Share

บทที่ 245

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
พูดจบเขาก็ลากข้อมือหยวนชิงหลิง “ไป ข้าจะอธิบายกับเจ้าบนรถม้า”

“ปล่อยมือข้า!” หยวนชิงหลิงโกรธจนหน้าเขียว มือสกปรกของเขานี่ ต้องถูกตัดไม่ช้าก็เร็ว

ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายที่จ้องมองมา หยวนชิงหลิงถูกเขาลากขึ้นรถม้า

วันนี้สารถีไม่ใช่ซูยี่ หลังจากเรื่องเมื่อคืนวานนี้นั้น ซูยี่ได้เข้าสู่สภาพลาพักร้อนเป็นที่เรียบร้อย

“เจ้านี่ตกลงจะให้โอกาสข้าอธิบายหน่อยได้ไหม?” อวี่เหวินห่าวจ้องมองใบหน้าแดงก่ำของนางจากการดิ้นรนขัดขืน

หยวนชิงหลิงพูดว่า “ท่านปล่อยข้าก่อน มิฉะนั้นก็ไม่ต้องมาพูดกัน ข้าจะไม่ฟังคำท่านสักคำ”

อวี่เหวินห่าวปล่อยนาง และถามอย่างจริงจังว่า “ในใจของเจ้า เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ?”

“ไม่ใช่ว่าในใจข้าคิดว่าท่านเป็นคนเช่นนั้น ข้าเห็นเองกับตา” หยวนชิงหลิงตอบอย่างเรียบเฉย

“เจ้าเห็นอะไรด้วยตาตัวเอง? เจ้าไม่ใช่เห็นซูยี่พาสตรีสองนางนั้นเดินออกไป แต่เป็นเรื่องราวก่อนหน้าที่ซูยี่พานางไปต่างหาก?”

หยวนชิงหลิงหน้าขาวซีดมองเขา “ใช่ ก่อนหน้านั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ข้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่ข้าก็ไม่ใช่คนโง่ ข้าคิดได้”

“คิดว่าอะไร?” เขากระเถิบเข้าไปใกล้ ลมหายใจทั้งหมดเป่ารดลงข้างหน้า เกื
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 246

    สองวันมานี้อ๋องซุนก็ไปจวนอ๋องหวย และพาพระชายาซุนไปด้วยพระชายาซุนช่างสวยสง่า แข็งแกร่งงดงาม รูปร่างก็ดีมาก ยืนอยู่ข้างอ๋องซุนแล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนโฉมงามกับเจ้าชายอสูรพระชายาซุนไม่ได้มาบ่อย แต่มาทีไรก็เตรียมอาหารเสริมของฝากมามากมาย มองดูก็รู้เลยว่านางใช้ใจเตรียมมาอย่างพิถีพิถัน เพราะของฝากที่นางนำมา ล้วนเป็นอาหารเสริมตัวยาที่ช่วยเรื่องโรคปอดฉู่หมิงชุ่ยเคยมาแล้วครั้งหนึ่งพร้อมกับอ๋องฉีอวี่เหวินหลิงเฝ้าจับตาดูนางตลอดเวลา แม้แต่ตอนนางเข้าห้องเยี่ยมอ๋องหวย ก็จับตาดูนางอย่างใกล้ชิด เกรงว่านางจะก่อเรื่องฉู่หมิงชุ่ยกับหยวนชิงหลิงก็พูดจากันไม่กี่คำ แต่ก็สุภาพมีมารยาทมาก ถามไถ่อาการป่วยของอ๋องหวย ย่อตัวขอบคุณหลังจากนั้นก็เดินจากไป ทั้งสองราวกับไม่เคยเกิดเรื่องบาดหมางกันมาก่อนท่าทีของอ๋องหวยเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนที่สุดผ่านคืนวันที่หมอหลวงเคยบอกไปแล้ว แต่เขายังมีชีวิตอยู่ดีและไม่ได้ไอเป็นเลือดอีก อาการไอยังคงมีอยู่บ้างแต่ก็น้อยลงมาก เขายังไม่สามารถลงไปเดินกับพื้นได้คนที่มีความสุขที่สุดก็คือพระสนมหลู่เฟย ไม่กี่วันมานี่นางได้บูชาหยวนชิงหลิงราวกับเทพเจ้า หยวนชิงหลิงอยากกินอยากใช้อะไร

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 247

    หยวนชิงหลิงมองเขา “เมื่อกี้ข้าพึ่งซาบซึ้งใจเองนะ”“จะซาบซึ้งตื้นตันก็ไม่มีประโยชน์ ข้าไม่มีเงิน” เขาถอนหายใจยาว ๆ “ทุกวันนี้ทุกเดือนข้ามีเงินแค่หนึ่งถึงสองตำลึงเงินไว้ใช้เอง”เขาลากแผ่นหลังอันหนักอึ้งของเขา และเดินจากไปอย่างช้า ๆในใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกสับสน ทำไมข้างนอกถึงมีข่าวลือแบบนี้ได้? มองดูแล้ว นางต้องถามถังหยางไม่ก็ซูยี่ซะแล้วกู้ซีส่งนางกลับจวนอ๋องแล้ว นางก็ให้แม่นมฉีเรียกหาซูยี่มาที่นี่แม่นมฉีกล่าวว่า “ซูยี่ไม่ได้อยู่ที่จวนอ๋องแล้วเพคะ”“ไม่ได้อยู่ที่จวนอ๋อง ท่านอ๋องสั่งให้เขาไปทำธุระข้างนอกหรือ?” หยวนชิงหลิงถามด้วยความประหลาดใจ“ไม่ใช่เพคะ ซูยี่ก่อเรื่องสร้างความรำคาญพระทัยให้ท่านอ๋อง ท่านอ๋องทรงกริ้ว ไล่ให้เขาออกไป” แม่นมฉีตอบกลับเช่นนี้หยวนชิงหลิงรู้สึกคาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก “เขาทำอะไรหรือ?”น่าเสียดายอยู่บ้าง ซูยี่เองก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงใจ ถึงแม้ว่าจะดูเชื่อถือไม่ได้ก็เถอะแม่นมฉีตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าซูยี่นี่ปากไม่มีหูรูด ทำงานไม่น่าเชื่อถือ ไม่รู้ว่าไปเอาความคิดพิเรนท์ ๆ มาจากไหน เตรียมสตรีสองนางไว้ที่ห้องท่านอ๋อง ท่านอ๋องทรงกริ้ว เลยให้เขากับส

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 248

    ในใจของอวี่เหวินห่าวตอนนี้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก และรู้สึกเจ็บปวดร่วมอยู่ด้วยเขากล่าวอย่างเฉยชาว่า “ถ้าพบคนเช่นนี้ นางคงนำพาแต่ความทรมานมาให้เจ้า ไม่มีหรอกความน่ายินดีหรือความสุขหรอก”“มีความทุกข์ก็ต้องมีความสุข”อวี่เหวินห่าวกระดกเหล้าขึ้นดื่ม เขาพบว่ากู้ซีพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว มิตรภาพของพวกเขามาถึงจุดจบแล้วแต่คำเตือนสุดท้าย เขาชี้ไปทางกู้ซีแล้วพูด “อย่าเป็นแบบนั้นจะดีที่สุด เจ้าจะเสียใจเอา”กู้ซีดึงมือเขาลง “เจ้านั่งลงก่อน ดื่มเป็นเพื่อนข้า เจ้าน่ะช่างไม่รู้อะไรเอาซะเลย เจ้ารักฉู่หมิงชุ่ยจริง ๆ หรือ? ไม่ใช่ว่า เจ้าคิดว่านางน่ะเป็นคนหัวอ่อน ไม่ก่อปัญหาสร้างความรำคาญใจแก่เจ้า ลองคิดดูนะถ้าไม่เจอกันสักวัน ทุกอย่างอาจไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดก็ได้ เจ้าแค่คิดว่านางเหมาะสม ส่วนพระชายาของเจ้า ช่างเถอะ เจ้าถูกนางทำร้าย แน่นอนเจ้าไม่รู้สึกอะไรกับนาง”อวี่เหวินห่าวผลักเขา “เจ้ามีสติหน่อยเถอะ”พูดจบก็ลุกออกไปด้วยความรังเกียจ“ข้ามีคนที่ชอบแล้ว!” กู้ซีตะโกนใส่เขาอย่างไม่เกรงกลัวอวี่เหวินห่าวหันกลับมา นี่เป็นเรื่องใหม่ล่าสุด “ใครเหรอ?”กู้ซียกนิ้วขึ้น “หยวนชิง...”รองเท้าข้างนึงปาข้าง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 249

    ชีหลัวไล่ตามมาและพูดว่า “พระชายามาตำหนักเสี่ยวเยว่ตั้งแต่ยามซวี นางนั่งอยู่ที่ขั้นบันไดหินรอท่าน สองชั่วยามไปแล้ว รอถึงเพลานี้ก็ยังไม่ได้กลับไป”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินเช่นนี้ รีบเดินเข้าไป “นางมีเรื่องอะไรเร่งด่วนรึเปล่า?”“ถามแล้ว ไม่ได้พูดอะไร พูดแค่ว่ารอท่านกลับมา” ชีหลัวพูดไล่ตามมาอวี่เหวินห่าวรีบวิ่งกลับไป เข้าไปในตำหนักเสี่ยวเยว่ พบหยวนชิงหลิงนั่งอยู่ที่ขั้นบันไดหินจริง ๆ ด้วย หัวพิงเสาข้าง ๆ นางได้หลับไปแล้วราตรีกาลข้างนอกฟ้ากระจ่างใส นางงอเข่า ขดตัว เห็นได้ชัดว่าหนาวอยู่บ้างได้ยินเสียงฝีเท้า นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นนางขยี้ตา สายตามองไม่ค่อยชัดแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจับเสาไว้ เหมือนยืนไม่ค่อยมั่นคง “ท่านกลับมาแล้ว?”“ทำไมเจ้าอยู่ที่นี้? มีเรื่องอะไร?” เขานึกถึงความเฉยชาของนางขึ้นมา จึงข่มความสนใจลงแล้วถาม“ข้าอยากคุยกับท่าน” ท่าทางของนางดูน่าสงสารเล็กน้อยเขาทนไม่ไหวแล้วและพูดว่า “เข้าไปคุยข้างในเถอะ”เขาเหลือบมองนาง และเดินผ่านนางไปหยวนชิงหลิงเดินตามเขาไปแล้วจามติดต่อกันสองครั้งเข้าไปข้างใน เขายังไม่ได้หันมา จู่ ๆ หยวนชิงหลิงกอดเขาจากด้านหลังเขาตกใจจนตัวแข็งทื่ออยู่คร

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 250

    หยวนชิงหลิงมองออกไปด้านนอก “ข้าหวง ข้าคิดว่าท่านกับพวกนางอยู่ด้วยกัน”ในแววตาอวี่เหวินห่าวเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา “ทำไมเจ้าถึงหวงล่ะ? ไม่ใช่ว่าเจ้าให้ข้าหย่ากับเจ้าหรือ?”หยวนชิงหลิงคิดอยู่ครู่ คำบางคำ มันพูดไม่ออกและลุกขึ้นยืนอย่างโศกเศร้า “ช่างเถอะ ข้ากลับล่ะ ท่านอ๋องควรพักผ่อน”นางหันกลับไป เขายื่นมือไปดึงข้อมือนาง“อย่าไป!” เขาลุกขึ้น ดึงนางไว้ในอ้อมแขนและกดริมฝีปากหนักลงมา ทำอย่างที่เขาคิดอยากทำมานาน นั้นคือการจูบนางอย่างดุดันชีหลัวรีบปิดประตูข้างนอก ไม่อนุญาตให้ใครมารบกวนท่านอ๋องกับพระชายาจูบนี้ได้ระเบิดความอัดอั้นตันใจทั้งหลายออกมาจนหมดหยวนชิงหลิงถูกเขากอดอยู่บนเตียงนางรีบเงยหน้ามองแววตาของเขาที่เงียบสงบและลึกล้ำ แพขนตาสั่นไหวด้วยความตื่นตระหนก“ได้ไหม?”หยวนชิงหลิงกลั้นหายใจครู่หนึ่ง นางหลบแพขนตาลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “อืม!”ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ราวกับว่าทุกอย่างได้หยุดนิ่งไม่รู้ว่ากล่องยาจะมียาคุมกำเนิดฉุกเฉินไหม? หยวนชิงหลิงวางมือลงบนอกของเขา จู่ ๆ ก็นึกถึงคำถามนี้ขึ้นมา“ง่วงไหม?” เขาถามอยู่ข้างหูนาง“ไม่ง่วง” หยวนชิงหลิงพูดโดยไม่กล้ามอง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 251

    “ข้าแค่รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นความจริง ราวกับว่าฝันไป” หยวนชิงหลิงใช้นิ้วม้วนบริเวณผม มันดูไม่เป็นความจริงเลยอวี่เหวินห่าวพึมพำ “ใช่ เหมือนฝันไป”มันไม่เหมือนฝันตรงไหน? เกือบทั้งชีวิตดูเหมือนจะพรากจากกัน มือของเขาค่อย ๆ ลูบลงมาที่ท้องน้อยของนาง “เจ้าเคยบอกเสด็จพ่อว่าจะกำเนิดหลานชายให้เขาอุ้มภายในหนึ่งปี” นั่นเป็นคำพูดที่ประจบประแจง“วาสนาของเด็ก ข้าคงขอไม่ได้” หยวนชิงหลิงกล่าว นางต้องกินยาหลังจากเสร็จแล้วถึงจะดี หวังว่าในกล่องยาจะมีอยู่ “ใช่ ขอร้องไม่ได้” เขาบอกว่าความหวังในใจ? แน่นอนต้องมีหวังไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่น แต่สําหรับความต่อเนื่องของความฝันสุดท้ายทั้งสองก็ลุกจากเตียงอย่างอาลัยอาวรณ์ นางข้าหลวงฉีกับลวี่หยาเข้ามารับใช้ที่นี่แล้ว ทุกคนไม่มีใครพูดอะไร แต่ลวี่หยามองที่เตียงอย่างสงสัย ทําไมมันยุ่งเหยิงนัก?จึงถูกนางข้าหลวงฉีตีเข้าที่ศีรษะทันที “ยังไม่รีบยกอาหารเช้ามาอีก?” ลวี่หยาทำเสียงโอดโอยและรีบออกไปทันที ขณะทานอาหารเช้า หยวนชิงหลิงเหลือบมองเขาแล้วเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นซูยี่ ...” “ฉีหลัว!” อวี่เหวินห่าวเงยหน้าขึ้น “บอกถังหยาง ให้เขาเรียกซูยี่กลับมา" “เพคะ!” ฉีหลั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 252

    วันนี้อวี่เหวินห่าวกับกู้ซีส่งหยวนชิงหลิงไปที่จวนอ๋องหวยด้วยกันความเหนียวแน่นของทั้งสองทำให้กู้ซีกลอกตาไปมา “ดูเหมือนว่าคืนนี้ข้าไม่จำเป็นต้องมารับแล้วใช่หรือไม่?” กู้ซีพูดเบา ๆ“ใช่ คืนนี้ข้ามารับเอง เจ้ายุ่งเรื่องของเจ้าไปเถอะ” อวี่เหวินห่าวกล่าว กู้ซีดูสบาย ๆ อย่างไรเสียวันนี้ใบหน้าก็ดูไม่ดีนัก ทางที่ดีควรซ่อนตัวทั้ทั้งสองลงจากรถม้าไปด้วยกัน และตลอดทางอวี่เหวินห่าวบอกอย่างกำชับ “วันนี้จำเป็นต้องพักผ่อนสักหน่อย มีห้องพักหลายห้องในจวนอ๋องหวย เจ้าให้คนจัดห้องให้ห้องหนึ่ง อย่างน้อยก็ต้องนอนพักสักหนึ่งชั่วยามถึงสองชั่วยาม เข้าใจหรือไม่? ” “เข้าใจแล้ว ท่านพูดตลอดทางแล้ว" หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างจนปัญญา“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่พูดมากแล้ว เจ้าจำไว้ก็พอ” อวี่เหวินห่าวยิ้ม เขาค่อนข้างพูดมากจริง ๆ อ๋องหวยไม่ค่อยได้เห็นสามีภรรยามาด้วยกัน ไม่ได้เห็นเขาสองคนปรากฏตัวในห้องนี้ด้วยกันหลายวันแล้ว ครั้งสุดท้าย ยังมีการทะเลาะกันอยู่ที่นี่เลย ทําให้หยวนชิงหลิงไม่พูดพร่ำทําเพลงสักคําในวันข้างหน้า วันนี้อวี่เหวินฮ่าวถามหยวนชิงหลิงอย่างเชื่อฟังว่าให้ถือหน้ากากมา หยวนชิงหลิงยื่นให้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 253

    ครั้งแรกที่เห็นหยวนชิงหลิงฉีดยาให้เจ้าหก นางรู้สึกตกใจกลัวมาก ไม่รู้ว่าคือยาพิษอะไร ตอนนี้มองแล้วก็รู้ว่ามันเป็นยาช่วยชีวิตแน่นอนว่านางไม่ได้รู้สึกสับสนกับความเมตตาของนาง นางคอยระมัดระวังทั้งหยวนชิงหลิงกับอ๋องฉู่อยู่บ้าง "พระชายาจี่ไม่ได้มาหลายวันแล้ว" ทันใดนั้นพระสนมหลู่ก็พูดขึ้นมาหยวนชิงหลิงพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “หม่อมฉันไม่คิดถึงนางเลยแม้แต่นิดเดียว”“ข้าได้ยินมาว่านางป่วย” พระสนมหลู่เฟยพูดเบา ๆ“ป่วยงั้นหรือเพคะ?” หยวนชิงหลิงถาม “ป่วยเป็นอะไร?” พระสนมหลู่เฟยส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าเมื่อวานจะไปเข้าเฝ้าฮองเฮา นางก็ไม่ได้ไป พระสนมฉินเฟยบอกว่านางป่วยแล้วไม่สามารถเข้าวังได้” เมื่อวานวันที่สิบห้าตามธรรมเนียม เหล่าพระสนมจะต้องไปเข้าเฝ้าฮองเฮาเนื่องจากหยวนชิงหลิงต้องรักษาอาการป่วยอ๋องหวย ฝ่าบาทจึงอนุโลมให้ ทุกคนอารมณ์เสียเมื่อพูดถึงพระชายาจี้ โดยเฉพาะพระสนมหลู่เฟยถึงกับด่าไปสองสามคำอ๋องหวยขมวดคิ้ว “เสด็จแม่ ช่างเถอะ ไม่ต้องคิดมากหรอกพ่ะย่ะค่ะ หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง”เขาอดทนจนชินแล้ว รู้สึกว่าเรื่องมากไปก็สู้เรื่องน้อยไปไม่ได้“ช่างเถอะ” พระสนมหลู่เฟยพ่นลมหายใ

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status