนกำแพงเมือง เห็นคนรอเข้าคิวก็กระสับกระส่าย คิดว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 328

    อวี่เหวินห่าวรอหยวนชิงหลิงอย่างกระวนกระวายใจที่หน้าประตูวังไม่รูว่าจะถูกด่าหรือไม่? ไม่รู้ว่าจะถูกเฆี่ยนตีไหม? ร่างนั้นไม่สามารถต้านทานการเฆี่ยนตีได้ซูยี่เห็นเขา จึงก้าวเข้าไปหาแล้วกล่าวว่า "ท่านอ๋องเข้าวังไปดูไม่ดีกว่าหรือ? พระชายามีปากเป็นอาวุธ และง่ายต่อการล่วงเกินผู้อื่น อาจจะไปทำให้ฮ่องเต้กริ้วก็เป็นได้”"อย่าเสียงดัง บางทีอาจไม่เป็นเช่นนั้น!" อวี่เหวินห่าวเอามือไขว้หลัง ทำไมยังไม่ออกมา? ถ้าจะโดนเฆี่ยนตีก็ควรจะตีเสร็จแล้ว เดินออกมาไม่ไหวก็ควรจะให้คนแบกออกมา?ซูยี่เบ้ปาก "พูดยาก พระชายาก่อเรื่องวุ่นวาย จับคนไหนกัดคนนั้น ล่วงเกินฝ่าบาท เฆี่ยนตียังนับว่าดี กลัวแต่…"อวี่เหวินห่าวยืดคอและตะโกนใส่เขา "ซูยี่ ถ้าเจ้าไม่พูดสักนาที จะเจ็บลิ้นตายเลยใช่หรือไม่?"ซูยี่พูดเสียงเบา "ข้าเป็นห่วง"ความเป็นห่วง ทำให้เขาพูดไร้สาระ การพูดไร้สาระทำให้พูดเรื่องเชิงลบได้ง่ายเขาก็ไม่มีวิธีที่จะบังคับตัวเองในที่สุดเมื่อเห็นนางข้าหลวงสี่กับหยวนชิงหลิงเดินออกมาพร้อมกันนางสวมชุดสีแดง ศีรษะตั้งตรง ก้าวที่มั่นคง มีจิตวิญญาณสูงส่ง เหมือนกับแม่ไก่หงอนแดงที่เพิ่งจะออกรบอวี่เหวินห่าวหัวใจกระโดด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 329

    หวี่เหวินห่าวหยิกแก้มนางอย่างแรง "ซูยี่บอกว่าเจ้ามีปากเป็นอาวุธ พูดไม่ผิดจริง ๆ"หยวนชิงหลิงเอาหัวไปพิงที่ไหล่ของเขา "ท่านคิดว่าเสด็จพ่อจะจัดการกับฉู่หมิงชุ่ยจริง ๆ หรือ?"หวี่เหวินห่าวลูบไปที่ผมของนาง "ยากที่จะคาดเดา ใครจะรู้?""อันที่จริงข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น แน่นอน ข้าเชื่อว่ามันจะไม่ไร้ประโยชน์“อย่างน้อยเสด็จพ่อยังไม่คิดจัดการกับหยวนเจี๋ย" หยวนชิงหลิงกล่าวอวี่เหวินห่าวไม่ส่งเสียง เขาก็คิดว่าคงจะไม่เป็นเช่นนั้นวันนั้นมหาเสนาบดีฉู่อยู่ตรงหน้าเขา เพื่อขอร้องแทนฉู่หมิงชุ่ย เห็นได้ว่ามหาเสนาบดีฉู่ไม่ยอมให้ฉู่หมิงชุ่ยเสียชื่อเสียงมหาเสนาบดีฉู่ยอมทำเพื่อเจ้าเจ็ด เสด็จพ่อก็ทำเพื่อเจ้าเจ็ด ดังนั้นคิดว่าสุดท้ายก็ต้องปล่อยฉู่หมิงชุ่ยไปมันไม่สำคัญสำหรับเขาเขาแค่ไม่อยากให้หยวนเจี๋ยต้องถูกลงโทษแต่ว่าใจของนางจะรับไม่ได้ใช่หรือไม่? อุตส่าห์เอาตัวเองเข้าไปแล้ว ก็ไม่สามารถลากฉู่หมิงชุ่ยลงน้ำได้เสด็จพ่อตาบอดจริง ๆ มีตาไม่รู้จัก ทองฝังหยกเขาจะขอความเป็นธรรมแทนหยวนชิงหลิงที่จวนอ๋องฉีฉู่หมิงชุ่ยนั่งอยู่ตรงหน้าเตียงอ๋องฉี ในมือยกชามซุปมาชามหนึ่ง ใช้ช้อนคนเบา ๆ ในชาม ควันลอยขึ้นม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 330

    ฉู่หมิงชุ่ยค่อย ๆ เดินมานั่งลงที่ข้างกายเขาอย่างช้า ๆ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือเขามาวางที่ท้องตัวเอง พร้อมกล่าวว่า "นี่คือลูกของเรา ที่จะเป็นองค์ชายของเราในอนาคต"อ๋องฉีตะลึงตกใจ รีบกระตุกมือออกมาพร้อมกับจ้องมองนางฉู่หมิงชุ่ยมองเขา ถามเขาอย่างเย็นชา "ท่านกลัวอะไร?"อ๋องฉีรู้สึกกลัวมาก เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าฉู่หมิงชุ่ยจะมีความคิดเช่นนี้ตอนนี้เขาเป็นท่านอ๋อง ถ้าท้องของนางเป็นผู้ชายก็จะได้เป็นรัชทายาท"ชุ่ยเอ๋อร์ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ!" อ๋องฉีหดมือกลับ ราวกับถูกไฟไหม้ที่แขนของตัวเอง เขาเอนตัวลงนอนโดยไม่สนใจบาดแผลที่แขนแม้แต่น้อยฉู่หมิงชุ่ยอยากจะตบหน้าเขาสักฉาดจริง ๆ นางตกตะลึง ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่นางเลือกจะไร้ประโยชน์เช่นนี้เวลาผ่านเนิ่นนาน นางจึงได้แต่ยิ้มออกมา "ท่านปู่ได้กล่าวกับข้า ต้องการสนับสนุนให้ท่านเป็นรัชทายาท ท่านปู่ให้ข้าลองทดสอบจิตใจของท่าน เมื่อครู่คือการทดสอบท่าน"อ๋องฉีค่อย ๆ หันกลับมา "ทดสอบ?""อืม ท่านปู่แค่อยากดูว่าใจท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ มีความกล้าที่จะรับหน้าที่นี้หรือไม่?" ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวตอบอ๋องฉีเงียบไปสักพัก "ท่านปู่คิดมากแล้ว เสด็จพ่อจะตัดสินพร

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 331

    นางไม่รู้ว่านางจะไปต่อได้อย่างไรนางรู้สึกเสียใจเหลือเกินที่เลือกเขาตั้งแต่แรกตอนนี้พี่ห่าวค่อนข้างมีน้ำหนักในพระทัยของไท่ซ่างหวง ตอนนี้พระองค์ก็หายจากอาการป่วยแล้ว เขาจึงมีโอกาสมาก ตอนกลับมาถึงบ้านเกิดพร้อมกับท่านย่า เสียงของท่านแหบแห้งจนกระทั้งตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นนางรอจนกระทั้งมหาเสนาบดีฉู่กลับมาถึงในตอนเย็นเมื่อมหาเสนาบดีฉู่เห็นนาง เขาเอ่ยกับนางอย่างเย็นชา "เชิญพระชายาตามข้าไปที่ห้องหนังสือ"ฉู่หมิงชุ่ยตอบกลับ "เจ้าค่ะ!"เมื่อเข้ามาในห้องหนังสือมหาเสนาบดีฉู่ก็ถอดชุดคลุมตัวนอกออก แล้วแขวนไว้บนราวแขวน เขาสวมใส่ชุดสีดำลวดลายค้างคาวที่ดูหน้าเกรงขามและรัดกุมเขานั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ชิงชัน ฉู่หมิงชุ่ยกวาดสายตามองอย่างเคร่งขรึม "อ๋องฉีถูกแทง มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ?"มหาเสนาบดีฉู่ตอบกลับอย่างเย็นชา "เจ้าเป็นผู้สร้างปัญหา มาตอนนี้กลับกล้าแสดงความเห็นแล้ว""หลานสาวไร้ซึ่งอำนาจ คิดแล้วก็มีแค่เพียงหนทางนี้ที่จะหลีกเลี่ยงความสนใจ โดยทำให้คนอื่นคิดว่านอกเมืองก็ถูกล้อมเอาไว้ มีคนต้องการจัดการกับจวนอ๋องฉี" ฉู่หมิงชุ่ยคับข้องใจ"แล้ววิธีของเจ้าสำเร็จหรือไม่? เจ้าสามารถปิดบังอ๋องฉีไ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 332

    ฉู่หมิงชุ่ยทรุดตัวลงบนพื่น ใบหน้าของนางซีดเผือกนางฉลาดถึงเพียงนี้ ตามหมากที่ท่านปู่วางไว้ไม่ทันได้อย่างไร?สำหรับท่านปู่ตอนนี้นางกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้งแล้วตอนนี้นางรู้สึกเศร้าโศกและไม่พอใจจึงไม่สนใจเรื่องมารยาทอีกต่อไป นางเอ่ยถามออกไปอย่างเย็นชา "เพียงแค่เพราะท่านปู่ไม่ต้องการให้ข้าเป็นพระชายาฉีใช่หรือไม่? ไม่ทราบว่าท่านปู่หมายตาใครไว้? หมิงหยางรึเจ้าคะ?"เจ้าไม่ต้องกังวลใจหลอก แค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ" มหาเสนาบดีฉู่ตอบโดยที่คิ้วไม่ขมวด"เพราะเหตุใด?" ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวอย่างขมขื่น "หลานทำผิดเพียงครั้งเดียว ทำไมท่านปู่ถึงทอดทิ้งข้า? ข้าส่งโจ๊กออกไปแจกนอกเมืองนั้น ก็หมายความว่าท่านปู่ฝืนใจที่จะรับผิดชอบ ท่านปู่ท่านต่างหาก…"‘ผู้กระทำผิดสี่คำนี้ ชีวิตก็ถึงจุดจบ’ ฉู่หมิงชุ่ยไม่กล้าแม้แต่เอ่ยสี่คำนั้นออกมาแต่อย่างไรก็ตามมหาเสนาบดีฉู่เอ่ยอย่างเย็นชา "ผู้กระทำผิด? ไม่ผิดที่เจ้าเปิดโรงโจ๊ก ชื่อเสียงทั้งหมดล้วนแต่หมายความถึงคนแก่คนนี้ แต่น่าเสียดาย คนอย่างเจ้ามือไม่พายยังเอาเท้ามาราน้ำ ทำอะไรไม่สำเร็จทำได้เพียงสร้างความวุ่นวาย ไม่กี่วันก่อนคนในเมืองหลวงยังยกย่องเจ้า ทำไมเจ้าถึงไปพบฮู

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 333

    นางแย้มยิ้มเล็กน้อย แล้วตอบเสียงเบาว่า "พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังหลวง"อ๋องฉีชั่วขณะนึงไม่รู้ว่านางต้องการทำสิ่งใด ดังนั้นจึงตอบรับเสียงในลำคอไป แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกดวงตาของฉู่หมิงชุ่ยแดงกล่ำมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา เสียงก็สั่นสะอื้น "ข้าทำผิดอะไรก็จะแก้ไข ที่จริงสองวันมานี้ข้ารู้สึกผิดเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร กลัวว่าสิ่งที่ทำลงไปจะทำให้ชื่อเสียงของท่านเสียหาย กลัวว่าจะมีส่วนให้ท่านถูกเสด็จพ่อลงโทษ ดังนั้นข้าเลยทำทุกวิธีทางที่จะหลีกเลี่ยงความผิด ข้าคิดว่าข้าตั้งครรภ์จริง ๆ แต่แล้วมันก็เป็นแค่เรื่องเผลอฝัน ข้ารู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ด่วนตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้ให้วังหลวงทราบ”นางสูดหายใจเข้า เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วพยายามกลั้นน้ำตาให้ไหลกลับไป "ดังนั้นพรุ่งนี้ข้าจึงจะเข้าวังไปเพื่อสารภาพผิด และยอมรับโทษในสิ่งที่ข้าก่อ"คำพูดนี้เกินจากสิ่งที่อ๋องฉีคาดหวังไว้เขาจ้องมองนาง นัยตาของนางเศร้า มีทั้งความรู้สึกผิด เสียใจ โทษตัวเอง และความดื้อรั้นอ๋องฉีกุมมือของนางแล้วกล่าวว่า "เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะช่วยให้เจ้าขอร้อง""เพคะ!" ฉู่หมิงชุ่ยน้ำตาไหลแต่ยังฝืนยิ้ม กลับทำให้คนมองเศร้าใจ "ขอบค

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status