Share

บทที่ 8

Author: เฉิงกวงโฮ่วถู่
อาจเป็นเพราะไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงลืมเก็บเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้

เย่ซิวถึงกับคอแห้ง เขาละสายตาไปมองอย่างอื่นอย่างทำตัวไม่ถูก

แต่ในขณะเดียวกันเขากลับลุกขึ้นนั่งสมาธิและเริ่มฝึกพระสูตรราชาแห่งยา

เมื่อหกเดือนที่แล้วเขาฝึกฝนจนถึงจุดสูงสุดของศิลปะการต่อสู้ระดับเก้าและเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ที่หาได้ยากในรอบพันปี

ตามที่อาจารย์ของเขาเคยกล่าวไว้ ระดับที่สูงกว่าจอมยุทธ์ระดับเก้า ถือเป็นคนละโลกกันอย่างสิ้นเชิง

ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาไม่ว่าเย่ซิวจะฝึกฝนมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทะลวงผ่านไปอีกขั้้นได้

……

หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็กลับมาและเริ่มทำอาหาร

ไม่นานนัก กลิ่นหอมก็โชยออกมา

เย่ซิวหยุดฝึกฝนและเดินไปที่ห้องครัว

จึงได้เห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำอาหารอย่างจริงจัง

ภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกที่อบอุ่นมาก

หลิ่วเมิ่งอิ๋นเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นกุลสตรีและน่ารักอย่างไม่ต้องสงสัย

ปกติเด็กผู้หญิงทั่วไปในวัยนี้ยังเรียนหนังสืออยู่ แต่เธอกลับต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งของชีวิต

"พี่เย่ ทำไมพี่มาที่นี่ได้ล่ะ ห้องครัวมีเต็มควันเต็มไปหมด พี่ไปรอข้างนอกเถอะ"

เย่ซิวส่ายหน้า "ไม่เป็นไร ตอนนี้เธอไม่ได้เรียนหนังสือแล้วเหรอ?"

สีหน้าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นมืดลง "ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยเจียงเฉิงได้แล้ว แต่..."

ถึงแม้เธอไม่พูดต่อแต่เย่ซิวก็รู้เหตุผล

เย่ซิวแอบคิดในใจว่าเมื่อเขาได้รับเงินสองร้อยล้านหยวนของเขา เขาจะสามารถนำเงินบางส่วนไปชำระค่าเล่าเรียนให้กับหลิ่วเมิ่งอิ๋นได้

ผู้หญิงดี ๆ แบบนี้ควรค่าที่จะได้รับการศึกษาที่ดี

หลิ่วมู่เพิ่งหายจากอาการป่วยหนัก เขายังไม่สามารถทานอาหารที่มันเยิ้มได้

หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงป้อนโจ๊กเนื้อไม่ติดมันให้เขา

ท่ามกลางมื้ออาหารเย็น หลิ่วเมิ่งอิ๋นเปิดเบียร์สองกระป๋องและแบ่งให้เย่ซิว

"พี่เย่ ฉันนับถือพี่ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพ่อ"

หลังจากพูดจบเธอก็หยิบเบียร์ขึ้นมา แล้วเงยหน้าเทเบียร์เข้าปาก

เย่ซิวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอดื่มเบียร์ไม่เป็น

ก่อนที่เย่ซิวจะทันห้ามเธอได้ เธอก็ดื่มไปแล้วครึ่งกระป๋อง

เธอเรออย่างหนัก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาอดเอ็นดูเธอไม่ได้

"ถ้าดื่มไม่เป็นก็อย่าดื่ม"

"ไม่เป็นไร วันนี้ฉันมีความสุขมาก" หลิ่วเมิ่งอิ๋นคีบอาหารจากจานให้เย่ซิว "ลองหอยนางรมพวกนี้ดูสิ"

บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารแสนอร่อยจากฝีมือของหลิ่วเมิ่งอิ๋น

เย่ซิวพยักหน้าขณะรับประทานอาหาร "ฝีมือทำอาหารของเธอน่าทึ่งมาก ต่อไปใครได้แต่งงานกับ เขาคนนั้นคงรับได้พรที่ยิ่งใหญ่จากสวรรค์แน่"

ดวงตาของหลิ่วเมิ่งอิ๋นหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ภายในใจจึงรู้สึกเขินอาย เธอมองไปที่เย่ซิวและกระซิบ "พี่ชาย พี่... มีแฟนหรือยัง?"

เย่ซิวส่ายหน้า "ฉันไม่มีหรอก"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกเบิกบานใจเป็นที่สุด

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เมา

เย่ซิวเรียกเธอหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่มีทีท่าตอบกลับ เขาจึงอุ้มเธอเข้าห้องนอน

ในตอนนี้หลิ่วเมิ่งอิ๋นเปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือ ที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด

ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เธอหลับตาแน่น ขนตาสั่นไหวเล็กน้อย

ผิวของเธอมีสีขาวราวกับหิมะ นุ่มนิ่มราวกับเยลลี่น่าลิ้มลอง

ระลอกคลื่นก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของเย่ซิว เลือดในกายสูบฉีดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

เขาค่อย ๆ วางหลิ่วเมิ่งอิ๋นลงบนเตียง คลุมผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินออกจากห้องนอนไป

แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโอกาสเอาเปรียบเธอได้ แต่เขาก็ทำไม่ลง

ท้ายที่สุดเขาก็งีบหลับไปในห้องนั่งเล่น

เขาตื่นขึ้นในเวลาหกโมงเช้า

สิ่งแรกที่ทำคือการเปิดโทรศัพท์รุ่นเก่าของตัวเอง เพื่อตรวจดูว่าเงินเข้าบัญชีแล้วหรือยัง

"ยังอีกเหรอ?" เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย

"เงินถูกโอนตั้งแต่บ่ายวานนี้ รออีกสักหน่อยแล้วกัน"

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย เขาก็ฝังเข็มให้หลิ่วมู่อีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่ใช่วิชาวิญญาณสิบสามเข็มแต่เป็นเพียงการฝังเข็มง่าย ๆ เพื่อการพักฟื้นเท่านั้น

"ขอบคุณมาก ผู้มีพระคุณ" หลิ่วมู่รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

เขารู้สึกว่าอาการของเขาดีขึ้นกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด

เย่ซิวโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ "คุณลุงไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอก การรักษาคนเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว"

หลิ่วมู่มองไปยังเย่ซิว ยิ่งมองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้น

"พ่อคะ พี่เย่"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นผลักประตูเข้าไปและเอ่ยเรียกเสียงสดใส

หญิงสาวรู้สึกเขินอาย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับมะเขือเทศสุก เธอไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองเย่ซิว

เมื่อคืนเธอเมาจริง ๆ ทั้งยังตื่นขึ้นมาบนเตียงของตัวเองด้วย

เห็นได้ชัดว่าเป็นเย่ซิวที่อุ้มเธอเข้ามา

เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนเขาได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ก็ยิ่งทำให้เธอเขินอายมากขึ้น แต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจเลยแม้แต่น้อย

หลิ่วมู่หัวเราะ "ลูกสาวของพ่อตื่นแล้ว รีบไปทำอาหารเถอะ"

"อ้อ เข้าใจแล้วค่ะ"

ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ เห็นได้ชัดว่าอาการของหลิ่วมู่กำลังฟื้นตัวได้อย่างดีมาก ใบหน้าของเขามีเลือดฝาดไม่ซีดเซียวเหมือนก่อนแล้ว

สิ่งนี้ยิ่งทำให้หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกขอบคุณเย่ซิวมากยิ่งขึ้น

หลังจากทานอาหารเสร็จ เย่ซิวได้เขียนสูตรเสริมอาหารให้หลิ่วเมิ่งอิ๋น

"กินอาหารตามนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนก็จะหายเป็นปกติแล้ว"

หลังจากพูดจบเขาเอ่ยว่า "ผมควรไปได้แล้ว"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกกระวนกระวายใจ "พี่เย่ คุณจะไปไหน?"

"ไปมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง" เย่ซิวลูบหัวเธอ "อาการของพ่อเธอไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องไปเรียนเสียที ส่วนเรื่องค่าเรียนฉันให้เธอยืมก่อน แล้วเธอค่อยจ่ายคืนในภายหลัง"

เขาไม่ได้บอกว่าจะให้เธอไปเฉย ๆ

ผู้หญิงคนนี้อาจดูเหมือนอ่อนแอ แต่ศักดิ์ศรีในตนเองของเธอนับว่าแข็งแกร่งมาก

หลิ่วเมิ่งอิ๋น กัดริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อย "ทำไมพี่ถึงดีกับฉันขนาดนี้?"

เย่ซิวพูดติดตลก "เพราะฉันอยากหลอกให้เธอไปทำหน้าที่ภรรยาให้ฉันไงล่ะ"

ใบหน้าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง เธอเอ่ยอย่างแผ่วเบา "ก็เอาสิ"

"อะไรนะ?" คำพูดนั้นเบาเกินไป เย่ซิวจึงได้ยินไม่ชัดเจนนัก

"ไม่ ไม่มีอะไร…" หลิ่วเมิ่งอิ๋นส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"เอาล่ะ ถ้าไม่ติดขัดอะไรก็ขอเบอร์โทรศัพท์หน่อย"

หลิ่วเมิ่งอิ๋นรีบยื่นโทรศัพท์ให้เย่ซิวอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น เย่ซิวก็จากไป

หลิ่วเมิ่งอิ๋น มองตามแผ่นหลังของเย่ซิวด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่ง

เย่ซิวเดินมาถึงที่ป้ายรถเมล์และมองหาเส้นทางไปยังมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง

วันนี้ดูเหมือนบนถนนรถจะหนาแน่นเป็นพิเศษ การจราจรจึงติดขัดกว่าปกติ

เย่ซิวหันหลังให้กับถนน เขากำลังดูเส้นทางเดินรถเมล์อยู่

เอี๊ยด!

รถสปอร์ตหรูคันหนึ่งพุ่งเข้ามาเบรกอย่างกะทันหัน จนยางเสียดสีกับพื้นถนนทำให้เกิดเสียงดังสนั่น

กระจกรถถูกเลื่อนลงมา ชายคนหนึ่งสูบบุหรี่พลางเอ่ยว่า "วันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ นายน่าจะมาฉลองวันเกิดกับคุณปู่ของฉันนะ"

คิ้วของเย่ซิวกระตุกเล็กน้อยขณะที่เขามองดูเส้นทางรถเมล์

เขาจำเจ้าของเสียงได้ นี้คือเสียงของจ้าวเฟิง

ภายในรถหรู มีเสียงส่งเสน่ห์ดังขึ้น "ครั้งนี้ นายน้อยเตรียมของขวัญอะไรให้คุณปู่เหรอ?"

จ้าวเฟิงหัวเราะ "ฉันจะบอกเอาไว้เลยนะ เมื่อวานมีคนโง่ขายหุ้นห้าเปอร์เซ็นของเขาให้พ่อของฉัน

หุ้นมีมูลค่าถึงสองร้อยล้านหยวนเชียวนะ แต่หลังจากโอนเงิน ฉันก็โทรไปยกเลิกกับธนาคาร อ้อ! เมื่อวานได้เงินสองร้อยล้านหยวนมาฟรี ๆ พวกเราไปร้านขายโบราณวัตถุกันดีกว่า คราวนี้จะซื้อโบราณวัตถุราคาหลายสิบล้านให้ปู่ก็แล้วกัน เขาจะได้มีความสุข!"

เย่ซิวหันกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย และรถสปอร์ตคันนั้นก็แล่นออกไป

เมื่อรถสปอร์ตหายไปจากสายตา ใบหน้าของเย่ซิวก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นเยือก

"เยี่ยมเลย ขนาดฉันยังใช้ชีวิตมีแบบแผน แต่นายกลับใช้ชีวิตอย่างประมาทเสียจริง!"

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเซี่ยเจี๋ย

เขาจำเป็นต้องรู้ว่าปู่ของจ้าวเฟิงฉลองวันเกิดที่ใด

หลังจากขอที่อยู่มาแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต เลือกซื้อนาฬิกาเรือนหนึ่งหลังจากบรรจุลงกล่องของขวัญแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังใจกลางเมืองทันที

ในอีกด้านหนึ่งเซี่ยเจี๋ยวางสายโทรศัพท์และพูดอย่างครุ่นคิดไปว่า "ผู้มีพระคุณของฉันไปแสดงความยินดีกับจ้าว จางเหอในวันเกิดของเขาด้วย งั้นฉันก็ต้องไปที่นั่นเหมือนกัน!"

Related chapters

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 9

    ที่หน้าลานตระกูลจ้าว วันนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ เหล่าคนมีอำนาจในเมืองเจียงเฉิงเดินทางมาถึงแล้ว รถยนต์หรูหราหลายคันจอดอยู่ด้านนอกวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของจ้าวจางแห่งตระกูลจ้าว จ้าวจางเป็นที่รู้จักกันในนามบุคคลในตำนาน เขาเป็นจอมยุทธ์ระดับสามและมีธุรกิจภายใต้ชื่อของเขามากมายนอกจากบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ปแล้ว เขายังดำเนินกิจการสถานบันเทิงมากกว่าสิบแห่ง และมีเครือข่ายอิทธิพลกว้างขวางในเจียงเฉิง ตระกูลจ้าวถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ"บริษัทต้าเหิงเรียลเอสเตทมอบขาวหยกคู่หนึ่ง""เฉิงซิ่นแอนทีคมอบสร้อยประคำ" "โรงรับจำนำตระกูลเฉินมอบหยกหรูอี้คู่หนึ่ง"ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลจ้าว พ่อบ้านกำลังรายงานของขวัญจากแต่ละตระกูลที่ส่งมาด้วยเสียงดังอย่างต่อเนื่องของขวัญชิ้นใดชิ้นหนึ่งเหล่านี้มีมูลค่าถึงหกหลักเลยทีเดียวเย่ซิวมาถึงแล้วเขาถือถุงพลาสติกสีดำอยู่ในมือด้วยสีหน้าเย็นชาทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมากทันทีในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ทุกคนล้วนแต่งตัวเต็มยศเพื่อเข้าร่วมงาน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สวมชุดกีฬา นี่มันจงใจมองข้ามระเบียบกันชัด ๆ เขาไ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 10

    ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเจี๋ยก็เดินเข้ามาจากด้านนอกทันใดนั้น แขกเหรื่อภายในงานต่างก็ลุกขึ้นยืนรัศมีอันทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยเจี๋ย ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย"คุณเซี่ย!" จ้าวจางรู้สึกประหลาดใจและรีบเดินเข้ามาหา "คุณมาได้ยังไง?"ใบหน้าของจ้าวเฉียนปรากฏรอยยิ้มกว้าง "คุณเซี่ยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพ่อของผมในวันเกิดเขาสินะ?"แขกเหรื่อหลายคนมองจ้าวจางด้วยความอิจฉาเมื่อได้ยินเรื่องนี้การที่เซี่ยเจี๋ยมาร่วมแสดงความยินดีในวันเกิดด้วยตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!หากเปรียบตระกูลจ้าวเป็นงู เซี่ยเจี๋ยก็คือมังกรใหญ่การบดขยี้ตระกูลจ้าวให้สิ้นซากเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เพียงแค่ดีดนิ้วทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากองได้ทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวจางที่ยื่นมือออกมา เซี่ยเจี๋ยมีสีหน้าเย็นชาและไม่ได้แสดงทีท่าใดใด "มีค่าพอจะจับมือกับฉันด้วยเหรอ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวจางแข็งค้างไปแขกเหรื่อหลายคนก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เขาไม่สนใจใบหน้าบอกบุญไม่รับของจ้าวจาง เซี่ยเจี๋ยเดินผ่านเขาและโค้งคำนับต่อหน้าเย่ซิวด้วยความน้อมน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 11

    เย่ซิวสกัดหมัดได้อย่างง่ายดายพลางพูดอย่างใจเย็น “ฉันแค่มาที่นี่เพื่อตามหาคน ไม่ได้อยากจะรังแกนาย”นักศึกษาหลายคนในบริเวณใกล้เคียงดูประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเย่ซิวสกัดหมัดของชายหนุ่มร่างกำยำได้อย่างง่ายดายเพียงใด“เพื่อนนักศึกษาคนนี้แข็งแกร่งมาก เขาสกัดกั้นการโจมตีของจางเทาได้อย่างง่ายดาย”“ช่างบังเอิญจริง ๆ จางเทาเป็นนักเทควันโดสายดำระดับแปด เขามีพละกำลังมาก ฉันเคยเห็นเขาเอาชนะผู้ใหญ่ห้าหกคนด้วยตัวเขาเองเลยนะ”“ฉันก็ว่าอย่างนั้น”จางเทาทั้งตกใจทั้งโกรธ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถหลุดออกจากฝ่ามือของเย่ซิวได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว ยังไม่ปล่อยฉันอีก หาเรื่องตายเรอะ?!”เย่ซิวปล่อยมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เพื่อนนักศึกษา ฉันแค่อยากจะเข้าไปตามหาคน นายช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหม?”เขาไม่เคยไปเรียนที่นี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเห็นใจเพื่อนนักศึกษาเป็นพิเศษ ก็ไม่อยากทำร้ายพวกเขาเว้นเสียแต่จะจำเป็นจริง ๆแต่ในสายตาของจางเทา ท่าทางของเย่ซิวถือว่าเป็นการทำให้เขาอับอายเขาคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย “พวกแกมัวยืนทำอะไร? มาช่วยกันจัดการมันสิ!”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 12

    เย่ซิวเดินไปหาลู่เสวี่ยเอ๋อร์โดยไม่สนใจคำเตือนของหวังเฟย การกระทำนี้ทำให้ความเย็นชาในดวงตาของหวังเฟยยิ่งทวีขึ้นไปอีกแต่เขาก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาเสียเดี๋ยวนั้นเขามักจะแสดงรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและสง่างามต่อโลกภายนอกซึ่งเป็นวิธีการที่สำคัญมากสำหรับเขาในการจีบสาวโดยผิวเผินแล้ว เขาคงไม่สามารถทำอะไรกับเย่ซิวได้ แต่เขาแอบคิดไว้แล้วว่าจะจัดการกับเย่ซิวอย่างไรเพื่อนนักศึกษาชายคนอื่น ๆ ก็รีบเข้ามาด้วยเช่นกัน ทำให้หวังเฟยรู้สึกรำคาญมากยิ่งขึ้นมีคนมากมายหลั่งไหลเข้ามา จนไม่มีทางหยุดพวกเขาได้แล้วในเวลานี้ เย่ซิวเดินไปลู่เสวี่ยเอ๋อร์รูปร่างของเธอช่างสูงจริง ๆ โดยเฉพาะเรียวขางามของเธอที่เรียวและตรง เรียกได้ว่าตั้งแต่คอลงมา ขาของเธอถึงเป็นจุดนำสายตาที่สุดเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไร ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ก็จะเป็นจุดสนใจของฝูงชนได้อย่างแท้จริง“สวัดดี คุณคือลู่เสวี่ยเอ๋อร์ใช่รึเปล่า?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนสนิทของเธอหันกลับมาเห็นเย่ซิวที่มีหน้าตาสดใส ประกอบกับดวงตาที่ใสสะอาดยืนอยู่ตรงหน้าเธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างสุภาพ “ใช่ ฉันเอง นายมีธุระอะไรเหรอ?”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 13

    หวังเฟยกดโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองข้างตอบกลับข้อความของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว: ไม่มีปัญหา ฉันจะโอนเงินให้เธอเดี๋ยวนี้เลยณ หอพักที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์พักอยู่ หลี่เยี่ยนอ่านข้อความที่หวังเฟยส่งมาทางโทรศัพท์มุมปากของเธอมีรอยยิ้มแปลก ๆ เธอส่งเลขบัญชีธนาคารของเธอไป ใช้เวลาไม่นานก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินสองล้านโอนมาให้ทันทีที่ลบข้อความที่แจ้งว่าบัญชีของเธอได้รับโอนเงินเข้ามา เธอที่นั่งอยู่บนเตียงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เสวี่ยเอ๋อร์ คืนนี้เราไปกินหม้อไฟหม่าล่ากันเถอะ ตกลงไหม?”“คืนนี้เหรอ? แต่ฉันอยากอ่านหนังสืออยู่ที่หอมากกว่า”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีนิสัยรักสงบ ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนนักศึกษาคนอื่นมีความรักกันแต่เธอเป็นคนเดียวที่เอาแต่สนใจเรื่องเรียน“โอ๊ย หนังสืออ่านตอนไหนก็ได้ อีกอย่าง เธอจะอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ได้สิ ไม่งั้นก็พลอยจะทำให้คนอื่นเขาดูโง่หมด ตอนกลางคืนไม่ต้องอ่านหรอก กินเสร็จก็ค่อยรีบกลับมา จะได้ไม่เสียเวลามาก” “แต่ว่า…” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลังเล แต่หลี่เยี่ยนกลับไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ“คุณน้องคะ เห็นแก่ที่ฉันช่วยเธอกันพวกผู้ชายมาให้ตั้งนาน แล้ววัน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 14

    ฟุ่บ! ฟุ่บ!จางเทาและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงตรงนั้นและรีบคำนับอย่างรวดเร็วแม้แต่คนที่ดุร้ายอย่างหมาป่าตาเดียวยังถูกเย่ซิวเล่นเสียน่วมแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย“พี่ใหญ่ พวกเราผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”“อย่าฆ่าผมเลย ผมยังมีพ่อแม่มีพี่น้องต้องดูแล คิดเสียว่าฉันเป็นลูหมาตัวหนึ่ง แล้วปล่อยผมไปเถอะ”“พี่ใหญ่ ถ้าพี่ไว้ชีวิตผม ผมจะแนะนำน้องสาวให้รู้จัก ผมยกแฟนตัวเองให้พี่เลยก็ยังได้”……ดวงตาของเย่ซิวเย็นชา คนเหล่านี้ไม่สมควรตาย แต่ก็ไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบยาหนึ่งเม็ดออกมาจากกระเป๋าแล้วบดมันจากนั้นเขาก็เปิดปากคนเหล่านี้อย่างไร้ความปราณี พลางยัดยาเข้าไป และบังคับให้พวกเขากลืนจางเทาและคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัว“ไม่ต้องกังวล ยาตัวนี้ไม่มีผลข้างเคียงมากนัก พวกนายแค่ต้องกินยาแก้พิษปีละครั้ง ไม่อย่างนั้นเลือดจะออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย”“ถ้าพวกแกหยุดทำความชั่วภายในหนึ่งปี ฉันจะให้ยาถอนพิษ”“แน่นอนว่าพวกแกจะไปตรวจที่โรงพยาบาลก็ได้ แต่พวกเขาก็จะบอกพวกแกอย่างแน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดปกติ”จางเทาและคนอื่น ๆ ต่างก็ดูซีดเซียวหลังจากที่เห็นว่าเย่ซิวน่ากลัวเพียงใด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 15

    ในที่สุด ตามคำร้องขออย่างจริงใจของเถ้าแก่ เย่ซิวก็ยอมรับซองสีแดงมูลค่าสองพันหยวนมาไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้กินอาหารฟรี แถมยังได้เงินสองพันหยวนเย่ซิวยืนขึ้น เขากินจนเกือบจะอิ่มแล้ว และก็พร้อมที่จะไปทักทายลู่เสวี่ยเอ๋อร์แล้วแต่ทันทีที่เขาลุกขึ้น เขาเห็นหวังเฟยผลักประตูเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเพื่อนอยู่ในห้องส่วนตัว หลี่เยี่ยนคีบอาหารให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อย่างกระตือรือร้น ในตอนที่เธอไม่ได้สนใจ เธอจึงโยนยาเม็ดเล็ก ๆ ลงในชาม และยาก็ละลายทันที“เสวี่ยเอ๋อร์ ลองนี่ดูสิ อร่อยนะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กินเข้าไปพลางสงสัยเล็กน้อย “ทำไมฉันรู้สึกว่าวันนี้เธอแปลก ๆ?”“ไม่หรอก เธอคิดมากไปแล้ว รีบกินเร็วเข้า อร่อยนะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์สับสนและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นสิ่งใดเธอหยิบชามและตะเกียบขึ้นมาแล้วอยากจะกินเนื้ออีกชิ้นแต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอ่อนแรงจนตะเกียบตกจากนิ้วปึง! ปึง!ในขณะเดียวกันนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลี่เยี่ยนลุกขึ้นไปเปิดประตู และพาหวังเฟยเข้ามาลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีในใจ แต่เธอก็ยังคงสามารถรักษาสติของเธอเอา

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 16

    โคมไฟประดับส่องแสงสว่างกลางเมืองในยามค่ำคืนเย่ซิวและลู่เสวี่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ริมถนนเส้นใหญ่ บุรุษรูปงามและสตรีผู้มีลักษณะโดดเด่น สำหรับคนภายนอกที่มองมา พวกเขาดูเหมือนคู่กิ่งทองใบหยกลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลูบผมบนหน้าผากของเธอให้เรียบ มองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เปียกชื้น และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมาก “เพื่อนนักศึกษา ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย”“ผมชื่อเย่ซิว”แสงในดวงตาของลู่เสวี่ยเอ๋อร์สว่างวาบขึ้นอีกเล็กน้อย “ขอบใจสำหรับเรื่องวันนี้มากนะเพื่อนนักศึกษาเย่ ถ้าไม่มีนาย ทั้งชีวิตของฉันคงพังไปแล้ว”“ไม่เป็นไรหรอก จริง ๆ แล้วผมเองก็มีจุดประสงค์ที่ช่วยคุณ” เย่ซิวบอกความจริง“หา?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อุทาน ความคิดของเธอแตกกระจายออกไปนึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เย่ซิวชวนเธอไปกินข้าว หรือว่าเพราะเขาชอบเธอ เลยทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามแล้วจากนั้นก็จะขอเธอเป็นแฟน?ลู่เสวี่ยเอ๋อร์แอบมองเย่ซิว แล้วจึงรีบเบือนหน้าหนีใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อยหัวใจของเธอสับสน ‘ทำยังไงดี? เขาเพิ่งช่วยฉันไว้ ดูเหมือนจะค่อยไม่ดีนักถ้าฉันไม่ตกลงเป็นแฟนของเขา อีกทั้งเพื่อนนักศึกษาเย่ก็ดูหล่อและนิสัยดีมาก…’ขณะที่เธอกำลังสับ

Latest chapter

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 830

    ฐานทัพทหารทั้งหมดของประเทศอ่ายเหรินถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลองในชั่วพริบตาภาพเหตุการณ์นี้ถูกดาวเทียมบนท้องฟ้าจับไว้ได้ และส่งต่อไปยังห้องควบคุมของประเทศมหาอำนาจทั้งหลายในทันทีใบหน้าของคนเหล่านั้นเปลี่ยนสีด้วยความตกใจ พวกเขาลุกพรวดขึ้นแล้วรายงานภาพที่เห็นให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ“แค่ก ๆ ๆ...”ชายชราไออย่างหนัก ดวงตาจับจ้องไปยังเบื้องหน้าไม่ละสายตาเบื้องหน้าที่ม่านหมอกปกคลุมอยู่ มีร่างของเย่ซิวยืนถือกระบี่เดินออกมาด้วยลมหายใจที่มั่นคง เขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย“ความสามารถไม่เลว แต่คุณกระทั่งทำให้ผมบาดเจ็บก็ยังไม่มีปัญญา แล้วยังกล้าโลภในร่างกายของผม โง่จริง ๆ”“หนุ่มสาวสมัยนี้ช่างน่าทึ่งจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่เธอครอบครองเนตรจักรพรรดิ” ชายชราหัวเราะเสียงเย็น “แต่ว่านะ ชัยชนะก็ยังคงเป็นของฉันอยู่ดี”พูดจบ เขาก็หยิบเข็มทิศออกมาจากอกเสื้ออย่างรวดเร็ว แล้วโยนมันลงพื้นเย่ซิวรู้สึกถึงอันตราย จึงรีบถอยหลังโดยไม่หยุดคิดสักนิดแต่ก็ยังช้าไปหนึ่งก้าวเข็มทิศขยายตัวขึ้นอย่างเร็วมาก พร้อมปลดปล่อยลำแสงออกมาจนก่อตัวเป็นค่ายกลที่แน่นหนา ปิดล้อมเย่ซิวไว้ด้านในจากนั้นเถาวัลย์นับไม่ถ้วนก็เ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 829

    “นั่นใคร”ทันทีเชื่อมต่อสาย น้ำเสียงเย็นชาของหงอีก็ดังขึ้นที่ปลายสาย ฟังแล้วชวนให้รู้สึกขนลุกมาก“ฉันเอง” เย่ซิวตอบด้วยเสียงเรียบปลายสายเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า “มีเรื่องอะไร?”“เธอรู้จักเฟยอวี่ใช่ไหม พวกเธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่และกำลังร่วมมือกันทำอะไรอยู่”“ไม่เกี่ยวกับนาย มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีฉันจะวางสายแล้ว”ท่าทีของผู้หญิงคนนี้เย็นชามาก ไม่ได้มองเลยว่าเย่ซิวเป็นผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้ตู๊ด... ตู๊ด...เย่ซิวยังไม่ทันจะได้พูดต่อ หงอีก็ชิงตัดสายไปก่อนเย่ซิวหัวเราะอย่างโกรธเคือง “ผู้หญิงคนนี้โอหังจริง ๆ”ผู้หญิงคนนี้พลิกลิ้นแสดงให้เห็นถึงการเนรคุณคนได้อย่างชัดเจนแต่เย่ซิวก็สงบอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วหงอีนับว่าเป็นคนที่เขาฝึกฝนขึ้นมาเองก็ได้ เขาไม่ได้กังวลว่าเธอจะหลุดพ้นจากการควบคุมของเขาไปโดยสมบูรณ์ตอนนี้ปล่อยให้เธอหยิ่งผยองไปก่อน ในอนาคตยังมีโอกาสจัดการกับเธออีกมากเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า เย่ซิวก็ยืดตัวแล้วพุ่งทะยานขึ้นฟ้าครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงหน้าฐานทัพแห่งหนึ่งของประเทศอ่ายเหรินเมื่อร่างร่อนลงถึงพื้น เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 828

    ความรู้สึกนี้ช่างน่าพึงพอใจเสียจนทำให้เถียนเถียนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยอ่างสมุนไพรที่แต่เดิมสีสันสดใสค่อย ๆ กลายเป็นใสกระจ่างอย่างรวดเร็วร่างกายของเถียนเถียนเองก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่งจากนั้น เย่ซิวก็วางมือลงบนหน้าผากของเธอ พลังจิตหลั่งไหลเข้าสู่ภายในในไม่ช้าเขาก็พบจุดที่หงอีใช้ควบคุมเธอ มันเป็นตราสีแดงซึ่งประทับอยู่บริเวณหัวใจตราหนึ่งเย่ซิวไม่ได้ทำลายตรานั้น แต่ใช้พลังจิตสร้างเกราะไร้รูปปกคลุมตราไว้ด้วยวิธีนี้ หงอีจะไม่สามารถใช้ความคิดควบคุมความเป็นความตายของเถียนเถียนได้เพียงแต่แค่นี้ยังไม่พอเย่ซิวใช้พลังจิตกวาดสำรวจร่างกายของเถียนเถียนทั้งภายในและภายนอกทำให้เธออดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง ร่างกายเกิดขนลุกขึ้นมาทันที รู้สึกว่าความลับทั้งหมดของเธอถูกเปิดเผยต่อหน้าชายคนนี้แล้วไม่นานเย่ซิวก็ตรวจพบว่าร่างกายของเถียนเถียนมีคุณสมบัติที่เอนเอียงไปทางธาตุน้ำเขาจึงดึงพลังวิญญาณธาตุน้ำของตัวเองออกมาแล้วส่งเข้าไปในร่างของเธอการเสริมความแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ ทำให้เธอสามารถรองรับพลังวิญญาณของเย่ซิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ความแข็งแกร่งของเธอเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากหนึ่งชั่วโมงต่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 827

    “ฉันรู้ค่ะ ผู้หญิงคนนั้นชื่อเฟยอวี่ใช่ไหม เมื่อวานฉันเพิ่งเจอเธอมา”เย่ซิวมองอย่างเคร่งขรึม “เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”เถียนเถียนตอบ “เหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะไปประเทศจ้านอิงตี้เมื่อไม่นานนี้ แล้วบังเอิญเจอกับราชินีหลังจากนั้นพวกเธอน่าจะทำข้อตกลงบางอย่างกัน ครั้งนี้ที่ราชินีส่งฉันมา ก็เพื่อให้เอาของบางอย่างมาให้เธอแต่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร”เย่ซิวครุ่นคิดอยู่ในใจ สายตาพลันก็จับจ้องไปที่เถียนเถียนสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดันนี้ ทำให้เถียนเถียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอบิดตัวไปมาอย่างไม่สบายใจ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า“คุณเย่คะ คุณต้องการให้ฉันรับใช้คุณหรือเปล่า ไปที่อื่นกันเถอะ”อย่ามองว่าผู้หญิงคนนี้แสดงออกอย่างเชี่ยวชาญ แต่ความจริงแล้วเธอยังไร้เดียงสามากด้วยทัศนคติที่เย่อหยิ่งของหงอีแบบนั้น คนที่เธอจะยอมให้กอดครั้งแรกนั้น ย่อมต้องสะอาดบริสุทธิ์เท่านั้นการแสดงท่าทางยั่วยวนของเธอ ก็เป็นเพียงแค่การอำพรางตัวเพื่อการล่าเหยื่อเย่ซิวส่ายหัว “เธอคิดมากเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้สนใจเรือนร่างของเธอ”เถียนเถียนดูเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย ผู้ชายแบบเย่ซิว ใครบ้างล่ะจะไม่อยากมีอะไรกับเข

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 826

    ไม่มีการเคลื่อนไหวที่หวือหวาเกินไป เพียงแค่ฟันไปข้างหน้าเบา ๆคลื่นปราณกระบี่ทรงกลมก็ระเบิดออกมา จากนั้นก็ไม่มีหลังจากนั้นอีกแล้วทั้งห้องเงียบสงัด นอกจากเย่ซิวกับเถียนเถียนที่ยังคงยืนอยู่ คนอื่น ๆ ล้วนตายหมดปึก!เถียนเถียนถึงกับเข่าทรุด ล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยความหวาดกลัว ในหัวเต็มไปด้วยคำถามนับไม่ถ้วน ร่างกายสั่นสะท้าน แม้แต่ฟันก็ยังสั่นกึก ๆเธอมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดผวานี่เป็นการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวแบบไหน?เพียงหนึ่งดาบก็สามารถฆ่าผู้มีพลังวิเศษ นักเวท และนักรบยีนกว่าร้อยชีวิตได้ในพริบตา!"ท่านเป็นใครกันแน่?"เถียนเถียนเงยหน้าขึ้น มองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงรูปร่างและหน้าตาของเย่ซิวนั้นซิวบิดเบี้ยวไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับคืนสู่รูปโฉมดั้งเดิมเมื่อเห็นใบหน้านี้ เถียนเถียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหนัก ๆ"ที่แท้ก็เป็นท่าน ท่านยังไม่ตาย ราชินีพูดไว้ไม่ผิดจริง ๆ"หัวใจของเย่ซิวไหววูบ "หงอีเดาได้แล้วงั้นเหรอ?"เถียนเถียนพยักหน้า "ใช่ค่ะ ตอนนั้นฉันไปรายงานข่าวนี้กับราชินี เธอก็พูดว่าท่านไม่มีทางตายไปง่าย ๆตอนนั้นฉันยังคิดเลยว่าใคร

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 825

    วิชาแยกร่างเบญจธาตุ!ตัวอักษรโบราณหลายพันตัวหลอมรวมเข้าสู่จิตใจของเย่ซิวและรวมกันเป็นคำเหล่านี้เมื่อจิตสำนึกของเย่ซิวเพ่งไปที่คำเหล่านี้ ฉับพลันนั้นเขาก็เข้าใจในเนื้อหาทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้อย่างถ่องแท้นี่เป็นวิชาลับที่ทรงพลังอย่างยิ่ง สามารถสร้างร่างแยกเบญจธาตุขึ้นมาได้แน่นอน เฉพาะกับคนอย่างเย่ซิวที่ถือครองจินตานเบญธาตุหรือเกิดมาพร้อมกายาเบญจธาตุเท่านั้นจึงจะฝึกฝนวิชานี้ได้เย่ซิวดีใจจนแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ นี่ช่างเป็นโชคครั้งมหาศาลจริง ๆตามที่วิชาลับนี้อธิบายไว้ ร่างแยกเบญจธาตุนั้นแตกต่างจากวิชาแยกร่างทั่วไปโดยสิ้นเชิงวิชาแยกร่างทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่ร่างแยกที่สร้างขึ้นมาจะมีพลังเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของร่างต้น หรือไม่ก็มีระยะเวลาคงอยู่ที่สั้นมากแต่ร่างแยกจากวิชาแยกร่างเบญจธาตุ ไม่เพียงแต่สามารถคงอยู่อย่างถาวร ยังสามารถบำเพ็ญตนด้วยตัวเองและพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่องร่างแยกแต่ละร่างจะมีพลังถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ของร่างต้นอย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะทรงพลังมาก แต่การสร้างร่างแยกนั้นจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณสมบัติของธาตุทั้งห้า ซึ่งเย่ซิวยังไม่มีสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 824

    เย่ซิวทำเหมือนมองไม่เห็นมันราคานี้ถือว่าสูงมากแล้วไม่ใช่ว่าทุกคนจะรวยเหมือนเย่ซิว ราคานี้เกินความสามารถของคนส่วนใหญ่ที่จะรับไหวในที่สุดอัญมณีเม็ดนี้ก็ถูกเย่ซิวซื้อมาอีกเช่นกันเถียนเถียนมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเธออยากจะออดอ้อนสักสองสามคำ เผื่อว่าเย่ซิวจะซื้ออะไรให้ตัวเองบ้างแต่เธอไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะทำให้เย่ซิวโกรธ นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอนจากนั้นคนที่สี่ก็ขึ้นมาเป็นชายคนหนึ่งที่มีขนคล้ายเข็มเหล็กทั่วทั้งร่างในมือเขาถือจี้หยกชิ้นหนึ่งเอาไว้ ทว่าบนจี้หยกนั้นมีรอยร้าวอยู่หลายจุด“สิ่งนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มันมีคุณสมบัติช่วยให้สงบจิตใจเมื่อสวมใส่ในขณะการบำเพ็ญตน จะไม่ทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดใด ๆ ขึ้นถ้าตอนนี้ผมไม่ขัดสนเรื่องเงินละก็ ก็คงไม่ขายมันออกไป ราคาประมูลเริ่มต้นคือห้าร้อยล้านเหรียญจ้านอิงตี้”หลายคนเผยสีหน้าสนใจเป็นที่รู้กันว่ายิ่งพลังแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ในระหว่างการบำเพ็ญตนจะยิ่งเกิดอารมณ์ด้านลบได้ง่ายขึ้นเท่านั้นมีจี้หยกชิ้นนี้อยู่ในมือ ก็จะสามารถแก้ไขปัญหานั้นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นไม่นานก็มีคนเริ่มเสนอราคาที

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 823

    นี่คือยันต์สายฟ้าหยิน!เป็นของที่หายากและล้ำค่าอย่างยิ่งในยุคโบราณ ซึ่งทำให้ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของมันยันต์ชนิดนี้แตกต่างจากยันต์แบบใช้ครั้งเดียวทั่วไป เพราะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่มีฝนตกหรืออากาศชื้น หากโยนมันออกไป มันจะสามารถดึงสายฟ้าจากฟากฟ้าลงมาและผนึกไว้ในนั้นได้ผู้บำเพ็ญตนส่วนใหญ่ล้วนกลัวสายฟ้าการถือยันต์เช่นนี้ไว้ในมือ จะทำให้คนส่วนใหญ่อยากอยู่ห่างจากมันยันต์แผ่นนี้ตัวเองจะต้องคว้ามันมาให้ได้ในงานประมูลมีบางคนสนใจมันเช่นกัน แต่การเพิ่มราคาของพวกเขาแต่ละครั้งเพิ่มขึ้นแค่หนึ่งหมื่นเหรียญจ้านอิงตี้เท่านั้นในปัจจุบัน อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินของประเทศจ้านอิงตี้กับประเทศหลงเถิงนั้นอยู่ที่หนึ่งต่อสามสิบห้าเย่ซิวเสนอราคาไปที่ห้าล้านเหรียญจ้านอิงตี้ทันทีหลายคนมองไปที่เขาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะละสายตาออกไปของชิ้นนี้ ไม่มีใครรู้ถึงประโยชน์ที่แท้จริงของมัน ราคาที่สูงเกินไปจึงไม่มีคนอยากเข้าร่วมคาร์ธิวเรียกราคาสามครั้งติดต่อกัน แต่ไม่มีใครเสนอราคาสูงกว่านี้ เขาจึงส่งยันต์นี้ให้กับเย่ซิวจริง ๆ แล้วสิ่งนี้เขาไม่ได้หวัง

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 822

    เย่ซิวหัวเราะเบา ๆ "เมื่อถึงเวลา เธอก็จะรู้เอง"ผู้หญิงคนนี้รู้สึกหัวใจคันยุบยิบ สงสัยมากว่าเย่ซิวคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่?แต่เย่ซิวไม่พูด เธอก็ไม่กล้าถามตรง ๆทั้งสองคนทยอยเดินออกไปข้างนอกโชคไม่ดี พวกเขาเพิ่งออกไปก็เจอกับคนกลุ่มหนึ่งและในกลุ่มนั้นก็มีผู้หญิงอยู่สองคน เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาพวกเธอก็เป็นประกาย พวกเธอรีบปรี่เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว"หนุ่มน้อยสุดหล่อ สนใจมาเล่นกับพวกเราไหม?""หนุ่มน้อยสุดหล่อ เธอดูดีมากเลย อีกหน่อยมาติดตามพี่สาว พี่สาวจะไม่ปฏิบัติต่อเธออย่างเลวร้ายแน่นอน”"ไสหัวไปซะ!"หญิงสาวเปิดปากและแยกเขี้ยวของเธอด้วยใบหน้าที่ดุร้ายผู้หญิงสองคนที่เข้ามาจีบตกใจเฮือก และรีบจากไปอย่างรวดเร็วจากนั้นเขี้ยวของเธอก็ถูกเก็บกลับไป เธอกลับมาแสดงท่าทางเคารพอีกครั้ง "ท่านคะ โปรดตามมาทางนี้"เย่ซิวพูดอย่างใจเย็น "ผ่อนคลายหน่อย อย่าให้ใครสงสัย""ค่ะ ท่าน""เธอชื่ออะไร""เรียนนายท่าน ดิฉันชื่อเถียนเถียนค่ะ"เถียนเถียนพาเย่ซิวไปที่ชั้นดาดฟ้า ที่นี่คนที่ควรจะมาก็มากันครบหมดแล้วเย่ซิวมองไปรอบ ๆ ก็เห็นถึงความแข็งแกร่งของทุกคนได้อย่างชัดเจนส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธ์ระดับหก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status