อวี่เหวินห่าวรอหยวนชิงหลิงอย่างกระวนกระวายใจที่หน้าประตูวังไม่รูว่าจะถูกด่าหรือไม่? ไม่รู้ว่าจะถูกเฆี่ยนตีไหม? ร่างนั้นไม่สามารถต้านทานการเฆี่ยนตีได้ซูยี่เห็นเขา จึงก้าวเข้าไปหาแล้วกล่าวว่า "ท่านอ๋องเข้าวังไปดูไม่ดีกว่าหรือ? พระชายามีปากเป็นอาวุธ และง่ายต่อการล่วงเกินผู้อื่น อาจจะไปทำให้ฮ่องเต้กริ้วก็เป็นได้”"อย่าเสียงดัง บางทีอาจไม่เป็นเช่นนั้น!" อวี่เหวินห่าวเอามือไขว้หลัง ทำไมยังไม่ออกมา? ถ้าจะโดนเฆี่ยนตีก็ควรจะตีเสร็จแล้ว เดินออกมาไม่ไหวก็ควรจะให้คนแบกออกมา?ซูยี่เบ้ปาก "พูดยาก พระชายาก่อเรื่องวุ่นวาย จับคนไหนกัดคนนั้น ล่วงเกินฝ่าบาท เฆี่ยนตียังนับว่าดี กลัวแต่…"อวี่เหวินห่าวยืดคอและตะโกนใส่เขา "ซูยี่ ถ้าเจ้าไม่พูดสักนาที จะเจ็บลิ้นตายเลยใช่หรือไม่?"ซูยี่พูดเสียงเบา "ข้าเป็นห่วง"ความเป็นห่วง ทำให้เขาพูดไร้สาระ การพูดไร้สาระทำให้พูดเรื่องเชิงลบได้ง่ายเขาก็ไม่มีวิธีที่จะบังคับตัวเองในที่สุดเมื่อเห็นนางข้าหลวงสี่กับหยวนชิงหลิงเดินออกมาพร้อมกันนางสวมชุดสีแดง ศีรษะตั้งตรง ก้าวที่มั่นคง มีจิตวิญญาณสูงส่ง เหมือนกับแม่ไก่หงอนแดงที่เพิ่งจะออกรบอวี่เหวินห่าวหัวใจกระโดด
หวี่เหวินห่าวหยิกแก้มนางอย่างแรง "ซูยี่บอกว่าเจ้ามีปากเป็นอาวุธ พูดไม่ผิดจริง ๆ"หยวนชิงหลิงเอาหัวไปพิงที่ไหล่ของเขา "ท่านคิดว่าเสด็จพ่อจะจัดการกับฉู่หมิงชุ่ยจริง ๆ หรือ?"หวี่เหวินห่าวลูบไปที่ผมของนาง "ยากที่จะคาดเดา ใครจะรู้?""อันที่จริงข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น แน่นอน ข้าเชื่อว่ามันจะไม่ไร้ประโยชน์“อย่างน้อยเสด็จพ่อยังไม่คิดจัดการกับหยวนเจี๋ย" หยวนชิงหลิงกล่าวอวี่เหวินห่าวไม่ส่งเสียง เขาก็คิดว่าคงจะไม่เป็นเช่นนั้นวันนั้นมหาเสนาบดีฉู่อยู่ตรงหน้าเขา เพื่อขอร้องแทนฉู่หมิงชุ่ย เห็นได้ว่ามหาเสนาบดีฉู่ไม่ยอมให้ฉู่หมิงชุ่ยเสียชื่อเสียงมหาเสนาบดีฉู่ยอมทำเพื่อเจ้าเจ็ด เสด็จพ่อก็ทำเพื่อเจ้าเจ็ด ดังนั้นคิดว่าสุดท้ายก็ต้องปล่อยฉู่หมิงชุ่ยไปมันไม่สำคัญสำหรับเขาเขาแค่ไม่อยากให้หยวนเจี๋ยต้องถูกลงโทษแต่ว่าใจของนางจะรับไม่ได้ใช่หรือไม่? อุตส่าห์เอาตัวเองเข้าไปแล้ว ก็ไม่สามารถลากฉู่หมิงชุ่ยลงน้ำได้เสด็จพ่อตาบอดจริง ๆ มีตาไม่รู้จัก ทองฝังหยกเขาจะขอความเป็นธรรมแทนหยวนชิงหลิงที่จวนอ๋องฉีฉู่หมิงชุ่ยนั่งอยู่ตรงหน้าเตียงอ๋องฉี ในมือยกชามซุปมาชามหนึ่ง ใช้ช้อนคนเบา ๆ ในชาม ควันลอยขึ้นม
ฉู่หมิงชุ่ยค่อย ๆ เดินมานั่งลงที่ข้างกายเขาอย่างช้า ๆ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือเขามาวางที่ท้องตัวเอง พร้อมกล่าวว่า "นี่คือลูกของเรา ที่จะเป็นองค์ชายของเราในอนาคต"อ๋องฉีตะลึงตกใจ รีบกระตุกมือออกมาพร้อมกับจ้องมองนางฉู่หมิงชุ่ยมองเขา ถามเขาอย่างเย็นชา "ท่านกลัวอะไร?"อ๋องฉีรู้สึกกลัวมาก เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าฉู่หมิงชุ่ยจะมีความคิดเช่นนี้ตอนนี้เขาเป็นท่านอ๋อง ถ้าท้องของนางเป็นผู้ชายก็จะได้เป็นรัชทายาท"ชุ่ยเอ๋อร์ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ!" อ๋องฉีหดมือกลับ ราวกับถูกไฟไหม้ที่แขนของตัวเอง เขาเอนตัวลงนอนโดยไม่สนใจบาดแผลที่แขนแม้แต่น้อยฉู่หมิงชุ่ยอยากจะตบหน้าเขาสักฉาดจริง ๆ นางตกตะลึง ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่นางเลือกจะไร้ประโยชน์เช่นนี้เวลาผ่านเนิ่นนาน นางจึงได้แต่ยิ้มออกมา "ท่านปู่ได้กล่าวกับข้า ต้องการสนับสนุนให้ท่านเป็นรัชทายาท ท่านปู่ให้ข้าลองทดสอบจิตใจของท่าน เมื่อครู่คือการทดสอบท่าน"อ๋องฉีค่อย ๆ หันกลับมา "ทดสอบ?""อืม ท่านปู่แค่อยากดูว่าใจท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ มีความกล้าที่จะรับหน้าที่นี้หรือไม่?" ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวตอบอ๋องฉีเงียบไปสักพัก "ท่านปู่คิดมากแล้ว เสด็จพ่อจะตัดสินพร
นางไม่รู้ว่านางจะไปต่อได้อย่างไรนางรู้สึกเสียใจเหลือเกินที่เลือกเขาตั้งแต่แรกตอนนี้พี่ห่าวค่อนข้างมีน้ำหนักในพระทัยของไท่ซ่างหวง ตอนนี้พระองค์ก็หายจากอาการป่วยแล้ว เขาจึงมีโอกาสมาก ตอนกลับมาถึงบ้านเกิดพร้อมกับท่านย่า เสียงของท่านแหบแห้งจนกระทั้งตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นนางรอจนกระทั้งมหาเสนาบดีฉู่กลับมาถึงในตอนเย็นเมื่อมหาเสนาบดีฉู่เห็นนาง เขาเอ่ยกับนางอย่างเย็นชา "เชิญพระชายาตามข้าไปที่ห้องหนังสือ"ฉู่หมิงชุ่ยตอบกลับ "เจ้าค่ะ!"เมื่อเข้ามาในห้องหนังสือมหาเสนาบดีฉู่ก็ถอดชุดคลุมตัวนอกออก แล้วแขวนไว้บนราวแขวน เขาสวมใส่ชุดสีดำลวดลายค้างคาวที่ดูหน้าเกรงขามและรัดกุมเขานั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ชิงชัน ฉู่หมิงชุ่ยกวาดสายตามองอย่างเคร่งขรึม "อ๋องฉีถูกแทง มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ?"มหาเสนาบดีฉู่ตอบกลับอย่างเย็นชา "เจ้าเป็นผู้สร้างปัญหา มาตอนนี้กลับกล้าแสดงความเห็นแล้ว""หลานสาวไร้ซึ่งอำนาจ คิดแล้วก็มีแค่เพียงหนทางนี้ที่จะหลีกเลี่ยงความสนใจ โดยทำให้คนอื่นคิดว่านอกเมืองก็ถูกล้อมเอาไว้ มีคนต้องการจัดการกับจวนอ๋องฉี" ฉู่หมิงชุ่ยคับข้องใจ"แล้ววิธีของเจ้าสำเร็จหรือไม่? เจ้าสามารถปิดบังอ๋องฉีไ
ฉู่หมิงชุ่ยทรุดตัวลงบนพื่น ใบหน้าของนางซีดเผือกนางฉลาดถึงเพียงนี้ ตามหมากที่ท่านปู่วางไว้ไม่ทันได้อย่างไร?สำหรับท่านปู่ตอนนี้นางกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้งแล้วตอนนี้นางรู้สึกเศร้าโศกและไม่พอใจจึงไม่สนใจเรื่องมารยาทอีกต่อไป นางเอ่ยถามออกไปอย่างเย็นชา "เพียงแค่เพราะท่านปู่ไม่ต้องการให้ข้าเป็นพระชายาฉีใช่หรือไม่? ไม่ทราบว่าท่านปู่หมายตาใครไว้? หมิงหยางรึเจ้าคะ?"เจ้าไม่ต้องกังวลใจหลอก แค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ" มหาเสนาบดีฉู่ตอบโดยที่คิ้วไม่ขมวด"เพราะเหตุใด?" ฉู่หมิงชุ่ยกล่าวอย่างขมขื่น "หลานทำผิดเพียงครั้งเดียว ทำไมท่านปู่ถึงทอดทิ้งข้า? ข้าส่งโจ๊กออกไปแจกนอกเมืองนั้น ก็หมายความว่าท่านปู่ฝืนใจที่จะรับผิดชอบ ท่านปู่ท่านต่างหาก…"‘ผู้กระทำผิดสี่คำนี้ ชีวิตก็ถึงจุดจบ’ ฉู่หมิงชุ่ยไม่กล้าแม้แต่เอ่ยสี่คำนั้นออกมาแต่อย่างไรก็ตามมหาเสนาบดีฉู่เอ่ยอย่างเย็นชา "ผู้กระทำผิด? ไม่ผิดที่เจ้าเปิดโรงโจ๊ก ชื่อเสียงทั้งหมดล้วนแต่หมายความถึงคนแก่คนนี้ แต่น่าเสียดาย คนอย่างเจ้ามือไม่พายยังเอาเท้ามาราน้ำ ทำอะไรไม่สำเร็จทำได้เพียงสร้างความวุ่นวาย ไม่กี่วันก่อนคนในเมืองหลวงยังยกย่องเจ้า ทำไมเจ้าถึงไปพบฮู
นางแย้มยิ้มเล็กน้อย แล้วตอบเสียงเบาว่า "พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังหลวง"อ๋องฉีชั่วขณะนึงไม่รู้ว่านางต้องการทำสิ่งใด ดังนั้นจึงตอบรับเสียงในลำคอไป แล้วไม่ได้พูดอะไรอีกดวงตาของฉู่หมิงชุ่ยแดงกล่ำมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา เสียงก็สั่นสะอื้น "ข้าทำผิดอะไรก็จะแก้ไข ที่จริงสองวันมานี้ข้ารู้สึกผิดเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร กลัวว่าสิ่งที่ทำลงไปจะทำให้ชื่อเสียงของท่านเสียหาย กลัวว่าจะมีส่วนให้ท่านถูกเสด็จพ่อลงโทษ ดังนั้นข้าเลยทำทุกวิธีทางที่จะหลีกเลี่ยงความผิด ข้าคิดว่าข้าตั้งครรภ์จริง ๆ แต่แล้วมันก็เป็นแค่เรื่องเผลอฝัน ข้ารู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ด่วนตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้ให้วังหลวงทราบ”นางสูดหายใจเข้า เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วพยายามกลั้นน้ำตาให้ไหลกลับไป "ดังนั้นพรุ่งนี้ข้าจึงจะเข้าวังไปเพื่อสารภาพผิด และยอมรับโทษในสิ่งที่ข้าก่อ"คำพูดนี้เกินจากสิ่งที่อ๋องฉีคาดหวังไว้เขาจ้องมองนาง นัยตาของนางเศร้า มีทั้งความรู้สึกผิด เสียใจ โทษตัวเอง และความดื้อรั้นอ๋องฉีกุมมือของนางแล้วกล่าวว่า "เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะช่วยให้เจ้าขอร้อง""เพคะ!" ฉู่หมิงชุ่ยน้ำตาไหลแต่ยังฝืนยิ้ม กลับทำให้คนมองเศร้าใจ "ขอบค
คืนนี้หยวนชิงหลิงรู้สึกเหมือนว่าเธอกลืนแมลงวันลงไปเพราะอวี่เหวินห่าวบอกว่าไม่รู้จะเอ่ยเรียกชื่อเธออย่างไรจะเรียกว่าหยวนชิงหลิงเลยก็ดูทื่อ ๆ ไม่มีอะไรเลยพระชายาเฉยเมยเกินไป เจ้าระเบียบเกินไปชิงชิง…แค่คิดขนกูลุกไปทั้งตัวอาหลิง และออกเสียงเหมือนกับอาหลิง อาหลิงที่ติดปากของเขาคืออวี่เหวินหลิงหลิงเออร์...ก่อนที่คำว่าเออร์จะหลุดออกมา หยวนชิงหลิงก็ตบเขาไปก่อน สามีภรรยาก็คลื่นไส้ในที่สุดอวี่เหวินห่าวก็ตัดสินใจได้ เหล่าหยวนในหัวสมองของหยวนชิงหลิงอยู่ ๆ ก็มีรูปภาพปรากฏขึ้นผู้นำคนนึงกุมมือชายชราผมขาวตัวสั่น ๆ กุมมือชายชราอีกคนไว้แล้วกล่าวอย่างยินดี "สหายเหล่าหยวน เจ้าทำงานมาอย่างยากลำบากตลอดสี่สิบปีนี้ วันนี้เจ้าก็จะได้หยุดพักอย่างสบายแล้วนะ!"หยวนชิงหลิงแทบจะกระอักเลือดออกมาจากปากเหล่าหยวน ชื่อแก่อะไรขนาดนี้ ตอนนี้เธอเป็นแค่เด็กสาวอายุแค่สิบเจ็ดปีเองนะเธอถามอย่างหงุดหงิด "แล้วจะให้ข้าเรียกท่านว่าอะไรดี?อวี่เหวินห่าวตอบ "เรียกองค์ชาย!"หยวนชิงหลิงไม่สนใจเขาแล้วหันมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็หันหลังให้เขาอวี่เหวินห่าวคว้าข้อมือเธอไว้ "โกรธรึ? เยี่ยงนั้นเจ้าบอกมาสิจะเรียกว่าอะไร"
เธอถาม "อ๋องฉีเสด็จไปพร้อมกับภรรยาหรือไม่?"อวี่เหวินห่าวส่ายหัว "ไม่ ไม่ได้ไป พระชายาฉีไปผู้เดียว"หยวนชิงหลิงรู้สึกแปลกใจอีกครั้ง "เรื่องใหญ่ขนาดนี้ อ๋องฉีผู้พิทักษ์ภรรยาไม่ไปด้วยรึ? หรือรู้ตัวแล้ว?"ข้าก็รู้สึกว่ามันน่าแปลก กำลังคิดอยู่ว่าควรจะไปที่จวนอ๋องฉีถามดูดีหรือไม่? อวี่เหวินห่าวมองใบหน้าเธอขึ้นลงเพื่อสังเกตว่าเธอจะขัดขวางหรือไม่หยวนชิงหลิงตอบ "ไปสิ"นี้มันง่ายเกินไป ต้องเป็นหลุมพลางแน่นอน "ช่างเถอะ ไม่จำเป็นที่ต้องไป"หยวนชิงหลิงแย้ง "ไปเถอะ!"หยวนชิงหลิงไม่ได้คิดเรื่องที่เขาวางแผนอะไร เพียงแค่รู้สึกว่ามันแปลกที่ฉู่หมิงชุ่ยยอมไปสารภาพผิดด้วยตัวเอง ที่น่าแปลกใจกว่าคือเพราะอะไรอ๋องฉีถึงไม่เสด็จไปด้วย จึงไม่สามารถที่จะหยุดการนินทาลุกไหม้โหมกระหน่ำเหมือนไฟได้อวี่เหวินห่าวหันกลับมาตอบ "ไม่ไป!"บอกไปแล้วว่าไม่ไปแล้ว ยังมีสำนักก็ต้องไม่ดูถูกคนอวี่เหวินห่าวกลับไปที่สำนักผู้ตรวจการ หยวนชิงหลิงไปที่จวนอ๋องหวยก่อนแล้วค่อยไปจวนอ๋องซุนตั้งแต่อ๋องซุนได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่เคยไปที่จวนอ๋องฉู่อีกเลยหยวนชิงหลิงรู้สึกเสียมารยาทมากที่ก่อนหน้านี้ไม่ไปเยี่ยมไม่รู้ว่าพระชายาของเขาจ