กลุ่มคนรีบร้อนเข้ามาช่วยพยุง, ช่วยกดจุด, นวดขมับ, โบกพัดอยู่ครู่หนึ่ง สนมหลู่เฟยจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นมา นางพยายามยืนตัวตรง แล้วชี้ไปทางพระชายาจี้ ตาของนางแดงก่ำ พร้อมกับมองด้วยสายตาที่แทบอยากฉีกเป็นชิ้น ๆ “ทำไมเจ้าถึงพูดกับเขาแบบนั้น? เขาเหลือความหวังอยู่เพียงน้อยนิด เจ้าต้องทำร้ายเขาให้ตายถึงจะพอใจใช่ไหม? เขาขวางทางตรงไหนของเจ้า? เขาเป็นแค่คนป่วย ครอบครัวข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพลที่จะมาขวางทางพวกเจ้าด้วย!”คำพูดนี้ของสนมหลู่เฟย เป็นการฉีกหน้าพวกคนเสแร้งใคร ๆ ล้วนก็รู้ว่าอ๋องจี้ทะเยอทะยานในตำแหน่งรัชทายาท เป็นคนเหมือนสนมหลู่เฟย แค่เสแสร้งทำเป็นไม่รู้ ส่วนพวกองค์หญิงอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาว่าฉลาดให้มันมากไปฉีกหน้าเสแสร้งของทุกคนทุกคนล้วนคิดว่าพระชายาจี้ต้องอับอายมากเป็นแน่แต่พระชายาจี้ไม่ได้มีความอาย นางเพียงแค่ยืนนิ่งเงียบงันอยู่ตรงนั้น มองพระสนมหลู่เฟย นางถอนหายใจออกกมา “พระสนมหลู่เฟย โบราณว่าไว้คำตักเตือนที่ดีมักขัดหู เจตนาดีของข้า ถ้าพระสนมหลู่เฟยไม่เข้าใจก็เท่านั้น ไม่กี่วันมานี้ข้าปรนิบัติรับใช้อยู่ที่จวนอ๋องหวย ถือว่าข้าคงหลงตัวเองคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ฝ่
หยวนชิงหลิงวางมือ “ข้าเองก็จนปัญญาเพราะเพิ่งจะมีปากเสียงกับพระชายาจี้”อวี่เหวินหลิงกล่าว “ทะเลาะได้ดี ” นางเองก็ไม่ชอบพระชายาจี้องค์หญิงหลัวผิงส่ายหน้าถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ประมาทเกินไปแล้ว พระชายาจี้เองก็ไม่ใช่คนดีอะไร วันนี้เจ้าทำนางขุ่นเคืองใจ ไม่รู้ว่านางจะจัดการเจ้ากับเจ้าห้าเยี่ยงไร”หยวนชิงหลิงคิดในใจ ถึงไม่มีเรื่องนี้ พวกเขาสองสามีภรรยาก็ไม่คิดปล่อยอวี่เหวินห่าวไปการลอบสังหารอวี่เหวินห่าวก่อนหน้านี้ ก็เป็นฝีมือของอ๋องจี้แต่ว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะที่จะพูดออกไป นางจึงพูดกับองค์หญิงหลัวผิงว่า “เพลานี้ยังไงก็ได้ขุ่นเคืองใจกันไปแล้ว ที่สำคัญที่สุดคืออาการประชวรของอ๋องหวย รักษาอ๋องหวยก่อนแล้วค่อยว่ากัน”องค์หญิงหลัวผิงพยักหน้าเล็กน้อย “ก็มีเหตุผล งั้นก็จัดการเรื่องนี้กันก่อน แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ข้าเองก็คงช่วยเจ้าไม่ได้”“ข้าช่วยเอง!” อวี่เหวินหลิงพูดด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นนี้องค์หญิงหลัวผิงจิ้มบนหน้าผากนางลงไปเน้น ๆ “เจ้านะ ก็เงียบ ๆ ปากของเจ้าบ้าง จะได้ไม่นำภัยมาสู่ตัวโดยที่ไม่รู้”หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าองค์หญิงหลัวผิงมีวิสัยทัศน์กว้างไกล
กู้ซีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบเสียงเบาว่า “พลังอำนาจคือทุกสิ่ง!”“ทุกสิ่ง?” หยวนชิงหลิงยิ้มประชด “เกรงว่าไม่นะ ข้ารู้จักคนที่มีพลังอำนาจมากมายหลายคน แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้มาวึ่งทุกสิ่ง”“พลังอำนาจ แต่เดิมล้วนไม่มีที่สิ้นสุด”ใช่สิ การเป็นจักรพรรดิ เป็นใหญ่เหนือฟ้าดิน พลังอำนาจจะมีที่สิ้นสุดได้อย่างไร?ไม่รู้เหมือนกันว่าอวี่เหวินห่าวเองจะเป็นแบบนั้นไหม?นางถามกู้ซี “ข้าเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องฉู่กับเจ้าไม่เลวเลย พวกท่านรู้จักกันมานานแล้วไหม?”กู้ซียิ้ม ๆ “เติบโตมาด้วยกันพ่ะย่ะค่ะ”“ความผูกพันธ์วัยเด็ก ช่างล้ำค่าและหาได้ยากยิ่ง เช่นนี้เรื่องราวเมื่อก่อนของเขากับฉู่หมิงชุ่ย ท่านเองก็รู้สินะ?”“รู้ รู้ทั้งหมด” เขามองหยวนชิงหลิงอย่างเรียบเฉย “พระชายาคิดจะถามอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”“ไม่มีอะไรต้องถาม เรื่องราวของพวกเขา ข้าไม่อยากรู้” หยวนชิงหลิงกล่าว กู้ซีก็คาดไม่ถึง“กระหม่อมคิดว่าพระชายาอยากรู้ว่าในใจของท่านอ๋องคิดยังไง”หยวนชิงหลิงหันหัวมายิ้มให้เขา “ไม่หาเรื่องใส่ตัว คือคติประจำใจการเป็นคนของข้า”กู้ซีมองดูนางอย่างครุ่นคิด ไม่หาเรื่องใส่ตัว? รู้เรื่องท่านอ๋องกับฉู่หมิงชุ่ย
“นายท่านเจ้าขา พวกบ่าวมาเพื่อปรนิบัติท่านเจ้าค่ะ!” เสียงออดอ้อนมารยาของนางคณิกาที่ดังอยู่ข้างหูพวกนางที่มาเกาะติดอยู่บนตัวเขาในชั่วพริบตานั้นเอง อวี่เหวินห่าวรู้แค่ว่าความโกรธทั้งหมดหลั่งไหลเข้ามาในร่าง โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความโกรธ “ซูยี่!”ซูยี่รอรับรางวัลอยู่ที่หน้าประตูด้วยความยินดีปรีดาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของท่านอ๋อง ยังคิดว่าคงเป็นเสียงฟ้าร้อง จึงเงยหน้ามองท้องฟ้าคนที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างชีหลัวถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเป็นอันมากและรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปซูยี่ที่เพิ่งได้สติรีบเดินตามเข้าไป เกิดอะไรขึ้น? อัปลักษณ์เกินไป? ไม่เข้าตาท่านอ๋อง? แต่แม่เล้าบอกว่าสองคนนี้เป็นนางคณิกาพิเศษระดับสูงแล้วเขาได้พยายามทุ่มเทจัดหาสิ่งดีที่สุดให้ท่านอ๋องแล้วในห้องหลังจากผ่านลมพายุฝน ซูยี่อย่างเศร้า ๆ รับตัวสองนางคณิกาในชุดหวาบหวิวคุ้มกันพวกนางกลับไปยังหอฉินโหล่วระหว่างทางเดิน กู้ซีกับหยวนชิงหลิงก็มาพอดีหยวนชิงหลิงเห็นซูยี่พาหญิงสาวสองคนมา ไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี แต่งหน้าหนาเตอะ พรมน้ำหอมฉุนจมูก ท่าทางเขินอาย เลิกคิ้วเล็กน้อย ให้ความรู้สึกที
อวี่เหวินห่าวอารมณ์เสียอยู่ในห้อง กินอะไรไม่ลง วันนี้อยู่ที่สำนักตรวจการมองดูศพผู้ตายทั้งวัน ได้ยินเกี่ยวกับการรื้อคดีฆาตกรรมหมู่ แต่ก็ไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติม ในใจทั้งกังวลทั้งหงุดหงิด กลับมาเจอซูยี่ทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้ จึงระงับความโกรธไม่ได้และระเบิดออกมา“ถังหยางอยู่ไหน?” หลังจากเขาอารมณ์เสียแล้วถามชีหลัวด้วยความโกรธชีหลัวตอบอย่างระมัดระวังว่า “ทูลท่านอ๋อง ใต้เท้าถังออกไปข้างนอกแล้วตั้งแต่วันนี้ตอนเย็น”เขาคิดว่าถังหยางน่าจะไปรับหยวนชิงหลิงแล้ว จึงพูดต่อไป “เจ้าไปบอกคนในจวน ให้เขาบอกใต้เท้าถัง ถ้ากลับมาแล้วให้มาที่ตำหนักเสี่ยวเยว่ทันที”“เพคะ!” ชีหลัวรีบออกไป ราวกับได้ถูกปลดปล่อยหลังจากอวี่เหวินห่าวอาบน้ำ นั่งอยู่ในห้องดื่มชามองออกไปที่ด้านนอก ถังหยางทำไมยังไม่กลับมา? ถังหยางไม่กลับมา นางก็ยังไม่ได้กลับมาเช่นกันหนึ่งก้านธูปผ่านไป ถังหยางรีบร้อนเข้ามา “ท่านอ๋อง ท่านเรียกหากระหม่อมหรือ?”“ไปไหนมา?” อวี่เหวินห่าววางแก้วชา เงยหน้ามองเขาและแกล้งทำเป็นไม่ถามว่าเขารับหยวนชิงหลิงมาแล้วหรือยังถังหยางตอบว่า “วันนี้กระหม่อมไปหาหัวหน้าหมู่บ้านมา ใช่สิ เทศกาลเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้
นางต้องปฏิบัติกับเขาถึงเพียงนี้เลยหรือ?เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าชอบแบบนี้สินะ!”เขาหันหลังเดินออกไปด้านหลัง ได้ยินเสียงหยวนชิงหลิงทำความเคารพเขา “ทูลลาท่านอ๋อง!”อวี่เหวินห่าวโกรธเสียจนริมฝีปากสั่นไปหมด และรีบสาวเท้ายาว ๆ เดินออกไปอะไรกัน? ข้าต้องทะนุถนอมเจ้ารึ?หยวนชิงหลิงยืนอยู่ที่บันไดหิน มองแผ่นหลังของเขานางไม่ให้เขาสัมผัสตัวเอง เพราะรู้สึกว่าเขาสกปรกเห็นนางเป็นตัวอะไร? เมื่อกี้เพิ่งมีช่วงเวลาดี ๆ กับสองสาว กลับมาก็มาหานางเพื่อเยาะเย้ยนาง นางไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเขานะนางกลับห้องอย่างช้า ๆ นางข้าหลวงฉีถามเสียงเบา “พระชายา ท่านจำเป็นต้องทำกับท่านอ๋องถึงเพียงนี้เลยหรือ?”หยวนชิงหลิงมองแม่นมฉี “เมื่อครู่ข้ายังทำความเคารพไม่พอหรือ?”แม่นมฉีเงียบพูดไม่ออกพอ จนมากเกินพอด้วยซ้ำ!อวี่เหวินห่าวหายใจกระฟัดกระเฟียดกลับตำหนักเสี่ยวเยว่ รู้สึกลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ ทำยังไงมันก็ไม่ดีขึ้นเมื่อวานยังดูรักใคร่ผูกพันธ์กันดี วันนี้กลับเปลี่ยนไปแบบนี้ นางคิดว่านางเป็นใครกัน?เอื้อมมือไปแตะต้องก็ไม่ได้ งั้นใครกันที่เจ้าไปทูลเสด็จย่าว่าไม่เคยได้เคียงคู่ร่วมหอ?คิดถึงตอนนางเลิ
ดวงตาของอวี่เหวินห่าวเปลี่ยนไปเป็นกลมโต กลมโตเหมือนไข่มุกดำเม็ดแวววาว “เจ้าบอกว่า...เจ้ากับหยวนชิงหลิงเห็นซูยี่พาสตรีสองนางออกไปหรือ?”“เห็นแน่นอน พวกข้าไม่ใช่คนตาบอดนะพ่ะย่ะค่ะ” กู้ซีตอบอย่างไม่พอใจอวี่เหวินห่าวร้อง อ่อ ออกมา “นี่สินะนางถึงโกรธ?”ในแววตาของเขาดูมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว“ไม่ควรโกรธหรือ?” กู้ซีตั้งอกตั้งใจพูดเกลี้ยกล่อม “ไม่ใช่ว่าข้าว่าท่าน จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องออกไปหาคนข้างนอกเลย ท่านมีตำแหน่งเป็นอะไร? ในจวนไม่ต้องมีอะไรแบบนี้? ถึงกับต้องทำลายชื่อเสียงตัวเองแบบนี้เลยหรือ?”อวี่เหวินห่าวทำท่าเหมือนคนได้รับการสั่งสอน “ข้ารู้แล้ว ครั้งหน้าจะไม่เกิดขึ้นอีก เจ้ากลับจวนอ๋องหวยไปก่อน คืนนี้ข้าจะไปรับนางเอง”“พ่ะย่ะค่ะ ต้องไปรับ เมื่อคืนวานตอนนางออกมา นางเหลียวซ้ายแลขวา ไม่รู้ว่าผิดหวังขนาดไหน ผลสุดท้ายหลังจากกลับถึงจวนยังเห็นสตรีสองนาง จะไม่ให้นางโกรธได้อย่างไร?”อวี่เหวินห่าวรู้สึกว่าตัวเองสมควรตายเสียจริงเมื่อคืนวาน จริง ๆ แล้วไปรับนางได้ ก็เขาแค่แกล้งเล่นตัวกู้ซีที่ให้คำแนะนำเสร็จก็ออกไปทันทีตอนเย็นก่อนตะวันตกดิน อวี่เหวินห่าวถึงที่จวนอ๋องหวยพอดีหยวนชิ
พูดจบเขาก็ลากข้อมือหยวนชิงหลิง “ไป ข้าจะอธิบายกับเจ้าบนรถม้า”“ปล่อยมือข้า!” หยวนชิงหลิงโกรธจนหน้าเขียว มือสกปรกของเขานี่ ต้องถูกตัดไม่ช้าก็เร็วท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายที่จ้องมองมา หยวนชิงหลิงถูกเขาลากขึ้นรถม้าวันนี้สารถีไม่ใช่ซูยี่ หลังจากเรื่องเมื่อคืนวานนี้นั้น ซูยี่ได้เข้าสู่สภาพลาพักร้อนเป็นที่เรียบร้อย“เจ้านี่ตกลงจะให้โอกาสข้าอธิบายหน่อยได้ไหม?” อวี่เหวินห่าวจ้องมองใบหน้าแดงก่ำของนางจากการดิ้นรนขัดขืน หยวนชิงหลิงพูดว่า “ท่านปล่อยข้าก่อน มิฉะนั้นก็ไม่ต้องมาพูดกัน ข้าจะไม่ฟังคำท่านสักคำ”อวี่เหวินห่าวปล่อยนาง และถามอย่างจริงจังว่า “ในใจของเจ้า เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ?”“ไม่ใช่ว่าในใจข้าคิดว่าท่านเป็นคนเช่นนั้น ข้าเห็นเองกับตา” หยวนชิงหลิงตอบอย่างเรียบเฉย“เจ้าเห็นอะไรด้วยตาตัวเอง? เจ้าไม่ใช่เห็นซูยี่พาสตรีสองนางนั้นเดินออกไป แต่เป็นเรื่องราวก่อนหน้าที่ซูยี่พานางไปต่างหาก?”หยวนชิงหลิงหน้าขาวซีดมองเขา “ใช่ ก่อนหน้านั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ข้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่ข้าก็ไม่ใช่คนโง่ ข้าคิดได้”“คิดว่าอะไร?” เขากระเถิบเข้าไปใกล้ ลมหายใจทั้งหมดเป่ารดลงข้างหน้า เกื