ในที่สุด ตามคำร้องขออย่างจริงใจของเถ้าแก่ เย่ซิวก็ยอมรับซองสีแดงมูลค่าสองพันหยวนมาไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้กินอาหารฟรี แถมยังได้เงินสองพันหยวนเย่ซิวยืนขึ้น เขากินจนเกือบจะอิ่มแล้ว และก็พร้อมที่จะไปทักทายลู่เสวี่ยเอ๋อร์แล้วแต่ทันทีที่เขาลุกขึ้น เขาเห็นหวังเฟยผลักประตูเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเพื่อนอยู่ในห้องส่วนตัว หลี่เยี่ยนคีบอาหารให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อย่างกระตือรือร้น ในตอนที่เธอไม่ได้สนใจ เธอจึงโยนยาเม็ดเล็ก ๆ ลงในชาม และยาก็ละลายทันที“เสวี่ยเอ๋อร์ ลองนี่ดูสิ อร่อยนะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กินเข้าไปพลางสงสัยเล็กน้อย “ทำไมฉันรู้สึกว่าวันนี้เธอแปลก ๆ?”“ไม่หรอก เธอคิดมากไปแล้ว รีบกินเร็วเข้า อร่อยนะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์สับสนและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นสิ่งใดเธอหยิบชามและตะเกียบขึ้นมาแล้วอยากจะกินเนื้ออีกชิ้นแต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอ่อนแรงจนตะเกียบตกจากนิ้วปึง! ปึง!ในขณะเดียวกันนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลี่เยี่ยนลุกขึ้นไปเปิดประตู และพาหวังเฟยเข้ามาลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีในใจ แต่เธอก็ยังคงสามารถรักษาสติของเธอเอา
โคมไฟประดับส่องแสงสว่างกลางเมืองในยามค่ำคืนเย่ซิวและลู่เสวี่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ริมถนนเส้นใหญ่ บุรุษรูปงามและสตรีผู้มีลักษณะโดดเด่น สำหรับคนภายนอกที่มองมา พวกเขาดูเหมือนคู่กิ่งทองใบหยกลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลูบผมบนหน้าผากของเธอให้เรียบ มองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เปียกชื้น และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมาก “เพื่อนนักศึกษา ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย”“ผมชื่อเย่ซิว”แสงในดวงตาของลู่เสวี่ยเอ๋อร์สว่างวาบขึ้นอีกเล็กน้อย “ขอบใจสำหรับเรื่องวันนี้มากนะเพื่อนนักศึกษาเย่ ถ้าไม่มีนาย ทั้งชีวิตของฉันคงพังไปแล้ว”“ไม่เป็นไรหรอก จริง ๆ แล้วผมเองก็มีจุดประสงค์ที่ช่วยคุณ” เย่ซิวบอกความจริง“หา?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อุทาน ความคิดของเธอแตกกระจายออกไปนึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เย่ซิวชวนเธอไปกินข้าว หรือว่าเพราะเขาชอบเธอ เลยทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามแล้วจากนั้นก็จะขอเธอเป็นแฟน?ลู่เสวี่ยเอ๋อร์แอบมองเย่ซิว แล้วจึงรีบเบือนหน้าหนีใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อยหัวใจของเธอสับสน ‘ทำยังไงดี? เขาเพิ่งช่วยฉันไว้ ดูเหมือนจะค่อยไม่ดีนักถ้าฉันไม่ตกลงเป็นแฟนของเขา อีกทั้งเพื่อนนักศึกษาเย่ก็ดูหล่อและนิสัยดีมาก…’ขณะที่เธอกำลังสับ
ตอนนี้ความสำคัญของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ในใจเย่ซิวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วดังนั้นเขาจึงไปส่งลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับบ้านด้วยตัวเองหลังจากถูกหลี่เยี่ยนหักหลัง เธอก็ไม่สามารถอยู่ในหอพักเดิมได้อีกต่อไป และทำได้เพียงไปเช่าห้องข้างนอกแทน“พรุ่งนี้เดี๋ยวผมจะไปหาห้องเช่าเป็นเพื่อนคุณนะ” เย่ซิวพูดบนรถแท็กซี่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ยิ้มหวาน “ไม่ต้องหรอก ฉันมีอพาร์ตเมนต์หลายที่ใกล้มหาลัย”เย่ซิวอึ้งไปเขาคงร้อนใจไปเองเมื่อรถแล่นไปได้ครึ่งทาง เย่ซิวก็ลดกระจกมองไปทางขวา เห็นว่ามีรถสีขาวคันหนึ่งขับมาขนาบข้างคนขับเป็นผู้หญิงผมสั้นที่แลดูมีความสามารถจากสายตาของเย่ซิว เขาสามารถบอกได้เลยว่านี่คือผู้หญิงที่แข็งแกร่งมาก“คุณรู้จักเธอหรือเปล่า?” เย่ซิวชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้นพลางถามลู่เสวี่ยเอ๋อร์ผู้หญิงคนนั้นติดตามพวกเขามาตลอดทาง แต่ไม่ได้แสดงรัศมีที่เป็นอันตรายต่อพวกเขาเลยลู่เสวี่ยเอ๋อร์เอียงตัวมองออกไปนอกหน้าต่างรถ จู่ ๆ ดวงตาของเธอก็เป็นประกาย “พี่หมิ่นหมิ่นน่ะ เธอมาที่นี่เพื่อปกป้องฉันโดยเฉพาะ เมื่อสองวันก่อนเธอต้องไปทำธุระ ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันก็คงจะไม่…”เย่ซิวพยักหน้า ขอแค่ไม่ใช่ศัตรูก็ไม่เป็นไร
แม้จะเผชิญกับการถูกเยาะเย้ยจากคนเหล่านี้ เย่ซิวก็ไม่โกรธและยังคงมีท่าทีสงบ“ผมไม่อยากทำร้ายพวกคุณจริง ๆ กรุณาถอยออกไปเถอะ”สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างแท้จริงจะไม่โจมตีผู้อ่อนแอเย่ซิวเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตของพวกเขา แต่ในสายตาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้ พวกเขากลับคิดว่าเย่ซิวขี้ขลาดดังนั้นพวกเขาจึงทำตัวไร้ศีลธรรมมากยิ่งขึ้น“เจ้าหนู ถึงตอนนี้ยังจะเสแสร้งอยู่อีกเหรอ?!”“ฉันล่ะอยากจะผ่าหัวของแกออกมาดูจริง ๆ มีอะไรอยู่ข้างในกันนะ ทำไมถึงทำให้แกหยิ่งยโสได้ขนาดนี้!”“จะไปเสียเวลาพูดคุยไร้สาระอะไรกับมันนักหนา? นายใหญ่จ้าวบอกว่าถ้ามือและเท้าของมันหัก ทุกคนจะได้รางวัลคนละหนึ่งหมื่นหยวนเชียวนะ!”“ช่วยกันฆ่ามันซะ!”……ด้วยแรงขับจากเงิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้จึงโบกแท่งเหล็กแข็งในมืออย่างแรงทันทีหมายจะฟาดศีรษะของเย่ซิว เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ในห้องของตระกูลจ้าว จ้าวเฟิงและคนอื่น ๆ ก็หัวเราะออกมา“ดู ๆ แล้วมันคงจะเป็นพวกท่าดีทีเหลว!”“ทำมาเป็นพูดว่าไม่อยากทำร้ายใคร ก็แค่ข้ออ้างเพราะจะหนีเท่านั้นแหละ”“ใครก็ได้เอาขวดไวน์ที่ฉันเก็บไว้ออกมาให้ที คืนนี้อยากจะฉลอง
“เด็กนั่นยังอายุไม่ถึงยี่สิบเลยนะ!”“เขาไม่ใช่จอมยุทธระดับสามในขั้นต้นหรือขั้นกลาง แต่นี่มันขั้นสูงเลยด้วยซ้ำ!”ทุกคนในห้องโถงทั้งหมดลุกขึ้นจากที่นั่งและมองดูฉากนี้ด้วยความเหลือเชื่อความตกใจที่เย่ซิวสร้างขึ้นแก่พวกเขานั้นรุนแรงเกินไปจริง ๆขณะที่พวกเขากำลังตกตะลึง เย่ซิวก็เดินเข้ามาดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองเขาอย่างไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามเหมือนตอนแรกอีกต่อไป แต่มองด้วยความเคร่งขรึมอย่างลึกซึ้งแทนไม่ว่าเขาจะอายุเท่าใด แต่ความแข็งแกร่งที่เย่ซิวแสดงออกมาตอนนี้ทำให้พวกเขาทุกคนตกใจจินหลงมองไปที่เย่ซิวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อาจารย์ของแกเป็นใครกัน?!”คนที่จะสั่งสอนเย่ซิวเจ้าเด็กสัตว์ประหลาดนี่ได้ ต้องไม่ใช่ตาสีตาสาคนธรรมดาทั่วไปในเวลานี้ จินหลงและจินหู่ต่างก็เสียใจที่มาที่นี่หากมีผู้ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังเย่ซิว พวกเขาจะต้องประสบปัญหาใหญ่แน่นอนเมื่อได้ฟังคำถามของจินหลง เย่ชิวก็พูดอย่างเนิบ ๆ “คุณไม่คู่ควรที่จะได้รู้”อาจารย์ของเขาเตือนเขาไว้นานแล้ว ว่าอย่าเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองไม่ว่าในกรณีใดใดเย่ซิวยึดมั่นในเรื่องนี้มาโดยตลอด และไม่ได้พูดออกไปจินหลงโกรธมาก “ไอ้เด็กนี่! ไม่ไว
“วิ่ง วิ่งเร็ว!”“นี่มันสัตว์ประหลาดชัด ๆ!”ตระกูลจ้าวสามรุ่นขวัญหนีดีฝ่อกันหมดสิบนาทีที่แล้ว ไม่ว่าจินตนาการของพวกเขาจะทรงพลังเพียงใดพวกเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าเย่ซิวจะสามารถฆ่าจินหลงและจินหู่ลงได้อีกทั้งพวกเขายังบรรลุไปอีกระดับแล้วด้วยนั่นคือจอมยุทธระดับสี่ แต่พวกเขากลับถูกฆ่าลงอย่างง่ายดายผลกระทบต่อพวกเขาทั้งสามนั้นใหญ่หลวงมากพวกเขาหมดหวังและต้องการหลบหนีโดยเร็วที่สุดก่อนที่พวกเขาจะหลบหนีไปได้ไกล ก็เกิดเสียงดังขึ้น ข้อเข่าของพวกเขาถูกเย่ซิ่วขว้างถ้วยใส่ จนต้องคุกเข่าลงกับพื้นทั้งสามคนหันกลับมาอย่างรวดเร็วและโค้งคำนับให้กับเย่ซิว“ผู้อาวุโสเย่ ปล่อยพวกเราไปเถอะ”“พวกเราผิดไปแล้ว พวกเรามีตาหามีแววไม่ เราไม่ควรไปยั่วยุคุณเลย ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ”“สองร้อยล้าน ไม่สิ พวกเราจะให้เงินหนึ่งพันล้านเป็นค่าชดเชย โปรดอย่าได้ถือสาความผิดของพวกเราเลย”ขณะนี้จ้าวจางและคนอื่น ๆ หวาดผวาอย่างยิ่งและได้ละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีไปแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียใจที่ไหลเวียนอยู่ในอกของจ้าวเฉียนที่เป็นเหมือนกับแม่น้ำอันเชี่ยวกรากถ้าเขาไม่โลภกลัวที่จะสูญเสียส่วนแบ่งของเย่ซิว เรื่อง
เซี่ยซิ่วซิ่วคิดหนักเชื่อมโยงไปถึงเย่ซิวอย่างรวดเร็ว “คุณปู่อยากให้หนูแต่งงานกับเย่ซิวเหรอคะ?”“ใช่” ใบหน้าของเซี่ยเจี๋ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คิดไม่ถึงว่าคนอย่างปู่จะได้เห็นมังกรหนุ่มตอนอายุปูนนี้!”การประเมินที่สูงเช่นนี้เพิ่มความอยากรู้อยากเห็นของเซี่ยซิ่วซิ่วอย่างมาก เธออดไม่ได้ที่จะถาม “คุณปู่ ในสายเมื่อครู่คุยเรื่องอะไรกันเหรอคะ ถึงได้ทำให้ท่าทีของคุณปู่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?”เซี่ยเจี๋ยถอนหายใจ “หลี่ฮ่าวโทรมาเมื่อกี้ บอกว่าน้องชายเย่เอาชนะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างกำยำที่ได้รับการว่าจ้างจากตระกูลจ้าวจำนวนมากกว่าสองร้อยคนเพียงลำพัง!”“ยิ่งไปกว่านั้น ครึ่งหนึ่งของพวกเขายังถือธนูหน้าไม้สามดอกอีกด้วย!”เซี่ยซิ่วซิ่วอุทาน ดวงตาได้รูปสวยเต็มไปด้วยความตกตะลึงเธอเกิดในตระกูลจอมยุทธ์และฝึกฝนวรยุทธ์ด้วยตัวเอง พลังของเธออยู่ในระดับทั่วไป แม้แต่การเป็นจอมยุทธ์ระดับหนึ่งเธอก็ยังไม่สามารถบรรลุได้แต่เธอรู้แน่ชัดว่าคนที่สามารถเอาชนะชายที่แข็งแกร่งสองร้อยคนได้ด้วยตัวเอง แถมอีกครึ่งหนึ่งยังถือหน้าไม้ที่ทรงพลังคน ๆ นั้นจะต้องมีพลังแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเพียงใด“หรือเขาจะเป็นจอมยุทธ์ระ
พวกเขาเกือบจะฝ่าไฟแดงและมาถึงบ้านตระกูลจ้าวในเวลาอันสั้น“กระจายกันออกไปและล้อมรอบตระกูลจ้าวเอาไว้ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไป และไม่อนุญาตให้ใครออกมาทั้งนั้น!”จากนั้นหัวหน้าสถานีก็ถือหน้าไม้ไว้ในมือและรีบเข้าไปก่อนเสียงกรีดร้องของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กองอยู่บนพื้นทำให้หัวหน้าสถานีดูมืดมนราวกับแม่น้ำลึกเมื่อเขาเข้าไปในห้องโถง ภาพที่เห็นทำให้เขาสะเทือนใจอย่างมาก“ใครกันที่โหดร้ายและอาจหาญได้ขนาดนี้?!”สมาชิกในทีมคนอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นภาพนี้“ชั่วช้ามาก พวกเราต้องตามหาคนร้ายและนำตัวพวกนั้นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้!”“ใช่! นี่ถือเป็นการท้าทายความยิ่งใหญ่ของสถานีของเรา!”หัวหน้าโบกมือเพื่อให้ทุกคนเงียบเสียง “กระจายไปรอบ ๆ และจำไว้ว่าอย่าแตะร่องรอยใดใดในสถานที่เกิดเหตุ แล้วรอให้ทีมนิติเวชมาตรวจสอบดู”“หัวหน้า รีบมาดูเร็ว มีสัญลักษณ์อะไรอยู่ตรงนี้ด้วย!”สมาชิกในทีมคนหนึ่งชี้ไปยังลวดลายที่เย่ซิววาดบนผนังแล้วหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปหัวหน้ามองตามไปแค่มองดู ม่านตาของเขาก็หดตัวทันที พลางรีบตะโกน “หยุด อย่าถ่ายรูป!”หัวหน้าวิ่งไปที่กำแพงและมองดูใกล้ ๆ
เธอมีพรสวรรค์โดดเด่น แถมยังได้รับความรักความเอ็นดูจากเจ้าสำนักเป็นพิเศษและเธอยังเป็นคู่หมั้นของหนานกงอู๋ซวงอีกด้วยหนานกงอู๋ซวงละสายตากลับมาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ก็แค่ตัวตลกไร้สาระ ไม่ต้องไปสนใจหรอก”“นั่นสิ เขาเทียบกับพี่อู๋ซวงไม่ได้เลยสักนิด”เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ถ้านายมีความสามารถถึงขนาดนั้น ของรางวัลทั้งหมดก็ยกให้นายได้ ไม่มีปัญหา”เขาเองก็ไม่คิดว่าเย่ซิวจะทำได้จริงเย่ซิวพยักหน้ารับ “ครับ ขอบคุณท่านเจ้าสำนักมาก”ในเมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้ว งั้นก็แสดงฝีมือออกมาเล็กน้อยเพื่อกวาดรางวัลทั้งหมดไปก็แล้วกันจางเสี่ยวอวี๋รีบขยับเข้ามาใกล้ เธอดึงชายเสื้อเย่ซิวแล้วกระซิบ “นายบ้าไปแล้วเหรอ คิดยังไงถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมาถ้าแพ้ขึ้นมา จะไม่ใช่แค่นายที่ขายหน้า แต่ท่านอาจารย์ก็จะเสียหน้าด้วยนะ”เย่ซิวหันมามองเธอก่อนจะตอบสั้น ๆ “พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก”จางเสี่ยวอวี๋ถึงกับกลอกตาแรง ๆ พลางรู้สึกว่านายคนนี้คงหมดทางเยียวยาแล้วจริง ๆหลังจากเรื่องหยุมหยิมนั้นผ่านไป การประลองก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีผู้อาวุโสคนหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นกรรมการ และเริ่มจับ
“รางวัลอันดับสิบ เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง กระบี่อัคคีเมฆารางวัลอันดับเก้า เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง โล่แสงศักดิ์สิทธิ์…อันดับสาม หญ้าลิ้นมังกรที่มีอายุสามร้อยปีอันดับสอง โอสถพยัคฆ์มังกรอันดับหนึ่ง สมบัติเวทมนตร์ระดับต่ำ กระบี่ไตรสุริยัน”เมื่อเจ้าสำนักประกาศรางวัลทั้งหมดออกมาจบแล้วไม่ใช่แค่เหล่าศิษย์ใหม่ที่ตาเป็นประกาย แม้แต่ศิษย์เก่าที่มีประสบการณ์ก็ยังมีท่าทีอิจฉาเสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นรอบ ๆ“ปีนี้รางวัลชักจะโหดเกินไปแล้ว”“เยอะกว่าปีก่อนหลายเท่าเลย”“โดยเฉพาะรางวัลอันดับหนึ่ง นั่นกระบี่ไตรสุริยันเชียวนะ อาวุธคู่กายเก่าของท่านเจ้าสำนักเลยนี่!”……รั่วอวิ๋นขยับสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเย่ซิว “อันดับสองมีโอสถพยัคฆ์มังกร นั่นเป็นของดีมากนะถ้าได้กินจะทำให้มีโอกาสเข้าใจเคล็ดวิชา ‘พยัคฆ์คำรามมังกรรำพัน’ ได้ ลองพยายามดูนะ เผื่อจะได้อันดับที่สองมา”เย่ซิวยิ้มบาง “ท่านอาจารย์ดูแคลนผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ แล้วถ้าผมได้ที่หนึ่งขึ้นมาล่ะ”รั่วอวิ๋นแค่นเสียงหึ “อย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย บอกตามตรงนะ ศิษย์ใหม่รอบนี้มีคนที่ฝีมือโหดมากอยู่คนหนึ่งทุกคนในสำนักต่างก็มั่น
บรรยากาศรอบตัวพลันเงียบกริบลงทันที!“กรี๊ดดด!!”จางเสี่ยวอวี๋กรีดร้องเสียงแหลมสุดชีวิต ก่อนจะรีบใช้มือปิดร่างตัวเองอย่างลนลาน“ไอ้บ้า ยังจะมองอยู่อีก หันหลังไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”เย่ซิวตบไหล่เธอเบา ๆ “พวกเราก็เหมือนพี่น้องกัน จะเครียดอะไรขนาดนั้น”“ใครเป็นพี่น้องกับนาย ฉันจะฆ่านายซะ!”จางเสี่ยวอวี๋แทบจะคลั่ง ใครจะไปคิดว่าโลกนี้จะมีผู้ชายที่หน้าด้านได้ขนาดนี้อีกทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอยังเคยแอบรู้สึกดี ๆ กับเขาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองตาถั่วไปแล้วชัด ๆเย่ซิวหัวเราะเบา ๆ โดยไม่พูดอะไรเพิ่ม ก่อนจะหันหลังให้อย่างว่าง่ายเสียงขยับตัวขลุกขลักดังมาจากข้างหลังไม่นาน จางเสี่ยวอวี๋ก็ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วรีบวิ่งออกจากถ้ำไปทันทีเธอกลัวว่าเย่ซิวจะฉวยโอกาสทำอะไรไม่ดีใส่เธอแต่เธอคิดมากไปเองเย่ซิวผ่านอะไรมามากเกินพอแล้ว สาวสวยระดับไหนก็เห็นมานับไม่ถ้วนตอนนี้ความรู้สึกต้านทานต่อผู้หญิงสวย ๆ ของเขาสูงมากจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้วหลายวันต่อมา ชีวิตของเย่ซิวก็ดำเนินไปอย่างสงบเรียบง่ายทุกเช้าเขาจะไปให้อาหารสิงโตหยกขาวทั้งแปดเขาเตรียมอาหารให้ครบสามมื้อ แล้วก็โยนโอสถที่ตัวเองกลั่
ในห้องรับแขก เย่ซิวนั่งมองจางเสี่ยวอวี๋ที่เปลี่ยนมาสวมชุดใหม่ชุดใหม่นี่ทำให้เธอดูเปลี่ยนไปพอสมควร รูปร่างดูเพรียวขึ้น แถมยังดูมีความเรียบร้อยขึ้นด้วย“มีของดีอะไรจะเอามาให้ดูเหรอ?”จางเสี่ยวอวี๋หยิบขวดยาเล็ก ๆ ออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะเปิดฝาแล้วหยิบเม็ดยาสีดำ ๆ เม็ดหนึ่งขึ้นมาโชว์ด้วยความดีใจสุด ๆ“เห็นไหม? นี่คือโอสถฟื้นพลัง ฉันทำสำเร็จแล้วนะ เท่ากับว่าฉันกลายเป็นนักปรุงยาฝึกหัดอย่างเป็นทางการแล้ว”เธอพยายามมาหลายปี ในที่สุดก็ทำสำเร็จสักทีความดีใจในใจมันล้นจนเก็บไม่อยู่จะไปอวดพวกศิษย์รับใช้คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจเท่าไหร่จะไปอวดอาจารย์รั่วอวิ๋นที่กำลังปิดด่านกลั่นโอสถอยู่ก็ไม่กล้ารบกวนคิดไปคิดมาก็เหลือแค่เย่ซิวนี่แหละที่เหมาะจะอวดให้ฟังเพื่อให้การอวดครั้งนี้ได้ผลเต็มที่ จางเสี่ยวอวี๋ถึงขั้นไปอาบน้ำและแต่งตัวใหม่ให้ดูเรียบร้อยและมีภูมิฐานกว่าเดิมแต่เย่ซิวกลับทำหน้าเซ็งเพราะนึกว่ามีเรื่องใหญ่โตอะไรเขาโบกมือไล้อย่างไม่สบอารมณ์ “อืม รู้แล้ว กลับไปได้แล้ว”จางเสี่ยวอวี๋หน้ามุ่ยทันที “นายนี่มันยังไงกัน ฉันเอาข่าวดีมาบอกนายเป็นคนแรกเลยนะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ หรือว่านาย
ดวงตาเย่ซิวเปล่งประกาย “วิชามังกรหนึ่งเดียว!”นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งหากว่าด้วยเรื่องระดับของพลังร่างกายแล้วโดยทั่วไปมักเปรียบเทียบเป็นแรงม้าหรือแรงพยัคฆ์สองตัวอะไรพวกนั้นแต่พอขึ้นมาถึงระดับสูงสุดถึงจะเรียกว่าวิชามังกรหนึ่งเดียวและคนที่สามารถไปถึงระดับนี้ได้ก็ไม่มีใครที่ไม่ใช่ผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านฝึกฝนร่างกายโดยเฉพาะแม้แต่เย่ซิวเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไปถึงจุดนี้ได้เร็วขนาดนี้เขาลุกขึ้นแล้วเริ่มร่ายกระบวนท่าหมัดอย่างต่อเนื่องพลังเลือดภายในกายไหลเวียนอย่างดุดันดั่งสายน้ำเชี่ยวท่าหมัดรุนแรงดุจสายฟ้าฟาด ทรงพลัง หนักแน่นจนเสียงกระดูกดังเปรี๊ยะ ๆ กึกก้องไปทั่วหลังจากฝึกจบกระบวนท่า เย่ซิวก็ควบคุมพลังใหม่ที่ได้รับมาได้อย่างสมบูรณ์เขารู้สึกได้เลยว่าพลังงานในร่างกายพุ่งทะยานถึงขีดสุด สภาพร่างกายตอนนี้ดีที่สุดในชีวิตตอนนี้เย่ซิวแค่ใช้พลังร่างกายล้วน ๆ ก็สามารถบดขยี้ผู้บำเพ็ญตนระดับถอดจิตได้อย่างไม่ลำบากเลยตราบใดที่อีกฝ่ายไม่มีสมบัติล้ำค่าอะไรเป็นพิเศษ ก็ไม่มีทางต้านทานพลังของเย่ซิวได้เลยส่วนเรื่องว่าจะสู้กับคนระดับปฐมญาณได้หรือไม่นั้น
“โครม!”ฝาหม้อระเบิดเปิดออก ทันใดนั้นก็มีเงามังกรพุ่งทะยานขึ้นฟ้าพร้อมเสียงคำรามดังกึกก้องเงามังกรนี้คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อการกลั่นโอสถเสร็จสมบูรณ์เย่ซิวดีใจสุด ๆ ในที่สุดก็สำเร็จแล้วภายในหม้อกลั่นโอสถมีโอสถสีทองแดงปนแดงสดนอนเรียงอยู่อย่างเรียบร้อยถึงร้อยเม็ดแต่ละเม็ดมีลักษณะภายนอกสวยงามไร้ที่ติเขาหยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ดกลับพบว่ามันหนักหลายร้อยกรัมและคุณภาพสูงมากจนน่าเหลือเชื่อหากตั้งใจฟังให้ดีจะได้ยินเสียงคำรามของมังกรอันทรงอำนาจแผ่วเบาดังมาจากภายในโอสถเย่ซิวต้องพยายามข่มใจไม่ให้กลืนลงไปทันทีเพราะข้างนอกยังมีรั่วอวิ๋นที่ยังตะโกนโวยวายอยู่เขาโบกมือเก็บโอสถทั้งหมดไปแล้วก็ลูบขมับเบา ๆ พร้อมกับรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อยนี่เขาไปหาอาจารย์แบบไหนมากัน ถึงได้เอาแต่เสียงดังโวยวายแบบนี้เย่ซิวเดินไปที่ประตูถ้ำแล้วเปิดออกก็เจอหน้ารั่วอวิ๋นที่เต็มไปด้วยความโมโหจ้องเขาอยู่“เจ้าเด็กบ้า เมื่อกี้ทำอะไรอยู่ข้างใน? ฉันเรียกตั้งนานก็ยังไม่เปิดประตูอีก”“เมื่อกี้ออกไปข้างนอกเจอสาวสวยคนหนึ่งน่ะครับ ก็เลยติดธุระอยู่นิดหน่อย ขอโทษนะครับท่านอาจารย์”รั่วอวิ๋นเหมือนโดนบีบคอทันท
ตอนแรกก็วิ่งมาด้วยความเดือดดาล ตั้งใจจะเคลียร์กับเย่ซิวให้รู้เรื่องสุดท้ายกลับจบลงด้วยการเดินจากไปแบบงง ๆ เสียเองเธอไม่ได้ด่าเย่ซิวสักคำ แต่กลับเป็นตัวเธอเองที่ต้องตกตะลึงเต็มกระเป๋ากลับไปแทนเย่ซิวเองก็ได้แต่ยืนงงและรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้พิลึกขึ้นทุกทีเมื่อกลับเข้ามาในถ้ำ เย่ซิวก็เปิดค่ายกลป้องกันให้ทำงานเต็มกำลังแล้วเริ่มเตรียมตัวกลั่นโอสถเขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเริ่มจากกลั่นโอสถทั่วไปหนึ่งชุดเพื่อจับจังหวะและความรู้สึกก่อน พอมั่นใจแล้วถึงเริ่มลงมือปรุงโอสถจิตมังกรโอสถนี้มีค่าอย่างยิ่งและมีวิธีการกลั่นที่ยากมากเย่ซิวมีวัตถุดิบแค่นี้เท่านั้นจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว ต้องใช้สมาธิสูงสุดเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ระหว่างที่เย่ซิวกำลังกลั่นโอสถอยู่นั้น ฝ่ายเจ้าสำนักอวิ้นหลิงก็มาถึงเขตเขาดินแดนโอสถรั่วอวิ๋นเห็นเขาก็อดแปลกใจไม่ได้ “ท่านเจ้าสำนักมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”เจ้าสำนักยิ้มบาง “เมื่อวานอู๋ซวงไปเจอผลโลหิตมังกรในป่าลึกน่ะ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายพวกมันโดนปีศาจร้ายตนหนึ่งขโมยไปเสียก่อน”รั่วอวิ๋นตกใจ “ผลโลหิตมังกร ของแบบนั้นฉันยังไม่เคยเห็นด้
พอกลับมาถึงถ้ำ เย่ซิวก็เดินตรงไปยังห้องกลั่นโอสถที่เตรียมไว้โดยเฉพาะที่นี่มีสายพลังไฟใต้ดินอยู่ซึ่งช่วยประหยัดแรงในการกลั่นโอสถได้มากเลยเขานำสมุนไพรทั้งหมดที่ใช้สำหรับกลั่นโอสถจิตมังกรมาวางเรียงไว้แต่พอกำลังจะเริ่มลงมือ เสียงตะโกนด้วยความโกรธจัดของรั่วอวิ๋นก็ดังขึ้นจากข้างนอกเย่ซิวชะงักไปมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นโกรธขนาดนี้ได้นะ?เขาหยุดทุกอย่างแล้วรีบวิ่งออกไปเปิดประตูถ้ำ“เกิดอะไรขึ้น? มีใครมารังแกเหรอครับ?”รั่วอวิ๋นยืนหน้าเครียดพลางเอ่ยเสียงแข็งใส่เขา “นายทำอะไรกับพวกสิงโตหยกขาวของฉัน?!”“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ก็แค่ใช้วัตถุดิบตามที่อาจารย์ให้มานั่นแหละ ผสมอาหารแล้วก็ให้พวกมันกินตามปกติ”“แค่นั้นน่ะเหรอ” รั่วอวิ๋นเลิกคิ้ว สีหน้าดูไม่เชื่อสุด ๆ“ก็ใช่สิครับ หลังจากให้อาหารเสร็จก็กลับออกมาเลย ทำไมเหรอ พวกมันไม่สบายเหรอครับ?”สีหน้าของเย่ซิวดูไม่เหมือนคนกำลังโกหก รั่วอวิ๋นเลยลดน้ำเสียงลงเล็กน้อยแต่ยังดูหงุดหงิดอยู่ “พวกมันไม่สนใจฉันเลย ปกติแค่ฉันเข้าไป พวกมันก็จะรีบวิ่งมาอ้อนทันที”“เอ่อ…” เย่ซิวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อาจจะเป็นเพราะพวกมันโตแล้วก็ได้ เหมือนเด็ก ๆ
จางเสี่ยวอวี๋ตบหน้าอกตัวเองแรง ๆ อย่างโล่งอก “เมื่อกี้น่ากลัวชะมัด ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ท่านเจ้าสำนักก็ยังมาที่นี่ด้วยตัวเอง แถมเก่งกว่าที่เล่าลือกันอีก”เย่ซิวเงียบและไม่พูดอะไรตอนนี้เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องรีบเพิ่มพลังให้ตัวเองโดยเร็วที่สุดหากต้องเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ระดับระดับปฐมญาณ การจะต่อต้านได้ อย่างน้อยต้องไปให้ถึงระดับถอดจิตก่อนจนกระทั่งใกล้จะถึงสำนักอวิ้นหลิง เย่ซิวถึงค่อยปลดพลังสมบัติเวทมนตร์ที่พรางตัวอยู่แต่แล้วเขาก็ยื่นมือมาคว้าคอของจางเสี่ยวอวี๋ทันทีจิตสังหารเย็นเยียบแผ่ซ่านออกมาจนเธอรู้สึกเหมือนเลือดในร่างจะหยุดไหลจางเสี่ยวอวี๋ตัวแข็งทื่อพลางมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“สาบานด้วยเลือดซะ ไม่งั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป”แม้ดูตามเหตุผลแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะเอาเรื่องวันนี้ไปแพร่งพรายแต่เพื่อความปลอดภัย เย่ซิวก็ยังอยากให้เธอสาบานเลือดไว้ก่อนจางเสี่ยวอวี๋พยักหน้าอย่างยากลำบากเย่ซิวจึงค่อย ๆ ปล่อยมือจากเธอเธอไออยู่พักใหญ่ พอหายใจกลับมาได้ก็เริ่มมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลังจากสูดหายใจลึกหลายครั้ง เธอก็ยกสามนิ้วขึ้นต่อหน้