Share

บทที่ 6

Author: เฉิงกวงโฮ่วถู่
“โรงพยาบาลโทรมา พ่อของฉันเขา..ฮึก.ฮือ..”

หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจ พยายามก้าวเท้าออกไปทันที "ไม่ได้การ ตอนนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาล"

เย่ซิวตามมาทันในที่สุด "ให้ฉันไปกับเธอเอง"

หญิงสาวไม่อาจประคองสติได้ดังเดิม เธอต้องการไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เย่ซิวช่วยเธอปิดประตูร้านทั้งหมด

จากนั้น แท็กซี่คันหนึ่งก็เข้ามาจอดที่ข้างทาง

ทั้งสองคนรีบเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว เย่ซิวตะโกนบอกคนขับว่า "ไปโรงพยาบาล ด่วนเลยครับ!"

"ได้!"

คนขับเหยียบคันเร่งอย่างแรง จนรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวส่งเสียงร้องตกใจอย่างไม่ทันระวัง ร่างกายของเธอโน้มไปข้างหน้ากะทันหัน เกือบจะชนเข้ากับเบาะด้านหน้า

เย่ซิวเอื้อมมือไปคว้าเธออย่างรวดเร็ว

แต่การยื่นมือไปคว้าตัวเธอ กลับเป็นสร้างปัญหาขึ้นแทน

เย่ซิวรีบหยุดการกระทำดังกล่าวทันที "ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ"

หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติเธอคงจะเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก แต่ตอนนี้จิตใจของเธอจดจ่อเพียงเรื่องของผู้เป็นพ่อเท่านั้น

ทันใดนั้น คนขับก็สบถขึ้น "ให้ตายเถอะ! ข้างหน้ารถติดเป็นบ้า ดูเหมือนจะมีอุบัติเหตุ"

"ฉันจะทำยังไงดี?" เธอกังวลมากเสียจนน้ำตาแทบเอ่อล้น

เมื่อเย่ซิวมองออกไปนอกรถ จึงเห็นว่ารถยังคงติดสะสมเป็นระยะทางยาว

ดูจากสถานการณ์แล้ว เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขได้ทัน ไม่เพียงเท่านั้นยังต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง ในการแก้ปัญหาการจราจรดังกล่าวอีกด้วย

เย่ซิวหยิบเงินสิบหยวนส่งให้คนขับ "เราจะลงตรงนี้ครับ"

หลังจากพูดจบ เขาก็ดึงเธอลงจากรถ

"พี่ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี? พ่อของฉันเขารอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว"

เธอกังวลจนน้ำตาไหลอาบแก้ม รู้สึกราวกับหัวใจถูกบดขยี้

จู่ ๆ เย่ซิวช้อนร่างเธอขึ้นแล้วพูดว่า "โรงพยาบาลอยู่ที่ไหน? ฉันจะพาเธอไปที่นั่นเอง"

หญิงสาวตกใจ "นี่…ทางไปโรงพยาบาลยังอีกไกล พี่รีบปล่อยฉันลงเถอะ"

"ไม่เป็นไร ฉันยังแข็งแรงอยู่ สิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องไปช่วยพ่อเธอให้ได้"

เธอรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก

เธอชี้บอกทางไปโรงพยาบาลให้เขา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงลมพัดหวีดหวิวในหูของเธอ

เย่ซิวออกแรงที่เท้าทั้งสองข้าง และความเร็วที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของเขานั้นเทียบได้กับความเร็วของกระทิงป่าที่ออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง!

เขาวิ่งไปตามช่องว่างระหว่างรถ

ผู้ขับขี่บนท้องถนนเหล่านั้นเห็นเงาวาบผ่าน และกระแสลมหมุนวนทำให้เอาผมของพวกเขาเสียทรงไป

"เมื่อกี้มันอะไรกัน?"

"ซุปเปอร์แมน?"

"โอ้พระเจ้า หยิบมือถือมาถ่ายรูปสิ!"

ความเร็วของเย่ซิวเร็วเกินไป ทำให้หญิงสาวต้องก้มศีรษะของเธอแนบลงแผ่นอกของเขาเพื่อที่จะรู้สึกดีขึ้น

เมื่อได้ยินการเต้นของหัวใจที่มั่นคงและทรงพลังของเย่ซิว เธอก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

เย่ซิววิ่งผ่านท้องถนนและตรอกซอกซอยซึ่งเดิมทีต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าครึ่งชั่วโมง แต่เขากลับมาถึงโรงพยาบาลได้ภายในสิบนาที

เขาวางหญิงสาวลง เธอรีบวิ่งไปที่หอผู้ป่วยทันที

ภายในหอผู้ป่วย มีชายวัยกลางคนนอนอ่อนแรงอยู่ในนั่น

เขามีผิวหนังหมองคล้ำและใบหน้าตอบ กลิ่นเหม็นคละคลุ้งลอยออกมาจากร่างกาย

นี้คือสภาวะใกล้ตาย

หมอหลายคนยืนอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยและส่ายหน้าเบา ๆ

"เขาไตวาย ช่วยไม่ได้แล้ว"

"น่าเสียดาย ถ้าเราสามารถทำการปลูกถ่ายไตได้เมื่อเดือนที่แล้ว เขาก็อาจจะรอดก็ได้"

ในบรรดาหมอเหล่านี้ มีหมอคนหนึ่งที่ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

นั่นคือสาวสวยที่ดูอายุประมาณสามสิบปี

ใบหน้าของเธออ่อนเยาว์ ประกอบกับการแต่งหน้าบาง ๆ

มู่ชิงมีจมูกโด่งได้รูป และมีริมฝีปากเล็กราวกับลูกเชอร์รี่

แม้เธอจะสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ แต่ก็สามารถมองเห็นความเย่อหยิ่งที่อยู่ภายในได้ลาง ๆ

หมอผู้ชายหลายคนจ้องมองไปที่เธอเป็นครั้งคราว ด้วยความปรารถนาที่มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่จะเข้าใจ

"พ่อ!"

หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไป เมื่อเห็นชายบนเตียงพยาบาล น้ำตาก็ไหลทันที

"คุณหมอคะ ตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้าง?"

หมอคนสวยถอนหายใจ "เตรียมจัดพิธีศพให้เขาเถอะ"

ดวงตาของหญิงสาวมืดลง เธอเกือบจะเป็นลมล้มพับไป

เธอส่ายหน้าอย่างแรง "ไม่ได้นะ พ่อของฉันยังอายุไม่มากเท่าไหร่เลย เขาจะตายได้ยังไง? ได้โปรดช่วยเขาด้วยนะคะ"

หมอคนสวยถอนหายใจ "เราก็อยากช่วย แต่ไม่มีไตที่เข้ากับเขาได้เลย และไตก็มีราคาอย่างน้อยห้าแสนหยวนเข้าไปแล้ว..."

เธอตระหนักดีว่าสถานะทางการเงินของครอบครัวหญิงสาวคนนี้ไม่ค่อยดีนัก

แม้จะมีไต แต่ก็เกรงว่าจะทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

ใบหน้าของหญิงสาวซีดมากจนน่ากลัว เธอรู้สึกราวกับฟ้ากำลังจะถล่ม

เธอสูญเสียแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อยและเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูจากพ่อ

โลกทั้งใบกลายเป็นสีดำต่อหน้าต่อตาเธอ

เย่ซิวเดินเข้าไปในหอผู้ป่วยด้วยเช่นกัน

เมื่อมองไปที่ชายบนเตียงพยาบาล เขาก็เดินเข้าไปใกล้และตรวจชีพจรของเขาทันที

จากนั้นเขาก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ทุกคนในหอผู้ป่วยตกใจ

"ไม่ต้องห่วง ฉันช่วยพ่อเธอได้"

หญิงสาวเบิกตากว้าง "พี่ นี้พี่พูดจริงเหรอ?"

ก่อนที่เย่ซิวจะทันได้ตอบ หมอชายคนหนึ่งก็แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยว "คุณเป็นใคร? อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่นะ!"

หมอชายอีกคนกล่าวเสริม "เขาไตวายขั้นรุนแรงแล้ว และเป็นที่ไตทั้งสองข้างด้วย ไม่มีทางที่จะช่วยชีวิตเขาได้เลย"

"คุณอยากใช้วิธีนี้หลอกผู้หญิงใช่ไหม? นั่นน่ารังเกียจมาก!"

หมอคนสวยก็ขมวดคิ้ว ความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อเย่ซิวนั่นแย่มาก

เมื่อเผชิญกับคำถาม เย่ซิวจึงพูดอย่างใจเย็น "ไตของเขาล้มเหลวทั้งสองข้าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางรอดเลย"

คุณหมอคนสวยยิ่งรังเกียจเย่ซิวมากกว่าเก่า "อย่างนั้นก็บอกฉันมาสิว่าคุณจะช่วยเขายังไง?"

แม้แต่อาจารย์หมอของเธอที่เคยศึกษาด้วยในต่างประเทศก็ยังไม่กล้ารับปากว่ารักษาเขาได้

เธอไม่เชื่อหรอก เด็กหนุ่มอย่างเขาจะสามารถช่วยชีวิตคนไข้ของเธอได้

หากเธอเชื่อก็แปลว่า ทักษะทางการแพทย์ทั้งหมดที่เธอได้เรียนรู้มาตลอดหลายปีนั้นเป็นเพียงเรื่องตลอดไม่ใช่หรือ?

สายตาของเย่ซิวจ้องมองไปที่หญิงสาว สิ่งสำคัญคือต้องทำให้เธอเชื่อใจเขา เขาถึงจะสามารถช่วยเธอได้

"อวัยวะภายในทั้งห้าของร่างกายมนุษย์สอดคล้องกับธาตุทั้งห้า ตับเป็นตัวแทนของธาตุไม้ หัวใจคือธาตุไฟ ม้ามคือธาตุดิน ปอดคือทองคำ และไตคือธาตุน้ำ"

"และในบรรดาธาตุทั้งห้า ทองคือแหล่งกำเนิดน้ำ"

"ดังนั้นเพียงแค่ใช้การฝังเข็มเพื่อกระตุ้นความแข็งแรงของปอดและบำรุงไต"

"ธาตุทั้งห้าก็จะถูกกระตุ้นเพื่อสร้างวงจรหมุนเวียน และสามารถนำไปสู่การรักษาโรค"

เย่ซิวอธิบายอย่างง่าย ๆ แต่มีหมอไม่กี่คนจากทั้งหมดในอาณาจักรหลงเถิงที่สามารถกระตุ้นอวัยวะภายในทั้งห้าได้ด้วยการฝังเข็ม

ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น "จริงเหรอ? งั้นพี่ช่วยพ่อฉันด้วยนะ"

หมอคนสวยหัวเราะเย้ยหยัน "ไร้สาระ! อะไรคือปอดเป็นทอง ไตเป็นน้ำ ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ทางวิทยศาสตร์เลยสักนิด น้องสาวอย่าได้หลงกลเขา เขาดูไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรกแล้ว "

หมอผู้ชายอีกหลายคนเมื่อเห็นหญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์อย่างเธอ ก็ยิ่งไม่ต้องการให้เธอถูกหลอกและพากันเอ่ยปากพูด

"ใช่แล้ว น้องสาวเธอลองมองเด็กหนุ่มคนนี้ให้ดีสิ เขาอายุเท่าไหร่ เขาจะมีความสามารถในการรักษาคนได้ยังไง?"

"ต้องเชื่อหมอสิ เรื่องรักษาคนต้องไว้ใจเรา"

"ถูกต้อง น้องสาว เธอต้องดูให้ดี ๆ เข้าไว้"

เพราะเหตุผล หญิงสาวจึงสับสนอีกครั้ง

เธอพบว่าสิ่งที่หมอพูดดูคล้ายจะถูกต้อง

เย่ซิวดูเด็กเกินไป เขาดูไม่ต่างไปจากนักเรียนมัธยมปลายด้วยซ้ำ

ในด้านทักษะทางการแพทย์ ตามสามัญสำนึกของคนทั่วไป ยิ่งอายุมากทักษะทางการแพทย์ก็จะยิ่งมากตามไปด้วย

เย่ซิวมองไปที่หญิงสาว "อย่างไรเสีย หมอก็บอกนี่เองว่าไม่สามารถช่วยพ่อของเธอ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมไม่ให้ฉันลองดูล่ะ?"

หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ถ้าอย่างนั้น... พี่ ก็ลองดูสิ"

ตอนนี้เธอไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว

โรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเจียงเฉิงแล้ว

พวกเขาทุกคนบอกว่าไม่สามารถช่วยพ่อของเธอได้ และเธอเองก็หมดหวังแล้วเช่นกัน

เย่ซิวพยักหน้าและหยิบเข็มเงินที่เขามีออกมา

จู่ ๆ หมอคนสวยก็ก้าวไปข้างหน้าและตะคอกใส่เย่ซิวเสียงดัง "หยุดนะ!"

Related chapters

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 7

    "หยุดนะ! คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเรื่องบ้า ๆ กับคนไข้ของฉัน!" หมอคนสวยโกรธมากจนหน้าขึ้นสีแดง แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจหมอชายหลายคนเมื่อเห็นการกระทำของเย่ซิว ก็พากันมาล้อมตัวเขาเอาไว้เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจคนเหล่านี้และมองไปที่หญิงสาว "นี่คือพ่อของเธอ ขึ้นอยู่กับเธอว่าจะตัดสินใจให้ช่วยหรือไม่"ในการรักษาผู้ป่วย ขั้นตอนแรกคือต้องได้รับความยินยอมจากครอบครัวเสียก่อน"ฉัน... พี่ได้โปรดช่วยพ่อด้วยเถอะ อย่างไรเสียผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่มีทางแย่ไปกว่านี้แล้ว หมออย่าทำให้พี่เขาต้องลำบากใจเลย"หมอคนสวยพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า "น้องสาว อย่าไปหลงกลเขานะ เด็กคนนี้มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนดี!""หุบปาก!"ทันใดนั้น เย่ซิวก็ตะโกนขึ้นเสียงดังเสียงของเขาดังราวกับเสือคำรามอย่างดุร้ายทำให้ทุกคนในหอผู้ป่วยต่างตกใจ แววตาของพวกเขาก็เผยให้เห็นความกลัว มีเพียงผู้ป่วยที่ไร้สติและหญิงสาว เย่ซิวตะคอกอย่างเย็นชา "แม้แต่คนในครอบครัวเขาก็เห็นด้วย พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้?"หลังจากพูดแล้ว เย่ซิวจึงเพิกเฉยต่อคนที่หว่าดกลัว และเขาเริ่มดำเนินการทันทีขั้นแรก เขาฆ่าเชื้อเข็ม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 8

    อาจเป็นเพราะไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงลืมเก็บเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้เย่ซิวถึงกับคอแห้ง เขาละสายตาไปมองอย่างอื่นอย่างทำตัวไม่ถูกแต่ในขณะเดียวกันเขากลับลุกขึ้นนั่งสมาธิและเริ่มฝึกพระสูตรราชาแห่งยาเมื่อหกเดือนที่แล้วเขาฝึกฝนจนถึงจุดสูงสุดของศิลปะการต่อสู้ระดับเก้าและเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ที่หาได้ยากในรอบพันปี ตามที่อาจารย์ของเขาเคยกล่าวไว้ ระดับที่สูงกว่าจอมยุทธ์ระดับเก้า ถือเป็นคนละโลกกันอย่างสิ้นเชิงในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาไม่ว่าเย่ซิวจะฝึกฝนมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทะลวงผ่านไปอีกขั้้นได้……หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็กลับมาและเริ่มทำอาหารไม่นานนัก กลิ่นหอมก็โชยออกมาเย่ซิวหยุดฝึกฝนและเดินไปที่ห้องครัวจึงได้เห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำอาหารอย่างจริงจังภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกที่อบอุ่นมากหลิ่วเมิ่งอิ๋นเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรีและน่ารักอย่างไม่ต้องสงสัยปกติเด็กผู้หญิงทั่วไปในวัยนี้ยังเรียนหนังสืออยู่ แต่เธอกลับต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งของชีวิต"พี่เย่ ทำไมพี่มาที่นี่ได้ล่ะ ห้องครัวมีเต็มควันเต็มไปหมด พี่ไปรอข้างนอกเถอะ"เย่ซิวส่ายหน้า

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 9

    ที่หน้าลานตระกูลจ้าว วันนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ เหล่าคนมีอำนาจในเมืองเจียงเฉิงเดินทางมาถึงแล้ว รถยนต์หรูหราหลายคันจอดอยู่ด้านนอกวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของจ้าวจางแห่งตระกูลจ้าว จ้าวจางเป็นที่รู้จักกันในนามบุคคลในตำนาน เขาเป็นจอมยุทธ์ระดับสามและมีธุรกิจภายใต้ชื่อของเขามากมายนอกจากบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ปแล้ว เขายังดำเนินกิจการสถานบันเทิงมากกว่าสิบแห่ง และมีเครือข่ายอิทธิพลกว้างขวางในเจียงเฉิง ตระกูลจ้าวถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ"บริษัทต้าเหิงเรียลเอสเตทมอบขาวหยกคู่หนึ่ง""เฉิงซิ่นแอนทีคมอบสร้อยประคำ" "โรงรับจำนำตระกูลเฉินมอบหยกหรูอี้คู่หนึ่ง"ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลจ้าว พ่อบ้านกำลังรายงานของขวัญจากแต่ละตระกูลที่ส่งมาด้วยเสียงดังอย่างต่อเนื่องของขวัญชิ้นใดชิ้นหนึ่งเหล่านี้มีมูลค่าถึงหกหลักเลยทีเดียวเย่ซิวมาถึงแล้วเขาถือถุงพลาสติกสีดำอยู่ในมือด้วยสีหน้าเย็นชาทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมากทันทีในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ทุกคนล้วนแต่งตัวเต็มยศเพื่อเข้าร่วมงาน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สวมชุดกีฬา นี่มันจงใจมองข้ามระเบียบกันชัด ๆ เขาไ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 10

    ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเจี๋ยก็เดินเข้ามาจากด้านนอกทันใดนั้น แขกเหรื่อภายในงานต่างก็ลุกขึ้นยืนรัศมีอันทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยเจี๋ย ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย"คุณเซี่ย!" จ้าวจางรู้สึกประหลาดใจและรีบเดินเข้ามาหา "คุณมาได้ยังไง?"ใบหน้าของจ้าวเฉียนปรากฏรอยยิ้มกว้าง "คุณเซี่ยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพ่อของผมในวันเกิดเขาสินะ?"แขกเหรื่อหลายคนมองจ้าวจางด้วยความอิจฉาเมื่อได้ยินเรื่องนี้การที่เซี่ยเจี๋ยมาร่วมแสดงความยินดีในวันเกิดด้วยตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!หากเปรียบตระกูลจ้าวเป็นงู เซี่ยเจี๋ยก็คือมังกรใหญ่การบดขยี้ตระกูลจ้าวให้สิ้นซากเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เพียงแค่ดีดนิ้วทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากองได้ทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวจางที่ยื่นมือออกมา เซี่ยเจี๋ยมีสีหน้าเย็นชาและไม่ได้แสดงทีท่าใดใด "มีค่าพอจะจับมือกับฉันด้วยเหรอ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวจางแข็งค้างไปแขกเหรื่อหลายคนก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เขาไม่สนใจใบหน้าบอกบุญไม่รับของจ้าวจาง เซี่ยเจี๋ยเดินผ่านเขาและโค้งคำนับต่อหน้าเย่ซิวด้วยความน้อมน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 11

    เย่ซิวสกัดหมัดได้อย่างง่ายดายพลางพูดอย่างใจเย็น “ฉันแค่มาที่นี่เพื่อตามหาคน ไม่ได้อยากจะรังแกนาย”นักศึกษาหลายคนในบริเวณใกล้เคียงดูประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเย่ซิวสกัดหมัดของชายหนุ่มร่างกำยำได้อย่างง่ายดายเพียงใด“เพื่อนนักศึกษาคนนี้แข็งแกร่งมาก เขาสกัดกั้นการโจมตีของจางเทาได้อย่างง่ายดาย”“ช่างบังเอิญจริง ๆ จางเทาเป็นนักเทควันโดสายดำระดับแปด เขามีพละกำลังมาก ฉันเคยเห็นเขาเอาชนะผู้ใหญ่ห้าหกคนด้วยตัวเขาเองเลยนะ”“ฉันก็ว่าอย่างนั้น”จางเทาทั้งตกใจทั้งโกรธ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถหลุดออกจากฝ่ามือของเย่ซิวได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว ยังไม่ปล่อยฉันอีก หาเรื่องตายเรอะ?!”เย่ซิวปล่อยมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เพื่อนนักศึกษา ฉันแค่อยากจะเข้าไปตามหาคน นายช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหม?”เขาไม่เคยไปเรียนที่นี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเห็นใจเพื่อนนักศึกษาเป็นพิเศษ ก็ไม่อยากทำร้ายพวกเขาเว้นเสียแต่จะจำเป็นจริง ๆแต่ในสายตาของจางเทา ท่าทางของเย่ซิวถือว่าเป็นการทำให้เขาอับอายเขาคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย “พวกแกมัวยืนทำอะไร? มาช่วยกันจัดการมันสิ!”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 12

    เย่ซิวเดินไปหาลู่เสวี่ยเอ๋อร์โดยไม่สนใจคำเตือนของหวังเฟย การกระทำนี้ทำให้ความเย็นชาในดวงตาของหวังเฟยยิ่งทวีขึ้นไปอีกแต่เขาก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาเสียเดี๋ยวนั้นเขามักจะแสดงรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและสง่างามต่อโลกภายนอกซึ่งเป็นวิธีการที่สำคัญมากสำหรับเขาในการจีบสาวโดยผิวเผินแล้ว เขาคงไม่สามารถทำอะไรกับเย่ซิวได้ แต่เขาแอบคิดไว้แล้วว่าจะจัดการกับเย่ซิวอย่างไรเพื่อนนักศึกษาชายคนอื่น ๆ ก็รีบเข้ามาด้วยเช่นกัน ทำให้หวังเฟยรู้สึกรำคาญมากยิ่งขึ้นมีคนมากมายหลั่งไหลเข้ามา จนไม่มีทางหยุดพวกเขาได้แล้วในเวลานี้ เย่ซิวเดินไปลู่เสวี่ยเอ๋อร์รูปร่างของเธอช่างสูงจริง ๆ โดยเฉพาะเรียวขางามของเธอที่เรียวและตรง เรียกได้ว่าตั้งแต่คอลงมา ขาของเธอถึงเป็นจุดนำสายตาที่สุดเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไร ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ก็จะเป็นจุดสนใจของฝูงชนได้อย่างแท้จริง“สวัดดี คุณคือลู่เสวี่ยเอ๋อร์ใช่รึเปล่า?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนสนิทของเธอหันกลับมาเห็นเย่ซิวที่มีหน้าตาสดใส ประกอบกับดวงตาที่ใสสะอาดยืนอยู่ตรงหน้าเธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างสุภาพ “ใช่ ฉันเอง นายมีธุระอะไรเหรอ?”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 13

    หวังเฟยกดโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองข้างตอบกลับข้อความของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว: ไม่มีปัญหา ฉันจะโอนเงินให้เธอเดี๋ยวนี้เลยณ หอพักที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์พักอยู่ หลี่เยี่ยนอ่านข้อความที่หวังเฟยส่งมาทางโทรศัพท์มุมปากของเธอมีรอยยิ้มแปลก ๆ เธอส่งเลขบัญชีธนาคารของเธอไป ใช้เวลาไม่นานก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินสองล้านโอนมาให้ทันทีที่ลบข้อความที่แจ้งว่าบัญชีของเธอได้รับโอนเงินเข้ามา เธอที่นั่งอยู่บนเตียงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เสวี่ยเอ๋อร์ คืนนี้เราไปกินหม้อไฟหม่าล่ากันเถอะ ตกลงไหม?”“คืนนี้เหรอ? แต่ฉันอยากอ่านหนังสืออยู่ที่หอมากกว่า”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีนิสัยรักสงบ ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนนักศึกษาคนอื่นมีความรักกันแต่เธอเป็นคนเดียวที่เอาแต่สนใจเรื่องเรียน“โอ๊ย หนังสืออ่านตอนไหนก็ได้ อีกอย่าง เธอจะอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ได้สิ ไม่งั้นก็พลอยจะทำให้คนอื่นเขาดูโง่หมด ตอนกลางคืนไม่ต้องอ่านหรอก กินเสร็จก็ค่อยรีบกลับมา จะได้ไม่เสียเวลามาก” “แต่ว่า…” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลังเล แต่หลี่เยี่ยนกลับไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ“คุณน้องคะ เห็นแก่ที่ฉันช่วยเธอกันพวกผู้ชายมาให้ตั้งนาน แล้ววัน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 14

    ฟุ่บ! ฟุ่บ!จางเทาและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงตรงนั้นและรีบคำนับอย่างรวดเร็วแม้แต่คนที่ดุร้ายอย่างหมาป่าตาเดียวยังถูกเย่ซิวเล่นเสียน่วมแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย“พี่ใหญ่ พวกเราผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”“อย่าฆ่าผมเลย ผมยังมีพ่อแม่มีพี่น้องต้องดูแล คิดเสียว่าฉันเป็นลูหมาตัวหนึ่ง แล้วปล่อยผมไปเถอะ”“พี่ใหญ่ ถ้าพี่ไว้ชีวิตผม ผมจะแนะนำน้องสาวให้รู้จัก ผมยกแฟนตัวเองให้พี่เลยก็ยังได้”……ดวงตาของเย่ซิวเย็นชา คนเหล่านี้ไม่สมควรตาย แต่ก็ไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบยาหนึ่งเม็ดออกมาจากกระเป๋าแล้วบดมันจากนั้นเขาก็เปิดปากคนเหล่านี้อย่างไร้ความปราณี พลางยัดยาเข้าไป และบังคับให้พวกเขากลืนจางเทาและคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัว“ไม่ต้องกังวล ยาตัวนี้ไม่มีผลข้างเคียงมากนัก พวกนายแค่ต้องกินยาแก้พิษปีละครั้ง ไม่อย่างนั้นเลือดจะออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย”“ถ้าพวกแกหยุดทำความชั่วภายในหนึ่งปี ฉันจะให้ยาถอนพิษ”“แน่นอนว่าพวกแกจะไปตรวจที่โรงพยาบาลก็ได้ แต่พวกเขาก็จะบอกพวกแกอย่างแน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดปกติ”จางเทาและคนอื่น ๆ ต่างก็ดูซีดเซียวหลังจากที่เห็นว่าเย่ซิวน่ากลัวเพียงใด

Latest chapter

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 958

    เครื่องบินห้าลำพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยตรง การยิงถล่มอย่างรุนแรงทำให้เครื่องบินรบถูกสอยร่วงลงทีละลำ ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!เสียงระเบิดดังกึกก้องต่อเนื่องไม่ขาดสาย เพลิงไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทั่วแนวชายแดน กองทัพอัคคีแดงซึ่งเคยเป็นที่ขนานนามว่าเป็นกองทัพไร้เทียมทาน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง พากันล่าถอยอย่างอลหม่าน ทว่าระหว่างการล่าถอย พวกเขากลับถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล กระทิงคลั่งคำรามเสียงดัง ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอันมหึมายิ่งขยายใหญ่ขึ้น เขาคำรามพลางพุ่งเข้าไปในห้องบัญชาการ สกัดกั้นแม่ทัพพยัคฆ์ขาวที่กำลังคิดจะหลบหนี การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้น แม้ว่าแม่ทัพพยัคฆ์ขาวจะมีพลังแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับกระทิงคลั่งแล้ว ยังถือว่าอ่อนด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพียงไม่กี่นาที เขาก็ถูกกระทิงคลั่งจับตัวได้ อย่างไรก็ตาม กระทิงคลั่งไม่ได้สังหารเขา แต่คว้าตัวแม่ทัพพยัคฆ์ขาวเอาไว้ หลบหลีกการโจมตีจากปืนใหญ่และระเบิด ก่อนจะพากลับไปยังค่ายของฝ่ายตน เพราะหมอนี่ถือเป็นตัวประกันที่มีค่ามาก และจะเป็นหม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 957

    กระทิงคลั่งคำรามเสียงต่ำ กล้ามเนื้อทั่วร่างพองตัวขึ้น ก่อนพุ่งทะยานอยู่แนวหน้า ใบหน้าของเขาสวมหน้ากากสีดำ ทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงได้ หมัดของเขาซัดออกไปด้วยพลังอันเกรี้ยวกราด ทำลายทหารกองทัพอัคคีแดงกว่าสิบคนที่ขวางหน้าให้แหลกเป็นจุณ เขาโจมตีไปยังจุดที่อ่อนแอที่สุดของกองทัพอัคคีแดง กระแทกเปิดเส้นทางด้วยพลังอันมหาศาล ผู้ติดตามด้านหลังของเขาต่างขว้างระเบิดออกไปอย่างไม่เสียดาย ส่งผลให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ รูปขบวนที่ยากลำบากนักกว่าจะจัดเรียงขึ้นมาได้ กลับถูกทำลายลงอีกครั้ง แม่ทัพพยัคฆ์ขาวจำต้องแบ่งกำลังบางส่วนออกไปเพื่อกดดันกระทิงคลั่ง ใบหน้าของเขามืดมนพลางเอ่ยถามรองแม่ทัพที่อยู่ข้างกาย “สถานการณ์ความสูญเสียเป็นอย่างไร?” “เรียนแม่ทัพ จนถึงตอนนี้เราสูญเสียไปกว่าหนึ่งหมื่นนายแล้ว” “อะไรนะ?!” แม่ทัพพยัคฆ์ขาวหน้าถอดสี “เราเสียทหารไปมากขนาดนี้ได้ยังไง?” การรบเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นานแท้ ๆ แต่กลับมีความสูญเสียร้ายแรงเช่นนี้ต้องรู้ไว้ว่าในช่วงสิบปีที่ผ่านมา กองทัพอัคคีแดงเปิดฉากการรบกับศัตรูมากกว่าร้อยครั้ง แต่ยอดผู้เสียชีวิตยังไม่เกินแปดถึงเก้าพันนาย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 956

    อย่างไรก็ตาม เมื่อหุ่นยนต์สามตัวปรากฏขึ้น สมาชิกตระกูลหลายคนต่างก็หัวใจเต้นแรง ราวกับถูกค้อนเหล็กที่มองไม่เห็นกระแทกเข้าอย่างจัง ผู้นำตระกูลเฒ่าออกแรงบีบที่วางแขนของเก้าอี้จนแตกละเอียด เส้นเลือดที่คอโป่งขึ้นอย่างชัดเจน "หุ่นยนต์ในตำนาน! พวกเขาจะมีมันได้อย่างไร? ต้องเป็นฝีมือของประเทศหลงเถิงแน่ ๆ!" ในขณะนั้น ทุกสายตาทั่วโลกจับจ้องมายังที่แห่งนี้ เพียงแค่หุ่นยนต์สามตัว ก็สามารถต้านกองทัพอัคคีแดงที่มีกำลังพลห้าหมื่นนายเอาไว้ได้ พวกเขาใช้การโจมตีระยะไกลทุกรูปแบบ แม้แต่รถถังก็ถูกนำมาใช้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายหุ่นยนต์ทั้งสามตัวนี้ได้ กลับกัน กองทัพอัคคีแดงกลับถูกโจมตีจนสูญเสียกำลังพลไปกว่าสองพันนาย แม้แต่กองทัพอัคคีแดงที่ไม่เคยพ่ายแพ้ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังแบบนี้จะสู้ต่อไปได้อย่างไร? แต่ไม่นานพวกเขาก็เห็นแสงแห่งความหวัง เพราะกระสุนและอาวุธทั้งหมดของหุ่นยนต์ทั้งสามตัวถูกใช้จนหมดสิ้นแล้ว แม่ทัพพยัคฆ์ขาวจับโอกาสนี้ได้ทันที และออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร "กระจายกำลังออกไป แล้วโจมตีจากระยะไกล!เจ้ายักษ์พวกนี้ไม่มีทางมีพลังงานเหลือมากนัก รอให้พวกมันขยับไม่ไ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 955

    จักรกลมังกรดำทั้งสามตัวก็เตรียมพร้อมเสร็จสิ้น และพุ่งตรงสู่สนามรบทันทีภายใต้คำสั่งของเย่ซิวเปลวไฟที่พ่นออกจากใต้ฝ่าเท้าของหุ่นยนต์สร้างแรงขับมหาศาล ทำให้พวกมันพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่มุ่งหน้าเข้าสู่แนวหน้าของสนามรบในขณะที่หลายประเทศที่กำลังสังเกตการณ์อยู่ต่างเชื่อมั่นว่าสำนักโอสถกำลังจะถูกทำลายในไม่ช้า และพวกเขาก็เตรียมชมความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ด้วยท่าทีสนุกสนานแม่ทัพพยัคฆ์ขาวที่อยู่ในแนวหลังของกองทัพกำลังนั่งคิดวางแผนว่าจะจัดการสิ่งต่าง ๆ อย่างไรหลังจากบุกยึดสำนักโอสถได้สำเร็จรายงานสถานการณ์จากแนวหน้าถูกส่งมายังเขาอย่างต่อเนื่อง“รุกหน้าไปอีกสามสิบไมล์”“รุกหน้าอีกสี่สิบเจ็ดไมล์”“รุกหน้าไปอีกหกสิบแปดไมล์แล้ว”……“แย่แล้ว นั่นมันอะไรกัน?!”ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปอย่างราบรื่น จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนกดังผ่านวิทยุสื่อสารและทำลายสมาธิของแม่ทัพพยัคฆ์ขาวในทันทีเขาเงยหน้าขึ้นมองจอภาพโดยอัตโนมัติเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เขาก็เบิกตากว้างทันทีจู่ ๆ ก็ปรากฏสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาสามตัวในสนามรบพวกมันสูงกว่าสิบเมตร มีโครงสร้างที่โค้งมนและดุดัน ทำให้แผ่แรงกดดันม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 954

    ในตอนแรกมีเครื่องบินรบหลายลำพยายามจะเข้ามาทิ้งระเบิดใส่สำนักโอสถก่อนแต่ยังไม่ทันจะเข้าใกล้ก็โดนขีปนาวุธสอยร่วงไปหกลำจนต้องถอยหนีกันแทบไม่ทันเมื่อไม่สามารถใช้การโจมตีทางอากาศได้สำเร็จ จึงต้องอาศัยการปะทะทางภาคพื้นดินแทนกองทัพอัคคีแดงจำนวนห้าหมื่นนายข้ามแนวเทือกเขามา ก่อนจะเผชิญกับการโจมตีด้วยอาวุธหนักจากสำนักโอสถอย่างรุนแรงแม่ทัพพยัคฆ์ขาวผู้มีร่างกายสูงใหญ่ทรงพลัง หนวดเครายาว และดวงตาโตเหมือนระฆังทองแดง เขามองไปยังแนวการยิงจากฝั่งสำนักโอสถด้วยสีหน้าดูแคลน “อาวุธพวกนี้มันแค่อุปกรณ์ตกยุคตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อนที่เราทิ้งไปแล้วด้วยซ้ำระยะยิงก็สั้น แรงทำลายก็ต่ำ ส่งคำสั่งออกไปให้โต้กลับซะ ให้พวกมันได้รู้ว่าการทำสงครามสมัยใหม่มันเป็นยังไง”คำสั่งถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นกองทัพอัคคีแดงก็เปิดฉากยิงถล่มใส่แนวป้องกันของสำนักโอสถทันทีสำนักโอสถต้องเผชิญกับความเสียหายอย่างหนักภายใต้เสียงระเบิดที่ดังสนั่น การโจมตีเพียงระลอกเดียวก็ทำให้คนของสำนักโอสถล้มตายไปสี่ถึงห้าร้อยคนที่แนวป้องกันของสำนักโอสถมีกำลังพลเพียงประมาณหมื่นนายเท่านั้นหากยังคงเสียกำลังคนในอัตรานี้ พวกเขาคงไม่สา

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 953

    ผู้นำตระกูลโทรศัพท์หาจักรพรรดิแห่งประเทศจ้านฉงตี้ แต่คำตอบที่ได้รับก็แทบไม่ต่างกันหลังวางสายเขาก็เตะโต๊ะตรงหน้าจนแตกกระจายด้วยความโกรธลูกชายทั้งสองคนไม่กล้าแม้แต่จะพูดเพราะรู้ดีว่าพ่อของพวกเขาเวลาโกรธนั้นน่ากลัวเพียงใดผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้นำตระกูลก็พยายามสงบสติอารมณ์ลง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก“ถ้าไอ้พวกเจ้าเล่ห์ทั้งสองคนนั้นยังไม่รู้ว่าสำนักโอสถได้รับการสนับสนุนจากประเทศหลงเถิงมากขนาดไหน พวกมันคงไม่ยอมลงมือแน่ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นเราจะลงมือเอง ส่งคำสั่งฉันไปให้กองทัพอัคคีแดงบุกโจมตีสำนักโอสถและให้พยัคฆ์ขาวเป็นผู้นำทัพ”พยัคฆ์ขาวเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งของประเทศจ้านและยังติดอันดับสิบแม่ทัพที่เก่งที่สุดในโลกอีกด้วยชายผู้นี้เป็นที่นับถืออย่างสูงในหมู่ทหาร การที่เขานำกองทัพออกศึกจะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับทหารได้อย่างมหาศาลลูกชายทั้งสองของเขามีสีหน้าแปลก ๆ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “พ่อครับ การส่งแม่ทัพพยัคฆ์ขาวไปจัดการกับแค่สำนักโอสถน้อย ๆ แบบนี้ มันจะดูเกินไปหรือเปล่าครับ”ผู้นำตระกูลแค่นเสียงหึ “ประเทศหลงเถิงเคยพูดไว้ว่าแม้แต่สิงโตก็ยังต้องใช้พลังเต็ม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 952

    “ยังมีขีปนาวุธรุ่นล่าสุดที่ชื่อหลงเถิงเก้าและอาวุธข่มขวัญในจำนวนที่ไม่สามารถระบุได้ด้วยครับ”“ว่าไงนะ?!”ข่าวนี้ทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที สีหน้าของทุกคนดูไม่สู้ดีนักผู้นำตระกูลกระชากเอกสารในมือลูกชายมาพิจารณาอย่างละเอียดหลังอ่านจบ สีหน้าของเขาก็เริ่มซีดเผือด ก่อนจะสั่งให้ลูกชายเปิดทีวีไปที่ช่องข่าวต่างประเทศจากนั้นพวกเขาก็เลือกชมการประกาศของผู้แถลงข่าวจากประเทศหลงเถิงที่เพิ่งออกอากาศไป“สวัสดีตอนค่ำผู้ชมทุกท่าน วันนี้เราขอแทรกข่าวด่วนสำคัญประเทศของเราได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับสำนักโอสถแล้ว และในอนาคตเราจะมีความร่วมมือในด้านการเกษตร วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และชีววิทยาในทุกมิติเราได้ขายอาวุธเชิงกลยุทธ์บางส่วนออกไปเพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัย ทุกท่านโปรดอย่าได้ตื่นตระหนก ขอเพียงประเทศต่าง ๆ ไม่เป็นศัตรูกับสำนักโอสถก็จะไม่ถูกโจมตี สำนักโอสถก็เหมือนกับประเทศหลงเถิงของเราที่มุ่งมั่นสู่การพัฒนาอันสงบสุข”หลังดูข่าวจบ บรรยากาศรอบตัวผู้นำตระกูลก็เต็มไปด้วยไอสังหารเข้มข้นชายชราในวัยหนุ่มเคยเป็นคนที่โหดเหี้ยมไร้ปรานีและฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา ความอาฆาตและไอสังหาร

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 951

    พื้นที่ในเขตนี้มีการป้องกันที่แน่นหนาอย่างถึงขีดสุด เรียกได้ว่าเข้มงวดมากแม้แต่พลังจิตของเย่ซิวก็ไม่สามารถทะลุผ่านเข้าไปได้หลังจากสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ได้ข้อสรุปด้วยพลังของเขาในตอนนี้ไม่มีทางที่จะฝ่าเข้าไปโดยไม่ต้องเสียอะไรเลยแน่เมื่อมาถึงส่วนลึกที่สุดก็มีเจ้าหน้าที่เทคนิคยืนรออยู่แล้วพอเห็นนายกรัฐมนตรีกับร่างแยกของเขา ทุกคนก็แสดงความเคารพอย่างเต็มที่หลังจากพูดคุยทักทายกันเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ก็พาร่างแยกเข้าไปในโกดังของที่เย่ซิวต้องการทั้งหมดถูกเตรียมไว้พร้อมแล้วรวมถึงระบบป้องกันขีปนาวุธอีกสามชุดขีปนาวุธระยะกลางและระยะสั้นจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบลูก และอาวุธข่มขวัญอีกห้าลูกของทั้งหมดถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเหมือนภูเขาขนาดย่อมร่างแยกยกมือขึ้น ก่อนที่แหวนผนึกของจะเปล่งแสงออกมา และดูดของเหล่านั้นเข้าไปทั้งหมดโชคดีที่แหวนผนึกของได้รับการอัปเกรดมาแล้ว ไม่งั้นคงไม่สามารถเก็บของจำนวนมากขนาดนี้ได้ในครั้งเดียวแน่แต่หลังจากเก็บของทั้งหมดแล้วก็ถึงขีดจำกัดของแหวนผนึกของพอดีนายกรัฐมนตรีมองด้วยสายตาอิจฉา “นี่ใช่แหวนผนึกของในตำนานหรือเปล่า ยังมีเหลืออีกไหม ผมสามารถจ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 950

    นายกรัฐมนตรีเองก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้ไช่จื้อจึงเดินทางกลับไปยังหน่วยงานด้วยความตื่นเต้นเพื่อเริ่มเตรียมการสร้างสายการผลิตส่วนนายกรัฐมนตรีก็ลงนามในเอกสารด้วยตัวเองสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ทุกอย่างจะได้รับการจัดการเป็นลำดับแรก เป้าหมายคือต้องสร้างให้ได้หนึ่งพันตัวในเวลาที่สั้นที่สุดนายกรัฐมนตรีรออยู่ที่บริษัทเพื่อรอรับร่างแยกที่มาร่างแยกธาตุทองก็มาถึงหน้าบริษัทในเวลาตีสามห้าสิบทันทีที่มาถึงก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปทันที“สวัสดีครับท่านนายกฯ” ร่างแยกทักทายด้วยความเคารพ“ฮ่า ๆ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก” นายกรัฐมนตรีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ของที่เตรียมไว้พร้อมแล้ว เราไปกันเถอะ”ประเทศหลงเถิงมีสำรองไว้จำนวนมากไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธ ขีปนาวุธ หรืออาวุธข่มขวัญของเหล่านี้โดยปกติแล้วจะไม่ขายให้คนนอกเพราะถือเป็นเทคโนโลยีระดับสูงสุดในโลกปัจจุบันร่างแยกธาตุทองหยิบขวดขนาดใหญ่สองขวดออกมาจากแหวนผนึกของก่อนจะยื่นให้กับนายกรัฐมนตรี “นี่คือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับท่านและผู้บริหารระดับสูงของประเทศหลงเถิงในขวดแรกคือยาเม็ดล้างไขกระดูกชั้นเลิศ เมื่อกินเข้าไปแล้วจะช่วยฟื้นฟูร่างกา

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status