Share

บทที่ 7

Author: เฉิงกวงโฮ่วถู่
"หยุดนะ! คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเรื่องบ้า ๆ กับคนไข้ของฉัน!" หมอคนสวยโกรธมากจนหน้าขึ้นสีแดง แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

หมอชายหลายคนเมื่อเห็นการกระทำของเย่ซิว ก็พากันมาล้อมตัวเขาเอาไว้

เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจคนเหล่านี้และมองไปที่หญิงสาว "นี่คือพ่อของเธอ ขึ้นอยู่กับเธอว่าจะตัดสินใจให้ช่วยหรือไม่"

ในการรักษาผู้ป่วย ขั้นตอนแรกคือต้องได้รับความยินยอมจากครอบครัวเสียก่อน

"ฉัน... พี่ได้โปรดช่วยพ่อด้วยเถอะ อย่างไรเสียผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่มีทางแย่ไปกว่านี้แล้ว หมออย่าทำให้พี่เขาต้องลำบากใจเลย"

หมอคนสวยพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า "น้องสาว อย่าไปหลงกลเขานะ เด็กคนนี้มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนดี!"

"หุบปาก!"

ทันใดนั้น เย่ซิวก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง

เสียงของเขาดังราวกับเสือคำรามอย่างดุร้ายทำให้ทุกคนในหอผู้ป่วยต่างตกใจ แววตาของพวกเขาก็เผยให้เห็นความกลัว มีเพียงผู้ป่วยที่ไร้สติและหญิงสาว

เย่ซิวตะคอกอย่างเย็นชา "แม้แต่คนในครอบครัวเขาก็เห็นด้วย พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้?"

หลังจากพูดแล้ว เย่ซิวจึงเพิกเฉยต่อคนที่หว่าดกลัว และเขาเริ่มดำเนินการทันที

ขั้นแรก เขาฆ่าเชื้อเข็มเงินด้วยแอลกอฮอล์ จากนั้นจึงเริ่มทำการฝังเข็ม

วิญญาณสิบสามเข็ม

มีเพียงวิธีนี้ ผสานกับพลังลมปราณที่แข็งแกร่งของเขาเองเท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตคนได้

การแสดงออกของเย่ซิวดูจริงจัง ขณะที่เขาปักเข็มเข้าไปในจุดฝังเข็มทีละจุด

"เขาต้องตายแน่!" หมอคนสวยกัดฟัน "นี่มันฆาตกรรมชัด ๆ!"

เธอโกรธมากและรู้สึกราวกับว่าอาชีพของเธอกำลังถูกตั้งคำถาม

"เกิดอะไรขึ้น?"

น้ำเสียงที่ฟังดูมีอายุเล็กน้อยดังลอยมาจากด้านหลัง

หมอหลายคนหันไปและพบเข้ากับชายชราผมขาวครึ่งศีรษะ ผู้มีจิตใจดียืนอยู่ตรงนั้น

"ผู้อำนวยการเฉิน!"

"เจอผู้อำนวยการเฉินก็ดีเลย!"

"เรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ..." หมอคนสวยอธิบายสถานการณ์ให้ผู้อำนวยการเฉินฟัง

"ไร้สาระ!" ผู้อำนวยการเฉินมองไปที่เตียงผู้ป่วย

แต่ครู่ต่อมา รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงอย่างกะทันหันและเขาก็พูดว่า "นี่มัน...ฮึ! วิญญาณสิบสามเข็มงั้นเหรอ?"

เขาตกใจมาก ไม่อาจละสายตาได้เลย

หมอคนสวยถาม "ผู้อำนวยการ วิญญาณสิบสามเข็มคืออะไรคะ?"

ผู้อำนวยการเฉินตอบกลับโดยไม่ละสายตาไปจากเย่ซิว "วิญญาณสิบสามเข็มเป็นวิชาการฝังเข็มที่เก่าแก่และทรงพลังที่สุดในสมัยโบราณ เมื่อใช้วิชานี้แล้ว ต่อให้อยากตายก็คงไม่ง่าย!"

หมอหลายคนที่ได้ยินดังนั้น ในใจพลันเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก

โลกนี้จะมีทักษะทางการแพทย์เช่นนี้ได้อย่างไร?

ในขณะนี้เย่ซิวฝังเข็มเล่มสุดท้ายลงไปแล้ว

เข็มทั้งสิบสามเล่มก็สั่นเล็กน้อยต่อเนื่องกัน

ทันใดนั้นเอง ชีพจรของผู้ป่วยก็หายไปกะทันหัน อุปกรณ์ส่งเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น

หมอคนสวยตกใจจนหน้าซีด "เขาตายแล้ว คุณกำลังก่อเหตุฆาตกรรม!"

เย่ซิวเอ่ยขึ้น "หุบปากซะ ยายโง่!"

ตั้งแต่เขาเข้ามาผู้หญิงคนนี้ก็พูดจาไม่ยอมหยุด น่ารำคาญจริง ๆ

ใบหน้าของหมอคนสวยเปลี่ยนเป็นซีดขาว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกด่าแบบนี้!

ขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากด่ากลับ สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าทำให้เธอลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต!

ขณะที่เย่ซิวค่อย ๆ ดึงเข็มเงินออกมาทีละเล่ม

เมื่อเข็มเงินเล่มสุดท้ายถูกดึงออกมา ผู้ป่วยที่หมอเหล่านั้นยอมแพ้ไปแล้วก็ลืมตาขึ้น

แม้ว่าเขาจะยังดูอ่อนแอมาก แต่บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อย

เมื่อมองดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีกครั้ง มันก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นสู่ระยะปลอดภัย

"พ่อคะ พ่อเป็นยังไงบ้าง?"

หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปและร้องไห้ด้วยความดีใจ

"พ่อ...ได้นอนพักแล้วรู้สึกดีขึ้นมาก"

"ฮือ ๆ ดีจังเลยค่ะ" หญิงสาวมีความสุขมากเสียจนพูดอะไรไม่ออกด้วยซ้ำ

"เป็นไปไม่ได้!" หมอคนสวยเซถอยไปสองสามก้าว และภาพตรงหน้าที่เธอเห็นก็เกินกว่าความรู้ที่เธอมีอยู่

หมอชายคนอื่น ๆ ต่างก็ทำหน้าราวกับเห็นผีเช่นกัน

ผู้อำนวยการเฉินก้าวไปข้างหน้าเย่ซิวอย่างรวดเร็ว และเอ่ยปากอย่างสุภาพ "สวัสดี ฉันเฉินฮุยเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนี้ ฉันขอถามได้ไหม คุณเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์นี้จากใครกัน?"

ภาพนี้ทำให้หมอหลายคนตกตะลึงอีกครั้ง

ผู้อำนวยการเฉินมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมและเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนมากมาย

แม้แต่คนที่มีฐานะทางสังคมสูงก็ยังต้องเกรงใจเขา เมื่อได้พบหน้า

แต่ตอนนี้พวกเขากลับเห็นผู้อำนวยการเฉินแสดงความเคารพต่อเด็กหนุ่ม พูดจาอย่างให้เกียรติเป็นที่สุดอีกด้วย?

"ต้องขอโทษด้วยแต่ผมบอกไม่ได้จริง ๆ"

อาจารย์ของเย่ซิวได้เตือนเขาตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าไม่ควรเปิดเผยตัวตนของเขา ไม่ว่าในเวลาใดก็ตาม

เย่ซิวเดาว่าบางทีอาจเป็นเพราะอาจารย์อาจทำให้หลายคนขุ่นข้องหมองใจในตอนที่เขายังเด็ก?

แต่แท้จริงแล้วเขาคิดผิด

อาจารย์ไม่ยอมให้เขาเปิดเผยตัวตนของท่าน เพราะในช่วงเวลานั้นเขาได้ช่วยชีวิตผู้คนไว้มากเกินไป

ในหมู่ผู้คนที่อาจารย์ได้เคยช่วยเหลือไว้มีบุคคลที่มีอำนาจอยู่ในนั้นด้วย

หากตัวตนของเย่ซิวถูกเปิดเผย เขาไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอะไรเลย และจะได้รับการยกย่องจากบุคคลที่ทรงพลังเหล่านั้นทันที

นี่เป็นสิ่งที่อันตรายมาก

เฉินฮุยค่อนข้างผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่เขากลับหยิบนามบัตรของเขาออกมาแล้วยื่นให้เย่ซิว

"น้องชายมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม บางทีเราอาจมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันในอนาคตได้ ใช่ไหม?"

เย่ซิวเห็นว่าชายชราคนนี้ดูท่าทางใช้ได้ เขาจึงไม่ได้ปฏิเสธและหยิบนามบัตรไป

"ผู้อาวุโสอย่างคุณดูไม่เลวเลย แต่ลูกน้องของคุณนั้นไม่ไหวเลยจริง ๆ ขาดคุณสมบัติอย่างมาก"

เย่ซิวพูดประโยคนี้ขณะมองหน้าหมอคนสวย

เธอทั้งโกรธทั้งโมโห แต่ก็ไม่อาจโต้แย้งได้

มันเป็นปัญหาของเธอจริง ๆ

เฉินฮุยยิ้มอย่างขมขื่น "มู่ชิงมีนิสัยสุดโต่งเล็กน้อย หวังว่าคุณจะไม่ถือสา"

เย่ซิวไม่อยากทะเลาะผู้หญิง เขาจึงเอ่ยเพียงว่า "ช่วยจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้ก็พอ"

มู่ชิงนึกอยากเอ่ยปาก แต่ถูกสายตาของเฉินฮุยห้ามไว้ เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าพวกเขาไร้ความสามารถไม่ใช่หรือ?

แต่ในความคิดของเย่ซิวคิด สถานะทางครอบครัวของหญิงสาวไม่สู้ดีนัก

การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่อเนื่องจะต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

และชีวิตพ่อของเธอในตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วเพียงแค่ต้องพักฟื้นที่บ้านสักระยะหนึ่ง

เฉินฮุยพยักหน้า "เอาล่ะ ให้มู่ชิงจัดการเรื่องนี้เถอะ"

มู่ชิงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเธอหงุดหงิด เธอก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น

เพียงแต่เธอไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของเฉินฮุย เธอจ้องมองเย่ซิวอย่างดุร้ายก่อนไป

จากนั้นเธอก็จงใจเดินกระแทกรองเท้าส้นสูงและจากไปพร้อมกับเสียงรองเท้านั้น

……

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาลก็เสร็จสิ้น

ทั้งสามคนออกจากโรงพยาบาล

ในระหว่างทาง พ่อและลูกสาวต่างรู้สึกขอบคุณเย่ซิวเป็นอย่างมาก

เขาไม่เพียงช่วยชีวิตคนเท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตครอบครัวและอนาคตของหญิงสาวไว้อีกด้วย

ในระหว่างการสนทนา เย่ซิวก็ได้รู้ชื่อของหญิงสาวเธอชื่อหลิ่วเมิ่งอิ๋นและพ่อของเธอชื่อหลิ่วมู่

เมื่อส่งสองพ่อลูกกลับถึงบ้าน เย่ซิวก็พร้อมที่จะจากไป

ใบหน้าหลิ่วเมิ่งอิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดง "พี่เย่ นี่มันก็ดึกมากแล้ว ทำไมไม่อยู่ทานอาหารและพักค้างคืนที่นี่ล่ะ?"

หลิ่วมู่ยังกล่าวอีกว่า "ใช่แล้ว คุณเป็นผู้มีพระคุณของเรา หากคุณจากไปแบบนี้ พวกเราคงจะไม่สบายใจไปตลอดชีวิต"

ภายใต้การโน้มน้าวของพ่อและลูกสาว เย่ซิวจึงตอบตกลงที่จะอยู่ที่นี่ในคืนนี้

หลิ่วมู่ยังคงอ่อนแอมาก ดังนั้นเมื่อเขากลับถึงบ้าน เขาจึงเข้าไปพักผ่อนที่ห้องนอนเทันที

หลิ่วเมิ่งอิ๋นไปซื้อผักที่ตลาดอย่างมีความสุข

วันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดในรอบสิบกว่าปี

ก่อนไปตลาด หลิ่วเมิ่งอิ๋นดึงเย่ซิวมานั่งในห้องของเธอ

เพราะช่วงนี้เธอยุ่งมาก ห้องนั่งเล่นจึงสกปรกและรกมากทำให้ไม่มีที่เหลือให้นั่ง

หลังจากนั้นเธอก็จากไปพร้อมใบหน้าแดงก่ำ

เย่ซิวนั่งอยู่บนขอบเตียงและมองไปรอบ ๆ

ทันใดนั้น เขาก็เห็นอะไรบางอย่างที่มีสีขาว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 8

    อาจเป็นเพราะไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงลืมเก็บเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้เย่ซิวถึงกับคอแห้ง เขาละสายตาไปมองอย่างอื่นอย่างทำตัวไม่ถูกแต่ในขณะเดียวกันเขากลับลุกขึ้นนั่งสมาธิและเริ่มฝึกพระสูตรราชาแห่งยาเมื่อหกเดือนที่แล้วเขาฝึกฝนจนถึงจุดสูงสุดของศิลปะการต่อสู้ระดับเก้าและเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ที่หาได้ยากในรอบพันปี ตามที่อาจารย์ของเขาเคยกล่าวไว้ ระดับที่สูงกว่าจอมยุทธ์ระดับเก้า ถือเป็นคนละโลกกันอย่างสิ้นเชิงในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาไม่ว่าเย่ซิวจะฝึกฝนมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทะลวงผ่านไปอีกขั้้นได้……หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็กลับมาและเริ่มทำอาหารไม่นานนัก กลิ่นหอมก็โชยออกมาเย่ซิวหยุดฝึกฝนและเดินไปที่ห้องครัวจึงได้เห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำอาหารอย่างจริงจังภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกที่อบอุ่นมากหลิ่วเมิ่งอิ๋นเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรีและน่ารักอย่างไม่ต้องสงสัยปกติเด็กผู้หญิงทั่วไปในวัยนี้ยังเรียนหนังสืออยู่ แต่เธอกลับต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งของชีวิต"พี่เย่ ทำไมพี่มาที่นี่ได้ล่ะ ห้องครัวมีเต็มควันเต็มไปหมด พี่ไปรอข้างนอกเถอะ"เย่ซิวส่ายหน้า

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 9

    ที่หน้าลานตระกูลจ้าว วันนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ เหล่าคนมีอำนาจในเมืองเจียงเฉิงเดินทางมาถึงแล้ว รถยนต์หรูหราหลายคันจอดอยู่ด้านนอกวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของจ้าวจางแห่งตระกูลจ้าว จ้าวจางเป็นที่รู้จักกันในนามบุคคลในตำนาน เขาเป็นจอมยุทธ์ระดับสามและมีธุรกิจภายใต้ชื่อของเขามากมายนอกจากบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ปแล้ว เขายังดำเนินกิจการสถานบันเทิงมากกว่าสิบแห่ง และมีเครือข่ายอิทธิพลกว้างขวางในเจียงเฉิง ตระกูลจ้าวถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ"บริษัทต้าเหิงเรียลเอสเตทมอบขาวหยกคู่หนึ่ง""เฉิงซิ่นแอนทีคมอบสร้อยประคำ" "โรงรับจำนำตระกูลเฉินมอบหยกหรูอี้คู่หนึ่ง"ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลจ้าว พ่อบ้านกำลังรายงานของขวัญจากแต่ละตระกูลที่ส่งมาด้วยเสียงดังอย่างต่อเนื่องของขวัญชิ้นใดชิ้นหนึ่งเหล่านี้มีมูลค่าถึงหกหลักเลยทีเดียวเย่ซิวมาถึงแล้วเขาถือถุงพลาสติกสีดำอยู่ในมือด้วยสีหน้าเย็นชาทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมากทันทีในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ทุกคนล้วนแต่งตัวเต็มยศเพื่อเข้าร่วมงาน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สวมชุดกีฬา นี่มันจงใจมองข้ามระเบียบกันชัด ๆ เขาไ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 10

    ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเจี๋ยก็เดินเข้ามาจากด้านนอกทันใดนั้น แขกเหรื่อภายในงานต่างก็ลุกขึ้นยืนรัศมีอันทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยเจี๋ย ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย"คุณเซี่ย!" จ้าวจางรู้สึกประหลาดใจและรีบเดินเข้ามาหา "คุณมาได้ยังไง?"ใบหน้าของจ้าวเฉียนปรากฏรอยยิ้มกว้าง "คุณเซี่ยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพ่อของผมในวันเกิดเขาสินะ?"แขกเหรื่อหลายคนมองจ้าวจางด้วยความอิจฉาเมื่อได้ยินเรื่องนี้การที่เซี่ยเจี๋ยมาร่วมแสดงความยินดีในวันเกิดด้วยตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!หากเปรียบตระกูลจ้าวเป็นงู เซี่ยเจี๋ยก็คือมังกรใหญ่การบดขยี้ตระกูลจ้าวให้สิ้นซากเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เพียงแค่ดีดนิ้วทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากองได้ทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวจางที่ยื่นมือออกมา เซี่ยเจี๋ยมีสีหน้าเย็นชาและไม่ได้แสดงทีท่าใดใด "มีค่าพอจะจับมือกับฉันด้วยเหรอ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวจางแข็งค้างไปแขกเหรื่อหลายคนก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เขาไม่สนใจใบหน้าบอกบุญไม่รับของจ้าวจาง เซี่ยเจี๋ยเดินผ่านเขาและโค้งคำนับต่อหน้าเย่ซิวด้วยความน้อมน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 11

    เย่ซิวสกัดหมัดได้อย่างง่ายดายพลางพูดอย่างใจเย็น “ฉันแค่มาที่นี่เพื่อตามหาคน ไม่ได้อยากจะรังแกนาย”นักศึกษาหลายคนในบริเวณใกล้เคียงดูประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเย่ซิวสกัดหมัดของชายหนุ่มร่างกำยำได้อย่างง่ายดายเพียงใด“เพื่อนนักศึกษาคนนี้แข็งแกร่งมาก เขาสกัดกั้นการโจมตีของจางเทาได้อย่างง่ายดาย”“ช่างบังเอิญจริง ๆ จางเทาเป็นนักเทควันโดสายดำระดับแปด เขามีพละกำลังมาก ฉันเคยเห็นเขาเอาชนะผู้ใหญ่ห้าหกคนด้วยตัวเขาเองเลยนะ”“ฉันก็ว่าอย่างนั้น”จางเทาทั้งตกใจทั้งโกรธ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถหลุดออกจากฝ่ามือของเย่ซิวได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว ยังไม่ปล่อยฉันอีก หาเรื่องตายเรอะ?!”เย่ซิวปล่อยมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เพื่อนนักศึกษา ฉันแค่อยากจะเข้าไปตามหาคน นายช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหม?”เขาไม่เคยไปเรียนที่นี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเห็นใจเพื่อนนักศึกษาเป็นพิเศษ ก็ไม่อยากทำร้ายพวกเขาเว้นเสียแต่จะจำเป็นจริง ๆแต่ในสายตาของจางเทา ท่าทางของเย่ซิวถือว่าเป็นการทำให้เขาอับอายเขาคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย “พวกแกมัวยืนทำอะไร? มาช่วยกันจัดการมันสิ!”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 12

    เย่ซิวเดินไปหาลู่เสวี่ยเอ๋อร์โดยไม่สนใจคำเตือนของหวังเฟย การกระทำนี้ทำให้ความเย็นชาในดวงตาของหวังเฟยยิ่งทวีขึ้นไปอีกแต่เขาก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาเสียเดี๋ยวนั้นเขามักจะแสดงรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและสง่างามต่อโลกภายนอกซึ่งเป็นวิธีการที่สำคัญมากสำหรับเขาในการจีบสาวโดยผิวเผินแล้ว เขาคงไม่สามารถทำอะไรกับเย่ซิวได้ แต่เขาแอบคิดไว้แล้วว่าจะจัดการกับเย่ซิวอย่างไรเพื่อนนักศึกษาชายคนอื่น ๆ ก็รีบเข้ามาด้วยเช่นกัน ทำให้หวังเฟยรู้สึกรำคาญมากยิ่งขึ้นมีคนมากมายหลั่งไหลเข้ามา จนไม่มีทางหยุดพวกเขาได้แล้วในเวลานี้ เย่ซิวเดินไปลู่เสวี่ยเอ๋อร์รูปร่างของเธอช่างสูงจริง ๆ โดยเฉพาะเรียวขางามของเธอที่เรียวและตรง เรียกได้ว่าตั้งแต่คอลงมา ขาของเธอถึงเป็นจุดนำสายตาที่สุดเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไร ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ก็จะเป็นจุดสนใจของฝูงชนได้อย่างแท้จริง“สวัดดี คุณคือลู่เสวี่ยเอ๋อร์ใช่รึเปล่า?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนสนิทของเธอหันกลับมาเห็นเย่ซิวที่มีหน้าตาสดใส ประกอบกับดวงตาที่ใสสะอาดยืนอยู่ตรงหน้าเธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างสุภาพ “ใช่ ฉันเอง นายมีธุระอะไรเหรอ?”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 13

    หวังเฟยกดโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองข้างตอบกลับข้อความของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว: ไม่มีปัญหา ฉันจะโอนเงินให้เธอเดี๋ยวนี้เลยณ หอพักที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์พักอยู่ หลี่เยี่ยนอ่านข้อความที่หวังเฟยส่งมาทางโทรศัพท์มุมปากของเธอมีรอยยิ้มแปลก ๆ เธอส่งเลขบัญชีธนาคารของเธอไป ใช้เวลาไม่นานก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินสองล้านโอนมาให้ทันทีที่ลบข้อความที่แจ้งว่าบัญชีของเธอได้รับโอนเงินเข้ามา เธอที่นั่งอยู่บนเตียงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เสวี่ยเอ๋อร์ คืนนี้เราไปกินหม้อไฟหม่าล่ากันเถอะ ตกลงไหม?”“คืนนี้เหรอ? แต่ฉันอยากอ่านหนังสืออยู่ที่หอมากกว่า”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีนิสัยรักสงบ ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนนักศึกษาคนอื่นมีความรักกันแต่เธอเป็นคนเดียวที่เอาแต่สนใจเรื่องเรียน“โอ๊ย หนังสืออ่านตอนไหนก็ได้ อีกอย่าง เธอจะอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ได้สิ ไม่งั้นก็พลอยจะทำให้คนอื่นเขาดูโง่หมด ตอนกลางคืนไม่ต้องอ่านหรอก กินเสร็จก็ค่อยรีบกลับมา จะได้ไม่เสียเวลามาก” “แต่ว่า…” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลังเล แต่หลี่เยี่ยนกลับไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ“คุณน้องคะ เห็นแก่ที่ฉันช่วยเธอกันพวกผู้ชายมาให้ตั้งนาน แล้ววัน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 14

    ฟุ่บ! ฟุ่บ!จางเทาและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงตรงนั้นและรีบคำนับอย่างรวดเร็วแม้แต่คนที่ดุร้ายอย่างหมาป่าตาเดียวยังถูกเย่ซิวเล่นเสียน่วมแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย“พี่ใหญ่ พวกเราผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”“อย่าฆ่าผมเลย ผมยังมีพ่อแม่มีพี่น้องต้องดูแล คิดเสียว่าฉันเป็นลูหมาตัวหนึ่ง แล้วปล่อยผมไปเถอะ”“พี่ใหญ่ ถ้าพี่ไว้ชีวิตผม ผมจะแนะนำน้องสาวให้รู้จัก ผมยกแฟนตัวเองให้พี่เลยก็ยังได้”……ดวงตาของเย่ซิวเย็นชา คนเหล่านี้ไม่สมควรตาย แต่ก็ไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบยาหนึ่งเม็ดออกมาจากกระเป๋าแล้วบดมันจากนั้นเขาก็เปิดปากคนเหล่านี้อย่างไร้ความปราณี พลางยัดยาเข้าไป และบังคับให้พวกเขากลืนจางเทาและคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัว“ไม่ต้องกังวล ยาตัวนี้ไม่มีผลข้างเคียงมากนัก พวกนายแค่ต้องกินยาแก้พิษปีละครั้ง ไม่อย่างนั้นเลือดจะออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย”“ถ้าพวกแกหยุดทำความชั่วภายในหนึ่งปี ฉันจะให้ยาถอนพิษ”“แน่นอนว่าพวกแกจะไปตรวจที่โรงพยาบาลก็ได้ แต่พวกเขาก็จะบอกพวกแกอย่างแน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดปกติ”จางเทาและคนอื่น ๆ ต่างก็ดูซีดเซียวหลังจากที่เห็นว่าเย่ซิวน่ากลัวเพียงใด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 15

    ในที่สุด ตามคำร้องขออย่างจริงใจของเถ้าแก่ เย่ซิวก็ยอมรับซองสีแดงมูลค่าสองพันหยวนมาไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้กินอาหารฟรี แถมยังได้เงินสองพันหยวนเย่ซิวยืนขึ้น เขากินจนเกือบจะอิ่มแล้ว และก็พร้อมที่จะไปทักทายลู่เสวี่ยเอ๋อร์แล้วแต่ทันทีที่เขาลุกขึ้น เขาเห็นหวังเฟยผลักประตูเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเพื่อนอยู่ในห้องส่วนตัว หลี่เยี่ยนคีบอาหารให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อย่างกระตือรือร้น ในตอนที่เธอไม่ได้สนใจ เธอจึงโยนยาเม็ดเล็ก ๆ ลงในชาม และยาก็ละลายทันที“เสวี่ยเอ๋อร์ ลองนี่ดูสิ อร่อยนะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กินเข้าไปพลางสงสัยเล็กน้อย “ทำไมฉันรู้สึกว่าวันนี้เธอแปลก ๆ?”“ไม่หรอก เธอคิดมากไปแล้ว รีบกินเร็วเข้า อร่อยนะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์สับสนและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นสิ่งใดเธอหยิบชามและตะเกียบขึ้นมาแล้วอยากจะกินเนื้ออีกชิ้นแต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอ่อนแรงจนตะเกียบตกจากนิ้วปึง! ปึง!ในขณะเดียวกันนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลี่เยี่ยนลุกขึ้นไปเปิดประตู และพาหวังเฟยเข้ามาลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีในใจ แต่เธอก็ยังคงสามารถรักษาสติของเธอเอา

Latest chapter

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1150

    เธอมีพรสวรรค์โดดเด่น แถมยังได้รับความรักความเอ็นดูจากเจ้าสำนักเป็นพิเศษและเธอยังเป็นคู่หมั้นของหนานกงอู๋ซวงอีกด้วยหนานกงอู๋ซวงละสายตากลับมาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ก็แค่ตัวตลกไร้สาระ ไม่ต้องไปสนใจหรอก”“นั่นสิ เขาเทียบกับพี่อู๋ซวงไม่ได้เลยสักนิด”เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ถ้านายมีความสามารถถึงขนาดนั้น ของรางวัลทั้งหมดก็ยกให้นายได้ ไม่มีปัญหา”เขาเองก็ไม่คิดว่าเย่ซิวจะทำได้จริงเย่ซิวพยักหน้ารับ “ครับ ขอบคุณท่านเจ้าสำนักมาก”ในเมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้ว งั้นก็แสดงฝีมือออกมาเล็กน้อยเพื่อกวาดรางวัลทั้งหมดไปก็แล้วกันจางเสี่ยวอวี๋รีบขยับเข้ามาใกล้ เธอดึงชายเสื้อเย่ซิวแล้วกระซิบ “นายบ้าไปแล้วเหรอ คิดยังไงถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมาถ้าแพ้ขึ้นมา จะไม่ใช่แค่นายที่ขายหน้า แต่ท่านอาจารย์ก็จะเสียหน้าด้วยนะ”เย่ซิวหันมามองเธอก่อนจะตอบสั้น ๆ “พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก”จางเสี่ยวอวี๋ถึงกับกลอกตาแรง ๆ พลางรู้สึกว่านายคนนี้คงหมดทางเยียวยาแล้วจริง ๆหลังจากเรื่องหยุมหยิมนั้นผ่านไป การประลองก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีผู้อาวุโสคนหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นกรรมการ และเริ่มจับ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1149

    “รางวัลอันดับสิบ เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง กระบี่อัคคีเมฆารางวัลอันดับเก้า เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง โล่แสงศักดิ์สิทธิ์…อันดับสาม หญ้าลิ้นมังกรที่มีอายุสามร้อยปีอันดับสอง โอสถพยัคฆ์มังกรอันดับหนึ่ง สมบัติเวทมนตร์ระดับต่ำ กระบี่ไตรสุริยัน”เมื่อเจ้าสำนักประกาศรางวัลทั้งหมดออกมาจบแล้วไม่ใช่แค่เหล่าศิษย์ใหม่ที่ตาเป็นประกาย แม้แต่ศิษย์เก่าที่มีประสบการณ์ก็ยังมีท่าทีอิจฉาเสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นรอบ ๆ“ปีนี้รางวัลชักจะโหดเกินไปแล้ว”“เยอะกว่าปีก่อนหลายเท่าเลย”“โดยเฉพาะรางวัลอันดับหนึ่ง นั่นกระบี่ไตรสุริยันเชียวนะ อาวุธคู่กายเก่าของท่านเจ้าสำนักเลยนี่!”……รั่วอวิ๋นขยับสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเย่ซิว “อันดับสองมีโอสถพยัคฆ์มังกร นั่นเป็นของดีมากนะถ้าได้กินจะทำให้มีโอกาสเข้าใจเคล็ดวิชา ‘พยัคฆ์คำรามมังกรรำพัน’ ได้ ลองพยายามดูนะ เผื่อจะได้อันดับที่สองมา”เย่ซิวยิ้มบาง “ท่านอาจารย์ดูแคลนผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ แล้วถ้าผมได้ที่หนึ่งขึ้นมาล่ะ”รั่วอวิ๋นแค่นเสียงหึ “อย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย บอกตามตรงนะ ศิษย์ใหม่รอบนี้มีคนที่ฝีมือโหดมากอยู่คนหนึ่งทุกคนในสำนักต่างก็มั่น

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1148

    บรรยากาศรอบตัวพลันเงียบกริบลงทันที!“กรี๊ดดด!!”จางเสี่ยวอวี๋กรีดร้องเสียงแหลมสุดชีวิต ก่อนจะรีบใช้มือปิดร่างตัวเองอย่างลนลาน“ไอ้บ้า ยังจะมองอยู่อีก หันหลังไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”เย่ซิวตบไหล่เธอเบา ๆ “พวกเราก็เหมือนพี่น้องกัน จะเครียดอะไรขนาดนั้น”“ใครเป็นพี่น้องกับนาย ฉันจะฆ่านายซะ!”จางเสี่ยวอวี๋แทบจะคลั่ง ใครจะไปคิดว่าโลกนี้จะมีผู้ชายที่หน้าด้านได้ขนาดนี้อีกทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอยังเคยแอบรู้สึกดี ๆ กับเขาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองตาถั่วไปแล้วชัด ๆเย่ซิวหัวเราะเบา ๆ โดยไม่พูดอะไรเพิ่ม ก่อนจะหันหลังให้อย่างว่าง่ายเสียงขยับตัวขลุกขลักดังมาจากข้างหลังไม่นาน จางเสี่ยวอวี๋ก็ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วรีบวิ่งออกจากถ้ำไปทันทีเธอกลัวว่าเย่ซิวจะฉวยโอกาสทำอะไรไม่ดีใส่เธอแต่เธอคิดมากไปเองเย่ซิวผ่านอะไรมามากเกินพอแล้ว สาวสวยระดับไหนก็เห็นมานับไม่ถ้วนตอนนี้ความรู้สึกต้านทานต่อผู้หญิงสวย ๆ ของเขาสูงมากจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้วหลายวันต่อมา ชีวิตของเย่ซิวก็ดำเนินไปอย่างสงบเรียบง่ายทุกเช้าเขาจะไปให้อาหารสิงโตหยกขาวทั้งแปดเขาเตรียมอาหารให้ครบสามมื้อ แล้วก็โยนโอสถที่ตัวเองกลั่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1147

    ในห้องรับแขก เย่ซิวนั่งมองจางเสี่ยวอวี๋ที่เปลี่ยนมาสวมชุดใหม่ชุดใหม่นี่ทำให้เธอดูเปลี่ยนไปพอสมควร รูปร่างดูเพรียวขึ้น แถมยังดูมีความเรียบร้อยขึ้นด้วย“มีของดีอะไรจะเอามาให้ดูเหรอ?”จางเสี่ยวอวี๋หยิบขวดยาเล็ก ๆ ออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะเปิดฝาแล้วหยิบเม็ดยาสีดำ ๆ เม็ดหนึ่งขึ้นมาโชว์ด้วยความดีใจสุด ๆ“เห็นไหม? นี่คือโอสถฟื้นพลัง ฉันทำสำเร็จแล้วนะ เท่ากับว่าฉันกลายเป็นนักปรุงยาฝึกหัดอย่างเป็นทางการแล้ว”เธอพยายามมาหลายปี ในที่สุดก็ทำสำเร็จสักทีความดีใจในใจมันล้นจนเก็บไม่อยู่จะไปอวดพวกศิษย์รับใช้คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจเท่าไหร่จะไปอวดอาจารย์รั่วอวิ๋นที่กำลังปิดด่านกลั่นโอสถอยู่ก็ไม่กล้ารบกวนคิดไปคิดมาก็เหลือแค่เย่ซิวนี่แหละที่เหมาะจะอวดให้ฟังเพื่อให้การอวดครั้งนี้ได้ผลเต็มที่ จางเสี่ยวอวี๋ถึงขั้นไปอาบน้ำและแต่งตัวใหม่ให้ดูเรียบร้อยและมีภูมิฐานกว่าเดิมแต่เย่ซิวกลับทำหน้าเซ็งเพราะนึกว่ามีเรื่องใหญ่โตอะไรเขาโบกมือไล้อย่างไม่สบอารมณ์ “อืม รู้แล้ว กลับไปได้แล้ว”จางเสี่ยวอวี๋หน้ามุ่ยทันที “นายนี่มันยังไงกัน ฉันเอาข่าวดีมาบอกนายเป็นคนแรกเลยนะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ หรือว่านาย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1146

    ดวงตาเย่ซิวเปล่งประกาย “วิชามังกรหนึ่งเดียว!”นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งหากว่าด้วยเรื่องระดับของพลังร่างกายแล้วโดยทั่วไปมักเปรียบเทียบเป็นแรงม้าหรือแรงพยัคฆ์สองตัวอะไรพวกนั้นแต่พอขึ้นมาถึงระดับสูงสุดถึงจะเรียกว่าวิชามังกรหนึ่งเดียวและคนที่สามารถไปถึงระดับนี้ได้ก็ไม่มีใครที่ไม่ใช่ผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านฝึกฝนร่างกายโดยเฉพาะแม้แต่เย่ซิวเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไปถึงจุดนี้ได้เร็วขนาดนี้เขาลุกขึ้นแล้วเริ่มร่ายกระบวนท่าหมัดอย่างต่อเนื่องพลังเลือดภายในกายไหลเวียนอย่างดุดันดั่งสายน้ำเชี่ยวท่าหมัดรุนแรงดุจสายฟ้าฟาด ทรงพลัง หนักแน่นจนเสียงกระดูกดังเปรี๊ยะ ๆ กึกก้องไปทั่วหลังจากฝึกจบกระบวนท่า เย่ซิวก็ควบคุมพลังใหม่ที่ได้รับมาได้อย่างสมบูรณ์เขารู้สึกได้เลยว่าพลังงานในร่างกายพุ่งทะยานถึงขีดสุด สภาพร่างกายตอนนี้ดีที่สุดในชีวิตตอนนี้เย่ซิวแค่ใช้พลังร่างกายล้วน ๆ ก็สามารถบดขยี้ผู้บำเพ็ญตนระดับถอดจิตได้อย่างไม่ลำบากเลยตราบใดที่อีกฝ่ายไม่มีสมบัติล้ำค่าอะไรเป็นพิเศษ ก็ไม่มีทางต้านทานพลังของเย่ซิวได้เลยส่วนเรื่องว่าจะสู้กับคนระดับปฐมญาณได้หรือไม่นั้น

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1145

    “โครม!”ฝาหม้อระเบิดเปิดออก ทันใดนั้นก็มีเงามังกรพุ่งทะยานขึ้นฟ้าพร้อมเสียงคำรามดังกึกก้องเงามังกรนี้คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อการกลั่นโอสถเสร็จสมบูรณ์เย่ซิวดีใจสุด ๆ ในที่สุดก็สำเร็จแล้วภายในหม้อกลั่นโอสถมีโอสถสีทองแดงปนแดงสดนอนเรียงอยู่อย่างเรียบร้อยถึงร้อยเม็ดแต่ละเม็ดมีลักษณะภายนอกสวยงามไร้ที่ติเขาหยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ดกลับพบว่ามันหนักหลายร้อยกรัมและคุณภาพสูงมากจนน่าเหลือเชื่อหากตั้งใจฟังให้ดีจะได้ยินเสียงคำรามของมังกรอันทรงอำนาจแผ่วเบาดังมาจากภายในโอสถเย่ซิวต้องพยายามข่มใจไม่ให้กลืนลงไปทันทีเพราะข้างนอกยังมีรั่วอวิ๋นที่ยังตะโกนโวยวายอยู่เขาโบกมือเก็บโอสถทั้งหมดไปแล้วก็ลูบขมับเบา ๆ พร้อมกับรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อยนี่เขาไปหาอาจารย์แบบไหนมากัน ถึงได้เอาแต่เสียงดังโวยวายแบบนี้เย่ซิวเดินไปที่ประตูถ้ำแล้วเปิดออกก็เจอหน้ารั่วอวิ๋นที่เต็มไปด้วยความโมโหจ้องเขาอยู่“เจ้าเด็กบ้า เมื่อกี้ทำอะไรอยู่ข้างใน? ฉันเรียกตั้งนานก็ยังไม่เปิดประตูอีก”“เมื่อกี้ออกไปข้างนอกเจอสาวสวยคนหนึ่งน่ะครับ ก็เลยติดธุระอยู่นิดหน่อย ขอโทษนะครับท่านอาจารย์”รั่วอวิ๋นเหมือนโดนบีบคอทันท

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1144

    ตอนแรกก็วิ่งมาด้วยความเดือดดาล ตั้งใจจะเคลียร์กับเย่ซิวให้รู้เรื่องสุดท้ายกลับจบลงด้วยการเดินจากไปแบบงง ๆ เสียเองเธอไม่ได้ด่าเย่ซิวสักคำ แต่กลับเป็นตัวเธอเองที่ต้องตกตะลึงเต็มกระเป๋ากลับไปแทนเย่ซิวเองก็ได้แต่ยืนงงและรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้พิลึกขึ้นทุกทีเมื่อกลับเข้ามาในถ้ำ เย่ซิวก็เปิดค่ายกลป้องกันให้ทำงานเต็มกำลังแล้วเริ่มเตรียมตัวกลั่นโอสถเขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเริ่มจากกลั่นโอสถทั่วไปหนึ่งชุดเพื่อจับจังหวะและความรู้สึกก่อน พอมั่นใจแล้วถึงเริ่มลงมือปรุงโอสถจิตมังกรโอสถนี้มีค่าอย่างยิ่งและมีวิธีการกลั่นที่ยากมากเย่ซิวมีวัตถุดิบแค่นี้เท่านั้นจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว ต้องใช้สมาธิสูงสุดเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ระหว่างที่เย่ซิวกำลังกลั่นโอสถอยู่นั้น ฝ่ายเจ้าสำนักอวิ้นหลิงก็มาถึงเขตเขาดินแดนโอสถรั่วอวิ๋นเห็นเขาก็อดแปลกใจไม่ได้ “ท่านเจ้าสำนักมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”เจ้าสำนักยิ้มบาง “เมื่อวานอู๋ซวงไปเจอผลโลหิตมังกรในป่าลึกน่ะ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายพวกมันโดนปีศาจร้ายตนหนึ่งขโมยไปเสียก่อน”รั่วอวิ๋นตกใจ “ผลโลหิตมังกร ของแบบนั้นฉันยังไม่เคยเห็นด้

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1143

    พอกลับมาถึงถ้ำ เย่ซิวก็เดินตรงไปยังห้องกลั่นโอสถที่เตรียมไว้โดยเฉพาะที่นี่มีสายพลังไฟใต้ดินอยู่ซึ่งช่วยประหยัดแรงในการกลั่นโอสถได้มากเลยเขานำสมุนไพรทั้งหมดที่ใช้สำหรับกลั่นโอสถจิตมังกรมาวางเรียงไว้แต่พอกำลังจะเริ่มลงมือ เสียงตะโกนด้วยความโกรธจัดของรั่วอวิ๋นก็ดังขึ้นจากข้างนอกเย่ซิวชะงักไปมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นโกรธขนาดนี้ได้นะ?เขาหยุดทุกอย่างแล้วรีบวิ่งออกไปเปิดประตูถ้ำ“เกิดอะไรขึ้น? มีใครมารังแกเหรอครับ?”รั่วอวิ๋นยืนหน้าเครียดพลางเอ่ยเสียงแข็งใส่เขา “นายทำอะไรกับพวกสิงโตหยกขาวของฉัน?!”“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ก็แค่ใช้วัตถุดิบตามที่อาจารย์ให้มานั่นแหละ ผสมอาหารแล้วก็ให้พวกมันกินตามปกติ”“แค่นั้นน่ะเหรอ” รั่วอวิ๋นเลิกคิ้ว สีหน้าดูไม่เชื่อสุด ๆ“ก็ใช่สิครับ หลังจากให้อาหารเสร็จก็กลับออกมาเลย ทำไมเหรอ พวกมันไม่สบายเหรอครับ?”สีหน้าของเย่ซิวดูไม่เหมือนคนกำลังโกหก รั่วอวิ๋นเลยลดน้ำเสียงลงเล็กน้อยแต่ยังดูหงุดหงิดอยู่ “พวกมันไม่สนใจฉันเลย ปกติแค่ฉันเข้าไป พวกมันก็จะรีบวิ่งมาอ้อนทันที”“เอ่อ…” เย่ซิวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อาจจะเป็นเพราะพวกมันโตแล้วก็ได้ เหมือนเด็ก ๆ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1142

    จางเสี่ยวอวี๋ตบหน้าอกตัวเองแรง ๆ อย่างโล่งอก “เมื่อกี้น่ากลัวชะมัด ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ท่านเจ้าสำนักก็ยังมาที่นี่ด้วยตัวเอง แถมเก่งกว่าที่เล่าลือกันอีก”เย่ซิวเงียบและไม่พูดอะไรตอนนี้เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องรีบเพิ่มพลังให้ตัวเองโดยเร็วที่สุดหากต้องเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ระดับระดับปฐมญาณ การจะต่อต้านได้ อย่างน้อยต้องไปให้ถึงระดับถอดจิตก่อนจนกระทั่งใกล้จะถึงสำนักอวิ้นหลิง เย่ซิวถึงค่อยปลดพลังสมบัติเวทมนตร์ที่พรางตัวอยู่แต่แล้วเขาก็ยื่นมือมาคว้าคอของจางเสี่ยวอวี๋ทันทีจิตสังหารเย็นเยียบแผ่ซ่านออกมาจนเธอรู้สึกเหมือนเลือดในร่างจะหยุดไหลจางเสี่ยวอวี๋ตัวแข็งทื่อพลางมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“สาบานด้วยเลือดซะ ไม่งั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป”แม้ดูตามเหตุผลแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะเอาเรื่องวันนี้ไปแพร่งพรายแต่เพื่อความปลอดภัย เย่ซิวก็ยังอยากให้เธอสาบานเลือดไว้ก่อนจางเสี่ยวอวี๋พยักหน้าอย่างยากลำบากเย่ซิวจึงค่อย ๆ ปล่อยมือจากเธอเธอไออยู่พักใหญ่ พอหายใจกลับมาได้ก็เริ่มมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลังจากสูดหายใจลึกหลายครั้ง เธอก็ยกสามนิ้วขึ้นต่อหน้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status