ในใจของอวี่เหวินห่าวตอนนี้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก และรู้สึกเจ็บปวดร่วมอยู่ด้วยเขากล่าวอย่างเฉยชาว่า “ถ้าพบคนเช่นนี้ นางคงนำพาแต่ความทรมานมาให้เจ้า ไม่มีหรอกความน่ายินดีหรือความสุขหรอก”“มีความทุกข์ก็ต้องมีความสุข”อวี่เหวินห่าวกระดกเหล้าขึ้นดื่ม เขาพบว่ากู้ซีพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว มิตรภาพของพวกเขามาถึงจุดจบแล้วแต่คำเตือนสุดท้าย เขาชี้ไปทางกู้ซีแล้วพูด “อย่าเป็นแบบนั้นจะดีที่สุด เจ้าจะเสียใจเอา”กู้ซีดึงมือเขาลง “เจ้านั่งลงก่อน ดื่มเป็นเพื่อนข้า เจ้าน่ะช่างไม่รู้อะไรเอาซะเลย เจ้ารักฉู่หมิงชุ่ยจริง ๆ หรือ? ไม่ใช่ว่า เจ้าคิดว่านางน่ะเป็นคนหัวอ่อน ไม่ก่อปัญหาสร้างความรำคาญใจแก่เจ้า ลองคิดดูนะถ้าไม่เจอกันสักวัน ทุกอย่างอาจไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดก็ได้ เจ้าแค่คิดว่านางเหมาะสม ส่วนพระชายาของเจ้า ช่างเถอะ เจ้าถูกนางทำร้าย แน่นอนเจ้าไม่รู้สึกอะไรกับนาง”อวี่เหวินห่าวผลักเขา “เจ้ามีสติหน่อยเถอะ”พูดจบก็ลุกออกไปด้วยความรังเกียจ“ข้ามีคนที่ชอบแล้ว!” กู้ซีตะโกนใส่เขาอย่างไม่เกรงกลัวอวี่เหวินห่าวหันกลับมา นี่เป็นเรื่องใหม่ล่าสุด “ใครเหรอ?”กู้ซียกนิ้วขึ้น “หยวนชิง...”รองเท้าข้างนึงปาข้าง
ชีหลัวไล่ตามมาและพูดว่า “พระชายามาตำหนักเสี่ยวเยว่ตั้งแต่ยามซวี นางนั่งอยู่ที่ขั้นบันไดหินรอท่าน สองชั่วยามไปแล้ว รอถึงเพลานี้ก็ยังไม่ได้กลับไป”อวี่เหวินห่าวที่ได้ยินเช่นนี้ รีบเดินเข้าไป “นางมีเรื่องอะไรเร่งด่วนรึเปล่า?”“ถามแล้ว ไม่ได้พูดอะไร พูดแค่ว่ารอท่านกลับมา” ชีหลัวพูดไล่ตามมาอวี่เหวินห่าวรีบวิ่งกลับไป เข้าไปในตำหนักเสี่ยวเยว่ พบหยวนชิงหลิงนั่งอยู่ที่ขั้นบันไดหินจริง ๆ ด้วย หัวพิงเสาข้าง ๆ นางได้หลับไปแล้วราตรีกาลข้างนอกฟ้ากระจ่างใส นางงอเข่า ขดตัว เห็นได้ชัดว่าหนาวอยู่บ้างได้ยินเสียงฝีเท้า นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นนางขยี้ตา สายตามองไม่ค่อยชัดแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจับเสาไว้ เหมือนยืนไม่ค่อยมั่นคง “ท่านกลับมาแล้ว?”“ทำไมเจ้าอยู่ที่นี้? มีเรื่องอะไร?” เขานึกถึงความเฉยชาของนางขึ้นมา จึงข่มความสนใจลงแล้วถาม“ข้าอยากคุยกับท่าน” ท่าทางของนางดูน่าสงสารเล็กน้อยเขาทนไม่ไหวแล้วและพูดว่า “เข้าไปคุยข้างในเถอะ”เขาเหลือบมองนาง และเดินผ่านนางไปหยวนชิงหลิงเดินตามเขาไปแล้วจามติดต่อกันสองครั้งเข้าไปข้างใน เขายังไม่ได้หันมา จู่ ๆ หยวนชิงหลิงกอดเขาจากด้านหลังเขาตกใจจนตัวแข็งทื่ออยู่คร
หยวนชิงหลิงมองออกไปด้านนอก “ข้าหวง ข้าคิดว่าท่านกับพวกนางอยู่ด้วยกัน”ในแววตาอวี่เหวินห่าวเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา “ทำไมเจ้าถึงหวงล่ะ? ไม่ใช่ว่าเจ้าให้ข้าหย่ากับเจ้าหรือ?”หยวนชิงหลิงคิดอยู่ครู่ คำบางคำ มันพูดไม่ออกและลุกขึ้นยืนอย่างโศกเศร้า “ช่างเถอะ ข้ากลับล่ะ ท่านอ๋องควรพักผ่อน”นางหันกลับไป เขายื่นมือไปดึงข้อมือนาง“อย่าไป!” เขาลุกขึ้น ดึงนางไว้ในอ้อมแขนและกดริมฝีปากหนักลงมา ทำอย่างที่เขาคิดอยากทำมานาน นั้นคือการจูบนางอย่างดุดันชีหลัวรีบปิดประตูข้างนอก ไม่อนุญาตให้ใครมารบกวนท่านอ๋องกับพระชายาจูบนี้ได้ระเบิดความอัดอั้นตันใจทั้งหลายออกมาจนหมดหยวนชิงหลิงถูกเขากอดอยู่บนเตียงนางรีบเงยหน้ามองแววตาของเขาที่เงียบสงบและลึกล้ำ แพขนตาสั่นไหวด้วยความตื่นตระหนก“ได้ไหม?”หยวนชิงหลิงกลั้นหายใจครู่หนึ่ง นางหลบแพขนตาลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “อืม!”ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ราวกับว่าทุกอย่างได้หยุดนิ่งไม่รู้ว่ากล่องยาจะมียาคุมกำเนิดฉุกเฉินไหม? หยวนชิงหลิงวางมือลงบนอกของเขา จู่ ๆ ก็นึกถึงคำถามนี้ขึ้นมา“ง่วงไหม?” เขาถามอยู่ข้างหูนาง“ไม่ง่วง” หยวนชิงหลิงพูดโดยไม่กล้ามอง
“ข้าแค่รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นความจริง ราวกับว่าฝันไป” หยวนชิงหลิงใช้นิ้วม้วนบริเวณผม มันดูไม่เป็นความจริงเลยอวี่เหวินห่าวพึมพำ “ใช่ เหมือนฝันไป”มันไม่เหมือนฝันตรงไหน? เกือบทั้งชีวิตดูเหมือนจะพรากจากกัน มือของเขาค่อย ๆ ลูบลงมาที่ท้องน้อยของนาง “เจ้าเคยบอกเสด็จพ่อว่าจะกำเนิดหลานชายให้เขาอุ้มภายในหนึ่งปี” นั่นเป็นคำพูดที่ประจบประแจง“วาสนาของเด็ก ข้าคงขอไม่ได้” หยวนชิงหลิงกล่าว นางต้องกินยาหลังจากเสร็จแล้วถึงจะดี หวังว่าในกล่องยาจะมีอยู่ “ใช่ ขอร้องไม่ได้” เขาบอกว่าความหวังในใจ? แน่นอนต้องมีหวังไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่น แต่สําหรับความต่อเนื่องของความฝันสุดท้ายทั้งสองก็ลุกจากเตียงอย่างอาลัยอาวรณ์ นางข้าหลวงฉีกับลวี่หยาเข้ามารับใช้ที่นี่แล้ว ทุกคนไม่มีใครพูดอะไร แต่ลวี่หยามองที่เตียงอย่างสงสัย ทําไมมันยุ่งเหยิงนัก?จึงถูกนางข้าหลวงฉีตีเข้าที่ศีรษะทันที “ยังไม่รีบยกอาหารเช้ามาอีก?” ลวี่หยาทำเสียงโอดโอยและรีบออกไปทันที ขณะทานอาหารเช้า หยวนชิงหลิงเหลือบมองเขาแล้วเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นซูยี่ ...” “ฉีหลัว!” อวี่เหวินห่าวเงยหน้าขึ้น “บอกถังหยาง ให้เขาเรียกซูยี่กลับมา" “เพคะ!” ฉีหลั
วันนี้อวี่เหวินห่าวกับกู้ซีส่งหยวนชิงหลิงไปที่จวนอ๋องหวยด้วยกันความเหนียวแน่นของทั้งสองทำให้กู้ซีกลอกตาไปมา “ดูเหมือนว่าคืนนี้ข้าไม่จำเป็นต้องมารับแล้วใช่หรือไม่?” กู้ซีพูดเบา ๆ“ใช่ คืนนี้ข้ามารับเอง เจ้ายุ่งเรื่องของเจ้าไปเถอะ” อวี่เหวินห่าวกล่าว กู้ซีดูสบาย ๆ อย่างไรเสียวันนี้ใบหน้าก็ดูไม่ดีนัก ทางที่ดีควรซ่อนตัวทั้ทั้งสองลงจากรถม้าไปด้วยกัน และตลอดทางอวี่เหวินห่าวบอกอย่างกำชับ “วันนี้จำเป็นต้องพักผ่อนสักหน่อย มีห้องพักหลายห้องในจวนอ๋องหวย เจ้าให้คนจัดห้องให้ห้องหนึ่ง อย่างน้อยก็ต้องนอนพักสักหนึ่งชั่วยามถึงสองชั่วยาม เข้าใจหรือไม่? ” “เข้าใจแล้ว ท่านพูดตลอดทางแล้ว" หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างจนปัญญา“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่พูดมากแล้ว เจ้าจำไว้ก็พอ” อวี่เหวินห่าวยิ้ม เขาค่อนข้างพูดมากจริง ๆ อ๋องหวยไม่ค่อยได้เห็นสามีภรรยามาด้วยกัน ไม่ได้เห็นเขาสองคนปรากฏตัวในห้องนี้ด้วยกันหลายวันแล้ว ครั้งสุดท้าย ยังมีการทะเลาะกันอยู่ที่นี่เลย ทําให้หยวนชิงหลิงไม่พูดพร่ำทําเพลงสักคําในวันข้างหน้า วันนี้อวี่เหวินฮ่าวถามหยวนชิงหลิงอย่างเชื่อฟังว่าให้ถือหน้ากากมา หยวนชิงหลิงยื่นให้
ครั้งแรกที่เห็นหยวนชิงหลิงฉีดยาให้เจ้าหก นางรู้สึกตกใจกลัวมาก ไม่รู้ว่าคือยาพิษอะไร ตอนนี้มองแล้วก็รู้ว่ามันเป็นยาช่วยชีวิตแน่นอนว่านางไม่ได้รู้สึกสับสนกับความเมตตาของนาง นางคอยระมัดระวังทั้งหยวนชิงหลิงกับอ๋องฉู่อยู่บ้าง "พระชายาจี่ไม่ได้มาหลายวันแล้ว" ทันใดนั้นพระสนมหลู่ก็พูดขึ้นมาหยวนชิงหลิงพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “หม่อมฉันไม่คิดถึงนางเลยแม้แต่นิดเดียว”“ข้าได้ยินมาว่านางป่วย” พระสนมหลู่เฟยพูดเบา ๆ“ป่วยงั้นหรือเพคะ?” หยวนชิงหลิงถาม “ป่วยเป็นอะไร?” พระสนมหลู่เฟยส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าเมื่อวานจะไปเข้าเฝ้าฮองเฮา นางก็ไม่ได้ไป พระสนมฉินเฟยบอกว่านางป่วยแล้วไม่สามารถเข้าวังได้” เมื่อวานวันที่สิบห้าตามธรรมเนียม เหล่าพระสนมจะต้องไปเข้าเฝ้าฮองเฮาเนื่องจากหยวนชิงหลิงต้องรักษาอาการป่วยอ๋องหวย ฝ่าบาทจึงอนุโลมให้ ทุกคนอารมณ์เสียเมื่อพูดถึงพระชายาจี้ โดยเฉพาะพระสนมหลู่เฟยถึงกับด่าไปสองสามคำอ๋องหวยขมวดคิ้ว “เสด็จแม่ ช่างเถอะ ไม่ต้องคิดมากหรอกพ่ะย่ะค่ะ หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง”เขาอดทนจนชินแล้ว รู้สึกว่าเรื่องมากไปก็สู้เรื่องน้อยไปไม่ได้“ช่างเถอะ” พระสนมหลู่เฟยพ่นลมหายใ
หลังจากที่หยวนชิงหลิงออกไป ได้พูดคุยกับพระสนมหลู่เฟยสองสามคำ “ตอนนี้อาการของท่านอ๋องดีขึ้นมากแล้ว ้เพียงแต่ท่านต้องระวังเรื่องอาหารการกินของเขา อย่าให้ใครลงมือทําเด็ดขาด" “เจ้ายังคิดว่ายังมีคนคิดลงมือกับเขาอีกหรือ?” พระสนมหลู่เฟยถามหยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ยากที่จะพูด ระวังให้มากหน่อยก็ดีแล้วเพคะ” วันนี้นางได้ยินว่าพระสนมหลู่เฟยบอกว่าเมื่อวานนี้พระชายาจี้ป่วย ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย อ๋องจี้และภรรยาเป็นคู่สามีภรรยาที่มีแผนชั่วร้าย ถึงจะไม่แสดงออกมาแต่ทุกคนก็รู้ได้ ตอนนี้อวี่เหวินห่าวได้ตำแหน่งบัลลังก์ของกษัตริย์จวนจิงจ้าว เขาทั้งคู่จะดูผลงานการรักษาอ๋องหวยให้หายดีได้อย่างไร ดังนั้นพวกเขาจะต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะจัดการกับอ๋องหวย ทางที่ดีที่สุดอ๋องหวยเสียชีวิตจากการถูกวางยาพิษ ชี้ว่ายาของนางมีพิษ ถ้าอย่างนั้นหมอรักษาหลักคนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นแล้วพระสนมหลู่เฟยเชื่อในตัวหยวนชิงหลิงเป็นอย่างมาก หลังจากฟังคำแนะนำของนางแล้ว ก็สั่งให้คนจับตาดูอาหารการกินของอ๋องหวยอย่างไรก็ตาม ตอนเที่ยงอ๋องหวยมีอาการปวดท้อง อาเจียน และเวียนศีรษะโดยไ
อันที่จริงความคิดของอ๋องจี้ ฝ่าบาทน่าจะมองออกได้ชัดเจนที่สุด แล้วเหตุใดฮ่องเต้ถึงไม่เคยออกหน้ามายับยั้งไว้เลยเล่า? หากฮ่องเต้เข้ามาแทรกแซง เขาอาจไม่กล้าโอหังเช่นนี้หรือว่าฮ่องเต้จะทรงมีพระประสงค์ของพระองค์จริงๆ?แต่เป็นแบบนี้องค์ชายคนอื่น ๆ จะอยู่รอดได้อย่างไร? หยวนชิงหลิงอดกังวลไม่ได้ดวงใจอันศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจคาดเดาได้หยวนชิงหลิงถาม “พี่รอง ที่จริงเสด็จพ่อน่าจะเข้าใจดีกระมัง?” อ๋องซุนบางครั้งมีความคิดเห็นที่คาดไม่ถึง ดังนั้นจึงไม่เสียหายที่จะรับฟังความคิดเห็นเหล่านั้น อ๋องซุนส่ายหัว “ใครเล่าจะคาดเดาความคิดของเสด็จพ่อได้? อย่างไรก็ตามสําหรับข้าแล้ว ตราบใดที่ไม่โดนเสด็จพ่อดุก็ถือว่าขอบคุณสวรรค์แล้ว” นี่กลับเป็นกษัตริย์ที่รับหน้าที่สามารถกินจนอ้วนได้ อ๋องซุนไม่มีอนาคตจริง ๆ อ๋องซุนจ้องไปที่ขาหมูตุ๋นชิ้นนั้น เป็นชิ้นสุดท้าย หยวนชิงหลิงกินไปนิดเดียว ที่เหลือเขาจัดการหมดเลย“กินสิ ข้าไม่กินแล้ว” หยวนชิงหลิงพูดเมื่อรู้ว่าเขาอยากกิน อ๋องซุนเล็งตรงไป แล้วค่อย ๆ วางตะเกียบลง “ไม่กินแล้ว ลดน้ำหนัก”“ไม่กินจริง ๆ เหรอ?” หยวนชิงหลิงถามด้วยรอยยิ้ม อ๋องซุนมองดูอยู่ครู่หนึ่ง