แชร์

บทที่ 252

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-17 18:00:01
ลู่เหิงจือเดินเข้าไปในห้องด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก

ซูชิงลั่วกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

ในมือนางถือปิ่นทองอันเล็กๆ ลายผีเสื้ออันหนึ่ง พลางหันมามองเขาด้วยรอยยิ้มสดใส : "พี่สาม ท่านดูสิ ข้าเจอปิ่นปักผมที่ข้าใช้เมื่อครั้งยังเด็กด้วย หานำมาใช้ตอนนี้ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้แปลกเท่าใดนัก"

ไฟโกรธที่โหมในใจลู่เหิงจือพลันสลายตัว

เขาเดินเข้าไปด้านหลังนาง ยกมือขึ้นไปรับปิ่นปักผมในมือนางมา แล้วช่วยนางปักลงไปบนผมข้างขมับ ก่อนจะพูดเบาๆ : "ไม่แปลกเลย ผีเสื้อนี้แม้จะตัวเล็ก แต่ก็ปราณีตงดงาม"

ไม่ได้เจอกันหนึ่งคืน กลิ่นหอมจากตัวซูชิงลั่วทำให้จิตใจของเขาเริ่มยุ่งเหยิง เขาวางมือลงบนบ่านางเบาๆ มองนางที่อยู่ในกระจก ท่าทางใกล้ชิดสนิทสนม งดงามราวกับคู่กิ่งทองใบหยก

หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้น รู้สึกได้ถึงศีรษะของลู่เหิงจือที่ใกล้นางเข้ามาเรื่อยๆ อีกทั้งมือก็ยังยื่นเข้ามาในคอเสื้อของนาง

ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยสัมผัสโดนผิวหนัง

นางสั่นไหวไปทั้งตัว

เวลานี้จื๋อหยวนเข้ามารายงาน : "นายหญิง ป้าเฉิงมาแล้ว"

ซูชิงลั่วสะดุ้งตกใจ ตั้งใจจะปัดมือของลู่เหิงจือออก แต่กลับถูกลู่เหิงจือกดไว้แน่น

นางกลัวว่าจะเสียงดังเก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 253

    หลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็ออกมาจากห้องลู่เหิงจือเดินเล่นผ่อนคลายอารมณ์ในสวนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วแสงแดดเจิดจ้าและอบอุ่นซูชิงลั่วไม่ได้กลับมานาน ไม่ว่าเดินไปที่ใดก็มีความรู้สึกคุ้นเคยที่แปลกใหม่ลู่เหิงจือกุมมือนาง สิบนิ้วสอดประสานกันแรกเริ่มนางมีท่าทีเขินอายเล็กน้อย แต่นางเปลี่ยนลู่เหิงจือไม่ได้ อีกทั้งยังอยู่ในบ้านของนางเองจึงรู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษและค่อยๆ ชินไปเองบ่าวรับใช้ในสวนน้อยลงไปมากหากเทียบกับตอนเด็ก เมื่อเห็นนางต่างก็อมยิ้มพร้อมขานเรียกนางคุณหนูไม่รู้ว่าคิดไปเองหรืออย่างไร นางรู้สึกว่าบ่าวรับใช้ในจวนตัวเอง เมื่อยิ้มแล้วดูสนิทสนมเป็นกันเองกว่าบ่าวรับใช้ที่บ้านตระกูลลู่ในเมืองหลวงไม่น้อยลู่เหิงจือจูงมือนางค่อยๆ เดินไปยังริมสระในสวน น้ำในสระเป็นน้ำแร่ที่ปล่อยเข้ามาจากนอกเมือง ใสสะอาด สามารถมองเห็นหินที่อยู่ก้นสระได้ลู่เหิงจือพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : "เล่าเรื่องตอนเด็กของเจ้าให้ข้าฟังสิ""เล่าเรื่องใด" นางหันไปมองเขา "ท่านอยากฟังเรื่องใด""เรื่องใดก็ได้" เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ "ตอนเด็กเจ้าชอบไปเล่นที่ใด"ซูชิงลั่วเห็นเรือลำเล็กลำหนึ่งที่อยู่ในสระ พลันนึกถึงเรื่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-17
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 254

    นางลากลู่เหิงจือเบียดเสียดเข้าไปด้วยความตื่นเต้น ปรบมือแสดงความชอบใจ ทั้งยังให้เงินไปไม่น้อยเดินตลอดทั้งเช้าก็ไม่รู้สึกเหนื่อย แค่รู้สึกหิวเล็กน้อยเห็นถังหูลู่ที่ขายอยู่ข้างทาง ซูชิงลั่วจึงหันไปถามลู่เหิงจือ : "ท่านจะกินหรือไม่"ลู่เหิงจือส่ายหน้า : "เจ้าอยากกินหรือ"ซูชิงลั่วพยักหน้าเป็นลูกไก่กำลังจิกข้าวลู่เหิงจือตอบด้วยความอ่อนโยน : "เช่นนั้นข้าจะซื้อให้เจ้า"ไม่นานนัก ซูชิงลั่วก็ถือถังหูลู่หนึ่งไม้ ยิ้มร่าตาหยีด้วยความพึงพอใจลู่เหิงจือใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบน้ำตาลที่มุมปากของนาง พลางมองนาง : "ก็แค่ถังหูลู่ไม้เดียว ดีใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ"ซูชิงลั่วเลิกคิ้ว : "แน่นอน สามีข้าซื้อให้"ผู้คนที่ผ่านไปมา บริเวณรอบๆ ที่คึกคักเสียงดังราวกับล้วนแต่ไปอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกลแล้ว โลกทั้งใบเหลือเพียงเขาสองคนลู่เหิงจือจ้องมองนางอยู่อย่างนั้น ไม่ขยับซูชิงลั่วสัมผัสได้ ก็หันไปจ้องเขาอย่างงงๆ เช่นกัน ผ่านไปสักพักถึงจะเอ่ยถาม : "เหตุใดท่านไม่เดินล่ะ"ลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบ : "ข้ากำลังคิดว่า ต่อไปควรจะซื้อของให้เจ้ามากหน่อย"ซูชิงลั่วยัดถังหูลู่เข้าปากเขา : "รีบไปได้แล้ว ยัง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-17
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 255

    รถม้าหยุดตรงหน้าประตูบ้านตระกูลซูซูชิงลั่วรีบผลักลู่เหิงจือออก พูดด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ : "ถึงเรือนแล้วเจ้าค่ะ"พูดจบก็กระโดดลงรถม้าไปก่อนด้วยความเขินอายหน้าแดง ไม่ยอมรอเขา แล้วตรงดิ่งเข้าไปในห้องทันที แม้แต่จื๋อหยวนที่กางร่มให้ก็ถูกนางทิ้งไว้ด้านหลังกลับถึงห้องล้มตัวลงบนเตียงแล้วซุกหน้าเข้าไปในผ้าห่ม ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่ จู่ๆ ก็ยื่นมือออกมาตีลงไปบนหมอนของลู่เหิงจือไม่ได้ร่วมหอกันนานมากแล้วตั้งแต่ที่เขาได้รับบาดเจ็บ นอกจากที่ใช้มือช่วยเขาครั้งเดียว ยามอื่นทั้งคู่ต่างก็อยู่ในขนบธรรมเนียมตลอด นางเองก็มีความต้องการเช่นกันแต่รออยู่สักพักแล้วลู่เหิงจือก็ยังไม่เข้ามา ซูชิงลั่วเอ่ยถามจื๋อหยวนด้วยความประหลาดใจ : "ใต้เท้าล่ะ ?"จื๋อหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม : "ใต้เท้าเข้าครัวไปแล้ว บอกว่าจะนึ่งซาลาเปาซุปไก่ให้นายหญิง"ใบหน้าเล็กๆ ของซูชิงลั่วแดงขึ้นมาอีกครั้งฟ้าใกล้มืดแล้ว ซูชิงลั่วคิดว่าไม่สู้อาบน้ำเสียก่อนจะดีกว่านางสั่งให้จื๋อหยวนยกน้ำร้อนเข้ามา ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงรู้สึกผิดขึ้นมา คิดว่ายังไม่ได้กินข้าวแล้วอาบน้ำก่อนจะดูแปลกไปหน่อย จึงอธิบายออกมาเองโดยที่ไม่มีผู้ใดถาม : "เดินม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-18
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 256

    ฉะนั้นตั้งแต่นั้นมา ซูชิงลั่วก็ไม่ได้เงยหน้ามองเขาอีกเลย และตั้งใจก้มศีรษะกินข้าวอย่างเดียวหลังจากกินข้าวสร็จ นางก็ไม่กล้าสบตาลู่เหิงจือ และรีบกลับไปในห้องนอน นอนลงบนเตียง ห่มผ้า ครุ่นคิด แล้วดึงม่านเตียงลงด้วยความเขินอายนางกดมือทั้งสองข้างลงบนแก้มของตน - ร้อนผ่าวตลอดเวลา ไม่หยุดเลยทว่าหลังจากรออยู่นาน ลู่เหิงจือก็ยังไม่เข้ามาผ่านไปชั่วครู่ ประตูก็เปิดออกดัง "เอี๊ยด" เขากลับออกจากห้องไป???ซูชิงลั่วเปิดม่านเตียงออกด้วยความไม่เชื่อ เดินออกไป และพบว่าด้านนอกว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลยนางเคาะประตูถามจื๋อหยวนว่า "ใต้เท้าล่ะ"จื๋อหยวนตอบว่า "ใต้เท้าอยู่ที่ห้องหนังสือกับซ่งเหวิน บอกว่ามีจดหมายจากเมืองหลวง มีเรื่องเร่งด่วนเจ้าค่ะ"ซูชิงลั่วพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหม่นหมองที่แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่เคยค้นพบมาก่อน "ก็ได้"นางไปนั่งลงบนเตียงด้วยความเบื่อหน่าย รู้สึกราวกับภรรยาคนหนึ่งที่รอคอยสามีกลับบ้านอย่างใจจดใจจ่อภรรยาตัวน้อยรอคอยอยู่นานแต่ก็ไร้เงาของสามี จึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาลู่เหิงจือเป็นอะไรเนี่ย ทำไมถึงหายตัวไปในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ หรือว่าตั้งใจ?ครึ่งชั่วย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-18
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 257

    อ่อนนุ่มช่างอ่อนนุ่มนิ่มเหลือเกินนางไม่รู้จะหาคำใดมาบรรยายให้เหมาะสมยิ่งกว่านี้รู้สึกราวกับร่วงหล่นจากก้อนเมฆ ลงสู่ผืนน้ำจนหายใจไม่ออกผมที่แห้งชื้นไปด้วยเหงื่อ กลับเปียกชุ่มอีกครั้งนางรู้สึกราวกับเป็นเครื่องลายครามที่ถูกคนผู้หนึ่งจับไว้ในมือ เล่นด้วยความรักใคร่ แกะสลักอย่างประณีต และวาดลวดลายกิ่งก้านดอกไม้ที่สวยงามทว่าเขาเป็นช่างฝีมือที่ดีที่สุด มือที่ผอมเรียวของเขาทั้งเย็นชาและมีเส้นเลือดชัดเจน ดูน่าเกรงขามและเย็นชานักดวงตาก็พลอยคลอไปด้วยน้ำตา นางเงยหน้ามองแสงเทียนสลัว รู้สึกว่าร่างกายของนางราวกับกำลังเต้นระบำตามแสงไฟนั้นลู่เหิงจือมองลงมาที่นางด้วยสีหน้าเย็นชา แต่คำพูดที่เปล่งออกมานั้นกลับทำให้นางใบหน้าแดงก่ำ “ที่ข้าทำกับเจ้าในห้องเช่นนี้ ชอบหรือไม่”ดวงตาที่เปียกชื้นของนางมองเขา นางพูดไม่ออก รู้สึกทั้งไร้เดียงสาและอ้อนวอนลู่เหิงจือหรี่ตาลงเล็กน้อยทันที และดึงผ้าเช็ดหน้ามาปิดดวงตาของนาง โยนพู่กันทิ้ง แล้วบรรเลงจูบหากมองต่อ เขาอาจลงมือไม่ได้และทันใดนั้น สายตาก็ว่างเปล่า มองไม่เห็นอะไรอีกเลย เหลือไว้เพียงความรู้สึก แต่กลับยิ่งทำให้ยากที่จะหยุดยั้งทั้งร้อนแรงและ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-18
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 258

    นางยังไม่ทันตอบ เขาก็พูดกับตัวเองว่า "น่าจะไม่มีหรอก เมื่อวานข้าก็อ่อนโยนอยู่นะ"อ่อนโยนเขายังกล้าพูดว่าอ่อนโยนอีกหรือตกลงเขาเข้าใจความหมายของคำว่าอ่อนโยนหรือไม่ก็แค่ช่วงแรกน่ะนะที่ดูอ่อนโยน พอหลังจากนั้นก็ลากนางไปที่พื้น ถึงแม้จะปูผ้าห่มไว้ก็เถอะ แต่......อันที่จริงแล้ว......ก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายอะไรมากนัก ลู่เหิงจือเก่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วแต่เพื่อภายภาคหน้า นางจะยอมรับเช่นนี้ไม่ได้นางเม้มริมฝีปาก "ข้าปวดเอว"ลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง"ขาก็ปวดด้วย"เสียงของนางฟังดูอ่อนแอลู่เหิงจือเปิดผ้าห่มออก มือของเขาไปแตะที่น่องของนาง "ปวดขาตรงไหน ข้านวดให้"เขาจับน่องของนาง แล้วนวดเบาๆ อย่างช้าๆซูชิงลั่วรู้สึกเขินอายจึงรีบดึงขาของตนกลับ “ไม่เป็นไร ขาข้าไม่เจ็บแล้ว”ลู่เหิงจือจับข้อเท้าของนางไว้ “ถ้าอย่างนั้นเจ็บตรงไหน”ซูชิงลั่วพูดวกไปวนมาและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เรียกคนยกข้าวมาเถิด ข้าหิวแล้ว”ลู่เหิงจือชะงักไปครู่หนึ่ง “เข่า?”“……”นางเตะเขาไปหนึ่งทีลู่เหิงจือดึงปลายขากางเกงของนางขึ้น ก็เห็นเข่าแดงเล็กน้อย โชคดีที่ไม่ได้เป็นแผล“ประเดี๋ยวให้หมอเอายามาติดให้” เสียงของเขามี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-18
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 259

    หากลู่เหิงจือไม่อยากไป เขาย่อมมีวิธีที่จะอยู่ต่อได้อีกมากมาย โดยเฉพาะฮูหยินของเขาที่ใจอ่อนง่ายแต่ด้วยความที่เห็นใจร่างกายของนาง และต้องการให้นางได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เขาก็ยอมให้ภรรยาของเขา“ไล่” ออกไปอย่างง่ายดายเมื่อปิดประตูแล้ว เขานึกถึงท่าทางของซูชิงลั่วเมื่อครู่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ต้องยอมรับว่า เขากำลังหลงใหลในความอ่อนโยนของฮูหยินขณะที่กำลังจะไปห้องหนังสือข้างๆ เขาก็เห็นซ่งเหวินยืนอยู่ห่างๆ อย่างลับๆ ล่อๆ และมองมาทางนี้ไม่หยุดลู่เหิงจืออารมณ์ดี มองไปที่เขาด้วยสายตาที่เป็นมิตร และถามออกไปว่า “มีอะไรหรือ”ซ่งเหวินรีบวิ่งมาหาอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยความระมัดระวังว่า “ใต้เท้า ข้าน้อยเพิ่งเคยมาจินหลิงเป็นครั้งแรก งานวัดยังเหลืออีกไม่กี่วัน ข้าน้อยอยากจะไปร่วมสนุกบ้าง ไม่ทราบว่าจะอนุญาตหรือไม่”ตามที่เขาเข้าใจลู่เหิงจือ วันนี้เป็นวันที่ใต้เท้าเขามีความสุขที่สุดในรอบสิบกว่าปีลู่เหิงจือโบกมือเป็นเชิงอนุญาต “ไปได้ ไปเที่ยวกับฉางชิงและคนอื่นๆ เถอะ ช่วงนี้ไม่มีอะไรต้องทำ ที่จวนก็ไม่ขาดคนรับใช้”ซ่งเหวินตอบด้วยความดีใจ “ขอบคุณใต้เท้ามากขอรับ แต่ว่า…”ลู่เหิงจือ “พูดมาเถอะ”ซ่งเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-19
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 260

    "ให้เจ้าก็รับไว้เถอะ ข้าขาดเงินเสียที่ไหนเล่า"ซูชิงลั่วยิ้มออกมา แล้วนึกถึงคำพูดของลู่เหิงจือ จึงพูดว่า “หากคิดว่าที่บ้านใช้ไม่หมด ก็เก็บไว้ใช้เอง เจ้าถึงวัยแต่งงานแล้ว ควรจะคิดถึงอนาคตของตัวเองบ้าง หากมีคนที่ชอบ ข้าจะช่วยออกหน้าให้ มาบอกข้าได้เลย"จื๋อหยวนใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา “ฮูหยินพูดอะไรเจ้าคะ”นางพูดตะกุกตะกัก “เดิม เดิมทีซ่งเหวินชวนบ่าวไปงานวัด ท่านพูดเช่นนี้ บ่าวไม่กล้าไปแล้วเจ้าค่ะ”แสดงท่าทางเหมือนนางไม่รู้สึกผิดเลย แม้ใบหน้าจะแดงก่ำก็ตามซูชิงลั่วพยายามกลั้นความอยากรู้ไว้ และจงใจหยอกล้อนาง “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไป จะได้ไม่มีใครมาพูดจาให้เสียหาย เจ้าคงไม่กล้าพบซ่งเหวินแล้ว"จื๋อหยวน "......"นางรู้สึกว่า ฮูหยินยของนางน่าจะอยู่กับใต้เท้ามานาน จนไม่ใสซื่อเหมือนแต่ก่อนแล้ว*หลังจากที่ลู่เหิงจือได้รับบาดเจ็บและยื่นเรื่องขอลาป่วยเพื่อพักฟื้น เมืองหลวงก็ดูวุ่นวายขึ้นมาหวังเหลียงฮั่นถูกจับตัวไปสอบสวนที่สามสำนักแห่งเมืองหลวง สุดท้ายโดนลงโทษเพียงถูกเนรเทศไปยังแดนไกล องค์รัชทายาทถูกตำหนิและถูกกักบริเวณเพื่อไตร่ตรองความผิดเป็นเวลาหนึ่งเดือน อำนาจก็ลดลงไปมากฮองเฮาตกอยู่ในสถาน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-19

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status