Share

บทที่ 11

Author: เฉิงกวงโฮ่วถู่
เย่ซิวสกัดหมัดได้อย่างง่ายดายพลางพูดอย่างใจเย็น “ฉันแค่มาที่นี่เพื่อตามหาคน ไม่ได้อยากจะรังแกนาย”

นักศึกษาหลายคนในบริเวณใกล้เคียงดูประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเย่ซิวสกัดหมัดของชายหนุ่มร่างกำยำได้อย่างง่ายดายเพียงใด

“เพื่อนนักศึกษาคนนี้แข็งแกร่งมาก เขาสกัดกั้นการโจมตีของจางเทาได้อย่างง่ายดาย”

“ช่างบังเอิญจริง ๆ จางเทาเป็นนักเทควันโดสายดำระดับแปด เขามีพละกำลังมาก ฉันเคยเห็นเขาเอาชนะผู้ใหญ่ห้าหกคนด้วยตัวเขาเองเลยนะ”

“ฉันก็ว่าอย่างนั้น”

จางเทาทั้งตกใจทั้งโกรธ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถหลุดออกจากฝ่ามือของเย่ซิวได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว ยังไม่ปล่อยฉันอีก หาเรื่องตายเรอะ?!”

เย่ซิวปล่อยมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เพื่อนนักศึกษา ฉันแค่อยากจะเข้าไปตามหาคน นายช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหม?”

เขาไม่เคยไปเรียนที่นี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเห็นใจเพื่อนนักศึกษาเป็นพิเศษ ก็ไม่อยากทำร้ายพวกเขาเว้นเสียแต่จะจำเป็นจริง ๆ

แต่ในสายตาของจางเทา ท่าทางของเย่ซิวถือว่าเป็นการทำให้เขาอับอาย

เขาคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย “พวกแกมัวยืนทำอะไร? มาช่วยกันจัดการมันสิ!”

จางเทาถูกรายล้อมไปด้วยลูกสมุนมากมาย

เมื่อได้ยินคำสั่งของเขา พวกนั้นก็รีบเข้ามารุมเตะต่อยเย่ซิวทันที

มีประกายเย็นวาบในดวงตาของเย่ซิว

เขาไว้หน้าอีกฝ่ายมากเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่เนื่องจากอีกฝ่ายยังคงไม่รู้สำนึก เขาก็จะไม่สุภาพอีกต่อไป

ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในฐานะจอมยุทธ์ระดับเก้า การจัดการกับคนธรรมดาเหล่านี้จึงเป็นเรื่องง่ายไม่ต่างจากการกำจัดมดแมลง

คนรอบตัวไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้ชัดเจน และทุกคนที่พุ่งเข้ามาหาเขาต่างก็กรีดร้องและกลิ้งไปบนพื้น

จางเทาและนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นตกตะลึง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เย่ซิวดูเหมือนกำลังทำเรื่องที่ไม่ได้สำคัญอะไร เพียงปัด ๆ มือเดินผ่านจางเทาและตบไหล่เขา

ทันใดนั้น จางเทาก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมล้มลงกับพื้นและเกลือกกลิ้งอย่างบ้าคลั่ง

ร่างกายของเขารู้สึกเหมือนถูกมดนับแสนรุมกัด ให้ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก

จางเทาอดทนต่อความเจ็บปวดในร่างกายของเขาพลางตะโกนใส่เย่ซิว “ถ้าแกไม่อยากตายก็หยุดซะ ฉันมีหน้าที่ดูแลที่นี่ตามคำสั่งของอาจารย์หวัง ถ้าเขาต้องการจะฆ่าแก ก็ทำให้ได้ง่าย ๆ เหมือนขยี้มดตัวหนึ่ง!”

เย่ซิวยิ้ม เขาเป็นคนเดียวที่บดขยี้ศัตรูมาโดยตลอด ไม่เคยถูกพวกมันบดขยี้ได้เลย

ฉากนี้ทำให้นักศึกษาที่อยู่รอบตัวพวกเขาเบิกตากว้างและมองไปที่แผ่นหลังของเย่ซิว

“ว้าว เพื่อนนักศึกษาคนนี้เท่มาก!”

“เขาเป็นปรมาจารย์ด้านวรยุทธ์หรือเปล่า?”

“เร็วเข้า เร็วเข้า รีบเข้าไป ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เต้นอยู่ข้างในนั้น!”

……

คำพูดปลุกผู้ตกในห้วงฝัน จุดประสงค์ของนักศึกษาชายเหล่านี้ที่มาที่นี่คือการชมการเต้นรำของลู่เสวี่ยเอ๋อร์

เย่ซิวเดินเข้าไปในห้องซ้อมเต้น และดวงตาของเขาทอแสงเป็นประกาย

ในนั้นล้วนมีแต่เพื่อนนักศึกษาสาวสวยหุ่นดี

บ้างก็สวมกางเกงรัดรูป บ้างก็สวมกระโปรงสั้น กำลังเต้นรำราวกับผีเสื้อ

ความอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเธอ

สิ่งที่สะดุดตาที่สุดในที่แห่งนี้คือหญิงสาวที่อยู่ตรงกลาง

เธอเป็นเด็กสาวที่สวมกางเกงยีนส์และเสื้อเชิ้ตสีขาว

เธอมีใบหน้างดงามที่สามารถนำความหายนะมาสู่ประเทศและประชาชนได้

อีกทั้งยังเธอยังสูงมาก มีความสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบร้อยแปดสิบเห็นจะได้

เธอมีผมสีดำตรงยาวถึงเอว ผูกด้วยริบบิ้นสีสันสดใสเพียงเท่านั้น

ผิวของเธอขาวเปล่งปลั่ง

ดวงตาสองข้างงดงามราวกับอัญมณีสีดำสองชิ้นที่เปล่งประกายเจิดจ้า

รอยยิ้มหวานราวกับน้ำผึ้งทำให้ใจคนเต้นรัวและตกหลุมรักได้ตั้งแต่แรกเห็น

เพื่อนนักศึกษาหญิงคนอื่น ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอก็กลายเป็นเพียงสิ่งที่ขับทำให้เธอโดดเด่นขึ้นเท่านั้น

ตรงอีกมุมหนึ่งของห้อง เพื่อนนักศึกษาชายที่มีใบหน้าสง่างามและดูสูงส่งกำลังมองหญิงสาวที่อยู่ตรงกลางด้วยความหลงใหล

ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างและหันไปมองซิวเย่ ดวงตาของเขามึนตึงขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? ไอ้คนไร้ประโยชน์จางเทานั่นปล่อยให้คนเข้ามาได้งั้นเหรอ?!”

ชื่อของเขาคือหวังเฟย มาจากตระกูลร่ำรวยและมีภูมิหลังครอบครัวที่แข็งแกร่ง

นอกจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเขาแล้ว เขายังถูกรายล้อมไปด้วยผู้หญิงมากหน้าหลายตาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

แต่หลังจากพบกับลู่เสวี่ยเอ๋อร์ เขาก็รู้สึกหลงสเน่ห์เธอทันที และสาบานกับตัวเองว่าจะต้องแต่งงานกับเธอให้ได้

เพื่อที่จะจีบลู่เสวี่ยเอ๋อร์ เขาใช้วิธีการมากมาย

แต่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังคงไม่หวั่นไหว

หากตัวตนของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้พิเศษเหมือนเขา เขาคงใช้วิธีที่ก้าวร้าวกว่านี้ไปนานแล้ว

เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จ เขาสั่งให้จางเทาลูกสมุนของเขาคอยเป็นผู้นำกลุ่มอันธพาล ไม่ว่าลู่เสวี่ยเอ๋อร์ไปที่ไหน เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไล่คนรอบตัวเธอออกไป

แต่ในขณะนี้ จู่ ๆ เย่ซิวก็บุกเข้ามา ซึ่งเท่ากับเป็นการทำให้เขาขุ่นเคืองที่ถูกเหยียบถิ่นของเขา

แต่ทว่าเขาก็มีความฉลาดเฉลียวเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ดวงตาของเขาเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินไปหาเย่ซิว

“เพื่อนนักศึกษา ที่นี่คือห้องซ้อมเต้น นายมาผิดที่หรือเปล่า?”

เย่ซิวมองเพื่อนนักศึกษาชายที่ดูสง่างามคนนี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาพลางยิ้มอย่างใจดี “ไม่หรอก ฉันมาตามหาคนที่นี่ นายรู้ไหมว่าใครคือลู่เสวี่ยเอ๋อร์?”

“นายมีธุระกับเธอเหรอ?”

“ก็ประมาณนั้น” เย่ซิวมีสีหน้าคลุมเครือเล็กน้อย

เรื่องไข่มุกราชาแห่งยานั้นสำคัญอย่างยิ่งและเขาจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้

“ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ไม่อยู่ที่นี่ นายมาหาผิดที่แล้ว เธอเพิ่งจะออกไปเมื่อกี้นี้เอง”

“อย่างงั้นเหรอ?” เย่ซิวผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก เขารู้สึกว่านี่เป็นเพียงครั้งแรกที่เขาได้พบกับเพื่อนนักศึกษาชายคนนี้ จึงไม่มีความแค้นระหว่างกันและเขาก็ไม่จำเป็นต้องโกหกด้วย “โอเค ขอบใจนายมาก งั้นฉันไปก่อนล่ะ”

เขาหันหลังกำลังจะจากไป

แต่ขณะนี้กลุ่มสาว ๆ ก็เต้นเสร็จแล้วเช่นกัน

เด็กสาวคนหนึ่งถือขวดน้ำแร่ไว้ในมือและวิ่งไปหาหญิงสาวที่ดึงดูดความสนใจได้มากที่สุด “เสวี่ยเอ๋อร์ เต้นเหนื่อยไหม? มาดื่มน้ำกันเถอะ”

ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเธอ และแสดงรอยยิ้มแสนหวานที่ฆ่าคนได้ออกมา “ขอบใจนะ!”

เย่ซิวหยุดชะงัก จากนั้นก็หันกลับมามองเพื่อนนักศึกษาชายคนเดิม “เพื่อนนักศึกษาคนนี้นี่ใจร้ายไปหน่อยรึเปล่า? มาหลอกกันเสียได้”

หวังเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายคงหูฝาดแล้ว ออกไปจากที่นี่เถอะ”

เย่ซิวเพิกเฉย สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์

ประกายเย็นวาบฉายผ่านดวงตาของหวังเฟย

เขาถือว่าลู่เสวี่ยเอ๋อร์เป็นสมบัติส่วนตัวของเขาแล้ว และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้โลภอยากได้เธอหรือแม้แต่จะมองมาที่เธอด้วยซ้ำ

ในขณะนี้ พฤติกรรมของเย่ซิวทิ่มแทงเข้าลึกถึงจิตใจของเขาแล้ว

เขายื่นคำขาดให้กับเย่ซิว “ออกไปจากที่นี่ซะ! ไม่อย่างนั้นนายจะต้องรับผลที่ตามมา!”

เย่ซิวขมวดคิ้ว “ทำไมล่ะ? ครอบครัวนายเป็นคนก่อตั้งมหาวิทยาลัยนี้เหรอ?!”

“ถึงครอบครัวฉันจะไม่ได้เป็นคนก่อตั้งมหาวิทยาลัยนี้ แต่ฉันชื่อหวังเฟย และฉันมาจากตระกูลหวัง นายน่ารู้ว่านี่หมายความว่ายังไง?!”

หากคนในพื้นที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขาคงจะตกตะลึงอย่างแน่นอน

ตระกูลหวังเปรียบเสมือนจักรพรรดิบนดินที่กินรวบทั้งกิจการขาวดำและมีอำนาจมหาศาล

เพียงแต่ว่าเย่ซิวเพิ่งมาถึงและไม่รู้รายละเอียดของตระกูลหวังเลย

แต่ถึงแม้เขาจะรู้ เขาก็ไม่สนใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 12

    เย่ซิวเดินไปหาลู่เสวี่ยเอ๋อร์โดยไม่สนใจคำเตือนของหวังเฟย การกระทำนี้ทำให้ความเย็นชาในดวงตาของหวังเฟยยิ่งทวีขึ้นไปอีกแต่เขาก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาเสียเดี๋ยวนั้นเขามักจะแสดงรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและสง่างามต่อโลกภายนอกซึ่งเป็นวิธีการที่สำคัญมากสำหรับเขาในการจีบสาวโดยผิวเผินแล้ว เขาคงไม่สามารถทำอะไรกับเย่ซิวได้ แต่เขาแอบคิดไว้แล้วว่าจะจัดการกับเย่ซิวอย่างไรเพื่อนนักศึกษาชายคนอื่น ๆ ก็รีบเข้ามาด้วยเช่นกัน ทำให้หวังเฟยรู้สึกรำคาญมากยิ่งขึ้นมีคนมากมายหลั่งไหลเข้ามา จนไม่มีทางหยุดพวกเขาได้แล้วในเวลานี้ เย่ซิวเดินไปลู่เสวี่ยเอ๋อร์รูปร่างของเธอช่างสูงจริง ๆ โดยเฉพาะเรียวขางามของเธอที่เรียวและตรง เรียกได้ว่าตั้งแต่คอลงมา ขาของเธอถึงเป็นจุดนำสายตาที่สุดเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไร ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ก็จะเป็นจุดสนใจของฝูงชนได้อย่างแท้จริง“สวัดดี คุณคือลู่เสวี่ยเอ๋อร์ใช่รึเปล่า?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนสนิทของเธอหันกลับมาเห็นเย่ซิวที่มีหน้าตาสดใส ประกอบกับดวงตาที่ใสสะอาดยืนอยู่ตรงหน้าเธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างสุภาพ “ใช่ ฉันเอง นายมีธุระอะไรเหรอ?”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 13

    หวังเฟยกดโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองข้างตอบกลับข้อความของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว: ไม่มีปัญหา ฉันจะโอนเงินให้เธอเดี๋ยวนี้เลยณ หอพักที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์พักอยู่ หลี่เยี่ยนอ่านข้อความที่หวังเฟยส่งมาทางโทรศัพท์มุมปากของเธอมีรอยยิ้มแปลก ๆ เธอส่งเลขบัญชีธนาคารของเธอไป ใช้เวลาไม่นานก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินสองล้านโอนมาให้ทันทีที่ลบข้อความที่แจ้งว่าบัญชีของเธอได้รับโอนเงินเข้ามา เธอที่นั่งอยู่บนเตียงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เสวี่ยเอ๋อร์ คืนนี้เราไปกินหม้อไฟหม่าล่ากันเถอะ ตกลงไหม?”“คืนนี้เหรอ? แต่ฉันอยากอ่านหนังสืออยู่ที่หอมากกว่า”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีนิสัยรักสงบ ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนนักศึกษาคนอื่นมีความรักกันแต่เธอเป็นคนเดียวที่เอาแต่สนใจเรื่องเรียน“โอ๊ย หนังสืออ่านตอนไหนก็ได้ อีกอย่าง เธอจะอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ได้สิ ไม่งั้นก็พลอยจะทำให้คนอื่นเขาดูโง่หมด ตอนกลางคืนไม่ต้องอ่านหรอก กินเสร็จก็ค่อยรีบกลับมา จะได้ไม่เสียเวลามาก” “แต่ว่า…” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลังเล แต่หลี่เยี่ยนกลับไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ“คุณน้องคะ เห็นแก่ที่ฉันช่วยเธอกันพวกผู้ชายมาให้ตั้งนาน แล้ววัน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 14

    ฟุ่บ! ฟุ่บ!จางเทาและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงตรงนั้นและรีบคำนับอย่างรวดเร็วแม้แต่คนที่ดุร้ายอย่างหมาป่าตาเดียวยังถูกเย่ซิวเล่นเสียน่วมแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย“พี่ใหญ่ พวกเราผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”“อย่าฆ่าผมเลย ผมยังมีพ่อแม่มีพี่น้องต้องดูแล คิดเสียว่าฉันเป็นลูหมาตัวหนึ่ง แล้วปล่อยผมไปเถอะ”“พี่ใหญ่ ถ้าพี่ไว้ชีวิตผม ผมจะแนะนำน้องสาวให้รู้จัก ผมยกแฟนตัวเองให้พี่เลยก็ยังได้”……ดวงตาของเย่ซิวเย็นชา คนเหล่านี้ไม่สมควรตาย แต่ก็ไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบยาหนึ่งเม็ดออกมาจากกระเป๋าแล้วบดมันจากนั้นเขาก็เปิดปากคนเหล่านี้อย่างไร้ความปราณี พลางยัดยาเข้าไป และบังคับให้พวกเขากลืนจางเทาและคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัว“ไม่ต้องกังวล ยาตัวนี้ไม่มีผลข้างเคียงมากนัก พวกนายแค่ต้องกินยาแก้พิษปีละครั้ง ไม่อย่างนั้นเลือดจะออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย”“ถ้าพวกแกหยุดทำความชั่วภายในหนึ่งปี ฉันจะให้ยาถอนพิษ”“แน่นอนว่าพวกแกจะไปตรวจที่โรงพยาบาลก็ได้ แต่พวกเขาก็จะบอกพวกแกอย่างแน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดปกติ”จางเทาและคนอื่น ๆ ต่างก็ดูซีดเซียวหลังจากที่เห็นว่าเย่ซิวน่ากลัวเพียงใด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 15

    ในที่สุด ตามคำร้องขออย่างจริงใจของเถ้าแก่ เย่ซิวก็ยอมรับซองสีแดงมูลค่าสองพันหยวนมาไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้กินอาหารฟรี แถมยังได้เงินสองพันหยวนเย่ซิวยืนขึ้น เขากินจนเกือบจะอิ่มแล้ว และก็พร้อมที่จะไปทักทายลู่เสวี่ยเอ๋อร์แล้วแต่ทันทีที่เขาลุกขึ้น เขาเห็นหวังเฟยผลักประตูเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเพื่อนอยู่ในห้องส่วนตัว หลี่เยี่ยนคีบอาหารให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อย่างกระตือรือร้น ในตอนที่เธอไม่ได้สนใจ เธอจึงโยนยาเม็ดเล็ก ๆ ลงในชาม และยาก็ละลายทันที“เสวี่ยเอ๋อร์ ลองนี่ดูสิ อร่อยนะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กินเข้าไปพลางสงสัยเล็กน้อย “ทำไมฉันรู้สึกว่าวันนี้เธอแปลก ๆ?”“ไม่หรอก เธอคิดมากไปแล้ว รีบกินเร็วเข้า อร่อยนะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์สับสนและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นสิ่งใดเธอหยิบชามและตะเกียบขึ้นมาแล้วอยากจะกินเนื้ออีกชิ้นแต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอ่อนแรงจนตะเกียบตกจากนิ้วปึง! ปึง!ในขณะเดียวกันนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลี่เยี่ยนลุกขึ้นไปเปิดประตู และพาหวังเฟยเข้ามาลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีในใจ แต่เธอก็ยังคงสามารถรักษาสติของเธอเอา

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 16

    โคมไฟประดับส่องแสงสว่างกลางเมืองในยามค่ำคืนเย่ซิวและลู่เสวี่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ริมถนนเส้นใหญ่ บุรุษรูปงามและสตรีผู้มีลักษณะโดดเด่น สำหรับคนภายนอกที่มองมา พวกเขาดูเหมือนคู่กิ่งทองใบหยกลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลูบผมบนหน้าผากของเธอให้เรียบ มองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เปียกชื้น และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมาก “เพื่อนนักศึกษา ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย”“ผมชื่อเย่ซิว”แสงในดวงตาของลู่เสวี่ยเอ๋อร์สว่างวาบขึ้นอีกเล็กน้อย “ขอบใจสำหรับเรื่องวันนี้มากนะเพื่อนนักศึกษาเย่ ถ้าไม่มีนาย ทั้งชีวิตของฉันคงพังไปแล้ว”“ไม่เป็นไรหรอก จริง ๆ แล้วผมเองก็มีจุดประสงค์ที่ช่วยคุณ” เย่ซิวบอกความจริง“หา?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อุทาน ความคิดของเธอแตกกระจายออกไปนึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เย่ซิวชวนเธอไปกินข้าว หรือว่าเพราะเขาชอบเธอ เลยทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามแล้วจากนั้นก็จะขอเธอเป็นแฟน?ลู่เสวี่ยเอ๋อร์แอบมองเย่ซิว แล้วจึงรีบเบือนหน้าหนีใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อยหัวใจของเธอสับสน ‘ทำยังไงดี? เขาเพิ่งช่วยฉันไว้ ดูเหมือนจะค่อยไม่ดีนักถ้าฉันไม่ตกลงเป็นแฟนของเขา อีกทั้งเพื่อนนักศึกษาเย่ก็ดูหล่อและนิสัยดีมาก…’ขณะที่เธอกำลังสับ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 17

    ตอนนี้ความสำคัญของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ในใจเย่ซิวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วดังนั้นเขาจึงไปส่งลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับบ้านด้วยตัวเองหลังจากถูกหลี่เยี่ยนหักหลัง เธอก็ไม่สามารถอยู่ในหอพักเดิมได้อีกต่อไป และทำได้เพียงไปเช่าห้องข้างนอกแทน“พรุ่งนี้เดี๋ยวผมจะไปหาห้องเช่าเป็นเพื่อนคุณนะ” เย่ซิวพูดบนรถแท็กซี่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ยิ้มหวาน “ไม่ต้องหรอก ฉันมีอพาร์ตเมนต์หลายที่ใกล้มหาลัย”เย่ซิวอึ้งไปเขาคงร้อนใจไปเองเมื่อรถแล่นไปได้ครึ่งทาง เย่ซิวก็ลดกระจกมองไปทางขวา เห็นว่ามีรถสีขาวคันหนึ่งขับมาขนาบข้างคนขับเป็นผู้หญิงผมสั้นที่แลดูมีความสามารถจากสายตาของเย่ซิว เขาสามารถบอกได้เลยว่านี่คือผู้หญิงที่แข็งแกร่งมาก“คุณรู้จักเธอหรือเปล่า?” เย่ซิวชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้นพลางถามลู่เสวี่ยเอ๋อร์ผู้หญิงคนนั้นติดตามพวกเขามาตลอดทาง แต่ไม่ได้แสดงรัศมีที่เป็นอันตรายต่อพวกเขาเลยลู่เสวี่ยเอ๋อร์เอียงตัวมองออกไปนอกหน้าต่างรถ จู่ ๆ ดวงตาของเธอก็เป็นประกาย “พี่หมิ่นหมิ่นน่ะ เธอมาที่นี่เพื่อปกป้องฉันโดยเฉพาะ เมื่อสองวันก่อนเธอต้องไปทำธุระ ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันก็คงจะไม่…”เย่ซิวพยักหน้า ขอแค่ไม่ใช่ศัตรูก็ไม่เป็นไร

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 18

    แม้จะเผชิญกับการถูกเยาะเย้ยจากคนเหล่านี้ เย่ซิวก็ไม่โกรธและยังคงมีท่าทีสงบ“ผมไม่อยากทำร้ายพวกคุณจริง ๆ กรุณาถอยออกไปเถอะ”สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างแท้จริงจะไม่โจมตีผู้อ่อนแอเย่ซิวเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตของพวกเขา แต่ในสายตาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้ พวกเขากลับคิดว่าเย่ซิวขี้ขลาดดังนั้นพวกเขาจึงทำตัวไร้ศีลธรรมมากยิ่งขึ้น“เจ้าหนู ถึงตอนนี้ยังจะเสแสร้งอยู่อีกเหรอ?!”“ฉันล่ะอยากจะผ่าหัวของแกออกมาดูจริง ๆ มีอะไรอยู่ข้างในกันนะ ทำไมถึงทำให้แกหยิ่งยโสได้ขนาดนี้!”“จะไปเสียเวลาพูดคุยไร้สาระอะไรกับมันนักหนา? นายใหญ่จ้าวบอกว่าถ้ามือและเท้าของมันหัก ทุกคนจะได้รางวัลคนละหนึ่งหมื่นหยวนเชียวนะ!”“ช่วยกันฆ่ามันซะ!”……ด้วยแรงขับจากเงิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้จึงโบกแท่งเหล็กแข็งในมืออย่างแรงทันทีหมายจะฟาดศีรษะของเย่ซิว เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ในห้องของตระกูลจ้าว จ้าวเฟิงและคนอื่น ๆ ก็หัวเราะออกมา“ดู ๆ แล้วมันคงจะเป็นพวกท่าดีทีเหลว!”“ทำมาเป็นพูดว่าไม่อยากทำร้ายใคร ก็แค่ข้ออ้างเพราะจะหนีเท่านั้นแหละ”“ใครก็ได้เอาขวดไวน์ที่ฉันเก็บไว้ออกมาให้ที คืนนี้อยากจะฉลอง

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 19

    “เด็กนั่นยังอายุไม่ถึงยี่สิบเลยนะ!”“เขาไม่ใช่จอมยุทธระดับสามในขั้นต้นหรือขั้นกลาง แต่นี่มันขั้นสูงเลยด้วยซ้ำ!”ทุกคนในห้องโถงทั้งหมดลุกขึ้นจากที่นั่งและมองดูฉากนี้ด้วยความเหลือเชื่อความตกใจที่เย่ซิวสร้างขึ้นแก่พวกเขานั้นรุนแรงเกินไปจริง ๆขณะที่พวกเขากำลังตกตะลึง เย่ซิวก็เดินเข้ามาดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองเขาอย่างไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามเหมือนตอนแรกอีกต่อไป แต่มองด้วยความเคร่งขรึมอย่างลึกซึ้งแทนไม่ว่าเขาจะอายุเท่าใด แต่ความแข็งแกร่งที่เย่ซิวแสดงออกมาตอนนี้ทำให้พวกเขาทุกคนตกใจจินหลงมองไปที่เย่ซิวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อาจารย์ของแกเป็นใครกัน?!”คนที่จะสั่งสอนเย่ซิวเจ้าเด็กสัตว์ประหลาดนี่ได้ ต้องไม่ใช่ตาสีตาสาคนธรรมดาทั่วไปในเวลานี้ จินหลงและจินหู่ต่างก็เสียใจที่มาที่นี่หากมีผู้ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังเย่ซิว พวกเขาจะต้องประสบปัญหาใหญ่แน่นอนเมื่อได้ฟังคำถามของจินหลง เย่ชิวก็พูดอย่างเนิบ ๆ “คุณไม่คู่ควรที่จะได้รู้”อาจารย์ของเขาเตือนเขาไว้นานแล้ว ว่าอย่าเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองไม่ว่าในกรณีใดใดเย่ซิวยึดมั่นในเรื่องนี้มาโดยตลอด และไม่ได้พูดออกไปจินหลงโกรธมาก “ไอ้เด็กนี่! ไม่ไว

Latest chapter

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1150

    เธอมีพรสวรรค์โดดเด่น แถมยังได้รับความรักความเอ็นดูจากเจ้าสำนักเป็นพิเศษและเธอยังเป็นคู่หมั้นของหนานกงอู๋ซวงอีกด้วยหนานกงอู๋ซวงละสายตากลับมาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ก็แค่ตัวตลกไร้สาระ ไม่ต้องไปสนใจหรอก”“นั่นสิ เขาเทียบกับพี่อู๋ซวงไม่ได้เลยสักนิด”เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ถ้านายมีความสามารถถึงขนาดนั้น ของรางวัลทั้งหมดก็ยกให้นายได้ ไม่มีปัญหา”เขาเองก็ไม่คิดว่าเย่ซิวจะทำได้จริงเย่ซิวพยักหน้ารับ “ครับ ขอบคุณท่านเจ้าสำนักมาก”ในเมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้ว งั้นก็แสดงฝีมือออกมาเล็กน้อยเพื่อกวาดรางวัลทั้งหมดไปก็แล้วกันจางเสี่ยวอวี๋รีบขยับเข้ามาใกล้ เธอดึงชายเสื้อเย่ซิวแล้วกระซิบ “นายบ้าไปแล้วเหรอ คิดยังไงถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมาถ้าแพ้ขึ้นมา จะไม่ใช่แค่นายที่ขายหน้า แต่ท่านอาจารย์ก็จะเสียหน้าด้วยนะ”เย่ซิวหันมามองเธอก่อนจะตอบสั้น ๆ “พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก”จางเสี่ยวอวี๋ถึงกับกลอกตาแรง ๆ พลางรู้สึกว่านายคนนี้คงหมดทางเยียวยาแล้วจริง ๆหลังจากเรื่องหยุมหยิมนั้นผ่านไป การประลองก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีผู้อาวุโสคนหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นกรรมการ และเริ่มจับ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1149

    “รางวัลอันดับสิบ เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง กระบี่อัคคีเมฆารางวัลอันดับเก้า เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง โล่แสงศักดิ์สิทธิ์…อันดับสาม หญ้าลิ้นมังกรที่มีอายุสามร้อยปีอันดับสอง โอสถพยัคฆ์มังกรอันดับหนึ่ง สมบัติเวทมนตร์ระดับต่ำ กระบี่ไตรสุริยัน”เมื่อเจ้าสำนักประกาศรางวัลทั้งหมดออกมาจบแล้วไม่ใช่แค่เหล่าศิษย์ใหม่ที่ตาเป็นประกาย แม้แต่ศิษย์เก่าที่มีประสบการณ์ก็ยังมีท่าทีอิจฉาเสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นรอบ ๆ“ปีนี้รางวัลชักจะโหดเกินไปแล้ว”“เยอะกว่าปีก่อนหลายเท่าเลย”“โดยเฉพาะรางวัลอันดับหนึ่ง นั่นกระบี่ไตรสุริยันเชียวนะ อาวุธคู่กายเก่าของท่านเจ้าสำนักเลยนี่!”……รั่วอวิ๋นขยับสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเย่ซิว “อันดับสองมีโอสถพยัคฆ์มังกร นั่นเป็นของดีมากนะถ้าได้กินจะทำให้มีโอกาสเข้าใจเคล็ดวิชา ‘พยัคฆ์คำรามมังกรรำพัน’ ได้ ลองพยายามดูนะ เผื่อจะได้อันดับที่สองมา”เย่ซิวยิ้มบาง “ท่านอาจารย์ดูแคลนผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ แล้วถ้าผมได้ที่หนึ่งขึ้นมาล่ะ”รั่วอวิ๋นแค่นเสียงหึ “อย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย บอกตามตรงนะ ศิษย์ใหม่รอบนี้มีคนที่ฝีมือโหดมากอยู่คนหนึ่งทุกคนในสำนักต่างก็มั่น

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1148

    บรรยากาศรอบตัวพลันเงียบกริบลงทันที!“กรี๊ดดด!!”จางเสี่ยวอวี๋กรีดร้องเสียงแหลมสุดชีวิต ก่อนจะรีบใช้มือปิดร่างตัวเองอย่างลนลาน“ไอ้บ้า ยังจะมองอยู่อีก หันหลังไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”เย่ซิวตบไหล่เธอเบา ๆ “พวกเราก็เหมือนพี่น้องกัน จะเครียดอะไรขนาดนั้น”“ใครเป็นพี่น้องกับนาย ฉันจะฆ่านายซะ!”จางเสี่ยวอวี๋แทบจะคลั่ง ใครจะไปคิดว่าโลกนี้จะมีผู้ชายที่หน้าด้านได้ขนาดนี้อีกทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอยังเคยแอบรู้สึกดี ๆ กับเขาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองตาถั่วไปแล้วชัด ๆเย่ซิวหัวเราะเบา ๆ โดยไม่พูดอะไรเพิ่ม ก่อนจะหันหลังให้อย่างว่าง่ายเสียงขยับตัวขลุกขลักดังมาจากข้างหลังไม่นาน จางเสี่ยวอวี๋ก็ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วรีบวิ่งออกจากถ้ำไปทันทีเธอกลัวว่าเย่ซิวจะฉวยโอกาสทำอะไรไม่ดีใส่เธอแต่เธอคิดมากไปเองเย่ซิวผ่านอะไรมามากเกินพอแล้ว สาวสวยระดับไหนก็เห็นมานับไม่ถ้วนตอนนี้ความรู้สึกต้านทานต่อผู้หญิงสวย ๆ ของเขาสูงมากจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้วหลายวันต่อมา ชีวิตของเย่ซิวก็ดำเนินไปอย่างสงบเรียบง่ายทุกเช้าเขาจะไปให้อาหารสิงโตหยกขาวทั้งแปดเขาเตรียมอาหารให้ครบสามมื้อ แล้วก็โยนโอสถที่ตัวเองกลั่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1147

    ในห้องรับแขก เย่ซิวนั่งมองจางเสี่ยวอวี๋ที่เปลี่ยนมาสวมชุดใหม่ชุดใหม่นี่ทำให้เธอดูเปลี่ยนไปพอสมควร รูปร่างดูเพรียวขึ้น แถมยังดูมีความเรียบร้อยขึ้นด้วย“มีของดีอะไรจะเอามาให้ดูเหรอ?”จางเสี่ยวอวี๋หยิบขวดยาเล็ก ๆ ออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะเปิดฝาแล้วหยิบเม็ดยาสีดำ ๆ เม็ดหนึ่งขึ้นมาโชว์ด้วยความดีใจสุด ๆ“เห็นไหม? นี่คือโอสถฟื้นพลัง ฉันทำสำเร็จแล้วนะ เท่ากับว่าฉันกลายเป็นนักปรุงยาฝึกหัดอย่างเป็นทางการแล้ว”เธอพยายามมาหลายปี ในที่สุดก็ทำสำเร็จสักทีความดีใจในใจมันล้นจนเก็บไม่อยู่จะไปอวดพวกศิษย์รับใช้คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจเท่าไหร่จะไปอวดอาจารย์รั่วอวิ๋นที่กำลังปิดด่านกลั่นโอสถอยู่ก็ไม่กล้ารบกวนคิดไปคิดมาก็เหลือแค่เย่ซิวนี่แหละที่เหมาะจะอวดให้ฟังเพื่อให้การอวดครั้งนี้ได้ผลเต็มที่ จางเสี่ยวอวี๋ถึงขั้นไปอาบน้ำและแต่งตัวใหม่ให้ดูเรียบร้อยและมีภูมิฐานกว่าเดิมแต่เย่ซิวกลับทำหน้าเซ็งเพราะนึกว่ามีเรื่องใหญ่โตอะไรเขาโบกมือไล้อย่างไม่สบอารมณ์ “อืม รู้แล้ว กลับไปได้แล้ว”จางเสี่ยวอวี๋หน้ามุ่ยทันที “นายนี่มันยังไงกัน ฉันเอาข่าวดีมาบอกนายเป็นคนแรกเลยนะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ หรือว่านาย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1146

    ดวงตาเย่ซิวเปล่งประกาย “วิชามังกรหนึ่งเดียว!”นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งหากว่าด้วยเรื่องระดับของพลังร่างกายแล้วโดยทั่วไปมักเปรียบเทียบเป็นแรงม้าหรือแรงพยัคฆ์สองตัวอะไรพวกนั้นแต่พอขึ้นมาถึงระดับสูงสุดถึงจะเรียกว่าวิชามังกรหนึ่งเดียวและคนที่สามารถไปถึงระดับนี้ได้ก็ไม่มีใครที่ไม่ใช่ผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านฝึกฝนร่างกายโดยเฉพาะแม้แต่เย่ซิวเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไปถึงจุดนี้ได้เร็วขนาดนี้เขาลุกขึ้นแล้วเริ่มร่ายกระบวนท่าหมัดอย่างต่อเนื่องพลังเลือดภายในกายไหลเวียนอย่างดุดันดั่งสายน้ำเชี่ยวท่าหมัดรุนแรงดุจสายฟ้าฟาด ทรงพลัง หนักแน่นจนเสียงกระดูกดังเปรี๊ยะ ๆ กึกก้องไปทั่วหลังจากฝึกจบกระบวนท่า เย่ซิวก็ควบคุมพลังใหม่ที่ได้รับมาได้อย่างสมบูรณ์เขารู้สึกได้เลยว่าพลังงานในร่างกายพุ่งทะยานถึงขีดสุด สภาพร่างกายตอนนี้ดีที่สุดในชีวิตตอนนี้เย่ซิวแค่ใช้พลังร่างกายล้วน ๆ ก็สามารถบดขยี้ผู้บำเพ็ญตนระดับถอดจิตได้อย่างไม่ลำบากเลยตราบใดที่อีกฝ่ายไม่มีสมบัติล้ำค่าอะไรเป็นพิเศษ ก็ไม่มีทางต้านทานพลังของเย่ซิวได้เลยส่วนเรื่องว่าจะสู้กับคนระดับปฐมญาณได้หรือไม่นั้น

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1145

    “โครม!”ฝาหม้อระเบิดเปิดออก ทันใดนั้นก็มีเงามังกรพุ่งทะยานขึ้นฟ้าพร้อมเสียงคำรามดังกึกก้องเงามังกรนี้คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อการกลั่นโอสถเสร็จสมบูรณ์เย่ซิวดีใจสุด ๆ ในที่สุดก็สำเร็จแล้วภายในหม้อกลั่นโอสถมีโอสถสีทองแดงปนแดงสดนอนเรียงอยู่อย่างเรียบร้อยถึงร้อยเม็ดแต่ละเม็ดมีลักษณะภายนอกสวยงามไร้ที่ติเขาหยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ดกลับพบว่ามันหนักหลายร้อยกรัมและคุณภาพสูงมากจนน่าเหลือเชื่อหากตั้งใจฟังให้ดีจะได้ยินเสียงคำรามของมังกรอันทรงอำนาจแผ่วเบาดังมาจากภายในโอสถเย่ซิวต้องพยายามข่มใจไม่ให้กลืนลงไปทันทีเพราะข้างนอกยังมีรั่วอวิ๋นที่ยังตะโกนโวยวายอยู่เขาโบกมือเก็บโอสถทั้งหมดไปแล้วก็ลูบขมับเบา ๆ พร้อมกับรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อยนี่เขาไปหาอาจารย์แบบไหนมากัน ถึงได้เอาแต่เสียงดังโวยวายแบบนี้เย่ซิวเดินไปที่ประตูถ้ำแล้วเปิดออกก็เจอหน้ารั่วอวิ๋นที่เต็มไปด้วยความโมโหจ้องเขาอยู่“เจ้าเด็กบ้า เมื่อกี้ทำอะไรอยู่ข้างใน? ฉันเรียกตั้งนานก็ยังไม่เปิดประตูอีก”“เมื่อกี้ออกไปข้างนอกเจอสาวสวยคนหนึ่งน่ะครับ ก็เลยติดธุระอยู่นิดหน่อย ขอโทษนะครับท่านอาจารย์”รั่วอวิ๋นเหมือนโดนบีบคอทันท

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1144

    ตอนแรกก็วิ่งมาด้วยความเดือดดาล ตั้งใจจะเคลียร์กับเย่ซิวให้รู้เรื่องสุดท้ายกลับจบลงด้วยการเดินจากไปแบบงง ๆ เสียเองเธอไม่ได้ด่าเย่ซิวสักคำ แต่กลับเป็นตัวเธอเองที่ต้องตกตะลึงเต็มกระเป๋ากลับไปแทนเย่ซิวเองก็ได้แต่ยืนงงและรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้พิลึกขึ้นทุกทีเมื่อกลับเข้ามาในถ้ำ เย่ซิวก็เปิดค่ายกลป้องกันให้ทำงานเต็มกำลังแล้วเริ่มเตรียมตัวกลั่นโอสถเขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเริ่มจากกลั่นโอสถทั่วไปหนึ่งชุดเพื่อจับจังหวะและความรู้สึกก่อน พอมั่นใจแล้วถึงเริ่มลงมือปรุงโอสถจิตมังกรโอสถนี้มีค่าอย่างยิ่งและมีวิธีการกลั่นที่ยากมากเย่ซิวมีวัตถุดิบแค่นี้เท่านั้นจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว ต้องใช้สมาธิสูงสุดเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ระหว่างที่เย่ซิวกำลังกลั่นโอสถอยู่นั้น ฝ่ายเจ้าสำนักอวิ้นหลิงก็มาถึงเขตเขาดินแดนโอสถรั่วอวิ๋นเห็นเขาก็อดแปลกใจไม่ได้ “ท่านเจ้าสำนักมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”เจ้าสำนักยิ้มบาง “เมื่อวานอู๋ซวงไปเจอผลโลหิตมังกรในป่าลึกน่ะ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายพวกมันโดนปีศาจร้ายตนหนึ่งขโมยไปเสียก่อน”รั่วอวิ๋นตกใจ “ผลโลหิตมังกร ของแบบนั้นฉันยังไม่เคยเห็นด้

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1143

    พอกลับมาถึงถ้ำ เย่ซิวก็เดินตรงไปยังห้องกลั่นโอสถที่เตรียมไว้โดยเฉพาะที่นี่มีสายพลังไฟใต้ดินอยู่ซึ่งช่วยประหยัดแรงในการกลั่นโอสถได้มากเลยเขานำสมุนไพรทั้งหมดที่ใช้สำหรับกลั่นโอสถจิตมังกรมาวางเรียงไว้แต่พอกำลังจะเริ่มลงมือ เสียงตะโกนด้วยความโกรธจัดของรั่วอวิ๋นก็ดังขึ้นจากข้างนอกเย่ซิวชะงักไปมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นโกรธขนาดนี้ได้นะ?เขาหยุดทุกอย่างแล้วรีบวิ่งออกไปเปิดประตูถ้ำ“เกิดอะไรขึ้น? มีใครมารังแกเหรอครับ?”รั่วอวิ๋นยืนหน้าเครียดพลางเอ่ยเสียงแข็งใส่เขา “นายทำอะไรกับพวกสิงโตหยกขาวของฉัน?!”“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ก็แค่ใช้วัตถุดิบตามที่อาจารย์ให้มานั่นแหละ ผสมอาหารแล้วก็ให้พวกมันกินตามปกติ”“แค่นั้นน่ะเหรอ” รั่วอวิ๋นเลิกคิ้ว สีหน้าดูไม่เชื่อสุด ๆ“ก็ใช่สิครับ หลังจากให้อาหารเสร็จก็กลับออกมาเลย ทำไมเหรอ พวกมันไม่สบายเหรอครับ?”สีหน้าของเย่ซิวดูไม่เหมือนคนกำลังโกหก รั่วอวิ๋นเลยลดน้ำเสียงลงเล็กน้อยแต่ยังดูหงุดหงิดอยู่ “พวกมันไม่สนใจฉันเลย ปกติแค่ฉันเข้าไป พวกมันก็จะรีบวิ่งมาอ้อนทันที”“เอ่อ…” เย่ซิวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อาจจะเป็นเพราะพวกมันโตแล้วก็ได้ เหมือนเด็ก ๆ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1142

    จางเสี่ยวอวี๋ตบหน้าอกตัวเองแรง ๆ อย่างโล่งอก “เมื่อกี้น่ากลัวชะมัด ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ท่านเจ้าสำนักก็ยังมาที่นี่ด้วยตัวเอง แถมเก่งกว่าที่เล่าลือกันอีก”เย่ซิวเงียบและไม่พูดอะไรตอนนี้เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องรีบเพิ่มพลังให้ตัวเองโดยเร็วที่สุดหากต้องเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ระดับระดับปฐมญาณ การจะต่อต้านได้ อย่างน้อยต้องไปให้ถึงระดับถอดจิตก่อนจนกระทั่งใกล้จะถึงสำนักอวิ้นหลิง เย่ซิวถึงค่อยปลดพลังสมบัติเวทมนตร์ที่พรางตัวอยู่แต่แล้วเขาก็ยื่นมือมาคว้าคอของจางเสี่ยวอวี๋ทันทีจิตสังหารเย็นเยียบแผ่ซ่านออกมาจนเธอรู้สึกเหมือนเลือดในร่างจะหยุดไหลจางเสี่ยวอวี๋ตัวแข็งทื่อพลางมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“สาบานด้วยเลือดซะ ไม่งั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป”แม้ดูตามเหตุผลแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะเอาเรื่องวันนี้ไปแพร่งพรายแต่เพื่อความปลอดภัย เย่ซิวก็ยังอยากให้เธอสาบานเลือดไว้ก่อนจางเสี่ยวอวี๋พยักหน้าอย่างยากลำบากเย่ซิวจึงค่อย ๆ ปล่อยมือจากเธอเธอไออยู่พักใหญ่ พอหายใจกลับมาได้ก็เริ่มมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลังจากสูดหายใจลึกหลายครั้ง เธอก็ยกสามนิ้วขึ้นต่อหน้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status