Share

ตอนที่ 7 โตเป็นสาวแล้ว

ตอนที่ 7 โตเป็นสาวแล้ว

10 ปีผ่านไป...

@ห้องทำงานชั้นล่าง

ช่วงเย็น หลังจากที่ธานินทร์ออกกำลังกาย อาบน้ำอาบท่า และทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ เขาก็มักจะมานั่งทำงานต่อในห้องทำงานของเขา

ธานินทร์หนุ่มใหญ่ปัจจุบันอายุ 42 ปี ยังไม่ยอมมีใคร เขายังคงครองความเป็นโสดมาอย่างยาวนาน และยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือตอนนี้สวมแว่นสายตา แต่แว่นสายตายาวที่เขาสวมใส่อยู่ไม่สามารถบดบังความหล่อเหลาของเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ใบหน้าหล่อเข้ม คมคาย ออกแนวดุนิดๆ เสื้อผ้าหน้าผมสะอาดสะอ้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เมื่อสิบปีที่แล้วเนี๊ยบยังไง ปัจจุบันก็ยังคงเป็นแบบนั้น เขากำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานท่าทางจริงจัง

"คุณอาขา..." เสียงน้ำหนึ่งหลานสาวเพียงคนเดียวที่เขาอุปการะเลี้ยงดูเธอมาเป็นระยะเวลาสิบปีเต็ม วิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับเสียงหวานๆของเธอ เรียกคุณอาหนุ่มที่กำลังนั่งทำงานอยู่ ณ ตอนนี้ ปัจจุบันน้ำหนึ่งมีอายุ 21 ปีย่างเข้า 22 ปี เรียนใกล้จะจบแล้ว

"ยิ้มมาแต่ไกลขนาดนี้ จะขออะไรก็ว่ามา" เสียงทุ้มเอ่ยถามหลานสาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย แค่เห็นหน้าเขาก็รู้แล้วว่าหลานสาวของเขาต้องการอะไร

"หนึ่งอยากไปเที่ยวกับเพื่อนๆพรุ่งนี้ค่ะ" นั่นไง! เลี้ยงมากับมือเขาย่อมรู้ทันเธอดีกว่าใคร ช่วงเวลาสิบปีเต็มที่อยู่ด้วยกันมา ทำให้คุณอากับคุณหลานทั้งสอง เริ่มรู้ใจกันมากขึ้น

"เพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชาย"

"มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลยค่ะ"

"ที่ไหน" กฏของการออกนอกบ้านของน้ำหนึ่งที่คุณอาตั้งเอาไว้ ก็คือ...ห้ามเที่ยวกลางคืนและห้ามค้างคืนที่อื่น นอกเหนือจากนี้ส่วนมากเขาจะอนุญาตตลอด สาเหตุก็เพราะเธอเป็นผู้หญิง เขาเองก็เป็นห่วงเธอมาก

"นครนายกค่ะ เพื่อนๆของหนึ่งจะไปเที่ยวน้ำตกกัน" สีหน้าของเธอบ่งบอกว่าอยากไปด้วยมาก...

"รู้ใช่มั้ยว่าอาไม่ให้ค้างคืน ไปแล้วต้องกลับบ้าน" น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยบอก ในใจไม่อยากให้ไปเลย เพราะอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ถ้าไม่ให้ไปก็ดูจะใจร้ายเกินไปหน่อย

"ทราบค่ะ ไปเช้าเย็นกลับค่ะ ไม่ได้ค้าง" น้ำหนึ่งทราบดี คุณอาเป็นห่วง ทุกๆครั้งที่เธอขอไปเที่ยวกับเพื่อนๆ คุณอามักจะอนุญาตให้เธอไปเที่ยวกับเพื่อนได้แต่ต้องกลับมานอนที่บ้าน

"จะเอาเท่าไหร่" ข้อนี้แหละเป็นประโยคที่น้ำหนึ่งอยากได้ยิน ไปเที่ยวก็ต้องมีตัง

"สองพันก็พอค่ะ" เธอขอแค่นี้

น้ำหนึ่งทราบดีว่าค่าใช้จ่ายตลอดสิบปีที่ผ่านมาคุณอาไม่เคยแม้แต่เอาเงินของเธอออกมาใช้แม้แต่บาทเดียว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ คุณอาเป็นคนออกให้ทั้งหมด รวมถึงค่าใช้จ่ายของข้าวกล้องด้วย ตอนนี้ข้าวกล้องได้อยู่อย่างสุขสบาย อ้วนตัวกลม ขนนุ่ม ตัวหอม น่ากอดมากๆ

"เอาติดตัวไว้เหลือดีกว่าขาด ใช้ไม่หมดก็เก็บเอาไว้" คุณอาขยับแว่นที่สวมอยู่เล็กน้อยแล้วหยิบแบงค์พันจากกระเป๋าสตางค์ให้หลานสาวห้าใบ ทำเอาใบหน้าของน้ำหนึ่งคลี่ยิ้มกว้างมากกว่าเดิม คุณอามักจะใจดีกับเธอแบบนี้เสมอ

"ขอบคุณค่ะ หนึ่งรักคุณอาที่สุ๊ด..." ฝ่ามือเรียวสวยยกขึ้นไหว้ขอบคุณตามปกติ แถมป้อนคำหวานส่งไปให้อีกด้วย ทำเอาคุณอาหนุ่มอยากจะหยิบแบงค์พันให้อีกสักห้าใบ

"ออกไปได้แล้วอาจะทำงาน" น้ำหนึ่งได้รับอนุญาตและเงินจำนวนหนึ่งอย่างพอใจ เธอจึงรีบออกจากห้องทำงานของคุณอาทันที ปล่อยให้เขาทำงานไป

"คุณหนู...ยิ้มหน้าบานเลยนะคะ" เสียงพี่ชบาเอ่ยแซว เมื่อเห็นรอยยิ้มของคุณหนู ที่ชบาช่วยดูแลมาตลอดระยะเวลาสิบปี ตอนนี้เธอโตเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว แถมยังสวยมากอีกด้วย

"พรุ่งนี้หนึ่งจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆค่ะ หนึ่งไปขอตังคุณอามา หนึ่งขอแค่สองพัน แต่คุณอาใจดีให้หนึ่งมาตั้งห้าพัน บอกว่าเหลือดีกว่าขาด" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณอาใจดีแบบนี้ เขาให้เยอะเพราะกลัวหลานจะไม่พอใช้ อีกอย่างน้ำหนึ่งก็ไม่ใช่เด็กใช้เงินเก่ง ลูกเต้าก็ไม่มี แถมยังมีกันอยู่แค่นี้ ถ้าเขาไม่ให้น้ำหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปให้ใคร

"ได้ไปเยอะขนาดนี้ ซื้อขนมมาฝากพี่ชบาด้วยนะคะ" ชบาพูดยิ้มๆ น้ำหนึ่งเป็นเด็กน่ารัก แถมเธอยังเรียนเก่ง เพราะมีคุณครูที่บ้านช่วยสอนพิเศษให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะเรียนจบแล้วด้วย

"ซื้ออยู่แล้วค่ะ หนึ่งใช้เงินเป็น จะใช้ให้หมดนี่แหละ ว่าแต่พี่ชบาอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ"

"ไม่ค่ะ เจออะไรน่ากินคุณหนูก็ซื้อมาเถอะ พี่ชบากินได้หมดแหละค่ะ"

"ค่ะ หนึ่งจะซื้อมาฝากทุกคนเลย"

เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนๆของน้ำหนึ่งขับรถมารับเธอที่บ้านแต่เช้า มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายประมาณห้าหกคนเห็นจะได้ จากนั้นก็พากันออกจากบ้านไป ปล่อยให้คุณอาหนุ่มยืนมองหลานสาวที่เลี้ยงมากับมือด้วยสายตาเป็นห่วง...

"ไอ้ยุทธ มึงว่าน้ำหนึ่งมีแฟนหรือยัง"

"เท่าที่ผมเห็น ในสายตาของคุณหนูก็ไม่เห็นมีใครพิเศษสำหรับคุณหนูนะครับ บอสเป็นห่วงคุณหนูเหรอครับ"

"อือ...เพื่อนที่เห็นเมื่อกี้แต่ละคน ไม่เข้าตาสักคน" พูดถึงเรื่องนี้แล้วอดเป็นห่วงไม่ได้

"บอสคิดมากไปหรือเปล่าครับ" ธานินทร์รู้ดีว่าชีวิตน้ำหนึ่งไม่มีใคร ความเป็นห่วงที่เกิดขึ้นจึงมีมากเป็นพิเศษ

"ช่วงเที่ยงนัดลูกค้าไว้ เตรียมเอกสารเรียบร้อยหรือยัง" ธานินทร์เปลี่ยนเรื่องคุย วันนี้เขานัดกับลูกค้าคุยเรื่องงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

"เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ" ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น เสียงข้าวกล้อง ลูกแมวตัวนั้นที่น้ำหนึ่งเก็บมาเลี้ยง บัดนี้ตัวโตแล้ว มันเดินเข้ามาส่งเสียงร้อง อยู่ข้างๆธานินทร์ มันคงเดินมาถามหาหม่ามี๊ของมัน

"เมี๊ยว..."

"ไงข้าวกล้อง โดนทิ้งล่ะสิสมน้ำหน้า" ธานินทร์หันไปพูดกับข้าวกล้องด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

"เมี๊ยว...เมี๊ยว..."

"มานอนบนนี้มา..." ธานินทร์หันไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาใกล้ๆ เขาเคาะมือเรียกให้ข้าวกล้องขึ้นมานอนลงที่โซฟาตัวเดียวกัน ข้าวกล้องเป็นแมวขี้อ้อน ตอนแรกธานินทร์ก็ไม่ค่อยชอบ แต่พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาตกหลุมรักแมวซะอย่างนั้น ทุกวันนี้นอกจากเขาจะเลี้ยงคนแล้ว ยังต้องเลี้ยงแมวอีกด้วย

"เมี๊ยว..." ข้าวกล้องเอาคางหนุนไปที่ขาของธานินทร์ด้วยท่าทางออดอ้อน ในใจยังคงนึกเป็นห่วงเจ้าของแมวไม่หาย ยิ่งโตขึ้นยิ่งเป็นห่วงมาก

"เครื่องเป่าขนที่ซื้อให้อันใหม่วันก่อนชอบมั้ย" นอกจากจะเปย์หลานสาวแล้ว แมวตัวนี้ก็ไม่รู้ว่าหมดไปเท่าไหร่แล้ว ล่าสุดเครื่องเป่าขนควักเงินจากกระเป๋าหมดไปหลายหมื่น

"เมี๊ยว..."

"ชอบก็ดี...ทำตัวดีๆล่ะ ฝากบอกหม่ามี๊ของแกด้วย พักนี้เที่ยวเก่งจัง" ขอไปทุกครั้ง คุณอาอย่างเขาก็ไม่เคยขัด อยากไปก็ให้ไป ตามใจตลอด แต่ขออย่างเดียวเที่ยวเสร็จต้องกลับบ้าน ห้ามค้างคืนที่อื่นและห้ามเที่ยวกลางคืน

ธานินทร์ลุกขึ้นจากโซฟาตัวที่นั่งอยู่ พร้อมกับตบไปที่หัวข้าวกล้องหนึ่งทีจนมันหลับตาปี๋ เขาชอบแกล้งมันตอนที่น้ำหนึ่งไม่อยู่แบบนี้เป็นประจำ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status