หยวนชิงหลิงตื่นเต้นไปทั้งตัว ดวงตาสั่นไหว อยากมองเขาแต่ก็ไม่กล้า เหลือบมองด้วยความรวดเร็วและหลบสายตา ราวกับนกที่ตกใจตื่นกลัว รอยปากเขาขยับเข้ามา พร้อมกับลมหายใจอุ่น ๆ นางก็อ่อนไปทั้งตัว หลับตาลง “คืนนี้อยู่ที่ตำหนักเสี่ยวเยว่ ได้ไหม?” เขากระซิบที่ข้างหู หยวนชิงหลิงตกใจ หัวใจก็ชะงักฉับพลัน ลืมตาขึ้นและผลักเขาออกไป ยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น และพูดอย่างรีบร้อนว่า “ข้า...ข้าอยากกลับไปคิดให้ดีเสียก่อน ตอนนี้ในหัวของข้ารู้สึกสับสนยิ่งนัก”พูดจบ นางก็ไม่กล้าแม้แต่จะมอง และหันหลังหนีไป เพียงอึดใจเดียว ก็วิ่งออกไปไกลมาก นางวิ่งจนหอบเหนื่อย ก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างจับเข่า สูดหายใจลึก แต่หัวใจของนางกลับเต้นไม่เป็นจังหวะมากขึ้นไปอีก เกิดอะไรขึ้น? เดิมทีพวกเขาจะเถียงกันตลอดเวลาเจอกัน ทำไมตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ไปได้?เขารู้สึกชอบนาง? เป็นไปไม่ได้ เมื่อสองวันก่อนเขายังกัดเขี้ยวกัดฟัน อยากจะฆ่านางให้ได้อยู่เลยจะชอบนางได้อย่างไร? มันไม่สมเหตุสมผลและไม่มีตรรกะโดยสิ้นเชิงเขาต้องมีแผนการอะไรอยู่แน่ ๆ! แต่ทว่านางมีอะไรที่จะทำให้เขาต้องคิดบัญชีคืนได้บ้าง? เงิน ไม่มี! สถานะเขาสูงกว่านาง! อำนาจ โดย
ชีหลัวก้าวไปข้างหน้า และโค้งคำนับ “ท่านอ๋อง บ่าวอยู่นี่” อวี่เหวินห่าวมองไปที่ใบหน้าของนาง และค่อย ๆ ยื่นมือออกไปแล้วบีบเล็กน้อย ชีหลัวตกใจ “ท่านอ๋อง!”อวี่เหวินห่าวยกมือขึ้น “ไปเถอะ” ทำไมหน้าขาวใสเต่งตึงเหมือนกัน แต่ความรู้สึกตอนบีบมันต่างกัน? ชีหลัวหันกลับมาอย่างสงสัย “ถ้าท่านอ๋องนอนหลับไม่สนิท บ่าวจะจุดเครื่องหอมให้หลับได้” “จุดเลย!” คิดแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว รู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้ากลิ่นหอมค่อย ๆ ลอยมา อวี่เหวินห่าวสูดหายใจเข้าช่องท้องอย่างสงบ แล้วก็รู้สึกง่วงช่วงเวลาอันมืดมน กลับเห็นหยวนชิงหลิงย่องเข้ามานั่งอยู่ข้างเตียงเขามองนาง เกร็งไปทั้งตัว ไม่หนีแล้วเหรอ?“ข้านอนไม่หลับ ท่านไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อย!” หยวนชิงหลิงพูดเบา ๆอวี่เหวินห่าวลุกขึ้นช้า ๆ และมองดูนางราวกับกวางน้อย ทั้งยังมีสายตาที่ย้อนแย้งกับสมอง ในหัวใจทั้งอ่อนทั้งเจ็บปวดเขาลุกขึ้นจับมือนางแล้วเดินออกไป เงียบสงัด นอกจากเสียงร้องของแมลงและกบก็ไม่มีเสียงอื่นแล้วในตอนกลางคืนที่สวนมีเพียงโคมไฟลายเขากวางที่แขวนอยู่ไกลออกไป แสงไฟสลัว ๆ และบริเวณโดยรอบก็มืดไปหมด ทั้งสองนั่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นห
อวี่เหวินห่าวพลิกตัวกลับมา สีหน้าที่ไม่เป็นมิตร “เจ้า...เครื่องนอนของข้าเอาไปซัก” ซูยี่ปิดตาข้างหนึ่งและมองไปด้วยความตกใจ อีกหมัดถูกยื่นออกมา และตาอีกข้างก็มืดมิดทันที อวี่เหวินห่าวดื่มน้ำเย็นแก้วใหญ่ ถึงจะดับไฟในใจไปได้เล็กน้อย ซูยี่หอบเครื่องนอนออกไปด้วยใบหน้าเศร้า นี่ยังไม่สว่างเลยนะ ชีหลัวเข้ามาจัดที่นอน และมองดูอวี่เหวินห่าวอย่างระมัดระวัง เพียงเห็นเขานั่งอยู่บนโซฟาไม้ด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว ดวงตาของเขาจ้องมาที่นางอย่างเฉียบคม จ้องมองขึ้นและลง จ้องจนทำให้นางขนลุก วันนี้ท่านอ๋องเป็นอะไร?ชีหลัวตกใจกลัว จัดที่นอนเสร็จก็รีบออกไปอวี่เหวินห่าวเข้านอนอีกครั้งแต่ก็ไม่สามารถหลับลงได้ไม่เคยถูกทรมานเช่นนี้มาก่อนซูยี่กำลังทุบผ้าอยู่ข้างบ่อน้ำ ร้องไห้ฮือ ๆ และถังหยางก็เข้ามาพร้อมโคมไฟในมือ “เกิดอะไรขึ้น? ไม่คัดหลี่อี้เหลียนฉื่อแล้วเหรอ จึงเปลี่ยนมาซักเครื่องนอนแทน” ซูยี่ทำตาเศร้า ๆ เหมือนสตรีตัวน้อย “ทำไมใต้เท้าถังยังไม่นอนอีก?” “หลับแล้ว ก็นี่ไง เจ้าทำให้ข้าตื่นไม่ใช่เหรอ?” ถังหยางนั่งอยู่ข้างเขา “เจ้าเป็นอะไร? ทำไมถึงทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจอยู่ตลอดเลยล่ะ?”ซูยี่ก็รู้สึก
ซูยี่กล่าวอย่างมั่นใจ “เงินไม่มี แล้วข้าจะไปเอาสตรีมาได้อย่างไร? สถานที่ต้องนั้นใช้เงินเป็นจำนวนมาก” “พรุ่งนี้มาถอนที่ห้องบัญชี” ถังหยางเดินออกไปช้า ๆ “ซักเครื่องนอนของเจ้าต่อไปเถอะ”ซูยี่พบวิธีแก้ปัญหา ไม่ต้องพูดถึงความดีใจที่อยู่ในใจ ซักเครื่องนอนก็มีความสุขมาก ทุบลงไปเสียงดังผับ ๆ หยวนชิงหลิงคืนนี้ก็นอนไม่หลับเช่นกันพลิกไปพลิกมา ดวงตาที่แผดเผาของเขาส่องประกายอยู่ต่อหน้าต่อตาจะบ้าไปแล้ว! นางทั้งปิดหน้าทั้งกุมหัว เขาคิดอย่างไรกันแน่?หยวนชิงหลิงแล้วเจ้าล่ะคิดอย่างไร?แล้วสามารถเชื่อได้จริงหรือ? อย่าลืมว่าเมื่อไม่นานมานี้เจ้าเคยถูกเขาทุบตีจนลุกจากเตียงไม่ไหว แต่ทำไมเจ้าถึงชอบจูบของเขามากขนานนั้น? ตอนที่นั่งรถม้ากลับมา ศีรษะของนางอยู่บนบ่าของเขา ฟังเสียงหัวใจของเขา นางรู้สึกว่าเป็นเวลาที่สงบที่สุดและสบายใจมากที่สุดตั้งแต่มายุคโบราณนี้ แม้ว่ามันจะถูกรบกวนด้วยการจูบในตอนท้าย หากรถม้ายังขับต่อไป พวกเขาอยู่บนรถม้าจะ...หรือไม่ หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า ลมหายใจของเขา การเต้นของหัวใจเขา รสชาติจูบของเขา ริมฝีปากและฟันของเขา ทุกรูปแบบของเขา ทั้งหมดกลายเป็นสิ
อ๋องหวยยังไม่ตื่น หยวนชิงหลิงก็ได้ถามคนรับใช้เมื่อคืนนี้ข้างนอกนิดหน่อย หนุ่มน้อยบอกว่าเมื่อคืนนี้ เขาไอเป็นเลือด แต่เห็นได้ชัดว่าไอน้อยกว่าเมื่อก่อนนางข้าหลวงสี่รายงานเรื่องการกินยา หลังอาหารเย็นกินหนึ่งครั้ง ตื่นนอนกลางดึกหลังไอเป็นเลือดก็กินอีกหนึ่งครั้ง เช้านี้ยังไม่ได้กินยาหยวนชิงหลิงพยักหน้า “แม่นมลำบากแย่เลย ไปนอนสักหน่อยเถอะ ตอนกลางวันข้าเฝ้าก็พอแล้ว”นางข้าหลวงสี่ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็น เมื่อคืนบ่าวก็หลับไปเหมือนกัน เพียงแต่ตอนกินยาบ่าวถึงลุกขึ้นไปให้เขากินยา ส่วนเวลาอื่น พระสนมหลู่เฟยส่งคนมารับใช้โดยเฉพาะ และไม่จำเป็นต้องใช้บ่าว”“ดีแล้ว พระสนมหลู่เฟยอยู่ที่ไหน?” หยวนชิงหลิงถาม“บรรทมแล้ว เมื่อคืนก็เฝ้าทั้งคืนเพคะ”หยวนชิงหลิงประหลาดใจเล็กน้อย วันนี้พระสนมหลู่เฟยไม่จับตาดูนางแล้วเหรอ?แม้ว่าพระสนมหลู่เฟยเมื่อวานนี้จะแสดงความไว้วางใจออกมา แต่หยวนชิงหลิงรู้ว่านางไม่ได้วางใจได้ทั้งหมดหรือว่าเป็นเพราะเมื่อคืนนี้อ๋องหวยอาการดีขึ้น นางถึงเปลี่ยนความคิดอ๋องหวยยังไม่ตื่น แต่เมื่อได้ยินเสียงหยวนชิงหลิงกับนางข้าหลวงสี่คุยกันอยู่ข้างนอก เขาจึงตื่นขึ้น ไอสองครั้ง และหนุ
หลังจากถามถึงอาการหลังการกินยาเมื่อวานนี้ พบว่าผลข้างเคียงไม่มาก วันนี้นางจึงเพิ่มขนาดยา เพื่อควบคุมวัณโรคโดยเร็วที่สุด “นี่คือเข็มอะไร? ทำไมมันถึงไม่เหมือนกับของหมอหลวง?” อวี่เหวินหลิงถามขึ้นมา หยวนชิงหลิงอธิบายว่า “นี่เป็นยาสำหรับโรคฝีในท้องโดยเฉพาะ ขั้นแรกของการรักษาคือครึ่งเดือน หลังจากครึ่งเดือนก็จะเปลี่ยนยา โดยทั่วไปหลังจากครึ่งเดือนการติดเชื้อจะควบคุมได้ การติดเชื้อจะลดลง หลังจากนั้นก็รักษาขั้นต่อไป ประมาณครึ่งปีก็จะหายเป็นปกติ” อวี่เหวิยหลิงเบิกตากว้าง “จะหายเป็นปกติได้จริง ๆ เหรอ? ถ้าเจ้ารักษาพี่หกได้จริง ๆ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง” หยวนชิงหลิงยิ้มและชำเลืองมองอ๋องหวย จนถึงตอนนี้อ๋องหวยยังคงไม่ค่อยเชื่อ และยังคงแสดงกิริยาท่าทางเฉย ๆ อยู่ “อาการสรุปได้ดังนี้ แน่นอนว่าเราต้องมีความหวังอันงดงามอยู่ในใจ คนไข้ควรมองโลกในแง่ดีเสียก่อน ข้าเห็นผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่มียารักษาได้ แต่อาศัยกำลังใจ ก็ยังคงอยู่ต่อได้อีกนาน ท่านอ๋อง มีคนมากมายที่เป็นกำลังใจให้ท่าน ท่านไม่มีเหตุผลที่จะยอมแพ้” เมื่ออ๋องหวยได้ยินเช่นนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่ามีอะไรจะพูด แต่ในท้ายที่
ริมฝีปากของหยวนชิงหลิงยกยิ้มบาง ๆ ขึ้นใครจะไปรู้ว่าอ๋องหวยเองก็ได้ยิงเสียงข้างนอกเช่นกัน ถึงจะไม่ได้ฟังให้ดี จึงได้ยินแต่สิ่งที่กระชายาจี้พูดเสียงดังสินะอ๋องหวยยิ้มประชดแบบเหมือนไม่ได้ประชดและพูดว่า “พี่สะใภ้ห้า ได้ยินแล้วใช่ไหม? จริง ๆ แล้วไม่ใช่ข้าที่ท้อแท้ คนข้างนอกจริง ๆ แล้วก็ไม่เชื่อว่าข้าจะดีขึ้นได้”“ไม่ว่าคนข้างนอกจะพูดยังไงล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือข้าพูดอะไร ข้าคือท่านหมอของท่าน” หยวนชิงหลิงลากเก้าอี้มาตัวนึงนั่งลงข้างเตียงอ๋องหวยมองนางและยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย “พี่สะใภ้ห้าสวมหน้ากากบอกกับข้าว่าสามารถรักษาหายได้? เกรงว่าพี่สะใภ้ห้าเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน?”หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่าเขายังจะสนใจเรื่องการสวมหน้ากาก “หน้ากากนี้ ทำให้ในใจท่านอ๋องรู้สึกอึดอัดหรือ?”อ๋องหวยตอบอย่างเรียบเฉย “ไม่อึดอัด เพียงแต่มันทำให้ข้ารู้สึก ข้าคือนักโทษ นักโทษผู้แพร่กระจายความตายคนหนึ่ง”หยวนชิงหลิงพูด “ท่านไม่ใช่ความผิดบาปแต่กำเนิด โรคนี้ต่างหากที่เป็นความผิดบาปแต่กำเนิด ท่านคือผู้รับความทุกข์ทรมาน ท่านคือเหยื่อ สำหรับหน้ากากนี้ จริง ๆ แล้วข้าสามารถถอดมันออกได้ ข้าอาจจะไม่ติดเชื้อ แต่
หยวนชิงหลิงหันตัวออก เดินไปได้สองก้าวก็หยุดอยู่นิ่ง หลังจากยืนอยู่นิ่งครู่หนึ่ง จู่ ๆ นางก็หันกลับมายกเก้าอี้ขึ้น แล้วทุ่มลงกับพื้นเสียงดังเก้าอี้กแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ นัยต์ตาของนางแดงก่ำ นางพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว “ท่านโกรธอะไร? ท่านมีเหตุผลอะไรให้โกรธ? ข้าโกรธไม่ได้ใช่ไหม? ข้าปรารถนาดีมารักษาโรคของท่าน หันกลับมาดูสีหน้าท่าน? รักษาท่านหาย ข้าก็ไม่ได้อะไร แต่ถ้ารักษาท่านไม่หาย เสด็จพ่อท่านยังไงต้องถามถึงความผิดของข้า ท่านคงไม่รู้สินะ ถ้าท่านตาย คนในจวนเท่าไหร่ที่ต้องลงโลงไปกับท่าน? ท่านมีมีสิทธิ์อะไรมาน้อยอกน้อยใจตอนนี้? ยาพวกนี้ราคาแพงแค่ไหน ถ้าท่านใช้เซลล์สมองทั้งหมดคิดท่านก็คิดไม่ถึง สำหรับท่านไม่ได้หายากเลย ผู้ป่วยมากมายข้างนอกที่รอยานี้ไปช่วงชีวิตล่ะ? ข้าขอเตือนท่านนะ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตราบใดที่ท่านยังกล้าอาเจียนคายยาออกมาอีก ข้าจะบีบคอท่านให้ตายทันที เท่านี้ท่านก็จะได้ไม่ทำให้ทุกคนรำคาญไม่มีความสุขอีก ท่านคือคนป่วย แต่ใจท่านไม่ได้ป่วย ด้านนอกพระชายาจี้พูดคำเดียวท่านถึงกับอยากตาย ท่านเชื่อคำพูดนาง คิดว่าทุกคนล้วนไม่หวังให้ท่านหาย แต่ท่านตาบอดรึไง? ไม่เห็นคนอื่นนอกจากพระ