ริมฝีปากของหยวนชิงหลิงยกยิ้มบาง ๆ ขึ้นใครจะไปรู้ว่าอ๋องหวยเองก็ได้ยิงเสียงข้างนอกเช่นกัน ถึงจะไม่ได้ฟังให้ดี จึงได้ยินแต่สิ่งที่กระชายาจี้พูดเสียงดังสินะอ๋องหวยยิ้มประชดแบบเหมือนไม่ได้ประชดและพูดว่า “พี่สะใภ้ห้า ได้ยินแล้วใช่ไหม? จริง ๆ แล้วไม่ใช่ข้าที่ท้อแท้ คนข้างนอกจริง ๆ แล้วก็ไม่เชื่อว่าข้าจะดีขึ้นได้”“ไม่ว่าคนข้างนอกจะพูดยังไงล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือข้าพูดอะไร ข้าคือท่านหมอของท่าน” หยวนชิงหลิงลากเก้าอี้มาตัวนึงนั่งลงข้างเตียงอ๋องหวยมองนางและยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย “พี่สะใภ้ห้าสวมหน้ากากบอกกับข้าว่าสามารถรักษาหายได้? เกรงว่าพี่สะใภ้ห้าเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน?”หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่าเขายังจะสนใจเรื่องการสวมหน้ากาก “หน้ากากนี้ ทำให้ในใจท่านอ๋องรู้สึกอึดอัดหรือ?”อ๋องหวยตอบอย่างเรียบเฉย “ไม่อึดอัด เพียงแต่มันทำให้ข้ารู้สึก ข้าคือนักโทษ นักโทษผู้แพร่กระจายความตายคนหนึ่ง”หยวนชิงหลิงพูด “ท่านไม่ใช่ความผิดบาปแต่กำเนิด โรคนี้ต่างหากที่เป็นความผิดบาปแต่กำเนิด ท่านคือผู้รับความทุกข์ทรมาน ท่านคือเหยื่อ สำหรับหน้ากากนี้ จริง ๆ แล้วข้าสามารถถอดมันออกได้ ข้าอาจจะไม่ติดเชื้อ แต่
หยวนชิงหลิงหันตัวออก เดินไปได้สองก้าวก็หยุดอยู่นิ่ง หลังจากยืนอยู่นิ่งครู่หนึ่ง จู่ ๆ นางก็หันกลับมายกเก้าอี้ขึ้น แล้วทุ่มลงกับพื้นเสียงดังเก้าอี้กแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ นัยต์ตาของนางแดงก่ำ นางพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว “ท่านโกรธอะไร? ท่านมีเหตุผลอะไรให้โกรธ? ข้าโกรธไม่ได้ใช่ไหม? ข้าปรารถนาดีมารักษาโรคของท่าน หันกลับมาดูสีหน้าท่าน? รักษาท่านหาย ข้าก็ไม่ได้อะไร แต่ถ้ารักษาท่านไม่หาย เสด็จพ่อท่านยังไงต้องถามถึงความผิดของข้า ท่านคงไม่รู้สินะ ถ้าท่านตาย คนในจวนเท่าไหร่ที่ต้องลงโลงไปกับท่าน? ท่านมีมีสิทธิ์อะไรมาน้อยอกน้อยใจตอนนี้? ยาพวกนี้ราคาแพงแค่ไหน ถ้าท่านใช้เซลล์สมองทั้งหมดคิดท่านก็คิดไม่ถึง สำหรับท่านไม่ได้หายากเลย ผู้ป่วยมากมายข้างนอกที่รอยานี้ไปช่วงชีวิตล่ะ? ข้าขอเตือนท่านนะ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตราบใดที่ท่านยังกล้าอาเจียนคายยาออกมาอีก ข้าจะบีบคอท่านให้ตายทันที เท่านี้ท่านก็จะได้ไม่ทำให้ทุกคนรำคาญไม่มีความสุขอีก ท่านคือคนป่วย แต่ใจท่านไม่ได้ป่วย ด้านนอกพระชายาจี้พูดคำเดียวท่านถึงกับอยากตาย ท่านเชื่อคำพูดนาง คิดว่าทุกคนล้วนไม่หวังให้ท่านหาย แต่ท่านตาบอดรึไง? ไม่เห็นคนอื่นนอกจากพระ
กลุ่มคนรีบร้อนเข้ามาช่วยพยุง, ช่วยกดจุด, นวดขมับ, โบกพัดอยู่ครู่หนึ่ง สนมหลู่เฟยจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นมา นางพยายามยืนตัวตรง แล้วชี้ไปทางพระชายาจี้ ตาของนางแดงก่ำ พร้อมกับมองด้วยสายตาที่แทบอยากฉีกเป็นชิ้น ๆ “ทำไมเจ้าถึงพูดกับเขาแบบนั้น? เขาเหลือความหวังอยู่เพียงน้อยนิด เจ้าต้องทำร้ายเขาให้ตายถึงจะพอใจใช่ไหม? เขาขวางทางตรงไหนของเจ้า? เขาเป็นแค่คนป่วย ครอบครัวข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพลที่จะมาขวางทางพวกเจ้าด้วย!”คำพูดนี้ของสนมหลู่เฟย เป็นการฉีกหน้าพวกคนเสแร้งใคร ๆ ล้วนก็รู้ว่าอ๋องจี้ทะเยอทะยานในตำแหน่งรัชทายาท เป็นคนเหมือนสนมหลู่เฟย แค่เสแสร้งทำเป็นไม่รู้ ส่วนพวกองค์หญิงอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาว่าฉลาดให้มันมากไปฉีกหน้าเสแสร้งของทุกคนทุกคนล้วนคิดว่าพระชายาจี้ต้องอับอายมากเป็นแน่แต่พระชายาจี้ไม่ได้มีความอาย นางเพียงแค่ยืนนิ่งเงียบงันอยู่ตรงนั้น มองพระสนมหลู่เฟย นางถอนหายใจออกกมา “พระสนมหลู่เฟย โบราณว่าไว้คำตักเตือนที่ดีมักขัดหู เจตนาดีของข้า ถ้าพระสนมหลู่เฟยไม่เข้าใจก็เท่านั้น ไม่กี่วันมานี้ข้าปรนิบัติรับใช้อยู่ที่จวนอ๋องหวย ถือว่าข้าคงหลงตัวเองคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ฝ่
หยวนชิงหลิงวางมือ “ข้าเองก็จนปัญญาเพราะเพิ่งจะมีปากเสียงกับพระชายาจี้”อวี่เหวินหลิงกล่าว “ทะเลาะได้ดี ” นางเองก็ไม่ชอบพระชายาจี้องค์หญิงหลัวผิงส่ายหน้าถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ประมาทเกินไปแล้ว พระชายาจี้เองก็ไม่ใช่คนดีอะไร วันนี้เจ้าทำนางขุ่นเคืองใจ ไม่รู้ว่านางจะจัดการเจ้ากับเจ้าห้าเยี่ยงไร”หยวนชิงหลิงคิดในใจ ถึงไม่มีเรื่องนี้ พวกเขาสองสามีภรรยาก็ไม่คิดปล่อยอวี่เหวินห่าวไปการลอบสังหารอวี่เหวินห่าวก่อนหน้านี้ ก็เป็นฝีมือของอ๋องจี้แต่ว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะที่จะพูดออกไป นางจึงพูดกับองค์หญิงหลัวผิงว่า “เพลานี้ยังไงก็ได้ขุ่นเคืองใจกันไปแล้ว ที่สำคัญที่สุดคืออาการประชวรของอ๋องหวย รักษาอ๋องหวยก่อนแล้วค่อยว่ากัน”องค์หญิงหลัวผิงพยักหน้าเล็กน้อย “ก็มีเหตุผล งั้นก็จัดการเรื่องนี้กันก่อน แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ข้าเองก็คงช่วยเจ้าไม่ได้”“ข้าช่วยเอง!” อวี่เหวินหลิงพูดด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นนี้องค์หญิงหลัวผิงจิ้มบนหน้าผากนางลงไปเน้น ๆ “เจ้านะ ก็เงียบ ๆ ปากของเจ้าบ้าง จะได้ไม่นำภัยมาสู่ตัวโดยที่ไม่รู้”หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าองค์หญิงหลัวผิงมีวิสัยทัศน์กว้างไกล
กู้ซีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบเสียงเบาว่า “พลังอำนาจคือทุกสิ่ง!”“ทุกสิ่ง?” หยวนชิงหลิงยิ้มประชด “เกรงว่าไม่นะ ข้ารู้จักคนที่มีพลังอำนาจมากมายหลายคน แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้มาวึ่งทุกสิ่ง”“พลังอำนาจ แต่เดิมล้วนไม่มีที่สิ้นสุด”ใช่สิ การเป็นจักรพรรดิ เป็นใหญ่เหนือฟ้าดิน พลังอำนาจจะมีที่สิ้นสุดได้อย่างไร?ไม่รู้เหมือนกันว่าอวี่เหวินห่าวเองจะเป็นแบบนั้นไหม?นางถามกู้ซี “ข้าเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องฉู่กับเจ้าไม่เลวเลย พวกท่านรู้จักกันมานานแล้วไหม?”กู้ซียิ้ม ๆ “เติบโตมาด้วยกันพ่ะย่ะค่ะ”“ความผูกพันธ์วัยเด็ก ช่างล้ำค่าและหาได้ยากยิ่ง เช่นนี้เรื่องราวเมื่อก่อนของเขากับฉู่หมิงชุ่ย ท่านเองก็รู้สินะ?”“รู้ รู้ทั้งหมด” เขามองหยวนชิงหลิงอย่างเรียบเฉย “พระชายาคิดจะถามอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”“ไม่มีอะไรต้องถาม เรื่องราวของพวกเขา ข้าไม่อยากรู้” หยวนชิงหลิงกล่าว กู้ซีก็คาดไม่ถึง“กระหม่อมคิดว่าพระชายาอยากรู้ว่าในใจของท่านอ๋องคิดยังไง”หยวนชิงหลิงหันหัวมายิ้มให้เขา “ไม่หาเรื่องใส่ตัว คือคติประจำใจการเป็นคนของข้า”กู้ซีมองดูนางอย่างครุ่นคิด ไม่หาเรื่องใส่ตัว? รู้เรื่องท่านอ๋องกับฉู่หมิงชุ่ย
“นายท่านเจ้าขา พวกบ่าวมาเพื่อปรนิบัติท่านเจ้าค่ะ!” เสียงออดอ้อนมารยาของนางคณิกาที่ดังอยู่ข้างหูพวกนางที่มาเกาะติดอยู่บนตัวเขาในชั่วพริบตานั้นเอง อวี่เหวินห่าวรู้แค่ว่าความโกรธทั้งหมดหลั่งไหลเข้ามาในร่าง โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความโกรธ “ซูยี่!”ซูยี่รอรับรางวัลอยู่ที่หน้าประตูด้วยความยินดีปรีดาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของท่านอ๋อง ยังคิดว่าคงเป็นเสียงฟ้าร้อง จึงเงยหน้ามองท้องฟ้าคนที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างชีหลัวถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเป็นอันมากและรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปซูยี่ที่เพิ่งได้สติรีบเดินตามเข้าไป เกิดอะไรขึ้น? อัปลักษณ์เกินไป? ไม่เข้าตาท่านอ๋อง? แต่แม่เล้าบอกว่าสองคนนี้เป็นนางคณิกาพิเศษระดับสูงแล้วเขาได้พยายามทุ่มเทจัดหาสิ่งดีที่สุดให้ท่านอ๋องแล้วในห้องหลังจากผ่านลมพายุฝน ซูยี่อย่างเศร้า ๆ รับตัวสองนางคณิกาในชุดหวาบหวิวคุ้มกันพวกนางกลับไปยังหอฉินโหล่วระหว่างทางเดิน กู้ซีกับหยวนชิงหลิงก็มาพอดีหยวนชิงหลิงเห็นซูยี่พาหญิงสาวสองคนมา ไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี แต่งหน้าหนาเตอะ พรมน้ำหอมฉุนจมูก ท่าทางเขินอาย เลิกคิ้วเล็กน้อย ให้ความรู้สึกที
อวี่เหวินห่าวอารมณ์เสียอยู่ในห้อง กินอะไรไม่ลง วันนี้อยู่ที่สำนักตรวจการมองดูศพผู้ตายทั้งวัน ได้ยินเกี่ยวกับการรื้อคดีฆาตกรรมหมู่ แต่ก็ไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติม ในใจทั้งกังวลทั้งหงุดหงิด กลับมาเจอซูยี่ทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้ จึงระงับความโกรธไม่ได้และระเบิดออกมา“ถังหยางอยู่ไหน?” หลังจากเขาอารมณ์เสียแล้วถามชีหลัวด้วยความโกรธชีหลัวตอบอย่างระมัดระวังว่า “ทูลท่านอ๋อง ใต้เท้าถังออกไปข้างนอกแล้วตั้งแต่วันนี้ตอนเย็น”เขาคิดว่าถังหยางน่าจะไปรับหยวนชิงหลิงแล้ว จึงพูดต่อไป “เจ้าไปบอกคนในจวน ให้เขาบอกใต้เท้าถัง ถ้ากลับมาแล้วให้มาที่ตำหนักเสี่ยวเยว่ทันที”“เพคะ!” ชีหลัวรีบออกไป ราวกับได้ถูกปลดปล่อยหลังจากอวี่เหวินห่าวอาบน้ำ นั่งอยู่ในห้องดื่มชามองออกไปที่ด้านนอก ถังหยางทำไมยังไม่กลับมา? ถังหยางไม่กลับมา นางก็ยังไม่ได้กลับมาเช่นกันหนึ่งก้านธูปผ่านไป ถังหยางรีบร้อนเข้ามา “ท่านอ๋อง ท่านเรียกหากระหม่อมหรือ?”“ไปไหนมา?” อวี่เหวินห่าววางแก้วชา เงยหน้ามองเขาและแกล้งทำเป็นไม่ถามว่าเขารับหยวนชิงหลิงมาแล้วหรือยังถังหยางตอบว่า “วันนี้กระหม่อมไปหาหัวหน้าหมู่บ้านมา ใช่สิ เทศกาลเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้
นางต้องปฏิบัติกับเขาถึงเพียงนี้เลยหรือ?เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าชอบแบบนี้สินะ!”เขาหันหลังเดินออกไปด้านหลัง ได้ยินเสียงหยวนชิงหลิงทำความเคารพเขา “ทูลลาท่านอ๋อง!”อวี่เหวินห่าวโกรธเสียจนริมฝีปากสั่นไปหมด และรีบสาวเท้ายาว ๆ เดินออกไปอะไรกัน? ข้าต้องทะนุถนอมเจ้ารึ?หยวนชิงหลิงยืนอยู่ที่บันไดหิน มองแผ่นหลังของเขานางไม่ให้เขาสัมผัสตัวเอง เพราะรู้สึกว่าเขาสกปรกเห็นนางเป็นตัวอะไร? เมื่อกี้เพิ่งมีช่วงเวลาดี ๆ กับสองสาว กลับมาก็มาหานางเพื่อเยาะเย้ยนาง นางไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเขานะนางกลับห้องอย่างช้า ๆ นางข้าหลวงฉีถามเสียงเบา “พระชายา ท่านจำเป็นต้องทำกับท่านอ๋องถึงเพียงนี้เลยหรือ?”หยวนชิงหลิงมองแม่นมฉี “เมื่อครู่ข้ายังทำความเคารพไม่พอหรือ?”แม่นมฉีเงียบพูดไม่ออกพอ จนมากเกินพอด้วยซ้ำ!อวี่เหวินห่าวหายใจกระฟัดกระเฟียดกลับตำหนักเสี่ยวเยว่ รู้สึกลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ ทำยังไงมันก็ไม่ดีขึ้นเมื่อวานยังดูรักใคร่ผูกพันธ์กันดี วันนี้กลับเปลี่ยนไปแบบนี้ นางคิดว่านางเป็นใครกัน?เอื้อมมือไปแตะต้องก็ไม่ได้ งั้นใครกันที่เจ้าไปทูลเสด็จย่าว่าไม่เคยได้เคียงคู่ร่วมหอ?คิดถึงตอนนางเลิ