ก่อนสิ้นสุดงานชมดอกไม้ ฮองเฮาทรงเรียกหยวนชิงหลิงและพระชายาซุนเข้าไปถามว่า มีความรู้สึกที่ดีต่อคุณหนูตระกูลไหนเป็นพิเศษหรือไม่พระชายาซุนกล่าวบางอย่างแต่หยวนชิงหลิงกลับส่ายหัวแล้วตอบ "ไม่มีเพคะ"คำพูดนี้ดึงความสนใจจากฮองเฮาและเหล่าพระสนมทุกคนล้วนแอบพูดในใจว่า พระชายาฉู่ขี้อิจฉาดูเหมือนจะเป็นความจริงแต่ว่าต่อหน้าเสียนเฟย จึงไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาฮองเฮายิ้มอย่างไม่เต็มใจ "ในเมื่อไม่เป็นที่พอใจก็พอแค่นี้"หยวนชิงหลิงได้รับสายตาอันดุดันจากพระสนมเสียนเฟยเมื่อออกจากวังหลวงมานางข้าหลวงสี่กล่าวว่า "พระชายาควรพูดสักสองสามคน""กี่คน?" หยวนชิงหลิงรู้สึกหดหู่ใจ "ข้าไม่ได้อยากพูดแม้แต่คนเดียว ยังต้องพูดอีกสักกี่คนกัน?”ข้าหลวงสี่กล่าว "เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ยอมรับพระชายารองไม่ได้ งานชมดอกไม้นี้ฮองเฮาเป็นผู้จัดการ เอ่ยชมสักคนสองคนก็เหมือนเป็นการให้หน้าฮองเฮาแล้ว พระชายาดูเหมือนว่าพระชายาซุนจะชอบจริง ๆ หรือ? มันเป็นเพียงเรื่องของการพยายามรักษาหน้าพอเป็นพิธี ไม่ดื้อรั้นต่อหน้าฮองเฮาก็ไม่ทำลายชื่อเสียงของตัวเอง คืนนี้พระชายาคงถูกกล่าวหาว่าหึหวงแล้ว" หยวนชิงหลิงพูดไม่อ
เธอคิดว่าเด็กผู้หญิงสักคนซ่อนตัวจากเขา อาจจะไม่ใช่เพราะกลัวเขาจริง ๆ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าชอบ ขี้อาย และไม่รู้ว่าจะเข้าหาเขาได้อย่างไรเธอพูดว่า "เป็นเพราะนางชอบท่าน ไม่เช่นนั้นจะหลีกเลี่ยงท่านหรือ? นางขี้อาย""ขี้อาย?" อวี่เหวินห่าวหัวเราะเสียงดัง "บอกเจ้าขี้อายข้าเชื่อ แต่บอกนางขี้อายข้าไม่เชื่อแน่นอน เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน"หยวนชิงหลิงมองมาที่เขา "เราอาจจะพูดถึงคนละคน ข้าพบนางคืนนี้ นางมีใบหน้าเขินอายตลอดเวลา แม้ว่านางจะมองมาที่ข้าโดยตรง แต่เมื่อข้ามองนาง นางก็จะแอบโดยไม่รู้ตัว"อวี่เหวินห่าวประหลาดใจ "เยี่ยงนั้นก็ไม่ใช่คนเดียวกัน เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ขี้อายแน่นอน นางกล้าหาญกว่าผู้ชาย""เยี่ยงนั้นทำไมบอกว่านางกลัวท่าน?"อวี่เหวินห่าวเล่าถึงอดีต "ตอนที่นางเข้าวังครั้งแรกน่าจะอายุแค่ห้าขวบเท่านั้น ฮูหยินหยวนพานางมาเข้าเฝ้าเสด็จย่า ตอนนั้นข้าแค่สิบเอ็ดหรือสิบสองปี กำลังเล่นอยู่ในสวนก็มีลูกงูตัวหนึ่งที่ข้าจับมันได้ คิดว่าน่าสนุกดีอยากจะเอาไปให้เสด็จย่า ไม่คิดว่าปล่อยมือแล้วงูตัวนั้นจะเข้าไปในกระโปรงของเด็กผู้หญิงคนนั้น นางกลัวมากร้องไห้โฮ หลังจากนั้นสิ่งที่กลัวที่สุดใ
อ๋องจี้มีท่าทีโศกเศร้าเสียใจอย่างเห็นได้ชัดดวงตาของเขาแดงก่ำ เขานั่งเหม่อลอย เหมือนรูปปั้นหินไม่ขยับเขยือนอวี่เหวินห่าวเข้ามาเห็นเขาตกอยู่ในสภาพนี้ ก็รู้สึกว่าเขารักใคร่พระชายารองอย่างลึกซึ้งจากใจจริงอวี่เหวินห่าวก้าวไปข้างหน้าและนั่งลง “พี่ใหญ่ ข้าขอแสดงความเสียใจด้วย!”อ๋องจี้ค่อย ๆ หันกลับมา สายตาที่เหนื่อยหน่ายลดลงอย่างช้า ๆ น้ำเสียงที่แอบซ่อนความเหนื่อยล้านั้นดังขึ้น “เจ้ามาแล้วเหรอ!”“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อรับสั่งให้ข้ามาเยี่ยมท่าน”อ๋องจี้เข้าใจแล้ว และนั่งตัวตรงด้วยอารมณ์ที่กลับมาอย่างเป็นปกติ “มีอะไรจะถาม เจ้าก็ถามมาเถอะ ถ้าเจ้าสันนิฐานว่าเป็นคนในจวน เจ้าถามข้าได้หมด”“ยกเว้นพี่สะใภ้ใหญ่ นอกนั้นข้าได้ถามหมดแล้ว” อวี่เหวินห่าวบอกกับอ๋องจี้แววตาอ๋องจี้ดูไร้อารมณ์ และพูดอย่างเฉยชาว่า “นางป่วยอยู่แบบนั้นมาตลอด ไม่ได้สนใจเรื่องในจวน ถามนางไปก็เปล่าประโยชน์ นางไม่รู้อะไรทั้งนั้น”อวี่เหวินห่าวพยักหน้า “ได้ยินมาจากสาวรับใช้คนสนิทของพระชายารอง ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายารอง นางได้รับจดหมายจากท่านพ่อของนาง ว่าไม่อาจรับความยากลำบากในบ้านป่าเมืองเถื่อนนี้ได้ จึงขอร้องให้พี
อาการป่วยของพระชายาจี้ไม่รุนแรงมากนัก แค่ไอหนักมากเท่านั้นทั้งร่างของนางดูซีดเซียว อาจเป็นเพราะกินยาจึงทำให้นางไม่มีความอยากอาหาร จึงดูซูบผอมลงไปมากนางร้องไห้มาก่อนหน้านี้ ดวงตาของนางยังดูบวมแดงอยู่ไม่ทันรอให้อวี่เหวินห่าวได้ถามคำถาม นางก็กล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้? นางถูกคนทำร้ายหรือคิดสั้นงั้นรึ นางไม่มีเหตุผลที่จะฆ่าตัวตาย นางเองก็ตั้งครรภ์แล้ว ดูข้าสิอีกไม่นานข้าก็คงไม่ไหวแล้ว คงอยู่ต่อได้อีกไม่กี่ปี นางไม่มีทางคิดสั้นแน่ ต้องมีใครสักคนทำร้ายนาง?”อวี่เหวินห่าวมองน้ำตาของนางที่ไหลออกมาเป็นสาย ท่าทางโศกเศร้าเสียใจเช่นนี้ เขาไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจร่วมด้วยเลย เพียงถามธุระเรื่องชายาของออกไปเท่านั้นว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ครั้งสุดท้ายที่ได้พบพระชายารองเมื่อไหร่?”พระชายาจี้ซับน้ำตาของนางด้วยผ้าเช็ดหน้า “เมื่อสามวันก่อน นางมาดูแลจัดการเรื่องยาต้ม ตอนนั้นข้ายังไม่รู้ว่านางตั้งครรภ์แล้ว มิฉะนั้นข้าจะไม่ให้นางเข้ามา นางเองก็ช่างเลอะเลือนเสียงจริง ตั้งครรภ์เป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ นางก็ไม่สังเกตเห็น”“งั้นพระชายารองทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์เมื่อไหร่?” อวี่เหวินห่าวเอ่ยถาม
ตอนที่อวี่เหวินห่าวกลับคุยกับหยวนชิงหลิงเรื่องนี้หยวนชิงหลิงอดถอนหายใจไม่ได้แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่เคยพบพระชายารองหลิวมาก่อน ไม่รู้นางเป็นผู้หญิงแบบไหน แค่ว่าผู้หญิงตั้งครรภ์คนนึงตัดสินใจโดดน้ำในทะเลสาบฆ่าตัวตาย ก็คิดได้ว่า ให้นางใช้ชีวิตกับพระชายาจี้แล้วล่ะก็ ไม่สู้ตายไปซะยังดีซะกว่า”“ตอนที่ข้าอยู่ที่สำนักตรวจการเกี่ยวกับเรื่องนี้ข้าไม่ได้พูดอย่างละเอียด ที่จริงน่าจะเป็นพระชายาจี้ที่คุกคามนาง เอาชีวิตของพ่อนางมาข่มขู่เช่นนี้”หยวนชิงหลิงมองไปที่เขา “แล้วคดีนี้จะเป็นอย่างไร?”อวี่เหวินห่าวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “จะเป็นอย่างไรได้? เกิดคดีขึ้นในจวน อีกทั้งยังคิดสั้นกระโดดทะเลสาบฆ่าตัวตาย พระชายาจี้ทำทุกอย่างได้อย่างรัดกุม ต้องเตรียมคำพูดแก้ตัวอย่างรอบคอบ พรุ่งนี้สำนักตรวจการยังต้องไปอีกครั้ง ถึงตอนนั้นต้องมีสักคนสองคนบอกว่าเห็นพระชายารองหลิวโดดทะเลสาบ แต่แค่ไปช่วยไม่ทัน เรื่องนี้แม้ว่าจะจัดการไปแล้ว เว้นแต่อ๋องจี้จะออกหน้าให้พระชายารอง มิฉะนั้นก็คงต้องรอให้ความจริงปรากฏออกมาในสักวันนึง”หยวนชิงหลิงเองก็คิดแบบนี้ตราบใดที่พระชายารองหลิวฆ่าตัวตายจริง ใครหน้าไหนก็ไม่มีทางสืบหาความจริงต่
อวี่เหวินห่าวกลับไปที่จวนอ๋องก่อนรอบหนึ่ง และเอ่ยถามขึ้นมาว่า “มีสถานการณ์อะไรบ้างที่ให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่สนใจไม่สนใจสิ่งใด จนถึงขั้นกระโดดทะเลสาบได้บ้าง?”หยวนชิงหลิงตกใจกับคำถามนี้ “ท่านไม่ใช่เคยบอกว่านางถูกพระชายาจี้คุกคามหรือ?”“ข้าต้องหาเหตุผลที่สมควรไปทูลเสด็จพ่อ มิฉะนั้นการที่พระชายารองหลิวที่ตั้งครรภ์อยู่นั้นคิดสั้นฆ่าตัวตาย ทางบ้านของนางต้องประสบเคราะห์ภัย คนก็ตายไปแล้ว พยายามอย่าให้เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงพ่อพี่น้องครอบครัวนางเลย นางเป็นคนที่กตัญญู”หยวนชิงหลิงคิดดูแล้ว แล้วให้คำอธิบายปลอม ๆ ที่สมเหตุสมผลแก่เขาอวี่เหวินห่าวเข้าไปในวังกราบทูลรายงานเรื่องนี้ หลังจากที่จักรพรรดิ์หมิงหยวนได้ฟังเรื่องราวแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทรงให้ไปเข้าเฝ้าทูลเรื่องนี้ไทเฮาให้กระจ่างแจ้งไทเฮาทรงโศกเศร้าเสียใจมาก ราชวงศ์ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเด็กที่จะถึงกำเนิดขึ้นมาโดยตลอด แต่ว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พระชายาของเหล่าชินอ๋องทั้งหลายไม่มีข่าวคราวใดเลยสักนิด อย่างมากที่สุดก็แค่อ๋องซุนกับอ๋องจี้ที่ให้กำเนิดพระธิดา แต่ไม่กี่ปีนี้ความเคลื่อนไหวเลยสักนิดก็ไม่มีนอกจากนั้น พระชายาของเจ้าสาม อ๋องเว่
ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกหรือ หากคลอดลูกออกมาแล้วด่วนสิ้นใจไปก่อนวัยอันควร นั่นมันก็ช่างทำร้ายจิตใจกัน จริง ๆ แล้วยังให้ราชวงศ์ต้องเหนื่อยล้า คนข้างนอกไม่น้อยอาจพูดลือกันว่าราชวงศ์ไม่อาจกำเนิดทายาทออกมาได้ การถือกำเนิดมาแล้วถูกสวรรค์นำกลับไป นี่เป็นตระกูลอวี่เหวินที่ถูกสวรรค์ลงโทษพระชายาจี้ป่วย เพราะไปดูแลอ๋องหวยพระชายารองหลิวป่วยเป็นโรคติดต่อ เพราะต้องไปดูแลพระชายาจี้ นี่ล้วนเป็นการแสดงถึงมิตรภาพความเมตตา มันไม่ผิดเลยสักนิด สมควรยกย่องเสียด้วยซ้ำไปนางจะกล่าวโทษใครได้?ไทเฮาพูดอย่างเศร้าสร้อย “สวรรค์ไม่เมตตาตระกูลอวี่เหวินของข้า!”อวี่เหวินห่าวรู้ว่าตอนนี้เสด็จย่ายังไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ แต่วันนี้ก็ถือว่าน่ายกย่องแล้วสำหรับนางที่ยอมรับฟังได้ ผ่านไปสักพัก เรื่องนี้ก็คงค่อย ๆ ลืมเลือนไปเองเขาปลอบโยนสักสองสามคำ แล้วให้เสด็จย่าเสวยโจ๊กครึ่งชามได้อย่างไรก็ตามหลังจากเสด็จย่าเสวยโจ๊กหมด ก็มองหลานชายและพูดว่า “เจ้าบอกว่าเจ้ากลับสะใภ้ของเจ้าอยู่ด้วยกันมาปีกว่าแล้ว ยังไม่มีข่าวดีอีกหรือ? ท้องของนางถ้าไม่สามารถมีได้ เจ้าก็ควรแต่งพระชายารอง ตอนนี้พระชายารองของเจ้าเจ็ดก็ได้เลือกมาแล้ว เจ
“เจ้าควบคุมนางลงจริง ๆ หรือ?” ไทเฮาเองก็สงสัยอยู่บ้าง ช่วงนี้ได้ยินว่าจวนอ๋องฉู่น่าอึดอัดมาก ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จนิสัยของเจ้าห้าเองไม่ใช่คนกลัวเมียอวี่เหวินห่าวยิ้ม “ดูท่านย่าพูดเข้า? นางก็แค่ผู้หญิงคนนึง หลานจะควบคุมนางไม่ลงหรือ?”“ควบคุมได้ก็ดี แน่นอนว่า ถ้านางสามารถให้กำเนิดทายาทได้ นั่นก็เหมาะสมแล้ว นางเป็นพระชายาเอก เด็กที่เกิดออกมาพวกเขาย่อมเหนือกว่าลูกที่เกิดจากพระชายารอง” ไทเฮากล่าว“ใช่แล้ว ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” อวี่เหวินห่าวพูดแบบขอไปที เขาต้องรีบไป ไม่อย่างงั้นเสด็จย่าไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไรออกมาให้เขาอับอายอีก เป็นไปอย่างที่คาดไว้ ในตอนที่กำลังจะขอทูลลา เสด็จย่าได้พูดว่า “ใช่แล้ว สะใภ้ของเจ้ารักษาโรคของเจ้าหกหาย เจ้าก็ให้นางไปดูอาการพระชายาจี้เสียหน่อย ถ้ารักษาได้ ก็รีบรักษาเถิด”อวี่เหวินห่าวกลัวนางพูดถึงเรื่องนี้“ทำไมรึ? ไม่ยินยอมงั้นรึ?” ไทเฮาพูดอย่างเย็นชาอวี่เหวินห่าวกล่าวว่า “ไม่ยอมที่ไหนล่ะพ่ะย่ะค่ะ? เพียงแต่พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ส่งคนมาขอ นางไปไหนมาไหนคนเดียวก็ลำบาก? อีกทั้งเดือนนี้ รอบเดือนของนางยังไม่มา แม้ไม่สามารถพูดได้อย่างแน่ชัดว่านางตั้งครรภ์ อาจมีควา