Share

บทที่ 9

Author: เฉิงกวงโฮ่วถู่
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ที่หน้าลานตระกูลจ้าว วันนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ

เหล่าคนมีอำนาจในเมืองเจียงเฉิงเดินทางมาถึงแล้ว รถยนต์หรูหราหลายคันจอดอยู่ด้านนอก

วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของจ้าวจางแห่งตระกูลจ้าว

จ้าวจางเป็นที่รู้จักกันในนามบุคคลในตำนาน เขาเป็นจอมยุทธ์ระดับสามและมีธุรกิจภายใต้ชื่อของเขามากมาย

นอกจากบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ปแล้ว เขายังดำเนินกิจการสถานบันเทิงมากกว่าสิบแห่ง และมีเครือข่ายอิทธิพลกว้างขวาง

ในเจียงเฉิง ตระกูลจ้าวถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ

"บริษัทต้าเหิงเรียลเอสเตทมอบขาวหยกคู่หนึ่ง"

"เฉิงซิ่นแอนทีคมอบสร้อยประคำ"

"โรงรับจำนำตระกูลเฉินมอบหยกหรูอี้คู่หนึ่ง"

ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลจ้าว พ่อบ้านกำลังรายงานของขวัญจากแต่ละตระกูลที่ส่งมาด้วยเสียงดังอย่างต่อเนื่อง

ของขวัญชิ้นใดชิ้นหนึ่งเหล่านี้มีมูลค่าถึงหกหลักเลยทีเดียว

เย่ซิวมาถึงแล้ว

เขาถือถุงพลาสติกสีดำอยู่ในมือด้วยสีหน้าเย็นชา

ทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมากทันที

ในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ทุกคนล้วนแต่งตัวเต็มยศเพื่อเข้าร่วมงาน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สวมชุดกีฬา นี่มันจงใจมองข้ามระเบียบกันชัด ๆ

เขาไม่สนใจสายตาแปลก ๆ มากมายจากคนเหล่านั้น เย่ซิวเดินไปที่ประตูใหญ่

เขาถูกขวางอย่างรวดเร็ว

บอดี้การ์ดสวมชุดสูทและแว่นกันแดดเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม "คุณเป็นใคร?"

"คนที่จะมาอวยพรวันเกิดให้จ้าวจางยังไงล่ะ หลีกทางไปซะ"

รังสีของเย่ซิวแผ่ออกมาทั่วบริเวณ บอดี้การ์ดคนนี้รู้สึกกลัวขึ้นทันที

กว่าที่เขาจะเรียกสติกลับมาได้ เย่ซิวก็เดินผ่านเขาไปแล้ว

เมื่อมาถึงพ่อบ้าน เขาก็ยื่นของในมือให้อย่างไม่แยแส

พ่อบ้านหยิบมันขึ้นมาเปิดดูตามสัญชาตญาณ เผยให้เห็นนาฬิกาเรือนหนึ่ง

"แขกมอบนาฬิกามาหนึ่งเรือน"

หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นการตอบสนองและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน "อะไรกัน? นี่จะยั่วโมโหกันเหรอไง?"

ในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็มาถึงห้องโถงด้านในแล้ว

ภายในห้องโถงเหล่าผู้นำด้านธุรกิจแขนงต่าง ๆ ของเจียงเฉิงล้วนนั่งอยู่ที่นี่

จ้าวจางอายุแปดสิบปี แต่เขายังคงดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย

นัยตาของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง

เดิมทีภายในงานนั่นคึกคักเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินจากด้านนอกว่ามีคนนำนาฬิกามามอบเป็นของขวัญให้เขา บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นทันที

รอยยิ้มของจ้าวจางหายไป

จ้าวเฉียนนั่งอยู่ด้านข้างตบโต๊ะอย่างโกรธจัด "วันนี้ใครมันกล้าให้ของอัปมงคลแบบนี้!"

"ผมเอง!"

เย่ซิวเดินเข้ามาและมองจ้าวเฉียนด้วยแววตาคมกริบราวกับสายฟ้าฟาด "คุณกล้ามาก กล้ามาหลอกผม!"

"ไอ้เด็กสามหาว!" จ้าวเฉียนตะคอกอย่างเย็นชา “แกไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี้ คุกเข่าลง คำนับพ่อฉันเก้าครั้งแล้วไสหัวไปซะ!"

เย่ซิวเอามือไพล่หลัง "คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ผมมีสองสิ่งที่ต้องการ หนึ่งคือโอนเงินสองร้อยล้านหยวนให้ผมทันที และอย่างที่สองคือตระกูลจ้าวของคุณต้องคุกเข่าลงและขอโทษผมด้วย"

เย่ซิวคิดว่าการลงโทษนี้ไม่สาสมแล้วด้วยซ้ำ

ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งเสียของอาจารย์ที่สอนเขาว่าผู้มีปัญหาไม่ควรใช้กำลังในการแก้ปัญหา เขาคงลงมือทำลายตระกูลจ้าวไปแล้ว ไม่ปล่อยให้เสียเวลาจนถึงป่านนี้

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า!"

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา แขกเหรื่อทุกคนในห้องต่างก็หัวเราะเสียงดัง

"เด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน เขาทำฉันขำเกือบตายแล้ว"

"เขารู้ไหมว่าเขาพูดอะไรออกมา?"

"เด็กบ้านนอกนี้จะทำให้ตระกูลจ้าวคุกเข่าและขอโทษได้ยังไง?"

"มิหนำซ้ำเขายืนกรานที่จะทำแบบนี้อีกด้วย"

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึม "ไอ้เด็กสารเลว กล้าข่มขู่ตระกูลจ้าวของฉันเหรอ? นายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เลยนะ ฉันไม่มีทางให้ค่านายหรอก!"

เย่ซิวรู้สึกขบขัน "ข่มขู่งั้นเหรอ? คุณนี่ไร้ยางอายกว่าที่ผมคิดเสียอีก ในตอนที่อาจารย์ของผมช่วยจ้าวเฉียน คุณให้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์แก่เขา เมื่อวานผมขายหุ้นให้คุณ แต่สุดท้ายคุณก็อายัดเงินไว้ ช่างหน้าด้านจริง ๆ!"

เย่ซิวคิดกับตัวเองว่าเป็นเพราะเขาขาดประสบการณ์ทางสังคม เรื่องราวจึงเป็นเช่นนี้

"ไร้สาระ!" จ้าวเฟิงโกรธจัด "ตระกูลจ้าวของฉันปราศจากมลทิน กล้าดียังไงมาใส่ร้ายพวกเรา ใครก็ได้ไล่เขาออกไปที!"

"เดี๋ยวก่อน" จ้าวจางพูดขึ้นและมองตรงไปที่เย่ซิว "พ่อหนุ่ม วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน และฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องอัปมงคลขึ้นในวันนี้"

"เอาล่ะ ฉันจะให้เงินนายหนึ่งแสนหยวน แล้วออกไปเดี๋ยวนี้"

จ้าวเฟิงเข้าใจเรื่องราวในทันที เขาหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋า เขียนจำนวนเงินหนึ่งแสนหยวนด้วยความงุนงงและเดินไปหาเย่ซิว

"ฉันเคยเห็นคนแบบนายมาเยอะแล้ว นายแค่ต้องการเงินไม่ใช่หรือ? รับไปสิ หนึ่งแสนหยวนคงพอให้นายใช้ได้อีกนาน"

เช็คในมือของเขาถูกยกขึ้นต่อหน้าเย่ซิว จากนั้น จู่ ๆ เขาก็ปล่อยเช็คลงกับพื้น

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยการถากถาง "รับเช็คแล้วออกไปจากที่นี่ซะ ไอ้บ้านนอก!"

แขกเหรื่อต่างพากันหัวเราะเสียงดัง บรรดาชนชั้นสูงจากแวดวงต่าง ๆ มองตรงไปที่เย่ซิวด้วยความเย้ยหยันบนใบหน้าของพวกเขา ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูตัวตลก

เย่ซิวไม่แม้แต่จะปรายตามองเช็คที่ตกลงบนพื้นด้วย "ผมเลือกเส้นทางของผมเองได้ ตอนนี้ผมขอประกาศว่าตระกูลจ้าวได้ล่มสลายไปแล้ว"

คำพูดนี้กระตุ้นให้เกิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง

ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่ใช้มองคนโง่เขลา

จะทำให้ตระกูลจ้าวล่มสลายอย่างนั้นเหรอ?

ตอนนี้ตระกูลจ้าวอยู่ในจุดสูงสุดและมีอิทธิพลอย่างกว้างขวาง

การที่เด็กสารเลวอย่างเขาหมายจะทำให้ตระกูลจ้าวล่มสลายไร้สาระพอ ๆ กับคนที่หมายจะไขว่คว้าดวงจันทร์บนท้องฟ้า

ใบหน้าของจ้าวจางเข้มขึ้นเล็กน้อย "หนุ่มน้อย ตระกูลจ้าวของฉันเป็นตระกูลที่มีเมตตา ฉันให้เงินไปแล้วนายยังต้องการอะไรอีก? นายอย่าได้โลภเกินไป ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นได้"

คำพูดของเขาเป็นการข่มขู่

เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอีกต่อไป เขามองไปรอบ ๆ "วันนี้เป็นปัญหาส่วนตัวของฉันกับตระกูลจ้าว เพื่อไม่ให้ถูกลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บ พวกคุณทุกคนควรออกไปจะดีที่สุด"

"กล้ามาก!" ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าชั่วร้ายยืนขึ้นก่อนตะโกนใส่เย่ซิว "แกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วใช่ไหม? ถึงได้กล้ามาขู่พวกเราแบบนี้!"

หญิงสาวสวยอวบอ้วนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา "คุณจ้าวมีจิตใจดีและไม่ต้องการเอาเรื่องนาย เพราะงั้นอย่ามัวมาคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้เลย"

ผู้ทรงอิทธิพลหลายคนได้แสดงความคิดเห็นของตนกันเป็นจำนวนมาก

นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับความชื่นชมจากตระกูลจ้าว และไม่มีใครอยากพลาดเหตุการณฺที่เกิดขึ้น

ในไม่ช้าพวกเขาก็รีบเรียกบอดี้การ์ดจำนวนร้อยกว่าคนเข้ามา

แต่ละคนมีกล้ามเนื้อปูดโปนและสายตาที่ดุร้าย

จ้าวเฟิงกล่าวอย่างเสแสร้ง "แม้ว่านายจะเป็นฝ่ายมาที่บ้านของฉันเพื่อรีดไถเงินก่อน แต่ตระกูลจ้าวของฉันก็มีเมตตา ตอนนี้ฉันให้โอกาสนายอีกครั้ง ออกไปพร้อมกับเงินนั่น และจบเรื่องนี้ลงซะ"

เพียะ!

เย่ซิวตบหน้าเขาทันที "ไร้สาระจริง ๆ คุณมันก็แค่คนโง่คนหนึ่ง"

เขาออกแรงเเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ร่างของจ้าวเฟิงหมุนเคว้งกลางอากาศก่อนจะดิ่งลงสู่พื้น

ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาบวมฉึ่ง และดวงตาของเขาเบิกกว้าง ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด

การตบของเย่ซิวแฝงไปด้วยปราณทมิฬที่รุนแรง

ตอนนี้อาจยังไม่ปรากฏอะไรให้เห็น แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วันหากไม่ได้จอมยุทธ์ระดับเจ็ดมาช่วยจัดการ เขาจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย

การตบนี้ทำให้ทั้งห้องโถงเงียบเป็นเป่าสาก

จ้าวเฉียนส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง "สารเลว แกกล้าทำร้ายลูกชายของฉันเหรอ? พวกแกมัวยืนทำอะไรอยู่? ฆ่าเขาสิ!"

หลังจากพูดจบ เขาก็วิ่งไปหาจ้าวเฟิงที่หมดสติทันที

บอดี้การ์ดจำนวนมากเมื่อได้รับคำสั่ง ก็เหวี่ยงแท่งเหล็กเข้าหาศีรษะของเย่ซิวอย่างดุเดือด

ใบหน้าของเย่ซิวเย็นชา ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะได้เพลิดเพลินกับการสังหารเสียแล้ว

กระแสลมปราณอันทรงพลังหมุนวนอยู่ภายในร่างกายของเขา และเมื่อมันปะทุขึ้น ก็จะทำให้เกิดแรงกระทบอย่างรุนแรงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

"หยุดนะ!"

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังมาจากด้านนอก!

Related chapters

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 10

    ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเจี๋ยก็เดินเข้ามาจากด้านนอกทันใดนั้น แขกเหรื่อภายในงานต่างก็ลุกขึ้นยืนรัศมีอันทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยเจี๋ย ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย"คุณเซี่ย!" จ้าวจางรู้สึกประหลาดใจและรีบเดินเข้ามาหา "คุณมาได้ยังไง?"ใบหน้าของจ้าวเฉียนปรากฏรอยยิ้มกว้าง "คุณเซี่ยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพ่อของผมในวันเกิดเขาสินะ?"แขกเหรื่อหลายคนมองจ้าวจางด้วยความอิจฉาเมื่อได้ยินเรื่องนี้การที่เซี่ยเจี๋ยมาร่วมแสดงความยินดีในวันเกิดด้วยตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!หากเปรียบตระกูลจ้าวเป็นงู เซี่ยเจี๋ยก็คือมังกรใหญ่การบดขยี้ตระกูลจ้าวให้สิ้นซากเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เพียงแค่ดีดนิ้วทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากองได้ทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวจางที่ยื่นมือออกมา เซี่ยเจี๋ยมีสีหน้าเย็นชาและไม่ได้แสดงทีท่าใดใด "มีค่าพอจะจับมือกับฉันด้วยเหรอ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวจางแข็งค้างไปแขกเหรื่อหลายคนก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เขาไม่สนใจใบหน้าบอกบุญไม่รับของจ้าวจาง เซี่ยเจี๋ยเดินผ่านเขาและโค้งคำนับต่อหน้าเย่ซิวด้วยความน้อมน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 11

    เย่ซิวสกัดหมัดได้อย่างง่ายดายพลางพูดอย่างใจเย็น “ฉันแค่มาที่นี่เพื่อตามหาคน ไม่ได้อยากจะรังแกนาย”นักศึกษาหลายคนในบริเวณใกล้เคียงดูประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเย่ซิวสกัดหมัดของชายหนุ่มร่างกำยำได้อย่างง่ายดายเพียงใด“เพื่อนนักศึกษาคนนี้แข็งแกร่งมาก เขาสกัดกั้นการโจมตีของจางเทาได้อย่างง่ายดาย”“ช่างบังเอิญจริง ๆ จางเทาเป็นนักเทควันโดสายดำระดับแปด เขามีพละกำลังมาก ฉันเคยเห็นเขาเอาชนะผู้ใหญ่ห้าหกคนด้วยตัวเขาเองเลยนะ”“ฉันก็ว่าอย่างนั้น”จางเทาทั้งตกใจทั้งโกรธ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถหลุดออกจากฝ่ามือของเย่ซิวได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว ยังไม่ปล่อยฉันอีก หาเรื่องตายเรอะ?!”เย่ซิวปล่อยมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เพื่อนนักศึกษา ฉันแค่อยากจะเข้าไปตามหาคน นายช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหม?”เขาไม่เคยไปเรียนที่นี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเห็นใจเพื่อนนักศึกษาเป็นพิเศษ ก็ไม่อยากทำร้ายพวกเขาเว้นเสียแต่จะจำเป็นจริง ๆแต่ในสายตาของจางเทา ท่าทางของเย่ซิวถือว่าเป็นการทำให้เขาอับอายเขาคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย “พวกแกมัวยืนทำอะไร? มาช่วยกันจัดการมันสิ!”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 12

    เย่ซิวเดินไปหาลู่เสวี่ยเอ๋อร์โดยไม่สนใจคำเตือนของหวังเฟย การกระทำนี้ทำให้ความเย็นชาในดวงตาของหวังเฟยยิ่งทวีขึ้นไปอีกแต่เขาก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาเสียเดี๋ยวนั้นเขามักจะแสดงรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและสง่างามต่อโลกภายนอกซึ่งเป็นวิธีการที่สำคัญมากสำหรับเขาในการจีบสาวโดยผิวเผินแล้ว เขาคงไม่สามารถทำอะไรกับเย่ซิวได้ แต่เขาแอบคิดไว้แล้วว่าจะจัดการกับเย่ซิวอย่างไรเพื่อนนักศึกษาชายคนอื่น ๆ ก็รีบเข้ามาด้วยเช่นกัน ทำให้หวังเฟยรู้สึกรำคาญมากยิ่งขึ้นมีคนมากมายหลั่งไหลเข้ามา จนไม่มีทางหยุดพวกเขาได้แล้วในเวลานี้ เย่ซิวเดินไปลู่เสวี่ยเอ๋อร์รูปร่างของเธอช่างสูงจริง ๆ โดยเฉพาะเรียวขางามของเธอที่เรียวและตรง เรียกได้ว่าตั้งแต่คอลงมา ขาของเธอถึงเป็นจุดนำสายตาที่สุดเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไร ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ก็จะเป็นจุดสนใจของฝูงชนได้อย่างแท้จริง“สวัดดี คุณคือลู่เสวี่ยเอ๋อร์ใช่รึเปล่า?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนสนิทของเธอหันกลับมาเห็นเย่ซิวที่มีหน้าตาสดใส ประกอบกับดวงตาที่ใสสะอาดยืนอยู่ตรงหน้าเธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างสุภาพ “ใช่ ฉันเอง นายมีธุระอะไรเหรอ?”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 13

    หวังเฟยกดโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองข้างตอบกลับข้อความของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว: ไม่มีปัญหา ฉันจะโอนเงินให้เธอเดี๋ยวนี้เลยณ หอพักที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์พักอยู่ หลี่เยี่ยนอ่านข้อความที่หวังเฟยส่งมาทางโทรศัพท์มุมปากของเธอมีรอยยิ้มแปลก ๆ เธอส่งเลขบัญชีธนาคารของเธอไป ใช้เวลาไม่นานก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินสองล้านโอนมาให้ทันทีที่ลบข้อความที่แจ้งว่าบัญชีของเธอได้รับโอนเงินเข้ามา เธอที่นั่งอยู่บนเตียงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เสวี่ยเอ๋อร์ คืนนี้เราไปกินหม้อไฟหม่าล่ากันเถอะ ตกลงไหม?”“คืนนี้เหรอ? แต่ฉันอยากอ่านหนังสืออยู่ที่หอมากกว่า”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีนิสัยรักสงบ ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนนักศึกษาคนอื่นมีความรักกันแต่เธอเป็นคนเดียวที่เอาแต่สนใจเรื่องเรียน“โอ๊ย หนังสืออ่านตอนไหนก็ได้ อีกอย่าง เธอจะอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ได้สิ ไม่งั้นก็พลอยจะทำให้คนอื่นเขาดูโง่หมด ตอนกลางคืนไม่ต้องอ่านหรอก กินเสร็จก็ค่อยรีบกลับมา จะได้ไม่เสียเวลามาก” “แต่ว่า…” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลังเล แต่หลี่เยี่ยนกลับไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ“คุณน้องคะ เห็นแก่ที่ฉันช่วยเธอกันพวกผู้ชายมาให้ตั้งนาน แล้ววัน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 14

    ฟุ่บ! ฟุ่บ!จางเทาและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงตรงนั้นและรีบคำนับอย่างรวดเร็วแม้แต่คนที่ดุร้ายอย่างหมาป่าตาเดียวยังถูกเย่ซิวเล่นเสียน่วมแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย“พี่ใหญ่ พวกเราผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”“อย่าฆ่าผมเลย ผมยังมีพ่อแม่มีพี่น้องต้องดูแล คิดเสียว่าฉันเป็นลูหมาตัวหนึ่ง แล้วปล่อยผมไปเถอะ”“พี่ใหญ่ ถ้าพี่ไว้ชีวิตผม ผมจะแนะนำน้องสาวให้รู้จัก ผมยกแฟนตัวเองให้พี่เลยก็ยังได้”……ดวงตาของเย่ซิวเย็นชา คนเหล่านี้ไม่สมควรตาย แต่ก็ไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบยาหนึ่งเม็ดออกมาจากกระเป๋าแล้วบดมันจากนั้นเขาก็เปิดปากคนเหล่านี้อย่างไร้ความปราณี พลางยัดยาเข้าไป และบังคับให้พวกเขากลืนจางเทาและคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัว“ไม่ต้องกังวล ยาตัวนี้ไม่มีผลข้างเคียงมากนัก พวกนายแค่ต้องกินยาแก้พิษปีละครั้ง ไม่อย่างนั้นเลือดจะออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย”“ถ้าพวกแกหยุดทำความชั่วภายในหนึ่งปี ฉันจะให้ยาถอนพิษ”“แน่นอนว่าพวกแกจะไปตรวจที่โรงพยาบาลก็ได้ แต่พวกเขาก็จะบอกพวกแกอย่างแน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดปกติ”จางเทาและคนอื่น ๆ ต่างก็ดูซีดเซียวหลังจากที่เห็นว่าเย่ซิวน่ากลัวเพียงใด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 15

    ในที่สุด ตามคำร้องขออย่างจริงใจของเถ้าแก่ เย่ซิวก็ยอมรับซองสีแดงมูลค่าสองพันหยวนมาไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้กินอาหารฟรี แถมยังได้เงินสองพันหยวนเย่ซิวยืนขึ้น เขากินจนเกือบจะอิ่มแล้ว และก็พร้อมที่จะไปทักทายลู่เสวี่ยเอ๋อร์แล้วแต่ทันทีที่เขาลุกขึ้น เขาเห็นหวังเฟยผลักประตูเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเพื่อนอยู่ในห้องส่วนตัว หลี่เยี่ยนคีบอาหารให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อย่างกระตือรือร้น ในตอนที่เธอไม่ได้สนใจ เธอจึงโยนยาเม็ดเล็ก ๆ ลงในชาม และยาก็ละลายทันที“เสวี่ยเอ๋อร์ ลองนี่ดูสิ อร่อยนะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กินเข้าไปพลางสงสัยเล็กน้อย “ทำไมฉันรู้สึกว่าวันนี้เธอแปลก ๆ?”“ไม่หรอก เธอคิดมากไปแล้ว รีบกินเร็วเข้า อร่อยนะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์สับสนและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นสิ่งใดเธอหยิบชามและตะเกียบขึ้นมาแล้วอยากจะกินเนื้ออีกชิ้นแต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอ่อนแรงจนตะเกียบตกจากนิ้วปึง! ปึง!ในขณะเดียวกันนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลี่เยี่ยนลุกขึ้นไปเปิดประตู และพาหวังเฟยเข้ามาลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีในใจ แต่เธอก็ยังคงสามารถรักษาสติของเธอเอา

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 16

    โคมไฟประดับส่องแสงสว่างกลางเมืองในยามค่ำคืนเย่ซิวและลู่เสวี่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ริมถนนเส้นใหญ่ บุรุษรูปงามและสตรีผู้มีลักษณะโดดเด่น สำหรับคนภายนอกที่มองมา พวกเขาดูเหมือนคู่กิ่งทองใบหยกลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลูบผมบนหน้าผากของเธอให้เรียบ มองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เปียกชื้น และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมาก “เพื่อนนักศึกษา ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย”“ผมชื่อเย่ซิว”แสงในดวงตาของลู่เสวี่ยเอ๋อร์สว่างวาบขึ้นอีกเล็กน้อย “ขอบใจสำหรับเรื่องวันนี้มากนะเพื่อนนักศึกษาเย่ ถ้าไม่มีนาย ทั้งชีวิตของฉันคงพังไปแล้ว”“ไม่เป็นไรหรอก จริง ๆ แล้วผมเองก็มีจุดประสงค์ที่ช่วยคุณ” เย่ซิวบอกความจริง“หา?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อุทาน ความคิดของเธอแตกกระจายออกไปนึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เย่ซิวชวนเธอไปกินข้าว หรือว่าเพราะเขาชอบเธอ เลยทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามแล้วจากนั้นก็จะขอเธอเป็นแฟน?ลู่เสวี่ยเอ๋อร์แอบมองเย่ซิว แล้วจึงรีบเบือนหน้าหนีใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อยหัวใจของเธอสับสน ‘ทำยังไงดี? เขาเพิ่งช่วยฉันไว้ ดูเหมือนจะค่อยไม่ดีนักถ้าฉันไม่ตกลงเป็นแฟนของเขา อีกทั้งเพื่อนนักศึกษาเย่ก็ดูหล่อและนิสัยดีมาก…’ขณะที่เธอกำลังสับ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 17

    ตอนนี้ความสำคัญของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ในใจเย่ซิวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วดังนั้นเขาจึงไปส่งลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับบ้านด้วยตัวเองหลังจากถูกหลี่เยี่ยนหักหลัง เธอก็ไม่สามารถอยู่ในหอพักเดิมได้อีกต่อไป และทำได้เพียงไปเช่าห้องข้างนอกแทน“พรุ่งนี้เดี๋ยวผมจะไปหาห้องเช่าเป็นเพื่อนคุณนะ” เย่ซิวพูดบนรถแท็กซี่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ยิ้มหวาน “ไม่ต้องหรอก ฉันมีอพาร์ตเมนต์หลายที่ใกล้มหาลัย”เย่ซิวอึ้งไปเขาคงร้อนใจไปเองเมื่อรถแล่นไปได้ครึ่งทาง เย่ซิวก็ลดกระจกมองไปทางขวา เห็นว่ามีรถสีขาวคันหนึ่งขับมาขนาบข้างคนขับเป็นผู้หญิงผมสั้นที่แลดูมีความสามารถจากสายตาของเย่ซิว เขาสามารถบอกได้เลยว่านี่คือผู้หญิงที่แข็งแกร่งมาก“คุณรู้จักเธอหรือเปล่า?” เย่ซิวชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้นพลางถามลู่เสวี่ยเอ๋อร์ผู้หญิงคนนั้นติดตามพวกเขามาตลอดทาง แต่ไม่ได้แสดงรัศมีที่เป็นอันตรายต่อพวกเขาเลยลู่เสวี่ยเอ๋อร์เอียงตัวมองออกไปนอกหน้าต่างรถ จู่ ๆ ดวงตาของเธอก็เป็นประกาย “พี่หมิ่นหมิ่นน่ะ เธอมาที่นี่เพื่อปกป้องฉันโดยเฉพาะ เมื่อสองวันก่อนเธอต้องไปทำธุระ ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันก็คงจะไม่…”เย่ซิวพยักหน้า ขอแค่ไม่ใช่ศัตรูก็ไม่เป็นไร

Latest chapter

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 586

    นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 585

    "ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 584

    ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 583

    “นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 582

    น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 581

    “วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 580

    ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 579

    กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 578

    ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย

DMCA.com Protection Status