Share

บทที่ 4

Author: คุณชายชุดหิมะ
last update Last Updated: 2025-01-14 14:01:19
อวิ๋นหรงตกใจมาก ยกมือประคองใบหน้าน้องสาว “หย่า? พี่หญิงไม่เคยคิดมาก่อนเลย แม้ว่าคำว่าพักภรรยาจะฟังดูดีกว่า แต่เจ้าคงหนีไม่พ้นคำครหาของผู้คน และอาจถูกสังคมไม่ยอมรับได้”

อวิ๋นหลิงจับมือนางแน่น ดวงตาเปี่ยมด้วยความแน่วแน่ “พี่หญิง แต่สิ่งนั้นก็ดีกว่าการถูกหักหลังและดูหมิ่นไม่ใช่หรือ? ข้าคือคนตระกูลอวิ๋น คนตระกูลเราไม่เคยมีเหตุผลต้องยอมถูกกดขี่ ท่านว่าจริงหรือไม่?”

อวิ๋นหรงพยักหน้า “ดี เจ้าตัดสินใจแล้วก็ดี พี่หญิงจะไม่ปล่อยให้หลิงเอ๋อร์ต้องทนทุกข์ใจแน่นอน”

“พระสนม น้ำชาและขนมมาแล้วเพคะ”

“อืม นำไปวางไว้ที่ห้องโถงเถิด”

หลังจากดื่มชาสองสามอึก และกินขนมไปสองชิ้น อวิ๋นหลิงก็ขอตัวออกมาก่อน ขณะที่อวิ๋นหรงต้องรอฮองเฮาเพื่อออกไปพร้อมกัน

ระหว่างที่อวิ๋นหลิงเดินผ่านหุบเขาจำลอง นางได้ยินเสียงสนทนาของนางกำนัลสองคนที่กำลังทำความสะอาดอยู่

“ลานนี้กวาดไม่กวาดก็ได้กระมัง ฝ่าบาทไม่มาค้างคืนที่ตำหนักอี๋หวานานแค่ไหนแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของอวิ๋นหลิงบีบรัดขึ้นมาทันที

“ตั้งแต่พระสนมกุ้ยเฟยแท้งบุตร คงจะประมาณสามเดือนแล้วกระมัง”

อะไรนะ? พี่หญิงเคยแท้งบุตร?

“ผ้าไหมใหม่ๆ แต่ละตำหนักก็ได้รับกันหมด แต่พระสนมกุ้ยเฟยกลับไม่ได้เลย ยังว่าทรงประหยัด แต่ความจริงไม่มีแม้แต่พับเดียว”

มิน่าล่ะนางถึงได้ดื่มแต่ชาปีเก่าๆ ตอนแรกนางคิดว่าเป็นเพราะนางกำนัลตั้งใจกลั่นแกล้งเสียอีก ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง…

อวิ๋นหลิงกระแอมเบาๆ เพื่อขัดจังหวะสนทนา ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินจากไป

นางไม่อาจหยุดฟังต่อ เพราะน้ำตาได้ไหลอาบแก้มเต็มหน้าแล้ว

พี่ชายเสียชีวิต พี่หญิงสูญเสียความโปรดปราน และตัวนางเองถูกสามีทรยศ ตระกูลอวิ๋นถูกเหยียบย่ำจนจมปลักโคลน

นางร้องไห้อย่างไม่อาจหักห้ามใจ นั่งลงร้องไห้จนแทบขาดใจอยู่มุมหนึ่งของกำแพงที่ไร้ผู้คน

“ฮูหยิน มีสิ่งใดให้บ่าวช่วยหรือไม่เพคะ?” เสียงนางกำนัลดังขึ้น พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้

อวิ๋นหลิงไม่กล้าเงยหน้ามอง ยื่นมือรับผ้า “ไม่เป็นไร ขอบใจมาก”

“ฮูหยิน นี่เป็นงานเลี้ยงฉลอง หากมีผู้ใดพบเห็นภาพนี้อาจไม่เหมาะสม บ่าวเพียงแค่เตือน หวังว่าอย่าได้ถือโทษ”

อวิ๋นหลิงตอบเบาๆ “ขอบใจที่เตือน วันหน้าข้าจะตอบแทนแน่นอน”

“บ่าวชื่อชิงหยาง เป็นนางกำนัลของฉินอ๋องเพคะ” นางกำนัลเอ่ยเสียงแผ่วเบา ก่อนเดินจากไป

นางกำนัลของฉินอ๋อง?

อวิ๋นหลิงหันมามอง แต่ไม่ทันได้พูดอะไร นางกำนัลคนนั้นก็เดินลับไปแล้ว

เมื่อกลับมายังงานเลี้ยง เวลากำลังเหมาะเจาะพอดี

อวิ๋นหลิงนั่งลงข้างกู้ว่างจืออย่างเงียบๆ

สายตาของกู้ว่างจือกลับจับจ้องอยู่ที่ซุนหลิงฮว่าตลอดเวลา

เสียงซุบซิบดังมาจากข้างหลัง

“ได้ยินหรือไม่? วันนี้จะมีการคัดเลือกชายาให้ฉินอ๋องด้วย”

“ฉินอ๋องอายุยี่สิบแล้ว ควรจะมีชายาได้แล้วจริงๆ”

“ไม่รู้ว่าบุตรีบ้านไหนจะโชคดีขนาดนั้น”

“ใช่สิ พระองค์เป็นเทพแห่งสงคราม ทั้งรูปงาม ทรัพย์สมบัติมากมาย แถมยังเป็นฉินอ๋องเพียงหนึ่งเดียวของต้าฉีอีก”

...

ในเสียงพูดคุยนั้น เสียงประกาศดังขึ้น “ฉินอ๋องเสด็จ…”

ผู้มาเยือนสวมอาภรณ์พระราชฐานของเชื้อพระวงศ์

เขามีร่างกายสูงใหญ่สง่างาม ทุกย่างก้าวมั่นคง หนักแน่น และเปี่ยมไปด้วยความสง่าผ่าเผยที่ติดตัวมาแต่กำเนิด สมกับเป็นเทพแห่งสงคราม ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงขามเพียงแค่ได้มอง

พระพักตร์งดงาม คิ้วดั่งคมดาบ ดวงตาประดุจดวงดาว จมูกโด่งเป็นสัน และพระโอษฐ์บางเฉียบ แววตาเฉียบคม ราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่ง ทำให้ผู้คนไม่กล้าสบตาตรงๆ

ทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความกดดันอันยากจะอธิบาย

“ฉินอ๋อง ของทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี…” ทุกคนต่างหมอบกราบลงและเปล่งเสียงพร้อมกัน เซียวอวี้เพียงพยักหน้าเบาๆ

เขากวาดสายตามองทั่วห้องโถง สายตาหยุดลงที่บุคคลผู้หนึ่งในชุดเรียบง่าย ท่ามกลางกลุ่มคน เขากล่าวด้วยเสียงกังวาน “ทุกคน ลุกขึ้นเถิด”

จากนั้นไม่นาน ฮ่องเต้เสด็จพร้อมด้วยฮองเฮาและเหล่านางสนม ประกาศเริ่มงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ

ฮ่องเต้ทรงยกจอกสุราดื่มสามจอกต่อหน้าทุกคนเพื่อแสดงความยินดี แล้วจึงมีการบรรเลงดนตรี สตรีร่างบางในชุดเต้นรำเผยเท้าเปล่า ย่างก้าวอย่างพลิ้วไหวเข้าสู่ห้องโถง เริ่มแสดงท่วงท่าร่ายรำอันอ่อนช้อย

อวิ๋นหลิงไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้เลยจริงๆ

คำพูดนินทามีอยู่รอบตัว อีกทั้งยังมีผู้คนไม่น้อยที่จับจ้องเพื่อเยาะเย้ยนาง

กู้ว่างจือไม่สนใจความรู้สึกของนาง กลับลุกไปพูดคุยกับซุนหลิงฮว่า

อวิ๋นหลิงจึงได้รับการเยี่ยมเยียนจากลูกพี่ลูกน้องของนางเอง—อวิ๋นซู่

“พี่หญิง ทำไมมานั่งอยู่คนเดียว? ข้าเห็นพี่เขยกับองค์หญิงหมิงหยางดูสนิทสนมกันมาก นี่ทำให้พี่หญิงเจ็บปวดใช่หรือไม่? ถึงได้มานั่งเศร้าคนเดียว”

ชัดเจนว่าลูกพี่ลูกน้องผู้นี้มาเพื่อเยาะเย้ยนางโดยตรง

ท่าทางยิ้มเยาะอย่างที่เห็นแล้วชวนให้โกรธ

อวิ๋นหลิงกลับยิ้มอย่างสงบ เยือกเย็น ก่อนหมุนตัวหันไป “ข้าไม่อยากพูดกับเจ้า”

อวิ๋นซู่รู้สึกไม่พอใจที่ไม่ได้บรรลุเป้าหมาย จึงกล่าวต่ออย่างเย้ยหยัน “ทำไมหรือ? เพราะข้าพูดแทงใจท่านหรือ? รอให้องค์หญิงหมิงหยางแต่งเข้ามา ดูซิว่าท่านจะยังอวดดีได้หรือไม่”

รอบบริเวณไม่มีใครอยู่มากนัก อวิ๋นหลิงเอียงตัว ยิ้มบางๆ “วันนี้มีการคัดเลือกชายาให้ฉินอ๋อง สาวงามมากมายกำลังรอคอยโชคนี้อย่างใจจดใจจ่อ อาซู่ เจ้าดูสุขุมขึ้นมาก เห็นทีเจ้าคงจะรู้จริงๆ สินะ"

อวิ๋นซู่ชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะคำพูดของอวิ๋นหลิงราวกับจับความในใจของนางได้

“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้า?” อวิ๋นซู่ตอบเลี่ยง

อวิ๋นหลิงยิ้มเย้ย “โอ้ ใช่ ไม่เกี่ยวกับเจ้าแน่นอน เพราะฉินอ๋องทรงเป็นพระอนุชาเพียงหนึ่งเดียวของฮ่องเต้ และเป็นชินอ๋องเพียงคนเดียวแห่งต้าฉี เป็นเทพแห่งสงครามผู้ทรงเกียรติที่สุด”

คำพูดนี้ได้แทงใจดำอวิ๋นซู่เข้าอย่างจัง เพราะสายรองอย่างพวกนางไม่คู่ควรกับเซียวอวี้

เมื่อก่อนยังมีบิดาของอวิ๋นหลิง ผู้ดำรงตำแหน่งอันหยางจวิ้นอ๋อง นางแม้จะเป็นเพียงบุตรีจากสายรอง แต่ก็ยังพอมีโอกาสบ้าง

ทว่าในตอนนี้ พี่ชายของอวิ๋นหลิงเสียชีวิตในสนามรบ ตระกูลอวิ๋นก็ยิ่งเสื่อมถอย โอกาสที่นางจะได้สมรสกับฉินอ๋องแทบจะไม่มี

แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังไม่ยอมแพ้

อวิ๋นซู่แค่นเสียงอย่างขุ่นเคือง พร้อมจงใจเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นเล็กน้อย “รอให้พระราชโองการประทานสมรสลงมาเสียก่อน พอชายาคนใหม่เข้ามา และกดหัวท่านไว้ทุกทาง ข้าอยากรู้จริงว่าท่านจะยังยิ้มออกหรือไม่!”

อวิ๋นหลิงหันมองอีกฝ่าย สีหน้าของอวิ๋นซู่เต็มไปด้วยความสะใจ นางถอนหายใจเบาๆ “เจ้าแน่ใจหรือ? อย่าดีใจเกินไปนักเลย หากสุดท้ายเรื่องไม่เป็นดังใจ เจ้าจะผิดหวังแค่ไหนกัน?”

อวิ๋นซู่ที่โต้เถียงไม่ได้และอารมณ์เสียจนเก็บไม่อยู่ เมื่อมองไปรอบๆ แล้วเห็นไม่มีใครอยู่ นางยกมือหมายจะทำร้ายอวิ๋นหลิง แต่ก่อนจะทันลงมือ อวิ๋นหลิงกลับหัวเราะออกมา “อดกลั้นหน่อยเถอะ พวกเราเป็นพี่น้องกัน หากมีใครเห็นเข้า เจ้าจะกลายเป็นเรื่องตลกเอานะ!”

คำพูดนี้ทำให้อวิ๋นซู่โกรธจนกระทืบเท้า “คอยดูเถอะ! ตอนนี้ตระกูลอวิ๋นอยู่ภายใต้การควบคุมของบิดาข้า พี่ชายของท่านตายไปแล้ว ตำแหน่งของจวนอันหยางโหวก็ต้องตกเป็นของบิดาข้าในที่สุด ถึงตอนนั้นข้าจะไล่ท่านออกจากตระกูลซะ!”

อวิ๋นหลิงเพียงยิ้มเย็น ยืนมองอีกฝ่ายด้วยความสงบ “อืม ข้าจะรอดู”

อวิ๋นซู่โกรธจนเสียสติ ใบหน้าบิดเบี้ยว เมื่อเห็นว่าไม่อาจเอาชนะอวิ๋นหลิงได้ นางจึงสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป ท่าทางดูกระอักกระอ่วนจนชวนขัน

อวิ๋นหลิงมองตามแผ่นหลังของนางจนหายลับไป ใบหน้าของนางค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา

หากตำแหน่งของจวนอันหยางโหวตกไปอยู่ในมือสายรองของตระกูล นางจะไม่ใช้สกุลอวิ๋นอีกต่อไป

สิ่งที่พี่ชายสร้างขึ้นมา และเงินช่วยเหลือของพี่ชาย จะต้องเป็นของครอบครัวของนางเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับสายรองอย่างอวิ๋นซู่แม้แต่น้อย

หรูเยว่เดินเข้ามา แสดงความไม่พอใจ “คุณหนู ลูกพี่ลูกน้องผู้นี้ช่างพูดจาเกินไปแล้ว ท่านแม่ทัพก็เป็นพี่ชายของนางมิใช่หรือ?”

อวิ๋นหลิงขอบตาแดงเรื่อ น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยว “นางไม่เคยถือว่าพี่ชายของข้าเป็นพี่ชายของนาง จากนี้ไป ข้าก็จะไม่ถือว่านางเป็นน้องสาวของข้าเช่นกัน”

หรูเยว่กล่าว “คุณหนู ท่านอย่าได้โกรธเลย หากไม่มีจวนอันหยางโหวปกป้อง

ครอบครัวของนางก็ไม่มีค่าอะไรเลย นางยังกล้าฝันถึงการสมรสกับฉินอ๋องอีก เว้นเสียแต่ว่าฉินอ๋องตาพร่ามองไม่เห็นเท่านั้นแหละ”

อวิ๋นหลิงพยักหน้าเล็กน้อย “คนมากคำพูดมาก ระวังอย่าเผลอพูดอะไรให้เป็นเรื่อง”

...

ถึงจุดสำคัญของงานเลี้ยงฉลอง ฝ่าบาททรงพระราชทานตำแหน่งใหม่และประกาศเพิ่มยศศักดิ์ รวมถึงการประทานสมรส ซึ่งเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ในอดีตและปัจจุบันโปรดปราน

อวิ๋นหลิงนั่งอยู่ข้างกู้ว่างจืออย่างสง่างาม ท่าทีสุขุมเยือกเย็น เปี่ยมด้วยความเป็นผู้ดี

“เมื่อครู่เจ้าไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับมา?”

อวิ๋นหลิงตอบโดยไม่มองหน้าเขา “เดินเล่นไปทั่ว ท่านตามหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ?”

กู้ว่างจือมองนางด้วยสายตาแปลกใจ “อีกเดี๋ยวฝ่าบาทจะทรงประกาศประทานสมรสต่อหน้าทุกคน เจ้าอย่าแสดงอารมณ์มากเกินไปล่ะ จงรักษาหน้าตาของจวนจวิ้นอ๋องไว้”

อวิ๋นหลิงหัวเราะเยาะในใจ แต่ใบหน้ายังคงนิ่งเฉย “ได้ ท่านวางใจเถิด”

กู้ว่างจือดูเหมือนจะรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาพูดต่อ “หลิงเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้ามีความทุกข์ใจ หลังจากข้าสมรสกับหลิงฮว่าแล้ว ข้าจะกลับมาดูแลเจ้า และเมื่อเจ้ามีบุตร เจ้าก็จะมีที่พึ่งพิง”

อวิ๋นหลิงแทบอยากหัวเราะเยาะออกมา แต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่ง “ฝ่าบาททรงตรัสเรื่องใด ข้าไม่ได้ยินเลย ฝ่าบาทกำลังประทานสมรสให้ฉินอ๋องอยู่ใช่หรือไม่?”

กู้ว่างจือพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก เขารู้สึกว่าช่วงนี้อวิ๋นหลิงไม่สนใจเรื่องที่เขาจะแต่งภรรยาเอกเลย นางเงียบสงบ ต่างจากหญิงสาวเรียบร้อยและอ่อนหวานในความทรงจำของเขาโดยสิ้นเชิง

Related chapters

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 5

    ฮ่องเต้เซียวเย่ทรงแย้มพระสรวลด้วยความยินดี ตรัสเสียงดังว่า “เรารู้สึกปลาบปลื้มใจยิ่งนัก ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ศัตรูจากแคว้นเป่ยหยวนถอยร่นไปไกลถึงร้อยลี้ เมืองหลวงต้าฉีของเราจึงปลอดภัยไร้กังวล เราตระหนักดีว่าชัยชนะครั้งนี้ ฉินอ๋องมีความดีความชอบไม่น้อย ทรงนำทัพแม่ทัพนายกองต่อสู้อย่างกล้าหาญ จนได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ เราขอแสดงความเคารพและขอบคุณจากใจจริงต่อเหล่าแม่ทัพนายกองทุกคน พวกท่านล้วนเป็นเสาหลักของชาติ วันนี้เราขอดื่มอวยพรแด่พวกท่านทุกคน เพื่อแสดงความขอบคุณและให้เกียรติ”สิ้นเสียงตรัส ทุกคนคุกเข่าลงพร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญหลังจากการแสดงร่ายรำอันอ่อนช้อยสิ้นสุดลง ฮ่องเต้เซียวเย่ตรัสต่อด้วยน้ำเสียงสดใส “วันนี้ เราไม่ได้เพียงเฉลิมฉลองชัยชนะ แต่ยังมีเรื่องมงคลหลายประการที่จะประกาศ น้องชายของเราฉินอ๋อง ทรงกล้าหาญและองอาจ ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว ทว่ายังมิได้อภิเษกสมรส เราจึงตัดสินใจประทานสมรสแก่พระอนุชาของเราในวันนี้ ไม่ทราบว่าพระอนุชามีความเห็นว่าอย่างไร?” สายพระเนตรของฮ่องเต้หันไปยังเซียวอวี้ รอคอยคำตอบสายตาของเซียวอวี้ลึกล้ำ ราวมหาสมุทร สีหน้านิ่งสงบ ไม่มีวี่แววแห่งความยินดีหรือไม่พอ

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 6

    สีหน้าของกู้ว่างจือเย็นชาอย่างยิ่ง “ข้าปรารถนาที่จะอภิเษกกับหลิงฮว่า นั่นคือความตั้งใจของข้า หลิงฮว่าเสียสละช่วงเวลาสำคัญในชีวิตเพื่อไปสมรสเชื่อมสัมพันธ์ และเพิ่งได้กลับมา บัดนี้นางยินยอมที่จะมอบตนให้ข้าแล้ว เช่นนั้นมีสิ่งใดผิด? เจ้าดีที่สุดอย่าได้พยายามกระทำสิ่งไร้ประโยชน์ หากมิใช่เพราะเจ้ากล่าวใส่ร้ายต่อหน้าพระสนมกุ้ยเฟย ฝ่าบาทคงมิได้เลื่อนการพระราชทานสมรสโดยไร้เหตุผล!”“เจ้าควรอยู่ในกรอบให้ดี อย่าก่อเรื่องวุ่นวายอีก ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้ามีบุตรเพื่อเป็นที่พึ่งพิงในบั้นปลายชีวิต เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ?”อวิ๋นหลิงคล้ายได้ยินเรื่องตลกขบขัน นางคลายมือจากผ้าม่าน กำหมัดแน่น ไม่คิดกล่าวอะไรเพิ่มเติมก่อนสั่งเบาๆ “หรูเยว่ เรากลับจวนเถอะ”แต่เสียงอ่อนโยนของซุนหลิงฮว่าก็ดังขึ้น “พี่หญิงอวิ๋น โปรดรอก่อน ข้ามีเรื่องอยากพูดด้วย”หรูเยว่สะบัดหน้าอย่างไม่พอใจ “คุณหนู ไม่ต้องสนใจนาง เราไปกันเถอะเจ้าค่ะ”อวิ๋นหลิงรู้ดีว่ามีสายตามากมายจับจ้องอยู่ ซุนหลิงฮว่าเป็นถึงองค์หญิง นางไม่อาจเสียมารยาท นางจึงลงจากรถม้าหรูเยว่พยุงนางลงจากรถม้า นางโค้งคำนับอย่างเรียบร้อย “องค์หญิงมีเรื่องใดจะรับสั่งหรือ?”ซุ

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 7

    หรูเยว่ที่มีนิสัยตรงไปตรงมา เมื่อเห็นอวิ๋นหลิงถูกสองบุรุษสตรีคู่นี้รังแก นางไม่อาจระงับความโกรธในใจได้ จึงเข้ามาขวางไว้โดยไม่ลังเลนางไม่รู้สึกสำนึกผิดแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามยังเชิดหน้าชูคอ น้ำเสียงของนางหนักแน่น “แม้ข้าจะเป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อย แต่ก็รู้ดีถึงหลักการเป็นคน ข้าไม่มีวันลบหลู่อื่นโดยไร้เหตุผล แต่ท่านในฐานะองค์หญิงที่ไปสมรสเชื่อมสัมพันธ์ กลับมาพัวพันกับแม่ทัพที่มีภรรยาแล้ว การที่ท่านแม่ทัพกู้ปรากฏตัวในรถม้าของท่านเช่นนี้ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าท่านสมรสกันแล้วกระมัง…”ยังไม่ทันที่หรูเยว่จะพูดจบ เสียงตบดังสนั่นก็ดังขึ้นกู้ว่างจือตบเข้าที่ใบหน้าของหรูเยว่จนมุมปากของนางมีเลือดซึมออกมา เขามองอวิ๋นหลิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าปล่อยให้สาวใช้หยาบคายเช่นนี้ นี่หรือคือการอบรมของเจ้า?”อวิ๋นหลิงไม่สนใจที่จะต่อว่า แต่รีบเข้าไปเช็ดเลือดบนใบหน้าของหรูเยว่ด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าของนางบวมแดงมือที่เคยถือดาบฟันศัตรู บัดนี้กลับกลายเป็นมือที่ทำร้ายสตรี!ความโกรธ ความเสียใจ ทุกสิ่งประดังเข้ามา อวิ๋นหลิงเต็มไปด้วยความผิดหวัง นางตบหน้ากู้ว่างจือกลับอย่างแรง“กู้ว่างจือ คนของข้า ข้าจะสั่งสอนเอง! เจ้

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 8

    “เงินไม่พอจริงๆ พ่อบ้านหวัง นายท่านรองเอาเงินค่าชดเชยของแม่ทัพอวิ๋นไปหมดแล้ว”“ใช่ ไม่ใช่เพราะพวกเราทำงานช้า แต่เพราะขาดแคลนกำลังคนและขาดเงินต่างหาก”อวิ๋นหลิงรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา นางเตรียมตัวจะออกไปช่วยแก้ปัญหา แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น“ขาดเงินเท่าไร ขาดคนเท่าไร? ข้าจ่ายเอง”เซียวอวี้?อวิ๋นหลิงชะงักไป ไม่กล้าขยับตัว ได้ยินเสียงพ่อบ้านหวังนำคนทั้งหมดคุกเข่าลงพร้อมกล่าวคำถวายพระพรเซียวอวี้ออกคำสั่งเสียงเรียบ “พวกเจ้าช่วยกันจัดพิธีศพให้เสร็จโดยเร็ว อย่าให้ล่าช้า”ดูเหมือนเขาจะพาคนมาด้วย เพราะภายนอกเริ่มมีเสียงคึกคักขึ้นอวิ๋นหลิงคุกเข่าอยู่บนเบาะ ไม่กล้าขยับ ในห้องศพมีประตูเพียงบานเดียว หากนางออกไปตอนนี้อาจดูไม่เหมาะสม นางตั้งใจมาเงียบๆ ไม่อยากให้ใครรู้พ่อบ้านหวังทำความเคารพเซียวอวี้ด้วยท่าทีสุภาพ “ฉินอ๋อง เชิญเสด็จไปที่ห้องรับรอง มีน้ำชาร้อนๆ เตรียมไว้ให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้อง พวกเจ้าไปทำธุระต่อเถอะ ข้าอยากไปดูแม่ทัพอวิ๋นเสียหน่อย”เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นหลิงก็รีบคุกเข่าลงอีกครั้ง คอยอย่างเรียบร้อย ไม่นานนัก นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้นางลุกขึ้นยืนและกำลังจ

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 9

    อวิ๋นหลิงก้าวเดินอย่างสงบนิ่ง พลางเดินพลางกล่าวปลอบหรูเมิ่งว่า “อย่าตื่นตระหนกไป สิ่งที่ควรมาย่อมมา ไม่ช้าก็เร็ว ปล่อยใจให้สบายเถิด”หรูเมิ่งยังคงตื่นตระหนก นางตามอยู่ด้านหลังอวิ๋นหลิง สีหน้าซีดเซียว กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า “คุณหนูใหญ่ป่วยหนักจนลุกจากเตียงไม่ได้อีกแล้ว พระชายาจวิ้นอ๋องก็โกรธเกรี้ยวเป็นฟืนเป็นไฟ...”“อืม หยุดยาไปสามวันแล้ว พวกเขาก็ควรจะร้อนรนได้แล้ว”เมื่อกลับถึงจวนจวิ้นอ๋อง อวิ๋นหลิงยังคงสวมชุดไว้ทุกข์ ไม่ได้เปลี่ยน นางรู้ดีว่าภารกิจครั้งนี้มาเพื่อสิ่งใด จึงเดินตรงไปยังเรือนของชายาจวิ้นอ๋อง หวังฉิงทันทีทันทีที่ก้าวเข้าสู่ลานเรือน อวิ๋นหลิงก็เห็นชายาจวิ้นอ๋อง หวังฉิงนั่งอยู่ในห้องโถง สีหน้าเคร่งขรึมเมื่อหวังฉิงเห็นอวิ๋นหลิงเข้ามา ความไม่พอใจก็ฉายชัดบนใบหน้า นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “ว่างจือเพิ่งได้รับชัยชนะกลับมาจากสนามรบ และกำลังจะอภิเษกกับองค์หญิงหมิงหยาง นี่เป็นเรื่องน่ายินดี แต่เจ้าใส่ชุดไว้ทุกข์เช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร?”อวิ๋นหลิงเผชิญหน้ากับคำถามของชายาจวิ้นอ๋องอย่างสงบนิ่ง นางทำความเคารพก่อนจะตอบกลับ “ท่านแม่ วันนี้เป็นวันส่งศพพี่ชายที่เสียช

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 10

    กู้ว่างจือกำลังดื่มด่ำอยู่กับความหวานชื่นระหว่างเขาและซุนหลิงฮว่า แต่กลับถูกขัดจังหวะ สาวใช้เข้ามารายงานว่าชายาจวิ้นอ๋องให้กู้ว่างจือรีบกลับจวนโดยด่วนซุนหลิงฮว่าแสดงความไม่พอใจทันที นางออดอ้อนว่า “ว่างจือ ต้องเป็นพี่หญิงอวิ๋นส่งคนมาเรียกท่านแน่ๆ นางไม่ยอมรับข้าเลย เมื่อวานนางยังขู่ท่านด้วยการพูดเรื่องหย่าอีก จะทำอย่างไรดี?”กู้ว่างจือลูบหลังมือนางเบาๆ กล่าวปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นางเพียงโศกเศร้าจากการสูญเสียพี่ชาย ไม่ได้มีเจตนาต่อต้านเจ้า ข้าต้องกลับจวน เพราะท่านแม่เรียกหา อาจมีเรื่องด่วนก็เป็นได้”ซุนหลิงฮว่าไม่ยอมปล่อยมือจากเขา “แต่…เรื่องสมรสของเราจะทำอย่างไรดี? ไม่รู้ต้องรออีกนานเท่าไรจึงจะได้สมรสกัน ฉินอ๋องเป็นเสด็จอาของท่านไม่ใช่หรือ? ตามหลักแล้วควรอยู่ข้างท่าน แต่เหตุใดเมื่อวานเขาถึงปกป้องพี่หญิงอวิ๋นล่ะ?”กู้ว่างจือถอนหายใจ “เจ้าอย่าคิดมาก ฉินอ๋องปกป้องอวิ๋นหลิงเพราะเขาเคยร่วมรบกับพี่ชายของนาง เขาเพียงรู้สึกผิดที่พี่ชายของนางต้องสละชีวิต อย่ากังวลไปเลย”ทว่ากู้ว่างจือยังไม่ได้กลับจวน นางรับใช้ก็มาเร่งอีกครั้ง เขาจึงต้องรีบจากไปเมื่อกลับถึงจวน กู้ว่างจือเห็นกู้หยิงห

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 11

    “ใช่ เข้าวัง”อวิ๋นหลิงยื่นจดหมายขอเข้าเฝ้าด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวล นางเองก็ไม่มั่นใจนัก สิ่งที่ทำไปล้วนเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าอาจจะมีโอกาสไทเฮาจะยังระลึกถึงบุญคุณในอดีต และเต็มใจจะพบหน้านางหรือไม่ อวิ๋นหลิงไม่อาจแน่ใจได้เลยท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลอวิ๋นในตอนนี้เหลือคนอยู่น้อยเต็มที ทั้งยังตกอยู่ในสภาพไร้ที่พึ่งพิง ท่ามกลางสายตาผู้คนภายนอกที่ล้วนจับจ้อง บางคนถึงกับคอยดูความล่มสลายของตระกูลด้วยความสะใจขณะที่รถม้าแล่นผ่านตลาดที่คึกคัก อวิ๋นหลิงอดไม่ได้ที่จะเปิดม่านขึ้นเล็กน้อย นางมองดูผู้คนที่เดินขวักไขว่ และสินค้าที่วางขายอย่างละลานตา ภาพความครึกครื้นภายนอกทำให้หัวใจของนางรู้สึกแปลกแยกและห่างเหินนางเผลอยิ้มบางๆ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ พร้อมครุ่นคิดในใจ (หลายปีที่ผ่านมาตนมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องต่างๆ จนลืมที่จะใช้ชีวิต ไม่รู้เลยว่าได้พลาดสิ่งสวยงามในชีวิตไปมากมายเพียงใด)ตลอดสามปีที่อยู่ในจวนหนานหยางจวิ้นอ๋อง อวิ๋นหลิงรู้สึกประหนึ่งผ่านพ้นความทุกข์ทรมานทั้งชีวิต ยามนี้เมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้น ก็คล้ายกับเป็นเหตุการณ์ในอดีตชาติหรูเยว่หันไปมองอวิ๋นหลิงด้วยความสงสั

    Last Updated : 2025-01-14
  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 12

    วังหลังมิใช่สถานที่ที่จะอยู่ได้นานนักอวิ๋นหลิงเดินออกจากตำหนักอี๋หวาด้วยแววตาอาลัยของพี่หญิงอวิ๋นหรงที่มองตามหลังนางขณะเดินกลับจวน นางบังเอิญได้ยินเสียงพูดคุยของบ่าวรับใช้สองคน“เจ้าได้ยินหรือไม่? ฉินอ๋องของพวกเรานอกจากจะรูปงามแล้วยังมีความเมตตาอีกด้วย” สาวใช้คนหนึ่งพูดเสียงเบา“แน่นอน เขาคือเทพสงครามของแคว้นต้าฉี เขาขับไล่กองทัพแคว้นเป่ยหยวนจนพ่ายแพ้ ไม่ใช่หรือ?” อีกคนเสริมขึ้น“ข้ายังได้ยินอีกว่าไม่กี่วันก่อน มีภรรยาของแม่ทัพคนหนึ่งถูกสามีขับไล่ แต่ภรรยาผู้นั้นกลับไปขอความช่วยเหลือจากฉินอ๋อง…”“หา? ฉินอ๋องจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ? แล้วเรื่องจบลงอย่างไร?”“หลังจากที่ฉินอ๋องสืบสวนความจริง ก็พบว่าแม่ทัพคนนั้นต่างหากที่นอกใจ ฉินอ๋องจึงช่วยให้ทั้งสองหย่าร้างกัน และภรรยาผู้นั้นยังนำสินเดิมไปสมรสใหม่ด้วย”อวิ๋นหลิงได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ นางรู้สึกขำขันในใจนางส่ายศีรษะ และตั้งใจเร่งฝีเท้าเดินต่อ แต่หรูเยว่ที่เดินข้างๆ เอ่ยขึ้น “คุณหนู หรือว่าท่านก็ลองไปขอความช่วยเหลือจากฉินอ๋องดูบ้างดีหรือไม่? สามีของท่านก็เป็นแม่ทัพของเขานะ”อวิ๋นหลิงได้ยินคำนี้ นางนิ่งคิดอยู่ครู่หน

    Last Updated : 2025-01-14

Latest chapter

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 40

    อวิ๋นหลิงเงยหน้าขึ้น มองด้วยสายตานิ่งสงบแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ “พูดเช่นนี้ แปลว่าพวกท่านยอมรับเรื่องการลักพาตัวพี่สะใภ้และหลานชายของข้าแล้วสินะ? การลักพาตัวถือเป็นความผิดร้ายแรง โทษขั้นต่ำคือต้องติดคุกสิบปี ข้ามองว่าเรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน จึงตั้งใจจะให้เรื่องจบแค่การทะเลาะวิวาท แต่ดูเหมือนข้าจะใจกว้างเกินไป”จูซื่อถึงกับพูดไม่ออก สีหน้าปรากฏความตื่นตระหนกขึ้นมา ก่อนจะพยายามแก้ตัว “ยังไงเสียเขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า เขายังเด็ก ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ทำผิดไปเพราะความหุนหันพลันแล่น อีกทั้งพวกเจ้าก็ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม? เจ้าก็ไปทันเวลา เขาแค่ขู่ ไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงๆ เสียหน่อย”เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นหลิงก็ไม่อาจระงับโทสะในใจได้อีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะเตะเก้าอี้ล้มลงกับพื้น “ทำผิดแล้วยังกล้าพูดอย่างหน้าชื่นตาบานอีกหรือ? ท่านเลี้ยงลูกไม่ดี ปล่อยให้คนอื่นต้องมารับกรรมแทน ท่านควรขอบคุณที่พี่สะใภ้และอาหลินไม่เป็นอะไร มิฉะนั้น ข้าจะไม่ปล่อยพวกท่านไปง่ายๆ แน่! พวกท่านได้อยู่อย่างสุขสบายเพราะบุญของบรรพบุรุษ แต่กลับไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่มี ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!”จูซื่อถึงกับพูดอะไรไ

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 39

    อวิ๋นหลิงรู้สึกตกตะลึงชั่วครู่ แต่ในใจกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านอันใดอวิ๋นฟ่งจะเป็นหรือตายเกี่ยวข้องอันใดกับนาง?แต่ต่อหน้าผู้คน นางต้องแสร้งทำเป็นใส่ใจเล็กน้อย “ขอบพระทัยที่ท่านอ๋องที่เตือน ข้าจะไปที่จวนจิงเจ้าเดี๋ยวนี้”เซียวอวี้ไม่ได้ขัดขวาง เว่ยเฉินคารวะเสร็จแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็วคนที่นินทาก็ไม่ทราบว่าถูกจับด้วยข้อหาใด เป็นเพียงพวกอันธพาลลูกหลานขุนนางระดับล่าง การลงโทษก็เพียงเพื่อขู่เท่านั้นเจ้าของโรงเตี๊ยมไม่กล้าตำหนิฉินอ๋อง ห้องรับรองพังเสียหายไปหนึ่งห้อง เขายังต้องควักเงินจ่ายเองทว่าฉินอ๋องกลับให้ลู่หงวางเงินหนึ่งวงไว้เป็นค่าชดเชยฉินอ๋องแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ซึ่งปกติแล้วเขาไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้ามากนักลู่หงเองก็ไม่รู้จะปลอบโยนอย่างไร จึงกล่าวว่า “ท่านอ๋อง แม่นางอวิ๋นเป็นญาติฝ่ายมารดาของตระกูลไป๋จริงๆ”ฉินอ๋องไม่ได้ตอบอะไรลู่หงจึงพูดต่อ “แม่นางอวิ๋นช่างใจเย็นนัก เมื่อวานมีเรื่องวิวาทกัน วันนี้ก็มากินข้าวกับบุรุษภายนอก และก่อนหน้านี้เพียงชั่วยามยังพูดคุยกับอดีตสามีในโรงน้ำชาอีก”“วันนี้พวกเรามาที่นี่ก็เปล่าประโยชน์ ในเมื่อมีคุณชายน้อยแห่งตระกูลเว่ยอยู่

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 38

    เว่ยเฉินได้เตรียมทุกอย่างไว้สำหรับอวิ๋นหลิงอย่างรอบคอบ เขากล่าวเสียงเบา “แม่นางอวิ๋น ข้าเข้าใจในความกังวลของท่านดี แต่ภรรยาของข้าเป็นบุตรีโดยชอบธรรมของตระกูลไป๋ ซึ่งมีความเกี่ยวพันเป็นญาติกับท่าน การที่ท่านไปเยี่ยมเยือนนางถือเป็นเรื่องที่สมควร ไม่มีผู้ใดกล้าวิจารณ์ อีกทั้งภรรยาของข้าป่วยหนักและต้องการความช่วยเหลือจากท่านอย่างเร่งด่วน ขอให้แม่นางอวิ๋นโปรดเมตตา...”เมื่อคิดถึงพี่สาวลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ได้พบกันมาหลายปี ในที่สุดอวิ๋นหลิงก็พยักหน้าตอบรับ“ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้...”“ขอบพระคุณแม่นาง พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนไปรับท่านที่จวน”บนโต๊ะอาหารมีอาหารแปดจานจัดวางอย่างประณีต เว่ยเฉินดูแลอวิ๋นหลิงอย่างใส่ใจ ให้ลองชิมอาหารแต่ละจานแม้ไม่ทราบว่าโรงเตี๊ยมฉีอวิ๋นจวีนี้เป็นของผู้ใด แต่ชื่อเสียงด้านอาหารของที่นี่ก็ไม่เกินจริงตลอดหลายปีที่ผ่านมา อวิ๋นหลิงใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในตระกูลกู้ นางไม่ค่อยออกไปไหน ยกเว้นแต่เรื่องธุรกิจ นางเคยมาที่นี่บ้างเพื่อรับประทานอาหารระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากห้องข้างเคียง“ได้ยินหรือไม่? บุตรีคนรองของจวนอันหยางโหว

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 37

    หรูเมิ่งที่เอ่ยถึงคุณชายน้อยด้วยความชื่นชมยกย่อง คนผู้นั้นก็คือบุตรชายคนโตของเว่ยกั๋วกง ผู้เป็นทายาทโดยชอบธรรม ชื่อว่าเว่ยเฉินเขาสมรสมาแล้วสามปี แต่ภรรยากลับล้มป่วยเรื้อรังอยู่บนเตียง ทั้งสองยังไม่มีบุตรและเขาเองก็ไม่ได้รับอนุภรรยาเพิ่มในหมู่ชนต่างเล่าลือกันว่าคุณชายน้อยผู้นี้รักภรรยายิ่งนัก ถึงกับเดินทางไปทั่วแผ่นดินเพื่อตามหาหมอชื่อดังมารักษานางอีกทั้งยังมีข่าวลือว่า เขาปรารถนาจะอยู่เคียงข้างภรรยาชื่อไป๋หนานเพียงผู้เดียวในชั่วชีวิตนี้ โดยไม่คิดมองหาสตรีอื่นหรูเยว่ถอนหายใจเบาๆ “คุณชายน้อยผู้เพียบพร้อมถึงเพียงนี้ แต่กลับต้องอยู่ดูแลภรรยาที่อ่อนแอ เมื่อปีที่แล้วเขายังสอบติดจอหงวนอีกด้วย ช่างน่าเสียดายนัก”“ยังได้ยินมาอีกว่า มีสตรีบางคนยินดีมาหาถึงบ้าน ยอมเป็นอนุภรรยา เพียงเพื่อได้อยู่ใกล้ชิดเขา…”แม้อวิ๋นหลิงเคยเห็นเว่ยเฉินจากที่ไกลๆ มาก่อน แต่ตอนนั้นนางไม่ได้ใส่ใจนัก ทว่าตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป ก็ได้แต่จำภาพรางเลือนในความทรงจำนางครุ่นคิดพลางเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางนั้น ก็พบกับบุรุษผู้หนึ่งที่มีท่วงท่าสง่างามปรากฏในสายตาเขาสวมอาภรณ์สีขาวดุจหิมะ คลุมเสื้อคลุมตัวยาว ดูสง่า

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 36

    อย่างไรก็ตาม ซุนหลิงฮว่ากลับสังเกตเห็นนางได้อย่างรวดเร็ว นางเอ่ยทักทายด้วยความกระตือรือร้นว่า “พี่หญิงอวิ๋น ช่างบังเอิญนัก ไม่คิดเลยว่าจะได้พบท่านที่นี่”อวิ๋นหลิงไม่มีทางเลือกจึงต้องหยุดเดิน แล้วหันกลับไปคารวะทั้งสองคน “ขอคารวะองค์หญิง แม่ทัพกู้” น้ำเสียงของนางเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆซุนหลิงฮว่าเหมือนไม่รับรู้ถึงความเย็นชาของอวิ๋นหลิง นางยังคงยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บาน “พี่หญิงอวิ๋น สบายดีหรือไม่? ข้าได้ยินว่าว่างจือบอกว่าท่านเก่งเรื่องการค้าขาย พอดีข้ามีโอกาสทางการค้าอยากจะร่วมมือกับท่าน ไม่ทราบว่าท่านสนใจหรือไม่?”โอกาสทางการค้า? อวิ๋นหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ นางไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง อีกทั้งยังไม่อยากข้องเกี่ยวกับกู้ว่างจือและซุนหลิงฮว่ามากนักนางปฏิเสธทันทีโดยไม่ลังเล “ขอบพระทัยในความเมตตาขององค์หญิง แต่ข้าพึ่งกลับมาตระกูลอวิ๋น งานการมากมาย ข้ายังไม่มีเวลาว่างเลย...”คำพูดยังไม่ทันจบ กู้ว่างจือกลับแสดงสีหน้าเย็นชาและตวาดเสียงดังว่า “อวิ๋นหลิง เจ้าหมายความว่าอะไรกัน? องค์หญิงมีน้ำใจเชิญเจ้าให้ร่วมมือ เจ้ายังกล้าปฏิเสธหรือ?”อวิ๋นหลิงตกใจกับการตวาดของเขา ก่อนจะ

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 35

    "หลิงฮว่า เรื่องมันเป็นเช่นนี้..." กู้ว่างจือขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักใจราวกับไม่อยากพูดซุนหลิงฮว่ากระพริบตาใสซื่อ ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ว่างจือ มีอะไรรึ? หรือเป็นเรื่องพระราชโองการสมรส? ข้าได้ยินมาว่าคงจะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ข้าไม่กังวล ท่านก็อย่ากังวลไปเลย"กู้ว่างจือสูดลมหายใจลึก ก่อนตัดสินใจพูดความจริงออกมา "เป็นเรื่องของอวิ๋นหลิง...นางไม่ได้ถูกข้าหย่า แต่เป็น... เป็นการขอหย่าด้วยตัวนางเอง"ซุนหลิงฮว่าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถามด้วยความประหลาดใจ "ขอหย่า? ท่านหมายความว่า...นางเป็นฝ่ายขอพระราชโองการหย่าเองอย่างนั้นหรือ?"กู้ว่างจือพยักหน้า สีหน้าหม่นหมองลง "ใช่ นางไม่เคยคิดจะขัดขวางเรื่องสมรสนี้เลย และไม่เคยคิดจะยอมรับเจ้าตั้งแต่แรก”สีหน้าของซุนหลิงฮว่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่นานนักนางก็ปรับอารมณ์ได้ นางก้มหน้าลงก่อนเอ่ยเสียงเบา "ที่แท้...พี่หญิงไม่เคยยินดีจะอยู่ร่วมจวนกับข้าเลย ข้าเคยคิดว่านางจะยอมรับข้าจริงๆ เสียอีก..."เมื่อเห็นนางทำหน้าเศร้าสร้อย กู้ว่างจืออดรู้สึกสงสารไม่ได้ เขายื่นมือไปจับมือนาง "หลิงฮว่า อย่าเสียใจไปเลย อวิ๋นห

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 34

    คำพูดเย็นชาของมารดาและน้องสาว กู้ว่างจือที่ยืนอยู่ตรงประตูได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน“ท่านแม่” กู้ว่างจือสูดหายใจเข้า แววตาแน่วแน่ “ข้าขอย้ำอีกครั้งว่า ของทุกสิ่งที่เป็นของนาง ข้าจะไม่แตะต้องแม้แต่น้อย สิ่งที่พวกท่านต้องการ ข้าจะพยายามหามาให้เอง”เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ “ส่วนเรื่องที่ว่านางจะเสียใจหรือไม่ ข้าจะสนใจไปทำไม? คนที่จากไปแล้ว พวกท่านยังพูดถึงกันอยู่ทุกวัน มันมีประโยชน์อะไรนักหรือ?”คำพูดนี้ทำให้หวังฉิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ความไม่พอใจในใจก็ยังคุกรุ่น นางรีบหาข้ออ้างอื่นมาพูดต่อ “แต่นางเกือบทำให้ซูซูตายจากไปนะ นางเป็นคนหยุดให้ยาไม่ใช่หรือ?”กู้ว่างจือรีบจะเอ่ยแย้ง แต่เหลียนซื่อกลับชิงกล่าวขึ้นก่อน "พี่สะใภ้ใหญ่ คำพูดนั้นอย่าได้กล่าวลอยๆ ยานั้นหาใช่อวิ๋นหลิงที่ไม่ส่งยา ในความเป็นจริง หลังจากยาขององค์หญิงหมดลง อวิ๋นหลิงก็ได้นำยาห้าสิบเม็ดที่นางมีทั้งหมดมอบให้ซูซู เม็ดหนึ่งราคาหนึ่งตำลึงเงินเชียวนะ นางยกให้ทั้งหมดเลยทีเดียว"กู้ว่างจือเบิกตากว้าง มองเหลียนซื่อด้วยความตกตะลึง ถามด้วยเสียงไม่อยากเชื่อ "อาสะใภ้รอง ที่ท่านกล่าวเป็นความจริงหรือ นางมอบยาให้ซูซูทั้งหมดจริงหรือ"เหลี

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 33

    ยามค่ำคืนผ่านพ้นไปจนดึกดื่น อวิ๋นหลิงแทบข่มตานอนหลับไม่ได้เลยหลายสิ่งหลายอย่างวนเวียนอยู่ในหัว จนนางไม่อาจพักผ่อนได้อย่างสงบเช้าตรู่ หรูเยว่ยกสำรับอาหารเช้าเข้ามาในห้อง ก็พบว่าคุณหนูของตนดูเหนื่อยล้าและไร้เรี่ยวแรง“คุณหนู หากพักผ่อนไม่เพียงพอ ท่านนอนต่ออีกสักหน่อยเถอะนะเจ้าคะ”อวิ๋นหลิงส่ายศีรษะเบาๆ สายตาจับจ้องไปที่แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา “เมื่อคืนข้าเตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหาคนไปส่งที่จวนจิงเจ้าแทนข้าด้วย”“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”...วันแรกหลังจากการหย่า ตระกูลอวิ๋นวุ่นวายตลอดทั้งคืน ตระกูลกู้เองก็วุ่นวายไม่แพ้กันชายาของจวิ้นอ๋อง หวังฉิง นั่งอยู่หน้าสำรับอาหารเช้าด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า นางมองอาหารบนโต๊ะด้วยแววตาไม่พอใจ“ครัวนี้ทำอะไรออกมาให้กินกัน? ช่างน่าขยะแขยง!” นางโยนตะเกียบลงอย่างแรงกู้หยิงหยิงเห็นมารดาไม่พอใจ จึงเอ่ยเสริมทันที “ท่านแม่ ต้องเป็นพวกบ่าวขี้เกียจแน่ๆ อาหารโปรดของลูกอย่างหอยอบน้ำส้มขิงก็ไม่มีเลย”กู้หยวนจือหาได้ใส่ใจคำพูดของมารดาไม่ ยังคงคีบอาหารเข้าปากพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ "ข้าว่าอาหารมื้อนี้ก็ดีอยู่แล้ว ท่านแม่อย่าคิ

  • แต่งใหม่กับเสด็จอา ข้าดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   บทที่ 32

    อวิ๋นหลิงหันไปมองหรูเยว่ด้วยแววตาตำหนิเล็กน้อย เป็นเชิงบอกให้เงียบนางเปลี่ยนเรื่องสนทนาอย่างรวดเร็ว “พี่สะใภ้ ขอข้าดื่มซุปเถิด ข้าหิวแล้ว”“ได้สิๆ…” เฉินซูฉินรีบตอบรับอย่างอ่อนโยน พร้อมยกถ้วยซุปส่งให้อวิ๋นหลิงอวิ๋นหลิงดื่มซุปอย่างรวดเร็ว แทบจะหมดในรวดเดียว เฉินซูฉินส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “ดื่มช้าๆ หน่อยสิ ยังมีอีกนะ ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก”เมื่ออวิ๋นหลิงดื่มซุปจนหมด เฉินซูฉินหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดคราบซุปที่มุมปากให้นาง แววตาเปี่ยมด้วยความรักใคร่ “โตจนป่านนี้แล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็กน้อยอยู่เลย”อวิ๋นหลิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “พี่สะใภ้ ข้าเช็ดเองก็ได้…”เฉินซูฉินส่ายหัว พร้อมกับกล่าวอย่างจริงจัง “ไม่ได้หรอก หากพี่เจ้ารู้ว่าข้าไม่ดูแลเจ้าดีๆ เขาคงต้องตำหนิข้าแน่”เมื่อพูดถึงพี่ชาย ดวงตาของอวิ๋นหลิงพลันแดงก่ำขึ้น “พี่สะใภ้…”เฉินซูฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ก่อนที่พี่เจ้าจะออกเดินทาง เขากำชับข้าไว้หลายครั้งว่าให้ดูแลเจ้า หากเจ้าถูกใครรังแก ข้าต้องเป็นคนออกหน้าแทนเจ้า…แต่ข้าก็ทำไม่ได้เลย หลิงเอ๋อร์ คืนนี้เจ้าถึงกับเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยข้าและอาหลิน ข้ารู้สึกผิด

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status