ตอนที่ 4 โดดเรียน
สามวันผ่านไป...
ช่วงบ่ายของวัน ธานินทร์ได้รับโทรศัพท์จากคุณครูที่โรงเรียนบอกว่าวันนี้น้ำหนึ่งโดดเรียน ไม่ยอมเข้าเรียน สิ่งที่ได้ยินทำให้ธานินทร์รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก เขาไม่ค่อยชอบเด็กเกเร ไม่มีความรับผิดชอบ
หลังเลิกเรียน น้ำหนึ่งนั่งรถรับส่งกลับมาลงที่หน้าบ้านเหมือนทุกวัน เธอเดินเข้ามาในบ้าน เห็นคุณอานั่งรออยู่ก่อนแล้ว ในมือคุณอาถือไม้เรียวอยู่ด้วย
"น้ำหนึ่ง มานี่..." ประโยคคำสั่งดังขึ้นเรียกให้เธอเดินเข้าไปหา
"............." น้ำหนึ่งเดินก้มหน้าเข้าไป ในใจเริ่มรู้แล้วว่าเรื่องอะไร
"รู้มั้ยว่าวันนี้ตัวเองทำอะไรผิด"
"ไม่ทราบค่ะ" เธอทราบ แต่เธอแค่ไม่ยอมรับก็เท่านั้น
"วันนี้โดดเรียนกี่วิชา" ธานินทร์เลือกที่จะถามออกไปตรงๆในสิ่งที่เขารู้มา
"สามค่ะ" น้ำหนึ่งยอมรับสารภาพตามตรงเช่นกัน เธอมีปัญหาจึงเลือกหนีปัญหาด้วยการไม่เข้าเรียน
"หันก้นมา" ไม้เรียวในมือของคุณอาทำให้น้ำหนึ่งรู้ว่าคุณอาจะทำอะไรกับเธอ เธอวางกระเป๋าหนังสือลงแล้วยอมหันก้นให้พร้อมกับยกแขนขึ้นกอดอก
"เฟี๊ยบ! เฟี๊ยบ! เฟี๊ยบ!" ไม้เรียวที่คุณอาถืออยู่ในมือถูกฟาดลงมาที่ก้นโดนกระโปรงนักเรียนสามทีแรงๆ ทำให้แก้มใสๆของน้ำหนึ่งตอนนี้อาบไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง
"คุณนิน ตีคุณหนูทำไมคะ เกิดอะไรขึ้น" ป้าแก้วได้ยินเสียงจึงรีบเดินออกมาดูเห็นเหตุการณ์พอดี
"ป้าก็ถามคุณหนูของป้าดูสิ" ป้าแก้วรีบเดินเข้าไปกอดคุณหนูตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นน่าสงสาร
"คุณหนูหนึ่ง เรื่องอะไรกันคะ" ป้าแก้วถามขึ้น พลางกอดปลอบและลูบแผ่นหลังเล็กให้คุณหนูไปด้วย เธอยังไม่ยอมหยุดสะอื้น
"หนึ่งเรียนไม่รู้เรื่อง หนึ่งปรับตัวเข้ากับเพื่อนไม่ได้ วิชาที่เรียนก็ยากกว่าที่หนึ่งเคยเรียนมา หนึ่งไม่เข้าใจ หนึ่งเรียนไม่รู้เรื่องเลย หนึ่งก็เลยไม่เข้าเรียนสามวิชาค่ะ" เสียงสะอึกสะอื้นเอ่ยตอบป้าแก้ว ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา มันเป็นความกดดันของเด็กที่ผู้ใหญ่บางคนคงไม่เข้าใจ คุณครูถามอะไรมาเธอก็ตอบไม่ค่อยได้ แล้วก็มักจะโดนเพื่อนล้อด้วย
"เรื่องแค่นี้พูดกันดีๆก็ได้นี่คะ ทำไมจะต้องลงไม้ลงมือด้วย" ป้าแก้วเอ็ดใส่ธานินทร์ ท่านจำได้ไม่เคยลืม ตอนธานินทร์เป็นเด็ก เวลาทำผิดก็มักจะโดนคุณพ่อตีแบบนี้เสมอ เป็นท่านที่ต้องเข้าไปพูดปลอบอยู่เป็นประจำ ธานินทร์มักจะถูกคุณพ่อทำโทษด้วยการตี แต่สถานะของธานินทร์กับน้ำหนึ่งมันไม่เหมือนกัน อีกทั้งการตีในสมัยนี้ก็หมดสมัยไปแล้วด้วย ถึงแม้ว่าคนตีจะไม่ได้มีเจตนาร้ายก็ตาม
"ถ้าเป็นคุณพ่อของหนึ่ง คุณพ่อคงถามหนึ่งก่อนว่าเพราะอะไรหนึ่งถึงไม่เข้าเรียน แต่คุณอาเลือกที่จะตีหนึ่งเลย คนใจร้าย!" น้ำหนึ่งหยิบกระเป๋าที่วางลงเมื่อสักครู่เอามาถือไว้ แล้ววิ่งขึ้นห้องไปด้วยน้ำตา...
"ป้าว่าคุณนินทำเกินไปหน่อยนะคะ แกเพิ่งจะเสียพ่อไป จิตใจยังไม่คงที่ หนีร้อนมาพึ่งเย็น คุณนินทำแบบนี้เด็กอายุแค่นั้นจะคิดว่าคุณไม่รักแกนะคะ" ในบ้านหลังนี้ธานินทร์ใหญ่สุดก็จริง แต่คงมีป้าแก้วเพียงคนเดียวที่สามารถกล้าตำหนิโดยที่ธานินทร์ไม่กล้าเถียง
"ผมทำผิดมากเลยเหรอครับป้า ไหนคนโบราณเขาบอกว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีไงครับ"
"ไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้ค่ะ แต่ก่อนที่จะตีก็ควรถามหาเหตุผลก่อน ถ้าเป็นป้า ป้าก็จะถามแกก่อนค่ะ" ธานินทร์ไม่เคยมีลูก เขาจำมาจากการเลี้ยงดูของคุณพ่อกับคุณแม่ที่เลี้ยงเขามา ได้ดีทุกวันนี้ก็เพราะไม้เรียว...เขาคิดแบบนี้
เย็นวันนี้น้ำหนึ่งไม่ยอมลงมาออกกำลังกาย ธานินทร์ไม่ได้ว่าอะไรในเรื่องนี้แต่เขารอที่จะปรับความเข้าใจกับเธอ รอนานแล้วก็ไม่เห็นเธอเดินเข้ามา ส่วนเรื่องออกกำลังกาย เขาไม่ได้คิดจะบังคับให้เด็กอย่างเธอออกกำลังกายอยู่แล้วตั้งแต่แรก เพียงแต่แค่อยากหากิจกรรมให้ทำก็เท่านั้น
ส่วนคำพูดของป้าแก้วทำให้ธานินทร์รู้สึกผิด เขาเดินออกจากห้องฟิตเนสไปเคาะประตูห้องนอนส่วนตัวของน้ำหนึ่ง หวังจะปรับความเข้าใจ
"ก๊อกๆๆ" เงียบ...
"ก๊อกๆๆ หนึ่งเปิดประตูให้อาหน่อย" ก็ยังเงียบ...ธานินทร์จับลูกบิดลองหมุนดูปรากฏว่าห้องไม่ได้ล็อคเขาจึงเปิดแล้วเดินเข้าไปด้านใน พบว่าด้านในไม่มีใครอยู่ เขาจึงเดินออกตามหาน้ำหนึ่งไปจนทั่ว ได้ยินเสียงแว่วๆอยู่หลังบ้าน
"ฮื่อๆๆ ข้าวกล้อง...แกคิดถึงพ่อกับแม่ของแกมั้ย" ข้าวกล้องเป็นลูกแมวตัวเมีย ขนปุยตัวเล็กน่ารัก
"ฉันคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่มาก ถ้าพวกท่านอยู่ ฉันคงไม่ต้องมาถูกตีแบบวันนี้ ฮึก!" คุณแม่ของน้ำหนึ่งเสียไปนานแล้วเช่นกัน คำพูดตัดพ้อพวกนี้ธานินทร์เดินเข้ามาได้ยินพอดี เขายืนอยู่ด้านบนมองลงไปตรงหน้าต่างเห็นน้ำหนึ่งนั่งกอดลูกแมวพลางพูดไปร้องไห้ไปอยู่คนเดียว
"ถ้าฉันอายุสิบแปดทำงานได้เมื่อไหร่ ฉันจะไม่ยอมอยู่ที่นี่เด็ดขาด เจ้าของบ้านที่นี่บ้าอำนาจ ไม่มีเหตุผล ฮึก!" ธานินทร์ได้ยินเธอต่อว่าเขาแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิด หรือว่าเขาจะเป็นแบบที่เธอพูดจริงๆ
"คุณนิน..." ชบาเดินมาเห็นคุณธานินทร์ยืนอยู่ที่หน้าต่างตรงที่น้ำหนึ่งนั่งเล่นลูกแมวอยู่หลังบ้านพอดี ทำเอาชบาหน้าเสียทันที
"ตามผมมา..." ธานินทร์หมุนตัวเดินออกมาจากตรงนั้น เรียกให้ชบาเดินตามมาด้วย ส่วนชบาเดินผ่านป้าแก้วจึงดึงมือป้าแก้วให้เดินตามมาด้วยกันอีกคน
"ใครอนุญาตให้เอาแมวเข้ามาเลี้ยงในบ้านหลังนี้" ทุกคนในบ้านหลังนี้รู้ดีว่าธานินทร์ไม่ชอบให้เลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าสัตว์ตัวนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม
"คือ..." ชบาอึกอัก เพราะรู้ดีว่า เรื่องสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่ธานินทร์ไม่อนุญาตมาโดยตลอด
"ผมถามว่าใครอนุญาต ทำไมไม่มีใครบอกน้ำหนึ่งว่าบ้านหลังนี้ห้ามมีสัตว์เลี้ยง" สัตว์เลี้ยงชอบสร้างความวุ่นวาย ไหนจะขนของมัน ค่ารักษาพยาบาล ค่าอาหาร ทุกอย่างมันดูเป็นภาระไปหมด
"คุณหนูอุ้มมาค่ะ แกบอกว่าจะเลี้ยงมันแค่สามวัน" วันนี้ก็เข้าวันที่สามแล้ว ช่วงเวลาที่น้ำหนึ่งแอบมาเล่นลูกแมว แกดูมีความสุขมากเป็นพิเศษ นั่นจึงทำให้ทุกคนยอมให้เธอเลี้ยงต่อ
"แกสงสารลูกแมวที่ไม่มีพ่อมีแม่เหมือนแกค่ะ ป้าก็เลยยอมให้แกเลี้ยง สงสารแกเวลาที่แกอยู่กับลูกแมวตัวนั้น แกดูมีความสุขเหมือนได้มีเพื่อนคุยเลยนะคะ" ป้าแก้วช่วยพูดเสริมอีกคน
"คุณนินคะ ให้คุณหนูเลี้ยงไว้แก้เหงาสักตัวได้มั้ยคะ ชบาสัญญาว่าจะช่วยดูแลลูกแมวตัวนั้นเป็นอย่างดี จะไม่ให้มันไปเดินเพ่นพ่านเด็ดขาดและจะทำความสะอาดมันอย่างดี ชบาสัญญาค่ะ" เมื่อกี้ชบาอุตส่าห์ช่วยคุณหนูดูต้นทางแล้ว ไม่คิดว่าคุณธานินทร์จะแอบดูอยู่บนหน้าต่าง
"ป้าด้วย ป้าจะช่วยดูลูกแมวตัวนั้นให้อีกคน คุณนินยอมให้คุณหนูหนึ่งเลี้ยงมันไว้สักตัวเถอะนะคะ" ทุกคนสงสารน้ำหนึ่ง เขาเองก็เช่นกัน...
"เอาล่ะ...ผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกัน" ธานินทร์พูดจบเขาก็เดินออกไปจากตรงนี้ทันที ชบากับป้าแก้วทำท่าโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองหันมายิ้มให้กัน สิ่งที่ได้ยินแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าคุณธานินทร์จะยอมง่ายยอมดายขนาดนี้
ตอนที่ 5 ไม่กลับบ้านภาพเด็กหญิงนั่งร้องไห้กอดลูกแมวตัวเล็กพูดระบายความในใจออกมาเมื่อช่วงเย็น มันรบกวนจิตใจเขาไม่ยอมเลิก นั่นจึงทำให้คุณอาหนุ่มเลือกที่จะเดินออกจากห้องไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องข้างๆ"ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!" เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น น้ำหนึ่งจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่แล้วเดินมาเปิดประตูห้องเมื่อช่วงเย็นน้ำหนึ่งไม่ยอมมานั่งทานข้าวด้วยกัน ธานินทร์จึงยังไม่ได้มีช่วงเวลาปรับความเข้าใจ"คุณอา..." น้ำหนึ่งเดินออกมาเปิดประตูให้เห็นเป็นใบหน้าของคุณอายืนอยู่ที่หน้าห้อง เธอก็ได้แต่ทำหน้าเฉยๆ ไม่รู้ว่าเขาจะมาต่อว่าอะไรเธออีก"ทำไม...เห็นหน้าอาผิดหวังมากขนาดนี้เลยเหรอ" มันเป็นแววตาที่ไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิด"เปล่าค่ะ" ปากแข็ง!"เป็นยังไงบ้าง" น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามบ่งบอกถึงความห่วงใย"เรื่องอะไรคะ" ธานินทร์ผลักประตูห้องเปิดอ้าทิ้งเอาไว้แล้วเดินเข้าไปนั่งลงที่โซฟาภายในห้อง ส่วนน้ำหนึ่งก็เดินตามคุณอาเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า รอฟังสิ่งที่คุณอากำลังจะพูดในแบบไม่ได้คาดหวัง"โดนตีเมื่อเย็นไง" น้ำหนึ่งเบนหน้าหนี พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลลงมาอีก เธอค่อนข้างน้อย
ตอนที่ 6 ไร้เดียงสาเช้าวันรุ่งขึ้น ธานินทร์กลับมาถึงบ้านแต่เช้า เขาเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางปกติ"อ้าวบอส...กลับมาแล้วเหรอครับ" เสียงยุทธเอ่ยทักทายเจ้านายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอวดฟันขาวแต่เช้า"อือ...อาบน้ำก่อนเดี๋ยวลงมา ในครัวทำอะไรกินโคตรหิวเลย""มีหลายอย่างเลยครับ" ธานินทร์พยักหน้าแล้วเดินขึ้นชั้นบนของบ้านไป ทำธุระส่วนตัวตามปกติทางด้านน้ำหนึ่ง เธอลงมารับประทานอาหารเช้าตามเวลาปกติ เห็นคุณอาหนุ่มนั่งรออยู่ก่อนแล้วถึงกับงง...กลับมาแล้วเหรอ? เธอคิดในใจน้ำหนึ่งมองหน้าคุณอานิ่งๆ ไม่ได้พูดหรือถามอะไร ถึงในใจจะอยากรู้ก็ตาม เธอเลือกที่จะเดินเข้ามาแล้วนั่งลงที่เดิมที่เธอเคยนั่ง ตอนนี้อาหารบนโต๊ะยกมาเสิร์ฟให้ครบแล้วเรียบร้อย ข้าวก็ตักรอไว้แล้ว เหลือแค่ลงมือตักเข้าปาก ทั้งสองเริ่มลงมือรับประทานอาหาร...ยัยหลานสาวก็เอ่ยพูดกับคุณอาขึ้นมาว่า..."คุณอาขา...หนึ่งมีการบ้านที่ทำไม่ได้อยู่หลายข้อเลยค่ะ" น้ำเสียงของเธอค่อนข้างแผ่วเบา รู้สึกเกรงใจไม่รู้ว่าคุณอาทำงานมาเหนื่อยหรือเปล่า กลัวว่าจะไปรบกวนเขามากเกินไป แต่เธอเลือกที่จะบอกเอาไว้ก่อนไม่ได้รีบยังมีเวลาพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน"ช่วงบ่ายได้มั้ย อิ่ม
ตอนที่ 7 โตเป็นสาวแล้ว10 ปีผ่านไป...@ห้องทำงานชั้นล่างช่วงเย็น หลังจากที่ธานินทร์ออกกำลังกาย อาบน้ำอาบท่า และทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ เขาก็มักจะมานั่งทำงานต่อในห้องทำงานของเขาธานินทร์หนุ่มใหญ่ปัจจุบันอายุ 42 ปี ยังไม่ยอมมีใคร เขายังคงครองความเป็นโสดมาอย่างยาวนาน และยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือตอนนี้สวมแว่นสายตา แต่แว่นสายตายาวที่เขาสวมใส่อยู่ไม่สามารถบดบังความหล่อเหลาของเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียวใบหน้าหล่อเข้ม คมคาย ออกแนวดุนิดๆ เสื้อผ้าหน้าผมสะอาดสะอ้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เมื่อสิบปีที่แล้วเนี๊ยบยังไง ปัจจุบันก็ยังคงเป็นแบบนั้น เขากำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานท่าทางจริงจัง"คุณอาขา..." เสียงน้ำหนึ่งหลานสาวเพียงคนเดียวที่เขาอุปการะเลี้ยงดูเธอมาเป็นระยะเวลาสิบปีเต็ม วิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับเสียงหวานๆของเธอ เรียกคุณอาหนุ่มที่กำลังนั่งทำงานอยู่ ณ ตอนนี้ ปัจจุบันน้ำหนึ่งมีอายุ 21 ปีย่างเข้า 22 ปี เรียนใกล้จะจบแล้ว"ยิ้มมาแต่ไกลขนาดนี้ จะขออะไรก็ว่ามา" เสียงทุ้มเอ่ยถามหลานสาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย แค่เห็นหน้าเขาก็รู้แล้วว่าหลานสาวของเขาต้องการอะไร"หนึ่งอยากไปเที่ยวกับเพื่อนๆพรุ่งน
ตอนที่ 8 แมวไม่อยู่หลายวันต่อมา...ช่วงเย็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ ธานินทร์มักจะออกไปหาความสุขนอกบ้านตามประสาคนโสดเหมือนอย่างเคย"คุณอาไม่กลับบ้านอีกแล้ว..." น้ำเสียงเซ็งๆของน้ำหนึ่งพูดขึ้นเหมือนบ่น เมื่อก่อนเธอไม่รู้ว่าคุณอาของเธอเขาไปไหน ไปทำอะไร แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วทุกครั้งที่คุณอาออกจากบ้านไปนอนค้างคืนที่อื่น ความรู้สึกของน้ำหนึ่งเธอมักจะแอบเศร้าอยู่ในใจลึกๆ หม่นหมองไม่ร่าเริง ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไร เธอรู้แค่ว่าเธอไม่ชอบให้คุณอาออกไปทำเรื่องแบบนั้น แต่เธอก็ไม่เคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเธอเป็นเด็ก ได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจเท่านั้น"พรุ่งนี้เช้าเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ" เสียงพี่ชบาเอ่ยขึ้น ทุกคนรู้กัน น้ำหนึ่งเองก็ด้วย"ป้าคะ ถ้าอย่างนั้น หนึ่งขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนคืนนี้นะคะ พอดีเพื่อนมันชวน" ไหนๆคืนนี้คุณอาก็ไม่กลับบ้านอยู่แล้ว เธอรู้สึกเบื่อๆอย่างบอกไม่ถูก จึงอยากออกไปเที่ยวตามคำชวนของเพื่อนบ้าง ซึ่งเมื่อก่อนเธอไม่เคยไป แต่ตอนนี้เธอนึกอย่าลองไปบ้าง ถ้าไม่มีใครบอกยังไงคุณอาของเธอก็ไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน"คุณหนูโตเป็นสาวแล้ว ควรจะขออนุญาตคุณนินก่อนดีกว่
ตอนที่ 9 หนูร่าเริง"ไอ้นิน...มึงดูสาวโต๊ะนั้นสิ สวยว่ะ" เพื่อนที่พากันมานั่งดื่มชี้ไปทางเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่นั่งกันอยู่ประมาณหกคน หนึ่งในนั้นมีสาวสวยสะดุดตา หุ่นก็ดี๊ดี ท่าเต้นนี้ไม่ต้องพูดถึง สดใสน่ารักสุดๆ หญิงสาวคนนั้นก็คือ...น้ำหนึ่ง!ธานินทร์หันไปมองตามที่เพื่อนบอก สิ่งที่เขาเห็นทำเอาเขาต้องขยับแว่นอยู่หลายครั้ง เนื่องจากเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นนั่งถัดออกไปค่อนข้างไกลพอสมควร มองไม่ค่อยชัด แต่เมื่อรู้สึกว่าใช่แน่ๆ"เดี๋ยวกูมา..." ธานินทร์ขยับแว่นแล้วขยับแว่นอีก มองยังไงก็ใช่ เขารีบลุกขึ้นด้วยสีหน้าเข้มจัดอย่างเห็นได้ชัด แล้วเดินออกไปจากโซฟาตัวที่นั่งอยู่ทันที เดินตรงไปที่โต๊ะของเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นในแบบไม่พูดไม่จา"เฮ๊ย! ไอ้นิน ใจร้อนเหมือนเดิมตั้งแต่หนุ่มจนแก่เลยนะมึง" ธานินทร์ไม่ฟังเสียงใครหน้าไหนทั้งนั้น เขารีบเดินดุ่มๆไปหาเด็กวัยรุ่นโต๊ะนั้นทันที หนึ่งในนั้นแน่นอนว่ามีน้ำหนึ่งหลานสาววัยใสของเขานั่งอยู่ด้วย ซึ่งตอนนี้เธอกำลังเมาได้ที่พอสมควร จากที่ลุกยืนเต้น ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาเป็นนั่งขยับอยู่กับที่ เนื่องจากฤทธิ์น้ำผลไม้ที่ดื่มเข้าไปมันออกฤทธิ์จนเธอทรงตัวยืนไม่ค่อยจะอยู่แล้ว
ตอนที่ 10 เถียงเก่งธานินทร์อุ้มหลานสาวของเขาขึ้นชั้นบนไป เมื่อเข้ามาถึงในห้อง เขาวางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ แต่...แขนของเธอที่กำลังคล้องอยู่ที่ต้นคอของเขา เธอไม่ยอมปล่อย แต่กลับรั้งเอาไว้แน่น เธอรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลาของคุณอาในระยะใกล้เพียงคืบ"คุณอาขา..." สายตาของเธอมองมาที่ใบหน้าของเขาด้วยแววตาหวานฉ่ำ ฝ่ามือเล็กเริ่มซุกซนเธอหยิบแว่นที่ธานินทร์สวมใส่อยู่ออกอย่างถือวิสาสะ แล้วยิ้มหวานให้เขา"หนึ่ง...ปล่อยอาก่อน" แขนอีกข้างรั้งอยู่ที่ต้นคอไม่ยอมปล่อย มืออีกข้างถอดแว่นคุณอาออก จากนั้นก็ยกขึ้นวางลงไปบนต้นคอของคุณอาเหมือนเดิม ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันไม่ถึงคืบ"ไม่ปล่อย..." ธานินทร์รู้ดีว่าสิ่งที่น้ำหนึ่งกำลังแสดงออกอยู่ตอนนี้ คงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไป เขาพยายามแกะมือเล็กๆที่กำลังคล้องอยู่บนต้นคอของเขาออก แต่เธอไม่ยอมปล่อยออกให้ง่ายๆ"หนึ่งปล่อยอาเดี๋ยวนี้นะ""ไม่ปล่อย...หนึ่งขอกอดคุณอาแค่นิดๆหน่อยๆไม่ได้หรือไง ทีผู้หญิงอื่นคุณอายัง...""หนึ่ง!!" ธานินทร์ส่งเสียงดุ เขาไม่เคยได้ยินน้ำหนึ่งพูดแบบนี้มาก่อน ซึ่งสิ่งที่เขาทำมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเด็ก
ตอนที่ 11 ขอโทษหลังจากที่ธานินทร์เดินหนีออกไป น้ำหนึ่งจึงเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น"คุณหนู..." เสียงป้าแก้วร้องเรียก เมื่อท่านเห็นน้ำหนึ่งเดินคอตกเข้ามาหา"ฮึก!" ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาโดนแก้มนวลทั้งสองข้างของเธอ"ป้าบอกแล้วไงว่าอย่าออกไป ทำไมคุณหนูถึงไม่เชื่อป้า แล้วเป็นยังไงบ้าง โดนคุณอาตีมาหรือเปล่าคะ" พี่ชบาเดินเข้ามาลูบแผ่นหลังให้น้ำหนึ่งเบาๆเป็นการปลอบ"เปล่าค่ะ แต่คุณอาน่าจะโกรธหนึ่งมาก หนึ่งควรจะทำยังไงดีคะป้า" สีหน้าของคุณอาตอนที่เดินหนีเธอไป น้ำหนึ่งรู้สึกใจหายวาบ ในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาไม่แม้แต่สบตากับเธอเลยแม้แต่น้อย ซึ่งที่ผ่านๆมาธานินทร์ไม่เคยแสดงอาการแบบนี้ใส่น้ำหนึ่งมาก่อน"คุณหนูเป็นเด็กต้องเข้าไปขอโทษคุณอาก่อนนะคะ ยังไงเขาก็เลี้ยงคุณหนูมา" ใบหน้าสวยตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เธอเสียใจ..."หนึ่งขอโทษคุณอาแล้วค่ะ แต่คุณอา...ฮึก! ไม่สนใจหนึ่งเลย...ฮึก!""รอให้คุณนินอารมณ์ดีกว่านี้หน่อยแล้วค่อยไปขอโทษใหม่ดีมั้ยคะ""ค่ะ หนึ่งไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย" น้ำหนึ่งปาดน้ำตาทิ้งอย่างลวกๆ ยุทธที่กำลังนั่งมองดูอยู่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป"มาทานข้าวก
ตอนที่ 12 หวั่นไหวธานินทร์เดินสวนเข้าไป ไม่แม้แต่จะมองหน้าหรือสบตากับน้ำหนึ่ง นั่นก็แสดงว่าเขายังโกรธเธออยู่ สิ่งที่ธานินทร์แสดงออกมาอย่างชัดเจนทำให้น้ำหนึ่งมีสีหน้าเศร้าลงทันที"คุณหนูคะ...พี่ชบาขี้เกียจเอายาขึ้นไปให้คุณนิน พี่ฝากคุณหนูเอาขึ้นไปให้หน่อยได้มั้ยคะ" สีหน้าของน้ำหนึ่งตอนนี้ทำให้ชบารู้สึกสงสาร ชบาจึงแสร้งทำเป็นไม่อยากขึ้นไป โดยให้น้ำหนึ่งเป็นคนเอายาขึ้นไปให้ธานินทร์แทน"ถ้าคุณอาไม่ยอมกินยาที่หนึ่งเอาขึ้นไปให้ล่ะคะ""คุณนินรักคุณหนูจะตาย เขาก็แค่งอน ง้อนิดง้อหน่อยเดี๋ยวเขาก็หายโกรธ เชื่อพี่ชบานะคะ" ชบาส่งยิ้มให้น้ำหนึ่งเป็นกำลังใจ"ก็ได้ค่ะ""สู้ๆนะคะ" น้ำหนึ่งรับเอายาพาราแก้ปวดและแก้วน้ำมาถือเอาไว้ในมือ จากนั้นเธอก็เดินขึ้นชั้นบนไป"ก๊อกๆๆ" เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง ธานินทร์ถอดเสื้อเตรียมที่จะอาบน้ำ เขาจึงเดินออกมาเปิดประตูให้ เพื่อที่จะรับเอาแค่ยาเพราะคิดว่าเป็นชบา แต่คนที่เอายาขึ้นมาให้กลับเป็นน้ำหนึ่งทันทีที่ธานินทร์เห็นใบหน้าของน้ำหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าห้องของเขา เขาจึงหันหลังให้แล้วเดินหนีเข้าไปด้านในห้องทันที นั่นจึงทำให้น้ำหนึ่งต้องก้าวขาเดินตามเข้าไปในห้องแ