เด็กหนุ่มเย่ซิวเรียนรู้เคล็ดวิชาจากอาจารย์ในหุบเขาและป่าลึก แต่ภายหลังกลับถูกหลอกให้จำใจต้องลงเขาไป ลำพังด้วยวิชาแพทย์ประกอบกับวรยุทธ์อันไร้เทียมทาน เขาก็สามารถบดขยี้คู่ต่อสู้และครองเมืองได้แล้ว
Узнайте большеเย่ซิวเก็บต้นผลโลหิตมังกรมาครองได้อย่างราบรื่น ไม่มีเหตุไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้น จากนั้นเขาก็จัดการเก็บมันเข้าถุงเก็บของทันทีจางเสี่ยวอวี๋มองเขาตาเป็นมัน ก่อนจะรีบคว้าแขนเย่ซิวแล้วเขย่าแรง ๆ “เห็นกับตาตัวเองแล้วก็ต้องแบ่งฉันด้วยสิ!”เย่ซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำ “เธอเป็นคนดื้อจะตามมาด้วยเอง แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักอย่าง แบบนี้จะเอาส่วนแบ่งได้ยังไง?”สาวเจ้าพอเห็นของล้ำค่าเข้า ตาก็ลุกวาวอย่างกับเห็นเงิน พอเห็นว่าเย่ซิวไม่ยอมแบ่งให้ เธอก็กลอกตาไปมา ก่อนจะยิ้มแปลก ๆ แล้วเอ่ยออกมา“ถ้านายไม่แบ่งให้ฉัน ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปแฉ แล้วดูสิว่าหนานกงอู๋ซวงจะปล่อยนายไว้ไหม ถือว่าเป็นค่าปิดปากแล้วกัน”พูดจบเธอก็ยืนกอดอกมองเย่ซิวอย่างยินดีเหมือนมั่นใจว่ายังไงเขาก็ต้องยอมเย่ซิวกวาดตามองรอบ ๆ ก่อนพึมพำเบา ๆ “ที่นี่ก็เหมาะจะทำลายศพแบบไร้ร่องรอยดีเหมือนกันนะ”จางเสี่ยวอวี๋หน้าเปลี่ยนสีทันที “นายอย่าคิดทำอะไรบ้า ๆ เชียวนะ”เย่ซิวกำลังจะพูด แต่จู่ ๆ เขาก็เอื้อมมือข้างหนึ่งคว้าเอวของจางเสี่ยวอวี๋ไว้ ส่วนอีกข้างก็ปิดปากเธอ แล้วรีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็วขณะที่เพิ่งถอยไปได้ไม่กี่ก้าว คลื่นพลังอันมหาศาลก็ถ
โดยไม่มีแม้แต่คลื่นพลังเล็ดลอดออกมาถ้าไม่ใช่เพราะระดับพลังจิตของเขาเหนือกว่าทั้งคนและปีศาจพวกนี้ก็คงยากจะสังเกตเห็นได้ปีศาจระดับสูงมักมีสติปัญญาไม่ต่างจากมนุษย์ พวกมันก็รู้เหมือนกันว่าในเกมล่าเหยื่อมักมีนกขมิ้นอยู่หลังตั๊กแตนเสมอจางเสี่ยวอวี๋ก็เห็นผลโลหิตมังกรเหมือนกัน แววตาเธอเต็มไปด้วยความโลภ ก่อนจะรีบกระซิบกับเย่ซิว“ตอนนี้ยังไม่มีใครสนใจเรา รีบไปเก็บผลโลหิตมังกรกันเถอะ”เย่ซิวหันมามองเธอด้วยสายตาเหมือนมองคนโง่ “เคยได้ยินว่าหน้าอกใหญ่แล้วสมองจะเล็ก แล้วทำไมเธอหน้าอกเล็กแต่ยังโง่ได้ขนาดนี้ล่ะ”จางเสี่ยวอวี๋ของขึ้นทันที “ไอ้บ้านี่ มาว่าร่างกายคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง!”โครม!เสียงระเบิดดังสนั่นจากด้านหน้าพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนสุดเจ็บปวดแมงมุมยักษ์โดนฆ่าตาย จากนั้นหนานกงอู๋ซวงก็ควบกระบี่บินพุ่งตรงมายังต้นผลโลหิตมังกรทันทีเขาหยุดอยู่ตรงหน้ามันด้วยดวงตาเปล่งประกายรุนแรงราวกับแสงอาทิตย์เขายื่นมือหมายจะคว้าผลโลหิตมังกรเหล่านั้นแต่ก่อนที่นิ้วจะทันได้สัมผัส ความรู้สึกอันตรายรุนแรงก็พุ่งเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวหนานกงอู๋ซวงไม่รอช้าและรีบถอยกลับทันทีแต่มันก็ช้าไปนิดเดียวเท
“ช้าหน่อย ด้านหน้าใกล้จะเข้าสู่เขตลึกของป่าแล้ว ฉันจำได้ว่าแถวนี้มีปีศาจระดับสูงอาศัยอยู่หลายตัว”จางเสี่ยวอวี๋ดูจะเริ่มเครียดเล็กน้อย เธอขยับหน้าเข้าไปใกล้หูเย่ซิวแล้วเอ่ยเบา ๆลมหายใจหอมอ่อน ๆ ทำเอาเย่ซิวรู้สึกจั๊กจี้เขาหันไปมองจนแทบจะชนกับปากของเธอเข้าให้จางเสี่ยวอวี๋รีบเอนหัวกลับทันทีพลางมองเขาด้วยสายตาเคืองสุด ๆ“หุบปากไปเลย อย่าพูดจาไม่เข้าท่าเชียว…หืม?”เย่ซิวชะงักเท้าก่อนจะหันไปทางด้านหน้า มีเสียงต่อสู้ดังมาเป็นระยะ ตามมาด้วยคลื่นพลังเวทที่รุนแรงต้นไม้ใหญ่ล้มระเนระนาดให้เห็นตลอดทางจางเสี่ยวอวี๋เผลอขยับตัวเข้าไปใกล้อกเย่ซิวโดยไม่รู้ตัวพลังที่แผ่ออกมาจากด้านหน้ามันน่าหวาดกลัวเกินไปสำหรับเธอแค่คลื่นพลังสะท้อนนิดเดียวก็อาจทำให้เธอแหลกเป็นผุยผงได้แล้วเย่ซิวอ้อมไปทางด้านข้าง เลือกจุดที่มีแนวป้องกันบางที่สุดแล้วลอบเข้าไปอย่างเงียบ ๆเขาเห็นกลุ่มคนกำลังต่อสู้อยู่กับปีศาจที่แข็งแกร่งตนหนึ่งกลุ่มคนนั้นใส่ชุดเหมือนกับศิษย์ของสำนักอวิ้นหลิงทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของสำนักผู้นำกลุ่มคือชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีหน้าตาหล่อเหลาราวหยก ท่วงท่าก็สง่างามเขายืนอยู่บ
ศิษย์สายในแล้วยังไง?สุดท้ายก็ต้องให้ศิษย์สายนอกแบบฉันนี่แหละมาสอนนายอยู่ดีหึ ไม่มีอะไรพิเศษสักนิดเย่ซิวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากอยู่แล้ว และเตรียมจะเดินทางกลับแต่จู่ ๆ เขาก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง ก่อนจะมองลึกเข้าไปในป่า “กลิ่นนี่…ผลโลหิตมังกรสุกแล้ว!”ดวงตาเขาเป็นประกายทันทีนี่คือผลวิญญาณที่หายากมากชนิดหนึ่งสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายและเสริมความยืดหยุ่นของเส้นลมปราณได้อย่างมากก่อนหน้านี้เย่ซิวเคยได้เลือดบริสุทธิ์ของมังกรน้ำมาสองหยด ยังไม่ได้ใช้งานเลยเขาวางแผนจะกลั่นโอสถชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าโอสถจิตมังกรแต่ตัวยานี้ยังขาดสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งอยู่พอดี ซึ่งก็คือผลโลหิตมังกรไม่คิดเลยว่าจะโชคดีขนาดนี้ที่มาเจอเข้าแบบไม่ตั้งใจในเมื่อเจอแล้วจะให้ปล่อยผ่านก็ไม่ใช่เรื่อง“ผลโลหิตมังกรงั้นเหรอ” จางเสี่ยวอวี๋สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความโลภ แต่ก็รีบส่ายหัวทันที“อย่าโง่ไปหน่อยเลย สมุนไพรระดับนั้น รอบ ๆ ต้องมีอสูรร้ายเฝ้าอยู่แน่ด้วยพลังของพวกเราไม่มีทางเข้าใกล้ได้แน่นอน รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะเกิดเรื่องขึ้นมาจะตายเปล่า ๆ”ของล้ำค่าแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากได้ แต่ก็ต้องดูด้
พอเห็นว่าเย่ซิวกำลังนั่งบำเพ็ญอยู่ เธอก็แค่นเสียงใส่เบา ๆ แต่ก็ไม่ได้เข้ามารบกวน เพียงแค่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ เท่านั้นห้านาทีต่อมาเย่ซิวก็เลิกบำเพ็ญ พลังวิญญาณในร่างยิ่งแน่นและมั่นคงกว่าเดิมอีกระดับหนึ่งพออยู่ข้างนอกแบบนี้ ความเร็วในการฝึกของเขากลับเร็วขึ้นกว่าเดิมถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อีกประมาณหนึ่งเดือนก็น่าจะทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตได้แล้วเมื่อลืมตาขึ้นมาก็เจอใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรสุด ๆ อยู่ตรงหน้า“มีอะไร?” หญิงสาวแค่นเสียงแล้วพูดว่า “อาจารย์ให้ฉันพานายออกไปเก็บสมุนไพรข้างนอกจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง ตามฉันมาสิ”เย่ซิวลุกขึ้นพลางพยักหน้าเธอสะบัดผมแล้วหมุนตัวเดินนำหน้าไปทันทีเอวคอดกิ่วที่ส่ายไปมานั่น พอมองจากด้านหลังก็มีเสน่ห์ใช่ย่อยถ้าไม่มองหน้าก็ถือว่าดูมีความเป็นผู้หญิงอยู่พอตัวเย่ซิวเดินตามหลังเธอไปปกติแล้วศิษย์ทั่วไปถ้าจะออกนอกสำนักต้องรายงานก่อนแต่สำหรับศิษย์สายในแบบเย่ซิวนั้นไม่จำเป็น จะออกไปตอนไหนก็ย่อมได้แต่สำหรับเธอคนนี้ยังคงต้องรายงานอยู่พอมาถึงจุดหนึ่ง เธอก็ยื่นเอกสารแล้วได้รับป้ายอนุญาตออกนอกสำนักชั่วคราวมาเย่ซิวก็เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าเธอชื่ออะไรจางเสี่
ก่อนหน้านี้รั่วอวิ๋นก็เคยกลั่นโอสถหลายชนิดให้พวกมันกินเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเทียบกับเย่ซิวไม่ได้เลยจริง ๆเย่ซิวเห็นความภักดีสะท้อนในแววตาของเจ้าสิงโตหยกขาวทั้งแปดตัว!ในใจก็อดขำไม่ได้ถ้ารั่วอวิ๋นรู้ว่าเจ้าสัตว์เลี้ยงสุดรักทั้งแปดตัวของเธอแปรใจภายในวันเดียว ไม่รู้จะโมโหจนกระอักเลือดไหมนะแค่คิดถึงภาพนั้น เย่ซิวก็รู้สึกแอบตั้งตารอขึ้นมาพอป้อนอาหารให้เจ้าพวกนี้เสร็จ เย่ซิวก็ลุกขึ้นเตรียมจะออกไปพวกมันก็กระดิกหางเดินตามหลังเขาไปอย่างว่าง่ายจนกระทั่งเห็นว่าเขาเดินจากไปไกลแล้ว พวกมันถึงได้ทิ้งตัวลงกับพื้นและหอบหายใจหนักหน่วงน่ากลัวชะมัด หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาทันทีที่เย่ซิวเดินออกมาก็เจอผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ที่เดิมเธอเคยตั้งตารอว่าจะได้เห็นเย่ซิวเดินออกมาในสภาพหน้าบวมตัวช้ำ เลือดโชกเต็มตัวดูน่าสมเพชแต่พอเห็นเย่ซิวในตอนนี้ เธอก็ชะงักไปทันที “เป็นไปได้ยังไง ทำไมนายถึงไม่มีรอยขีดข่วนเลยแม้แต่นิดเดียว”เย่ซิวเย่ซิวไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ จึงเดินจากไปทันที“ไม่จริงน่า มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด” เธอเบิกตากว้าง หน้าตาเต็มไปด้วยความงงงวยคิดได้ไม่นานเธอก็วิ่งเข้
ในกระดาษที่รั่วอวิ๋นให้มามีเขียนรายละเอียดไว้อย่างชัดเจนว่าต้องปรุงอาหารให้เจ้าพวกนี้อย่างไรส่วนวัตถุดิบก็มีครบอยู่ภายในลานนี้แล้วเย่ซิวเพียงแค่ผสมตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ก็สามารถจัดอาหารให้พวกมันได้ทันทีระหว่างที่เย่ซิวกำลังปรุงอาหารอยู่นั้น สิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวก็นอนหมอบอยู่ห่างจากเขาไม่กี่เมตรแต่ละตัวทั้งหน้าบวม ปากแตก ตัวเขียวช้ำ สายตาที่เคยมองเขาอย่างอาฆาตตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงกับพวกตัวแสบที่ไม่เชื่อฟังแบบนี้ วิธีที่ได้ผลดีที่สุดก็แค่ซัดให้ยับสักรอบก็พอแม้ร่างกายของสิงโตหยกขาวจะนับว่าแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วก็ไม่ต่างจากจอมเวทฝึกหัดเจอกับจอมเวทระดับปรมาจารย์เมื่อกี้ยังทำเป็นกร่างใส่เขาอยู่เลยแต่หลังจากเย่ซิวโชว์พลังให้เห็นแค่เล็กน้อยแล้วซัดพวกมันไปชุดใหญ่ เจ้าตัวแสบทั้งแปดก็เชื่องสนิทไม่นาน เย่ซิวก็ปรุงอาหารเสร็จแล้วนำไปวางตรงหน้าพวกมัน “เสร็จแล้ว มากินเร็ว ๆ”สิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างระวัง จ้องมองสีหน้าเย่ซิวอย่างละเอียดก่อนจะเริ่มกินแต่ทันทีที่กัดคำแรก พวกมันทั้งหมดก็ชะงักค้างไปพร้อมกันรสชาติไม่เหมือนกับที่ผู้ดูแลหญิง
แถมพวกมันยังมีร่างกายที่แข็งแกร่ง และบางตัวยังมีความสามารถติดตัวอีกหนึ่งหรือสองอย่างรวม ๆ แล้ว สิงโตหยกขาวหนึ่งตัวสามารถมีพลังต่อสู้เทียบเท่าผู้บำเพ็ญตนระดับจินตานขั้นกลางถึงสูงถ้ามีตัวไหนพรสวรรค์โดดเด่นมาก ๆ ก็สามารถพัฒนาไปถึงระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้เลยรวมทั้งหมดมีแปดตัว ถ้าสามารถเลี้ยงให้โตเต็มวัยได้ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นกำลังรบที่ไม่น้อยเลยทีเดียวเย่ซิวเดินมาถึงภูเขาหลังสำนักแล้วบังเอิญเจอสาวน้อยที่ไม่มีต้นทุนความเป็นผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งพอเห็นเย่ซิว สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ส่วนเย่ซิวก็ไม่คิดจะทักทายอะไรเช่นกันทั้งสองเดินสวนกันไปเงียบ ๆเธอมองแผ่นหลังของเย่ซิวและทิศทางที่เขาไป ก่อนจะยิ้มเย็น“ดูเหมือนอาจารย์จะให้เขาเป็นคนดูแลสิงโตหยกขาวสินะ เจ้าพวกตัวเล็กพวกนั้นแต่ละตัวอารมณ์ร้ายไม่ใช่เล่นเลยตอนฉันเลี้ยงมันเมื่อก่อน พวกมันยังเล็กอยู่แท้ ๆ ยังต้องใช้เวลาตั้งสองเดือนกว่าจะสนิทกันได้ตอนนี้พวกมันโตขึ้นขนาดนี้ แถมยิ่งโตก็ยิ่งไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า ถ้าหมอนี่เข้าไปต้องโดนพวกมันเล่นงานยับแน่นอน ถ้าไม่ถลอกปอกเปิกก็คงออกมาไม่ได้ง่าย ๆ หรอก”คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็เปลี่ยนใจและ
เย่ซิวถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้รับข้อความจากรั่วอวิ๋นดูจากน้ำเสียงแล้ว การไปครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆเขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากถ้ำ แล้วมุ่งหน้าไปยังยอดเขาตอนนี้ตัวเขายังไม่เหมาะจะเปิดเผยตัวตนเพราะจอมยุทธ์กระบี่ในสำนักยังมีผู้บำเพ็ญตนระดับปฐมญาณอยู่หลายคน ซึ่งเย่ซิวไม่อาจรับมือได้หากถูกเปิดโปงก็มีแต่จะนำความยุ่งยากมาไม่สิ้นสุดและอาจถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตลำดับขั้นของการบำเพ็ญตนตั้งแต่ต่ำไปสูง ได้แก่ ระดับหลอมปราณ สร้างรากฐานปราณ ระดับจินตาน ระดับวิญญาณก่อกำเนิด ระดับถอดจิต ระดับปฐมญาณ ระดับรวมกายา ระดับทะลวงสุญตา ระดับมหายาน และระดับฝ่าด่านเคราะห์ดังนั้นตอนนี้เขาต้องวางตัวให้เงียบไว้ก่อนตากนั้นเย่ซิวก็เดินทางมาถึงบนยอดเขาทันทีที่มาถึง เย่ซิวก็เห็นด้านหน้าถ้ำของรั่วอวิ๋นมีสิงโตหินทรงสง่าอยู่ข้างละตัวดูจากรูปลักษณ์แล้วคงเป็นหุ่นเชิดทรงพลังที่มีความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาขณะนั้นเอง เสียงของรั่วอวิ๋นก็ดังออกมาจากด้านใน “เข้ามาสิ”เย่ซิวเดินเข้าไปรั่วอวิ๋นนั่งอยู่ในห้องรับแขกชุดลำลอง ผมยาวครึ่งหนึ่งปล่อยลงมาด้านหน้า ดูกระเซอะกระเซิงนิด ๆ แต่กลับมี
ประเทศหลงเถิง ที่ไหนสักแห่งที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าโบราณทางตอนเหนือ“อาจารย์ ผมกลับมาแล้ว มื้อเย็นวันนี้เป็นเนื้อกระต่ายแหละ”ณ ส่วนลึกของป่าโบราณมีบ้านไม้หลายหลังตั้งอยู่เห็นเพียงเด็กหนุ่มอายุราวสิบหกหรือสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง ในมือหิ้วกระต่ายตัวอวบอ้วนมาด้วยหลายตัว เขากระโดดขึ้นไปบนโขดหินตะปุ่มตะป่ำขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ดีดตัวเพียงไม่กี่ครั้งก็มาถึงหน้าบ้านไม้เขาชื่อเย่ซิว อาศัยอยู่ที่นี่กับอาจารย์ของเขามาตั้งแต่ยังเด็กแล้วติดตามอาจารย์เพื่อฝึกฝนวรยุทธ เก็บสมุนไพร เรียนการแพทย์ และเรียนรู้ด้านการอ่านเขียนเอี๊ยดเย่ซิวผลักประตูแล้วเดินเข้าไป วินาทีต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกระต่ายในมือถูกทิ้งลงกับพื้นเห็นเพียงชายชราคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูก ศีรษะตกลงมา ไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว“อาจารย์ อาจารย์ครับ เป็นยังไงบ้าง?!”เย่ซิวตกใจมากรีบรุดขึ้นไปแล้วตรวจชีพจรของเขาก่อน จึงได้พบว่าไม่มีการเต้นของชีพจรแล้วจากนั้นเขาก็รีบหยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังเข็มลงไปไม่มีประโยชน์!เขาถ่ายทอดพลังปราณอันทรงพลังของตัวเองไปให้ แต่ก็ยังคงไร้ผลใด ๆความโศกเศร้าครั้งใหญ่เข้...
Комментарии