Share

บทที่ 257

Author: หอมดังเดิม
last update Last Updated: 2024-10-18 18:00:01
อ่อนนุ่ม

ช่างอ่อนนุ่มนิ่มเหลือเกิน

นางไม่รู้จะหาคำใดมาบรรยายให้เหมาะสมยิ่งกว่านี้

รู้สึกราวกับร่วงหล่นจากก้อนเมฆ ลงสู่ผืนน้ำจนหายใจไม่ออก

ผมที่แห้งชื้นไปด้วยเหงื่อ กลับเปียกชุ่มอีกครั้ง

นางรู้สึกราวกับเป็นเครื่องลายครามที่ถูกคนผู้หนึ่งจับไว้ในมือ เล่นด้วยความรักใคร่ แกะสลักอย่างประณีต และวาดลวดลายกิ่งก้านดอกไม้ที่สวยงาม

ทว่าเขาเป็นช่างฝีมือที่ดีที่สุด มือที่ผอมเรียวของเขาทั้งเย็นชาและมีเส้นเลือดชัดเจน ดูน่าเกรงขามและเย็นชานัก

ดวงตาก็พลอยคลอไปด้วยน้ำตา นางเงยหน้ามองแสงเทียนสลัว รู้สึกว่าร่างกายของนางราวกับกำลังเต้นระบำตามแสงไฟนั้น

ลู่เหิงจือมองลงมาที่นางด้วยสีหน้าเย็นชา แต่คำพูดที่เปล่งออกมานั้นกลับทำให้นางใบหน้าแดงก่ำ “ที่ข้าทำกับเจ้าในห้องเช่นนี้ ชอบหรือไม่”

ดวงตาที่เปียกชื้นของนางมองเขา นางพูดไม่ออก รู้สึกทั้งไร้เดียงสาและอ้อนวอน

ลู่เหิงจือหรี่ตาลงเล็กน้อยทันที และดึงผ้าเช็ดหน้ามาปิดดวงตาของนาง โยนพู่กันทิ้ง แล้วบรรเลงจูบ

หากมองต่อ เขาอาจลงมือไม่ได้

และทันใดนั้น สายตาก็ว่างเปล่า มองไม่เห็นอะไรอีกเลย เหลือไว้เพียงความรู้สึก แต่กลับยิ่งทำให้ยากที่จะหยุดยั้ง

ทั้งร้อนแรงและ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 258

    นางยังไม่ทันตอบ เขาก็พูดกับตัวเองว่า "น่าจะไม่มีหรอก เมื่อวานข้าก็อ่อนโยนอยู่นะ"อ่อนโยนเขายังกล้าพูดว่าอ่อนโยนอีกหรือตกลงเขาเข้าใจความหมายของคำว่าอ่อนโยนหรือไม่ก็แค่ช่วงแรกน่ะนะที่ดูอ่อนโยน พอหลังจากนั้นก็ลากนางไปที่พื้น ถึงแม้จะปูผ้าห่มไว้ก็เถอะ แต่......อันที่จริงแล้ว......ก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายอะไรมากนัก ลู่เหิงจือเก่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วแต่เพื่อภายภาคหน้า นางจะยอมรับเช่นนี้ไม่ได้นางเม้มริมฝีปาก "ข้าปวดเอว"ลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง"ขาก็ปวดด้วย"เสียงของนางฟังดูอ่อนแอลู่เหิงจือเปิดผ้าห่มออก มือของเขาไปแตะที่น่องของนาง "ปวดขาตรงไหน ข้านวดให้"เขาจับน่องของนาง แล้วนวดเบาๆ อย่างช้าๆซูชิงลั่วรู้สึกเขินอายจึงรีบดึงขาของตนกลับ “ไม่เป็นไร ขาข้าไม่เจ็บแล้ว”ลู่เหิงจือจับข้อเท้าของนางไว้ “ถ้าอย่างนั้นเจ็บตรงไหน”ซูชิงลั่วพูดวกไปวนมาและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เรียกคนยกข้าวมาเถิด ข้าหิวแล้ว”ลู่เหิงจือชะงักไปครู่หนึ่ง “เข่า?”“……”นางเตะเขาไปหนึ่งทีลู่เหิงจือดึงปลายขากางเกงของนางขึ้น ก็เห็นเข่าแดงเล็กน้อย โชคดีที่ไม่ได้เป็นแผล“ประเดี๋ยวให้หมอเอายามาติดให้” เสียงของเขามี

    Last Updated : 2024-10-18
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 259

    หากลู่เหิงจือไม่อยากไป เขาย่อมมีวิธีที่จะอยู่ต่อได้อีกมากมาย โดยเฉพาะฮูหยินของเขาที่ใจอ่อนง่ายแต่ด้วยความที่เห็นใจร่างกายของนาง และต้องการให้นางได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เขาก็ยอมให้ภรรยาของเขา“ไล่” ออกไปอย่างง่ายดายเมื่อปิดประตูแล้ว เขานึกถึงท่าทางของซูชิงลั่วเมื่อครู่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ต้องยอมรับว่า เขากำลังหลงใหลในความอ่อนโยนของฮูหยินขณะที่กำลังจะไปห้องหนังสือข้างๆ เขาก็เห็นซ่งเหวินยืนอยู่ห่างๆ อย่างลับๆ ล่อๆ และมองมาทางนี้ไม่หยุดลู่เหิงจืออารมณ์ดี มองไปที่เขาด้วยสายตาที่เป็นมิตร และถามออกไปว่า “มีอะไรหรือ”ซ่งเหวินรีบวิ่งมาหาอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยความระมัดระวังว่า “ใต้เท้า ข้าน้อยเพิ่งเคยมาจินหลิงเป็นครั้งแรก งานวัดยังเหลืออีกไม่กี่วัน ข้าน้อยอยากจะไปร่วมสนุกบ้าง ไม่ทราบว่าจะอนุญาตหรือไม่”ตามที่เขาเข้าใจลู่เหิงจือ วันนี้เป็นวันที่ใต้เท้าเขามีความสุขที่สุดในรอบสิบกว่าปีลู่เหิงจือโบกมือเป็นเชิงอนุญาต “ไปได้ ไปเที่ยวกับฉางชิงและคนอื่นๆ เถอะ ช่วงนี้ไม่มีอะไรต้องทำ ที่จวนก็ไม่ขาดคนรับใช้”ซ่งเหวินตอบด้วยความดีใจ “ขอบคุณใต้เท้ามากขอรับ แต่ว่า…”ลู่เหิงจือ “พูดมาเถอะ”ซ่งเ

    Last Updated : 2024-10-19
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 260

    "ให้เจ้าก็รับไว้เถอะ ข้าขาดเงินเสียที่ไหนเล่า"ซูชิงลั่วยิ้มออกมา แล้วนึกถึงคำพูดของลู่เหิงจือ จึงพูดว่า “หากคิดว่าที่บ้านใช้ไม่หมด ก็เก็บไว้ใช้เอง เจ้าถึงวัยแต่งงานแล้ว ควรจะคิดถึงอนาคตของตัวเองบ้าง หากมีคนที่ชอบ ข้าจะช่วยออกหน้าให้ มาบอกข้าได้เลย"จื๋อหยวนใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา “ฮูหยินพูดอะไรเจ้าคะ”นางพูดตะกุกตะกัก “เดิม เดิมทีซ่งเหวินชวนบ่าวไปงานวัด ท่านพูดเช่นนี้ บ่าวไม่กล้าไปแล้วเจ้าค่ะ”แสดงท่าทางเหมือนนางไม่รู้สึกผิดเลย แม้ใบหน้าจะแดงก่ำก็ตามซูชิงลั่วพยายามกลั้นความอยากรู้ไว้ และจงใจหยอกล้อนาง “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไป จะได้ไม่มีใครมาพูดจาให้เสียหาย เจ้าคงไม่กล้าพบซ่งเหวินแล้ว"จื๋อหยวน "......"นางรู้สึกว่า ฮูหยินยของนางน่าจะอยู่กับใต้เท้ามานาน จนไม่ใสซื่อเหมือนแต่ก่อนแล้ว*หลังจากที่ลู่เหิงจือได้รับบาดเจ็บและยื่นเรื่องขอลาป่วยเพื่อพักฟื้น เมืองหลวงก็ดูวุ่นวายขึ้นมาหวังเหลียงฮั่นถูกจับตัวไปสอบสวนที่สามสำนักแห่งเมืองหลวง สุดท้ายโดนลงโทษเพียงถูกเนรเทศไปยังแดนไกล องค์รัชทายาทถูกตำหนิและถูกกักบริเวณเพื่อไตร่ตรองความผิดเป็นเวลาหนึ่งเดือน อำนาจก็ลดลงไปมากฮองเฮาตกอยู่ในสถาน

    Last Updated : 2024-10-19
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 261

    ลู่เหิงจือพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ซูชิงลั่วกลับรับรู้ได้ถึงความหมายแฝงว่า “เขาน่าสงสาร” ในน้ำเสียงเรียบเฉยของเขาซูชิงลั่วเม้มริมฝีปาก มองเขาครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยความลังเลว่า “ถ้าอย่างนั้นข้า......ป้อนให้ท่านหนึ่งลูก?"ลู่เหิงจือพยักหน้าซูชิงลั่วมีปลายนิ้วเรียวเล็กขาวเนียน ราวกับแกนในสุดของหอมหัวใหญ่ที่ปอกเปลือกออกทีละชั้นจนถึงชั้นที่อ่อนนุ่มที่สุดเม็ดองุ่นสีเขียวมรกตวางอยู่บนปลายนิ้วของนางราวกับไข่มุกแวววาวซูชิงลั่วส่งองุ่นในมือให้ลู่เหิงจือที่ริมฝีปาก มองเขาด้วยดวงตาสดใสลู่เหิงจือฉายแววสีเข้มในดวงตาเล็กน้อยแล้วอ้าปากเม็ดองุ่นนั้นส่ายไปมาอย่างรวดเร็วตรงหน้าเขา ก่อนที่ซูชิงลั่วจะเอาเข้าปากของตัวเองซูชิงลั่วมองเขาอย่างได้ใจ กินองุ่นอย่างเอร็ดอร่อย แล้วเปล่งเสียง "อืม" ลากยาวออกมาแววตาของนางนั้นชัดเจนว่าหมายถึง "ไม่ให้เจ้าหรอก"หลังจากกินเสร็จ นางก็เช็ดมือ แล้วลุกขึ้นยืนและพูดว่า "โดนหลอกมาหลายเดือนแล้ว คราวนี้ข้าจะไม่หลงกลอีกแล้ว"ในช่วงหลายเดือนที่อยู่กับเขา ณ จินหลิง ทำให้นางเข้าใจถึงความเจ้าเล่ห์ของเขามากขึ้นลู่เหิงจือ "......"ไม่ค่อยดีเลย ฮูหยินของเขายิ่งหลอ

    Last Updated : 2024-10-19
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 262

    หลังจากกินข้าวเสร็จ ซูชิงลั่วสั่งให้ทุกคนช่วยกันเก็บของ และในขณะนั้นเอง นางก็ได้รับจดหมายจากท่านยายที่ส่งมาจากเมืองหลวงนางเขียนจดหมายถึงท่านยายทุกเดือนตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เดือนนี้ท่านยายเพิ่งตอบกลับมาเอง เหตุใดจึงส่งมาอีกฉบับนางเปิดอ่านแล้วสีหน้าค่อยๆ เคร่งขรึม“เพราะเหตุใด?”ลู่เหิงจือเก็บของเสร็จเดินเข้ามาเห็นสีหน้านางไม่สู้ดี จึงเดินไปหานางซูชิงลั่วส่งจดหมายให้เขา “บิดาของนางหลิ่วกลับเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง ได้รับแต่งตั้งเป็นเสนาบดีกรมธรรมการ และได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทอย่างมาก ท่านยายบอกว่าทั้งเขาและองค์รัชทายาทที่อยู่เบื้องหลังเขาได้สอบถามเรื่องของนางหลิ่ว คงจำเป็นต้องรับนางหลิ่วกลับจากชนบทแล้ว”อีกทั้งในจดหมายยังกล่าวอีกว่า ลู่เหยียนได้ตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกับเฉิงซิ่ว บุตรีของเสนาบดีกรมคลัง ซึ่งเป็นฝ่ายตระกูลเฉิงที่เข้ามาสู่ขอเองก่อนหน้านี้ในงานชมดอกไม้ เฉิงซิ่วก็แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความรู้สึกดีที่มีต่อลู่เหยียน และเมื่อบิดาของนางหลิ่วกลับมามีอำนาจอีกครั้ง การที่นางจะลดตัวลงมาสู่ขอจึงถือเป็นเรื่องปกติก่อนหน้านี้ นางกับนางหลิ่วเคยทะเลาะกันอย่างรุนแรง และเฉิงซิ่วก็แส

    Last Updated : 2024-10-19
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 263

    ซูชิงลั่วพยายามผลักเขาออก และกระซิบว่า "มีคนอื่นอยู่ด้วย......"จื๋อหยวนกับคนอื่นๆ กำลังเก็บของอยู่ด้านนอกและอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อลู่เหิงจือกัดริมฝีปากของนางเบาๆ แล้วค่อยๆ ปล่อยนางไปหัวใจที่เต้นรัวของนางเพิ่งสงบลง แต่ในทันใดนั้นเขาก็อุ้มนางขึ้นและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว"ท่านจะทำอะไร" นางพยายามดิ้นรน แต่ก็มาถึงห้องโถงแล้ว เห็นสาวใช้หลายคนกำลังยุ่งอยู่ นางจึงรีบซบหน้าลงบนอกของลู่เหิงจือลู่เหิงจืออุ้มนางไปที่ห้องหนังสือและปิดประตูเสียงดังห้องหนังสือเหลือเพียงพวกเขาสองคนซูชิงลั่วโอบคอของเขาไว้และร้องเสียงหลงเบาๆ ว่า "ท่านบ้าไปแล้วหรือ"เขาเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับอุ้มนางไว้โดยไม่พูดอะไร และวางนางลงบนเก้าอี้ในห้องหนังสือด้วยสายตาที่นิ่งเฉย เขาเอื้อมมือไปดึงผ้าคาดเอวของนางออกแล้วดึงเสื้อผ้าของนางออกไหล่เปลือยของนางขาวซีดและบอบบาง ดูเหมือนจะหักได้โดยง่ายเขาก้มลงจูบนางซูชิงลั่วรู้สึกคันเล็กน้อยที่บริเวณไหล่และอดไม่ได้ที่จะหดตัวลงลมฤดูใบไม้ร่วงพัดโชยเข้ามาทางหน้าต่าง พัดมาโดนไหล่จนรู้สึกเย็นเยือก ซึ่งหน้าต่างยังไม่ได้ปิดเลยด้วยซ้ำซูชิงลั่วพยายามสลัดตัว “หน้าต่าง......”ลู

    Last Updated : 2024-10-20
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 264

    ซูชิงลั่วแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยิน กอดไหล่ราวกับกวางน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ "ท่านยังบอกอีกว่าจะปฏิบัติต่อข้าด้วยความสุภาพ คนโกหก"ลู่เหิงจือเข้าไปใกล้ ยกมือลูบไหล่นางแล้วดึงนางเข้าไปในอ้อมกอด "ไม่ได้โกหกเจ้า"พูดจบ เขาก็เหมือนรู้สึกว่าไม่อาจโน้มน้าวใจได้ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อว่า "ข้าหมายถึงสุภาพแบบโจวกงน่ะ"ซูชิงลั่ว "???"เถียงไม่ชนะ นางเป็นฝ่ายแพ้ทว่าค่ำคืนก่อนจะเดินทางไปเมืองหลวง ทำให้ทั้งสองคนประทับใจไม่ลืม*วันที่สิบเดือนเก้า เหมาะแก่การเดินทางไกลข้างประตูเรือนของตระกูลซู มีเหล่าผู้รับใช้ยืนเรียงเป็นสองแถว มองตามหลังซูชิงลั่วคู่บ่าวสาวด้วยความอาลัยอาวรณ์โดยเฉพาะผู้ดูแลถานถึงกับใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาเขาอายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบกับคุณหนูอีกหรือไม่ซูชิงลั่วมองผู้ดูแลถานและโค้งคำนับให้กับเขา“อาถาน ชิงลั่วขอคารวะท่าน หลายปีมานี้ขอบคุณท่านมาก”“คุณหนูอย่าทำเช่นนี้เลย” ผู้ดูแลถานพูดพลางกลั้นน้ำตา “เห็นใต้เท้าดูแลคุณหนูดีมาก ข้าก็สบายใจแล้ว แม้จะจากโลกนี้ไปก็จะได้ไปรายงานนายท่านได้แล้ว”“ท่านพูดอะไรเช่นนั้น” หัวใจของซูชิงลั่วรู้สึกเจ็บปวด นางไม่อยากพูดอะไรอีก จึง

    Last Updated : 2024-10-20
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 265

    กระทั่งกินอาหารเสร็จแล้วกลับเข้าห้อง ซูชิงลั่วถึงถามลู่เหิงจือว่า เหตุใดถึงมองสาวผู้นั้นแม่นางผู้นั้นก็สวยดี แต่ก็ไม่ได้สวยถึงขั้นทำให้ละสายตาไม่ได้เขาคงต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างลู่เหิงจือโอบนางไว้ คิดครุ่นอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ดวงตาและคิ้วของนางดูคล้ายน้องสาวที่หายไปเมื่อเก้าปีก่อนของข้า แต่เสียดายที่ตำแหน่งของไฝใต้ตาไม่ตรงกัน น้องสาวข้ามีไฝที่ใต้ตาข้างซ้าย”ซูชิงลั่วชะงักไป “ท่านหมายความว่า ท่านยังมีน้องสาวอีกหนึ่งคน น้องสาวแท้ๆ รึ”ลู่เหิงจือพยักหน้าช้าๆ น้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา “น้องสาวแท้ๆ ข้าไม่มีนิสัยชอบรับใครเป็นน้องสาวหรือพี่ชายบุญธรรม”“……”หลี่ว์เผิงเทียนกลับหังโจวแล้ว ยังจะมาหึงหวงเช่นนี้อีกซูชิงลั่วรู้สึกผิดจึงหลบสายตา “ข้าไม่รู้เรื่องเลย ท่านเล่าให้ฟังหน่อยได้หรือไม่”นางออดอ้อนด้วยการจับแขนเสื้อเขาลู่เหิงจือยิ้มเยาะเบาๆเขาไม่ได้หึงหวงต่อ ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “น้องสาวของข้าชื่อลู่ซือไหว อายุน้อยกว่าข้าห้าปี หากยังอยู่ก็คงอายุสิบแปดแล้ว นางหายตัวไปขณะอายุเจ็บขวบ ปีนั้นพ่อแม่ของข้าเสียชีวิตไล่เลี่ยกัน บ้านก็วุ่นวายไปหมด เป็นความผิดของข้า

    Last Updated : 2024-10-20

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status