แชร์

บทที่ 236

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ริมฝีปากของหยวนชิงหลิงยกยิ้มบาง ๆ ขึ้น

ใครจะไปรู้ว่าอ๋องหวยเองก็ได้ยิงเสียงข้างนอกเช่นกัน ถึงจะไม่ได้ฟังให้ดี จึงได้ยินแต่สิ่งที่กระชายาจี้พูดเสียงดังสินะ

อ๋องหวยยิ้มประชดแบบเหมือนไม่ได้ประชดและพูดว่า “พี่สะใภ้ห้า ได้ยินแล้วใช่ไหม? จริง ๆ แล้วไม่ใช่ข้าที่ท้อแท้ คนข้างนอกจริง ๆ แล้วก็ไม่เชื่อว่าข้าจะดีขึ้นได้”

“ไม่ว่าคนข้างนอกจะพูดยังไงล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือข้าพูดอะไร ข้าคือท่านหมอของท่าน” หยวนชิงหลิงลากเก้าอี้มาตัวนึงนั่งลงข้างเตียง

อ๋องหวยมองนางและยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย “พี่สะใภ้ห้าสวมหน้ากากบอกกับข้าว่าสามารถรักษาหายได้? เกรงว่าพี่สะใภ้ห้าเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน?”

หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่าเขายังจะสนใจเรื่องการสวมหน้ากาก “หน้ากากนี้ ทำให้ในใจท่านอ๋องรู้สึกอึดอัดหรือ?”

อ๋องหวยตอบอย่างเรียบเฉย “ไม่อึดอัด เพียงแต่มันทำให้ข้ารู้สึก ข้าคือนักโทษ นักโทษผู้แพร่กระจายความตายคนหนึ่ง”

หยวนชิงหลิงพูด “ท่านไม่ใช่ความผิดบาปแต่กำเนิด โรคนี้ต่างหากที่เป็นความผิดบาปแต่กำเนิด ท่านคือผู้รับความทุกข์ทรมาน ท่านคือเหยื่อ สำหรับหน้ากากนี้ จริง ๆ แล้วข้าสามารถถอดมันออกได้ ข้าอาจจะไม่ติดเชื้อ แต่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 237

    หยวนชิงหลิงหันตัวออก เดินไปได้สองก้าวก็หยุดอยู่นิ่ง หลังจากยืนอยู่นิ่งครู่หนึ่ง จู่ ๆ นางก็หันกลับมายกเก้าอี้ขึ้น แล้วทุ่มลงกับพื้นเสียงดังเก้าอี้กแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ นัยต์ตาของนางแดงก่ำ นางพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว “ท่านโกรธอะไร? ท่านมีเหตุผลอะไรให้โกรธ? ข้าโกรธไม่ได้ใช่ไหม? ข้าปรารถนาดีมารักษาโรคของท่าน หันกลับมาดูสีหน้าท่าน? รักษาท่านหาย ข้าก็ไม่ได้อะไร แต่ถ้ารักษาท่านไม่หาย เสด็จพ่อท่านยังไงต้องถามถึงความผิดของข้า ท่านคงไม่รู้สินะ ถ้าท่านตาย คนในจวนเท่าไหร่ที่ต้องลงโลงไปกับท่าน? ท่านมีมีสิทธิ์อะไรมาน้อยอกน้อยใจตอนนี้? ยาพวกนี้ราคาแพงแค่ไหน ถ้าท่านใช้เซลล์สมองทั้งหมดคิดท่านก็คิดไม่ถึง สำหรับท่านไม่ได้หายากเลย ผู้ป่วยมากมายข้างนอกที่รอยานี้ไปช่วงชีวิตล่ะ? ข้าขอเตือนท่านนะ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตราบใดที่ท่านยังกล้าอาเจียนคายยาออกมาอีก ข้าจะบีบคอท่านให้ตายทันที เท่านี้ท่านก็จะได้ไม่ทำให้ทุกคนรำคาญไม่มีความสุขอีก ท่านคือคนป่วย แต่ใจท่านไม่ได้ป่วย ด้านนอกพระชายาจี้พูดคำเดียวท่านถึงกับอยากตาย ท่านเชื่อคำพูดนาง คิดว่าทุกคนล้วนไม่หวังให้ท่านหาย แต่ท่านตาบอดรึไง? ไม่เห็นคนอื่นนอกจากพระ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 238

    กลุ่มคนรีบร้อนเข้ามาช่วยพยุง, ช่วยกดจุด, นวดขมับ, โบกพัดอยู่ครู่หนึ่ง สนมหลู่เฟยจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นมา นางพยายามยืนตัวตรง แล้วชี้ไปทางพระชายาจี้ ตาของนางแดงก่ำ พร้อมกับมองด้วยสายตาที่แทบอยากฉีกเป็นชิ้น ๆ “ทำไมเจ้าถึงพูดกับเขาแบบนั้น? เขาเหลือความหวังอยู่เพียงน้อยนิด เจ้าต้องทำร้ายเขาให้ตายถึงจะพอใจใช่ไหม? เขาขวางทางตรงไหนของเจ้า? เขาเป็นแค่คนป่วย ครอบครัวข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพลที่จะมาขวางทางพวกเจ้าด้วย!”คำพูดนี้ของสนมหลู่เฟย เป็นการฉีกหน้าพวกคนเสแร้งใคร ๆ ล้วนก็รู้ว่าอ๋องจี้ทะเยอทะยานในตำแหน่งรัชทายาท เป็นคนเหมือนสนมหลู่เฟย แค่เสแสร้งทำเป็นไม่รู้ ส่วนพวกองค์หญิงอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาว่าฉลาดให้มันมากไปฉีกหน้าเสแสร้งของทุกคนทุกคนล้วนคิดว่าพระชายาจี้ต้องอับอายมากเป็นแน่แต่พระชายาจี้ไม่ได้มีความอาย นางเพียงแค่ยืนนิ่งเงียบงันอยู่ตรงนั้น มองพระสนมหลู่เฟย นางถอนหายใจออกกมา “พระสนมหลู่เฟย โบราณว่าไว้คำตักเตือนที่ดีมักขัดหู เจตนาดีของข้า ถ้าพระสนมหลู่เฟยไม่เข้าใจก็เท่านั้น ไม่กี่วันมานี้ข้าปรนิบัติรับใช้อยู่ที่จวนอ๋องหวย ถือว่าข้าคงหลงตัวเองคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ฝ่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 239

    หยวนชิงหลิงวางมือ “ข้าเองก็จนปัญญาเพราะเพิ่งจะมีปากเสียงกับพระชายาจี้”อวี่เหวินหลิงกล่าว “ทะเลาะได้ดี ” นางเองก็ไม่ชอบพระชายาจี้องค์หญิงหลัวผิงส่ายหน้าถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ประมาทเกินไปแล้ว พระชายาจี้เองก็ไม่ใช่คนดีอะไร วันนี้เจ้าทำนางขุ่นเคืองใจ ไม่รู้ว่านางจะจัดการเจ้ากับเจ้าห้าเยี่ยงไร”หยวนชิงหลิงคิดในใจ ถึงไม่มีเรื่องนี้ พวกเขาสองสามีภรรยาก็ไม่คิดปล่อยอวี่เหวินห่าวไปการลอบสังหารอวี่เหวินห่าวก่อนหน้านี้ ก็เป็นฝีมือของอ๋องจี้แต่ว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะที่จะพูดออกไป นางจึงพูดกับองค์หญิงหลัวผิงว่า “เพลานี้ยังไงก็ได้ขุ่นเคืองใจกันไปแล้ว ที่สำคัญที่สุดคืออาการประชวรของอ๋องหวย รักษาอ๋องหวยก่อนแล้วค่อยว่ากัน”องค์หญิงหลัวผิงพยักหน้าเล็กน้อย “ก็มีเหตุผล งั้นก็จัดการเรื่องนี้กันก่อน แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ข้าเองก็คงช่วยเจ้าไม่ได้”“ข้าช่วยเอง!” อวี่เหวินหลิงพูดด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นนี้องค์หญิงหลัวผิงจิ้มบนหน้าผากนางลงไปเน้น ๆ “เจ้านะ ก็เงียบ ๆ ปากของเจ้าบ้าง จะได้ไม่นำภัยมาสู่ตัวโดยที่ไม่รู้”หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าองค์หญิงหลัวผิงมีวิสัยทัศน์กว้างไกล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 240

    กู้ซีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบเสียงเบาว่า “พลังอำนาจคือทุกสิ่ง!”“ทุกสิ่ง?” หยวนชิงหลิงยิ้มประชด “เกรงว่าไม่นะ ข้ารู้จักคนที่มีพลังอำนาจมากมายหลายคน แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้มาวึ่งทุกสิ่ง”“พลังอำนาจ แต่เดิมล้วนไม่มีที่สิ้นสุด”ใช่สิ การเป็นจักรพรรดิ เป็นใหญ่เหนือฟ้าดิน พลังอำนาจจะมีที่สิ้นสุดได้อย่างไร?ไม่รู้เหมือนกันว่าอวี่เหวินห่าวเองจะเป็นแบบนั้นไหม?นางถามกู้ซี “ข้าเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องฉู่กับเจ้าไม่เลวเลย พวกท่านรู้จักกันมานานแล้วไหม?”กู้ซียิ้ม ๆ “เติบโตมาด้วยกันพ่ะย่ะค่ะ”“ความผูกพันธ์วัยเด็ก ช่างล้ำค่าและหาได้ยากยิ่ง เช่นนี้เรื่องราวเมื่อก่อนของเขากับฉู่หมิงชุ่ย ท่านเองก็รู้สินะ?”“รู้ รู้ทั้งหมด” เขามองหยวนชิงหลิงอย่างเรียบเฉย “พระชายาคิดจะถามอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”“ไม่มีอะไรต้องถาม เรื่องราวของพวกเขา ข้าไม่อยากรู้” หยวนชิงหลิงกล่าว กู้ซีก็คาดไม่ถึง“กระหม่อมคิดว่าพระชายาอยากรู้ว่าในใจของท่านอ๋องคิดยังไง”หยวนชิงหลิงหันหัวมายิ้มให้เขา “ไม่หาเรื่องใส่ตัว คือคติประจำใจการเป็นคนของข้า”กู้ซีมองดูนางอย่างครุ่นคิด ไม่หาเรื่องใส่ตัว? รู้เรื่องท่านอ๋องกับฉู่หมิงชุ่ย

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 241

    “นายท่านเจ้าขา พวกบ่าวมาเพื่อปรนิบัติท่านเจ้าค่ะ!” เสียงออดอ้อนมารยาของนางคณิกาที่ดังอยู่ข้างหูพวกนางที่มาเกาะติดอยู่บนตัวเขาในชั่วพริบตานั้นเอง อวี่เหวินห่าวรู้แค่ว่าความโกรธทั้งหมดหลั่งไหลเข้ามาในร่าง โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความโกรธ “ซูยี่!”ซูยี่รอรับรางวัลอยู่ที่หน้าประตูด้วยความยินดีปรีดาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของท่านอ๋อง ยังคิดว่าคงเป็นเสียงฟ้าร้อง จึงเงยหน้ามองท้องฟ้าคนที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างชีหลัวถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเป็นอันมากและรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปซูยี่ที่เพิ่งได้สติรีบเดินตามเข้าไป เกิดอะไรขึ้น? อัปลักษณ์เกินไป? ไม่เข้าตาท่านอ๋อง? แต่แม่เล้าบอกว่าสองคนนี้เป็นนางคณิกาพิเศษระดับสูงแล้วเขาได้พยายามทุ่มเทจัดหาสิ่งดีที่สุดให้ท่านอ๋องแล้วในห้องหลังจากผ่านลมพายุฝน ซูยี่อย่างเศร้า ๆ รับตัวสองนางคณิกาในชุดหวาบหวิวคุ้มกันพวกนางกลับไปยังหอฉินโหล่วระหว่างทางเดิน กู้ซีกับหยวนชิงหลิงก็มาพอดีหยวนชิงหลิงเห็นซูยี่พาหญิงสาวสองคนมา ไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี แต่งหน้าหนาเตอะ พรมน้ำหอมฉุนจมูก ท่าทางเขินอาย เลิกคิ้วเล็กน้อย ให้ความรู้สึกที

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 242

    อวี่เหวินห่าวอารมณ์เสียอยู่ในห้อง กินอะไรไม่ลง วันนี้อยู่ที่สำนักตรวจการมองดูศพผู้ตายทั้งวัน ได้ยินเกี่ยวกับการรื้อคดีฆาตกรรมหมู่ แต่ก็ไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติม ในใจทั้งกังวลทั้งหงุดหงิด กลับมาเจอซูยี่ทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้ จึงระงับความโกรธไม่ได้และระเบิดออกมา“ถังหยางอยู่ไหน?” หลังจากเขาอารมณ์เสียแล้วถามชีหลัวด้วยความโกรธชีหลัวตอบอย่างระมัดระวังว่า “ทูลท่านอ๋อง ใต้เท้าถังออกไปข้างนอกแล้วตั้งแต่วันนี้ตอนเย็น”เขาคิดว่าถังหยางน่าจะไปรับหยวนชิงหลิงแล้ว จึงพูดต่อไป “เจ้าไปบอกคนในจวน ให้เขาบอกใต้เท้าถัง ถ้ากลับมาแล้วให้มาที่ตำหนักเสี่ยวเยว่ทันที”“เพคะ!” ชีหลัวรีบออกไป ราวกับได้ถูกปลดปล่อยหลังจากอวี่เหวินห่าวอาบน้ำ นั่งอยู่ในห้องดื่มชามองออกไปที่ด้านนอก ถังหยางทำไมยังไม่กลับมา? ถังหยางไม่กลับมา นางก็ยังไม่ได้กลับมาเช่นกันหนึ่งก้านธูปผ่านไป ถังหยางรีบร้อนเข้ามา “ท่านอ๋อง ท่านเรียกหากระหม่อมหรือ?”“ไปไหนมา?” อวี่เหวินห่าววางแก้วชา เงยหน้ามองเขาและแกล้งทำเป็นไม่ถามว่าเขารับหยวนชิงหลิงมาแล้วหรือยังถังหยางตอบว่า “วันนี้กระหม่อมไปหาหัวหน้าหมู่บ้านมา ใช่สิ เทศกาลเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 243

    นางต้องปฏิบัติกับเขาถึงเพียงนี้เลยหรือ?เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าชอบแบบนี้สินะ!”เขาหันหลังเดินออกไปด้านหลัง ได้ยินเสียงหยวนชิงหลิงทำความเคารพเขา “ทูลลาท่านอ๋อง!”อวี่เหวินห่าวโกรธเสียจนริมฝีปากสั่นไปหมด และรีบสาวเท้ายาว ๆ เดินออกไปอะไรกัน? ข้าต้องทะนุถนอมเจ้ารึ?หยวนชิงหลิงยืนอยู่ที่บันไดหิน มองแผ่นหลังของเขานางไม่ให้เขาสัมผัสตัวเอง เพราะรู้สึกว่าเขาสกปรกเห็นนางเป็นตัวอะไร? เมื่อกี้เพิ่งมีช่วงเวลาดี ๆ กับสองสาว กลับมาก็มาหานางเพื่อเยาะเย้ยนาง นางไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเขานะนางกลับห้องอย่างช้า ๆ นางข้าหลวงฉีถามเสียงเบา “พระชายา ท่านจำเป็นต้องทำกับท่านอ๋องถึงเพียงนี้เลยหรือ?”หยวนชิงหลิงมองแม่นมฉี “เมื่อครู่ข้ายังทำความเคารพไม่พอหรือ?”แม่นมฉีเงียบพูดไม่ออกพอ จนมากเกินพอด้วยซ้ำ!อวี่เหวินห่าวหายใจกระฟัดกระเฟียดกลับตำหนักเสี่ยวเยว่ รู้สึกลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ ทำยังไงมันก็ไม่ดีขึ้นเมื่อวานยังดูรักใคร่ผูกพันธ์กันดี วันนี้กลับเปลี่ยนไปแบบนี้ นางคิดว่านางเป็นใครกัน?เอื้อมมือไปแตะต้องก็ไม่ได้ งั้นใครกันที่เจ้าไปทูลเสด็จย่าว่าไม่เคยได้เคียงคู่ร่วมหอ?คิดถึงตอนนางเลิ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 244

    ดวงตาของอวี่เหวินห่าวเปลี่ยนไปเป็นกลมโต กลมโตเหมือนไข่มุกดำเม็ดแวววาว “เจ้าบอกว่า...เจ้ากับหยวนชิงหลิงเห็นซูยี่พาสตรีสองนางออกไปหรือ?”“เห็นแน่นอน พวกข้าไม่ใช่คนตาบอดนะพ่ะย่ะค่ะ” กู้ซีตอบอย่างไม่พอใจอวี่เหวินห่าวร้อง อ่อ ออกมา “นี่สินะนางถึงโกรธ?”ในแววตาของเขาดูมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว“ไม่ควรโกรธหรือ?” กู้ซีตั้งอกตั้งใจพูดเกลี้ยกล่อม “ไม่ใช่ว่าข้าว่าท่าน จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องออกไปหาคนข้างนอกเลย ท่านมีตำแหน่งเป็นอะไร? ในจวนไม่ต้องมีอะไรแบบนี้? ถึงกับต้องทำลายชื่อเสียงตัวเองแบบนี้เลยหรือ?”อวี่เหวินห่าวทำท่าเหมือนคนได้รับการสั่งสอน “ข้ารู้แล้ว ครั้งหน้าจะไม่เกิดขึ้นอีก เจ้ากลับจวนอ๋องหวยไปก่อน คืนนี้ข้าจะไปรับนางเอง”“พ่ะย่ะค่ะ ต้องไปรับ เมื่อคืนวานตอนนางออกมา นางเหลียวซ้ายแลขวา ไม่รู้ว่าผิดหวังขนาดไหน ผลสุดท้ายหลังจากกลับถึงจวนยังเห็นสตรีสองนาง จะไม่ให้นางโกรธได้อย่างไร?”อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าตัวเองสมควรตายเสียจริงเมื่อคืนวาน จริง ๆ แล้วไปรับนางได้ ก็เขาแค่แกล้งเล่นตัวกู้ซีที่ให้คำแนะนำเสร็จก็ออกไปทันทีตอนเย็นก่อนตะวันตกดิน อวี่เหวินห่าวถึงที่จวนอ๋องหวยพอดีหยวนชิ

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status