อวี่เหวินห่าวมองนางอย่างมั่นคงแน่วแน่ ดวงตาของนางเปล่งประกายราวกับไฟ "เปิดเผย ตรงไปตรงมา""นางพูดว่าอย่างไร?" หยวนชิงหลิงนั่งลงบนตักเขา สองแขนโอบไว้ที่คอ พลางพูดเบา ๆ ที่ข้างหูก่อนที่สติของอวี่เหวินห่าวจะดับลง ได้ยินเสียงพูดของถังหยางก้องอยู่ในหูว่า พูดกับผู้หญิงให้พูดความจริงแค่ครึ่งเดียวก็พอแล้ว“นางเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาก่อน ก่อนที่นางจะทำให้ข้าโกรธ เพราะตำหนิและกล่าวหาว่าเจ้าเป็นผู้หญิงที่ใจร้าย ข้ากลับชมว่าเจ้าว่าอ่อนโยนใจดี มีใจกว้างขวาง และมีคุณธรรม นี่เป็นข้อดีของเจ้า ข้าจะปล่อยให้นางใส่ร้ายเจ้าได้อย่างไร? ข้าไม่ต้องการให้ใครคิดฟุ้งซ่านและพูดไปเลอะเทอะ ข้าจะตำหนินางเอง และจะบอกให้นางตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม หยุดคิดที่จะทำสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง”"พูดอย่างนี้จริงหรือ?" หยวนชิงหลิงมองเขาและยิ้ม "หลังจากท่านพูดไปแล้ว นางมีปฏิกิริยาอันใดหรือไม่?"โกรธน่ะสิ ยังบอกอีกว่าต่อไปไม่อนุญาตให้ข้าไปที่จวนฉีอีก" อวี่เหวินห่าวตอบนางดวงตาของหยวนชิงหลิงส่องประกายเล็กน้อย "จริงหรือ? อาจมีคำพูดเท็จครึ่งนึงหรือไม่?อวี่เหวินห่าวยกมือขึ้นสาบาน "เรื่องในคืนนี้ ถ้าข้า
ประตูปิดได้ไม่นาน สักครู่ก็เปิดให้เข้ามาในครั้งนี้อวี่เหวินห่าวพูดอย่างตรงไปตรงมา และคิดอย่างใจเย็นที่นอกประตู มีเหตุผลเดียวที่ทำให้นางโกรธ ก็คืออยู่กับฉู่หมิงชุ่ยตามลำพังเขาให้คำมั่นสัญญาว่า "ต่อจากนี้ไป ข้าจะไม่ไปพบนางตามลำพังโดยเด็ดขาด"หยวนชิงหลิงมองดูเขา "ครั้งนี้ข้าไม่ได้หึง และก็ไม่ได้โกรธที่ท่านไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด ทั้งยังรู้สึกว่าใจของท่านยังไม่หนักแน่นพอ แม้ว่าท่านจะไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับนางแล้วก็ตาม แต่ว่าพวกท่านเติบโตมาด้วยกัน จะมากหรือน้อยก็ยังมีความรักใคร่ผูกพันกันอยู่ นางต้องการใช้ประโยชน์จากความรักนี้ครอบคลุมท่าน บทเรียนที่ได้จากจวนองค์หญิง เรื่องง่ายขนาดนี้ ท่านลืมไปแล้วหรือ"หยวนชิงหลิงใช้ความรู้ของตัวเองที่มีอยู่มาสอนเขาด้วยความตั้งใจจริงอวี่เหวินห่าวซาบซึ้งมาก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่านางไร้ยางอายเล็กน้อยนางละอายใจที่จะเอ่ยถึงจวนองค์หญิงอย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าพูดคำเหล่านี้ออกมา เพียงแค่รับฟังการสั่งสอนเท่านั้นในตอนนั้นเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แม้ว่าภายนอกจะมีคนอยู่ แต่นอกจากซูยี่ ทั้งหมดล้วนเป็นคนของนาง หากว่าตอนนั้นนางต้องการทำอะไรเขา ก็
อวี่เหวินห่าวพูดไม่ออก ใครมีความผิดเรื่องนี้ เขาก็พูดไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?"ดำเนินการทำตามที่ข้าบอก" อวี่เหวินห่าวขยี้คิ้ว "ไปเถอะ"อวี่เหวินห่าวส่ายหัว "ไม่ เสด็จพ่อ ลูกไม่สามารถทอดทิ้งผู้มีคุณธรรมได้"จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกโกรธ พลางกล่าว "เช่นนั้น เจ้าก็กำลังขัดพระราชโองการใช่หรือไม่?""เสด็จพ่อ" อวี่เหวินห่าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขอร้องอย่างจริงใจ "หยวนเจี๋ยเป็นคนมีคุณธรรมจริง ๆ หากเขาลงโทษขุนนางที่มีคุณงามความดี จะทำร้ายจิตใจข้าราชบริพารนับพัน"จักรพรรดิหมิงหยวนจ้องหน้าเขา หน้าตาบูดบึ้ง "เรื่องนี้ถ้าเจ้าทำไม่ได้ หลายคนทำได้ เจ้าก็ไปไตร่ตรองเอาเองก็แล้วกัน ออกไป!"อวี่เหวินห่าวยังจะพูดต่ออีก มู่หรูกงกงก้าวไปข้างหน้า "ข้าน้อยน้อมส่งท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ"มู่หรูกงกงขยิบตาให้เขา ส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องพูดอะไรอีกอวี่เหวินห่าวชะงักไปชั่วขณะ เขารู้จักนิสัยของเสด็จพ่อดี การขัดแย้งกับเขาในตอนนี้ไม่เป็นผลดีแน่ เพราะไม่เห็นทางที่จะเรียกร้องความยุติธรรมคืนกลับมาให้หยวนเจี๋ยเขากล่าวลา "ลูกทูลลา"มู่หรูกงกงส่งเขาออกถึงนอกประตู มู่หรูกงกงกระซิบบอก "ก่อนรุ่งสางของวันนี้ ที่จวนอ๋องฉีได้ส
เหลิ่งจิ้งเหยียนมองเขาแล้วยิ้ม พร้อมกล่าวช้า ๆ อย่างตรงไปตรงมาว่า "ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับท่านอ๋อง ข้าได้ยินมาว่าในวันนั้นพระชายาจี้ก็ได้ช่วยเหลือผู้คนที่นอกเมืองด้วยเหมือนกัน""ใช่แล้ว" อวี่เหวินห่าวเห็นเขา ก่อนที่จะเตือนไปว่า "อย่าคิดที่จะใช้นางมาเป็นเครื่องมือ" "จำเป็นที่จะต้องใช้นางเป็นเครื่องมือ!" เหลิ่งจิ้งเหยียนกล่าวอวี่เหวินห่าวตบโต๊ะอีกครั้ง "คิดได้อย่างไร"เหลิ่งจิ้งเหยียนมองเขา "ท่านอ๋องอย่าใจร้อน ฟังข้าพูดให้จบก่อน"อวี่เหวินห่าวโบกมือให้ "พูดไปก็เท่านั้น แต่คงไม่ใช่วิธีที่ดี""พระชายาช่วยคนที่นอกเมือง เรื่องนี้มีคนเห็นไม่น้อย ข่าวได้แพร่กระจายในเมืองหลวงในช่วงสองวันที่ผ่านมา พูดกันว่าพระชายาฉู่มีจิตใจเมตตากรุณา ใจก็ดี รูปก็งาม ถ้าต้องหาใครมาแบกรับเรื่องนี้ พระชายาฉู่ดูจะเหมาะที่สุด""อะไรกันนี่?" อวี่เหวินห่าวจ้องเขาอย่างอารมณ์เสียเหลิ่งจิ้งเหยียนยิ้มพร้อมกล่าวว่า "ตอนนี้เหล่าเย๋จื่อโปรดปรานใครมากที่สุด? ในเหล่าพระชายาทั้งหลาย ตอนนี้ใครมีชื่อเสียงมากที่สุด? ท่านคิดว่าหากพระชายาฉู่ต้องรับโทษ ฮ่องเต้จะตำหนินางจริง ๆ หรือ? แม้ว่าฮ่องเต้คิดจริง ๆ แต่เหล่าเย๋จื่อก็คงไ
"หยวนเจี๋ยเป็นผู้มีคุณธรรม!" หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างโกรธเคือง"ข้ารู้ เมื่อครู่ข้ายังจงใจไปที่ประตูเมือง เขาไม่นำพาอาการบาดเจ็บกลับไปเฝ้าประตูเมือง" อวี่เหวินห่าวถอนหายใจหยวนชิงหลิงพูดไม่ออก นางเป็นนักวิจัยที่ไม่เข้าใจเรื่องการเมือง แต่นางแค่คิดว่ามันจะทำร้ายจิตใจของผู้คน โดยเฉพาะคนที่มีคุณธรรม"มีทางออกอื่นหรือไม่?" หยวนชิงหลิงกล่าวถามอวี่เหวินห่าวลังเลอยู่สักพัก ส่ายหัวพลางกล่าว "ไม่มี เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ"หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ "โหดร้ายยิ่งนัก"ทหารเฝ้าประตูผู้นั้นพยายามทำเต็มที่สุดกำลังความสามารถแล้ว อย่างน้อยก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่สมควรที่จะถูกลงโทษ สองสามีภรรยาคับใจจนพูดไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา สับสนกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเวลาผ่านไปเนิ่นนาน อวี่เหวินห่าวจึงกล่าว "ความจริง ข้ายังไปหาจิ้งเหยียนที่กั๋วจื่อเจียน เขาเสนอวิธีหนึ่ง""วิธีไหน?"หยวนชิงหลิงรีบถามอวี่เหวินห่าวมองนาง กล่าวคำที่ดูซับซ้อนว่า "เขาให้เจ้าไปขอโทษ""ข้า?" หยวนชิงหลิงตกใจ "ข้าผิดอะไร? ข้าไม่มียศไม่มีตำแหน่ง สามารถขอโทษอะไรได้?""จิ้งเหยียนพูดว่า เจ้าในฐานะพระชา
อวี่เหวินห่าวประหลาดใจ ข้าคิดว่าถึงจะแค่หนึ่งหรือสองประโยคสั้นๆ แต่นางก็มีประเด็นหลักที่น่าคิดนั่นก็คือความจริงที่ว่าเจ้าเจ็ดมีไม่กี่ชีวิต ที่พร้อมจะทำให้เขาได้เป็นรัชทายาทนี่อาจเป็นสาเหตุที่มหาเสนาบดีฉู่ไม่ได้แสดงจุดยืนของเขามาเป็นเวลานาน ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเขาเองก็อยากรู้เช่นกัน นางไม่สนใจตำแหน่งพระชายารัชทายาทเลยสักนิดหรือ? หลังจากได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท ต่อไปก็จะได้ขึ้นเป็นฮองเฮา แน่นอนก่อนที่เขาจะได้เป็นรัชทายาท จะสามารถอยู่อย่างมั่นคงจนถึงวันที่เขาขึ้นครองราชย์"เจ้าไม่หวังจะให้ข้าเป็นรัชทายาทจริงหรือ?" อวี่เหวินห่าวถามหยวนชิงหลิงมองเขาอย่างแปลกใจ "ทำไมถึงมาถามข้าว่าหวังหรือไม่หวัง ไม่ใช่ง่าข้าได้เป็นรัชทายาทนี่"“หากข้าได้เป็นรัชทายาท เจ้าก็ได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทแล้ว"หยวนชิงหลิงยิ้มอ่อน “พระชายาขององค์รัชทายาทกับพระชายาของอ๋อง มีอะไรแตกต่าง?"หวี่เหวินห่าวมองไปที่นาง "ทำไมไม่แตกต่าง? เจ้าอย่ามาแกล้งเลอะเลือนกับข้า เจ้าไม่อยากเป็นฮองเฮาเหรอ?" หยวนชิงหลิงหยิบถ้วยที่วางอยู่บนโต๊ะ พูดเสียงเบาว่า "ความคิดนั้นง่าย แต่ถนนหนทางมีอันตราย ไม่คุ้มค่า"
เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างมองหน้ากัน พระชายาฉู่คุกเข่าขอโทษอยู่ด้านนอก?ห้องโถงด้านข้างอยู่ห่างจากห้องทรงพระอักษรไม่ไกลนัก จักรพรรดิหมิงหยวนเข้าไปข้างใน หยวนชิงหลิงถูกพาตัวเข้ามาจากประตูด้านข้างอีกบานหนึ่งหยวนชิงหลิงคุกเข่าลงมา ยังไม่ทันได้พูด จักรพรรดิหมิงหยวนก็เอ่ยเสียงเย็น "ลุกขึ้น ข้ารู้ว่าเจ้ามีจุดประสงค์อะไร รีบออกไปจากวัง"หยวนชิงหลิงรู้ว่าทุกอย่างจะถูกเปิดเผย แต่ว่าละครยังต้องมีบทจบ นางกล่าวด้วยความเศร้า "เสด็จพ่อ เรื่องที่ประตูเมือง ลูกสะใภ้ขอรับผิดทั้งหมด""เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า? เจ้าล้อเล่นอันใด?"จักรพรรดิหมิงหยวนหมดความอดทน เจ้าห้ากับภรรยาก่อแต่เรื่องวุ่นวายหยวนชิงหลิงกล่าวเสียงดัง "ข้าในฐานะพระชายาฉู่ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยความสนับสนุนจากราษฎร เมื่อเกิดเรื่องขึ้น ถึงแม้จะอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่สามารถระงับยับยั้งเหตุได้ ช่วยรักษาไว้ไม่ทัน ทำให้ผู้คนล้มบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เกิดความโกลาหลวุ่นวาย ทั้งหมดนี้ต้องตำหนิข้าที่ไม่ระงับเหตุแต่เนิ่น ๆ ทำให้เรื่องบานปลายไปใหญ่ เวลานั้นลูกสะใภ้อยู่บนกำแพงเมือง เห็นคนรอเข้าคิวก็กระสับกระส่าย คิดว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่
อวี่เหวินห่าวรอหยวนชิงหลิงอย่างกระวนกระวายใจที่หน้าประตูวังไม่รูว่าจะถูกด่าหรือไม่? ไม่รู้ว่าจะถูกเฆี่ยนตีไหม? ร่างนั้นไม่สามารถต้านทานการเฆี่ยนตีได้ซูยี่เห็นเขา จึงก้าวเข้าไปหาแล้วกล่าวว่า "ท่านอ๋องเข้าวังไปดูไม่ดีกว่าหรือ? พระชายามีปากเป็นอาวุธ และง่ายต่อการล่วงเกินผู้อื่น อาจจะไปทำให้ฮ่องเต้กริ้วก็เป็นได้”"อย่าเสียงดัง บางทีอาจไม่เป็นเช่นนั้น!" อวี่เหวินห่าวเอามือไขว้หลัง ทำไมยังไม่ออกมา? ถ้าจะโดนเฆี่ยนตีก็ควรจะตีเสร็จแล้ว เดินออกมาไม่ไหวก็ควรจะให้คนแบกออกมา?ซูยี่เบ้ปาก "พูดยาก พระชายาก่อเรื่องวุ่นวาย จับคนไหนกัดคนนั้น ล่วงเกินฝ่าบาท เฆี่ยนตียังนับว่าดี กลัวแต่…"อวี่เหวินห่าวยืดคอและตะโกนใส่เขา "ซูยี่ ถ้าเจ้าไม่พูดสักนาที จะเจ็บลิ้นตายเลยใช่หรือไม่?"ซูยี่พูดเสียงเบา "ข้าเป็นห่วง"ความเป็นห่วง ทำให้เขาพูดไร้สาระ การพูดไร้สาระทำให้พูดเรื่องเชิงลบได้ง่ายเขาก็ไม่มีวิธีที่จะบังคับตัวเองในที่สุดเมื่อเห็นนางข้าหลวงสี่กับหยวนชิงหลิงเดินออกมาพร้อมกันนางสวมชุดสีแดง ศีรษะตั้งตรง ก้าวที่มั่นคง มีจิตวิญญาณสูงส่ง เหมือนกับแม่ไก่หงอนแดงที่เพิ่งจะออกรบอวี่เหวินห่าวหัวใจกระโดด