แชร์

บทที่ 331

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
นางไม่รู้ว่านางจะไปต่อได้อย่างไร

นางรู้สึกเสียใจเหลือเกินที่เลือกเขาตั้งแต่แรก

ตอนนี้พี่ห่าวค่อนข้างมีน้ำหนักในพระทัยของไท่ซ่างหวง ตอนนี้พระองค์ก็หายจากอาการป่วยแล้ว เขาจึงมีโอกาสมาก

ตอนกลับมาถึงบ้านเกิดพร้อมกับท่านย่า เสียงของท่านแหบแห้งจนกระทั้งตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้น

นางรอจนกระทั้งมหาเสนาบดีฉู่กลับมาถึงในตอนเย็น

เมื่อมหาเสนาบดีฉู่เห็นนาง เขาเอ่ยกับนางอย่างเย็นชา "เชิญพระชายาตามข้าไปที่ห้องหนังสือ"

ฉู่หมิงชุ่ยตอบกลับ "เจ้าค่ะ!"

เมื่อเข้ามาในห้องหนังสือมหาเสนาบดีฉู่ก็ถอดชุดคลุมตัวนอกออก แล้วแขวนไว้บนราวแขวน เขาสวมใส่ชุดสีดำลวดลายค้างคาวที่ดูหน้าเกรงขามและรัดกุม

เขานั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ชิงชัน ฉู่หมิงชุ่ยกวาดสายตามองอย่างเคร่งขรึม "อ๋องฉีถูกแทง มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ?"

มหาเสนาบดีฉู่ตอบกลับอย่างเย็นชา "เจ้าเป็นผู้สร้างปัญหา มาตอนนี้กลับกล้าแสดงความเห็นแล้ว"

"หลานสาวไร้ซึ่งอำนาจ คิดแล้วก็มีแค่เพียงหนทางนี้ที่จะหลีกเลี่ยงความสนใจ โดยทำให้คนอื่นคิดว่านอกเมืองก็ถูกล้อมเอาไว้ มีคนต้องการจัดการกับจวนอ๋องฉี" ฉู่หมิงชุ่ยคับข้องใจ

"แล้ววิธีของเจ้าสำเร็จหรือไม่? เจ้าสามารถปิดบังอ๋องฉีไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 332

    ฉู่หมิงชุ่ยทรุดตัวลงบนพื่น ใบหน้าของนางซีดเผือกนางฉลาดถึงเพียงนี้ ตามหมากที่ท่านปู่วางไว้ไม่ทันได้อย่างไร?สำหรับท่านปู่ตอนนี้นางกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้งแล้วตอนนี้นางรู้สึกเศร้าโศกและไม่พอใจจึงไม่สนใจเรื่องมารยาทอีกต่อไป นางเอ่ยถามออกไปอย่างเย็นชา "เพียงแค่เพราะท่านปู่ไม่ต้องการให้ข้าเป็นพระชายาฉีใช่หรือไม่? ไม่ทราบว่าท่านปู่หมายตาใครไว้? หมิงหยางรึเจ้าคะ?"เจ้าไม่ต้องกังวลใจหลอก แค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ" มหาเสนาบดีฉู่ตอบโดยที่คิ้วไม่ขมวด"เพราะเหตุใด?" ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวอย่างขมขื่น "หลานทำผิดเพียงครั้งเดียว ทำไมท่านปู่ถึงทอดทิ้งข้า? ข้าส่งโจ๊กออกไปแจกนอกเมืองนั้น ก็หมายความว่าท่านปู่ฝืนใจที่จะรับผิดชอบ ท่านปู่ท่านต่างหาก…"‘ผู้กระทำผิดสี่คำนี้ ชีวิตก็ถึงจุดจบ’ ฉู่หมิงชุ่ยไม่กล้าแม้แต่เอ่ยสี่คำนั้นออกมาแต่อย่างไรก็ตามมหาเสนาบดีฉู่เอ่ยอย่างเย็นชา "ผู้กระทำผิด? ไม่ผิดที่เจ้าเปิดโรงโจ๊ก ชื่อเสียงทั้งหมดล้วนแต่หมายความถึงคนแก่คนนี้ แต่น่าเสียดาย คนอย่างเจ้ามือไม่พายยังเอาเท้ามาราน้ำ ทำอะไรไม่สำเร็จทำได้เพียงสร้างความวุ่นวาย ไม่กี่วันก่อนคนในเมืองหลวงยังยกย่องเจ้า ทำไมเจ้าถึงไปพบฮู

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 333

    นางแย้มยิ้มเล็กน้อย แล้วตอบเสียงเบาว่า "พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังหลวง"อ๋องฉีชั่วขณะนึงไม่รู้ว่านางต้องการทำสิ่งใด ดังนั้นจึงตอบรับเสียงในลำคอไป แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกดวงตาของฉู่หมิงชุ่ยแดงกล่ำมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา เสียงก็สั่นสะอื้น "ข้าทำผิดอะไรก็จะแก้ไข ที่จริงสองวันมานี้ข้ารู้สึกผิดเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร กลัวว่าสิ่งที่ทำลงไปจะทำให้ชื่อเสียงของท่านเสียหาย กลัวว่าจะมีส่วนให้ท่านถูกเสด็จพ่อลงโทษ ดังนั้นข้าเลยทำทุกวิธีทางที่จะหลีกเลี่ยงความผิด ข้าคิดว่าข้าตั้งครรภ์จริง ๆ แต่แล้วมันก็เป็นแค่เรื่องเผลอฝัน ข้ารู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ด่วนตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้ให้วังหลวงทราบ”นางสูดหายใจเข้า เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วพยายามกลั้นน้ำตาให้ไหลกลับไป "ดังนั้นพรุ่งนี้ข้าจึงจะเข้าวังไปเพื่อสารภาพผิด และยอมรับโทษในสิ่งที่ข้าก่อ"คำพูดนี้เกินจากสิ่งที่อ๋องฉีคาดหวังไว้เขาจ้องมองนาง นัยตาของนางเศร้า มีทั้งความรู้สึกผิด เสียใจ โทษตัวเอง และความดื้อรั้นอ๋องฉีกุมมือของนางแล้วกล่าวว่า "เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะช่วยให้เจ้าขอร้อง""เพคะ!" ฉู่หมิงชุ่ยน้ำตาไหลแต่ยังฝืนยิ้ม กลับทำให้คนมองเศร้าใจ "ขอบค

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 334

    คืนนี้หยวนชิงหลิงรู้สึกเหมือนว่าเธอกลืนแมลงวันลงไปเพราะอวี่เหวินห่าวบอกว่าไม่รู้จะเอ่ยเรียกชื่อเธออย่างไรจะเรียกว่าหยวนชิงหลิงเลยก็ดูทื่อ ๆ ไม่มีอะไรเลยพระชายาเฉยเมยเกินไป เจ้าระเบียบเกินไปชิงชิง…แค่คิดขนกูลุกไปทั้งตัวอาหลิง และออกเสียงเหมือนกับอาหลิง อาหลิงที่ติดปากของเขาคืออวี่เหวินหลิงหลิงเออร์...ก่อนที่คำว่าเออร์จะหลุดออกมา หยวนชิงหลิงก็ตบเขาไปก่อน สามีภรรยาก็คลื่นไส้ในที่สุดอวี่เหวินห่าวก็ตัดสินใจได้ เหล่าหยวนในหัวสมองของหยวนชิงหลิงอยู่ ๆ ก็มีรูปภาพปรากฏขึ้นผู้นำคนนึงกุมมือชายชราผมขาวตัวสั่น ๆ กุมมือชายชราอีกคนไว้แล้วกล่าวอย่างยินดี "สหายเหล่าหยวน เจ้าทำงานมาอย่างยากลำบากตลอดสี่สิบปีนี้ วันนี้เจ้าก็จะได้หยุดพักอย่างสบายแล้วนะ!"หยวนชิงหลิงแทบจะกระอักเลือดออกมาจากปากเหล่าหยวน ชื่อแก่อะไรขนาดนี้ ตอนนี้เธอเป็นแค่เด็กสาวอายุแค่สิบเจ็ดปีเองนะเธอถามอย่างหงุดหงิด "แล้วจะให้ข้าเรียกท่านว่าอะไรดี?อวี่เหวินห่าวตอบ "เรียกองค์ชาย!"หยวนชิงหลิงไม่สนใจเขาแล้วหันมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็หันหลังให้เขาอวี่เหวินห่าวคว้าข้อมือเธอไว้ "โกรธรึ? เยี่ยงนั้นเจ้าบอกมาสิจะเรียกว่าอะไร"

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 335

    เธอถาม "อ๋องฉีเสด็จไปพร้อมกับภรรยาหรือไม่?"อวี่เหวินห่าวส่ายหัว "ไม่ ไม่ได้ไป พระชายาฉีไปผู้เดียว"หยวนชิงหลิงรู้สึกแปลกใจอีกครั้ง "เรื่องใหญ่ขนาดนี้ อ๋องฉีผู้พิทักษ์ภรรยาไม่ไปด้วยรึ? หรือรู้ตัวแล้ว?"ข้าก็รู้สึกว่ามันน่าแปลก กำลังคิดอยู่ว่าควรจะไปที่จวนอ๋องฉีถามดูดีหรือไม่? อวี่เหวินห่าวมองใบหน้าเธอขึ้นลงเพื่อสังเกตว่าเธอจะขัดขวางหรือไม่หยวนชิงหลิงตอบ "ไปสิ"นี้มันง่ายเกินไป ต้องเป็นหลุมพลางแน่นอน "ช่างเถอะ ไม่จำเป็นที่ต้องไป"หยวนชิงหลิงแย้ง "ไปเถอะ!"หยวนชิงหลิงไม่ได้คิดเรื่องที่เขาวางแผนอะไร เพียงแค่รู้สึกว่ามันแปลกที่ฉู่หมิงชุ่ยยอมไปสารภาพผิดด้วยตัวเอง ที่น่าแปลกใจกว่าคือเพราะอะไรอ๋องฉีถึงไม่เสด็จไปด้วย จึงไม่สามารถที่จะหยุดการนินทาลุกไหม้โหมกระหน่ำเหมือนไฟได้อวี่เหวินห่าวหันกลับมาตอบ "ไม่ไป!"บอกไปแล้วว่าไม่ไปแล้ว ยังมีสำนักก็ต้องไม่ดูถูกคนอวี่เหวินห่าวกลับไปที่สำนักผู้ตรวจการ หยวนชิงหลิงไปที่จวนอ๋องหวยก่อนแล้วค่อยไปจวนอ๋องซุนตั้งแต่อ๋องซุนได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่เคยไปที่จวนอ๋องฉู่อีกเลยหยวนชิงหลิงรู้สึกเสียมารยาทมากที่ก่อนหน้านี้ไม่ไปเยี่ยมไม่รู้ว่าพระชายาของเขาจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 336

    อ๋องซุนหลังจากอาบน้ำแต่งกายเสร็จเรียบร้อยจึงออกมาความจริงแล้วเขาก็ดูผอมลงไปเล็กน้อย ถึงจะน้อยมาก แต่ก็สามารถดูออก จนเป็นที่น่าตกใจ"พี่รองมีความอดทนมากจริง ๆ" หยวนชิงหลิงเอ่ยให้กำลังใจอ๋องซุนโบกมือไปมา "ออกกำลังกายสักหน่อยก็ดี อีกครู่ข้าค่อยฝึกดาบ"หยวนชิงหลิงประหลาดใจ "ฝึกดาบ? วันนี้พี่รองนั้นออกกำลังกายอย่างหนัก ไม่แปลกที่น้ำหนักจะลดลงมา""ในการฝึกดาบ ต้องฝึกอย่างระมัดระวัง" อ๋องซุนพูดอย่างไม่อาย "ข้ายังสามารถฝึกฝนได้ อาจารย์ก็จะพูดเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เทียบกับเจ้าห้าก็ต่างกันไม่มากหลอก"พระชายาซุนสำลักชาที่จิบอยู่หยวนชิงหลิงมองไปที่พระชายาซุน และพบว่านางชอบที่จะทำลายความมั่นใจของอ๋องซุนเป็นอย่างมากฝีมือการต่อสู้ของอวี่เหวินห่าวสูงขนาดไหน หยวนชิงหลิงไม่รู้ เธอก็ไม่เคยเห็นจริง ๆแต่ดูจากปฏิกิริยาของพระชายาซุน เจ้าห้าน่าจะมีฝีมือการต่อสู้ที่ดี"เจ้ายิ้มอะไร? คิดว่าข้าสู้เจ้าห้าไม่ได้รึ?" อ๋องซุนจ้องพระชายาซุนอย่างโกรธเคือง"ไม่ใช่เพคะ จะเป็นไปได้อย่างไร? ถึงเวลาสู้กัน เจ้าห้าก็ไม่ใช่คู่มือของท่าน ท่านสามารถนั่งทับเขาจนตายได้" พระชายาซุนตอบอย่างจริงจังอ๋องซุนหันหลังเดินจา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 337

    ไม่กี่วันต่อมาอ๋องหวยก็สามารถเข้าวังหลวงได้อย่างสงบจักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อมองดูบุตรชายที่เกือบตายผู้นี้ก็ตื่นเต้นมาก ต่อหน้าสนมหลู่เฟย เขาสั่งให้ขันทีมู่หรูมอบรางวัลให้หยวนชิงหลิงเป็นเงินรางวัลราว ๆ หนึ่งพันตำลึง ฝั่งหยวนชิงหลิงได้รับรางวัลนี้ แต่ฝั่งฉู่หมิงชุ่ยแทบกระอักเลือดออกมานอกจากต้องรับผิดชอบค่ารักษาและค่ายาของชาวบ้านที่บาดเจ็บแล้ว นางยังบริจาคเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นเกียรติแก่ราชสำนักใช้สำหรับโรงทานร้านโจ๊กที่นอกเมืองอีกหนึ่งเดือน จักรพรรดิหมิงหยางไม่พอใจเรื่องที่ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวเท็จเรื่องตั้งครรภ์ถึงจะไม่ได้ดุด่า แต่เมื่อกลับถึงวังหลังแล้วก็เกรี้ยวกราดใส่ฮองเฮาฮองเฮาเรียกฉู่หมิงชุ่ยเข้ามาวังหลังและตำหนิ ถึงในใจฉู่หมิงชุ่ยจะไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยขัด ทำได้เพียงรับคำตำหนิสิ่งที่ทำให้นางเศร้าใจที่สุดคือ ฮองเฮาตำหนินาง อ๋องฉีไม่ได้เอ่ยช่วยนางแม้แต่ครึ่งคำ ยืนรับฟังเงียบ ๆ เหมือนท่อนไม้สองวันถัดมา ฮ่องเฮาก็ได้จัดงานชมดอกไม้ขึ้นมาเชิญเหล่าคุณหนู คุณชายจากตระกูลขุนนางเข้าไปในวังเพื่อชมสวนดอกไม้ ทั้งองค์ชายและพระชายาจึงต้องไปร่วมงานหยวนชิงหลิงก็ต้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 338

    ซูยี่กุมหัวแล้วเดินออกไป หลังจากถูกทุบตี เขาต้องทำหน้าที่เป็นสารถีรถให้พระชายาหยวนชิงหลิงนั่งอยู่บนรถม้า เห็นซูจี่เดินออกมาสีหน้าไม่ค่อยดีกระโดดขึ้นมาบนรถม้า เธอก็พูดว่า "เจ้าจะพาข้าไป?""ท่านอ๋องให้ข้าน้อยเป็นคนขี่รถม้าพาพระชายาเข้าวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ" ซูยี่กระซิบหยวนชิงหลิงยิ้ม "เป็นอย่างไร? เขาโกรธอีกแล้วรึ?"ซูยี่ไม่กล้าบ่นแล้ว "หม่อมฉันปากไม่ดี ชอบทำให้ท่านอ๋องโกรธเสมอพ่ะย่ะค่ะ"หยวนชิงหลิงลดม่านลงและยิ้ม ซูยี่เป็นถุงลมนิรภัยจริง ๆ ซูยี่แอบเปิดม่านแล้วมุดหัวเข้ามา "พระชายาที่ที่ท่านถามถึงนั้น ข้าน้อยจะพาไปอีกวันพ่ะย่ะค่ะ" ท่านอ๋องรับใช้ยาก แต่เขาควรจะเอาใจพระชายาให้มาก หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นในอนาคต พระชายาจะปกป้องเขาได้นางข้าหลวงสี่ยิ้มเยาะ "เห็นแล้วเจ้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่จริง ๆ พระชายาพูดแล้วหัวเราะ เจ้าจริงจังรึ? แต่อย่าเที่ยวเอาไปพูดไร้สาระ ข้าจะตัดลิ้นเจ้า ไม่แปลกที่ท่านอ๋องทุบตีเจ้าเสมอ เจ้าสมควรโดนแล้ว"ซูยี่ค่อย ๆ หดหัวกลับไป ภายในใจรู้สึกโศกเศร้าเมื่อเร็ว ๆ นี้จำ หากมีใครกลั่นแกล้งใคร? เขาก็จะโดนด่าตลอด!รถม้ากำลังขับอยู่บนถนนนชิงเนียว ล้อรถก็ส่งเสียงเอี๊

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 339

    "ใช่เจ้าค่ะ ไม่พบกันนาน ท่านมหาเสนาบดีฉู่สบายดีหรือไม่เจ้าคะ?" นางข้าหลวงสี่กล่าว"ก็ดี ตอนนี้ท่านข้าหลวงทำงานรับใช้พระชายางั้นรึ?" มหาเสนาบดีฉู่เหมือนทักทาย แต่หยวนชิงหลิงกลับฟังเหมือนใส่อารมณ์ไปสิบส่วน "ใช่เจ้าค่ะ" นางข้าหลวงสี่ตอบ นางไม่ได้มองหน้าฉู๋โซ่วฝูโดยตรง แต่มหาเสนาบดีฉู่ยังคงจ้องไปที่นางหยวนชิงหลิงรู้สึกเป็นส่วนเกินเล็กน้อยจนถอยหลังลงมาเธอรู้ว่ามีบางอย่างระหว่างนางข้าหลวงสี่กับท่านมหาเสนาบดีฉู่… พัวพันกันแต่ไม่ชัดเจนอย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เธอคิดว่า มันนานมาแล้วและคิดว่าสองคนนี้จะไม่สนใจกันอีกต่อไปแล้วโดยเฉพาะมหาเสนาบดีฉู่ที่ตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่สูง เขาจะจำได้หรือว่าเคยถูกนางในวังหลวงทำให้หัวใจเต้น?อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้นคนขับรถม้าและซูยี่ช่วยกันนำรถม้าเคลื่อนออกไปจากการถนนได้แล้วคนขับรถเดินเข้ามาบอก "นายท่าน สามารถไปได้แล้วขอรับ"มหาเสนาบดีฉู่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันมาทางหยวนชิงหลิง "ข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว""ใต้เท้าเดินทางปลอดภัย!" หยวนชิงหลิงกล่าวมหาเสนาบดีฉู่ไม่ได้หัวกลับมา แต่มองไปทางนางข้าหลวงสี่สายตาของเขาอ่อนลงอย่า

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status