แชร์

บทที่ 337

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ไม่กี่วันต่อมาอ๋องหวยก็สามารถเข้าวังหลวงได้อย่างสงบ

จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อมองดูบุตรชายที่เกือบตายผู้นี้ก็ตื่นเต้นมาก ต่อหน้าสนมหลู่เฟย เขาสั่งให้ขันทีมู่หรูมอบรางวัลให้หยวนชิงหลิง

เป็นเงินรางวัลราว ๆ หนึ่งพันตำลึง

ฝั่งหยวนชิงหลิงได้รับรางวัลนี้ แต่ฝั่งฉู่หมิงชุ่ยแทบกระอักเลือดออกมา

นอกจากต้องรับผิดชอบค่ารักษาและค่ายาของชาวบ้านที่บาดเจ็บแล้ว นางยังบริจาคเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นเกียรติแก่ราชสำนักใช้สำหรับโรงทานร้านโจ๊กที่นอกเมืองอีกหนึ่งเดือน

จักรพรรดิหมิงหยางไม่พอใจเรื่องที่ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวเท็จเรื่องตั้งครรภ์

ถึงจะไม่ได้ดุด่า แต่เมื่อกลับถึงวังหลังแล้วก็เกรี้ยวกราดใส่ฮองเฮา

ฮองเฮาเรียกฉู่หมิงชุ่ยเข้ามาวังหลังและตำหนิ ถึงในใจฉู่หมิงชุ่ยจะไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยขัด ทำได้เพียงรับคำตำหนิ

สิ่งที่ทำให้นางเศร้าใจที่สุดคือ ฮองเฮาตำหนินาง อ๋องฉีไม่ได้เอ่ยช่วยนางแม้แต่ครึ่งคำ ยืนรับฟังเงียบ ๆ เหมือนท่อนไม้

สองวันถัดมา ฮ่องเฮาก็ได้จัดงานชมดอกไม้ขึ้นมา

เชิญเหล่าคุณหนู คุณชายจากตระกูลขุนนางเข้าไปในวังเพื่อชมสวนดอกไม้ ทั้งองค์ชายและพระชายาจึงต้องไปร่วมงาน

หยวนชิงหลิงก็ต้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 338

    ซูยี่กุมหัวแล้วเดินออกไป หลังจากถูกทุบตี เขาต้องทำหน้าที่เป็นสารถีรถให้พระชายาหยวนชิงหลิงนั่งอยู่บนรถม้า เห็นซูจี่เดินออกมาสีหน้าไม่ค่อยดีกระโดดขึ้นมาบนรถม้า เธอก็พูดว่า "เจ้าจะพาข้าไป?""ท่านอ๋องให้ข้าน้อยเป็นคนขี่รถม้าพาพระชายาเข้าวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ" ซูยี่กระซิบหยวนชิงหลิงยิ้ม "เป็นอย่างไร? เขาโกรธอีกแล้วรึ?"ซูยี่ไม่กล้าบ่นแล้ว "หม่อมฉันปากไม่ดี ชอบทำให้ท่านอ๋องโกรธเสมอพ่ะย่ะค่ะ"หยวนชิงหลิงลดม่านลงและยิ้ม ซูยี่เป็นถุงลมนิรภัยจริง ๆ ซูยี่แอบเปิดม่านแล้วมุดหัวเข้ามา "พระชายาที่ที่ท่านถามถึงนั้น ข้าน้อยจะพาไปอีกวันพ่ะย่ะค่ะ" ท่านอ๋องรับใช้ยาก แต่เขาควรจะเอาใจพระชายาให้มาก หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นในอนาคต พระชายาจะปกป้องเขาได้นางข้าหลวงสี่ยิ้มเยาะ "เห็นแล้วเจ้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่จริง ๆ พระชายาพูดแล้วหัวเราะ เจ้าจริงจังรึ? แต่อย่าเที่ยวเอาไปพูดไร้สาระ ข้าจะตัดลิ้นเจ้า ไม่แปลกที่ท่านอ๋องทุบตีเจ้าเสมอ เจ้าสมควรโดนแล้ว"ซูยี่ค่อย ๆ หดหัวกลับไป ภายในใจรู้สึกโศกเศร้าเมื่อเร็ว ๆ นี้จำ หากมีใครกลั่นแกล้งใคร? เขาก็จะโดนด่าตลอด!รถม้ากำลังขับอยู่บนถนนนชิงเนียว ล้อรถก็ส่งเสียงเอี๊

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 339

    "ใช่เจ้าค่ะ ไม่พบกันนาน ท่านมหาเสนาบดีฉู่สบายดีหรือไม่เจ้าคะ?" นางข้าหลวงสี่กล่าว"ก็ดี ตอนนี้ท่านข้าหลวงทำงานรับใช้พระชายางั้นรึ?" มหาเสนาบดีฉู่เหมือนทักทาย แต่หยวนชิงหลิงกลับฟังเหมือนใส่อารมณ์ไปสิบส่วน "ใช่เจ้าค่ะ" นางข้าหลวงสี่ตอบ นางไม่ได้มองหน้าฉู๋โซ่วฝูโดยตรง แต่มหาเสนาบดีฉู่ยังคงจ้องไปที่นางหยวนชิงหลิงรู้สึกเป็นส่วนเกินเล็กน้อยจนถอยหลังลงมาเธอรู้ว่ามีบางอย่างระหว่างนางข้าหลวงสี่กับท่านมหาเสนาบดีฉู่… พัวพันกันแต่ไม่ชัดเจนอย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เธอคิดว่า มันนานมาแล้วและคิดว่าสองคนนี้จะไม่สนใจกันอีกต่อไปแล้วโดยเฉพาะมหาเสนาบดีฉู่ที่ตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่สูง เขาจะจำได้หรือว่าเคยถูกนางในวังหลวงทำให้หัวใจเต้น?อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้นคนขับรถม้าและซูยี่ช่วยกันนำรถม้าเคลื่อนออกไปจากการถนนได้แล้วคนขับรถเดินเข้ามาบอก "นายท่าน สามารถไปได้แล้วขอรับ"มหาเสนาบดีฉู่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันมาทางหยวนชิงหลิง "ข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว""ใต้เท้าเดินทางปลอดภัย!" หยวนชิงหลิงกล่าวมหาเสนาบดีฉู่ไม่ได้หัวกลับมา แต่มองไปทางนางข้าหลวงสี่สายตาของเขาอ่อนลงอย่า

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 340

    หลังจากที่คิดอยู่นานหยวนชิงหลิงก็ตอบว่า "ตอนนั้นข้าไม่กล้าทำ""ไม่กล้า? มันไม่ใช่เหตุผลที่ดีเลยจริง ๆ เพคะ" นางข้าหลวงสี่กล่าวหยวนชิงหลิงยิ้มแล้วพูดว่า "ใช่ มันไม่ใช่เหตุผลที่ดีเลยจริง ๆ"อย่างไรก็ตามก็มีความคิดอย่างนั้นจริง มันเป็นสถานการณ์ที่จนมุม "แล้วอย่างไรเพคะ?" นางข้าหลวงสี่ถามต่อหยวนชิงหลิงถอนหายใจ "ไม่รู้ ชะตากรรมระหว่างผู้คนนั้นแปลกประหลาด ข้าอยู่ในวังหลวงร่างกายได้รับบาดเจ็บ ท่านเป็นคนเดียวที่ดีกับข้า ข้าจะจำความดีนี้ตลอดไป"คำพูดนี้หลังจากที่ถูกนางข้าหลวงสี่ทรยศหักหลัง ไม่มีความจริงเอาซะเลยอย่างไรก็ตามนางข้าหลวงสี่รู้สึกสะเทือนใจราวกับน้ำตาจะไหลออกมา"ตลอดไป" นางข้าหลวงสี่พึมพำด้วยรอยยิ้มเศร้า "เมื่อนานมาแล้วมีคนเคยบอกกับข้าว่าจะดีต่อข้าตลอดไป""เขาไม่ได้ทำเยี่ยงนั้นหรือ?" หยวชิงหลิงถาม นางสันนิษฐานว่าคนผู้นั้นคือมหาเสนาบดีฉู่ใช่หรือไม่นะ? ใช่แล้ว มหาเสนาบดีฉู่จะมาชอบนางกำนัลได้อย่างไร "ข้าไม่เชื่อ!" นางข้าหลวงสี่พูดด้วยสีหน้างุนงง "ใครจะเชื่อเล่า? เขาเป็นใคร ข้าเป็นใคร? ใครจะเชื่อ ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ เยี่ยงนี้ดีที่สุดแล้ว"ทฤษฎีแมวของชโรดิงเงอร์หากไม่เชื่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 341

    มันไม่ใช่ตอนกลางวันแสก แต่งานกลับถูกจัดขึ้นอย่างเร่งรีบเช่นนี้ จึงทำให้ผู้คนสงสัยในพระประสงค์ของฮองเฮาเมื่อหยวนชิงหลิงมาถึง พระชายาซุนก็มาถึงแล้วเช่นกัน นางจึงเดินเข้าไปทักทายหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงมองไปที่แสงไฟก็เห็นเหล่าคุณหนูแต่งตัวแต่งหน้ามาประชันความงามกัน นางก็เห็นฉู่หมิงชุยจากระยะไกล และน้องสาวของฉู่หมิงชุยก็อยู่ที่นั่นด้วย"คืนนี้ช่างมีชีวิตชีวานัก!" หยวนชิงหลิงกล่าวพระชายาซุนยิ้มและกล่าวว่า "แน่นอนว่าต้องมีชีวิตชีวา ฮองเฮาส่งเทียบเชิญเอง ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธ?""ยกไปจัดตอนกลางวันไม่ดีกว่าหรือ?" หยวนชิงหลิงกล่าวพระชายาซุนกล่าว "ได้ยินมาว่าสำนักดาราศาสตร์บอกว่าจะมีฝนตกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และเหล่าคุณหนูทั้งหลายจะเขินอายเมื่อต้องเปียกฝน นอกจากนี้ฮองเฮายังร้อนใจ อย่างไรก็ตามไม่จัดตอนกลางคืนแน่นอน"มันเป็นอย่างนี้นี่เองพระชายาซุนและหยวนชิงหลิงเดินไปข้างหน้า และเหล่าองค์หญิงเกือบทั้งหมดก็มาเข้าร่วมอวี่เหวินหลิงเห็นหยวนชิงหลิงก็ดีใจยิ่งนัก เขาแล้วจับมือนางไว้ "ไปกันเถอะ พวกเราไปเข้าเฝ้าฮองไทเฮาก่อน แล้วค่อยไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่”“ไทเฮาเสด็จมาหรือเพคะ? ไม่ควรไปเข้าเฝ้าไทเฮา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 342

    อวี่เหวินหลิงบอก "ข้ารู้ กับผู้อื่นข้าย่อมไม่กล้าพูดเช่นนี้ แต่ข้าวางใจพี่สะใภ้ห้า"หยวนชิงหลิงยิ้ม เด็กคนนี้ช่างไร้เดียงสาเสียจริง ระหว่างพวกเขาไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกันมากนัก การเชื่อใจผู้คนง่าย ๆ เกินไปเช่นนี้ไม่ค่อยดีนักอย่างไรก็ตาม นางประทับใจในความเรียบง่ายของเด็กคนหนึ่งความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนควรจะเรียบง่าย แต่การเติบโตในวังหลวง ความเงียบง่ายก็อาจทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้"พี่สะใภ้ห้า เสด็จแม่ไม่ชอบท่านมาก วันหลังข้าจะช่วยพูดให้ท่านสักสองสามคำ" อวี่เหวินหลิงกล่าวหยวนชิงหลิงยิ้มแล้วส่ายหัว "ไม่ต้องหรอก ความคิดของนางที่มีต่อข้านั้นไม่สามารถเปลี่ยนได้ในชั่วระยะเวลาสั้น ๆ บางทีทั้งชีวิตนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนได้แล้ว""เพราะเหตุใด?" อวี่เหวินหลิงถามอย่างแปลกใจหยวนชิงหลิงกล่าว "ตั้งแต่ในสมัยโบราณ แม่สามีและลูกสะใภ้ล้วนไม่ชอบกัน เพราะพวกเรารักผู้ชายคนเดียวกัน"อวี่เหวินหลิงปิดปากแล้วหัวเราะ "เยี่ยงนั้นท่านก็ไม่ชอบเสด็จแม่ด้วยหรือ?""ใช่แล้ว ไม่ใช่ไม่น่ามอง แค่รำคาญเฉย ๆ”"จะเป็นไปได้เยี่ยงไร? มันสายไปแล้วที่ข้าจะทำให้นางพอใจ"เห็นได้ชัดว่าอวี่เหวินหลิงไม่ได้ให้สนใจกับคำถามนี้ เข

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 343

    "จริงสิ งานชมดอกไม้ในคืนนี้ ความจริงแล้วกำลังมองหาพระชายารองให้พี่ชายข้า หย่งอี้ เจ้าชอบพี่ชายคนไหนของข้าล่ะ?" อวี่เหวินหลิงเอ่ยถามหยวนหย่งอี้หันไปมองหยวนชิงหลิงอย่างไร้เดียงสา "อ๋องฉู่"หยวนชิงหลิงตกใจ หันไปมองหญิงสาวที่น่ารักและมีเสน่ห์คนนี้ช่วยไม่ได้ที่เธอชอบเด็กสาวคนนี้ อวี่เหวินห่าว ลามกนั้นเห็นแล้วจะเป็นยังไง?อวี่เหวินหลิงเอ่ยอย่างมีความสุข "ดีเลย เจ้าแต่งเป็นพระชายารองให้กับพี่ห้าของข้า และเป็นสหายกับพี่สะใภ้ห้าของข้า""ใช่แล้ว!" หยวนชิงหลิงพยักหน้าอย่างตื่นเต้นดวงตากวางยังคงล่องลอยไปทางหยวนชิงหลิง "พี่สะใภ้ห้า ท่านว่าอย่างไร? ถึงเวลาเมื่อเสด็จแม่ถามว่าท่านชอบใคร ท่านก็บอกว่าชอบหลิงอี้" อวี่เหวินหลิงกล่าวอย่างมีความสุขหยวนชิงหลิงมองไปยังหย่งอี้ด้วยรอยยิ้ม และพยายามอดกลั้นแรงยั่วยุที่จะที้งศีรษะนางลงจากการยั่วโมโห "อย่างไร? วันนี้เพื่อหาพระชายารองให้อ๋องฉี หรือเพื่อท่านอ๋องคนอื่นอีกหรือ?""งานชมดอกไม้ก็แค่คำพูดที่ให้ดูเหมาะสม" อวี่เหวินหลิงกล่าวงานชมดอกไม้ไม่ใช้งานที่มีไว้เพื่อชมดอกไม้ในสวน แต่เป็นการชมดอกไม้ที่หมายถึงหญิงสาวที่บานสะพรั่งหยวนหย่งอี้กลับคิดว่าทั้ง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 344

    ก่อนสิ้นสุดงานชมดอกไม้ ฮองเฮาทรงเรียกหยวนชิงหลิงและพระชายาซุนเข้าไปถามว่า มีความรู้สึกที่ดีต่อคุณหนูตระกูลไหนเป็นพิเศษหรือไม่พระชายาซุนกล่าวบางอย่างแต่หยวนชิงหลิงกลับส่ายหัวแล้วตอบ "ไม่มีเพคะ"คำพูดนี้ดึงความสนใจจากฮองเฮาและเหล่าพระสนมทุกคนล้วนแอบพูดในใจว่า พระชายาฉู่ขี้อิจฉาดูเหมือนจะเป็นความจริงแต่ว่าต่อหน้าเสียนเฟย จึงไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาฮองเฮายิ้มอย่างไม่เต็มใจ "ในเมื่อไม่เป็นที่พอใจก็พอแค่นี้"หยวนชิงหลิงได้รับสายตาอันดุดันจากพระสนมเสียนเฟยเมื่อออกจากวังหลวงมานางข้าหลวงสี่กล่าวว่า "พระชายาควรพูดสักสองสามคน""กี่คน?" หยวนชิงหลิงรู้สึกหดหู่ใจ "ข้าไม่ได้อยากพูดแม้แต่คนเดียว ยังต้องพูดอีกสักกี่คนกัน?”ข้าหลวงสี่กล่าว "เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ยอมรับพระชายารองไม่ได้ งานชมดอกไม้นี้ฮองเฮาเป็นผู้จัดการ เอ่ยชมสักคนสองคนก็เหมือนเป็นการให้หน้าฮองเฮาแล้ว พระชายาดูเหมือนว่าพระชายาซุนจะชอบจริง ๆ หรือ? มันเป็นเพียงเรื่องของการพยายามรักษาหน้าพอเป็นพิธี ไม่ดื้อรั้นต่อหน้าฮองเฮาก็ไม่ทำลายชื่อเสียงของตัวเอง คืนนี้พระชายาคงถูกกล่าวหาว่าหึหวงแล้ว" หยวนชิงหลิงพูดไม่อ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 345

    เธอคิดว่าเด็กผู้หญิงสักคนซ่อนตัวจากเขา อาจจะไม่ใช่เพราะกลัวเขาจริง ๆ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าชอบ ขี้อาย และไม่รู้ว่าจะเข้าหาเขาได้อย่างไรเธอพูดว่า "เป็นเพราะนางชอบท่าน ไม่เช่นนั้นจะหลีกเลี่ยงท่านหรือ? นางขี้อาย""ขี้อาย?" อวี่เหวินห่าวหัวเราะเสียงดัง "บอกเจ้าขี้อายข้าเชื่อ แต่บอกนางขี้อายข้าไม่เชื่อแน่นอน เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน"หยวนชิงหลิงมองมาที่เขา "เราอาจจะพูดถึงคนละคน ข้าพบนางคืนนี้ นางมีใบหน้าเขินอายตลอดเวลา แม้ว่านางจะมองมาที่ข้าโดยตรง แต่เมื่อข้ามองนาง นางก็จะแอบโดยไม่รู้ตัว"อวี่เหวินห่าวประหลาดใจ "เยี่ยงนั้นก็ไม่ใช่คนเดียวกัน เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ขี้อายแน่นอน นางกล้าหาญกว่าผู้ชาย""เยี่ยงนั้นทำไมบอกว่านางกลัวท่าน?"อวี่เหวินห่าวเล่าถึงอดีต "ตอนที่นางเข้าวังครั้งแรกน่าจะอายุแค่ห้าขวบเท่านั้น ฮูหยินหยวนพานางมาเข้าเฝ้าเสด็จย่า ตอนนั้นข้าแค่สิบเอ็ดหรือสิบสองปี กำลังเล่นอยู่ในสวนก็มีลูกงูตัวหนึ่งที่ข้าจับมันได้ คิดว่าน่าสนุกดีอยากจะเอาไปให้เสด็จย่า ไม่คิดว่าปล่อยมือแล้วงูตัวนั้นจะเข้าไปในกระโปรงของเด็กผู้หญิงคนนั้น นางกลัวมากร้องไห้โฮ หลังจากนั้นสิ่งที่กลัวที่สุดใ

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status