Share

บทที่ 6

Author: เฉิงกวงโฮ่วถู่
“โรงพยาบาลโทรมา พ่อของฉันเขา..ฮึก.ฮือ..”

หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจ พยายามก้าวเท้าออกไปทันที "ไม่ได้การ ตอนนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาล"

เย่ซิวตามมาทันในที่สุด "ให้ฉันไปกับเธอเอง"

หญิงสาวไม่อาจประคองสติได้ดังเดิม เธอต้องการไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เย่ซิวช่วยเธอปิดประตูร้านทั้งหมด

จากนั้น แท็กซี่คันหนึ่งก็เข้ามาจอดที่ข้างทาง

ทั้งสองคนรีบเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว เย่ซิวตะโกนบอกคนขับว่า "ไปโรงพยาบาล ด่วนเลยครับ!"

"ได้!"

คนขับเหยียบคันเร่งอย่างแรง จนรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวส่งเสียงร้องตกใจอย่างไม่ทันระวัง ร่างกายของเธอโน้มไปข้างหน้ากะทันหัน เกือบจะชนเข้ากับเบาะด้านหน้า

เย่ซิวเอื้อมมือไปคว้าเธออย่างรวดเร็ว

แต่การยื่นมือไปคว้าตัวเธอ กลับเป็นสร้างปัญหาขึ้นแทน

เย่ซิวรีบหยุดการกระทำดังกล่าวทันที "ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ"

หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติเธอคงจะเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก แต่ตอนนี้จิตใจของเธอจดจ่อเพียงเรื่องของผู้เป็นพ่อเท่านั้น

ทันใดนั้น คนขับก็สบถขึ้น "ให้ตายเถอะ! ข้างหน้ารถติดเป็นบ้า ดูเหมือนจะมีอุบัติเหตุ"

"ฉันจะทำยังไงดี?" เธอกังวลมากเสียจนน้ำตาแทบเอ่อล้น

เมื่อเย่ซิวมองออกไปนอกรถ จึงเห็นว่ารถยังคงติดสะสมเป็นระยะทางยาว

ดูจากสถานการณ์แล้ว เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขได้ทัน ไม่เพียงเท่านั้นยังต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง ในการแก้ปัญหาการจราจรดังกล่าวอีกด้วย

เย่ซิวหยิบเงินสิบหยวนส่งให้คนขับ "เราจะลงตรงนี้ครับ"

หลังจากพูดจบ เขาก็ดึงเธอลงจากรถ

"พี่ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี? พ่อของฉันเขารอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว"

เธอกังวลจนน้ำตาไหลอาบแก้ม รู้สึกราวกับหัวใจถูกบดขยี้

จู่ ๆ เย่ซิวช้อนร่างเธอขึ้นแล้วพูดว่า "โรงพยาบาลอยู่ที่ไหน? ฉันจะพาเธอไปที่นั่นเอง"

หญิงสาวตกใจ "นี่…ทางไปโรงพยาบาลยังอีกไกล พี่รีบปล่อยฉันลงเถอะ"

"ไม่เป็นไร ฉันยังแข็งแรงอยู่ สิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องไปช่วยพ่อเธอให้ได้"

เธอรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก

เธอชี้บอกทางไปโรงพยาบาลให้เขา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงลมพัดหวีดหวิวในหูของเธอ

เย่ซิวออกแรงที่เท้าทั้งสองข้าง และความเร็วที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของเขานั้นเทียบได้กับความเร็วของกระทิงป่าที่ออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง!

เขาวิ่งไปตามช่องว่างระหว่างรถ

ผู้ขับขี่บนท้องถนนเหล่านั้นเห็นเงาวาบผ่าน และกระแสลมหมุนวนทำให้เอาผมของพวกเขาเสียทรงไป

"เมื่อกี้มันอะไรกัน?"

"ซุปเปอร์แมน?"

"โอ้พระเจ้า หยิบมือถือมาถ่ายรูปสิ!"

ความเร็วของเย่ซิวเร็วเกินไป ทำให้หญิงสาวต้องก้มศีรษะของเธอแนบลงแผ่นอกของเขาเพื่อที่จะรู้สึกดีขึ้น

เมื่อได้ยินการเต้นของหัวใจที่มั่นคงและทรงพลังของเย่ซิว เธอก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

เย่ซิววิ่งผ่านท้องถนนและตรอกซอกซอยซึ่งเดิมทีต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าครึ่งชั่วโมง แต่เขากลับมาถึงโรงพยาบาลได้ภายในสิบนาที

เขาวางหญิงสาวลง เธอรีบวิ่งไปที่หอผู้ป่วยทันที

ภายในหอผู้ป่วย มีชายวัยกลางคนนอนอ่อนแรงอยู่ในนั่น

เขามีผิวหนังหมองคล้ำและใบหน้าตอบ กลิ่นเหม็นคละคลุ้งลอยออกมาจากร่างกาย

นี้คือสภาวะใกล้ตาย

หมอหลายคนยืนอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยและส่ายหน้าเบา ๆ

"เขาไตวาย ช่วยไม่ได้แล้ว"

"น่าเสียดาย ถ้าเราสามารถทำการปลูกถ่ายไตได้เมื่อเดือนที่แล้ว เขาก็อาจจะรอดก็ได้"

ในบรรดาหมอเหล่านี้ มีหมอคนหนึ่งที่ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

นั่นคือสาวสวยที่ดูอายุประมาณสามสิบปี

ใบหน้าของเธออ่อนเยาว์ ประกอบกับการแต่งหน้าบาง ๆ

มู่ชิงมีจมูกโด่งได้รูป และมีริมฝีปากเล็กราวกับลูกเชอร์รี่

แม้เธอจะสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ แต่ก็สามารถมองเห็นความเย่อหยิ่งที่อยู่ภายในได้ลาง ๆ

หมอผู้ชายหลายคนจ้องมองไปที่เธอเป็นครั้งคราว ด้วยความปรารถนาที่มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่จะเข้าใจ

"พ่อ!"

หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไป เมื่อเห็นชายบนเตียงพยาบาล น้ำตาก็ไหลทันที

"คุณหมอคะ ตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้าง?"

หมอคนสวยถอนหายใจ "เตรียมจัดพิธีศพให้เขาเถอะ"

ดวงตาของหญิงสาวมืดลง เธอเกือบจะเป็นลมล้มพับไป

เธอส่ายหน้าอย่างแรง "ไม่ได้นะ พ่อของฉันยังอายุไม่มากเท่าไหร่เลย เขาจะตายได้ยังไง? ได้โปรดช่วยเขาด้วยนะคะ"

หมอคนสวยถอนหายใจ "เราก็อยากช่วย แต่ไม่มีไตที่เข้ากับเขาได้เลย และไตก็มีราคาอย่างน้อยห้าแสนหยวนเข้าไปแล้ว..."

เธอตระหนักดีว่าสถานะทางการเงินของครอบครัวหญิงสาวคนนี้ไม่ค่อยดีนัก

แม้จะมีไต แต่ก็เกรงว่าจะทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

ใบหน้าของหญิงสาวซีดมากจนน่ากลัว เธอรู้สึกราวกับฟ้ากำลังจะถล่ม

เธอสูญเสียแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อยและเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูจากพ่อ

โลกทั้งใบกลายเป็นสีดำต่อหน้าต่อตาเธอ

เย่ซิวเดินเข้าไปในหอผู้ป่วยด้วยเช่นกัน

เมื่อมองไปที่ชายบนเตียงพยาบาล เขาก็เดินเข้าไปใกล้และตรวจชีพจรของเขาทันที

จากนั้นเขาก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ทุกคนในหอผู้ป่วยตกใจ

"ไม่ต้องห่วง ฉันช่วยพ่อเธอได้"

หญิงสาวเบิกตากว้าง "พี่ นี้พี่พูดจริงเหรอ?"

ก่อนที่เย่ซิวจะทันได้ตอบ หมอชายคนหนึ่งก็แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยว "คุณเป็นใคร? อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่นะ!"

หมอชายอีกคนกล่าวเสริม "เขาไตวายขั้นรุนแรงแล้ว และเป็นที่ไตทั้งสองข้างด้วย ไม่มีทางที่จะช่วยชีวิตเขาได้เลย"

"คุณอยากใช้วิธีนี้หลอกผู้หญิงใช่ไหม? นั่นน่ารังเกียจมาก!"

หมอคนสวยก็ขมวดคิ้ว ความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อเย่ซิวนั่นแย่มาก

เมื่อเผชิญกับคำถาม เย่ซิวจึงพูดอย่างใจเย็น "ไตของเขาล้มเหลวทั้งสองข้าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางรอดเลย"

คุณหมอคนสวยยิ่งรังเกียจเย่ซิวมากกว่าเก่า "อย่างนั้นก็บอกฉันมาสิว่าคุณจะช่วยเขายังไง?"

แม้แต่อาจารย์หมอของเธอที่เคยศึกษาด้วยในต่างประเทศก็ยังไม่กล้ารับปากว่ารักษาเขาได้

เธอไม่เชื่อหรอก เด็กหนุ่มอย่างเขาจะสามารถช่วยชีวิตคนไข้ของเธอได้

หากเธอเชื่อก็แปลว่า ทักษะทางการแพทย์ทั้งหมดที่เธอได้เรียนรู้มาตลอดหลายปีนั้นเป็นเพียงเรื่องตลอดไม่ใช่หรือ?

สายตาของเย่ซิวจ้องมองไปที่หญิงสาว สิ่งสำคัญคือต้องทำให้เธอเชื่อใจเขา เขาถึงจะสามารถช่วยเธอได้

"อวัยวะภายในทั้งห้าของร่างกายมนุษย์สอดคล้องกับธาตุทั้งห้า ตับเป็นตัวแทนของธาตุไม้ หัวใจคือธาตุไฟ ม้ามคือธาตุดิน ปอดคือทองคำ และไตคือธาตุน้ำ"

"และในบรรดาธาตุทั้งห้า ทองคือแหล่งกำเนิดน้ำ"

"ดังนั้นเพียงแค่ใช้การฝังเข็มเพื่อกระตุ้นความแข็งแรงของปอดและบำรุงไต"

"ธาตุทั้งห้าก็จะถูกกระตุ้นเพื่อสร้างวงจรหมุนเวียน และสามารถนำไปสู่การรักษาโรค"

เย่ซิวอธิบายอย่างง่าย ๆ แต่มีหมอไม่กี่คนจากทั้งหมดในอาณาจักรหลงเถิงที่สามารถกระตุ้นอวัยวะภายในทั้งห้าได้ด้วยการฝังเข็ม

ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น "จริงเหรอ? งั้นพี่ช่วยพ่อฉันด้วยนะ"

หมอคนสวยหัวเราะเย้ยหยัน "ไร้สาระ! อะไรคือปอดเป็นทอง ไตเป็นน้ำ ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ทางวิทยศาสตร์เลยสักนิด น้องสาวอย่าได้หลงกลเขา เขาดูไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรกแล้ว "

หมอผู้ชายอีกหลายคนเมื่อเห็นหญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์อย่างเธอ ก็ยิ่งไม่ต้องการให้เธอถูกหลอกและพากันเอ่ยปากพูด

"ใช่แล้ว น้องสาวเธอลองมองเด็กหนุ่มคนนี้ให้ดีสิ เขาอายุเท่าไหร่ เขาจะมีความสามารถในการรักษาคนได้ยังไง?"

"ต้องเชื่อหมอสิ เรื่องรักษาคนต้องไว้ใจเรา"

"ถูกต้อง น้องสาว เธอต้องดูให้ดี ๆ เข้าไว้"

เพราะเหตุผล หญิงสาวจึงสับสนอีกครั้ง

เธอพบว่าสิ่งที่หมอพูดดูคล้ายจะถูกต้อง

เย่ซิวดูเด็กเกินไป เขาดูไม่ต่างไปจากนักเรียนมัธยมปลายด้วยซ้ำ

ในด้านทักษะทางการแพทย์ ตามสามัญสำนึกของคนทั่วไป ยิ่งอายุมากทักษะทางการแพทย์ก็จะยิ่งมากตามไปด้วย

เย่ซิวมองไปที่หญิงสาว "อย่างไรเสีย หมอก็บอกนี่เองว่าไม่สามารถช่วยพ่อของเธอ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมไม่ให้ฉันลองดูล่ะ?"

หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ถ้าอย่างนั้น... พี่ ก็ลองดูสิ"

ตอนนี้เธอไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว

โรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเจียงเฉิงแล้ว

พวกเขาทุกคนบอกว่าไม่สามารถช่วยพ่อของเธอได้ และเธอเองก็หมดหวังแล้วเช่นกัน

เย่ซิวพยักหน้าและหยิบเข็มเงินที่เขามีออกมา

จู่ ๆ หมอคนสวยก็ก้าวไปข้างหน้าและตะคอกใส่เย่ซิวเสียงดัง "หยุดนะ!"

Kaugnay na kabanata

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 7

    "หยุดนะ! คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเรื่องบ้า ๆ กับคนไข้ของฉัน!" หมอคนสวยโกรธมากจนหน้าขึ้นสีแดง แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจหมอชายหลายคนเมื่อเห็นการกระทำของเย่ซิว ก็พากันมาล้อมตัวเขาเอาไว้เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจคนเหล่านี้และมองไปที่หญิงสาว "นี่คือพ่อของเธอ ขึ้นอยู่กับเธอว่าจะตัดสินใจให้ช่วยหรือไม่"ในการรักษาผู้ป่วย ขั้นตอนแรกคือต้องได้รับความยินยอมจากครอบครัวเสียก่อน"ฉัน... พี่ได้โปรดช่วยพ่อด้วยเถอะ อย่างไรเสียผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่มีทางแย่ไปกว่านี้แล้ว หมออย่าทำให้พี่เขาต้องลำบากใจเลย"หมอคนสวยพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า "น้องสาว อย่าไปหลงกลเขานะ เด็กคนนี้มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนดี!""หุบปาก!"ทันใดนั้น เย่ซิวก็ตะโกนขึ้นเสียงดังเสียงของเขาดังราวกับเสือคำรามอย่างดุร้ายทำให้ทุกคนในหอผู้ป่วยต่างตกใจ แววตาของพวกเขาก็เผยให้เห็นความกลัว มีเพียงผู้ป่วยที่ไร้สติและหญิงสาว เย่ซิวตะคอกอย่างเย็นชา "แม้แต่คนในครอบครัวเขาก็เห็นด้วย พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้?"หลังจากพูดแล้ว เย่ซิวจึงเพิกเฉยต่อคนที่หว่าดกลัว และเขาเริ่มดำเนินการทันทีขั้นแรก เขาฆ่าเชื้อเข็ม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 8

    อาจเป็นเพราะไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงลืมเก็บเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้เย่ซิวถึงกับคอแห้ง เขาละสายตาไปมองอย่างอื่นอย่างทำตัวไม่ถูกแต่ในขณะเดียวกันเขากลับลุกขึ้นนั่งสมาธิและเริ่มฝึกพระสูตรราชาแห่งยาเมื่อหกเดือนที่แล้วเขาฝึกฝนจนถึงจุดสูงสุดของศิลปะการต่อสู้ระดับเก้าและเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ที่หาได้ยากในรอบพันปี ตามที่อาจารย์ของเขาเคยกล่าวไว้ ระดับที่สูงกว่าจอมยุทธ์ระดับเก้า ถือเป็นคนละโลกกันอย่างสิ้นเชิงในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาไม่ว่าเย่ซิวจะฝึกฝนมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทะลวงผ่านไปอีกขั้้นได้……หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็กลับมาและเริ่มทำอาหารไม่นานนัก กลิ่นหอมก็โชยออกมาเย่ซิวหยุดฝึกฝนและเดินไปที่ห้องครัวจึงได้เห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำอาหารอย่างจริงจังภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกที่อบอุ่นมากหลิ่วเมิ่งอิ๋นเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรีและน่ารักอย่างไม่ต้องสงสัยปกติเด็กผู้หญิงทั่วไปในวัยนี้ยังเรียนหนังสืออยู่ แต่เธอกลับต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งของชีวิต"พี่เย่ ทำไมพี่มาที่นี่ได้ล่ะ ห้องครัวมีเต็มควันเต็มไปหมด พี่ไปรอข้างนอกเถอะ"เย่ซิวส่ายหน้า

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 9

    ที่หน้าลานตระกูลจ้าว วันนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ เหล่าคนมีอำนาจในเมืองเจียงเฉิงเดินทางมาถึงแล้ว รถยนต์หรูหราหลายคันจอดอยู่ด้านนอกวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของจ้าวจางแห่งตระกูลจ้าว จ้าวจางเป็นที่รู้จักกันในนามบุคคลในตำนาน เขาเป็นจอมยุทธ์ระดับสามและมีธุรกิจภายใต้ชื่อของเขามากมายนอกจากบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ปแล้ว เขายังดำเนินกิจการสถานบันเทิงมากกว่าสิบแห่ง และมีเครือข่ายอิทธิพลกว้างขวางในเจียงเฉิง ตระกูลจ้าวถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ"บริษัทต้าเหิงเรียลเอสเตทมอบขาวหยกคู่หนึ่ง""เฉิงซิ่นแอนทีคมอบสร้อยประคำ" "โรงรับจำนำตระกูลเฉินมอบหยกหรูอี้คู่หนึ่ง"ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลจ้าว พ่อบ้านกำลังรายงานของขวัญจากแต่ละตระกูลที่ส่งมาด้วยเสียงดังอย่างต่อเนื่องของขวัญชิ้นใดชิ้นหนึ่งเหล่านี้มีมูลค่าถึงหกหลักเลยทีเดียวเย่ซิวมาถึงแล้วเขาถือถุงพลาสติกสีดำอยู่ในมือด้วยสีหน้าเย็นชาทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมากทันทีในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ทุกคนล้วนแต่งตัวเต็มยศเพื่อเข้าร่วมงาน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สวมชุดกีฬา นี่มันจงใจมองข้ามระเบียบกันชัด ๆ เขาไ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 10

    ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเจี๋ยก็เดินเข้ามาจากด้านนอกทันใดนั้น แขกเหรื่อภายในงานต่างก็ลุกขึ้นยืนรัศมีอันทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยเจี๋ย ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย"คุณเซี่ย!" จ้าวจางรู้สึกประหลาดใจและรีบเดินเข้ามาหา "คุณมาได้ยังไง?"ใบหน้าของจ้าวเฉียนปรากฏรอยยิ้มกว้าง "คุณเซี่ยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพ่อของผมในวันเกิดเขาสินะ?"แขกเหรื่อหลายคนมองจ้าวจางด้วยความอิจฉาเมื่อได้ยินเรื่องนี้การที่เซี่ยเจี๋ยมาร่วมแสดงความยินดีในวันเกิดด้วยตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!หากเปรียบตระกูลจ้าวเป็นงู เซี่ยเจี๋ยก็คือมังกรใหญ่การบดขยี้ตระกูลจ้าวให้สิ้นซากเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เพียงแค่ดีดนิ้วทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากองได้ทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวจางที่ยื่นมือออกมา เซี่ยเจี๋ยมีสีหน้าเย็นชาและไม่ได้แสดงทีท่าใดใด "มีค่าพอจะจับมือกับฉันด้วยเหรอ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวจางแข็งค้างไปแขกเหรื่อหลายคนก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เขาไม่สนใจใบหน้าบอกบุญไม่รับของจ้าวจาง เซี่ยเจี๋ยเดินผ่านเขาและโค้งคำนับต่อหน้าเย่ซิวด้วยความน้อมน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 11

    เย่ซิวสกัดหมัดได้อย่างง่ายดายพลางพูดอย่างใจเย็น “ฉันแค่มาที่นี่เพื่อตามหาคน ไม่ได้อยากจะรังแกนาย”นักศึกษาหลายคนในบริเวณใกล้เคียงดูประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเย่ซิวสกัดหมัดของชายหนุ่มร่างกำยำได้อย่างง่ายดายเพียงใด“เพื่อนนักศึกษาคนนี้แข็งแกร่งมาก เขาสกัดกั้นการโจมตีของจางเทาได้อย่างง่ายดาย”“ช่างบังเอิญจริง ๆ จางเทาเป็นนักเทควันโดสายดำระดับแปด เขามีพละกำลังมาก ฉันเคยเห็นเขาเอาชนะผู้ใหญ่ห้าหกคนด้วยตัวเขาเองเลยนะ”“ฉันก็ว่าอย่างนั้น”จางเทาทั้งตกใจทั้งโกรธ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถหลุดออกจากฝ่ามือของเย่ซิวได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว ยังไม่ปล่อยฉันอีก หาเรื่องตายเรอะ?!”เย่ซิวปล่อยมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เพื่อนนักศึกษา ฉันแค่อยากจะเข้าไปตามหาคน นายช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหม?”เขาไม่เคยไปเรียนที่นี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเห็นใจเพื่อนนักศึกษาเป็นพิเศษ ก็ไม่อยากทำร้ายพวกเขาเว้นเสียแต่จะจำเป็นจริง ๆแต่ในสายตาของจางเทา ท่าทางของเย่ซิวถือว่าเป็นการทำให้เขาอับอายเขาคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย “พวกแกมัวยืนทำอะไร? มาช่วยกันจัดการมันสิ!”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 12

    เย่ซิวเดินไปหาลู่เสวี่ยเอ๋อร์โดยไม่สนใจคำเตือนของหวังเฟย การกระทำนี้ทำให้ความเย็นชาในดวงตาของหวังเฟยยิ่งทวีขึ้นไปอีกแต่เขาก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาเสียเดี๋ยวนั้นเขามักจะแสดงรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและสง่างามต่อโลกภายนอกซึ่งเป็นวิธีการที่สำคัญมากสำหรับเขาในการจีบสาวโดยผิวเผินแล้ว เขาคงไม่สามารถทำอะไรกับเย่ซิวได้ แต่เขาแอบคิดไว้แล้วว่าจะจัดการกับเย่ซิวอย่างไรเพื่อนนักศึกษาชายคนอื่น ๆ ก็รีบเข้ามาด้วยเช่นกัน ทำให้หวังเฟยรู้สึกรำคาญมากยิ่งขึ้นมีคนมากมายหลั่งไหลเข้ามา จนไม่มีทางหยุดพวกเขาได้แล้วในเวลานี้ เย่ซิวเดินไปลู่เสวี่ยเอ๋อร์รูปร่างของเธอช่างสูงจริง ๆ โดยเฉพาะเรียวขางามของเธอที่เรียวและตรง เรียกได้ว่าตั้งแต่คอลงมา ขาของเธอถึงเป็นจุดนำสายตาที่สุดเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไร ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ก็จะเป็นจุดสนใจของฝูงชนได้อย่างแท้จริง“สวัดดี คุณคือลู่เสวี่ยเอ๋อร์ใช่รึเปล่า?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนสนิทของเธอหันกลับมาเห็นเย่ซิวที่มีหน้าตาสดใส ประกอบกับดวงตาที่ใสสะอาดยืนอยู่ตรงหน้าเธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างสุภาพ “ใช่ ฉันเอง นายมีธุระอะไรเหรอ?”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 13

    หวังเฟยกดโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองข้างตอบกลับข้อความของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว: ไม่มีปัญหา ฉันจะโอนเงินให้เธอเดี๋ยวนี้เลยณ หอพักที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์พักอยู่ หลี่เยี่ยนอ่านข้อความที่หวังเฟยส่งมาทางโทรศัพท์มุมปากของเธอมีรอยยิ้มแปลก ๆ เธอส่งเลขบัญชีธนาคารของเธอไป ใช้เวลาไม่นานก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินสองล้านโอนมาให้ทันทีที่ลบข้อความที่แจ้งว่าบัญชีของเธอได้รับโอนเงินเข้ามา เธอที่นั่งอยู่บนเตียงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เสวี่ยเอ๋อร์ คืนนี้เราไปกินหม้อไฟหม่าล่ากันเถอะ ตกลงไหม?”“คืนนี้เหรอ? แต่ฉันอยากอ่านหนังสืออยู่ที่หอมากกว่า”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีนิสัยรักสงบ ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนนักศึกษาคนอื่นมีความรักกันแต่เธอเป็นคนเดียวที่เอาแต่สนใจเรื่องเรียน“โอ๊ย หนังสืออ่านตอนไหนก็ได้ อีกอย่าง เธอจะอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ได้สิ ไม่งั้นก็พลอยจะทำให้คนอื่นเขาดูโง่หมด ตอนกลางคืนไม่ต้องอ่านหรอก กินเสร็จก็ค่อยรีบกลับมา จะได้ไม่เสียเวลามาก” “แต่ว่า…” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลังเล แต่หลี่เยี่ยนกลับไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ“คุณน้องคะ เห็นแก่ที่ฉันช่วยเธอกันพวกผู้ชายมาให้ตั้งนาน แล้ววัน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 14

    ฟุ่บ! ฟุ่บ!จางเทาและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงตรงนั้นและรีบคำนับอย่างรวดเร็วแม้แต่คนที่ดุร้ายอย่างหมาป่าตาเดียวยังถูกเย่ซิวเล่นเสียน่วมแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย“พี่ใหญ่ พวกเราผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”“อย่าฆ่าผมเลย ผมยังมีพ่อแม่มีพี่น้องต้องดูแล คิดเสียว่าฉันเป็นลูหมาตัวหนึ่ง แล้วปล่อยผมไปเถอะ”“พี่ใหญ่ ถ้าพี่ไว้ชีวิตผม ผมจะแนะนำน้องสาวให้รู้จัก ผมยกแฟนตัวเองให้พี่เลยก็ยังได้”……ดวงตาของเย่ซิวเย็นชา คนเหล่านี้ไม่สมควรตาย แต่ก็ไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบยาหนึ่งเม็ดออกมาจากกระเป๋าแล้วบดมันจากนั้นเขาก็เปิดปากคนเหล่านี้อย่างไร้ความปราณี พลางยัดยาเข้าไป และบังคับให้พวกเขากลืนจางเทาและคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัว“ไม่ต้องกังวล ยาตัวนี้ไม่มีผลข้างเคียงมากนัก พวกนายแค่ต้องกินยาแก้พิษปีละครั้ง ไม่อย่างนั้นเลือดจะออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย”“ถ้าพวกแกหยุดทำความชั่วภายในหนึ่งปี ฉันจะให้ยาถอนพิษ”“แน่นอนว่าพวกแกจะไปตรวจที่โรงพยาบาลก็ได้ แต่พวกเขาก็จะบอกพวกแกอย่างแน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดปกติ”จางเทาและคนอื่น ๆ ต่างก็ดูซีดเซียวหลังจากที่เห็นว่าเย่ซิวน่ากลัวเพียงใด

Pinakabagong kabanata

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 830

    ฐานทัพทหารทั้งหมดของประเทศอ่ายเหรินถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลองในชั่วพริบตาภาพเหตุการณ์นี้ถูกดาวเทียมบนท้องฟ้าจับไว้ได้ และส่งต่อไปยังห้องควบคุมของประเทศมหาอำนาจทั้งหลายในทันทีใบหน้าของคนเหล่านั้นเปลี่ยนสีด้วยความตกใจ พวกเขาลุกพรวดขึ้นแล้วรายงานภาพที่เห็นให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ“แค่ก ๆ ๆ...”ชายชราไออย่างหนัก ดวงตาจับจ้องไปยังเบื้องหน้าไม่ละสายตาเบื้องหน้าที่ม่านหมอกปกคลุมอยู่ มีร่างของเย่ซิวยืนถือกระบี่เดินออกมาด้วยลมหายใจที่มั่นคง เขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย“ความสามารถไม่เลว แต่คุณกระทั่งทำให้ผมบาดเจ็บก็ยังไม่มีปัญญา แล้วยังกล้าโลภในร่างกายของผม โง่จริง ๆ”“หนุ่มสาวสมัยนี้ช่างน่าทึ่งจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่เธอครอบครองเนตรจักรพรรดิ” ชายชราหัวเราะเสียงเย็น “แต่ว่านะ ชัยชนะก็ยังคงเป็นของฉันอยู่ดี”พูดจบ เขาก็หยิบเข็มทิศออกมาจากอกเสื้ออย่างรวดเร็ว แล้วโยนมันลงพื้นเย่ซิวรู้สึกถึงอันตราย จึงรีบถอยหลังโดยไม่หยุดคิดสักนิดแต่ก็ยังช้าไปหนึ่งก้าวเข็มทิศขยายตัวขึ้นอย่างเร็วมาก พร้อมปลดปล่อยลำแสงออกมาจนก่อตัวเป็นค่ายกลที่แน่นหนา ปิดล้อมเย่ซิวไว้ด้านในจากนั้นเถาวัลย์นับไม่ถ้วนก็เ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 829

    “นั่นใคร”ทันทีเชื่อมต่อสาย น้ำเสียงเย็นชาของหงอีก็ดังขึ้นที่ปลายสาย ฟังแล้วชวนให้รู้สึกขนลุกมาก“ฉันเอง” เย่ซิวตอบด้วยเสียงเรียบปลายสายเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า “มีเรื่องอะไร?”“เธอรู้จักเฟยอวี่ใช่ไหม พวกเธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่และกำลังร่วมมือกันทำอะไรอยู่”“ไม่เกี่ยวกับนาย มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีฉันจะวางสายแล้ว”ท่าทีของผู้หญิงคนนี้เย็นชามาก ไม่ได้มองเลยว่าเย่ซิวเป็นผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้ตู๊ด... ตู๊ด...เย่ซิวยังไม่ทันจะได้พูดต่อ หงอีก็ชิงตัดสายไปก่อนเย่ซิวหัวเราะอย่างโกรธเคือง “ผู้หญิงคนนี้โอหังจริง ๆ”ผู้หญิงคนนี้พลิกลิ้นแสดงให้เห็นถึงการเนรคุณคนได้อย่างชัดเจนแต่เย่ซิวก็สงบอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วหงอีนับว่าเป็นคนที่เขาฝึกฝนขึ้นมาเองก็ได้ เขาไม่ได้กังวลว่าเธอจะหลุดพ้นจากการควบคุมของเขาไปโดยสมบูรณ์ตอนนี้ปล่อยให้เธอหยิ่งผยองไปก่อน ในอนาคตยังมีโอกาสจัดการกับเธออีกมากเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า เย่ซิวก็ยืดตัวแล้วพุ่งทะยานขึ้นฟ้าครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงหน้าฐานทัพแห่งหนึ่งของประเทศอ่ายเหรินเมื่อร่างร่อนลงถึงพื้น เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 828

    ความรู้สึกนี้ช่างน่าพึงพอใจเสียจนทำให้เถียนเถียนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยอ่างสมุนไพรที่แต่เดิมสีสันสดใสค่อย ๆ กลายเป็นใสกระจ่างอย่างรวดเร็วร่างกายของเถียนเถียนเองก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่งจากนั้น เย่ซิวก็วางมือลงบนหน้าผากของเธอ พลังจิตหลั่งไหลเข้าสู่ภายในในไม่ช้าเขาก็พบจุดที่หงอีใช้ควบคุมเธอ มันเป็นตราสีแดงซึ่งประทับอยู่บริเวณหัวใจตราหนึ่งเย่ซิวไม่ได้ทำลายตรานั้น แต่ใช้พลังจิตสร้างเกราะไร้รูปปกคลุมตราไว้ด้วยวิธีนี้ หงอีจะไม่สามารถใช้ความคิดควบคุมความเป็นความตายของเถียนเถียนได้เพียงแต่แค่นี้ยังไม่พอเย่ซิวใช้พลังจิตกวาดสำรวจร่างกายของเถียนเถียนทั้งภายในและภายนอกทำให้เธออดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง ร่างกายเกิดขนลุกขึ้นมาทันที รู้สึกว่าความลับทั้งหมดของเธอถูกเปิดเผยต่อหน้าชายคนนี้แล้วไม่นานเย่ซิวก็ตรวจพบว่าร่างกายของเถียนเถียนมีคุณสมบัติที่เอนเอียงไปทางธาตุน้ำเขาจึงดึงพลังวิญญาณธาตุน้ำของตัวเองออกมาแล้วส่งเข้าไปในร่างของเธอการเสริมความแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ ทำให้เธอสามารถรองรับพลังวิญญาณของเย่ซิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ความแข็งแกร่งของเธอเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากหนึ่งชั่วโมงต่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 827

    “ฉันรู้ค่ะ ผู้หญิงคนนั้นชื่อเฟยอวี่ใช่ไหม เมื่อวานฉันเพิ่งเจอเธอมา”เย่ซิวมองอย่างเคร่งขรึม “เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”เถียนเถียนตอบ “เหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะไปประเทศจ้านอิงตี้เมื่อไม่นานนี้ แล้วบังเอิญเจอกับราชินีหลังจากนั้นพวกเธอน่าจะทำข้อตกลงบางอย่างกัน ครั้งนี้ที่ราชินีส่งฉันมา ก็เพื่อให้เอาของบางอย่างมาให้เธอแต่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร”เย่ซิวครุ่นคิดอยู่ในใจ สายตาพลันก็จับจ้องไปที่เถียนเถียนสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดันนี้ ทำให้เถียนเถียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอบิดตัวไปมาอย่างไม่สบายใจ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า“คุณเย่คะ คุณต้องการให้ฉันรับใช้คุณหรือเปล่า ไปที่อื่นกันเถอะ”อย่ามองว่าผู้หญิงคนนี้แสดงออกอย่างเชี่ยวชาญ แต่ความจริงแล้วเธอยังไร้เดียงสามากด้วยทัศนคติที่เย่อหยิ่งของหงอีแบบนั้น คนที่เธอจะยอมให้กอดครั้งแรกนั้น ย่อมต้องสะอาดบริสุทธิ์เท่านั้นการแสดงท่าทางยั่วยวนของเธอ ก็เป็นเพียงแค่การอำพรางตัวเพื่อการล่าเหยื่อเย่ซิวส่ายหัว “เธอคิดมากเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้สนใจเรือนร่างของเธอ”เถียนเถียนดูเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย ผู้ชายแบบเย่ซิว ใครบ้างล่ะจะไม่อยากมีอะไรกับเข

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 826

    ไม่มีการเคลื่อนไหวที่หวือหวาเกินไป เพียงแค่ฟันไปข้างหน้าเบา ๆคลื่นปราณกระบี่ทรงกลมก็ระเบิดออกมา จากนั้นก็ไม่มีหลังจากนั้นอีกแล้วทั้งห้องเงียบสงัด นอกจากเย่ซิวกับเถียนเถียนที่ยังคงยืนอยู่ คนอื่น ๆ ล้วนตายหมดปึก!เถียนเถียนถึงกับเข่าทรุด ล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยความหวาดกลัว ในหัวเต็มไปด้วยคำถามนับไม่ถ้วน ร่างกายสั่นสะท้าน แม้แต่ฟันก็ยังสั่นกึก ๆเธอมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดผวานี่เป็นการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวแบบไหน?เพียงหนึ่งดาบก็สามารถฆ่าผู้มีพลังวิเศษ นักเวท และนักรบยีนกว่าร้อยชีวิตได้ในพริบตา!"ท่านเป็นใครกันแน่?"เถียนเถียนเงยหน้าขึ้น มองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงรูปร่างและหน้าตาของเย่ซิวนั้นซิวบิดเบี้ยวไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับคืนสู่รูปโฉมดั้งเดิมเมื่อเห็นใบหน้านี้ เถียนเถียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหนัก ๆ"ที่แท้ก็เป็นท่าน ท่านยังไม่ตาย ราชินีพูดไว้ไม่ผิดจริง ๆ"หัวใจของเย่ซิวไหววูบ "หงอีเดาได้แล้วงั้นเหรอ?"เถียนเถียนพยักหน้า "ใช่ค่ะ ตอนนั้นฉันไปรายงานข่าวนี้กับราชินี เธอก็พูดว่าท่านไม่มีทางตายไปง่าย ๆตอนนั้นฉันยังคิดเลยว่าใคร

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 825

    วิชาแยกร่างเบญจธาตุ!ตัวอักษรโบราณหลายพันตัวหลอมรวมเข้าสู่จิตใจของเย่ซิวและรวมกันเป็นคำเหล่านี้เมื่อจิตสำนึกของเย่ซิวเพ่งไปที่คำเหล่านี้ ฉับพลันนั้นเขาก็เข้าใจในเนื้อหาทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้อย่างถ่องแท้นี่เป็นวิชาลับที่ทรงพลังอย่างยิ่ง สามารถสร้างร่างแยกเบญจธาตุขึ้นมาได้แน่นอน เฉพาะกับคนอย่างเย่ซิวที่ถือครองจินตานเบญธาตุหรือเกิดมาพร้อมกายาเบญจธาตุเท่านั้นจึงจะฝึกฝนวิชานี้ได้เย่ซิวดีใจจนแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ นี่ช่างเป็นโชคครั้งมหาศาลจริง ๆตามที่วิชาลับนี้อธิบายไว้ ร่างแยกเบญจธาตุนั้นแตกต่างจากวิชาแยกร่างทั่วไปโดยสิ้นเชิงวิชาแยกร่างทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่ร่างแยกที่สร้างขึ้นมาจะมีพลังเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของร่างต้น หรือไม่ก็มีระยะเวลาคงอยู่ที่สั้นมากแต่ร่างแยกจากวิชาแยกร่างเบญจธาตุ ไม่เพียงแต่สามารถคงอยู่อย่างถาวร ยังสามารถบำเพ็ญตนด้วยตัวเองและพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่องร่างแยกแต่ละร่างจะมีพลังถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ของร่างต้นอย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะทรงพลังมาก แต่การสร้างร่างแยกนั้นจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณสมบัติของธาตุทั้งห้า ซึ่งเย่ซิวยังไม่มีสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 824

    เย่ซิวทำเหมือนมองไม่เห็นมันราคานี้ถือว่าสูงมากแล้วไม่ใช่ว่าทุกคนจะรวยเหมือนเย่ซิว ราคานี้เกินความสามารถของคนส่วนใหญ่ที่จะรับไหวในที่สุดอัญมณีเม็ดนี้ก็ถูกเย่ซิวซื้อมาอีกเช่นกันเถียนเถียนมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเธออยากจะออดอ้อนสักสองสามคำ เผื่อว่าเย่ซิวจะซื้ออะไรให้ตัวเองบ้างแต่เธอไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะทำให้เย่ซิวโกรธ นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอนจากนั้นคนที่สี่ก็ขึ้นมาเป็นชายคนหนึ่งที่มีขนคล้ายเข็มเหล็กทั่วทั้งร่างในมือเขาถือจี้หยกชิ้นหนึ่งเอาไว้ ทว่าบนจี้หยกนั้นมีรอยร้าวอยู่หลายจุด“สิ่งนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มันมีคุณสมบัติช่วยให้สงบจิตใจเมื่อสวมใส่ในขณะการบำเพ็ญตน จะไม่ทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดใด ๆ ขึ้นถ้าตอนนี้ผมไม่ขัดสนเรื่องเงินละก็ ก็คงไม่ขายมันออกไป ราคาประมูลเริ่มต้นคือห้าร้อยล้านเหรียญจ้านอิงตี้”หลายคนเผยสีหน้าสนใจเป็นที่รู้กันว่ายิ่งพลังแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ในระหว่างการบำเพ็ญตนจะยิ่งเกิดอารมณ์ด้านลบได้ง่ายขึ้นเท่านั้นมีจี้หยกชิ้นนี้อยู่ในมือ ก็จะสามารถแก้ไขปัญหานั้นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นไม่นานก็มีคนเริ่มเสนอราคาที

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 823

    นี่คือยันต์สายฟ้าหยิน!เป็นของที่หายากและล้ำค่าอย่างยิ่งในยุคโบราณ ซึ่งทำให้ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของมันยันต์ชนิดนี้แตกต่างจากยันต์แบบใช้ครั้งเดียวทั่วไป เพราะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่มีฝนตกหรืออากาศชื้น หากโยนมันออกไป มันจะสามารถดึงสายฟ้าจากฟากฟ้าลงมาและผนึกไว้ในนั้นได้ผู้บำเพ็ญตนส่วนใหญ่ล้วนกลัวสายฟ้าการถือยันต์เช่นนี้ไว้ในมือ จะทำให้คนส่วนใหญ่อยากอยู่ห่างจากมันยันต์แผ่นนี้ตัวเองจะต้องคว้ามันมาให้ได้ในงานประมูลมีบางคนสนใจมันเช่นกัน แต่การเพิ่มราคาของพวกเขาแต่ละครั้งเพิ่มขึ้นแค่หนึ่งหมื่นเหรียญจ้านอิงตี้เท่านั้นในปัจจุบัน อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินของประเทศจ้านอิงตี้กับประเทศหลงเถิงนั้นอยู่ที่หนึ่งต่อสามสิบห้าเย่ซิวเสนอราคาไปที่ห้าล้านเหรียญจ้านอิงตี้ทันทีหลายคนมองไปที่เขาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะละสายตาออกไปของชิ้นนี้ ไม่มีใครรู้ถึงประโยชน์ที่แท้จริงของมัน ราคาที่สูงเกินไปจึงไม่มีคนอยากเข้าร่วมคาร์ธิวเรียกราคาสามครั้งติดต่อกัน แต่ไม่มีใครเสนอราคาสูงกว่านี้ เขาจึงส่งยันต์นี้ให้กับเย่ซิวจริง ๆ แล้วสิ่งนี้เขาไม่ได้หวัง

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 822

    เย่ซิวหัวเราะเบา ๆ "เมื่อถึงเวลา เธอก็จะรู้เอง"ผู้หญิงคนนี้รู้สึกหัวใจคันยุบยิบ สงสัยมากว่าเย่ซิวคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่?แต่เย่ซิวไม่พูด เธอก็ไม่กล้าถามตรง ๆทั้งสองคนทยอยเดินออกไปข้างนอกโชคไม่ดี พวกเขาเพิ่งออกไปก็เจอกับคนกลุ่มหนึ่งและในกลุ่มนั้นก็มีผู้หญิงอยู่สองคน เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาพวกเธอก็เป็นประกาย พวกเธอรีบปรี่เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว"หนุ่มน้อยสุดหล่อ สนใจมาเล่นกับพวกเราไหม?""หนุ่มน้อยสุดหล่อ เธอดูดีมากเลย อีกหน่อยมาติดตามพี่สาว พี่สาวจะไม่ปฏิบัติต่อเธออย่างเลวร้ายแน่นอน”"ไสหัวไปซะ!"หญิงสาวเปิดปากและแยกเขี้ยวของเธอด้วยใบหน้าที่ดุร้ายผู้หญิงสองคนที่เข้ามาจีบตกใจเฮือก และรีบจากไปอย่างรวดเร็วจากนั้นเขี้ยวของเธอก็ถูกเก็บกลับไป เธอกลับมาแสดงท่าทางเคารพอีกครั้ง "ท่านคะ โปรดตามมาทางนี้"เย่ซิวพูดอย่างใจเย็น "ผ่อนคลายหน่อย อย่าให้ใครสงสัย""ค่ะ ท่าน""เธอชื่ออะไร""เรียนนายท่าน ดิฉันชื่อเถียนเถียนค่ะ"เถียนเถียนพาเย่ซิวไปที่ชั้นดาดฟ้า ที่นี่คนที่ควรจะมาก็มากันครบหมดแล้วเย่ซิวมองไปรอบ ๆ ก็เห็นถึงความแข็งแกร่งของทุกคนได้อย่างชัดเจนส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธ์ระดับหก

I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status