เรื่อง...แมวไม่อยู่หนูร่าเริง
คำโปรย
เมื่อคุณอา(เพื่อนคุณพ่อ)เขาทั้งดุทั้งเจ้าระเบียบไม่อยู่บ้าน ผู้ใต้ปกครองอย่างน้ำหนึ่งก็จะดีอกดีใจร่าเริงเป็นพิเศษ
แนะนำตัวละคร
คุณธานินทร์ (คุณอานิน) อายุ 42 ปี
เขาดุมากแถมยังเจ้าระเบียบ เขารับเด็กสาวมาอุปการะเลี้ยงดูในฐานะหลานสาวคนหนึ่ง โดยบอกกับตัวเองมาตลอดว่าเขาก็แค่สงสาร กฎระเบียบที่เขาได้ตั้งเอาไว้ ค่อยๆพังลงทีละข้อๆ เพราะความรู้สึกของเขาที่เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว
น้ำหนึ่ง (คุณหนูหนึ่ง) อายุ 22 ปี
เธอเข้ามาอยู่ในบ้านของคุณอาจอมเนี๊ยบตั้งแต่อายุ 12 ปี วันนั้นกับวันนี้ ความรู้สึกของเธอมันเปลี่ยนไป ทำให้เธอกลายเป็นเด็กงอแง เอาแต่ใจ
🐹🐹🐹🐹🐹
ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นแนวคุณอากับหลานสาววัยใส (โคแก่หญ้าอ่อน)
ตอนที่ 1 ชีวิตพลิกผัน
ณ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่แห่งหนึ่งกลางใจเมืองกรุงเทพฯ
ธานินทร์ผู้บริหารสูงสุดวัยสามสิบต้นๆเขาเป็นลูกชายคนเดียว ได้รับมรดกมาจากผู้เป็นบิดา ซึ่งท่านได้ยกให้ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ต่างประเทศด้วยอายุในวัยเกษียณกับผู้เป็นมารดา
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ของผู้บริหารสูงสุด ตอนนี้ธานินทร์กำลังนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียด เขาเป็นคนค่อนข้างจริงจังกับทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องงาน
"บอสครับ มีสายจากทางตำรวจโทรเข้ามาหาครับ" ยุทธการหรือยุทธ ลูกน้องคนสนิทอยู่บ้านหลังเดียวกัน มีหน้าที่เป็นทั้งคนขับรถและเลขาในคนๆเดียวกัน ภรรยาของยุทธเป็นแม่บ้านชื่อชบา พักอยู่กับยุทธที่บ้านของคุณธานินทร์
"เรื่องอะไร" ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้า เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทด้วยสีหน้าแปลกใจ
"ไม่ทราบครับบอส" เป็นสายที่โทรเข้ามาในเบอร์ภายในของบริษัท
"โอนสายมาสิ" ยุทธจัดการโอนสายให้กับผู้เป็นเจ้านาย เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะของธานินทร์ดังขึ้น ฝ่ามือเรียวใหญ่เอื้อมไปจับหูโทรศัพท์แล้วยกขึ้นรับสายทันที
"สวัสดีครับ ผมธานินทร์ พูดอยู่ครับ" เสียงทุ้มกรอกลงไปในสายสนทนาอย่างไม่ได้คิดอะไร ทันใดนั้นเสียงอุทานตกใจก็ดังขึ้น จนยุทธการที่นั่งอยู่ด้วยรีบหันมามองผู้เป็นเจ้านายหนุ่มทันที
"ห๊ะ!! ครับๆผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ"
"เกิดอะไรขึ้นเหรอครับบอส"
"เอารถออกเดี๋ยวนี้! เดี๋ยวไปเล่าบนรถ"
"ครับ" น้ำเสียงหนักแน่นของยุทธการขานรับทันที แล้วรีบวิ่งออกไปเอารถด้วยท่าทางรีบร้อน
ข้อความจากการสนทนากับคุณตำรวจเมื่อสักครู่ได้ใจความว่า พิรัชย์หุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัท ตอนนี้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกลางถนนสี่แยกไฟแดงอาการสาหัส เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเวลางาน พิรัชย์ออกไปพบลูกค้า ช่วงจังหวะหนึ่งกลางไฟแดงมีรถพ่วงคันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วผ่าไฟแดงมาชนเข้ากับรถยนต์คันที่พิรัชย์ขับอยู่พอดี คนขับรถพ่วงคันนั้นไม่ได้หนีไปไหนยังคงอยู่ที่เกิดเหตุ
จากเที่ยงวันจนตะวันลับขอบฟ้าเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้คลี่คลายลง พิรัชย์เสียชีวิตคาที่ตอนนี้ร่างไร้วิญญาณอยู่ที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
ส่วนคนขับรถพ่วงคันนั้นสาเหตุเกิดจากเบรคแตกเป็นอุบัติเหตุ ทางผู้กระทำความผิดยินดีชดใช้ค่าเสียหายตามกฎหมายทุกอย่าง แต่สิ่งเดียวที่ไม่ได้กลับคืนมาก็คือชีวิตของพ่อคนหนึ่งที่มีลูกสาววัยเพียงสิบสองปีเท่านั้น
ตอนนี้น้ำหนึ่งลูกสาวเพียงคนเดียวของพิรัชย์กำลังร้องไห้โฮอย่างหนักกอดร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นบิดาอยู่อย่างนั้นไม่ยอมออกห่างไปไหน ธานินทร์และคนอื่นๆที่ได้พบเห็นต่างสงสารเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้คร่ำคราญอย่างหนัก
"แล้วลูกสาวของผู้ตายจะเอายังไงดีครับ" คุณตำรวจเอ่ยถามธานินทร์เนื่องจากเขารับผิดชอบดูแลเรื่องทั้งหมดให้กับเพื่อนของเขา ธานินทร์กับพิรัชย์เป็นเพื่อนสนิทกันถึงแม้ว่าอายุของพิรัชย์จะมากกว่าธานินทร์นิดหน่อยก็ตาม
"ผมจะอุปการะเลี้ยงดูแกเองครับ" พูดออกไปแล้วเพราะความสงสาร แต่ในใจยังไม่รู้เลยว่าจะเลี้ยงเด็กคนนี้ให้โตขึ้นมาเป็นคนดีได้ยังไง เพราะเขาเองก็ไม่เคยมีเมีย ไม่เคยมีลูก
"ถ้าอย่างนั้น ก็คงหมดหน้าที่ของตำรวจอย่างพวกผมแล้วครับ พวกผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"
"ขอบคุณมากครับ" ธานินทร์เอ่ยขอบคุณคุณตำรวจที่เป็นธุระให้ในหลายๆเรื่องของวันนี้ เขาหันมองไปที่เด็กหญิงแล้วเดินเข้าไปหา
"น้ำหนึ่ง..." ใบหน้าจิ้มลิ้มที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาหันมาตามเสียงเรียก
"ฮึก!"
"จำอาได้มั้ย"
"สวัสดีค่ะ ฮึก! หนึ่งจำคุณอาได้ค่ะ"
"น้ำหนึ่ง ไปอยู่กับอามั้ย อาจะเป็นคนส่งหนูเรียนแทนพ่อของหนูเอง" แน่นอนว่ามรดกทุกอย่างที่พิรัชย์ได้สร้างเอาไว้ จะต้องตกเป็นของลูกสาวแต่เพียงผู้เดียวทั้งหมดอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้น้ำหนึ่งยังเด็กเกินไป อีกทั้งยังไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีกด้วย
ในฐานะหุ้นส่วนและยังเป็นเพื่อนกัน ธานินทร์จึงอาสาดูแลลูกสาวและดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของพิรัชย์ให้ก่อนจนกว่าน้ำหนึ่งจะโตเป็นผู้ใหญ่หรือบรรลุนิติภาวะ
"ขอบคุณคุณอามากค่ะ ฮึก!" เสียงเล็กๆสะอึกสะอื้นเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณคุณอา ด้วยดวงตาแดงก่ำ เนื่องจากผ่านการร้องไห้มาหลายต่อหลายชั่วโมง ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ยอมหยุดร้อง
น้ำหนึ่งเคยเจอธานินทร์อยู่หลายครั้ง ช่วงที่ตามคุณพ่อของเธอไปทำงานด้วย นั่นจึงทำให้น้ำหนึ่งเลือกที่จะไว้ใจคุณอาคนนี้พอสมควร
"เสร็จพิธีศพแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม บ้านหลังนั้นคงต้องปิดไปก่อน ส่วนคนในบ้านอาจะช่วยหางานใหม่ให้พวกเขาทำเอง"
"ค่ะ"
ช่วงที่ธานินทร์กำลังจัดการเรื่องต่างๆที่สถานีตำรวจและโรงพยาบาล อีกด้านเขาได้ส่งลูกน้องไปจัดการนิมนต์พระทำพิธีตามศาสนา ทุกอย่างถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นขั้นเป็นตอน
สามวันผ่านไป
น้ำหนึ่งได้ส่งคุณพ่อขึ้นสวรรค์เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ต่อไปเธอจะต้องไปอยู่บ้านหลังใหม่กับคุณอาธานินทร์ ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าบ้านหลังนั้นจะเป็นยังไง คุณอาจะใจดีกับเธอหรือเปล่า ไหนจะคนในบ้านอีก แต่น้ำหนึ่งไม่ได้มีทางเลือกมากนัก เธอยอมไปอยู่กับคุณอาตามคำชวน
ทุกอย่างถูกจัดการอย่างเรียบร้อยโดยธานินทร์ บ้านหลังใหญ่ของน้ำหนึ่งได้ถูกปิด ส่วนคนในบ้าน ธานินทร์ได้หางานใหม่ให้พวกเขาได้ทำเรียบร้อยแล้ว
"คุณหนู...ดูแลตัวเองด้วยนะคะ"
"ค่ะ...พี่ๆทุกคนดูแลตัวเองด้วยนะคะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา หนึ่งต้องขอบคุณพี่ๆทุกคนมากค่ะ" น้ำหนึ่งยกมือไหว้พี่ๆทุกคน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่คนงานก็ตาม บางคนอยู่มานานตั้งแต่น้ำหนึ่งยังตัวเล็กๆ แน่นอนว่าต้องมีความผูกพันกันบ้างอยู่แล้ว แต่ตอนนี้คงถึงเวลาต้องจากกัน ทุกคนร่ำลากันเสร็จก็แยกย้าย น้ำหนึ่งเองก็เช่นกัน
ในขณะที่เธอนั่งรถมากับคุณอา เพื่อย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ น้ำตาของเธอยังคงซึมอยู่เงียบๆ ธานินทร์ไม่ได้พูดอะไร เขาทำได้แค่ยกมือลูบศีรษะของน้ำหนึ่งเบาๆเป็นการปลอบ
น้ำหนึ่งคิดถึงคุณพ่อของแกไปตลอดทาง วันนั้นช่วงเย็นเธอชะเง้อคอยาวรอคุณพ่อกลับมาบ้านตามเวลาปกติ แต่วันนั้นรอแล้วรออีก คุณพ่อก็ไม่ยอมกลับมาสักที ผิดเวลาไปหลายชั่วโมง กว่าจะมีโทรศัพท์โทรเข้ามาแจ้งว่าคุณพ่อของเธอเกิดอุบัติเหตุอยู่โรงพยาบาล...
น้ำหนึ่งร้องไห้เงียบๆไปตลอดทางจนแกเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
ตอนที่ 2 อุปการะรถเก๋งคันใหญ่สีดำเงาวับ ถูกยุทธการขับเข้ามาจอดสนิทที่ลานจอดรถของบ้านตรงที่เดิม ซึ่งตอนนี้เจ้านายคนใหม่แกกำลังหลับปุ๋ยอยู่ที่เบาะด้านหลังกับคุณธานินทร์เจ้าของบ้าน"น้ำหนึ่ง ตื่น...ถึงแล้ว" เสียงคุณอาหนุ่มปลุกหลานสาวตัวเล็กด้วยการจับแขนเขย่าเบาๆ ซึ่งตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เขาไม่อยากให้หลับยาว อาบน้ำอาบท่าทานข้าวเย็นให้เรียบร้อยก่อนเดี๋ยวค่อยนอนใหม่ก็ได้"ถึงบ้านคุณอาแล้วเหรอคะ" เสียงเล็กๆเอ่ยถามในขณะที่น้ำหนึ่งค่อยๆลืมตาขึ้นท่าทางงัวเงีย"อือ ลงจากรถได้แล้ว ยุทธ...เดี๋ยวนายยกของที่ท้ายรถเอาขึ้นไปให้คุณหนูด้านบนห้องด้วยนะ""ครับบอส" คุณอาหนุ่มเดินนำน้ำหนึ่งเข้าไปด้านในบ้าน ส่วนน้ำหนึ่งเธอก็เดินตามหลังคุณอาไปติดๆ"ชบา...ไปเรียกทุกคนในบ้านมารวมกันที่ห้องนั่งเล่นตอนนี้เลย" เสียงทุ้มของเจ้าของบ้านเอ่ยบอกชบา ชบาเป็นแม่บ้าน อีกทั้งยังเป็นภรรยาของยุทธ"ค่ะคุณนิน" ทุกคนในบ้านหลังนี้จะเรียกคุณธานินทร์ว่าคุณนิน ยกเว้นยุทธที่เรียกบอสอยู่คนเดียว เนื่องจากยุทธทำงานที่บริษัทจำเป็นต้องเรียกให้เหมือนกับคนในบริษัทที่เขาเรียกกันไม่นานทุกคนในบ้านก็มารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นตามคำสั่งของเจ้าขอ
ตอนที่ 3 แมวน้อยน่าสงสารธานินทร์จัดการเรื่องโรงเรียนที่ใหม่ของน้ำหนึ่งเสร็จอย่างรวดเร็ว เช้าวันนี้น้ำหนึ่งเริ่มไปโรงเรียนที่ใหม่วันแรก บ้านใหม่ โรงเรียนใหม่ คุณครูใหม่ เพื่อนๆที่โรงเรียนก็ใหม่ ชีวิตของเธอพลิกผัน สภาพแวดล้อมรอบตัวของน้ำหนึ่งใหม่ทั้งหมด ทำให้เธอรู้สึกเหงา และโดดเดี่ยวมาก น้ำหนึ่งยังคงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกสักพัก และแน่นอนว่าวันนี้เวลานี้เธอยังคงปรับตัวกับสิ่งที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ไม่ได้อย่างแน่นอนหลังเลิกเรียนน้ำหนึ่งลงจากรถรับส่งนักเรียน เธอกำลังเดินเข้าบ้านบังเอิญสายตาเหลือบไปเห็นลูกแมวตัวเล็กเดินอยู่ตัวเดียว เหมือนมีคนเอามันมาปล่อยทิ้งไว้ จะไม่สนใจก็เป็นห่วงมัน น่าจะโดนรถทับตายวันนี้แน่ น้ำหนึ่งจึงตัดสินใจอุ้มลูกแมวตัวนี้กลับเข้าไปในบ้านด้วย"คุณหนู...แมวใครคะนั่น" เสียงพี่ชบาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงคล้ายกับว่ากลัวใครจะมาได้ยินเข้า"หนึ่งเจอมันที่ถนนทางเข้าหน้าบ้านเราค่ะ มันน่าสงสารเหมือนหนึ่งเลย" ลูกแมวตัวเล็กไม่มีทั้งพ่อและแม่ เดินเคว้งคว้างอยู่ตัวเดียว"สงสารยังไงก็เอามาเลี้ยงที่บ้านหลังนี้ไม่ได้นะคะ คุณนินไม่ให้เลี้ยงสัตว์ทุกชนิดค่ะ" น้ำหนึ่งมีสีหน้าเจื่อนไปทันทีอย่
ตอนที่ 4 โดดเรียนสามวันผ่านไป...ช่วงบ่ายของวัน ธานินทร์ได้รับโทรศัพท์จากคุณครูที่โรงเรียนบอกว่าวันนี้น้ำหนึ่งโดดเรียน ไม่ยอมเข้าเรียน สิ่งที่ได้ยินทำให้ธานินทร์รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก เขาไม่ค่อยชอบเด็กเกเร ไม่มีความรับผิดชอบหลังเลิกเรียน น้ำหนึ่งนั่งรถรับส่งกลับมาลงที่หน้าบ้านเหมือนทุกวัน เธอเดินเข้ามาในบ้าน เห็นคุณอานั่งรออยู่ก่อนแล้ว ในมือคุณอาถือไม้เรียวอยู่ด้วย"น้ำหนึ่ง มานี่..." ประโยคคำสั่งดังขึ้นเรียกให้เธอเดินเข้าไปหา"............." น้ำหนึ่งเดินก้มหน้าเข้าไป ในใจเริ่มรู้แล้วว่าเรื่องอะไร"รู้มั้ยว่าวันนี้ตัวเองทำอะไรผิด""ไม่ทราบค่ะ" เธอทราบ แต่เธอแค่ไม่ยอมรับก็เท่านั้น"วันนี้โดดเรียนกี่วิชา" ธานินทร์เลือกที่จะถามออกไปตรงๆในสิ่งที่เขารู้มา"สามค่ะ" น้ำหนึ่งยอมรับสารภาพตามตรงเช่นกัน เธอมีปัญหาจึงเลือกหนีปัญหาด้วยการไม่เข้าเรียน"หันก้นมา" ไม้เรียวในมือของคุณอาทำให้น้ำหนึ่งรู้ว่าคุณอาจะทำอะไรกับเธอ เธอวางกระเป๋าหนังสือลงแล้วยอมหันก้นให้พร้อมกับยกแขนขึ้นกอดอก"เฟี๊ยบ! เฟี๊ยบ! เฟี๊ยบ!" ไม้เรียวที่คุณอาถืออยู่ในมือถูกฟาดลงมาที่ก้นโดนกระโปรงนักเรียนสามทีแรงๆ ทำให้แก้มใสๆของน้ำหน
ตอนที่ 5 ไม่กลับบ้านภาพเด็กหญิงนั่งร้องไห้กอดลูกแมวตัวเล็กพูดระบายความในใจออกมาเมื่อช่วงเย็น มันรบกวนจิตใจเขาไม่ยอมเลิก นั่นจึงทำให้คุณอาหนุ่มเลือกที่จะเดินออกจากห้องไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องข้างๆ"ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!" เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น น้ำหนึ่งจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่แล้วเดินมาเปิดประตูห้องเมื่อช่วงเย็นน้ำหนึ่งไม่ยอมมานั่งทานข้าวด้วยกัน ธานินทร์จึงยังไม่ได้มีช่วงเวลาปรับความเข้าใจ"คุณอา..." น้ำหนึ่งเดินออกมาเปิดประตูให้เห็นเป็นใบหน้าของคุณอายืนอยู่ที่หน้าห้อง เธอก็ได้แต่ทำหน้าเฉยๆ ไม่รู้ว่าเขาจะมาต่อว่าอะไรเธออีก"ทำไม...เห็นหน้าอาผิดหวังมากขนาดนี้เลยเหรอ" มันเป็นแววตาที่ไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิด"เปล่าค่ะ" ปากแข็ง!"เป็นยังไงบ้าง" น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามบ่งบอกถึงความห่วงใย"เรื่องอะไรคะ" ธานินทร์ผลักประตูห้องเปิดอ้าทิ้งเอาไว้แล้วเดินเข้าไปนั่งลงที่โซฟาภายในห้อง ส่วนน้ำหนึ่งก็เดินตามคุณอาเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า รอฟังสิ่งที่คุณอากำลังจะพูดในแบบไม่ได้คาดหวัง"โดนตีเมื่อเย็นไง" น้ำหนึ่งเบนหน้าหนี พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลลงมาอีก เธอค่อนข้างน้อย
ตอนที่ 6 ไร้เดียงสาเช้าวันรุ่งขึ้น ธานินทร์กลับมาถึงบ้านแต่เช้า เขาเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางปกติ"อ้าวบอส...กลับมาแล้วเหรอครับ" เสียงยุทธเอ่ยทักทายเจ้านายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอวดฟันขาวแต่เช้า"อือ...อาบน้ำก่อนเดี๋ยวลงมา ในครัวทำอะไรกินโคตรหิวเลย""มีหลายอย่างเลยครับ" ธานินทร์พยักหน้าแล้วเดินขึ้นชั้นบนของบ้านไป ทำธุระส่วนตัวตามปกติทางด้านน้ำหนึ่ง เธอลงมารับประทานอาหารเช้าตามเวลาปกติ เห็นคุณอาหนุ่มนั่งรออยู่ก่อนแล้วถึงกับงง...กลับมาแล้วเหรอ? เธอคิดในใจน้ำหนึ่งมองหน้าคุณอานิ่งๆ ไม่ได้พูดหรือถามอะไร ถึงในใจจะอยากรู้ก็ตาม เธอเลือกที่จะเดินเข้ามาแล้วนั่งลงที่เดิมที่เธอเคยนั่ง ตอนนี้อาหารบนโต๊ะยกมาเสิร์ฟให้ครบแล้วเรียบร้อย ข้าวก็ตักรอไว้แล้ว เหลือแค่ลงมือตักเข้าปาก ทั้งสองเริ่มลงมือรับประทานอาหาร...ยัยหลานสาวก็เอ่ยพูดกับคุณอาขึ้นมาว่า..."คุณอาขา...หนึ่งมีการบ้านที่ทำไม่ได้อยู่หลายข้อเลยค่ะ" น้ำเสียงของเธอค่อนข้างแผ่วเบา รู้สึกเกรงใจไม่รู้ว่าคุณอาทำงานมาเหนื่อยหรือเปล่า กลัวว่าจะไปรบกวนเขามากเกินไป แต่เธอเลือกที่จะบอกเอาไว้ก่อนไม่ได้รีบยังมีเวลาพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน"ช่วงบ่ายได้มั้ย อิ่ม
ตอนที่ 7 โตเป็นสาวแล้ว10 ปีผ่านไป...@ห้องทำงานชั้นล่างช่วงเย็น หลังจากที่ธานินทร์ออกกำลังกาย อาบน้ำอาบท่า และทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ เขาก็มักจะมานั่งทำงานต่อในห้องทำงานของเขาธานินทร์หนุ่มใหญ่ปัจจุบันอายุ 42 ปี ยังไม่ยอมมีใคร เขายังคงครองความเป็นโสดมาอย่างยาวนาน และยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือตอนนี้สวมแว่นสายตา แต่แว่นสายตายาวที่เขาสวมใส่อยู่ไม่สามารถบดบังความหล่อเหลาของเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียวใบหน้าหล่อเข้ม คมคาย ออกแนวดุนิดๆ เสื้อผ้าหน้าผมสะอาดสะอ้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เมื่อสิบปีที่แล้วเนี๊ยบยังไง ปัจจุบันก็ยังคงเป็นแบบนั้น เขากำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานท่าทางจริงจัง"คุณอาขา..." เสียงน้ำหนึ่งหลานสาวเพียงคนเดียวที่เขาอุปการะเลี้ยงดูเธอมาเป็นระยะเวลาสิบปีเต็ม วิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับเสียงหวานๆของเธอ เรียกคุณอาหนุ่มที่กำลังนั่งทำงานอยู่ ณ ตอนนี้ ปัจจุบันน้ำหนึ่งมีอายุ 21 ปีย่างเข้า 22 ปี เรียนใกล้จะจบแล้ว"ยิ้มมาแต่ไกลขนาดนี้ จะขออะไรก็ว่ามา" เสียงทุ้มเอ่ยถามหลานสาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย แค่เห็นหน้าเขาก็รู้แล้วว่าหลานสาวของเขาต้องการอะไร"หนึ่งอยากไปเที่ยวกับเพื่อนๆพรุ่งน
ตอนที่ 8 แมวไม่อยู่หลายวันต่อมา...ช่วงเย็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ ธานินทร์มักจะออกไปหาความสุขนอกบ้านตามประสาคนโสดเหมือนอย่างเคย"คุณอาไม่กลับบ้านอีกแล้ว..." น้ำเสียงเซ็งๆของน้ำหนึ่งพูดขึ้นเหมือนบ่น เมื่อก่อนเธอไม่รู้ว่าคุณอาของเธอเขาไปไหน ไปทำอะไร แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วทุกครั้งที่คุณอาออกจากบ้านไปนอนค้างคืนที่อื่น ความรู้สึกของน้ำหนึ่งเธอมักจะแอบเศร้าอยู่ในใจลึกๆ หม่นหมองไม่ร่าเริง ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไร เธอรู้แค่ว่าเธอไม่ชอบให้คุณอาออกไปทำเรื่องแบบนั้น แต่เธอก็ไม่เคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเธอเป็นเด็ก ได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจเท่านั้น"พรุ่งนี้เช้าเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ" เสียงพี่ชบาเอ่ยขึ้น ทุกคนรู้กัน น้ำหนึ่งเองก็ด้วย"ป้าคะ ถ้าอย่างนั้น หนึ่งขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนคืนนี้นะคะ พอดีเพื่อนมันชวน" ไหนๆคืนนี้คุณอาก็ไม่กลับบ้านอยู่แล้ว เธอรู้สึกเบื่อๆอย่างบอกไม่ถูก จึงอยากออกไปเที่ยวตามคำชวนของเพื่อนบ้าง ซึ่งเมื่อก่อนเธอไม่เคยไป แต่ตอนนี้เธอนึกอย่าลองไปบ้าง ถ้าไม่มีใครบอกยังไงคุณอาของเธอก็ไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน"คุณหนูโตเป็นสาวแล้ว ควรจะขออนุญาตคุณนินก่อนดีกว่
ตอนที่ 9 หนูร่าเริง"ไอ้นิน...มึงดูสาวโต๊ะนั้นสิ สวยว่ะ" เพื่อนที่พากันมานั่งดื่มชี้ไปทางเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่นั่งกันอยู่ประมาณหกคน หนึ่งในนั้นมีสาวสวยสะดุดตา หุ่นก็ดี๊ดี ท่าเต้นนี้ไม่ต้องพูดถึง สดใสน่ารักสุดๆ หญิงสาวคนนั้นก็คือ...น้ำหนึ่ง!ธานินทร์หันไปมองตามที่เพื่อนบอก สิ่งที่เขาเห็นทำเอาเขาต้องขยับแว่นอยู่หลายครั้ง เนื่องจากเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นนั่งถัดออกไปค่อนข้างไกลพอสมควร มองไม่ค่อยชัด แต่เมื่อรู้สึกว่าใช่แน่ๆ"เดี๋ยวกูมา..." ธานินทร์ขยับแว่นแล้วขยับแว่นอีก มองยังไงก็ใช่ เขารีบลุกขึ้นด้วยสีหน้าเข้มจัดอย่างเห็นได้ชัด แล้วเดินออกไปจากโซฟาตัวที่นั่งอยู่ทันที เดินตรงไปที่โต๊ะของเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นในแบบไม่พูดไม่จา"เฮ๊ย! ไอ้นิน ใจร้อนเหมือนเดิมตั้งแต่หนุ่มจนแก่เลยนะมึง" ธานินทร์ไม่ฟังเสียงใครหน้าไหนทั้งนั้น เขารีบเดินดุ่มๆไปหาเด็กวัยรุ่นโต๊ะนั้นทันที หนึ่งในนั้นแน่นอนว่ามีน้ำหนึ่งหลานสาววัยใสของเขานั่งอยู่ด้วย ซึ่งตอนนี้เธอกำลังเมาได้ที่พอสมควร จากที่ลุกยืนเต้น ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาเป็นนั่งขยับอยู่กับที่ เนื่องจากฤทธิ์น้ำผลไม้ที่ดื่มเข้าไปมันออกฤทธิ์จนเธอทรงตัวยืนไม่ค่อยจะอยู่แล้ว